เธอหันไปเผชิญหน้ากับคนที่คอยไล่ทุกคนออกจากห้องด้วยกลิ่นนี้ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ค่อนข้างเพรียวแต่ไม่ผอมแห้ง ออกจะแข็งแรงด้วยซ้ำ คนตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีน และรองเท้าบูตส์ (ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสีอะไร) เขาจ้องมา ขณะเดียวกัน อเล็กซิสก็จ้องกลับ สำรวจมองลักษณะจึงเห็นผมสีดำยุ่ง ๆ ที่ทำให้เธอนึกถึงเจสซี่ ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อก็จริง แต่ก็ดูนิสัยร้ายกาจด้วย เมื่อแสงจากการระเบิดของดวงดาวสาดเข้าที่ใบหน้านี้ เธอจึงเห็นว่าสีหน้าของเขาเหมือนสะลึมสะลือ แต่พอกะพริบตาอีกทีกลับส่งแววตายียวนกวนประสาท
“ช่วยหยุดสูบบุหรี่ได้ไหม” เด็กสาวขอร้องอย่างสุภาพ
แทนที่จะตอบรับ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาตรงหน้า พร้อมกับบุหรี่ที่คาบไว้ในปาก “ทามมายล่ะ มีกฎห้ามหรา” เขาตอบเสียงยานคาง
มุมปากข้างหนึ่งของเขากระตุกเหมือนยิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าเธออึ้งที่เขาปฏิเสธ ไม่สนใจมารยาทอันใด ชายร่างสูงจ้องหน้ายักคิ้วข้างหนึ่ง โทสะปะทุขึ้นในใจแต่ยังอยู่ในระดับแค่มีคนมาจุดไฟเย็นข้างใน อเล็กซิสพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ปล่อยให้ไฟไหม้จนหมดแท่ง
เด็กสาวเดินหนีและพูดกับเจ้าเครื่องฉายว่า “เล่นเรื่องจุดกำเนิดจักรวาลทีสิ” ณ วินาทีนั้น เธอได้ยินเสียงเหมือนนาฬิกาดังติ๊ก ๆ
“หยุดทำเสียงแบบนั้นได้ไหม มันน่ารำคาญ!”
“ฉันไม่ได้ทำสักหน่อย” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ แถมยังเดินตามมาอีก “ถ้าเธอเลือกหนังเรื่อง ‘โลกของเรา’ ฉันรับรองว่าเธอจะได้เห็นภาพงานกราฟิกโคตรสุดยอด ห้องมันเล็กก็จริงนะ แต่คุณภาพยอดเยี่ยมกว่าท้องฟ้าจำลองในโลกของพวกเรามาก”
“รอให้เรื่องนี้เล่นจบก่อน แล้วนายจะดูอะไร หรือสูบเท่าไร แค่ไหน ก็แล้วแต่นายเลย”
เขาปล่อยควันออกมาจากปาก แล้วชี้ไปที่ควันว่า “มันเหมือนกับหมอกเวลาอากาศเย็น หรือไม่ก็ลองนึกตอนที่เธอดูหนังผีแล้วมีหมอกควันแปลก ๆ มันสวยและน่าพิศวงใช่ไหมล่ะ เธอไม่เห็นเหมือนฉันเหรอ” เขาพุ่งตัวเข้าไปในควันแล้วหมุนวน ๆ อยู่อย่างนั้น
จะพูดกับคนประสาทยังไงให้รู้เรื่องนะ
“มันไม่ดีต่อปอดนายนะ”
“ใจดีจัง เป็นห่วงคนอื่นด้วย” ถึงแม้ว่าเขาไม่ยิ้ม แต่สายตากลับเหมือนเย้ยอยู่ “มันไม่มีทางทำลายสุขภาพของฉันหรอก อย่าห่วงเลย”
“มันทำลายของสุขภาพของฉัน นี่แหละที่ฉันห่วง” เธอย้อน “แต่นายคงไม่สนใจอยู่แล้วนี่นา ขนาดแค่แบ่งห้องให้คนอื่นใช้ยังทำไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เคารพผู้อื่นเลย ถ้านายคิดว่าการสูบบุหรี่จะช่วยให้ครองห้องไว้คนเดียว รู้ไว้เถอะ นายคิดผิด เพราะฉันมาก่อน และนายต้องหยุดสูบแล้วรอ”
อเล็กซิสจำได้แน่นอนว่า แมรี่ สตีเว่น เคยบันทึกประวัติอาการป่วยปลอม ๆ ที่แจ้งว่าเธอเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่น แต่ควันบุหรี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับนิสัยกลัวฝุ่นของเธอ แต่มันเกี่ยวกับมารยาทคนทรามล้วน ๆ
“ว้า โดนจับได้ซะแล้ว” เขาหัวเราะ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ปั้นแต่งมาก “เธอเป็นคนตลกนะ อยากลองสูบสักม้วนไหมล่ะ ฉันจะสอนเธอเอง” เขายื่นบุหรี่ให้ม้วนหนึ่ง “มันช่วยทำให้สมองเธอโล่งเชียวล่ะ”
อเล็กซิสนิ่วหน้า เธอรู้ว่ากัญชาจะส่งผลแบบไหน แต่เธอไม่รู้จะรับมือกับคนพรรค์นี้ได้อย่างไร เด็กสาวสรุปไว้ในใจ เธอจะพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุด ใจหนึ่งอยากเอาชนะนิสัยเสียของเขา และอีกเหตุผลคือเธอเข้ามาในห้องนี้ก่อน แต่ถ้าเขายังตามตื๊อกวนประสาทอยู่เรื่อย ๆ ทางออกที่ดีที่สุดคือยอมแพ้ ปล่อยให้เขาได้ห้องไป เพราะอย่างไรเธอก็ไม่อยากจะมีเรื่อง และอย่างที่เธอเดาไว้ เขาก็ยังคงตามมากวนอยู่ตลอด หนำซ้ำยังพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าอีกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้น เสียงติ๊ก ๆ ยังคงดังต่อเนื่อง เพียงแต่ว่า เขาไม่ได้ทำเสียงนี้ขึ้นมา แล้วเสียงมาจากไหน
“นี่มันเสียงอะไรกันแน่ เครื่องมีปัญหาเหรอ” เธอบ่นพลางปัดควันออกไปจากตัว
“หา เสียงอะไร”
เขาเงี่ยหูฟัง ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นตื่นตะลึง “โอ้ ไม่นะ โอ้ ไม่ ๆ”
เสียงนั้นดังขึ้น ถี่ขึ้น “นี่ไง เสียงนี้!” อเล็กซิสชี้ เพียงชั่วแวบเดียว เครื่องฉายหยุดทำงาน เธอนึกว่าไฟดับ แต่แสงไฟในห้องกลับสว่างจ้าขึ้นจนเธอมองอะไรไม่เห็นได้แต่หลับตา จากนั้นมีแรงบางอย่างผลักร่างเธอออกไปจากตรงนั้น ไม่ทันตั้งตัวแต่อย่างใด อเล็กซิสล้มลง อีกไม่กี่นิ้ว ก็เกือบกระแทกกับกำแพง ดีที่รั้งตัวได้ทันเสียก่อน เด็กสาวรู้สึกเจ็บนิด ๆ ระหว่างนั้นเธอกะพริบตาเพื่อปรับสายตา ทันใดนั้นจึงได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ เมื่อลืมตาจึงเห็นว่ามีน้ำไหลออกมาจากเพดานคล้ายกับมีฝักบัวอยู่ด้านบน ชายคนนั้นตัวเปียกโชก ใช่ สายน้ำรดบนตัวเขาคนเดียว
“อะไรน่ะ!” เธอร้องดังลั่น ยังคงตกใจอยู่ เพราะเสียงประหลาดส่งเสียงบิ๊บ ๆ ถี่ ๆ ไม่นานหลังจากนั้น มีเสียงลมดังขึ้น อเล็กซิสกอดอกต้านลม มันเป่าน้ำที่อยู่บนพื้นไปยังขอบกำแพง จนเสียงลมสงบลง
“เครื่องตรวจจับควัน” เขาเพิ่งตอบ เสื้อผ้าที่สวมอยู่กึ่งแห้งกึ่งเปียก
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า” เธอถาม ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เขายังหนุ่มมาก น่าจะเรียกว่าใกล้เคียงกับเธอ อายุคงประมาณเบนได้ ผิวของเขาซีด แต่ใบหน้าแดงก่ำ น่าจะโมโหน่าดู
เขาส่ายหน้า “ไม่โอเคเลย พวกเขาติดเครื่องตรวจจับควันในห้องนี้แล้ว แย่จริง ๆ ทำไมใจร้ายกันแบบนี้” เสียงที่พูดนั้นสั่น เขานั่งลงบนพื้น แต่อเล็กซิสเห็นว่า เหมือนเขาล้มลงเพราะหัวใจสลายมากกว่า มันเป็นภาพที่น่าตลก
“ห้องนี้เป็นห้องเดียวที่ไม่มีเครื่องตรวจจับ แต่ตอนนี้...หมดกัน ไม่มีแล้ว” เขาดึงซองบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อ พอเห็นมันยังแห้ง จึงถอนหายใจโล่งอก จากนั้นจึงหันหน้ามาหาเธอ
“อย่างนี้เรียกกรรมตามสนองใช่ไหม” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มเยาะตัวเอง แล้วมันทำให้
อเล็กซิสอมยิ้มเล็ก ๆ“คงงั้น สมน้ำหน้าแล้วนี่” เธอตอบ บางทีคนคนนี้อาจไม่ได้นิสัยแย่อะไรมาก อาจจะเป็นแค่เกรียนคนหนึ่ง “แล้วก็ขอบคุณที่นายผลักฉันออกไปด้วย...ถึงแม้จะเกือบโหม่งกำแพงก็เถอะ เอ ว่าแต่ตอนนั้นนายผลักฉันเหรอ”แต่เธอไม่ได้ติดใจอะไรมาก อเล็กซิสมองไปรอบ ๆ แล้วถอนหายใจ แต่แล้วแสงสว่างในห้องค่อย ๆ ลดลงจนมืดสนิท เครื่องโพรเจกเตอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง ดวงดาวฟื้นคืนชีวิต“นายคงชอบห้องนี้มาก ก็ได้ ฉันปล่อยให้นายครองห้องก็แล้วกัน” เด็กสาวยอมแพ้ปราศจากอาการตะขิดตะขวงใจหรืออยากเอาชนะอีก เธอไม่มีอารมณ์มานั่งค้นหาคำตอบจากดาวพวกนี้อีกแล้ว ยิ่งเห็นท่าทางใจสลายเมื่อครู่ เธอนึกสงสารเขาอยู่ชายหนุ่มเงยหน้ามอง ปัดผมสีดำออกไปจากหน้า “อยู่สิ เธอจะอยู่ต่อก็ได้”“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่อยากดูอะไรแล้ว”“ไม่ ๆ...อยู่เถอะ ฉันอยากจะแบ่งห้องให้เธอใช้แล้วไง เธอต้องให้เกียรติฉันสิ นี่อุตส่าห์มีน้ำใจแล้วนะ”อเล็กซิสสั่นหัว แต่ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้ เธอนั่งลงบนพื้น น่าแปลกที่มันแห้งสนิท“เวทมนต
“ฟังดู...น่ากลัวแฮะ แถมประโยคหลังก็ไม่น่าไว้ใจ” เหมือนหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ใบหน้าปีศาจของคาเมรอนผุดขึ้นมาในความคิดด้วยความหวาดระแวง กลัวว่าชายคนนี้จะกลายเป็นปีศาจเหมือนไอ้เวรนั่น แต่เขาดูไม่เหมือนคนพวกนั้น เธอไม่รู้สึกสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก แต่กระนั้น...“ฉันนั่งดูนายเล่นกลก็ได้ ฉันเป็นผู้ชมที่ดีนะ ขอเถอะ อย่าคะยั้นคะยอเลย”อเล็กซ์คงสังเกตเห็นว่าเธอไม่สบายใจ เขาจึงพูดโน้มน้าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนลง “ไม่น่ากลัวหรอก เธอปลอดภัยแน่ ๆ ฉันจะอุ้มเธอไว้แบบนี้ เถอะน่า ฉันต้องมีผู้ช่วย แล้วตอนนี้เธอได้รับตั๋วชมชั้นพิเศษเชียวนะ โชคดีขนาดไหนแล้ว”ใบหน้าของเขาห่างกับเธอไม่กี่คืบ และเพราะเหตุนี้ เธอจึงมองเห็นดวงตาของเขาได้เต็มตา มันเป็นสีดำสนิท แต่สะท้อนให้เห็นดาราจักรที่โลดแล่นอยู่ข้างใน และไม่รู้เพราะอะไร เธอเกิดเชื่อใจเขาขึ้นมา“นายสัญญานะว่ามันไม่อันตราย”“แน่นอน ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันสัญญา” เขาชูนิ้วก้อยขึ้น“แล้วทำไมต้องอุ้มด้วย” เด็กสาวไม่หยุดซักถาม“เพราะมันง่ายกว่
“ที่นี่มีไว้ทำอะไรกันแน่”ทีวีจอแบนบนโต๊ะแสดงรายละเอียดข้อมูลสุขภาพ ทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง วันเกิด กรุ๊ปเลือด ระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และอื่น ๆ เจ้าหน้าที่สาวสวมชุดเครื่องแบบสีขาวคล้ายนางพยาบาล (ขาวอีกละ!) คาดผ้าปิดปากสีเขียว เธอเอ่ยชมเบนด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดว่าสุขภาพของเขาดีอย่างน่าเหลือเชื่อ“คุณครับ ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เอาไว้ทำอะไร”เธอดึงแขนข้างที่สวมนาฬิกาแล้วอธิบายวิธีการใช้งาน อุปกรณ์ตัวนี้สามารถบันทึกข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาได้หมด โดยหากกดปุ่มแสดงรายละเอียดจะขึ้นเป็นจอโฮโลแกรม มันยังแสดงเวลาล่าสุดที่เขาสูบบุหรี่ครั้งสุดท้าย ใช่แล้ว ครั้งสุดท้าย เพราะห้องนั้นติดตั้งเครื่องดักจับควันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อเล็กซ์อกหักยับเยิน“สรุปที่นี่เอาไว้ทำไรวะ บอกมาสักทีสิเว้ยเฮ้ย”“คนต่อไป! อเล็กซานเดอร์ โวลคอฟ”เก้าอี้เลื่อนไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ จากนั้นตัวเบาะกระเด้งขึ้นผลักเขาออกจากที่นั่งโดยปริยาย เบนกระเด็นล้มลงออกมานอกห้อง คำถามที่เขาถามไปเมื่อครู่ นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบแล้ว ตัวเองยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเบนลูบก้นตัวเอง เขายืนรออเล็กซ์ไม่นาน ร่างสูงเดินออกมาต่างจากเขาที่ถูกผล
ทั้งสองเคยไปลองเล่นที่สนามบาสแล้วครั้งหนึ่ง เบนกับอเล็กซ์ไม่ค่อยนิยมเล่นกีฬาแนวนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปเล่นที่นั่นอีก ช่วงที่พวกเขายังเป็นนักเรียน ทั้งสองเลือกเข้าสมาคมศิลปะป้องกันตัว มวย ยิงปืน ว่ายน้ำ และเทนนิส ส่วนกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาที่คนส่วนใหญ่ในฟิวเจอร์ริสติกนิยมกลับเป็นกีฬาที่ทั้งสองเกลียด พวกเขาหลงใหลกีฬาแนวต่อสู้และใช้อาวุธ อันเนื่องมาจากอิทธิพลที่ได้รับมาจากเหล่าฮีโร่ในวัยเด็ก โดยเฉพาะเบนที่ชอบของพวกนี้มากเป็นพิเศษ เขายังมีงานอดิเรกสะสมอาวุธ ทั้งของโบราณและสมัยใหม่สนามบาสของที่นี่ปูพื้นด้วยไม้เมเปิ้ลขัดเงาเป็นมันวาว ส่วนอัฒจันทร์ตั้งอยู่ด้านในและมีเพียงฝั่งเดียว คนหกคนกำลังรอพวกเขาอยู่ ทั้งหมดสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น หรือไม่ก็กางเกงยีน อเล็กซิสนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเทสซ่ากับเด็กหนุ่มผมสีแดง พอเทสซ่าเห็นหน้าเบน หญิงสาวหรี่ตามองเชิดคางขึ้น เบนนึกสนุกเลยขยิบตาพร้อมกับส่งยิ้มยียวนให้เธอ สาวคู่อริจึงทักทายตอบด้วยนิ้วกลาง“เฮ้” อเล็กซิสโบกมือทักทาย เขาหันเหความสนใจไปที่เด็กสาวคนนี้ทันที เบนเกือบจะโบกมือกลับอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นว่าสายตาของเธอมองเลยไปยั
“โอเค ในเมื่อมินนี่ไม่ยอมลงมาเล่น งั้นเรามาโอน้อยออกกัน!” อเล็กซิสดึงความสนใจจากทุกคนอีกรอบ ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออยากเริ่มเล่นให้เร็วที่สุด แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับพวกเขาแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมของอเล็กซิสประกอบไปด้วยโนเอล ออสโล่ และซาร่าห์ ส่วนทีมของเทสซ่ามีเบน อเล็กซ์ และเวด“ที่รัก พวกเราไม่เคยพรากจากกันเลย” เบนตรงเข้ากอดก่ายร่างสูงของเพื่อน ฝากฝังรอยเท้าไว้ที่ขากางเกงมากมายอเล็กซ์ทำหน้าเอือมระอา เขาดันศีรษะตัวเพื่อนออกไป แต่ไม่วายหัวเราะเบา ๆ“มีกฎข้อเดียวเท่านั้น ห้ามโกง! ห้ามใช้พลังพิเศษเด็ดขาด” เด็กสาวตาสีน้ำเงินประกาศ แต่ไม่ได้จ้องมองใครเป็นพิเศษ“นี่เธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” เบนจ้องเพื่อนเขม็ง ต้องการให้อเล็กซ์คายทุกอย่างออกมาให้หมดเดี๋ยวนั้น“ใช่ เธอรู้ว่าฉันมีพลังพิเศษ แต่เขาไม่รู้เรื่องของนาย โอเค้? ทำไมต้องให้ฉันบอกทุกเรื่องด้วย นายไม่ใช่เมียสักหน่อย”“อ้าว ก็ฉันเป็นเพื่อนสนิท”“ที่แม่งนอนกับแฟนฉันเนี่ยนะ”“บอกแล้
เทสซ่าทำเสียงฮึ่มใส่ แต่พี่ชายของเธอกลับหัวเราะเห็นเป็นเรื่องน่าขัน เขามองเบนเหมือนมองเด็กเล็ก ๆ อย่าเหมาว่าฉันเป็นน้องชายของนายเลย “มาเถอะ เทส” คนพี่เร่งน้องสาว เทสซ่ามอบนิ้วกลางให้เขาเป็นครั้งที่สามเพื่ออำลาก่อนเปลี่ยนทีมพออเล็กซิสมาอยู่ในทีม รูปเกมเปลี่ยนทันที โนเอลอาจตัวสูงใหญ่ แต่ตัวเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่น่ากลัว เมื่อปราศจากคนส่งบอลที่ดี โนเอลก็ไม่ต่างอะไรจากกำแพงโง่ ๆ ที่ยืนขวางทางเท่านั้น ถ้าข้ามผ่านไปได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว อเล็กซิสวิ่งเร็ว แถมยังชู้ตแม่น ทีมของเขาจากที่ตามหลัง ตอนนี้เลยขึ้นนำ ทว่าคะแนนยังไม่ห่างกันมาก เบนไม่ประมาท จนกระทั่งอเล็กซ์ขอเวลานอก“ฉันว่า เราควรเปลี่ยนผู้เล่น อย่างนี้มันไม่แฟร์นะ ให้ฉันเปลี่ยนกับออสโล่ก็ได้” อเล็กซ์โพล่งออกมา“อะไรของนายวะ” เบนแทบอยากจะเขวี้ยงลูกบาสในมือทิ้ง บางครั้งนิสัยขึ้น ๆ ลง ๆ ของเพื่อนสนิททำให้เขาปวดขมับ“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าเราต้องจบเกมแล้วล่ะ ก่อนที่ออสโล่จะเป็นลม” อเล็กซิสว่า ทั้ง ๆ ที่ยังเล่นไปไม่ถึงชั่วโมง เด็กหนุ
“แล้วพวกเธอทำอะไรกัน หมายถึง คุยอะไรกันบ้าง”เธอหันหน้ามา เพ่งมอง“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”“เปล่า แค่รู้สึกแปลกใจที่นายดูสนใจเพื่อนของนายกับฉันมากขนาดนี้ นายคงไม่เห็นหน้าตัวเองหรอก แต่หน้าของนายตอนนี้ขึงขังมาก”“คือ” เขาพยายามหาข้อแก้ตัว “เขาขังตัวเองในห้องนั้นมาหลายวัน ฉันเป็นห่วงมาก แล้วจู่ ๆ เขาก็ออกมา ฉันก็เลยคิดว่า เธออาจจะมีส่วนช่วยด้วย”“อ้อ เข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะฉันหรอก เขาคิดได้ด้วยตัวเองน่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆเบนจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น จากนั้นเธอคลี่ยิ้มบาง ๆ “ไม่เชื่อเหรอ ฉันพูดจริงนะ พวกเราแค่คุยกันเรื่องปรัชญาต่าง ๆ เท่านั้นเอง”“หา ปรัชญาเหรอ”อเล็กซิสเลิกคิ้ว ทำให้เบนปรับสีหน้าเป็นปกติ “เดส์การ์ต อริสโตเติล ซาร์ต นายรู้จักคนพวกนี้ไหม”“แน่นอน ฉันรู้จัก...พวกเธอคุยกันแค่นี้เหรอ”“อื้อ ก็มีเรื่องอื่นด้วยแหละ แต่ว่าส่วนใหญ่คุยกันเรื่องนี้ เพื่อนของนายค่อนข้างรู้
เบ็กกี้เป็นเด็กใหม่ของที่นี่ เธอเพิ่งมาถึงหอพักแห่งนี้ยังไม่ครบวันเลยด้วยซ้ำ พอได้ยินว่ามีประกาศข่าวใหม่ เธอเห็นแต่ละคนรีบวิ่งไปที่โทรทัศน์จอยักษ์ เด็กสาวร่างเล็กเดินไหลไปตามกระแสมนุษย์ มือข้างซ้ายกุมข้อมือข้างขวาเอาไว้ เธอเดินค้อมตัว มองซ้ายมองขวาเหมือนกับมีคนกำลังจับผิดอยู่ และถ้าหากเธอทำอะไรผิดแปลกไป ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เธอจะโดนลงโทษ เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าจอทีวี เด็กสาวแหงนหน้ามองข้อความที่เขียนบนนั้นกำหนดการเคลื่อนย้ายผู้พักอาศัยจะมีขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 3012 กรุณาทิ้งสัมภาระไว้ที่ห้อง และมารวมตัวกันเพื่อรอสัญญาณที่ห้องโถงในเวลา 18 นาฬิกา หมายเหตุ: ห้ามพกกระเป๋าสัมภาระ “เคลื่อนย้ายเหรอ หมายความว่าพวกเราต้องย้ายที่อยู่งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอพูดขึ้น เขามีผมสีแดงเช่นกัน แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยกระ เขามากับเพื่อนสาวคนหนึ่ง พอพูดจบ ทั้งสองก็พากันขยับมาข้างหน้า เบ็กกี้จึงมองเห็นแต่แผ่นหลัง เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อย แต่เป็นเด็กสาวที่ร่างเล็กเหมือนเด็กน้อย แม้อายุครบสิบห้าปีเมื่อสองเดือนก่อน แต่เธอหาได้ตัวสูงขึ้นมากกว่าเดิมไม่ ที่สำคัญ ไซส์มินิแบบเบ็กกี้ไม่ได้ทำให้เธอดูน
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย