คีตะ
เมื่อเช้าเธอเดินชนผมเมื่อเช้า แต่ตอนนี้เธอกลับมาถามผมว่าเคยเจอกันมาก่อนคืออะไรวะ สมองเสื่อมใช่มั้ยถึงได้ถามผมแบบนี้ให้ตายเถอะ นอกจากผมจะอารมณ์เสียกับไอ้จอมพลแล้วผมยังมาอารมณ์เสียกับคนที่ยืนตรงหน้าผมอีก
"ขอโทษค่ะที่เสียมารยาท ทานขนมให้อร่อยนะคะ"เธอรีบบอกผมก่อนจะเลื่อนจานขนมให้ผม
"เดี๋ยว"
"คะ...คุณเรียกฉันหรอคะ"ผมหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจ
"ขนมนี่ที่ร้านทำเองหรอครับ"ผมถามเพราะขนมที่อยู่ตรงหน้าผมมันเป็นขนมที่ผมชอบกินไง
"ขนมอันนี้ฉันทำเองค่ะ และที่ร้านไม่ได้มีขาย"เธอบอกผมก่อนจะยิ้มให้
ทำเองอย่างนั้นหรออายุน่าจะรุ่นเดียวกับจอมพลไม่น่าเชื่อว่าจะทำขนมไทยโบราณแบบนี้เป็น ผมหยิบขนมขึ้นมาก่อนจะชิมและรสชาติมันเป็นรสชาติเดียวกันกับที่ผมกินเมื่อวาน
"ทำเอง"ผมถาม
"ใช่ค่ะขนมพระพายฉันทำเอง ส่วนอย่างอื่นคุณยายฉันเป็นคนทำค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ"
เธอพูดเสร็จก็เดินลงไปชั้นล่างโดยที่ไม่รอให้ผมถามต่อ ผู้หญิงของไอ้จอมพลสินะถ้าผมเดาไม่ผิด หลังจากที่กินขนมหมดผมก็เดินลงมาด้านล่างเพราะตอนนี้จะบ่ายสองแล้ว
"ขอบคุณสำหรับขนม อร่อยมากครับ"ผมเดินมาบอกเจ้าของร้าน
"มีแค่วันนี้แหละค่ะ เพราะคนทำไม่ค่อยได้มา"พี่เจ้าของร้านบอกพรางชี้ไปที่เธอ
"เธอเป็นลูกจ้างของที่ร้านหรอครับ"
"พอดีวันนี้น้องว่างก็เลยแวะมาหา พี่ก็เลยให้ช่วยงานสะเลย แต่ถ้าคุณจะถามเรื่องขนม ถามน้องได้เลยนะคะเพราะคุณยายของน้องทำขนมไทยอร่อยมาก"พี่เจ้าของร้านพูดแล้วยิ้มให้ผม
"มีเบอร์มั้ยครับพอดีผมชอบทาน"ผมถามไป
"ขอเจ้าตัวเลยดีกว่าค่ะ"
"จะกลับแล้วหรอคะ ขนมอร่อยมั้ยคะ"เธอถามแล้วยิ้มให้ผม
"ถ้าผมจะสั่งต้องทำยังไง"
"ขอโทษนะคะพอดีฉันไม่ได้ทำขาย แต่ถ้าคุณอยากกินเดี๋ยวฉันทำแล้วมาฝากไว้กับพี่เอินได้ค่ะ เดี๋ยวคุณให้เบอร์พี่เอินไว้"เธอบอกผมจนพี่เจ้าของร้านมองหน้าอย่างงงๆ
"ผมขอเบอร์คุณเลยแล้วกัน"ผมบอกไปตามตรง
"จะฝากไว้แล้วถ้าคุณเขาไม่ว่างล่ะเอสเทล"
เอสเทล เธอชื่อเอสเทลอย่างนั้นหรอชื่อแปลกดี และอย่าคิดว่าผมจะชอบเธอนะที่ผมขอเบอร์ก็เพราะเรื่องขนมเท่านั้นแหละ
"ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไรครับ งั้นผมยืมมือถือของคุณหน่อย"ผมบอกเธอ
"นี่ค่ะ"
หึ...ยัยเด็กโง่ ผมกดเบอร์โทรออกก่อนบันทึกเบอร์ตัวเองลงในเครื่องของเธอแล้วคืนให้ และคิดว่าคนอย่างผมโง่มากสินะแต่เปล่าเลยเพราะคนที่โง่คือเธอไม่ใช่ผม
"ถ้าวันไหนฉันทำขนม ฉันจะโทรบอกคุณนะคะ"เธอบอกแล้วยิ้มให้ผม
"กลับบ้านได้แล้วนะเอสเดี๋ยวคุณยายจะเป็นห่วง เดี๋ยวพี่ให้คนที่ร้านไปส่ง"พี่เจ้าของหันไปบอกเธอที่ยืนยิ้มอยู่
"ไม่เป็นไรค่ะ เอสเดินกลับแค่นี้เอง"
"ถ้าถึงบ้านโทรบอกพี่ด้วยเข้าใจมั้ย ไม่ต้องแวะช่วยใครเข้าใจหรือเปล่ากลับบ้านก็คือกลับบ้าน"ผมมองหน้าพี่เจ้าของร้านที่พูดเสียงดุ
ดูท่าเด็กคนนี้จะซื่อมาก เพราะไม่อย่างนั้นพี่เจ้าของร้านจะไม่พูดย้ำขนาดนี้ แต่มันจะมีคนซื่อขนาดนั้นด้วยหรอวะ
"เดี๋ยวเอสจะเดินตรงอย่างเดียวไม่แวะตรงไหนเลยค่ะ ถึงบ้านเอสจะโทรบอกพี่เอินทันทีค่ะ"
ตอนนี้ผมกำลังขับรถตามยัยเด็กโง่ที่เดินกลับบ้าน คือแม่งเดินตรงอย่างเดียวจริงๆ ไม่แวะซ้ายแวะขวาเลยคนอะไรมันจะซื่อได้ขนาดนี้กัน
"ยัยซื่อบื้อ"
ผมจอดรถเมื่อเห็นยัยเด็กนี่หยุดเดินอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งก่อนที่เธอจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรหาใครสักคน หลังจากที่ยัยเด็กโง่เดินเข้าบ้านผมเองก็ขับรถออกมาทันที
.
.
"ไปไหนมาครับคุณคีตะ"ทันทีที่ผมเดินเข้าบ้านเสียงของไอ้น้องเวรก็ดังเข้าหูผมทันที
"กูต้องรายงานมึงด้วยหรือไง"ผมถาม
"อ่ะขนม"มันยื่นถุงขนมให้ผม
"ขอบใจ แต่กูกินมาแล้ว"ผมบอกแล้วยกยิ้มให้มัน
"กินมาจากไหน"
"จากผู้หญิงที่มึงเบลอภาพแล้วส่งให้กูไง ชื่ออะไรนะเอสเทลหรือเปล่า"ผมถามไอ้จอมพล
"อย่ายุ่งกับเธอ เพราะเธอซื่อเกินกว่าจะรู้จักพี่"ไอ้จอมพลรีบบอก และสีหน้าของมันเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้จนผมรู้สึกได้
"กูเป็นคนไม่ดีหรือไงมึงถึงได้ห้าม"ผมถามมันไป
"เอสเทลเป็นผู้หญิงที่ซื่อมาก ทุกอย่างบนโลกใบนี้คือดีหมดจนผมไม่รู้ว่าเวลาเอสเทลเจอเรื่องไม่ดีเธอจะรับมือมันยังไง ผู้หญิงที่แม่เสียไปตั้งแต่สองขวบพ่อทิ้งตั้งแต่ยังไม่เกิดและอยู่กับยายสองคนมาตลอด คนที่ยิ้มตลอดเวลาแม้โดนด่าโดนแกล้งพี่คิดว่ายังไง"ไอ้จอมพลพูดยาวเหยียด
"ที่มึงพูดมาคือมึงจะบอกกูว่ามึงชอบเธอ และไม่ให้กูเข้าใกล้เธอ"ผมถามน้องไปตามตรง
"ใครอยู่ใกล้เอสเทลก็ชอบเธอหมดแหละ ผมแค่เป็นห่วงเพื่อนผมถึงได้คอยดูแลเอสเทลมากกว่าเพื่อนคนอื่น"
มันคิดว่าผมโง่มากหรือไงกับคำตอบที่มันตอบผม เป็นห่วงเพื่อนไอ้เวรแต่สายตาและน้ำเสียงในการพูดนี่มันไม่ใช่เลย
"จะชอบไม่ชอบก็เรื่องของมึง ส่วนเรื่องของกูก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกูนะน้องรัก"ผมบอกก่อนจะเดินขึ้นห้อง
"คนที่ทำให้คุณคีตะใจเต้นแรงสินะถึงได้พูดแบบนี้"
ไอ้จอมพลพูดไล่หลังผมคนที่ทำให้ผมใจเต้นแรงหรอ เธอไม่มีอะไรที่เหมือนแม่ผมเลยสักนิดแค่ซื่อบื้อก็ไม่เหมือนแล้ว
เอสเทล
"เคยเจอคุณเขาที่ไหนกันนะ เอสเทลทำไมแกถึงได้ขี้ลืมขนาดนี้"
ตอนนี้ฉันกำลังเดินวนรอบบ้านและนึกถึงใบหน้ากับน้ำเสียงของผู้ชายคนที่อยู่ร้านกาแฟแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
"เป็นอะไรเอสเทลถึงได้เดินวนไปวนมาแบบนี้ลูก"ยายฉันเอ่ยถาม
"เอสจำคนๆ นึงไม่ได้ค่ะ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก"ฉันบอกยายไป
"ก็ไม่ต้องคิดสิลูก ยายว่าเอาเวลาไปเตรียมตัวที่จะเปิดเทอมอาทิตย์หน้าดีกว่ามั้ย"ยายบอก
จริงสิอาทิตย์หน้าฉันก็เปิดเทอมแล้ว อยากจะบอกว่าตื่นเต้นมากที่จะได้เข้ามหาลัยและเจอเพื่อนใหม่ ที่จริงฉันเตรียมของทุกอย่างไว้หมดแล้ว ฉันเลือกเรียนบริหารเหมือนกับเพื่อนฉันอีกสองคนและจอมพลเองก็เรียนเหมือนกัน
ครืด ครืด
ฉันมองมือถือตัวเองที่ดังอยู่บนโต๊ะ ทำไมฉันถึงไม่คุ้นชื่อที่โชว์อยู่เลยล่ะฉันรู้จักกับคนที่โทรมาตอนไหนกัน
"คีตะ"ฉันพูดเสียงเบาก่อนจะกดรับสาย
"สวัสดีค่ะเอสเทลพูดค่ะ"
(ฉันรู้แล้ว)
"ฉันไม่รู้จักคุณนะคะแต่ทำไมมือถือของฉันถึงได้มีชื่อคุณ แล้วคุณโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"
(ไม่มีแค่อยากโทร และเรารู้จักกันแล้วนะคุณจำไม่ได้หรือไง)
สะ..เสียงนี้อีกนี่มันเสียงของพี่ชายจอมพลและลูกค้าที่ร้านกาแฟที่ฉันเจอนี่
"พี่ชายจอมพลและลูกค้าที่ร้านกาแฟใช่มั้ยคะ"ฉันรีบถามเพราะเสียงมันเหมือนที่ฉันเคยได้ยิน
(อืม...)
"คุณโทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าจะโทรมาถามเรื่องขนมฉันอาจจะทำอีกทีเดือนหน้าเลยค่ะ เพราะอาทิตย์หน้าฉันเปิดเทอมแล้ว จะทำได้ก็ช่วงวันหยุดและฉันว่างจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ"
(ถ้าอย่างนั้นก็ไว้เจอกัน)
"คะ...คุณคะเจอกันที่ไหน"
อะไรของเขาเนี่ยไว้เจอกันแล้วให้เจอที่ไหนล่ะ คิดอยากจะโทรก็โทรคิดอยากจะวางก็วางฉันมองชื่อของเขา.....พี่ชายของจอมพลใช่แล้วฉันจำเสียงของเขาได้แล้ว
"คุยกับใครอยู่เอสเทล"
"พี่ชายของจอมพลค่ะ คนที่เอสบอกยายก่อนหน้านี้เขาเป็นพี่ชายของจอมพลค่ะ"ฉันบอกยายไป
"ดีใจกว่าเจอหน้าจอมพลอีกนะเรา"ยายบอกก่อนจะยิ้มให้ฉัน
"ก็เอสพึjงจำได้นี่คะ"
ติ้ง!
Kita : พรุ่งนี้ไปร้านกาแฟอีกหรือเปล่า
ฉันมองข้อความที่ถูกส่งมาจากคนที่วางสายไปเมื่อกี้ พรุ่งนี้ไปร้านกาแฟมั้ยฉันจะไปไม่ไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ ฉันรีบโทรหาคุณเขาทันที
(ว่าไง)
"พรุ่งนี้ทำไมฉันต้องไปร้านพี่เอินด้วยคะ"
(แล้วจะไปไม่ไป)
"คุณก็บอกมาสิคะว่าทำไมฉันต้องไปด้วย"
(ฉันอยากเจอเธอ ว่าไงจะไปหรือไม่ไป)
"ถ้าอยากเจอฉันไปก็ได้ค่ะ"
คีตะ"พ่อไม่เคยเห็นแกยิ้มแบบนี้เลยนะคีตะ"พ่อผมถาม"ก็แค่แกล้งคนแล้วมันสนุกดีเท่านั้นเองครับ"ผมบอกไปผมโทรหายัยเด็กซื่อบื้อและที่ผมถาม ผมก็แค่อยากลองใจเธอดูว่าเธอซื่อจริงเหมือนที่ไอ้จอมพลบอกผมหรือเปล่า ถามว่าผมเชื่อมั้ยไม่รู้สิผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่เท่าที่ผมเห็นยัยเด็กนี่ไม่น่าเกิดมาเลย"พ่อชักอยากจะเห็นหน้าคนที่แกกำลังแกล้งแล้วสิ"พ่อผมถามก่อนจะมองหน้าอย่างจับผิด"งั้นๆ ครับ""ไม่งั้นแล้วมั้งพ่อว่า คนนั้นต้องมีอะไรพิเศษแน่ ถึงทำให้คนอย่างคีตะยิ้มได้แบบนี้"เนี่ยแล้วพ่อก็เป็นสะแบบนี้อ่ะ"เพื่อนของจอมพลครับ"ผมบอกไปตามตรง"อย่าให้มันมากเกินไปเพราะยังไงน้องก็เป็นผู้หญิง แกล้งไปแกล้งมาระวังจะตกหลุมรักน้องเข้าล่ะ"ตกหลุมรักยัยเด็กซื่อบื้อเนี่ยนะฝันไปเถอะ"เธอไม่มีอะไรที่เหมือนแม่เลยสักนิด"ผมบอกไป"ไม่มีใครเหมือนกันหมดหรอกนะคีตะ ทุกคนมีข้อดีข้อเสียกันทั้งนั้น ถ้าแกตั้งสเปคผู้หญิงที่จะเข้ามาว่าต้องเหมือนแม่ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเวลาแม่โกรธมันน่ากลัวขนาดไหน"พ่อผมถามพรางชี้ไปในครัวผมไม่รู้หรอกนะว่าเวลาแม่โกรธเป็นยังไง เพราะคุณน้อยหน่าที่ผมเห็นคือเป็นผู้หญิงที่มีแต่รอยยิ้มแสนดีแถมยังฉลาดซึ่งต
คีตะ"หายโกรธหรือยัง"ผมถามคนที่ยืนยิ้มอยู่ คือแม่งนอกจากซื่อบื้อแล้วยังต่อปากต่อคำเก่งอีก มีอย่างที่ไหนบอกวิธีง้อตัวเองให้คนอื่นรู้ เพราะแบบนี้สินะเธอถึงได้ไม่เคยโกรธคนอื่นเลย"หายแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ"เธอบอกผม"จะไปไหนไปขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง"ผมรีบจับสายเป้ก่อนจะลากเธอมานั่งที่รถ"ขอบคุณค่ะที่จะไปส่ง ว่าแต่คุณคีตะผิดนัดทำไมคะ ถ้าไม่ว่างก็ควรจะโทรบอกฉันหน่อยก็ได้เบอร์ฉันคุณคีตะก็มี"นี่ถ้าผมตอบไปคิดว่ายัยเด็กนี่จะทำยังทำขนมให้ผมกินมั้ยวะ"ขอโทษ พอดีเล่นเกมส์เพลินไปหน่อย"ผมบอกไป"ไม่เป็นไรค่ะ คุณคีตะง้อฉันแล้วฉันไม่โกรธแล้วค่ะ ส่วนขนมฉันจะทำให้กินนะคะ"ผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะว่าเธอไม่น่าเกิดมาเลยอ่ะคือคนอะไรแม่งซื่อเกิน มิน่าไอ้จอมพลถึงได้หวงนักหวงหนา"วันหยุดค่อยทำ พรุ่งนี้ต้องทำกิจกรรมอีก"ผมบอกไป"ก็ได้ค่ะ ถ้าทำเสร็จเดี๋ยวฉันโทรบอกนะคะ"หลังจากนั้นผมก็ขับรถมาส่งยัยเด็กซื่อบื้อ และตลอดทางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็เอาแต่มองออกนอกรถแล้วยิ้ม ผมล่ะอยากรู้จริงๆ เลยว่าเธอเคยโมโหหรือโกรธใครเป็นบ้างหรือเปล่า"ถามจริงนะ เคยโกรธหรือโมโหใครคนเป็นมั้ย"ผมถาม"เคยค่ะโกรธและโมโหมากเลยจนอ
คีตะให้ตายเถอะแม่ง นี่ถ้าผมไม่เจอเพื่อนรักของยัยเด็กซื่อบื้อเที่ยงคืนเธอก็คงไม่ได้กลับบ้านหรอก และผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะเอาเอกสารอะไรไปให้อาจารย์ในเมื่อเธอยังไม่ได้เข้าเรียนเลยสักคาบ"เอสเทลไปทำอะไรที่ตึกห้าวะ อีกไม่ถึงสิบนาทีประตูก็จะปิดแล้ว"ไอ้หมอกหันมาบอกผม(อยู่ตรงนั้นเดี๋ยวฉันไปหา ห้ามเดินไปไหนเด็ดขาด) ผมพูดเสียงดุก่อนจะวิ่งไปที่อาคาร"ดะ..ได้ค่ะ แต่ตอนนี้ไฟกำลังดับจะหมดแล้วนะคะ"(อย่าวางสายเข้าใจมั้ย)"ชั้นไหนวะ ตึกห้าแม่งใหญ่จะตายห่า"ไอ้คิมถามผม"เป็นห่วงเป็นใย"ไอ้หมอกเอ่ยแซวผม"ปกติไอ้จอมพลไม่ค่อยปล่อยน้องมัน แล้ววันนี้มันไปไหน""ไปรับเจ้าขา"ผมบอกเพื่อนไปผมกับเพื่อนรีบวิ่งมาที่ตึกห้าก่อนจะแยกย้ายกันไปตามหา ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ชั้นไหน อย่าให้เจอนะจะด่าให้หายโง่เลยคอยดู(อยู่ตรงไหน) ผมถามคนที่อยู่ในสาย"ชั้นที่ห้าค่ะ"(กลัวมั้ย)"กลัวค่ะ คุณคีตะรีบมานะ"ผมวิ่งขึ้นมาชั้นที่ห้าก่อนจะมองหายัยเด็ดซื่อบื้อ ชั้นที่ห้าของเธอมันอยู่ฝั่งไหนของอาคารวะแม่ง"ฉันอยู่ชั้นที่ห้า เดินออกมาได้แล้ว"ผมบอกไปแต่เหมือนว่าจะไม่มีเสียงตอบรับจากเธอ ผมมองมือถือตัวเองที่ตอนนี้สายหลุดไปแล้ว ให้ม
เอสเทล'ก็เธอไง' ฉันนั่งคิดคำพูดของคุณคีตะตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้ฉันก็ยังสงสัยอยู่เลย เธอไหนแล้วเธอคือใครกันเนี่ย และรู้มั้ยว่าตั้งแต่เมื่อคืนที่คุณคีตะพูดจบหลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง พอส่งฉันเสร็จคุณคีตะก็ขับรถออกไปเลย ฉันโทรหาก็ไม่รับสายด้วย โกรธคนอื่นแล้วมาลงกับฉันมันใช่หรอเนี่ย.."ต่อไปเราคงปล่อยเอสอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว"องศาพูดเสียงดุ"นั่นดินี่มาเรียนแค่ไม่กี่วันยังโดนแกล้ง อยากจะรู้จริงๆ เลยว่าเอสไปทำอะไรให้ถึงได้ถูกแกล้งอยู่คนเดียว"ตังเมกับองศาพูดพลางจ้องหน้าฉัน ฉันโดนพี่มายแกล้งอย่างนั้นหรอ แล้วพี่เขาจะแกล้งฉันไปเพื่ออะไรกันในเมื่อเราก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว"นี่ถ้าพี่คีตะไม่ถามหาเอสเมื่อวานนะ ป่านนี้เอสยังไม่ได้ออกจากตึกเลยเถอะ""นี่ภาพที่พี่คีตะตอนทำหน้าดุโคตรจะน่ากลัวเลยอ่ะ ยังติดตาอยู่เลยเนี่ย"ตังเมหันมาบอกฉัน"คอยดูเถอะแกล้งเพื่อนกู กูจะเอาคืนให้สาสมเลย"องศากัดฟันพูดจนฉันต้องขยับหนี"ไม่ต้องถึงองศาหรอกค่ะ เพราะแค่จอมพลพวกนั้นก็รับมือไม่ไหวแล้ว"ฉันรีบหันไปเมื่อตังเมชี้จอมพลที่กำลังเดินเข้ามาหาฉันและสีหน้าก็คงจะรู้เรื่องแล้ว"เอสมีอะไรเล่ามาให้หมดเลยนะ เพรา
เอสเทลฉันไม่เข้าใจคุณคีตะจริงๆ เลยนะว่าจะเอายังไงกับฉันกันแน่ เมื่อคืนนี่แทบจะกินหัวแต่พอมาวันนี้จะมาง้อฉัน วันนี้ฉันโกรธจริงๆ นะ โกรธจนแทบอยากจะฆ่าเขาเลย ฉันซื่อฉันโง่แล้วทำไมต้องว่าฉันด้วยล่ะ"งั้นเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยนะคะ"ฉันบอกคนที่ยืนหน้าบึ้งอยู่"อยากทำอะไรก็ทำเลย"แล้วดูเขาสิจะไม่ให้ฉันโกรธได้ยังไงกัน"เริ่มวันนี้เลยแล้วกัน"ฉันพูดเสียงดุหลังจากนั้นฉันก็เดินมารอรถกับเพื่อนรักเพื่อจะกลับบ้านโดยไม่สนใจคุณคีตะ ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นและถ้าคุณคีตะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองผิด ฉันจะเปลี่ยนจากห้าวันเป็นหนึ่งเดือนหรือไม่เราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลย"ยังไม่หายโกรธพี่คีตะอีกหรอเอส"ตังเมถามฉัน"เขาว่าเอสนะ เขานิสัยไม่ดี"ฉันบอกเพื่อนไป"แต่อย่างน้อยเขาก็รีบไปช่วยเอสนะ"องศาบอกฉัน"เอสไม่อยากฟัง และตอนนี้เอสกำลังทำโทษคุณคีตะอยู่ ไว้ครบห้าวันเมื่อไหร่ค่อยมาคุย""งอนเหมือนคนเป็นแฟนกันเลย"องศาพูดแล้วยิ้มให้ฉัน"ไม่ใช่สักหน่อย คุณคีตะเขามีคนของเขาอยู่แล้ว อีกอย่างเขาไม่มีวันที่จะมาชอบผู้หญิงอย่างเอสหรอก"ฉันบอกเพื่อนไปผู้หญิงอย่างฉันไม่มีใครชอบหรอก อาจจะเพราะฉันซื่อเกินไปแหละมั้งแถมยังไม่สวยอีกต่
คีตะผมขับรถมาที่ร้านกาแฟก่อนจะรีบเข้ามาในร้าน ไม่รู้ว่ายัยเด็กซื่อบื้อกลับบ้านไปหรือยัง ผมเข้ามาก่อนจะมองหาเธอทันทีแต่ก็ไม่เจอ ให้ตายเถอะนี่โกรธจริงใช่มั้ยวะ"นั่งอยู่ชั้นสองค่ะ แต่หน้าตาไม่รับแขกเลย"พี่เจ้าของร้านเดินมากระซิบผม"ปกติเวลาโกรธเธอเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรอครับ"ผมถาม"ปกติเอสเทลไม่เคยเป็นแบบนี้นะ นี่ครั้งแรกเลยที่พี่เห็น"ผมควรจะดีใจใช่มั้ยวะที่โดนยัยเด็กซื่อบื้อโกรธเป็นคนแรก"เธอโกรธผมครับและโกรธมากด้วย"ผมบอกพี่เจ้าของร้านไปตามตรง"งั้นก็โชคดีนะคะ พี่เอาใจช่วย"พี่เจ้าของร้านพูดแล้วยิ้มให้ผมผมเดินขึ้นมาชั้นสองของร้านก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ คนที่นั่งเล่นมือถืออยู่ ผมว่ายัยเด็กซื่อบื้อติดนิสัยของไอ้จอมพลแล้วนะเรื่องการมองคนด้วยหางตา"ขอบคุณที่แบ่งขนมให้นะ"ผมบอกเธอไปไม่ได้สนใจกูเลยเถอะ นี่เธอกำลังเอาคืนกับสิ่งที่ผมทำกับเธอไว้สินะ ผมว่าเธอไม่ได้ซื่อหรอกเธอแค่กวนตีนผมเท่านั้นเองแหละ"จะไม่คุยด้วยจริงๆใช่มั้ย"ผมถามเสียงเบาก่อนที่เธอจะเบือนหน้าหนีอย่าให้ถึงทีผมบ้างแล้วกัน คอยดูเถอะจะเอาคืนให้ร้องไห้กลับบ้านเลย ผมนั่งจ้องหน้าไอ้คนที่เล่นมือถืออยู่คือยอมแพ้เลยว่ะ และผมก็ไม่เคยอดทนอะ
คีตะยัยเด็กซื่อบื้อจะรู้มั้ยว่าใจของผมมันกำลังเต้นแรงขนาดไหน ยิ่งตอนนี้หน้าของเธอมันอยู่ใกล้ผมแค่นิดเดียวเอง และผมก็ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาด้วยซ้ำแต่พอลืมตามาก็เจอเธอกำลังจ้องหน้าผมอยู่"กินยาหรือยังคะ"เธอถามผมเสียงเบา"ยังไม่กิน"ผมบอกไปที่ผมไม่สบายก็เพราะผมไม่ได้นอนเลยไง และสาเหตุก็มาจากเธอทั้งนั้นแหละ ผมจ้องหน้ายัยเด็กซื่อบื้อทำไมผมถึงได้ชอบเธอกันทั้งๆ ที่เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไป"ตัวร้อนแล้วนะคะ"เธอเอามือมาแตะหน้าผากผมแล้วรีบบอก"อืม...รู้แล้ว"ผมบอกไปที่จริงก็อยากจะนอนอยู่คอนโดนะแต่เพราะวันนี้มันครบห้าวันแล้วไง"ไปหาหมอมั้ยคะ ถ้าไม่ไปก็กลับไปกินยาแล้วนอนพักผ่อน"เธอบอกผมและแววตาแบบนี้ผมพึ่งเคยเห็น"นอนพักเดี๋ยวก็หาย"ผมบอกไปและถ้าจะให้ผมไปหาหมอผมไม่ไปอยู่แล้ว"กลับบ้านกันค่ะ""บ้านใคร"ผมถาม"บ้านฉันค่ะ เดี๋ยวฉันทำข้าวต้มให้ ไม่สบายก็ต้องกินข้าวกินยารู้มั้ยคะ ลุกขึ้นค่ะกลับบ้านกัน"เธอลุกขึ้นก่อนจับมือผมสุดท้ายผมก็ต้องยอมกลับบ้านกับยัยเด็กซื่อบื้อ ที่ไอ้จอมพลเคยบอกว่าใครอยู่ใกล้เธอก็รักเธอหมด วันนี้ผมรู้แล้วว่าที่มันพูดเป็นเรื่องจริง เธอใช้เวลาเพียงไม่นานเลยในการทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นผม
คีตะผมคงไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองอีกแน่ ผมมองหน้าคนที่ยืนอยู่คือยัยเด็กซื่อบื้อวันนี้หน้าตาแม่งเอาเรื่องมาก แต่ก็ยังดีที่เธอไม่โกหกผมเพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมจะจับเธอหักคอ"ขอบคุณค่ะ""ดูท่าแล้วพวกนั้นไม่ยอมจบหรอกค่ะ"องศาพูดแล้วมองหน้าผม"ทำไมเอสไม่สู้บ้างล่ะ จะไปยอมพวกนั้นทำไม เขาทำไม่ดีกับเรานะเอสเทล"ไอ้หมอกพูดเสียงดุ"ไม่ค่ะ ในเมื่อเอสมีคุณคีตะอยู่ข้างๆ ทำไมเอสต้องสู้ด้วยล่ะคะ อีกอย่างหน้าที่ของเอสคือเรียนหนังสือค่ะ"ยัยเด็กบ้านี่เอาอีกแล้วนะ พักหลังมานี้เธอทำผมใจสั่นไปไม่รู้กี่รอบแล้ว และถ้าผมยิ้มไอ้สองตัวที่นั่งอยู่ข้างผมมันต้องล้อผมอีกแน่"แล้วเอสไม่คิดจะมีแฟนเลยหรอ เรียนไปมีแฟนไปก็ได้คนอื่นเขาก็ทำกันนะ"ไอ้คิมถามก่อนที่มันจะเตะขาผม"นั่นสิเอส พี่คิมพูดถูกนะ"ตังเมรีบพูดแทรกก่อนจะยิ้มให้ผม"ก็จอมพลบอกว่าแฟนมีตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรอคะ หน้าที่เราคือเรียนหนังสือ"ไอ้เวรจอมพล"พี่ว่าจอมพลพูดถูกแล้วแหละ ไว้เอสเรียนจบแล้วค่อยมีเนาะ"เอาเข้าไป"เอสยังไม่มีดีกว่า อยู่ให้คุณคีตะดูแลแบบนี้ดีจะตาย"ยัยเด็กซื่อบื้อพูดแล้วเอานิ้วจิ้มหลังผม"พูดมากว่ะ ไปเรียนได้แล้วไป"ผมพูดเสียงดุ"งั้นพวกเ
เอสเทล"ถึงเวลาที่เราจะแต่งงานกันได้หรือยังเอสเทล"นี่เป็นคำพูดที่ฉันได้ยินเกือบทุกวันตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าฉันยังไม่ตอบรับการขอแต่งงานของพี่คีตะ และฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าการแต่งงานไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าชีวิตคู่ของเราจะไปกันรอด ฉันเองเรียนจบปริญญาโทและเข้าทำงานที่บริษัทของพี่คีตะเต็มตัวแล้ว"ไม่แต่งค่ะ"ฉันบอกพี่คีตะไป"เหลือหรือรออะไรไม่ทราบ จะเรียนต่ออีกมั้ยล่ะ"พี่คีตะพูดประชดฉัน"ก็คิดอยู่เหมือนกันนะคะ"ฉันบอกพรางยกยิ้มใส่"อยากทำอะไรก็เชิญ"เรื่องความรักของเราสองคนมันดีขึ้นตามลำดับค่ะ อาจจะเพราะเราสองคนโตขึ้นด้วย ฉันนั่งมองพี่คีตะที่งอนแบบนี้อยู่ทุกวันจนฉันชินแล้วล่ะ"วันเสาร์นี้ไปเที่ยวหัวหินกันมั้ยคะ"ฉันเดินมานั่งลงตรงข้ามคนหน้าบึ้ง"ไม่ไป ขี้เกียจ""ถ้าขยันก็ตามไปเจอเอสที่หัวหินนะคะ"ฉันบอกไป"เอสเทลจะให้พี่รอถึงเมื่อไหร่วะ ไม่มั่นใจพี่ตรงไหนบอกมาดิ"พี่คีตะพูดเสียงเบา"เอสมั่นใจในตัวพี่คีตะเสมอค่ะ แต่เอสเคยบอกเหตุผลไปแล้วนะคะ""มั่นใจ"พี่คีตะถามย้ำฉัน"ทุกวันนี้เราก็ใช้ชีวิตเหมือนคนที่แต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ"ฉันถามพี่คีตะ"แต่พี่อยากทำอะไรให้มันถูกต้อง""มันไม่ถูก
เอสเทลฉันนิ่งไปพักใหญ่เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่คีตะพูด น้ำเสียงและสายตาของพี่คีตะคือไม่ได้ล้อเล่นเลย"แต่งค่ะ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้"ฉันบอกพี่คีตะไป"ทำไมอ่ะเอส ก็เรารักกัน""เราสองคนพึ่งกลับมาคบกัน ใช่ค่ะพี่คีตะโตขึ้นเอสโตขึ้น และการโตขึ้นมันทำให้เอสต้องคิดอะไรให้รอบคอบกว่านี้"ฉันบอกแล้วยิ้มให้แฟนตัวเอง"ไม่มั่นใจในตัวพี่หรอ""ถ้าเอสไม่มั่นใจเอสคงไม่นอนอยู่แบบนี้ค่ะ แต่การใช้ชีวิตคู่มันเป็นเรื่องใหญ่มากนะคะ เพราะฉะนั้นเอสจะไม่รีบเร่งกับเรื่องนี้เด็ดขาด"ฉันพูดเสียงดุ"แล้วพี่ทำอะไรได้มั้ยล่ะ"พี่คีตะถามฉัน"ตอนนี้ทั้งกายทั้งใจเอสให้พี่คีตะไปหมดแล้ว และการแต่งงานมันก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนี่ค่ะ"ฉันอธิบายแต่ดูเหมือนว่าพี่คีตะจะไม่ยอมเข้าใจเลย"ไม่มีวันที่พี่จะยอมเสียเอสไปอีกแน่"พี่คีตะพูดเสียงดุ"แค่เราเข้าใจกัน ยอมรับข้อดีข้อเสียของอีกฝ่ายได้เอสว่าการแต่งงานมันไม่จำเป็นเลยค่ะ เอสไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแต่งงานมากมายขนาดนั้นหรอกนะคะ เอสแค่อยากอยู่อยากใช้ชีวิตกับพี่คีตะ เอสว่าแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว"ฉันบอกพี่คีตะไป ความฝันของผู้หญิงส่วนมากคือการได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ แต
เอสเทลพี่คีตะโตขึ้นและเปลี่ยนไปเยอะก็จริง แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่พี่คีตะไม่เคยเปลี่ยนเลยคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และจะให้ฉันทำยังไงกับแฟนตัวเองดีล่ะในเมื่อบอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้รีบกลับบ้าน"แล้วทำไมเอสต้องไปคอนโดกับพี่คีตะคะ"ฉันถามตามตรง"ก็พี่อยากอยู่กับแฟน""ตอนแรกเอสว่าง แต่ตอนนี้เอสไม่ว่างแล้วค่ะ"ฉันบอกพลางเอามือถือให้ดูเพราะว่ายายของฉันโทรมาฉันรีบรับสายยายพลางมองพี่คีตะที่หน้าเศร้าจนฉันอดยิ้มให้ไม่ได้ ฉันวางสายยายก่อนจะเก็บกระเป๋าเพราะตอนนี้เลิกงานแล้ว"เอสต้องรีบกลับบ้านค่ะ"ฉันบอกไป"เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ"พี่คีตะพูดเสียงอ่อยพลางเดินตามหลังฉันออกจากห้อง"ไปกันเอส"องศารีบเข้ามาเกาะแขนฉันไว้"ไม่ได้เว้ย วันนี้พี่จะไปส่งแฟนพี่ ส่วนน้องอย่างองศาก็กลับเองนะครับ"พี่คีตะรีบจับฉันแยกออกจากองศาหลังจากนั้นพี่คีตะก็ขับรถมาส่งฉันที่บ้าน รู้มั้ยคะว่าคุณชายเขาขับรถเหมือนเต่าคลานเลยอ่ะ แถมยังทำหน้าเศร้าตั้งแต่ออกจากบริษัทด้วย"พรุ่งนี้ก็เจอกันนี่คะ"ฉันบอกไป"ก็คงงั้นแหละ"ฉันส่ายหน้าให้กับแฟนตัวเอง และที่ฉันรีบกลับบ้านเพราะว่าฉันต้องมาช่วยยายจัดกระเป๋า ยายจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดห้าวัน ฉันไม่ได้ซื่อจนไม
เอสเทลตอนนี้ฉันไม่สนว่าใครจะพูดก่อน เพราะความรู้สึกของฉันมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย สามปีที่ผ่านมาฉันทำตามที่พี่คีตะขอร้องไว้ทุกอย่างถึงแม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมันจะเหมือนเดิมหรือไม่ก็ตาม "พี่คีตะจะนิ่งอยู่ทำไมคะ ที่เอสขอ พี่คีตะให้เอสได้หรือเปล่า"ฉันถามเสียงดุเพราะพี่คีตะเอาแต่ยืนจ้องหน้าฉันไม่พูดไม่จาฉันยืนยิ้มให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า พี่คีตะคงไม่คิดว่าฉันจะกล้าพูดอะไรแบบนี้สินะ สามปีมานี้ฉันเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเพื่อนรักของตัวเองและคนรอบข้าง มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องความรักหรอกนะแต่มันยังมีเรื่องการใช้ชีวิตเมื่อเจอคนหมู่มากและการรู้จักปฏิเสธคน"เอสคงคิดไปเองคนเดียวสินะคะ"ฉันถามเสียงสั่นเมื่อพี่คีตะเอาแต่นิ่งพรึ่บ"อย่าบอกเลิกพี่อีกนะเอส ไม่เอาแล้วนะเว้ย ฮึก"พี่คีตะเดินเข้ามากอดฉันก่อนที่จะร้องไห้ออกมา ความกลัวของฉันมันก็ยังมีอยู่แต่ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้ฉันขอแค่เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมเท่านั้นเอง เพราะการนับหนึ่งใหม่กับใครอีกคนฉันขี้เกียจแล้ว"ขอบคุณนะเอส ขอบคุณที่ยังรอพี่"พี่คีตะพูดเสียงเบา"ถ้าวันนั้นเอสวางสายไปก่อนเราสองคนจะยังกลับมา
สามปีผ่านไปเอสเทล"เอสเดี๋ยววันนี้ตอนห้าโมงเย็นเราฝากไปรับเจ้าขาที่สนามบินด้วยนะ เรามีคุยงานกับลูกค้า"ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปีสี่แล้วนะ และฉันเองก็กำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทของคุณพ่อคุณแม่พี่คีตะ ตอนแรกฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาฝึกที่นี่แต่คุณแม่ของพี่คีตะเป็นคนทำเรื่องและฉันเองก็ขัดไม่ได้ และสามปีที่ผ่านมาฉันไม่ได้เจอหน้าไม่ได้พูดกับพี่คีตะเลย"พี่เจ้าขาพึ่งไปสองวันเองนะ"ฉันรีบบอกจอมพล เพราะพี่เจ้าขาไปคุยงานที่ต่างประเทศและไปตั้งเป็นอาทิตย์ด้วย"งานยกเลิก โทรถามมันได้เอส"จอมพลบอกฉันเสียงดุ"แล้วมีคุยงานอะไรที่นี่ไม่ทราบ"ฉันถามสามปีที่ผ่านมาฉันว่าฉันโตขึ้นมาเลยนะ ฉันขับรถยนต์เป็นแล้วด้วยซึ่งจอมพลเป็นคนสอนให้ ฉันสามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้โดยไม่ต้องรอคนอื่น ฉันว่าฉันเก่งขึ้นมาก"มีคุยงานกับเพื่อนเอสน่ะ แล้วนี่องศาไปไหน"มาหาองศานี่เองฉันกับองศามาฝึกงานที่นี่ส่วนมอสกับตังเมไปฝึกงานที่บริษัทของคุณพ่อของมอสและจอมพลก็ฝึกงานที่บริษัทของครอบครัว"ไปหาลูกค้า"ฉันรีบบอก"หึ...ทำผิดมาน่ะสิถึงได้รีบออกไป"จอมพลกับองศาจนมาถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพื่อนรักของฉันสองคนปากแข็งกันทั้งคู่จนฉันไม่รู้จะช่วยใครก่อนด
เอสเทล"จะไปส่งมั้ยเดี๋ยวเราพาไป เพราะกว่าจะขึ้นเครื่องก็สามทุ่ม"จอมพลบอกฉันว่าวันนี้พี่คีตะจะไปต่างประเทศและไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และที่พี่คีตะไปเหตุผลทุกอย่างมันมาจากฉันทั้งหมด ฉันไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เลยนะแต่จะให้ฉันทำยังไง"ไม่ดีกว่า ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว"ฉันบอกไปฉันเคารพในการตัดสินใจของพี่คีตะเสมอ ถ้ามันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามอะไรพี่คีตะด้วย ฉันหวังแค่ว่าพี่คีตะจะคิดอะไรได้มากขึ้นเมื่อเราไกลกัน"พี่คีตะโทรหาหรือเปล่า"จอมพลถามฉัน"ไม่ได้โทร"ฉันพูดเสียงเบา"โอเคนะเอส""เอสต้องโอเคสิ"ฉันรีบบอกไปหลังจากนั้นฉันก็เดินมาทำขนมช่วยยาย เพราะตอนบ่ายองศากับตังเมชวนไปที่ร้านกาแฟ หน้าที่ของฉันตอนนี้คือตั้งใจเรียนหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องความรักฉันคงต้องพักยาวเลย รักครั้งแรกมันทำให้ฉันกลัวทุกอย่างไปหมด"ทำไมมองหน้าเอสแบบนั้นล่ะ"ฉันถามจอมพลที่เอาแต่จ้องมองฉัน"อีกนานเลยนะเอส"จอมพลบอกฉัน"แล้วเอสจะเอาอะไรไปห้ามพี่คีตะ เราสองคนเลิกกันแล้วนะจอมพล"ฉันรีบบอกไป"ก็ยังรักเขาไม่ใช่"จอมพลถามแล้วยิ้มให้ฉัน"เวลาเท่านั้นแหละที่จะให้คำตอบเอสได้
เอสเทลฉันยืนมองรถของพี่คีตะที่ขับออกไปจนลับตา เฮ้อ...มันไม่ง่ายเลยนะที่ต้องทำเป็นเข้มแข็งทั้งๆ ที่ตอนนี้ข้างในของฉันมันร้องไห้จนจะไม่ไหวอยู่แล้ว"เอสอยากให้เรากลับมาเดินข้างกันเหมือนเดิมค่ะ แค่มันไม่ใช่ตอนนี้"ฉันพูดกับตัวเอง"พี่คีตะมาส่ง"ทันทีที่ฉันเดินเข้าบ้านมาเสียงดุของจอมก็ลอยมาเลย"เอสอยากร้องไห้ ฮึก"วันนี้ฉันกลั้นมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันยืนร้องไห้จนจอมพลเดินเข้ามากอดฉันไว้ ฉันยังไม่รู้วิธีรับมือกับการจากลาแต่ที่ฉันทำเป็นเข้มแข็ง ก็เพราะฉันอยากจะให้พี่คีตะรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ต้องคอยให้คนอื่นมาปกป้อง"พี่คีตะไม่ได้ทำอะไรเอสใช่มั้ย"จอมพลถามฉันเสียงดุ"ฮึก เอสไม่ได้อยากให้เราสองคนเป็นแบบนี้""เราถามเอส""พี่คีตะไม่ได้ทำอะไรเอส"ฉันรีบบอกไปหลังจากที่ฉันร้องไห้อยู่นาน ตอนนี้ฉันกำลังโดนจอมพลจ้องหน้าอย่างเอาเรื่องเพราะจอมพลถามหาองศากับตังเม ถ้าฉันโกหกฉันต้องโดนจอมพลจับหักคอแน่ๆ"องศาไปไหนเอส""เอ่อ...องศากลับบ้านไปดูซีรีส์แล้ว"ฉันพูดเสียงเบา"ไม่ใช่ว่าองศาไปแก้แค้นพวกนั้นหรอเอส"จอมพลพูดเสียงดังจนฉันสะดุ้ง"จอมพล""มันเป็นอะไรนักหนาวะ ทั้งที่บอกแล้วว่าเดี๋ยวจัดการให้ก็ไม่เคยจะฟ
คีตะ"มันไม่ง่ายเลยใช่มั้ยคีตะเรื่องความรักน่ะ คนที่คิดว่าตัวเองเก่งสุดท้ายก็ต้องมานั่งคอตกแบบนี้"เสียงแม่ผมถามผมยื้อทุกอย่างยื้อทุกทางแต่คำตอบที่ได้จากปากเอสเทลก็คือไม่ ตอนนี้ผมกับเอสเลิกกันแล้วและผมเองก็ไม่กล้าไปเจอหน้าเธอด้วย ความรู้สึกที่ผมได้รับตอนนี้มันมีแค่ความเจ็บปวดที่ผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมา"เลิกกันก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมารักกันไม่ได้ ตอนนี้น้องยังเด็กตะไม่รอให้น้องโตกว่านี้ล่ะแล้วค่อยเริ่มต้นใหม่"แม่ผมพูดก่อนจะนั่งลงข้างผม"เธอเกลียดตะครับ"ผมบอกแม่เสียงสั่นในชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดว่าจะเสียน้ำตาให้กับความรักแต่พอมาวันนี้ผมกลับกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะตั้งแต่ผมรู้ว่าผมยื้อเอสเทลไว้ไม่ได้น้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาตลอด"จำไว้เป็นเรียน สิ่งที่ตะเจอสิ่งที่ตะได้รับมันยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่พ่อเจอเลยสักนิด"ผมหันไปมองพ่อตัวเองที่พูดอยู่ตรงประตู"ความอดทนของคนเรามันไม่เท่ากัน ตะเห็นน้องซื่อเห็นน้องเชื่อคนง่าย แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่ง่ายเลยใช่มั้ยล่ะ"แม่ผมถาม"น้องใจแข็งกว่าที่คิดครับ ถ้าตะเชื่อจอมพลตั้งแต่แรกตะก็ไม่ต้องมาเสียใจแบบนี้""ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเวลา และพ่อขอเตือนไว้เลยนะอย่าใช้วิธีส
คีตะตอนนี้ผมกำลังนั่งมองแฟนตัวเองอยู่ที่โซฟาในห้องพักของโรงพยาบาล เอสเทลแค่โกรธผมเท่านั้นเองเธอก็เลยพูดอะไรแบบนั้นออกมา เราสองคนไม่มีทางเลิกกันแน่ๆ"กูบอกกูเตือนมึงแล้ว เป็นยังไงล่ะทีนี้"ไอ้หมอกกระซิบถามผม"เอสแค่โกรธกูเธอก็เลยพูดอะไรแบบนั้นออกมา เธอแค่โกรธกู"ผมรีบบอกเพื่อนไป"มึงกำลังกลัวใช่มั้ยล่ะคีตะ สายตาของเอสเทลไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิดใช่หรือเปล่า"เจ้าขาถามผม"มึงหุบปากเจ้าขา"ผมชี้หน้าดุพี่ตัวเองผมนั่งมองไอ้จอมพลกับเอสเทลที่คุยกันซึ่งคนที่นั่งตรงนั้นมันควรจะเป็นผม ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรจะปล่อยให้เอสเทลโดนทำร้ายแบบนี้ และที่เจ้าขาพูดมันเป็นความจริงทุกอย่าง ผมกำลังกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเอส ผมเคยบอกพี่แล้วใช่มั้ยถ้ามีครั้งต่อไปผมจะขอเอสคืน"ไอ้จอมพลเดินมานั่งลงข้างผมก่อนที่มันจะพูด"อย่าแย่งเอสไปจากกูได้มั้ย ขอร้อง"ผมบอกน้องเสียงเบา"ตั้งนานทำไมไม่คิดไม่เปลี่ยนวะ พอมาวันนี้จะเปลี่ยนผมบอกเลยนะว่ามันสายไปแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าผมรู้จักเอสเทลดีกว่าพี่ และวันนี้พี่เองก็คงจะรู้จักเอสเทลเพิ่มขึ้นแล้วใช่มั้ย"ไอ้จอมพลถามผม"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่