“โอ๊ะ ขอโทษนะ” เสียงแหบ ๆ นั้นปลุกเธอให้ตื่นจากความทรงจำเก่า ๆ เด็กหนุ่มผมแดงสวมเสื้อยืดเรียบ ๆ กับกางเกงยีนเก่า ๆ พยายามทรงตัว เขาถือเบียร์สองแก้ว “มันมืด...คือ”
“ไม่เป็นไร ๆ ไม่เจ็บหรอก” เธอบอก ปัดน้ำตาออกจากแก้ม
เขามองหน้าอเล็กซิสที่มีคราบน้ำตา แววตาบ่งบอกว่าเห็นใจ
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะนายชนหรอก อย่าคิดมาก” เธอบอก กะจะเดินออกจากสถานที่หลบภัยชั่วคราวแห่งนี้
“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ” เขาถามโดยไม่ยอมสบตา มันเป็นบุคลิกของเขาเอง ออสโล่ค่อนข้างขี้อาย
“ไม่เลย ทำไมนายมาคนเดียว คริสติน่าอยู่ไหนล่ะ” เธอถาม ออสโล่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิชาเลข และเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนเหมือนกัน
“ก็...ฉันมากับคริสติน่านั่นแหละ แต่คนที่เธอแอบชอบมาคุยกับเธอ ฉันก็เลย....” พวกเขายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ เขาจึงไม่ต้องอธิบายต่อ ออสโล่เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัด เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและใบหน้าตกกระ
“ฉันได้ยินมาว่าเธอสอบติดที่เดลฟี ยินดีด้วยนะ” เขาว่า
เพื่อนคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเดวี่และจูน ไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงมัน
“ขอบใจ แล้วนายล่ะ”
“ติดวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่อีสท์แลนด์”
“เจ๋งนะนั่นนะ” เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อนแต่ละคนต่างไล่ตามความฝัน ส่วนเธอหมกมุ่นอยู่กับปัญหาในใจตัวเอง หน้าของเดวี่ปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้งพอพวกเขาคุยกันเรื่องเรียนต่อ อเล็กซิสจำได้ว่าเดวี่เคยอยากเรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์หรือไม่ก็ธุรกิจ แต่เพราะถูกชวนให้ไปเล่นเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพกับสโมสรแห่งหนึ่งเสียก่อน เดวี่ดีใจมากและตัดสินใจเลือกสายนี้แทน อเล็กซิสยังจำภาพตัวเองกับจูนคอยเชียร์เขาตรงอัฒจันทร์ได้เป็นอย่างดี หลังจากจบการแข่งขันและโรงเรียนได้ถ้วยรางวัล เธอวิ่งลงสนามไปหาเขา แล้วพวกเขาก็จูบกันเพื่อฉลองให้กับชัยชนะเหมือนกับในหนัง
ยัยบ้า เลิกคิดถึงสองคนนั้นสักทีสิ!
เสียงดนตรีเงียบลงแต่เสียงคนยังดังอยู่ คงมีใครสักคนเล่นเกมท้าทายบางอย่างอยู่ข้างนอกแน่ ๆ
“พรุ่งนี้ ฉันคิดว่าคงเห็นชื่อเธอแน่ ๆ” ออสโล่เดา อเล็กซิสสั่นหัวอย่างถ่อมตัว แม้ลึก ๆ ยินดีกับคำพูดนั้นและดีใจที่เขาชวนคุยเรื่องนี้ต่อ หลังจากที่คุยกับเจสซี่เรื่องทุน ความมั่นใจในตัวดิ่งลงไปจนสุด แต่พอฟังออสโล่พูดแบบนี้ ความมั่นใจเลยกลับเพิ่มขึ้นมาอีก “ตอนที่สัมภาษณ์ฉันทำได้แย่มากเลย พวกเขาไม่สนใจฉันเลย” ออสโล่เล่า
“เหรอ แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ” เธอพยายามไม่พูดเรื่องตัวเองเพื่อให้เขารู้สึกแย่ เพราะตอนสัมภาษณ์ พวกกรรมการดูชอบเธอมาก บางที เธออาจจะยังมีโอกาส บางทีเจสซี่คิดผิด เธออาจจะได้ทุนก็ได้
“เออนี่ ฉันมาคนเดียวเหมือนกัน พวกเราเข้าไปในงานพร้อมกันไหม จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก” เธอชวนเพราะไม่อยากนั่งกับทีม เพราะพวกเธอจะต้องยกเรื่องเดวี่กับจูนมาพูดอีกแน่ ๆ อเล็กซิสตัดสินใจเลือกคุยแต่กับออสโล่ดีกว่า เพราะว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเหมือนกับคนอื่น และไม่ทำให้เธออึดอัด อเล็กซิสรู้ว่าเพื่อนทุกคนหวังดีกันทั้งนั้น แต่เธอแค่ไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับสองคนนั้นอีกแล้ว
“ดีสิ เอ้อ เอาเบียร์ไหม” เขายื่นแก้วเบียร์แก้วหนึ่งให้เธอ
“นายดื่มทีละสองแก้วตลอดเลยเหรอ”
“บ้าน่า ของคริสติน่า จนฉันเห็นเธอคุยกับ...”
“อ้อ เข้าใจแล้ว” อเล็กซิสรับไว้
พวกเขาเดินกลับไปยังสระว่ายน้ำ ทุกคนกำลังส่งเสียงเชียร์ปีเตอร์ เลย์ตัน ที่กำลังเดินบนน้ำอยู่ เวดนั่งอยู่บนเก้าอี้ไลฟ์การ์ดกำลังอัดวิดีโอ เห็นชัด ๆ ว่ามีแผ่นกระจกอยู่ใต้น้ำ
“เหมือนเขากำลังเดินอยู่บนน้ำจริง ๆ นะ” ใครสักคนว่า
“ใช่ไหมล่ะ พรุ่งนี้ทุกคนต้องฮือฮาแน่” เวดคาดการณ์ เขาดื่มจนหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้า
เห็นแผ่นกระจกชัดออกจะตาย พวกนายเมาหนักแล้วนะ
อเล็กซิสกับออสโล่ไม่ค่อยสนใจมายากลงี่เง่าเท่าไร
เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำ วินาทีนั้น อเล็กซิสตระหนักดีแล้วว่าเธอไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมงานปาร์ตี้ต่อไปจริง ๆ ในหัวของเธอมีแต่เรื่องเดวี่กับจูน เธอไม่ควรอยู่ในงานนี้ ทั้งที่ตัวเองยังไม่พร้อมจะทำอย่างอื่น มันเป็นเรื่องยากที่จะทำตัวเหมือนปกติ เธอต้องการเวลาในการสงบจิตใจ
“ขอโทษนะออสโล่ แต่ฉันคิดว่าฉันกลับดีกว่า” เธอบอกเพื่อน
“ได้ ให้ฉันไปส่งบ้านนะ” ดวงตาของเขาบ่งบอกว่าเข้าใจเป็นอย่างดี ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครพลาดข่าวเรื่องของเธอจริง ๆ
“นายใจดีมากเลยนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันเอาจักรยานมา ขอบคุณนะออสโล่ บายก่อนละกัน ตื่นเต้นจังเลย พรุ่งนี้จะประกาศผลแล้วนี่นา ภาวนาให้พวกเราได้นะ”
“อเล็กซ์ เธอดูไม่ตื่นเต้นเลย ฉันกำลังจะไปเหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกลับเป็นเพื่อน คริสติน่าไม่ต้องการฉันแล้วล่ะ” เขาพยักพเยิดไปทางเพื่อนสาว อเล็กซิสจึงเห็นว่าเธอกำลังหัวเราะร่วนอยู่กับคนที่แอบปิ๊ง เพียงแวบหนึ่งที่เธอจับสีหน้าของออสโล่ได้ทัน เขาค่อนข้างเจ็บปวดที่เห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ดวงตาสีน้ำตาลของเขาบ่งบอกว่าตัวเองคิดกับคริสติน่าเกินกว่าเพื่อน
ปัญหาเดียวกัน ปัญหาความรัก
ทั้งสองกำลังจะเดินออกจากงาน ทันใดนั้น เสียงไซเรนดังราวกับฟ้าผ่าทำลายความสนุกในงานปาร์ตี้ทันที ทุกคนหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง เวดเรียกคนรับใช้ทุกคนให้เอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดออกไป ออสโล่กับอเล็กซิสรีบวิ่งไปที่ประตูแต่สายไปเสียแล้ว พวกตำรวจล้อมคฤหาสน์ของเวดไว้หมดแล้ว ปฏิบัติการรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“แย่แน่ ๆ แม่เอาฉันตายแน่” ออสโล่รำพัน อเล็กซิสได้ยินเสียงเวดด่าใครก็ไม่รู้ที่บังอาจแจ้งตำรวจ
“ชะตากรรมพวกเราไม่ต่างกัน ให้ตายเถอะ ฉันต้องฟังพ่อกับพี่ชายบ่นทั้งวันแน่”
อเล็กซิสคิดว่าเธอกลับบ้านดึกแน่ ๆ และพ่อกับเจสซี่คงต้องมารับเธอที่สถานีตำรวจ เพราะพวกเขาต้องตรวจหาสารเสพติดก่อน เด็กสาวหามือถือของพ่อ แต่พบว่าตัวเองดันลืมเอามา
เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศผ่านโทรโข่งเสียงดังว่า “ขณะนี้พวกเธออยู่ภายใต้การจับกุม พวกเราจะพาพวกเธอไปที่สถานีตำรวจ อย่าขัดขืน”
อเล็กซิสเห็นเวดรีบรุดเข้าไปหาพวกเขา แม้หน้าจะยังแดง แต่สติยังคงดีอยู่ “ขอโทษนะครับ ให้ผมอธิบายหน่อยเถอะ พวกเราอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด เดี๋ยวคุยกับพ่อผมนะครับ”
เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสเห็นพ่อของเวดตัวจริง คุณมิลเลอร์เหมือนกับลูกชายราวกับแกะ แค่เป็นเวดที่ดูมีอายุมากขึ้น ผมสีบลอนด์ ตัวสูง และหล่อเหลา เขาวิ่งตรงไปยังนายตำรวจทั้งที่อยู่ในชุดนอน พยายามจะเจรจาแทนลูกชาย
“ไม่มีข้อโต้แย้งครับผม เด็กทุกคนต้องไปกับพวกเรา งานเลี้ยงเลิกราแล้ว เรามีหมายจับพิเศษ” เจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินกรมท่าทำหน้าตาย ประกาศว่าพวกเขามีสิทธิคุมตัววัยรุ่นทั้งหมดในที่นี้ “หมายจับภายใต้อำนาจกฎหมายรัฐบัญญัติ 2966 ครับ”
“อะไรนะ!” นายมิลเลอร์อึ้งจนพูดไม่ออก
ทุกคนยกมือขึ้นปิดปาก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกกฎหมายชิ้นนี้เล่นงานเข้า อย่างน้อยอาจเป็นเพื่อนบ้านรำคาญเสียงดังแล้วแจ้งตำรวจไม่ใช่หรือ
“หูฉันมีปัญหาหรือเปล่า ฉันได้ยินว่าพวกเขาพูดถึงรัฐบัญญัติ 2966” ออสโล่ถามย้ำ
อเล็กซิสพยักหน้า “หูของนายปกติดี”
แม้จะเป็นวันหนึ่งในฤดูร้อน แต่ลมในยามค่ำคืนนั้นเย็น อเล็กซิสถอนหายใจ นี่มันไม่เกี่ยวกับการตรวจหาสารเสพติดเสียแล้ว
เวลาตีสอง คาเลบและเบียนน่าไม่อาจข่มตานอนหลับได้สนิท เพราะลูกคนที่สามยังไม่กลับบ้าน พวกเขาพยายามโทรหาเอโลดี้อยู่หลายรอบ แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติดสักที เพราะสายโทรศัพท์ที่บ้านเอโลดี้มีคนถือสายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเพื่อนของลูกสาวก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ทั้งสองเริ่มวิตกกังวลและกลัวไปต่าง ๆ นานา จินตนาการว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับอเล็กซิสก็เป็นไปได้ ทำไมโทรศัพท์ไม่ว่างเลยสักที เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเรื่องที่บ้านมิลเลอร์แน่นอน เขาลองโทรเข้าบ้านมิลเลอร์เพื่อเช็กว่ายังมีงานปาร์ตี้จัดอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าติดสายเหมือนกับบ้านเอโลดี้ คาเลบจึงคิดอยากขับรถไปคฤหาสน์หลังนั้นให้รู้แล้วรู้รอด“ทำไมพ่อกับแม่ไม่นอนกันอีกคะ” ไบรซ์เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เธอคงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่นอน และคงได้ยินเสียงคนในห้องรับแขกเจสซี่ก็เดินลงมาจากห้องตัวเองเหมือนกัน “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมยังไม่นอนกัน”“น้องสาวของพวกเธอยังไม่กลับมาเลย” เบียนน่าบอก “พวกเราโทรหาเพื่อน ๆ อเล็กซิสไม่ได้เลย สายยุ่งอยู่ตลอดเวลา”คาเลบที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเบอร์มือถือของคุณมิลเลอร์บ่นออกมา “ไม่มี ผมไม่มีเบอร์เขา ไปบ้านเขาเลยดีกว่า ให้ตายเถอะ
คาเลบสาบานได้เลยว่าเห็นเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกล้ำกลืนคำพูดและโทสะที่สาดเข้ามาราวกับห่ากระสุนลงไปเฮือกใหญ่ เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะคงสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดตาม หญิงสาวที่ตะโกนอยู่นั้นชื่อ แมรี่ คาร์เตอร์ เป็นแม่ของเบลินดา คาร์เตอร์ ประธานสภานักเรียนและหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนรัฐบาล ลูกสาวของเธอสอบติดวิทยาลัยเดียวกับอเล็กซิส และตอนนี้ คุณนายคาร์เตอร์กำลังเบี่ยงประเด็น ไม่ว่าลูกสาวของเธอจะเคยอยู่ที่นั่นหรือไม่ ความจริงก็คือ หากลูกสาวของเธอเป็นแขกในงานนั้นก็เป็นเหตุผลที่ตำรวจจับเด็กสาวเอาไว้ แต่ก็นะ ทุกคนก็อยากจะช่วยลูกตัวเองกันทั้งนั้น“เราคุมตัวลูกสาวของคุณเพื่อสืบสวนค่ะ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณรายงานพวกเราว่า มีการกระทำที่บ่งบอกว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามรัฐบัญญัติปี 2966 พวกเราภูมิใจที่เธอทำหน้าที่พลเมืองที่ดี แต่ตามกฎหมาย เรายังต้องสอบสวนเธอเพื่อขอข้อมูลและสืบหาความจริงอีก โปรดเข้าใจพวกเราด้วยค่ะ ขอให้คุณใจเย็น ๆ แล้วนั่งรอนะคะ”คาเลบและเจสซี่มองหน้ากันทันที พวกเขาบังเอิญทราบตัวการของเรื่องยุ่ง ๆ นี้แล้วสิ“แล้วทำไมถึงจับลูกฉันไว้ในคุก!”ผู
อเล็กซิสหยุดพูดครู่หนึ่ง ทำหน้าเจ็บปวดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “แล้วก็เรื่องทุน...ได้ยินว่าคนที่เข้าชิงทุนทุกคนถูกคัดชื่อออกหมดแล้ว” เด็กสาวดูเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าข้อหาที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เมื่อเธอเห็นว่าคาเลบและเจสซี่ทำหน้าสงสัยว่าเธอทราบได้อย่างไร อเล็กซิสจึงอธิบายต่อ “ไรอันเป็นคนบอกพวกเราค่ะ พ่อของเขาทำงานที่ซานโบซ่า โพสต์ และก็เป็นผู้ปกครองคนแรกที่มาถึงสถานีตำรวจด้วย ไรอันบอกว่า หนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้ ไม่สิ ที่จะออกวันนี้จะลงข่าวว่า พวกเราถูกจับด้วยข้อหาใช้ยาเสพติด และในกลุ่มคนที่ถูกจับ มีเด็กที่เข้าชิงทุนรัฐบาลด้วย ซึ่งชื่อของพวกเขาจะถูกคัดออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิทันที”คาเลบไม่สนใจเรื่องทุนการศึกษาแล้ว เขาเอาแต่ภาวนาให้ลูกได้รับอิสรภาพมากกว่าสิ่งอื่นใด เพียงแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าอเล็กซิสเศร้าใจ เขาเข้าใจดีว่าลูกคงผิดหวังที่ตัวเองถูกถอนชื่อออกด้วยข้อหาเท็จ“ฉันอยากได้ทุนนะพี่ แล้วจะไม่คิดมากถ้าไม่ได้รับทุน แต่ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลนี้...”“เบลินดา คาร์เตอร์เป็นคนรายงานตำรวจ” เจสซี่เผย “หวังว่าจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นนะ ถ้าพวกกรรมการ...เอาเป็นว่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชื่
พอเจสซี่บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ อเล็กซิสคลายใจลง สุดท้ายเธอสามารถข่มตานอนหลับได้สนิท แม้ต้องนอนบนพื้นที่ทั้งแข็งและเย็นก็ตาม เธอหลับไปไม่นานมากนักและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความมั่นใจว่าจะถูกปล่อยตัวในวันนี้ อเล็กซิสเห็นว่ายังมีเพื่อนบางคนที่ยังหลับไม่ลง แม้ทุกคนทราบแล้วว่าเบลินดา คาร์เตอร์ เป็นคนแจ้งความกับตำรวจว่ามีกลุ่มเสี่ยงปะปนอยู่ในงานปาร์ตี้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะนิ่งนอนใจว่าขั้นตอนการตัดสินจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว บางคนรู้สึกเฉย ๆ บางคนยังลุกลี้ลุกลน อาจเป็นเพราะกฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับเคสเอชโอวันโดยตรง ทางการจึงมองกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต้องสงสัยเป็นตัวอันตรายต่อสหพันธรัฐ ดังนั้น ถึงแม้ยังไม่มีคำตัดสิน คนที่ถูกจับก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ที่มองพวกเขาอย่างจับผิด ทว่าในทางกลับกัน เพราะพวกอเล็กซิสถูกจับกุมตัวอันเนื่องจากมีการแจ้งความเท็จ ถ้าหากกฎหมายเข้มงวดแต่คงไว้ซึ่งหลักยุติธรรม ทางการจะไม่ปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับอาชญากรแน่นอน อเล็กซิสเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมของกฎหมายและเจสซี่ พี่ชายของตัวเองต้องขอบคุณโชคหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ช่วยให้เธอไม่ต้องอยู่
เวดสั่นหัว “ไม่มีทาง หยุดพูดแบบนั้นได้แล้วออสซี่”“ออสโล่ ชื่อออสโล่โว้ย” หนุ่มผมแดงตะคอก “เบล ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ” เขาหันไปหาเบลินดาแทน เวดไม่จุดชนวนทะเลาะแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เขาปิดปากเงียบ คงอยากรู้สาเหตุเหมือนกันเบลินดากอดอกตัวเองแน่น แล้วเขยิบถอยไปที่มุมห้อง ตอบกลับสั้น ๆ ว่า “ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นย่ะ”เวดหัวเราะอย่างดูถูก “ยัยนี่ ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วโว้ยว่าเธอพยายามจะกำจัดพวกเราออกจากลิสต์ เธออาจหลอกตัวเองได้นะ คิดตามที่เธอพอใจเลย...ยัยบ้าเอ๊ย” เขาเขยิบถอยห่างจากเด็กสาวราวกับเธอเป็นแมลงที่น่ารังเกียจที่สุดจนเขาทนไม่ได้แม้แต่จะอยู่ใกล้ ขณะเดียวกัน อเล็กซิสกับออสโล่ได้แต่ถอนหายใจอเล็กซิสเข้าใจเวดดีที่เขาฉุนเฉียวง่าย แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเค้นเอาความจริงจากคนที่ไม่แม้แต่จะรู้สึกผิดเลยสักเศษเสี้ยวหนึ่ง สถานการณ์ในตอนนี้ต่างหากที่เธอพะวงมากกว่า และมากกว่ามานั่งโทษเบลินดาด้วย เพราะมันเกี่ยวกับอนาคตของเธอฉันจะยังเชื่อพี่ได้อยู่หรือเปล่า ฉันยังเชื่อพี่ได้
อเล็กซิสคิดว่าบทลงโทษรุนแรงเกินไป แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ข้อกล่าวหาเท็จสามารถทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย ตัวอย่างแรก ทั้งเวด อเล็กซิส และออสโล่หมดสิทธิ์ในการเข้าชิงทุนทันที นี่คือตัวอย่างที่เบาที่สุดแล้ว บางทีบทลงโทษที่ว่าก็ฟังดูไม่เยอะเกินไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่าคนที่เหลือบริสุทธิ์ บทลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับเบลินดาก็อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเด็กสาวที่กำลังมีอนาคตเด็กสาวอ้อนวอนขอให้ลดโทษ แต่อเล็กซิสจับคำพูดเธอไม่ออกเท่าไร เพราะเบลินดาทั้งอ้อนวอนทั้งร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง“คุณคาร์เตอร์ คุณทำใจให้สงบก่อน (ใครจะสงบได้ อเล็กซิสคิด) ถ้าการกระทำของคุณทำให้เราจับกุมกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงได้ แม้คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือจะเพราะโชคช่วยก็ตาม เราจะลดหย่อนบทลงโทษที่ว่าให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเลิกการลงโทษทั้งหมด เพียงแต่จะเป็นวิธีอื่นแทน” หญิงสาวพลิกกระดาษบนตักไปมา ไม่ยี่หระต่อคนตรงหน้า “อีกเรื่องที่น่ายินดี นั่นคือเราไม่พบหลักฐานที่ว่าคุณเข้าข่ายกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินของเพื่อน ๆ ก่อน เราจะกลั
เจ้าหน้าที่สอบสวนหันไปปรึกษากัน อเล็กซิสมองสำรวจไปรอบห้อง เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายทำหน้านิ่งราวกับรูปปั้นหินอ่อน อเล็กซิสพยายามมองหาชื่อของตำรวจสาวเหมือนที่เคยทำกับเจ้าหน้าที่คนอื่น แต่ผมเปียหางปลาของหญิงสาวบังป้ายชื่อเธอเอาไว้ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่สาวกลับมาสอบสวนอเล็กซิสต่อ“คุณเดวิส โปรดมองที่หน้าจอนี้นะ” อเล็กซิสเงยหน้า จ้องแผนผังภายในสถานีตำรวจบนจอภาพแบนขนาดประมาณหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง เธอไม่เคยเห็นเทคโนโลยีล้ำสมัยเช่นนี้มาก่อน เพราะว่าเพียงแค่เจ้าหน้าที่สัมผัสหน้าจอ ทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นเองราวกับมีเวทมนตร์ เพียงแค่สัมผัสก็ควบคุมแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ผ่านหน้าจอเท่านั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนหญิงนับหนึ่งถึงสิบแล้วส่งสัญญาณให้นายตำรวจโจเซฟปลดล็อกข้อมือข้างขวาของเธอ “ช่วยวาดแผนผังเมื่อครู่ให้ทีนะจ๊ะ” เธอสั่งแล้วคว่ำหน้าจอลง“ข้างซ้ายค่ะ” อเล็กซิสบอกกับนายตำรวจ เขาพยักหน้าแล้วเปลี่ยนมาปลดล็อกมือข้างซ้ายแทนพวกเขาให้กระดาษใสกับปากกาสีดำมาอย่างละหนึ่ง อเล็กซิสเริ่มวาดแผนผังตามความจำของเธอ ซึ่งใช้เวลาประมาณห้านาทีเท่านั้
ภายใต้หลอดไฟดวงเล็กที่ส่องแสงสลัวอยู่บนเพดานสีขาวอมเทา อเล็กซิสไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในห้องขัง แต่กำลังเวียนว่ายหาฝั่งอยู่ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง บางทีเวดและออสโล่อาจจะกำลังแหวกว่ายอยู่ที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรแห่งเดียวกัน เพียงแต่เธอมองเห็นแค่มวลน้ำที่โอบล้อมรอบกาย พวกเขากำลังจมดิ่งลงไปในก้นทะเลลึก ต่อให้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งเท่าไร สุดท้ายก็หมดแรงสายตาของเธอเหลือบมองเวดและเบลินดา แม้มันไม่ใช่ความผิดของเธอจริง ๆ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พ่อของเวดสามารถจ่ายค่าปรับจำนวนนั้นได้สบาย ๆ และพาเขาออกจากที่นี่ เขาจะกลับไปใช้ชีวิตเดิมได้ ถ้าหากไม่พบว่ามีกลุ่มต้องสงสัย ส่วนเบลินดาอาจหาทนายความช่วยต่อสู้คดีเพื่อลดหย่อนโทษต่อไป คำตัดสินที่พวกเขาได้รับเมื่อครู่ ไม่ต่างจากถูกจำคุกตลอดชีวิตเวดทิ้งตัวนอนราบไปกับพื้น รอยช้ำมากมายปรากฏอยู่บนแขนและไหล่ของเด็กหนุ่ม พอเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวน เมื่อพวกตำรวจปลดล็อกแขนทั้งสองข้าง เขาพุ่งตัวหมายเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐทันที แต่โชคยังดี ใช่ โชคยังดี อเล็กซิสใช้คำถูกแล้ว โชคดีที่ตำรวจสองนายสกัดไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเวดคงโดนโทษหนั
อ้อ ไม่นับว่าหากเบนคนเดียวอยู่กับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง ข้อนี้ยกเว้น พวกเขาไม่สามารถมองหน้ากันระหว่างทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันได้แท้ ๆอเล็กซ์เลื่อนสายตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนของซาร่าห์ “เอ่อ ล้อเล่น ช่างมันเถอะ คือ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหิว ก็เลยออกมา แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียง...เสียงนั้นนั่นแหละ” เขาหรี่ตามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มร้ายแน่นอนว่าอเล็กซ์ต้องคุ้นกับเสียงของซาร่าห์ พวกเขาคบหาเป็นคู่รักกันตั้งสองสามสัปดาห์ก่อนที่เบนจะทำลายความสัมพันธ์ลง อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งสองต่างคุยกันอย่างปกติ เหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน“มันยากนักเหรอไง ที่จะหาผู้ชายสักคน” อเล็กซ์ถามอดีตแฟน “ที่ดีกว่าหมอนี่?”“ใช่” ซาร่าห์สารภาพระหว่างสางผมสีทองของตัวเอง “ที่นี่ไม่ได้มีหนุ่มฮอตเยอะแยะสักหน่อย แถมส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่สนใจพวกผู้หญิงกันแล้ว...รวมถึงนายด้วย”“เปล่าซะหน่อย...” อเล็กซ์เม้มปาก “ก็พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
เขาพยายามคิดว่าอเล็กซิสจะอยู่ที่ไหน บางทีอาจเป็นห้องฉายภาพยนตร์ เท่าที่เห็น เด็กสาวดูไม่น่าจะชอบที่จอแจ หากเป็นพวกผู้หญิงที่ง่ายหน่อยก็ไม่ต้องใช้เวลามาก แต่กับอีกประเภท ชั้นเชิงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่เลย บางทีอาจไม่ต้องใช้เวลามากก็ได้มั้ง แค่ให้ไอ้หัวทองไปไกล ๆ ก็พออย่างไรก็ตาม เขาไม่เจออเล็กซิสอยู่ดี เขาเจอผู้หญิงอีกคนเขาไม่แปลกใจที่เห็นเธอยืนเหมือนรออยู่แล้ว หญิงสาวยืนพิงกำแพงส่งยิ้มงาม เธอเคยสวยกว่านี้ เบนคิด วันเวลา สภาพที่ถูกกักขังในสถานที่ปิดลดทอนความสดใสในตัวคน ซาร่าห์ตรงหน้าเขาไม่ต่างจากกุหลาบใกล้ตาย เธอบิดริมฝีปากกึ่งเหยียดกึ่งยินดีเมื่อเขายิ้มให้เธอ เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวอาจไม่ผ่านบททดสอบ และแม้ดอกไม้ดอกนี้กำลังแห้งเหี่ยว แต่มันก็ยังดูสวยสง่าในแบบของมัน“ตายแล้ว นี่คือแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อมสภาพหรือเปล่า” ปากเธอว่าอย่างนั้น แต่มือกลับคล้องคอเขา ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน อีตัวก็คืออีตัวอยู่วันยังค่ำ กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวแตะจมูก มันเป็นกลิ่นกุหลาบ“เธอเคยเห็นกระป๋องซุปข้าวโพดที่ไม่ม
เขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามทาง พวกเขาอาจจะถูกปล่อยให้เน่าตายอยู่ในนี้ก็ได้ทั้งสองคนตกนรกมาเกือบเดือน มันเริ่มมาจากคืนนั้น เบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ ดื่มมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะเรียกว่า บริโภคแอลกอฮอล์ไปเกือบถัง ไม่ใช่ถังปกติ แต่ระดับถังกักเก็บน้ำก็เป็นได้ ปกติแล้ว เท่าที่เบนศึกษาจากตัวพวกเขาเอง มนุษย์ที่มีพรสวรรค์ต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์และยาได้ดีกว่าคนทั่วไปมาก หรืออาจจะเรียกว่าของพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาสูบหรือดื่มในปริมาณขนาดนั้น สุดท้าย ร่างกายก็ยอมแพ้อยู่ดี เมื่อสมองถูกแอลกอฮอล์หรือยาสักชนิดเล่นงาน สติค่อย ๆ ลดลง มันเป็นความประมาทเลินเล่อของพวกเขาด้วย วันนั้น ในห้องเพนต์เฮาส์ของอเล็กซ์ (ของอเล็กซ์จริง ๆ ไม่ใช่ของครอบครัว) ด้วยปราศจากสติสัมปชัญญะ พวกเบนทำเรื่องโง่เง่าที่สุดลงไป นั่นก็คือแสดงพลังเพื่อข่มกันและกันเบนค้นพบความสามารถเหนือมนุษย์มาตั้งแต่เด็ก ส่วนอเล็กซ์ได้รับพลังพิเศษมาจากอุบัติเหตุ สำหรับซาร่าห์ เขาไม่แน่ใจว่าเธอได้มาได้อย่างไร เพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง วันนั้นพวกเขาเพียงแค่แสดงความสามารถที่มี ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนใกล้ชิดคิดทรยศ
เครื่องตรวจจับควันถูกติดตั้งแทบทุกตารางนิ้ว ยกเว้นห้องใหม่ที่เพิ่งเปิด พวกเขานึกขอบคุณความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ติดตั้งระบบ เบนกับอเล็กซ์จึงได้โอกาสสูบกัญชาอัดปอดกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสิ่งรบกวน น่าแปลกที่ว่า เบนควรรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ (ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกแบบนั้น) ทว่าอารมณ์เริงร่ายินดีกับเรื่องนี้หมดลง เมื่อเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ทำตัวแปลกไป นับวันอเล็กซ์ยิ่งมีอาการแย่ลง แย่ลง เขาเอาแต่สิงอยู่ในท้องฟ้าจำลองตั้งแต่ที่พบว่ามันเป็นเขตปลอดเครื่องดักจับควัน คิดไปว่าห้องนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เบนมองว่าอเล็กซ์คงเลือกนอนตายในห้องนี้แน่นอนอเล็กซ์ค่อนข้างหงุดหงิดในช่วงแรกที่คนอื่นรู้ว่ามีห้องใหม่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบหรือตื่นเต้นไปกับดวงดาวเท่าไรนัก (เหมือนกับเบน) มีไม่เยอะนักที่จะมานั่งแช่นาน ๆ ดังนั้น ไม่กี่วันผ่านไปจึงเหลือไม่กี่คนที่เข้ามาดู อีกเหตุผลหนึ่งที่แขกมีจำนวนน้อย เพราะอเล็กซ์สูบบุหรี่ เมื่อเขาเริ่มจุด คนเริ่มทยอยหนีออกไป เพราะเหตุนี้ ห้องจึงมีกลิ่นกัญชาเกือบตลอดเวลา อเล็กซ์รู้วิธีไล่คนออกไปจากห้อง เขาต้องการยึดห้องนี้ไว้คนเดียว&
อเล็กซิสมองตาม เห็นอดีตประธานนักเรียนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่อย่างสนุกสนาน เบลินดาปรับตัวกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่เวดทำได้ คงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน เธอดูมีความสุขมากขึ้น หากนับจากวันที่ถูกจับมาด้วยกัน“นายยังคุยกับคาร์เตอร์อยู่ ฉันเห็น” อเล็กซิสพูด “นายไม่โกรธเธอเลยเหรอ”เขาสั่นหัว “หายโกรธไปแล้ว พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่นา ฉันค่อนข้างเห็นใจเบลนะ พวกเธอสองคนเย็นชาใส่เขามากไปหน่อย”อเล็กซิสจ้องตาออสโล่เขม็ง ชี้นิ้วไปที่หน้าตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ เย็นชาเหรอ เขาตั้งใจจะให้ฉันถูกจับเลยนะ”“ฉันรู้ ๆ อย่างน้อยเธอก็แค่ไม่สนใจเบล ก็ยังดี ฉันก็ไม่ได้จะว่าเธอสักหน่อย”อเล็กซิสถอนหายใจอย่างแรง “ออสโล่ ฉันรู้ว่านายใจอ่อนง่าย โอเค ฉันอาจไม่บ่น ไม่กล่าวโทษคาร์เตอร์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะเตือนนายให้ระวังคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคาร์เตอร์คิดอะไรอยู่ แถมเธอยังไม่เคยขอโทษพวกเราเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายยังคุยกับคนแบบนั้นได้ นับถือจริง ๆ”“
วินาทีที่อเล็กซิสหันไปมอง เด็กคนนั้นมองกลับมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด เขามักจะมองกลับมาเร็วเสมอเหมือนรู้สึกตัวตลอดเวลาว่ามีคนมองอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของอเล็กซิสได้สนิท ทั้งผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าเข้ม สีหน้าของเขาเหมือนกับกระจกสะท้อนสีหน้าของอเล็กซิสเช่นกัน เธอสอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีเรดาร์ติดตัวหรืออย่างไร ในเมื่อเขาสามารถจับสายตาคนได้ตลอด เธอจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน อันที่จริง ควรใช้คำว่า พอคุ้นหน้าคุ้นตามากกว่า“เด็กคนนั้น” โนเอลพึมพำ “เขาไม่คุยกับใครเลย พวกเราพยายามจะเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขากลับอยากอยู่คนเดียว เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆ ไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลยด้วย”“ไมเคิล” อเล็กซิสตอบ“เธอรู้จักเขาเหรอ” เวดถาม เริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทันที“อื้อ เราเคยเจอกันนานพอสมควร ฉันว่าเขาน่าจะเป็นคนขี้อายมาก ๆ ...หรือไม่ก็ ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่สิ ไม่ชอบคน”“แล้วไปรู้จักกันตอนไหน”“ตอนที่ไปเทสต์หน้ากล้อง”
“หวัดดี พวกนาย!” เทสซ่าเดินเข้ามา สวยเด่นมาแต่ไกล พอมาถึงก็เอามือเท้าเอว ส่วนอีกข้างเกาะขอบเก้าอี้ไว้ เทสซ่าสวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำครึ่งตัวกับกางเกงทหารสีกากี ศีรษะของเธออยู่ประมาณหูของอเล็กซิส“ได้เวลาพอดีเลย ลุยเลยเพื่อน!” เวดเชียร์เมื่อพวกพี่น้องโธมัสโผล่มาเทสซ่าอายุสิบเก้า เป็นเพื่อนคนแรกของพวกเขา เธอทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าของที่นี่ คอยให้คำแนะนำและพาเดินชมรอบ ๆ จนพวกอเล็กซิสรู้ว่าที่ไหนเป็นอะไรบ้าง พวกเทสซ่าแทบจะเป็นประชากรกลุ่มแรกเลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ที่มาก่อนเด็กซานโบซ่าราว ๆ สามอาทิตย์ เธอเล่าว่า ตอนแรกมีคนไม่เยอะเท่าไรนัก แต่เมื่อมีหน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ที่นี่ก็เริ่มแน่นขึ้นอย่างที่เห็น“อเล็กซิสจ๊ะ ฉันแอบเห็นเธอถามหาจอห์น ลีลอยด์ที่โรงหนังด้วยนะ ถ้าพวกฉันไม่เห็นเขา ก็ไม่มีใครเห็นแล้วล่ะ เชื่อเถอะ” เทสซ่าว่า สายตามองไปยังเสื้อแจ๊กเกตของเพื่อนสาว “ตัวนี้ก็สวยจัง”ส่วนอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเทสซ่าคือ มินนี่และโนเอล มินนี่เป็นน้องเล็กสุด อายุสิบเจ็ดปี แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่มินนี่ไม่เหมือนเทสซ่า เด็กสาว
เสียงเพลงในเลานจ์ดังพอสมควร แม้ดนตรีจะเป็นแจ๊สแต่ก็ออกมาจากตู้เพลง หาใช่ฝีมือนักดนตรีไม่ ครั้งแรกที่เธอเข้ามาที่นี่อดทึ่งและประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปราศจากหุ่นยนต์หรือแรงงานมนุษย์คอยควบคุม หรืออาจจะอยู่เบื้องหลัง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยปรนเปรอ ทุกอย่างเหมือนดีกว่าที่คิดไว้ อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อน ทว่าความเหงาไม่ได้ทุเลาลงเลยหากอยากฟังเพลงอะไร อยากดื่มอะไร เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอหรือออกคำสั่งด้วยเสียง ไม่กี่วินาทีของที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เธอเคยเห็นเทคโนโลยีแบบนี้แค่ในหนังเท่านั้น รัฐบาลโกหกประชาชนไว้หลายอย่าง พวกเขาปิดกั้นความรู้ไม่ให้ชาวนิวโฮปเข้าถึงดั่งอดัมกับอีฟ ทุกคนอยู่ในโลกอนาคต แต่กลับใช้ชีวิตเหมือนคนในยุคก่อน และความจริงที่เธอรับรู้ในตอนนี้อาจเป็นเพียงความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความจริงทั้งหมดก็ได้ไม่มีใครให้คำตอบหรืออธิบายข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น คนที่ถูกจับทั้งหมดถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตอยู่ในเกาะปลีกวิเวกสุดหรู อเล็กซิสเฝ้าถามตัวเองว่า ที่นี่มีไว้ทำอะไรกัน เธอไม่รู้ว่ามันอยู่ไกลกว่าบ้านหรือเปล่า หรือว่าอยู่ใน
“เออ ไม่มีน่ะสิ”พวกเขาหยุดอยู่หน้าประตูโลหะสีดำ มันเป็นสีดำ เพราะอย่างนี้นี่เอง ห้องนี้จึงโดดเด่นขึ้นมาจากห้องอื่น เพราะสีที่ต่างกับที่อื่นทำให้เบนรู้สึกถูกใจขึ้นมาทันที แม้ยังไม่เห็นว่าข้างในเป็นอย่างไรก็ตาม สีดำเป็นสีคลาสสิกและสะท้อนรสนิยม เพราะสีดำมีสไตล์ในตัวมันเองอเล็กซ์เปิดประตูนำเข้าไป ดวงตาสีดำเปิดประกายเจิดจ้าขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องเหมือนเด็กที่เห็นของเล่นถูกใจ ที่แท้ ห้องนี้คือห้องท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ ทรงกลม มีโปรเจ็คเตอร์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับที่นั่งรอบกำแพงจำนวนสิบที่ ท้องฟ้าจำลองยามค่ำคืนอวดดวงดาวนับพันที่กำลังส่องแสงระยิบระยิบ ตรงข้ามกับอเล็กซ์ เบนกลับผิดหวังที่มันเป็นท้องฟ้าจำลอง เพราะเขาไม่ใช่คนที่สนใจดูดาวพวกนี้เลย ทั้งความเงียบและท้องฟ้ามืด ๆ ดาวอะไรก็ไม่รู้ เบนไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น เขายอมอยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ที่มีแต่หนังโรแมนติกเก่า ๆ เล่าเรื่องราวความรักน้ำเน่ายังดีกว่า อเล็กซ์เดินวนไปวนมา จ้องมองท้องฟ้าข้างบนด้วยท่าทางครึกครื้น“นี่นะเหรอ...ที่ที่นายบอกว่าเจ๋ง”“เดี๋ยวสิวะ อ