6
นาบ
"ลุงอีกแล้วเหรอ! " อุทานอย่างตกใจเสร็จ ก็พยายามดิ้นหนีให้หลุดออกจากอีกฝ่าย แต่ลำขาใหญ่ที่กดทับขาทั้งสองข้างของเขาไว้ ทำให้ร่างเล็กถูกกักขังโดยสมบูรณ์
"พูดจาได้น่าขัดใจอีกแล้วนะ" ธันวาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะปิดปากเล็กๆ นั่นลงด้วยปากของตน ขบเม้มแรงๆ เป็นการลงโทษเสียหนึ่งที "ทีนี้จะเรียกให้ถูกได้หรือยัง"
"แกมัน! ฮึ่ย! " อบอุ่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขัดใจที่ทำอะไรร่างใหญ่ข้างบนไม่ได้ ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งเจ็บไปหมด
"อ๊ะๆ ไม่สุภาพเลยนะ" สายตาคมปลาบที่จ้องมาทำให้อบอุ่นรู้สึกเย็นยะเยือก
เมื่อเห็นว่าอบอุ่นเงียบลง ธันวาก็เริ่มใช้สายตาโลมเลียไปทั่วร่างข้างใต้ พลอยให้อบอุ่นสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังเปลือยกายอยู่ นอกจากนี้สายตาอันแผดเผานั่นยังทำให้เขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ จนแทบไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
"คุณธันวา..." เสียงสั่นๆ เอ่ยออกไป แต่มันเบาซะจนแทบไม่ได้ยิน
"หืม..."
"ปล่อยผมเถอะนะ... นะครับ" สายตาออดอ้อนที่ใช้เป็นประจำกับคุณแม่ถูกขุดขึ้นมาใช้ แต่เจ้าตัวหารู้ไม่ว่ามันกลับเป็นตัวเร่งเชื้อเพลิงให้โหมกระหน่ำยิ่งขึ้น
ธันวาเหมือนถูกความน่ารักของคนตรงหน้าสะกดไว้ เขาจ้องมองอย่างหลงใหล ค่อยๆ โน้มริมฝีปากลงจูบซับดวงตากลมโต ไล่ลงมายังแก้มขาวเนียน ก่อนจะปิดทับบนริมฝีปากบางที่มีสีแดงก่ำอย่างกับจะเชื้อเชิญ
เขาจูบอย่างอ่อนโยน ค่อยๆ แทะเล็ม สอดเรียวลิ้นเข้าไปในปากเล็ก ดูดดึง หยอกล้ออย่างอ้อยอิ่ง ยิ่งร่างข้างใต้ต่อต้าน พยายามจะผลักลิ้นเขาออกไป ยิ่งเป็นการให้เขาสัมผัสอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น ลิ้นร้อนเกี่ยวรัดลิ้นเล็กอย่างอุกอาจหื่นกระหาย ดูดกลืนความหวานอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ฝ่ามือหนาบีบเค้นไปตามแผ่นอกบาง ทำให้อบอุ่นร้อนรุ่มไปทั้งตัว
เขาย้ายริมฝีปากลงมายังลำคอเรียว ลากลิ้นร้อนลงมา ขบเม้มไปทั่วจนเกิดรอยแดงเต็มไปหมด ก่อนจะเข้าครอบครองตุ่มไตสีน้ำตาลอมชมพูแสนสวย ไล้เลียดูดดึงลบรอยที่ซานเคยสัมผัสเสียให้สิ้น!
ทั้งเนื้อทั้งตัวของอบอุ่นคือของเขา... ของเขาคนเดียวเท่านั้น!
ฝ่ามือใหญ่ที่ย้ายไปบีบเค้นก้นขาวเนียน รวมกับริมฝีปากอันช่ำชองที่คอยดูดกลืน ตะโบมไล้ยอดอกจนมีเสียงดังออกมา ทำให้ร่างเล็กบิดไปมาอย่างทรมาน น้องชายใจกลางลำตัวตั้งตรงขึ้นมาอย่างน่าละอาย
"อ๊าาา..." อบอุ่นสะดุ้งเมื่อธันวาละเลงลิ้นร้อนวนรอบยอดอกของเขาอย่างรวดเร็วเสียจนรู้สึกได้ถึงความทรมาน
อบอุ่นไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงไม่สามารถขัดขืนอีกฝ่ายได้ ยิ่งนานเข้า เขากลับยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว อยากจะให้คนข้างบนช่วยจบความทรมานนี้ไปเสียที
แต่ดูเหมือนความหวังของเขาจะส่งไปไม่ถึง เพราะร่างใหญ่เอาแต่ประทับรอยไปทั่วร่างกายของเขา สลับกับวนเวียนขึ้นมาจูบอย่างดูดดื่มเป็นระยะ จนอบอุ่นทรมานแทบจะทนไม่ไหว!
"พอเถอะ" เขาบอกให้อีกฝ่ายหยุด แต่นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มที่ช้อนขึ้นมองอย่างน่าสงสาร ยิ่งทำให้ธันวารู้สึกอยากขย้ำร่างข้างใต้มากยิ่งขึ้น
"อยากจะให้ฉันหยุดจริงๆ น่ะเหรอ" ธันวาเลิกคิ้ว มือหนาย้ายไปกอบกุมรอบมังกรตัวน้อยจนอบอุ่นสะดุ้ง
"อย่า! อ๊ะ! " เขาถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อฝ่ามือนั้นเริ่มขยับขึ้นลงช้าๆ
"แน่ใจนะว่าอยากให้หยุด" เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านยิ้มอย่างเป็นต่อ ก่อนจะขยับมือเร็วขึ้นจนร่างบางร้องเสียงหลง
"หยุด อ๊ะ อ๊ะ! " ถึงปากจะบอกให้หยุด แต่สะโพกกลับโยกตามการชักนำนั้นไปอย่างน่าละอายจนอบอุ่นต้องเบือนหน้าหนี เขาพยายามกัดฟันกลั้นเสียงครวญครางของตน แต่ธันวาที่มองเห็นทุกอย่างกลับเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาห้ามไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายตัวเองจนเลือดออก เขามอบจูบอันดูดดื่มให้ร่างเล็กอีกครั้ง ในขณะที่มือก็ยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
อบอุ่นทรมานร้อนรุ่มเป็นที่สุด อยากจะร้องครวญครางออกมา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกเจ้าของรอยสักแสนสวยครอบครองริมฝีปากไว้อยู่
มือหนาขยับไวขึ้น ไวขึ้น รัวเร็วเสียจนสะโพกบางรัวรับแทนไม่ทัน อบอุ่นร้อนผ่าวไปทั้งตัว ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เหมือนมีสิ่งที่มองไม่เห็นมาชักใยให้เขาปลดปล่อยความต้องการของตนเอง
ธันวาเลื่อนริมฝีปากลงมาที่หน้าอกบางอีกครั้ง วนเวียนครอบครองยอดอกอันแสนน่ารัก ในขณะที่มือข้างที่ว่างก็คอยเค้นคลึงยอดอกอีกข้าง ส่งผลให้ร่างข้างใต้ทรมานเสียยิ่งกว่าเก่า
สัมผัสมืออันหนักหน่วงที่เบื้องล่าง ประกอบกับลิ้นร้อนที่คอยทรมานจุดอ่อนไหวเบื้องบน ทำให้ร่างกายของอบอุ่นเหมือนโดนแผดเผา ภาพทุกอย่างพร่ามัว รับรู้เพียงความร้อนรุ่มและหฤหรรษ์ของประสบการณ์ใหม่ที่อีกฝ่ายได้มอบให้
และในที่สุด... ฝ่ามือใหญ่ก็ช่วยให้ร่างบางได้ถึงฝั่งฝัน เขากระตุก ปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาท่วมฝ่ามือหนา อบอุ่นหายใจหอบแรงเหมือนไปออกกำลังกายที่ไหนมา ธันวาช่วยรีดน้ำรักที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยออกไปจนหมด
หลังจากได้ปลดปล่อยความต้องการของตัวเองแล้ว อบอุ่นก็รู้สึกตัว เขาเบือนหน้าหนีอย่างไม่กล้าสู้หน้า แต่ธันวากลับใช้มือข้างที่ว่างพลิกใบหน้านั้นให้หันกลับมามอง...
...มองที่เขาซึ่งค่อยๆ ลิ้มรสของเหลวในมือข้างซ้ายช้าๆ ในขณะที่สายตาอันร้อนแรงก็จ้องไปยังดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อ
"อืม... อร่อย..."
“โรคจิต” ปากบางเม้มแน่น ใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าผลมะละกอสุก
หนุ่มใหญ่เพียงยิ้มน้อยๆ ใช้หลังมือซับเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวทั่วเรียวหน้าเนียน อบอุ่นปัดมือนั้นออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ข้างตัวมาสวม ป้องกันสายตาโลมเลียที่เอาแต่กวาดมองไปทั่วร่างกายอันเปลือยเปล่าของเขา
“จะไปแล้วหรอ” ธันวาถามขึ้น เขาเปลี่ยนท่าเป็นนั่งตั้งแต่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใส่เสื้อคลุม
“...” จะอยู่ให้ลุงลวนลามต่อหรือไงเล่า!
ถึงอยากจะด่ากราดแค่ไหน แต่ร่างเล็กก็ทำได้เพียงแค่เงียบ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายหาเรื่องมาทำโทษเขาจนถลำลึกไปไกลอีก
ระหว่างที่ลุกขึ้นยืน อบอุ่นก็สังเกตเห็นคราบเปื้อนที่เลอะอยู่บนเบาะนวด เป็นหลักฐานอย่างดีถึงเรื่องน่าละอายที่เขาเพิ่งทำลงไป
"ขอโทษนะ แต่มันอดใจไม่ไหวจริงๆ น่ะ"
อบอุ่นแสร้งทำเป็นหูทวนลม เขาลุกขึ้นยืน เดินหนีออกไปทางประตูห้อง แต่อีกฝ่ายก็คอยเดินตามหลังมาติดๆ จนเขารู้สึกรำคาญจนต้องหมุนตัวกลับไปตะคอกใส่
"เลิกตามตอแยผมสักทีได้มั้ย!! "
"คุณธันวา... คุณธันวาครับ"
มาร์คเรียกเจ้านายที่ยืนนิ่งอยู่เป็นนานสองนานในห้องทำงานของผู้จัดการสปาที่เขายึดมาเป็นของตนชั่วคราว ไม่รู้ว่าคุณธันวาไปเจออะไรมา ถึงได้เหม่อลอยขนาดนี้
"พ่อเลี้ยง... นายเหนือ! "
ขุดทุกชื่อออกมาเรียก ในที่สุดร่างสูงใหญ่ก็ยอมหันมามองที่ตน
"นี่ฉันทำอะไรผิดไป" สีหน้าเหมือนกำลังช็อกของธันวาแบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ทำให้มาร์คต้องประหลาดใจ
"..." แล้วเขาจะรู้มั้ยว่าเจ้านายทำอะไรไปบ้าง นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย!?
"ฉันมันไม่มีเสน่ห์เลยใช่มั้ย"
ท่าทางเหมือนสูญเสียความมั่นใจนั้นทำเอาบอร์ดี้การ์ดร่างหนาลนลาน รีบละล่ำละลักออกไปทันที "ไม่เลยครับ เจ้านายมีเสน่ห์มาก ทั้งหล่อ รวย ดูดี ใครๆ ก็ชอบครับ"
"แล้วทำไมเด็กน้อยถึงพยายามจะหนีฉันตลอดเลยล่ะ"
ในที่สุดมาร์คก็ถึงบางอ้อ เข้าใจสักทีว่าเจ้านายตนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
"ผมขอพูดตรงๆ เลยนะครับ..."
"ว่ามาสิ"
"คุณอบอุ่นได้รู้จักคุณธันวาดีพอหรือยัง"
"..."
"คุณได้เข้าหาเขาเหมือนคนปกติทั่วไปหรือเปล่า"
"ก็ต้องไม่อยู่แล้วสิ ทำไมฉันต้องทำตัวเหมือนคนอื่นด้วยวิธีดาษดื่นล่ะ ในเมื่อฉันมีอำนาจมากมายให้ใช้"
"นั่นแหละครับที่เป็นปัญหา... คุณธันวาดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับคุณอบอุ่น จู่ๆ คุณก็เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาโดยใช้อิทธิพลของตัวเอง มันทำให้เขารู้สึกเหมือนสูญเสียความเป็นส่วนตัว และอยากจะหนีคุณไปให้ไกลไงล่ะครับ"
"เข้าใจล่ะ"
มาร์คพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างดีใจที่เจ้านายฟังคำของตน
"งั้นฉันคงต้องแก้ตัวใหม่ ถ้าฉันทำให้เที่ยวบินถูกยกเลิก เขาจะโกรธฉันไหมนะ"
"..." หมดคำจะพูด ก็ผมเพิ่งบอกอยู่ว่าอย่าใช้อำนาจในทางที่ผิดไงคร้าบบบ
"ยังไงก็ต้องยื้อให้เขาอยู่ต่อให้ได้ ฉันจะได้มีเวลาทำคะแนนเพิ่ม"
"..." มีเวลาทำคะแนนหรือทำอย่างอื่นกันแน่ครับ?
"เอาล่ะ ทำตามนั้นก็แล้วกัน"
"โธ่~ คุณธันวา แค่ขัดขวางให้คุณอบอุ่นไปไม่ทันขึ้นเครื่องก็พอมั้งครับ อย่าได้ทำให้คนอื่นๆ ต้องเดือดร้อนไปด้วยเลยยย" มาร์คร้องเสียงหลง น้ำตาจะไหลเมื่อนึกถึงความโอเว่อร์ของเจ้านาย
7ค่ำคืนอันเงียบงัน “เฮ้ย! นี่มึงจะกลับแล้วเหรอวะ” ซานถามอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนกำลังหยิบคีย์การ์ดห้อง กระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือออกจากล็อกเกอร์ โดยที่ผมยังคงเปียกอยู่เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ในขณะที่เขาเพิ่งจะนวดเสร็จเรียบร้อย เตรียมจะไปสครับผิวต่อ “อือ เราต้องกลับแล้วว่ะ ไว้เจอกันที่กรุงเทพนะเว้ย” อบอุ่นที่อยู่ในชุดลำลองแบบเดิมกับตอนแรกที่เข้ามารีบบอกลาเพื่อน ก่อนจะเดินหนีจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ซักต่อ ความจริงแล้วเขาไม่ได้อาบน้ำหรอก แค่ล้างตัวลวกๆ กะจะไปอาบน้ำอีกทีที่วิลล่า แล้วก็ไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าด้วย ชายหนุ่มเดินเข้าไปในวิลล่าแฝดขนาดใหญ่ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองหลัง แต่มีส่วนเชื่อมติดกันด้วยห้องทำงานที่อยู่ตรงกลาง เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้จัดการฝ่ายการตลาดถึงได้ให้ที่พักที่ใหญ่ขนาดนี้กับพวกเขา แถมยังให้คีย์การ์ดมาครบทั้งสองหลังอีก ทั้งที่คืนนี้จะมีคนที่มานอนพักเพียงคนเดียวก็คือไอ้ซาน ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในห้องอาบน้้ำซึ่งเป็นกระจกขนาดใหญ่ และรู้ว่ามีเทคโนโลยีที่สามารถกด
8มอบความอบอุ่น "มาร์ค" "ครับ คุณธันวา" ร่างสูงใหญ่ของบอร์ดี้การ์ดโผล่ออกมาจากมุมมืดหลังจากที่เขาคอยเดินตามคุ้มกันเจ้านายอยู่ห่างๆ เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ห้องอาหารจนกระทั่งคุณธันวาเดินมาส่งคุณอบอุ่นถึงที่พัก ถึงแม้มันจะมืดมาก แต่แว่นตามองกลางคืนที่เขาสวมอยู่ ทำให้เห็นฉากที่น่าเหลือเชื่อนั่นอย่างชัดเจน มันน่าเหลือเชื่อมากที่เจ้านายตนจะมีมุมอบอุ่นแบบนี้ อืม... จริงๆ เขาก็เคยเห็นเจ้านายเทคแคร์สาวๆ บ้างเป็นบางครั้งแหละนะ แต่ส่วนใหญ่สาวๆ เหล่านั้นจะเป็นคนที่ทำให้เจ้านายพอใจ (เรื่องบนเตียง) จนยอมเทคแคร์ ตรงข้ามกับคนที่คอยหาเรื่องหนีเจ้านายตลอดเวลาแบบคุณอบอุ่นนี่สิ "นายแน่ใจนะว่ามันจะได้ผลจริงๆ" ธันวาที่กำลังเดินกลับไปยังที่พักของตนถามขึ้น "ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่หรอกครับ แหะๆ" เรื่องที่เจ้านายพูดถึงคงไม่พ้นเรื่องคุณอบอุ่นนั่นแหละ แต่เขาไม่ชัวร์ว่าคำถามของเจ้านายหมายถึงอะไรกันแน่ เลยต้องตอบแบบปลอดภัยไว้ก่อน "นายบอกให้ฉันเข้าหาเด็กนั่นแบบคนปกติ ฉันก็ทำแล้ว" "..." อ้อ... ที่เจ้านายทำตัวอ่อนโยนนี่เป็นเพราะคำแ
9เนื้อแนบเนื้อ กระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบถูกแนบเข้ากับข้างแก้มของชายหนุ่มซึ่งกำลังยืนเกาะขอบเรือเฟอร์รี่ขนาดเล็กอยู่ ทำให้ชายคนนั้นสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิดของตน พอหันไปเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท ก็รับน้ำกระป๋องนั้นมาอย่างเต็มใจ แต่ไม่ลืมที่จะเอาคืนโดยการแตะกระป๋องเย็นๆ ลงบนแขนอีกฝ่ายแรงๆ เรียกเสียงร้องโอดโอยอย่างโอเวอร์จนทำให้คนแก้แค้นหลุดหัวเราะ “สมน้ำหน้า!” “โห คนเขาอุตส่าห์เอาน้ำมาให้ ใจร้ายว่ะ” อบอุ่นไม่สนเสียงโวยวายของซาน เปิดฝากระป๋อง ยกขึ้นกระดก และเอี้ยวตัวกลับไปชมวิวทะเลเหมือนเดิม ขณะนี้พวกเขากำลังเดินทางไปยังเกาะขนาดเล็ก เพื่อไปดำน้ำดูปะการังและสัตว์ทะเลตรงจุดที่เขาว่ากันว่าสวยที่สุดในย่านนี้ แถมเมื่อเช้ายังมีข่าวชาวประมงหลายคนเจอฝูงปลาโลมาว่ายอยู่แถวๆ ทางที่จะไปเกาะด้วย หากโชคดีจริง พวกเขาคงจะได้เจอ จริงๆ เกาะนั้นอยู่ไม่ห่างจากเกาะส่วนตัวมากนัก จะนั่งเรือหางยาวลำใหญ่ไปแทนยังได้เลย แต่ด้วยความที่มีตาลุงมหาเศรษฐีอย่างธันวาไปด้วย ก็เลยต้องใช้เรือเฟอร์รี่โดยสารเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย “มึงสนิทกับคุณธันวาได้ไง
10เกินทน บรรยากาศอันเงียบผิดปกติทำให้ธันวาต้องขยับตัวเพื่อให้สามารถมองเห็นใบหน้าของคนในอ้อมกอดได้ และเปลือกตาที่ปิดสนิทเผยให้เห็นขนตายาวคือคำตอบของความเงียบนั้น ท่าทางจะเพลียจัดถึงได้หลับไปทั้งแบบนี้ ธันวายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พิศดูใบหน้าแสนธรรมดาแต่สามารถมองได้ไม่รู้เบื่อนั้นอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเนิ่นนานเพียงใดที่เขาเอาแต่จ้องมองใบหน้านั่น “อบ” รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงเรียกหาอบอุ่นของซานที่ดังเข้ามาในห้องโดยสารเพียงหนึ่งเดียวของเรือ ทำให้ธันวาต้องรีบกดสัญญาณบนนาฬิกาข้อมือเพื่อเรียกบอร์ดี้การ์ดของตนมาสั่งงาน “สั่งให้เรือกลับเข้าฝั่งเลย ไม่ต้องไปที่ไหนต่อ แล้วก็จัดการเรื่องซานให้ด้วยล่ะ” ร่างเปลือยท่อนบนของผู้ชายสองคนที่กำลังกอดกันอยู่ และเสียงกระซิบสั่งการเบาซะจนแทบจะไม่ได้ยินเหมือนไม่อยากให้คนในอ้อมกอดตื่นขึ้นมา ประกอบกับการเกร็งตัว ไม่กล้าขยับของเจ้านาย ทำให้มาร์ครีบพยักหน้ารับคำ ก่อนจะออกไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว เปลือกตาของชายหนุ่มบนเตียงกว้างเปิดขึ้นนิดหนึ่งอย่างงัวเงีย มือบางควานหา
11ได้โปรด “เป็นของฉันเถอะนะ...” ร่างข้างใต้ที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับการปลุกเร้าของเจ้าของเสียงกระซิบแหบพร่าลืมตาขึ้นอย่างงงงวย นัยน์ตาที่หยาดเยิ้มไปด้วยไฟราคะที่ถูกจุดขึ้นมาจ้องมองสันกรามแกร่ง เลยผ่านไปสบยังสายตาแน่วแน่จริงจัง “ทำไมถึงเป็นผม” ทำไมถึงไม่ใช่คนอื่น... “บางอย่างบอกกับฉันว่าต้องเป็นเธอเท่านั้น” ขณะที่ตอบ ฝ่ามือร้อนก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว ลูบไล้วนเวียนอยู่ข้างเอวบาง ลากขึ้นผ่านยอดอกจนเจ้าของสยิว แววตาลังเล สีหน้าไม่มั่นใจของลูกแกะน้อย ปลุกสัญชาตญาณเจ้าป่าให้ลุกโชนขึ้น เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ธันวาอยากจะรุกไล่กลืนกินเจ้าแกะทั้งตัว สายตาร้อนแรงแผดเผาจนอบอุ่นสั่นสะท้าน รู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อตัวเล็กจ้อยในอุ้งเท้าเสือ ความเงียบคือการตอบรับกลายๆ ธันวาไม่รอช้า เข้าคลุกคลีบดจูบ ปิดกั้นความคิด ยับยั้งอาการลังเลและการปฏิเสธจากอีกฝ่าย เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนบนร่างบางที่ยังติดกระดุมไม่เรียบร้อยดีถูกปลดออกอย่างง่ายดาย ริมฝีปากหนาผละออกเพียงครู่เดียว เพื่อกระชากเสื้อของตนเองทิ้งบ้าง ก่อนจะประกบปาก
12ฟองสบู่ในกระจก ความสุขเปี่ยมล้นที่กระจายไปทั่วทั้งร่างแทบจะทำให้อบอุ่นสำลัก เขากอดตอบอีกฝ่ายแน่น หลับตาซึมซับมันไว้ ไม่อยากจะให้ความรู้สึกเหล่านี้จางหายไป แต่ในที่สุดความคับแน่นเบื้องล่างที่ได้ถูกถอดถอนไป ผนวกกับอ้อมกอดที่ถูกปลดออก ปล่อยให้สายลมของเครื่องปรับอากาศลามเลียผิวกายอันเปลือยเปล่าเรียกสติของร่างบาง เขาปรือตาขึ้นอย่างงวยงง สบตาเข้ากับร่างหนาที่ยันตัวขึ้นนั่ง เรือนร่างอันเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเรียกสีแดงระเรื่อขึ้นบนแก้มขาว จนต้องเบือนหน้าหลบ ธันวาที่เห็นภาพแกะน้อยกำลังเขินอาย รู้สึกอยากจะปลอมประโลมร่างบางอย่างร้อนแรง...อีกสักครั้ง แต่ทว่าต้องข่มใจไว้ด้วยไม่ต้องการให้ส่วนนั้นต้องปริขาดจากขนาดอันเกินมาตรฐานของเขา แขนแกร่งที่เข้าช้อนใต้ข้อพับขาและหลังของอบอุ่นขึ้นเพื่ออุ้ม ทำให้คนที่กำลังอายอยู่ร้องเสียงหลง “ทำอะไรน่ะคุณ!” “พานายไปอาบน้ำไง” “ไม่ต้องอุ้ม ผมไม่ใช่ผู้หญิง” เจ้าแกะน้อยกลายเป็นลูกแมวขู่ฟ่อ พยายามดิ้นลงจากอ้อมแขนนั้น ทำให้ผิวกายของทั้งคู่เสียดสีกันมากยิ่งขึ้น จนร่างบางต้องชะงักเมื่อรู้สึก
13เด็กเสี่ย เมื่ออบอุ่นกลับไปถึงบ้านพัก ก็พบว่าซานกำลังอัพโหลดไฟล์รูปภาพและวีดีโอลงแล็ปท็อปอยู่ในห้องนั่งเล่น ความตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างผิดปกตินี้ชวนให้แปลกใจเป็นอย่างมาก “กลับมาสักทีนะ เรากะจะออกไปกินข้าวเย็นพอดีเลย” ซานพูดขึ้นทันทีที่สังเกตเห็นเขา “สั่งมากินที่นี่เถอะ ขี้เกียจว่ะ” อยู่แต่ในบ้านนี่แหละปลอดภัยสุด จะได้ไม่ต้องเจอตาลุงหื่นกามอีก “โอเค เดี๋ยวจัดการให้” ซานพับหน้าจอแล็ปท็อปลง “เราลงพวกคลิปกับรูปไว้หมดละ เดี๋ยวจะแต่งแล้วส่งบางส่วนไปให้ไอ้ต้นกล้ามันเลือกไปตัด” ต้นกล้าคือเพื่อนร่วมงานที่คอยทำหน้าที่ตัดต่อคลิปให้น่าสนใจ “ทำไมขยันจังวะ” “คุณธันวาให้เงินก้อนโต ก็ต้องรีบสิวะ ถ้ายอดตอบรับดีๆ จะได้โบนัสเพิ่มอีก” ได้ยินดังนั้น อบอุ่นถึงกับขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าช่วงที่เขาไม่อยู่ ซานได้คุยงานหรือทำอะไรไปบ้าง “พวกมือถือกับกระเป๋าสตางค์เราอยู่ไหนอ่ะ” เด็กหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะเผลอพูดอะไรน่าสงสัยออกไป “อยู่ในห้องนอนมึงนั่นแหละ กล้องก็อยู่ด้วย” หนุ่มร่างสูงพยักเพยิดไปทางประตูห้อง “ว่า
14ตอกย้ำฐานะ อบอุ่นพลาด... การโต้แย้งยังไม่ทันจะได้เริ่ม ก็ถูกฝั่งนั้นจับเซ็นสัญญาเสียเรียบร้อย แรกเริ่มเดิมทีเขาตอบรับการโปรโมทโรงแรมของธันวาแค่ที่กระบี่เท่านั้น ไม่ได้ยินยอมเรื่องการโปรโมทที่พักจังหวัดอื่นๆ ในไทยให้เลยสักนิด เขาถูกมัดมือชก! อบอุ่นแทบจะร่ำไห้น้ำตาไหลเป็นสายเลือด เพราะการร่วมมือกันระหว่างธันวาและพฤกษ์ทำให้เขาโดนปั่นหัว โน้มน้าว ดึงไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนสับสนไปหมด รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับเซ็นสัญญาเสียเรียบร้อย จะฉีกสัญญาทันทีเลยก็ไม่ได้ เพราะค่าชดเชยสูงเกือบเจ็ดหลัก “ไม่ต้องกังวลไปหรอก” ธันวาพูดออกมาเหมือนกับรู้ว่าเขากังวลอะไรอยู่ “ผมกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีพอ” สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละ เขาไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะมีเวลาว่างเที่ยวมากแค่ไหน และเขาก็ไม่ได้อยากจะเที่ยวในที่ที่ไม่อยากไปด้วย …แต่เหตุผลสำคัญก็คือไม่อยากต้องทำงานภายใต้อำนาจของธันวา ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง “ไม่ต้องห่วง สัญญานี้เปิดกว้าง ทำอะไรก
27รุกที่ไม่ได้แปลว่ารุก ดินเนอร์บนดาดฟ้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว... ตอนนี้พวกเขากำลังนอนอยู่บนเก้าอี้โซฟาแบบปรับนอนได้แสนนุ่มขนาดใหญ่สำหรับสองคนเพื่อดูดวงดาวที่เริ่มโผล่ออกมาบางส่วน เนื่องจากเลยช่วงหัวค่ำมาสักพักแล้ว ทำให้ออกมานั่งรับลมข้างนอกได้อย่างสบายๆ โดยไม่มีแมลงใดๆ มารบกวน หลังจากที่อบอุ่นขอให้ธันวาเป็นช่างภาพให้ เขาก็รู้สึกเขินนิดหน่อยกับสายตาเป็นประกายเจิดจ้าของธันวาที่จ้องมองมาเหมือนกับกำลังมีความสุข (?) เขาเกือบจะหลบสายตา หาทางเปลี่ยนเรื่องแล้ว หากธันวาไม่ได้ตอบออกมาซะก่อน และแน่นอนว่าเขาตอบตกลง! สิ่งนี้ทำให้อบอุ่นอารมณ์ดีซะจนเอ็นจอยกับการกินอาหารเย็นเป็นพิเศษ ท่าทางที่กินก็ดูเอร็ดอร่อยซะจนธันวาถึงกับแซวว่าเขาควรจะทำวล๊อกเกี่ยวกับการกิน ถ่ายโชว์ตอนเขากำลังกินเหมือนที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่มากกว่า อบอุ่นอยากจะบอกไปซะเหลือเกินว่าเขาเคยทำมาแล้ว แต่อัพลงเฟซบุ๊กส่วนตัว แถมยังเคยไปรีวิวอาหารที่ร้านแล้วอัพลงเพจในเฟซบุ๊กอีกด้วย แต่ไม่บอกดีกว่า... ปล่อยให้เป็นเรื่องหนึ่งที่ธันวาไม่รู้บ้างก็แล้วกัน "ดูสิพี่ เริ่
26เดินหน้าเต็มขั้น หลังจากอาบน้ำ กินข้าวกลางวัน และดื่มน้ำซุปที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว ธันวาก็ไล่ให้อบอุ่นไปนอนพักผ่อน ก่อนที่ตัวเองจะขับรถออกจากบ้านหลังนี้ไป ทำให้อบอุ่นที่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ทำตัวไม่ถูกหายใจได้สะดวกขึ้น หากคิดดูจริงๆ แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อบอุ่นได้อยู่กับธันวาเพียงสองคน ไม่ใช่แค่อยู่ด้วยชั่วครั้งชั่วคราวเพียงไม่กี่ชั่วโมงแบบที่ผ่านๆ มา และยังไม่มีคนที่เขารู้จักอยู่ด้วยกันอีก ถ้าเกิดโดนฆ่าหั่นศพขึ้นมา ก็คงจะไม่มีใครรู้ อบอุ่นที่รู้สึกสร่าง หายเมาเป็นปลิดทิ้ง ได้แต่เดินสำรวจรอบๆ บ้าน บ้านหลังนี้มีเพียงชั้นเดียวก็จริง แต่ตกแต่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นแบบบิ้วท์อิน ทำให้พื้นที่ภายในบ้านดูกว้างขวางแตกต่างจากภาพที่เห็นด้านนอกลิบลับ ไหนจะโทนสีที่ทำให้บ้านดูสว่างไสวและอบอุ่นอีกล่ะ... สมกับเป็นบ้านพักตากอากาศที่ธันวาใช้อาศัยอยู่จริงๆ สิ่งที่ทำให้เขาค่อนข้างโล่งอกก็คือห้องนอนในบ้านมีสองห้อง ห้องที่เขาเข้าไปอาบน้ำเมื่อกี้ห้องหนึ่ง และห้องนอนของธันวาอีกห้องหนึ่ง มันทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาที่อย่างน
25ใจอ่อน หลังจากที่ชาร์จแบตเตอรีมือถือแล้วเจอเข้ากับจำนวนสายที่ติดต่อเข้ามามากมายและสติกเกอร์เหมือนคนสำนึกผิดของธันวา คนที่ยังรู้สึกตื่นไม่ค่อยเต็มตาก็ถึงกับงงตาแตกไปพักใหญ่ ก่อนจะเลื่อนหน้าจอมือถือไปเจอสาเหตุที่เขาก็ลืมมันไปซะสนิท อบอุ่นเกือบจะได้ยิ้มให้กับความน่ารักของสติกเกอร์เหล่านั้นอยู่แล้วเชียว หากไม่เห็นข้อความล่าสุดซะก่อน ไม่เจ้าชู้? ทำไมต้องพิมพ์มาเหมือนกับว่าเขากำลังหึงหวงธันวาอยู่อย่างงั้นล่ะ!? เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย เอ๊ะ หรือว่าจะใช่? แต่แค่ส่งสติกเกอร์โกรธไปเฉยๆ เนี่ยนะ!!? อบอุ่นตบตีกับความคิดในหัวอยู่นาน ก่อนจะปัดมันทิ้งเมื่อโดนท้องส่งเสียงร้องโครกครากบ่งบอกให้รู้ว่าควรลงไปกินอาหารเที่ยงได้แล้ว โชคดีที่หลังจากทำโอทีกันทั้งคืน วันนี้เลยเป็นวันเดย์ออฟ ไม่มีการทำงานใช้แรงงานใดๆ เลยทำให้เขามีเวลาเคลียร์งานวล๊อกและปัญหายุ่งยากต่างๆ สุดท้ายวันเวลาที่เหมือนจะสบายๆ ในค่าย แต่ยุ่งๆ เพราะงานนอกที่ต้องคอยจัดการก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการรบกวนอย่างการส่งไลน์มาสวัสดียามเช้าของธันวาอีก... เรียกว่าไม่
24ว้าวุ่น ซู้ดดดดด~~~ เสียงสูดเส้นบะหมี่ร้อนๆ ดังลั่นห้องอาหารเย็นของโรงแรมแห่งหนึ่งในเครือธนภูดินันท์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานที่พักแรมของค่ายอาสามากนัก ธันวาเท้าคางมองคนที่กำลังนั่งซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เขาเป็นคนทำให้ ท่าทางจ้วงเอาๆ ของคนหิวโซ ดึงดูดความสนใจของเขาได้เป็นอย่างดี ไม่ยักจะรู้ว่าการมองอบอุ่นกินมันเพลินตาได้ขนาดนี้... หลังจากที่จัดยกที่สองกันเสร็จ เขาก็แกล้งอบอุ่นเล่นนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำอะไรต่อ เพราะสังเกตเห็นถึงความเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายเข้า นอกจากนี้เสียงโครกครากที่ดังลั่นออกมาจากกระเพาะของเด็กหนุ่มยังเป็นการยุติสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี สุดท้ายพวกเขาก็ต้องกลับมายังโรงแรมเดิมอีกครั้ง เพื่อที่จะใช้ห้องน้ำส่วนตัว ไม่ใช่ห้องน้ำรวมของผู้ชายที่ล้อมไว้ด้วยสังกะสีผุๆ ซึ่งทำขึ้นชั่วคราวไว้ใช้ในค่าย แต่ก่อนที่จะได้อาบน้ำ เขาได้โน้มน้าวให้อบอุ่นรออยู่ในห้องอาหารเพื่อรอกินอาหารฝีมือเขาก่อน ด้วยความที่อยากให้กลิ่นกายของเขาฝังอยู่ในตัวอบอุ่นนานๆ จริงๆ วิธีที่ดีกว่านี้ก็มีอยู่... ก็การที่ฝากฝังตัวตนของเขาไว้ใน
23ฝากฝังกลิ่นอาย “ไอ้เชี่ยปัตรแม่งงง หายไปหนายวะ” “ชิท! “ เสียงสบถของธันวาทำเอาอบอุ่นที่กำลังตกใจกับเสียงคนเมาต้องมองใบหน้าเข้มอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเขาสบถแบบนี้มาก่อน “ปล่อยผมลงเถอะ” การหาที่หลบเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า ทำให้อบอุ่นพยายามจะผลักไสตนให้หลุดพ้นจากการสอดประสานกับคนตัวสูง แต่ธันวากลับล็อคตัวเขาไว้แน่น ไม่ยอมให้ได้ขยับไปไหน “เกาะไว้แน่นๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ธันวากระซิบเบาๆ เขาเอาแขนออกจากข้อพับเข่าของอบอุ่น จับให้ขาเล็กนั่นล็อกเอวเขาไว้แทน เพื่อที่มือจะได้ใช้ในการกวาดกางเกงที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมา แล้วเดินไปทางฝั่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้ขึ้นอยู่ค่อนข้างจะหนาแน่น อบอุ่นที่กำลังลุ้นระทึกอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แต่เกาะธันวาไว้แน่นเหมือนกับลูกหมีโคอาล่าทั้งๆ ที่สามารถกระโดดลงไปยืนเองได้ เขาซบหน้าลงกับอกกว้างแน่น อย่างน้อยหากคนๆ นั้นมาเห็นเพียงข้างหลังและเสื้อสูทที่เขาใส่อยู่ก็จะไม่สามารถเดาได้ว่าเขาคือใคร “หืมมม ทำไมไม่เปิดไฟว้าาา” เสียงที่ได้ยินมันใกล้มากซะจนอบอุ
22น้ำที่คั่งค้าง ด้านหลังอาคารไม้สูงสามชั้นซึ่งอยู่ห่างจากอาคารนอนของชาวค่ายอาสาไม่มากนัก ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมนจากแสงไฟที่เข้าไม่ถึง มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลงมาให้เห็นเก้าอี้ยาวและเหล่าต้นไม้พุ่มไม้ที่ขึ้นอยู่ไม่เป็นระเบียบ แต่ถูกดูแลตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้คือจุดหนึ่งที่ใช้ในการพักผ่อนหย่อนกาย เสียงจากวงเหล้าที่ลานเอนกประสงค์ กว่าจะผ่านมาถึงบริเวณนี้ก็เบาลงจนแทบไม่ได้ยิน แต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังถูกหลอกล่ออยู่ใจเต้นตึกตัก ด้วยตระหนักว่ามีคนมากมายแค่ไหนอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ช่วงตึก ไหนจะเหล่าคนเมาที่อาจจะมีโอกาสเดินมาข้างหลังได้หากขาดสติจนหลงทาง ธันวากำลังมองตากลมๆ ซึ่งลุกวาวด้วยความโกรธที่ถูกเขาใส่ความอย่างอารมณ์ดี เห็นอาการพูดไม่ออกของอีกฝ่ายแล้วก็โมเมเอาซะว่าอบอุ่นนั้นเต็มใจ มือใหญ่ดึงกระชากกางเกงที่ค้างอยู่บนเข่าออกจากเรียวขาของร่างเล็กอย่างรวดเร็ว ตามด้วยบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วจนอบอุ่นสัมผัสได้ถึงความโล่งของผิวกายเบื้องล่าง “ให้ตายเถอะ! “ อบอุ่นสบถลั่น พยายามจะคว้าปราการสุดท้ายของตนคืนมา “จุ๊ๆ ไม่กลัว
21ท่ามกลางแสงจันทร์ “พอได้แล้วมึง จะรีบดื่มทำไมวะ” โอ๊ตเป็นคนเดียวที่พยายามจะห้ามอบอุ่นในเวลานี้ ในขณะที่คนอื่นเอาแต่ชวนให้เพื่อนตนดื่มจนตัวแดงไปหมด “ของอร่อยก็ต้องกินเยอะๆ ดิวะ” อบอุ่นปฏิเสธความหวังดีนั้น คำพูดของเด็กหนุ่มตรงกับความจริงเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น จริงอยู่ที่ว่าเหล้าในวงเหล้าคืนนี้อร่อยเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นเหล้าขาวที่ผสมกับเครื่องดื่มชูกำลังและน้ำอัดลมจนอร่อยเหมือนค็อกเทล แต่เพราะการพ่ายแพ้จากงานกีฬาสีในช่วงบ่ายจนเขาได้กินแต่เพียงข้าวกับผัก ประจวบกับวล๊อกที่เพิ่งอัพลงยูทูปโดยต้นกล้า คนที่ตัดต่อวีดีโอให้เขา แล้วปรากฏว่าผลตอบรับไม่ดีเท่าเมื่อก่อน อีกทั้งเพจเฟซบุ๊กก็โดนลดการเข้าถึง ทำให้อบอุ่นต้องดื่มเหล้าแก้อาการหงุดหงิดใจที่กำลังเป็นอยู่ โชคดีที่ธันวาไม่อยู่ เพราะต้องกลับไปทำงานอะไรสักอย่าง เขาเลยมีโอกาสได้ดื่มอย่างเต็มที่ จริงๆ แล้วมันอาจจะถือว่าเป็นโชคร้ายก็ได้ เพราะพอธันวาไม่อยู่ เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารสุดรันทดตอนมื้อเย็นไปได้ ถึงเขาจะไม่ชอบการใช้สิทธิพิเศษใดๆ แต่ลึกๆ แล้วก็อดคิดถึงความสะดวกสบายเมื่อมีคนตัว
20อ้อน "คุณธันวาครับ" น้ำเสียงจริงจังของบอร์ดี้การ์ดคนสนิทเรียกให้เจ้านายที่กำลังยืนคิดอะไรบางอย่างอยู่หันไปมอง "หืม" ถึงแม้จะขับรถมาค่ายกันเพียงสองคน แต่ด้วยความที่สถานที่ในค่ายเป็นสถานที่เปิด ไม่มีการคุ้มกันหรือหน่วยรักษาความปลอดภัยใดๆ บอร์ดี้การ์ดของธันวาจึงจำเป็นที่จะต้องคอยตามอยู่ห่างๆ และในบางช่วง...อย่างเช่นตอนนี้ ธันวาเรียกมาร์คเพื่อให้มารายงานสถานการณ์หรืองานที่สั่งให้ไปทำ "เรื่องเอกสารที่จะต้องเซ็น..." "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันกลับไปจัดการเอง" แค่แว๊บไปนิดเดียวไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะโรงแรมของเขาอยู่ห่างจากที่นี่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น "เรื่องยาหยีที่ฉันให้นายคอยจัดการเป็นยังไงบ้าง" ธันวาหมายถึงคู่ขาคนล่าสุดของเขาที่ห่างหายกันไปนานเป็นเดือน จนคิดว่าน่าจะจบกันไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ก็ยาหยีก็กลับมาเรียกร้องความสนใจอีกครั้ง ถึงจะเรียกว่าคู่ขา แต่ระดับความสัมพันธ์ของเขากับเธอค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว จนมาร์คเคยคิดว่ายาหยีจะได้ขึ้นเป็นตัวจริงของธันวาในเร็ววันนี้ แต่จู่ๆ คนทั้งคู่ก็ห่างเหินกัน จนในที่สุดธันวา
19ความผิดสามกระทง “เหล้าจะหมดแล้ว อบไปซื้อให้พวกพี่หน่อยนะ” ดินสั่งพร้อมกับยื่นแบงค์สีเทามาให้ ด้วยความที่ดื่มกันเพลินไปหน่อย ในที่สุดวิสกี้ขวดใหญ่ราคาเป็นหมื่นอีกขวดที่เพิ่งเปิดหลังจากอบอุ่นมานั่งก็หมดลงอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาพักกลางวัน “ไม่ต้อง พี่มีวอดก้าอยู่ในรถ เดี๋ยวไปเอาให้” ธันวารีบแทรกขึ้นมาก่อนที่คนข้างกายจะทันได้ขยับตัว ตั้งแต่ได้ฟังประโยคอันชวนน่ากังวลถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเขาเข้าไป อบอุ่นก็เก็บปากเก็บคอ นั่งขัดสมาธิคอยชงเหล้าให้เหล่าพี่ๆ ดื่มอย่างเรียบร้อย ไม่คิดจะดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มอีก ถึงแม้ว่ามันจะอร่อยสมกับราคาอันแพงหูฉี่แค่ไหนก็ตาม อบอุ่นเพิ่งจะรู้สึกตัว หลุดออกจากความคิดอันยุ่งเหยิงในหัว ก็เมื่อน้ำหนักของแขนใหญ่บนบ่าได้หายไป... เป็นธันวาที่ลุกขึ้นเดินไปเอาของในรถยนต์ที่จอดไว้หน้าอาคารนอน “พวกมิกซ์กับน้ำแข็งเหลือน้อยแล้ว เดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็แล้วกันครับ” เขารีบอาสากับพวกพี่สองคนที่คนนึงเริ่มนอนเลื้อย ส่วนอีกคนนึงก็สับไพ่เล่นอย่างเบื่อๆ “เออ ดีเหมือนกัน เอารถพี่ไปเปล่า หรือว่าจะเดินไป?” ดินถาม