เขาพยายามคิดว่าอเล็กซิสจะอยู่ที่ไหน บางทีอาจเป็นห้องฉายภาพยนตร์ เท่าที่เห็น เด็กสาวดูไม่น่าจะชอบที่จอแจ หากเป็นพวกผู้หญิงที่ง่ายหน่อยก็ไม่ต้องใช้เวลามาก แต่กับอีกประเภท ชั้นเชิงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่เลย บางทีอาจไม่ต้องใช้เวลามากก็ได้มั้ง แค่ให้ไอ้หัวทองไปไกล ๆ ก็พอ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เจออเล็กซิสอยู่ดี เขาเจอผู้หญิงอีกคน
เขาไม่แปลกใจที่เห็นเธอยืนเหมือนรออยู่แล้ว หญิงสาวยืนพิงกำแพงส่งยิ้มงาม เธอเคยสวยกว่านี้ เบนคิด วันเวลา สภาพที่ถูกกักขังในสถานที่ปิดลดทอนความสดใสในตัวคน ซาร่าห์ตรงหน้าเขาไม่ต่างจากกุหลาบใกล้ตาย เธอบิดริมฝีปากกึ่งเหยียดกึ่งยินดีเมื่อเขายิ้มให้เธอ เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวอาจไม่ผ่านบททดสอบ และแม้ดอกไม้ดอกนี้กำลังแห้งเหี่ยว แต่มันก็ยังดูสวยสง่าในแบบของมัน
“ตายแล้ว นี่คือแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อมสภาพหรือเปล่า” ปากเธอว่าอย่างนั้น แต่มือกลับคล้องคอเขา ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน อีตัวก็คืออีตัวอยู่วันยังค่ำ กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวแตะจมูก มันเป็นกลิ่นกุหลาบ
“เธอเคยเห็นกระป๋องซุปข้าวโพดที่ไม่มีใครเอา หมดอายุ ถูกทิ้งไว้หลังตู้ไหม” เขาปัดผมสีทองของเธอออกจากใบหน้าอันหมดจด “ส่องกระจกสิ”
“ปากร้ายชะมัด” จากนั้นเธอซบศีรษะลงบนอกของเขา ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาไวเสมอ เบนโอบกอดเธอไว้ นี่ล่ะมั้ง อเล็กซ์ถึงมองว่าทั้งสองคนเหมาะสมกัน คนหนึ่งเหมือนกับไม้ขีดไฟที่จุดติดง่าย ส่วนอีกคนไม่ต่างจากไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสองต่างยึดในสัญชาตญาณการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์
ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองเข้าไปในดวงตาสีอำพัน “ตอบฉันมา เป้าหมายใหม่ของนายคือใคร นายเดินครุ่นคิดไปมาเหมือนกำลังหาเหยื่อ ฉันจำแววตาของนายได้ดีนะ”
“ฮื้อ เธอมาแค่ถามฉันแค่นี้เหรอ” มือทั้งสองของชายหนุ่มล้วงเข้าไปใต้เสื้อหญิงสาว ไม่มีเสื้อชั้นใน ความอบอุ่นแสนนุ่มนิ่มจากกายสาวมอบความรู้สึกที่ดีกว่าความอบอุ่นใด ๆ
“ผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นคือใคร” เธอเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพร้อมรอยยิ้มท้าทาย
เบนรู้มาตลอดว่าเขาไม่เคยเกลียดผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ไม่เคยรัก เหนือกว่าเหตุผลทั้งปวง เบนยอมรับว่าเขาชื่นชมที่ซาร่าห์ไม่เคยทำให้เขาเบื่อเลย โดยเฉพาะกับเรื่องแบบนี้ กลิ่นสกัดจากกุหลาบกลายเป็นกลิ่นประจำตัว อาจจะเป็นดอกกุหลาบสีแดงก็ได้ กลิ่นกายที่ออกมาจากผิวเนียนนุ่มของนักล่าสาว “เดี๋ยวเธอก็รู้” เขาตอบ โน้มศีรษะลงไปสัมผัสริมฝีปากนุ่มนิ่ม ลิ้นทั้งสองตวัดหากันและกันเหมือนกับมีแรงดึงดูด มันมีทั้งรสหวานและเผ็ดร้อน ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าอะไรทำให้
อเล็กซ์อดกลั้นไม่หวั่นไหวต่อคำเสน่ห์เย้ายวนของเธอได้ เพื่อนของเขายับยั้งตัวเองได้อย่างไรเวลาหญิงสาวมานัวเนียแบบนี้มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพยายามปลดเสื้อของเบนแต่มันกลับเหมือนฉีกทึ้งเสียมากกว่า แต่แล้วเธอก็พยายามผลักเขาออก “ที่นี่ถูกสาปไว้แล้ว เบน ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงยังมายุ่งกับนาย ฉันไม่รู้เลย”
เขาดึงเธอเข้ามาอีกรอบ ริมฝีปากคนทั้งสองแนบชิดราวกับมีกาวติดไว้ ขณะที่มือของเขาเลื่อนมือลงต่ำ สัมผัสส่วนอ่อนไหวเร่งให้เธอรู้สึกไวขึ้นแม้มันจะเปียกชื้นแต่แรกแล้ว เธอพอใจ เขารับรู้ได้จากเสียงของเธอ ลมหายใจของเธอ ปลายเล็บของเธอที่จิกบนเนื้อของเขา จนกระทั่งเธอโถมตัวยกขากอดรัดเกี่ยวกระหวัด เขาจึงผลักเธอเข้าไปในซอกข้างเครื่องน้ำดื่ม ดับแรงกระหายทั้งหมดทั้งปวงในมุมอับแต่ไม่ได้ลับตา
ไม่มีใครอยู่แถวนี้ และคงไม่มีใครสนใจละมั้ง ซาร่าห์ปลดกระดุมเสื้อเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่ม เบนใช้ปากเคล้าคลึงดูดดื่มอย่างกระหาย เธอส่งเสียงครางสะท้าน เขาเลื่อนปากสัมผัสใบหน้าของเธอ ฝั่งลิ้นลงบนริมฝีปากก่อนเลื่อนลงไปขบผิวบนคอ เธอจับใบหน้าของเขาแล้วงับที่ใบหูเบา ๆ แขนขาพวกเขาเกี่ยวรัด ซาร่าห์ขยับตัวเปิดทาง อุณหภูมิรอบกายอุ่นขึ้น ร่างของเขาเหมือนมีกระแสไฟฟ้าโลดแล่น เขาบรรเลงเพลงท่วงทำนองบัลลาดก่อนขยับเป็นร็อกเร้าใจ ซาร่าห์เป็นคู่นอนที่ดีอย่างเห็นได้ชัด เสียงของเธอ การเคลื่อนไหน ร่างกาย ทุกอย่างกระตุ้นสัญชาตญาณสัตว์ป่าของเขา เบนครางในลำคอขณะที่เธอส่งเสียงดังขึ้น จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ท่อนขาเรียวงามของหญิงสาวเกี่ยวกระหวัดแน่น เขายังไม่หยุดจนกว่าเชื้อเพลิงจะหมด
**********
“พวกนายแต่ง ๆ กันไปเถอะ แต่ขอเถอะนะ อย่าผลิตลูกออกมาเลย ทายาทปีศาจคงทำโลกวินาศเป็นครั้งที่สองแน่ ต้องขอบคุณซาตานหรือไงนะ ที่อุตส่าห์ประทานเพื่อนอย่างพวกนายมาให้ฉัน...นี่เป็นบ้ากันไปแล้วเหรอไง”
เบนนั่งพิงกำแพงอยู่ในซอก เขาหายใจแรงนิดหน่อย ส่วนซาร่าห์นั่งเอนศีรษะพิงไหล่ของเขา ชายหนุ่มตรวจสอบเสื้อของตัวเอง กรงเล็บของซาร่าห์ฉีกมันขาดออกไปบางส่วน อเล็กซ์นั่งลงตรงหน้าคนทั้งสอง มองดูเพื่อนสนิทกับอดีตแฟนสาวแต่งตัวให้เรียบร้อย
“มีลูกกับหมอนี่เนี่ยนะ ฉันเกลียดเบนจะตาย นายก็รู้”
“ถ้าแต่งงานกับยัยนี่ ฉันคงเป็นจูเลียส ซีซาร์ที่กลับใจมาแต่งงานกับบรูตัสแน่ ๆ”
อเล็กซ์กลอกตา “นั่นสินะ แต่เมื่อกี้คืออะไร ใช่ซีซาร์กับบรูตัสหรือเปล่าที่กอดกันแน่นจนจะเป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว”
เบนยักไหล่
“พวกนายมันบ้าชัด ๆ ส่วนฉันคงประสาทกลับที่สุดแน่ ๆ ที่ยังเป็นเพื่อนกับพวกนาย นี่ยังกลางวันอยู่เลย แล้วคนก็เดินผ่านไปผ่านมา กล้าทำไปได้ไง”
“ไอ้ลูกชาย จำไว้ นี่แหละ สิ่งที่เขาเรียกว่าความท้าทาย อีกอย่าง พวกเราก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ถ้ำอยู่แล้วนี่ ก็ทำแบบพวกมนุษย์ถ้ำนี่แหละ ว่าแต่นายออกมาจากห้องนั้นทำไม” เบนถาม เพราะเมื่อครู่ อเล็กซ์ยังยืนกรานหนักแน่นไม่ยอมออกอยู่ท่าเดียว แถมดูเหมือนจะฝังรากแก้วไว้ในห้องนั้น “ไปอาบน้ำเหรอ นายไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้วล่ะ”
“อี๋ อเล็กซ์ นายไม่ควรไม่อาบน้ำนะ” ซาร่าห์ร้อง
“ฉันตัวเหม็นเหรอไง”
ซาร่าห์อมนิ้วโป้งเอียงคอทำสายตาอ้อน ชั่ววูบหนึ่งที่เขาคิดว่าเธอพร้อมจะรับมือกับพวกเขาทั้งสองคน แต่อเล็กซ์และเบนมีเรื่องต้องห้ามที่จะไม่ทำด้วยกัน ไม่ว่าจะทรีพีหรือหมู่
อ้อ ไม่นับว่าหากเบนคนเดียวอยู่กับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง ข้อนี้ยกเว้น พวกเขาไม่สามารถมองหน้ากันระหว่างทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันได้แท้ ๆอเล็กซ์เลื่อนสายตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนของซาร่าห์ “เอ่อ ล้อเล่น ช่างมันเถอะ คือ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหิว ก็เลยออกมา แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียง...เสียงนั้นนั่นแหละ” เขาหรี่ตามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มร้ายแน่นอนว่าอเล็กซ์ต้องคุ้นกับเสียงของซาร่าห์ พวกเขาคบหาเป็นคู่รักกันตั้งสองสามสัปดาห์ก่อนที่เบนจะทำลายความสัมพันธ์ลง อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งสองต่างคุยกันอย่างปกติ เหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน“มันยากนักเหรอไง ที่จะหาผู้ชายสักคน” อเล็กซ์ถามอดีตแฟน “ที่ดีกว่าหมอนี่?”“ใช่” ซาร่าห์สารภาพระหว่างสางผมสีทองของตัวเอง “ที่นี่ไม่ได้มีหนุ่มฮอตเยอะแยะสักหน่อย แถมส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่สนใจพวกผู้หญิงกันแล้ว...รวมถึงนายด้วย”“เปล่าซะหน่อย...” อเล็กซ์เม้มปาก “ก็พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
กำหนดตรวจสุขภาพวันที่ 21 กรกฎาคม 3012 เวลา 9 นาฬิกา โปรดมาที่ห้องโถงภายในเวลาที่กำหนด “ตรวจสุขภาพเหรอ เพื่ออะไร”ในคลับ กลุ่มอเล็กซิสที่ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมเสมือนเป็นเจ้าของที่ตรงนั้นไปแล้ว ไม่มีใครกล้ามานั่ง ในกลุ่มประกอบไปด้วยพี่น้องโธมัสสามคนบวกกับเด็กจากเมืองซานโบซ่าอีกสามคนเป็นหกคน“ฉันว่านะ พวกเขาอาจต้องการฝึกพวกเราทำอะไรบางอย่าง ถึงได้มีการตรวจสุขภาพนี่ไง” เวดแสดงความเห็น “หน่วยทหารพิเศษอะไรพวกนั้น" อเล็กซิสมองออกว่ามันไม่ใช่แค่ความเห็น แต่เพื่อนของเธออยากให้มันเป็นแบบนั้นต่างหาก“นายดูหนังมากไปแล้ว” ออสโล่ค้าน“แต่ฉันว่าเขามีเหตุผล” โนเอลสนับสนุนทฤษฎีของเวด “อีกอย่าง คิดแบบนี้ดีกว่าแบบอื่นเป็นไหน ๆ”“ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมรัฐบาลปล่อยให้พวกเราสับสนกันอยู่ตั้งนาน ทำไมไม่บอกพวกเราไปตรง ๆ” อเล็กซิสยังคงตั้งข้อสังเกต “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น พวกเขาปกปิดบางอย่าง...ที่ไม่ดีแน่ ๆ ถ้าจะฝึกพวกเราเป็นทหารจริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องเงียบแบบนี้นี่นา”“แล้วเธอคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรล่ะ” เทสซ่าถามสาวจากซานโบซ่าสั่นหัว “ไม่รู้เหมือนกัน” แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“เธอเองยังไม่รู
“โนเอลโกรธพี่ เขากลัวว่าพี่จะกลายเป็นผู้หญิงสำส่อนและตอแหล” มินนี่เฉลยทุกอย่าง“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเอาเรื่องของฉันมาพูดกับคนอื่นสักที” พี่สาวมองน้องตาขวาง “เธอเป็นน้องของฉันหรือเปล่า ไปนอนได้แล้วย่ะ”“ถ้าฉันไม่เล่าเรื่องของพี่ ฉันจะไปเล่าเรื่องของใครล่ะ” มินนี่ยิ้มทะเล้นแล้ววิ่งหนีไป อเล็กซิสหัวเราะเบา ๆ แต่พอเห็นสายตาเทสซ่าดุจนน่ากลัว อารมณ์ขันนั้นหายวับไปทันที“โทษที...” เด็กสาวมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง สามทุ่มแล้ว “เอาล่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ”เทสซ่าหันไปหาออสโล่เหมือนขอความเห็น หนุ่มผมแดงสั่นหัว เธอจึงหันกลับมาหาอเล็กซิสอีก “ไม่ ไม่ ไม่ได้สิ นี่ยังไม่ดึกเลยนะ” โทนเสียงไม่เห็นด้วยสุด ๆ แต่เธอหยุดพูดสักพักเพื่อมองเวดจูบดูดดื่มกับสาวคนนั้น “อเล็กซิส เธอทำตัวเป็นยายแก่เลย”“คงจะแก่แล้วมั้ง”“เพราะเวดหรือเปล่า”เธอหัวเราะ “ไม่ใช่ สำหรับเรื่องนั้น ฉันสบายดี ยินดีเสียอีกที่เขาเจอคนใหม่ ดูเธอสิ สวยเป็นบ้าแถมยังมีชีวิตชีวาก
เธอหันไปเผชิญหน้ากับคนที่คอยไล่ทุกคนออกจากห้องด้วยกลิ่นนี้ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ค่อนข้างเพรียวแต่ไม่ผอมแห้ง ออกจะแข็งแรงด้วยซ้ำ คนตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีน และรองเท้าบูตส์ (ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสีอะไร) เขาจ้องมา ขณะเดียวกัน อเล็กซิสก็จ้องกลับ สำรวจมองลักษณะจึงเห็นผมสีดำยุ่ง ๆ ที่ทำให้เธอนึกถึงเจสซี่ ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อก็จริง แต่ก็ดูนิสัยร้ายกาจด้วย เมื่อแสงจากการระเบิดของดวงดาวสาดเข้าที่ใบหน้านี้ เธอจึงเห็นว่าสีหน้าของเขาเหมือนสะลึมสะลือ แต่พอกะพริบตาอีกทีกลับส่งแววตายียวนกวนประสาท“ช่วยหยุดสูบบุหรี่ได้ไหม” เด็กสาวขอร้องอย่างสุภาพแทนที่จะตอบรับ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาตรงหน้า พร้อมกับบุหรี่ที่คาบไว้ในปาก “ทามมายล่ะ มีกฎห้ามหรา” เขาตอบเสียงยานคางมุมปากข้างหนึ่งของเขากระตุกเหมือนยิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าเธออึ้งที่เขาปฏิเสธ ไม่สนใจมารยาทอันใด ชายร่างสูงจ้องหน้ายักคิ้วข้างหนึ่ง โทสะปะทุขึ้นในใจแต่ยังอยู่ในระดับแค่มีคนมาจุดไฟเย็นข้างใน อเล็กซิสพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ปล่อยให้ไฟไหม้จนหมดแท่งเด็กสาวเดินหนีและพูดกับเจ้าเครื่องฉายว่า &ld
“คงงั้น สมน้ำหน้าแล้วนี่” เธอตอบ บางทีคนคนนี้อาจไม่ได้นิสัยแย่อะไรมาก อาจจะเป็นแค่เกรียนคนหนึ่ง “แล้วก็ขอบคุณที่นายผลักฉันออกไปด้วย...ถึงแม้จะเกือบโหม่งกำแพงก็เถอะ เอ ว่าแต่ตอนนั้นนายผลักฉันเหรอ”แต่เธอไม่ได้ติดใจอะไรมาก อเล็กซิสมองไปรอบ ๆ แล้วถอนหายใจ แต่แล้วแสงสว่างในห้องค่อย ๆ ลดลงจนมืดสนิท เครื่องโพรเจกเตอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง ดวงดาวฟื้นคืนชีวิต“นายคงชอบห้องนี้มาก ก็ได้ ฉันปล่อยให้นายครองห้องก็แล้วกัน” เด็กสาวยอมแพ้ปราศจากอาการตะขิดตะขวงใจหรืออยากเอาชนะอีก เธอไม่มีอารมณ์มานั่งค้นหาคำตอบจากดาวพวกนี้อีกแล้ว ยิ่งเห็นท่าทางใจสลายเมื่อครู่ เธอนึกสงสารเขาอยู่ชายหนุ่มเงยหน้ามอง ปัดผมสีดำออกไปจากหน้า “อยู่สิ เธอจะอยู่ต่อก็ได้”“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่อยากดูอะไรแล้ว”“ไม่ ๆ...อยู่เถอะ ฉันอยากจะแบ่งห้องให้เธอใช้แล้วไง เธอต้องให้เกียรติฉันสิ นี่อุตส่าห์มีน้ำใจแล้วนะ”อเล็กซิสสั่นหัว แต่ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้ เธอนั่งลงบนพื้น น่าแปลกที่มันแห้งสนิท“เวทมนต
“ฟังดู...น่ากลัวแฮะ แถมประโยคหลังก็ไม่น่าไว้ใจ” เหมือนหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ใบหน้าปีศาจของคาเมรอนผุดขึ้นมาในความคิดด้วยความหวาดระแวง กลัวว่าชายคนนี้จะกลายเป็นปีศาจเหมือนไอ้เวรนั่น แต่เขาดูไม่เหมือนคนพวกนั้น เธอไม่รู้สึกสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก แต่กระนั้น...“ฉันนั่งดูนายเล่นกลก็ได้ ฉันเป็นผู้ชมที่ดีนะ ขอเถอะ อย่าคะยั้นคะยอเลย”อเล็กซ์คงสังเกตเห็นว่าเธอไม่สบายใจ เขาจึงพูดโน้มน้าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนลง “ไม่น่ากลัวหรอก เธอปลอดภัยแน่ ๆ ฉันจะอุ้มเธอไว้แบบนี้ เถอะน่า ฉันต้องมีผู้ช่วย แล้วตอนนี้เธอได้รับตั๋วชมชั้นพิเศษเชียวนะ โชคดีขนาดไหนแล้ว”ใบหน้าของเขาห่างกับเธอไม่กี่คืบ และเพราะเหตุนี้ เธอจึงมองเห็นดวงตาของเขาได้เต็มตา มันเป็นสีดำสนิท แต่สะท้อนให้เห็นดาราจักรที่โลดแล่นอยู่ข้างใน และไม่รู้เพราะอะไร เธอเกิดเชื่อใจเขาขึ้นมา“นายสัญญานะว่ามันไม่อันตราย”“แน่นอน ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันสัญญา” เขาชูนิ้วก้อยขึ้น“แล้วทำไมต้องอุ้มด้วย” เด็กสาวไม่หยุดซักถาม“เพราะมันง่ายกว่
“ที่นี่มีไว้ทำอะไรกันแน่”ทีวีจอแบนบนโต๊ะแสดงรายละเอียดข้อมูลสุขภาพ ทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง วันเกิด กรุ๊ปเลือด ระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และอื่น ๆ เจ้าหน้าที่สาวสวมชุดเครื่องแบบสีขาวคล้ายนางพยาบาล (ขาวอีกละ!) คาดผ้าปิดปากสีเขียว เธอเอ่ยชมเบนด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดว่าสุขภาพของเขาดีอย่างน่าเหลือเชื่อ“คุณครับ ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เอาไว้ทำอะไร”เธอดึงแขนข้างที่สวมนาฬิกาแล้วอธิบายวิธีการใช้งาน อุปกรณ์ตัวนี้สามารถบันทึกข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาได้หมด โดยหากกดปุ่มแสดงรายละเอียดจะขึ้นเป็นจอโฮโลแกรม มันยังแสดงเวลาล่าสุดที่เขาสูบบุหรี่ครั้งสุดท้าย ใช่แล้ว ครั้งสุดท้าย เพราะห้องนั้นติดตั้งเครื่องดักจับควันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อเล็กซ์อกหักยับเยิน“สรุปที่นี่เอาไว้ทำไรวะ บอกมาสักทีสิเว้ยเฮ้ย”“คนต่อไป! อเล็กซานเดอร์ โวลคอฟ”เก้าอี้เลื่อนไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ จากนั้นตัวเบาะกระเด้งขึ้นผลักเขาออกจากที่นั่งโดยปริยาย เบนกระเด็นล้มลงออกมานอกห้อง คำถามที่เขาถามไปเมื่อครู่ นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบแล้ว ตัวเองยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเบนลูบก้นตัวเอง เขายืนรออเล็กซ์ไม่นาน ร่างสูงเดินออกมาต่างจากเขาที่ถูกผล
ทั้งสองเคยไปลองเล่นที่สนามบาสแล้วครั้งหนึ่ง เบนกับอเล็กซ์ไม่ค่อยนิยมเล่นกีฬาแนวนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปเล่นที่นั่นอีก ช่วงที่พวกเขายังเป็นนักเรียน ทั้งสองเลือกเข้าสมาคมศิลปะป้องกันตัว มวย ยิงปืน ว่ายน้ำ และเทนนิส ส่วนกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาที่คนส่วนใหญ่ในฟิวเจอร์ริสติกนิยมกลับเป็นกีฬาที่ทั้งสองเกลียด พวกเขาหลงใหลกีฬาแนวต่อสู้และใช้อาวุธ อันเนื่องมาจากอิทธิพลที่ได้รับมาจากเหล่าฮีโร่ในวัยเด็ก โดยเฉพาะเบนที่ชอบของพวกนี้มากเป็นพิเศษ เขายังมีงานอดิเรกสะสมอาวุธ ทั้งของโบราณและสมัยใหม่สนามบาสของที่นี่ปูพื้นด้วยไม้เมเปิ้ลขัดเงาเป็นมันวาว ส่วนอัฒจันทร์ตั้งอยู่ด้านในและมีเพียงฝั่งเดียว คนหกคนกำลังรอพวกเขาอยู่ ทั้งหมดสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น หรือไม่ก็กางเกงยีน อเล็กซิสนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเทสซ่ากับเด็กหนุ่มผมสีแดง พอเทสซ่าเห็นหน้าเบน หญิงสาวหรี่ตามองเชิดคางขึ้น เบนนึกสนุกเลยขยิบตาพร้อมกับส่งยิ้มยียวนให้เธอ สาวคู่อริจึงทักทายตอบด้วยนิ้วกลาง“เฮ้” อเล็กซิสโบกมือทักทาย เขาหันเหความสนใจไปที่เด็กสาวคนนี้ทันที เบนเกือบจะโบกมือกลับอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นว่าสายตาของเธอมองเลยไปยั
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย