อเล็กซิสมองตาม เห็นอดีตประธานนักเรียนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่อย่างสนุกสนาน เบลินดาปรับตัวกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่เวดทำได้ คงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน เธอดูมีความสุขมากขึ้น หากนับจากวันที่ถูกจับมาด้วยกัน
“นายยังคุยกับคาร์เตอร์อยู่ ฉันเห็น” อเล็กซิสพูด “นายไม่โกรธเธอเลยเหรอ”
เขาสั่นหัว “หายโกรธไปแล้ว พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่นา ฉันค่อนข้างเห็นใจเบลนะ พวกเธอสองคนเย็นชาใส่เขามากไปหน่อย”
อเล็กซิสจ้องตาออสโล่เขม็ง ชี้นิ้วไปที่หน้าตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ เย็นชาเหรอ เขาตั้งใจจะให้ฉันถูกจับเลยนะ”
“ฉันรู้ ๆ อย่างน้อยเธอก็แค่ไม่สนใจเบล ก็ยังดี ฉันก็ไม่ได้จะว่าเธอสักหน่อย”
อเล็กซิสถอนหายใจอย่างแรง “ออสโล่ ฉันรู้ว่านายใจอ่อนง่าย โอเค ฉันอาจไม่บ่น ไม่กล่าวโทษคาร์เตอร์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะเตือนนายให้ระวังคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคาร์เตอร์คิดอะไรอยู่ แถมเธอยังไม่เคยขอโทษพวกเราเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายยังคุยกับคนแบบนั้นได้ นับถือจริง ๆ”
“เธอก็มองฉันดีไป ก็แค่สงสารเขา”
“นายดูสิ คาร์เตอร์มีเพื่อนใหม่แล้ว มีความสุขดีโดยที่ไม่ต้องมีพวกเรา เธอไม่ต้องการความสงสารหรอกออสโล่ ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไร แต่ฉันกลัวว่าเธอจะทำร้ายนาย หรือหลอกใช้นาย อยู่ห่างคนแบบนี้ไว้ดีกว่า ฉันอยากเตือนนายเท่านี้แหละ”
ออสโล่พยักหน้า แต่เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนดีเกินกว่าจะยอมฟังคำเตือนของเธอ
จู่ ๆ มีเสียงเคร้งดังขึ้น เหมือนมีวัตถุบางอย่างหล่นลงข้างตัว อเล็กซิสมองตามที่มาของเสียง เห็นวัตถุลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าชิ้นเล็กทำจากโลหะ ไม่สิ ไม่ใช่โลหะ อเล็กซิสไม่แน่ใจ สีของมันเป็นสีขาวประกายทอง มีเพชรรูปไข่เม็ดเล็ก ๆ ประดับอยู่บนเรือนร่างสวยงามของมัน เธอหยิบดู พบว่าของที่ว่าเป็นไฟแช็ก
“ว้าว” ออสโล่ทึ่ง เมื่ออเล็กซิสยื่นให้ดู
“ของใครเนี่ย น่าจะแพงน่าดู”
“ไฟแช็กเหรอ”
“ใช่” อเล็กซิสเปิดฝาออก
“ขอโทษนะ นั่นของฉันเอง” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเหนือหัว อเล็กซิสและออสโล่เงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มตาหล่อจัดมองลงมา
“มันสวยมากเลย” เธอบอกเขาแล้วส่งคืนให้ ยังคงอึ้งเล็กน้อย เขารับไว้แล้วใช้นิ้วสัมผัสมือเธออย่างจงใจ เหมือนมีกระแสไฟส่งผ่านมาทันที อเล็กซิสรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า
“ใช่...คนนั้นหรือเปล่า”
“พวกเธอจำฉันได้เหรอ” เขาถาม
ทั้งคู่พยักหน้า
ชายหนุ่มคนนี้น่าจะอายุมากกว่าพวกเขาไม่กี่ปี อาจจะเป็นนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่ที่แน่ ๆ เขาอ่อนกว่าโนเอล ผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวกับหนุ่มหล่อที่ยิ้มให้อเล็กซิสในโรงอาหารเมื่อสามวันก่อน และตอนนั้นเองที่เวดเริ่มแสดงท่าทีหึงหวง ทำนิสัยเสียอย่างที่เธอเจออยู่ตอนนี้
“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“เอ่อ...พวกเรานั่งคุยกัน” ออสโล่ตอบ แต่ทำสีหน้าราวกับว่าถามโง่ ๆ
“ตรงนี้เลยเหรอ”
น่าแปลกนัก เพียงแค่เขาเลิกคิ้วถามกลับยิ่งน่ามอง
“มันเงียบกว่าที่อื่น” เด็กสองคนยืนขึ้น เพราะเมื่อยคอที่ต้องแหงนหน้าคุย พอยืนแล้วจึงเห็นว่าเขาสูงกว่าอเล็กซิสไม่มาก และน่าจะมาจากครอบครัวร่ำรวย เธอตัดสินเอาจากเสื้อผ้ามีราคาที่เขาใส่ บุคลิกท่าทาง การยืน สายตา ล้วนมีมาดเหมือนนักธุรกิจ แต่ก็ยังดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ปั้นแต่ง ทั้งหน้าตา องค์ประกอบต่าง ๆ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเดินออกมาจากนิตยสารแฟชั่นผู้ชาย ชายหนุ่มตัดผมสั้นจัดทรงเนี้ยบ ดูมีสไตล์ ใบหน้าเนียนไร้ซึ่งหนวดเครา
“บี.อาร์. คือยี่ห้อไฟแช็กเหรอ”
“เปล่า ชื่อย่อของฉันเอง”
ดวงตาสีอำพันของชายหนุ่มมองสลับระหว่างอเล็กซิสและออสโล่ “แล้วคนผมบลอนด์ล่ะ”
“กำลังเต้นอยู่”
“อ้อ...” เขามองไปยังเวดที่กำลังเต้นกับสาวคนอื่น เพราะเทสซ่านั่งอยู่กับโนเอล เอามือยันคางทำหน้ามุ่ยไม่พูดไม่จา
“แล้วพวกเธอไม่เต้นกันเหรอ”
อเล็กซิสสั่นหัว “อ้อ ไม่หรอก”
“ไม่ชอบเหรอ”
“ก็ชอบ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“เอ้อ เอางี้นะ ฉันปล่อยให้พวกเธอสองคนคุยกันแล้วกัน บาย” ออสโล่โน้มตัวลงเหมือนบอกลา แล้วหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเธอ
“เฮ้ย อย่าทำงี้สิ” เธอเรียก แต่เขาไม่ยอมกลับมา “นายนี่มัน...แสบกว่าที่คิด” เธอพึมพำแล้วหันกลับมาหาชายหนุ่มข้าง ๆ เขากำลังจ้องเธออยู่ แม้ไม่มีรอยยิ้ม แต่สายตาสื่อความหมายได้ดีว่าขบขัน เขาเข้าใจในสิ่งที่ออสโล่ทำ
“นายอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือยัง” เธอตัดสินใจถาม
“เกือบสามอาทิตย์แล้ว”
พอ ๆ กับพวกเทสซ่าเลย “แล้วนายเคยเห็นจอห์น ลีลอยด์ไหม”
“ใครเหรอ”
“นายไม่รู้จักเขาเหรอ” เด็กสาวทำตาโต
“ไม่นะ” เขายืนยัน ดูจากสีหน้าแล้ว อเล็กซิสแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหก “เขาเป็นใครเหรอ”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” อเล็กซิสผิดหวังเล็ก ๆ เทสซ่าพูดถูก ไม่มีใครเคยเจอจอห์นที่นี่จริง ๆ
“ในเมื่อเธอไม่เต้น ถ้าอย่างนั้น มาดื่มเป็นเพื่อนฉันไหม”
เวลาเขายิ้ม เหมือนมีประกายแสงสาดเข้าตา เขามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจทีเดียว โดยเฉพาะดวงตาและสีหน้าที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับเทพบุตรในคราบมนุษย์ เพียงแต่ว่า ปีกของเขาเป็นสีดำ ทุกครั้งที่เธอสบตา ดวงตาสีน้ำตาลอมเหลืองคู่นี้เหมือนมีมนต์ทำให้เธอลืมตัว ยิ่งเวลาเขากัดริมฝีปากแล้วเหยียดยิ้ม อเล็กซิสรู้สึกเหมือนมีคนเร่งอุณหภูมิในบริเวณนั้น ที่สำคัญ เขาไม่ได้ปกปิดกับดักที่ซ่อนอยู่หลังดวงตาคู่นั้นไว้เลย ไฟในดวงตาตรงหน้าส่องสว่าง ปราศจากเสียงล่อลวง เพียงแค่รอให้เธอลองเข้าไปสัมผัสว่ามันร้อนแค่ไหน
“เฮ้อ เสียงเพลงดังจริง ๆ” เขาบ่น มือที่ถือแก้วจ่อเข้าไปในน้ำพุไวน์ “ไม่ตอบถือว่าเออออ ฉันชื่อเบนจามิน แต่เรียกว่าเบนก็พอแล้ว เธอชื่ออะไรล่ะ” เขาแนะนำตัวเอง พร้อมยื่นมือมาอย่างเป็นทางการ อากัปกิริยาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง และเขาเป็นทั้งเจ้าชายและปีศาจ
“อเล็กซิส” เธอเขย่ามือนั้น อีกครั้งที่เหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าส่งผ่าน ราวกับเขายื่นการ์ดพร้อมริบบิ้น อเล็กซิสพยายามไม่จ้องตาเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ อเล็กซิส”
ทำไมนะ แค่รอยยิ้มธรรมดาถึงทำให้เขินได้ขนาดนี้ เด็กสาวคิด ชายคนนี้กับหนุ่มผมสีเงินทำให้เธอเกิดความรู้สึกดีที่ได้อยู่ในสวรรค์ลวงตาแห่งนี้ ถ้าหากเดวี่ไม่ได้นั่งอยู่ในใจ อเล็กซิสอาจจะลองเสี่ยงเล่นกับไฟ แต่ทำไมเดวี่ถึงยังอยู่ เขาควรออกไปจากใจได้แล้ว ถึงคนคนนี้จะดูอันตราย แต่เขาก็ไม่ได้เสแสร้ง ทำไมต้องสนใจคนที่นอกใจแล้วเลิกกันไปแล้วด้วย แค่คุยกันเล่น ๆ คงไม่เป็นไรมั้ง โอ๊ย นี้คิดอะไรมากมาย ช่วยไม่ได้ ฉันเป็นผู้หญิงนี่นา และพวกผู้หญิงมักมีคิดเยอะแยะ ตีกันไปหมด
สุดท้าย อเล็กซิสพยายามตั้งสติตัวเอง หนุ่มหล่อร้อนแรงส่งไออันตรายขนาดนี้ล้วนน่ากลัว เธอควรจำว่าเดวี่สอนบทเรียนอะไรไว้กับเธอบ้าง “เอ่อ ขอตัวก่อนนะ ฉันต้องกลับไปที่กลุ่มแล้ว” สุดท้ายเธอหักห้ามใจไม่หลงไปในกับดักเสน่ห์ของเขา
“เหรอ แต่เพื่อน ๆ เธอดูกำลังสนุกกับ...”
เด็กสาวมองไปทางเวดที่กำลังเต้นอย่างเมามัน ใบหน้าแดง ไม่สนว่าเตะหรือเหวี่ยงใส่ใครไปบ้าง เทสซ่ากับโนเอลก็ดื่มหนักราวกับกำลังแข่งกันอยู่ มินนี่...มินนี่ก็คือมินนี่ ส่วนออสโล่โบกมือให้เธอกับเบน
“เห็นไหม” เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มเหมือนผู้ชนะ
ไอ้ออสโล่ ไว้ทีฉันนะ
“โอเค...” เธอไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ความคิดสองอย่างเถียงกันอยู่ในหัว ในเมื่อชายหนุ่มคนนี้สนใจเธอ และเขาก็ดูดีเอามาก ๆ ทำไมเธอจะไม่ให้โอกาสตัวเองเล่า แค่คุยคงไม่เป็นอะไรมั้ง ชีวิตจะได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง อีกอย่างเธอก็ยังโสด ถึงเวลาเตะเดวี่ออกไปจากใจได้แล้ว
“ฉันไม่เต้นนะ แต่ถ้าคุยกันเฉย ๆ ก็ได้ เอ่อ นายมาจากไหนเหรอ” เด็กสาวจ้องไปที่เท้าตัวเอง
“เมืองหลวง”
มิน่า แค่รองเท้าก็แพงกว่าเสื้อผ้าของฉันทั้งตัวแล้ว
“แล้วเธอมาจากที่ไหนเหรอ อเล็กซิส”
“เรียกอเล็กซ์เถอะ ถ้าอยากจะพูดให้สั้นลง ฉันมาจากซานโบซ่า อยู่ในรัฐอิดริน่าน่ะ”
แต่เบนกลับหัวเราะ
“ขำอะไรเหรอ”
อีกแล้ว ถ้าเธอขอให้เขาหยุดยิ้มแบบนั้นได้จะแปลกหรือเปล่า เพียงแค่สายตาก็ทำให้เธอกระวนกระวายอยู่ไม่สุข พอจ้องกลับก็เหมือนถูกดวงตาคู่นั้นสแกนไปทั่วร่าง
“เพื่อนสนิทของฉันชื่ออเล็กซ์เหมือนกัน”
“อ้อ อย่างงี้นี่เอง เขาเป็นผู้ชายใช่ไหม” พูดจบ อเล็กซิสเม้มปากตัวเองทันที ยัยโง่ พูดอะไรไป ทำไมจู่ ๆ ถึงทำตัวโง่ขึ้นมา
“แน่นอน เขาเป็นผู้ชาย ฉันไม่ค่อยเห็นผู้หญิงชื่ออเล็กซ์เท่าไร” โทนเสียงบ่งบอกว่าขบขัน พอสายตาของเขาเลื่อนมาที่คางและคอ อเล็กซิสเบี่ยงตัวหลบสายตาทันที อาการเขินอายนั้นหายวับไป เพราะบาดแผลพวกนี้ทำให้เธอนึกถึงวันนั้น
“โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่ฉันเห็นแผลที่...”
“แค่รอยช้ำกับแผลเป็นนิดหน่อย...นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ”
“ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันอยากจะบอกว่า ฉันรู้วิธีลบรอยพวกนี้นะ” เขาไม่ตอบคำถามเธอ แต่โฟกัสที่รอยช้ำ “ในห้องพยาบาล มียาที่จะช่วยลบรอยพวกนี้ได้หมด ถ้าเธอสงสัยว่าฉันโกหกหรือเปล่า เธอลองดูสิ่งของรอบตัวก็แล้วกัน แล้วจะเข้าใจเอง ความรู้ที่พวกรัฐบาลปิดกั้นไว้ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีหรอกนะ”
เด็กสาวกวาดตาไปรอบ ๆ สนใจทันที “จริงเหรอ ลบได้หมดเลยเหรอ”
เขาพยักหน้า “อื้อ หมดเลย ลองไปดูไหมล่ะ ฉันจะพาไป” เขายื่นมือมา พร้อมกับรอยยิ้มที่ยากจะปฏิเสธได้ น่าขำที่มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกหมาป่าในคราบเจ้าชายล่อลวง แต่เธอกลับพร้อมเต็มใจรับข้อเสนอแสนยั่วยวน มองเห็นกับดักเป็นพรมแดง
“อเล็กซิส!”
เทสซ่าตะโกนเรียกเสียงดัง เวดกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้ว หรี่ตามองเบนเหมือนครั้งแรกที่เขาทำ อเล็กซิสอยากให้เขาเลิกทำท่าแบบนั้นสักที
เบนไม่ได้หันไปมอง แต่เหลือบมองพวกเขาผ่านหางตาเท่านั้น จากนั้นเขาเพียงหันมายิ้มน้อย ๆ “เพื่อนเธอเรียกแล้ว อย่าลืมไปเอายาที่นั่นล่ะ พวกผู้หญิงไม่ชอบมีรอยแผลเป็นหรอก จริงไหม”
“ขอบคุณเบน ขอบคุณจริง ๆ แต่นายจะไปแล้วเหรอ”
เขาเหยียดมุมปากข้างหนึ่งคล้ายกำลังแค่นยิ้ม “ครั้งหน้า หวังว่าเราคงจะมีเวลาคุยกันนานกว่านี้ แล้วเจอกัน”
เพียงแค่กะพริบตา เขาก็หายไปแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพอเทสซ่าเรียกเธอ เขาถึงรีบไป
“เธอคุยอะไรกับเขาน่ะ” เทสซ่าเดินตรงมาคล้องแขนเหมือนหวงเพื่อน อเล็กซิสเห็นภาพเอโลดี้ซ้อนขึ้นมา “หมอนั่นหล่อ รวย ทำตัวราวกับเป็นสุภาพบุรุษหลุดออกมาจากนิยาย แต่ตัวจริงน่ะ หมาป่าชัด ๆ บอกให้รู้ไว้เลยนะสาวน้อย เพราะฉันรู้จักหมอนี่มาก่อนเธออีก ร้ายจะตาย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาไม่ได้เสแสร้งสักนิด แต่เปิดเผยชัดเจนเลยล่ะ...แต่ว่านะ เทสซ่า หมาป่าตัวนี้คงเป็นหมาป่าที่มีเสน่ห์ล้นเหลือเลย เธอว่าไหม” อเล็กซิสหยอดเพื่อน
เทสซ่าสั่นหัว กอดอกแน่น “ไม่เอาน่า ใช่ว่าหนูน้อยหมวกแดงทุกคนจะมีนายพรานมาช่วยนะจ๊ะ หนูน้อยพวกนั้นถูกหมาป่ากลืนกินไปทั้งตัว เธอไม่เคยได้ยินพวกผู้ใหญ่สอนเหรอ ว่าอย่าเล่นกับไฟ”
ความรู้สึกที่เหมือนกลับไปอยู่โรงเรียนนี่คืออะไร อเล็กซิสพอเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเรียกที่นี่ว่า ‘หอพัก’ กัน
เครื่องตรวจจับควันถูกติดตั้งแทบทุกตารางนิ้ว ยกเว้นห้องใหม่ที่เพิ่งเปิด พวกเขานึกขอบคุณความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ติดตั้งระบบ เบนกับอเล็กซ์จึงได้โอกาสสูบกัญชาอัดปอดกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสิ่งรบกวน น่าแปลกที่ว่า เบนควรรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ (ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกแบบนั้น) ทว่าอารมณ์เริงร่ายินดีกับเรื่องนี้หมดลง เมื่อเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ทำตัวแปลกไป นับวันอเล็กซ์ยิ่งมีอาการแย่ลง แย่ลง เขาเอาแต่สิงอยู่ในท้องฟ้าจำลองตั้งแต่ที่พบว่ามันเป็นเขตปลอดเครื่องดักจับควัน คิดไปว่าห้องนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เบนมองว่าอเล็กซ์คงเลือกนอนตายในห้องนี้แน่นอนอเล็กซ์ค่อนข้างหงุดหงิดในช่วงแรกที่คนอื่นรู้ว่ามีห้องใหม่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบหรือตื่นเต้นไปกับดวงดาวเท่าไรนัก (เหมือนกับเบน) มีไม่เยอะนักที่จะมานั่งแช่นาน ๆ ดังนั้น ไม่กี่วันผ่านไปจึงเหลือไม่กี่คนที่เข้ามาดู อีกเหตุผลหนึ่งที่แขกมีจำนวนน้อย เพราะอเล็กซ์สูบบุหรี่ เมื่อเขาเริ่มจุด คนเริ่มทยอยหนีออกไป เพราะเหตุนี้ ห้องจึงมีกลิ่นกัญชาเกือบตลอดเวลา อเล็กซ์รู้วิธีไล่คนออกไปจากห้อง เขาต้องการยึดห้องนี้ไว้คนเดียว&
เขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามทาง พวกเขาอาจจะถูกปล่อยให้เน่าตายอยู่ในนี้ก็ได้ทั้งสองคนตกนรกมาเกือบเดือน มันเริ่มมาจากคืนนั้น เบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ ดื่มมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะเรียกว่า บริโภคแอลกอฮอล์ไปเกือบถัง ไม่ใช่ถังปกติ แต่ระดับถังกักเก็บน้ำก็เป็นได้ ปกติแล้ว เท่าที่เบนศึกษาจากตัวพวกเขาเอง มนุษย์ที่มีพรสวรรค์ต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์และยาได้ดีกว่าคนทั่วไปมาก หรืออาจจะเรียกว่าของพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาสูบหรือดื่มในปริมาณขนาดนั้น สุดท้าย ร่างกายก็ยอมแพ้อยู่ดี เมื่อสมองถูกแอลกอฮอล์หรือยาสักชนิดเล่นงาน สติค่อย ๆ ลดลง มันเป็นความประมาทเลินเล่อของพวกเขาด้วย วันนั้น ในห้องเพนต์เฮาส์ของอเล็กซ์ (ของอเล็กซ์จริง ๆ ไม่ใช่ของครอบครัว) ด้วยปราศจากสติสัมปชัญญะ พวกเบนทำเรื่องโง่เง่าที่สุดลงไป นั่นก็คือแสดงพลังเพื่อข่มกันและกันเบนค้นพบความสามารถเหนือมนุษย์มาตั้งแต่เด็ก ส่วนอเล็กซ์ได้รับพลังพิเศษมาจากอุบัติเหตุ สำหรับซาร่าห์ เขาไม่แน่ใจว่าเธอได้มาได้อย่างไร เพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง วันนั้นพวกเขาเพียงแค่แสดงความสามารถที่มี ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนใกล้ชิดคิดทรยศ
เขาพยายามคิดว่าอเล็กซิสจะอยู่ที่ไหน บางทีอาจเป็นห้องฉายภาพยนตร์ เท่าที่เห็น เด็กสาวดูไม่น่าจะชอบที่จอแจ หากเป็นพวกผู้หญิงที่ง่ายหน่อยก็ไม่ต้องใช้เวลามาก แต่กับอีกประเภท ชั้นเชิงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่เลย บางทีอาจไม่ต้องใช้เวลามากก็ได้มั้ง แค่ให้ไอ้หัวทองไปไกล ๆ ก็พออย่างไรก็ตาม เขาไม่เจออเล็กซิสอยู่ดี เขาเจอผู้หญิงอีกคนเขาไม่แปลกใจที่เห็นเธอยืนเหมือนรออยู่แล้ว หญิงสาวยืนพิงกำแพงส่งยิ้มงาม เธอเคยสวยกว่านี้ เบนคิด วันเวลา สภาพที่ถูกกักขังในสถานที่ปิดลดทอนความสดใสในตัวคน ซาร่าห์ตรงหน้าเขาไม่ต่างจากกุหลาบใกล้ตาย เธอบิดริมฝีปากกึ่งเหยียดกึ่งยินดีเมื่อเขายิ้มให้เธอ เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวอาจไม่ผ่านบททดสอบ และแม้ดอกไม้ดอกนี้กำลังแห้งเหี่ยว แต่มันก็ยังดูสวยสง่าในแบบของมัน“ตายแล้ว นี่คือแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อมสภาพหรือเปล่า” ปากเธอว่าอย่างนั้น แต่มือกลับคล้องคอเขา ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน อีตัวก็คืออีตัวอยู่วันยังค่ำ กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวแตะจมูก มันเป็นกลิ่นกุหลาบ“เธอเคยเห็นกระป๋องซุปข้าวโพดที่ไม่ม
อ้อ ไม่นับว่าหากเบนคนเดียวอยู่กับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง ข้อนี้ยกเว้น พวกเขาไม่สามารถมองหน้ากันระหว่างทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันได้แท้ ๆอเล็กซ์เลื่อนสายตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนของซาร่าห์ “เอ่อ ล้อเล่น ช่างมันเถอะ คือ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหิว ก็เลยออกมา แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียง...เสียงนั้นนั่นแหละ” เขาหรี่ตามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มร้ายแน่นอนว่าอเล็กซ์ต้องคุ้นกับเสียงของซาร่าห์ พวกเขาคบหาเป็นคู่รักกันตั้งสองสามสัปดาห์ก่อนที่เบนจะทำลายความสัมพันธ์ลง อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งสองต่างคุยกันอย่างปกติ เหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน“มันยากนักเหรอไง ที่จะหาผู้ชายสักคน” อเล็กซ์ถามอดีตแฟน “ที่ดีกว่าหมอนี่?”“ใช่” ซาร่าห์สารภาพระหว่างสางผมสีทองของตัวเอง “ที่นี่ไม่ได้มีหนุ่มฮอตเยอะแยะสักหน่อย แถมส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่สนใจพวกผู้หญิงกันแล้ว...รวมถึงนายด้วย”“เปล่าซะหน่อย...” อเล็กซ์เม้มปาก “ก็พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
กำหนดตรวจสุขภาพวันที่ 21 กรกฎาคม 3012 เวลา 9 นาฬิกา โปรดมาที่ห้องโถงภายในเวลาที่กำหนด “ตรวจสุขภาพเหรอ เพื่ออะไร”ในคลับ กลุ่มอเล็กซิสที่ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมเสมือนเป็นเจ้าของที่ตรงนั้นไปแล้ว ไม่มีใครกล้ามานั่ง ในกลุ่มประกอบไปด้วยพี่น้องโธมัสสามคนบวกกับเด็กจากเมืองซานโบซ่าอีกสามคนเป็นหกคน“ฉันว่านะ พวกเขาอาจต้องการฝึกพวกเราทำอะไรบางอย่าง ถึงได้มีการตรวจสุขภาพนี่ไง” เวดแสดงความเห็น “หน่วยทหารพิเศษอะไรพวกนั้น" อเล็กซิสมองออกว่ามันไม่ใช่แค่ความเห็น แต่เพื่อนของเธออยากให้มันเป็นแบบนั้นต่างหาก“นายดูหนังมากไปแล้ว” ออสโล่ค้าน“แต่ฉันว่าเขามีเหตุผล” โนเอลสนับสนุนทฤษฎีของเวด “อีกอย่าง คิดแบบนี้ดีกว่าแบบอื่นเป็นไหน ๆ”“ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมรัฐบาลปล่อยให้พวกเราสับสนกันอยู่ตั้งนาน ทำไมไม่บอกพวกเราไปตรง ๆ” อเล็กซิสยังคงตั้งข้อสังเกต “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น พวกเขาปกปิดบางอย่าง...ที่ไม่ดีแน่ ๆ ถ้าจะฝึกพวกเราเป็นทหารจริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องเงียบแบบนี้นี่นา”“แล้วเธอคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรล่ะ” เทสซ่าถามสาวจากซานโบซ่าสั่นหัว “ไม่รู้เหมือนกัน” แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“เธอเองยังไม่รู
“โนเอลโกรธพี่ เขากลัวว่าพี่จะกลายเป็นผู้หญิงสำส่อนและตอแหล” มินนี่เฉลยทุกอย่าง“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเอาเรื่องของฉันมาพูดกับคนอื่นสักที” พี่สาวมองน้องตาขวาง “เธอเป็นน้องของฉันหรือเปล่า ไปนอนได้แล้วย่ะ”“ถ้าฉันไม่เล่าเรื่องของพี่ ฉันจะไปเล่าเรื่องของใครล่ะ” มินนี่ยิ้มทะเล้นแล้ววิ่งหนีไป อเล็กซิสหัวเราะเบา ๆ แต่พอเห็นสายตาเทสซ่าดุจนน่ากลัว อารมณ์ขันนั้นหายวับไปทันที“โทษที...” เด็กสาวมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง สามทุ่มแล้ว “เอาล่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ”เทสซ่าหันไปหาออสโล่เหมือนขอความเห็น หนุ่มผมแดงสั่นหัว เธอจึงหันกลับมาหาอเล็กซิสอีก “ไม่ ไม่ ไม่ได้สิ นี่ยังไม่ดึกเลยนะ” โทนเสียงไม่เห็นด้วยสุด ๆ แต่เธอหยุดพูดสักพักเพื่อมองเวดจูบดูดดื่มกับสาวคนนั้น “อเล็กซิส เธอทำตัวเป็นยายแก่เลย”“คงจะแก่แล้วมั้ง”“เพราะเวดหรือเปล่า”เธอหัวเราะ “ไม่ใช่ สำหรับเรื่องนั้น ฉันสบายดี ยินดีเสียอีกที่เขาเจอคนใหม่ ดูเธอสิ สวยเป็นบ้าแถมยังมีชีวิตชีวาก
เธอหันไปเผชิญหน้ากับคนที่คอยไล่ทุกคนออกจากห้องด้วยกลิ่นนี้ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ค่อนข้างเพรียวแต่ไม่ผอมแห้ง ออกจะแข็งแรงด้วยซ้ำ คนตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีน และรองเท้าบูตส์ (ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสีอะไร) เขาจ้องมา ขณะเดียวกัน อเล็กซิสก็จ้องกลับ สำรวจมองลักษณะจึงเห็นผมสีดำยุ่ง ๆ ที่ทำให้เธอนึกถึงเจสซี่ ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อก็จริง แต่ก็ดูนิสัยร้ายกาจด้วย เมื่อแสงจากการระเบิดของดวงดาวสาดเข้าที่ใบหน้านี้ เธอจึงเห็นว่าสีหน้าของเขาเหมือนสะลึมสะลือ แต่พอกะพริบตาอีกทีกลับส่งแววตายียวนกวนประสาท“ช่วยหยุดสูบบุหรี่ได้ไหม” เด็กสาวขอร้องอย่างสุภาพแทนที่จะตอบรับ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาตรงหน้า พร้อมกับบุหรี่ที่คาบไว้ในปาก “ทามมายล่ะ มีกฎห้ามหรา” เขาตอบเสียงยานคางมุมปากข้างหนึ่งของเขากระตุกเหมือนยิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าเธออึ้งที่เขาปฏิเสธ ไม่สนใจมารยาทอันใด ชายร่างสูงจ้องหน้ายักคิ้วข้างหนึ่ง โทสะปะทุขึ้นในใจแต่ยังอยู่ในระดับแค่มีคนมาจุดไฟเย็นข้างใน อเล็กซิสพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ปล่อยให้ไฟไหม้จนหมดแท่งเด็กสาวเดินหนีและพูดกับเจ้าเครื่องฉายว่า &ld
“คงงั้น สมน้ำหน้าแล้วนี่” เธอตอบ บางทีคนคนนี้อาจไม่ได้นิสัยแย่อะไรมาก อาจจะเป็นแค่เกรียนคนหนึ่ง “แล้วก็ขอบคุณที่นายผลักฉันออกไปด้วย...ถึงแม้จะเกือบโหม่งกำแพงก็เถอะ เอ ว่าแต่ตอนนั้นนายผลักฉันเหรอ”แต่เธอไม่ได้ติดใจอะไรมาก อเล็กซิสมองไปรอบ ๆ แล้วถอนหายใจ แต่แล้วแสงสว่างในห้องค่อย ๆ ลดลงจนมืดสนิท เครื่องโพรเจกเตอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง ดวงดาวฟื้นคืนชีวิต“นายคงชอบห้องนี้มาก ก็ได้ ฉันปล่อยให้นายครองห้องก็แล้วกัน” เด็กสาวยอมแพ้ปราศจากอาการตะขิดตะขวงใจหรืออยากเอาชนะอีก เธอไม่มีอารมณ์มานั่งค้นหาคำตอบจากดาวพวกนี้อีกแล้ว ยิ่งเห็นท่าทางใจสลายเมื่อครู่ เธอนึกสงสารเขาอยู่ชายหนุ่มเงยหน้ามอง ปัดผมสีดำออกไปจากหน้า “อยู่สิ เธอจะอยู่ต่อก็ได้”“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่อยากดูอะไรแล้ว”“ไม่ ๆ...อยู่เถอะ ฉันอยากจะแบ่งห้องให้เธอใช้แล้วไง เธอต้องให้เกียรติฉันสิ นี่อุตส่าห์มีน้ำใจแล้วนะ”อเล็กซิสสั่นหัว แต่ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้ เธอนั่งลงบนพื้น น่าแปลกที่มันแห้งสนิท“เวทมนต
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย