วันหยุดที่เหลืออีกสองวันเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่โรสและลูคัสใช้ร่วมกัน ทะเลสีครามและสายลมอ่อนๆ ดูเหมือนจะช่วยลบเลือนความตึงเครียดที่เคยเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ เสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งมานั้นคล้ายจะลูบไล้หัวใจที่เคยเจ็บปวด โรสยังจำบทสนทนายาวนานในคืนก่อนหน้านั้นได้ดี ทั้งคำขอโทษของลูคัสและความพยายามของเขาที่จะทำให้เธอเชื่อใจอีกครั้งแม้ใจเธอจะยังมีความหวั่นไหว แต่ลูคัสก็พยายามแสดงออกถึงความจริงใจในทุกการกระทำของเขา การที่เขาเดินจูงมือเธอริมชายหาดอย่างเงียบๆ หรือการที่เขาเฝ้ามองเธออย่างอ่อนโยนยามนั่งอยู่ด้วยกันใต้ร่มเงาต้นไม้ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาอาจจะดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เช้าวันถัดมา โรสตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแดดสาดส่องผ่านม่านบางๆ ในห้องพัก ลมเย็นพัดมาจากหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอพลิกตัวไปมองลูคัสที่ยังหลับสนิทอยู่ข้างๆเธอ ร่างสูงที่ดูสงบนิ่งทำให้เธออดยิ้มไม่ได้สายตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของเขาสักพัก ก่อนจะไล่ลงมาที่บ่าข้างซ้าย รอยกัดจางๆที่เกิดขึ้นหลังโขดหินนั่นยังปรากฏเด่นชัด เธอเผลอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ ความทรงจำเกี่ยวกับอารมณ์รุนแรงผสมผสานกับความปราร
ในระหว่างการทำงาน โรสพยายามรักษาความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับลูคัส หรือคอยดูเมคอัพหรือทรงผมของเขา เธอก็ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจเต็มร้อย แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจเธอที่สุดกลับไม่ใช่งานที่ต้องทำ หากแต่เป็นสายตาของลูคัสที่จับจ้องมาที่เธออย่างโจ่งแจ้งเขาไม่แม้แต่จะพยายามปิดบัง ทุกครั้งที่โรสเดินผ่านไปหยิบเสื้อผ้าหรือปรับทรงคอเสื้อของเขา เธอจะสัมผัสได้ถึงสายตาคมกริบที่มองตามตลอดจนเธอต้องแอบถอนหายใจอย่างอดกลั้น“ลูคัส” เธอเอ่ยเสียงเบาในจังหวะที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ “อย่ามองฉันแบบนั้นได้ไหม? เดี๋ยวก็มีคนสงสัยหรอก”เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “ผมแค่มองเฉยๆเอง ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”“แต่มันออกนอกหน้าไปหน่อย เดี๋ยวก็มีคนจับได้หรอก” เธอกระซิบกลับพลางปรับปกเสื้อของเขาให้เข้าที่“แค่ผมไม่เข้าไปกอดคุณก็ดีแค่ไหนแล้วครับ” เขากระซิบตอบข้างหูเธอก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆโรสกลอกตาและเดินกลับไปจัดการเสื้อผ้าชุดต่อไปของเขา พยายามตัดความว้าวุ่นใจออกไปจากหัวเมื่อการถ่ายแบบเสร็จสิ้น ทีมงานต่างทยอยเก็บของกลับบ้าน โรสเองก็รีบเก็บอุปกรณ์ของเธออย่างรวดเร็ว หวังว่าจะหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ลูค
“ได้ครับ” ลูคัสตอบรับง่ายๆพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้ เธอไม่รู้เลยว่าในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและหลงใหลขนาดไหนแม้โรสจะถอนหายใจและแสร้งทำหน้าเหนื่อยหน่าย แต่ในใจลึกๆ เธอก็รู้สึกอบอุ่นกับการออดอ้อนของเขา เธอแค่ต้องการให้เขารู้ว่าบางครั้งการอยู่คนเดียวก็สำคัญเหมือนกันหลังจากอาบน้ำเสร็จ โรสเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเดรสนอนผ้าซาตินสีไวน์แดงที่เน้นความโค้งเว้าของเรือนร่างอย่างพอเหมาะ ชุดที่เธอสวมดูเรียบง่าย แต่กลับเปล่งประกายความเป็นสาวใหญ่ที่เย้ายวนโดยไม่ต้องพยายาม กลิ่นหอมอ่อนๆจากครีมบำรุงที่เธอใช้ลอยมาจางๆ ทำให้ลูคัสที่นั่งรออยู่บนโซฟาเหลือบตามองอย่างไม่ปิดบังโรสหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผมที่ยังเปียกหมาดๆ พลางก้าวมานั่งลงบนโซฟาข้างเขา ลูคัสไม่พูดอะไร แต่รอยยิ้มที่มุมปากกับสายตาที่จับจ้องมาทำให้เธอรู้ว่าเขาคิดอะไร“มองอะไรนักหนา?” โรสถามด้วยน้ำเสียงติดล้อเลียน เธอหันไปสบตากับเขา แต่แทนที่ลูคัสจะตอบ เขากลับยื่นมือมาดึงเธอให้ขยับเข้าไปนั่งบนตักของเขา“มองคุณไง” ลูคัสพูดเสียงนุ่มติดเย้ายวน“เธอนี่... ไม่เบื่อบ้างหรือไง?” โรสเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะออกมาแก้เขิน เธอเอนหลังพิงอกหนา“เบื่ออะไรครั
“ข่าวลือเหรอคะ...” เธอพูดเลี่ยงๆ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าคงปิดความสัมพันธ์นี้ไว้ไม่ได้ เพราะลูคัสดูไม่ได้อยากจะปกปิดมันสักเท่าไหร่เอเดนหัวเราะในลำคอพลางมองเธอด้วย “ถ้าอย่างนั้นข่าวลือนั้นไม่จริง?”โรสไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอไม่อยากให้บทสนทนาไปไกลกว่านี้ แต่เอเดนกลับโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย“คุณโรส ผมรู้ว่าผมอาจจะพูดเกินไป แต่ผมอยากเตือนอะไรคุณไว้สักอย่าง”“เตือนเรื่องอะไรคะ?”“ผมไม่รู้ว่าคุณไว้ใจลูคัสมากแค่ไหน แต่ผมอยากจะให้คำว่าอย่าไว้ใจเขามากเกินไป” น้ำเสียงของเอเดนจริงจัง “ผมไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เขามีบางอย่างที่ดู...แปลก...”คำพูดนั้นทำให้โรสรู้สึกหงุดหงิด เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้พอใจกับความสัมพันธ์ในตอนนี้ แต่การที่คนอื่นเข้ามายุ่งยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจ“ขอบคุณที่เตือนค่ะ...” เธอพูดพลางยิ้มบางๆให้เขา แต่สีหน้าของเธอเริ่มเย็นชาเอเดนมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆ ออกจากกระเป๋า เขาเขียนบางอย่างลงไปแล้วเลื่อนมันมาตรงหน้าเธอ“นี่เบอร์ผม เผื่อวันไหนคุณอยากได้คนคุยหรือขอความช่วยเหลือ”โรสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับกระดาษนั้นไว้ตามมารยาท “ขอบคุณค่ะ“ยินดีครับ” เอเ
หลังจากมื้อค่ำจบลง ทั้งสองแยกย้ายกันไปพักผ่อน โรสนอนอยู่บนเตียง มองเพดานห้องที่สลัวด้วยแสงไฟจากโคมข้างเตียง ในหัวเธอเต็มไปด้วยความคิดวกวน ลูคัสแปลกไปจริงๆหรือเป็นเธอเองที่คิดมากเกินไปกันแน่? เขายังเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและใส่ใจเธอ แต่ก็เหมือนมีบางสิ่งในตัวเขาที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นคง เธอพลิกตัวอีกครั้ง พยายามจะบอกตัวเองให้หยุดคิด แต่ความสงสัยยังคงเกาะกุมจิตใจวันต่อมาโรสรู้สึกเหนื่อยล้าหนักกว่าปกติ แม้งานวันนี้จะไม่ได้วุ่นวายนัก แต่ความคิดที่วนเวียนในหัวกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกดทับทั้งวัน บรรยากาศที่ยังคงอึดอัดระหว่างเธอกับลูคัสในช่วงหลังทำให้เธอแทบไม่มีสมาธิทำอะไรได้เต็มที่ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน โรสทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แสงไฟจากถนนทอดผ่านใบหน้าที่ดูหม่นหมอง เธอพยายามไล่ความคิดด้านลบออกไป แต่คำพูดของเอเดนในวันนั้นยังคงวนกลับมาเหมือนเสียงสะท้อนในหัว‘อย่าไว้ใจลูคัสมากเกินไป’เธอไม่อยากคิดอะไรมากเกินไป แต่บางอย่างในท่าทีและพฤติกรรมของลูคัสช่วงนี้ก็กำลังผลักดันให้เธอเริ่มตั้งคำถามเมื่อถึงบ้าน ความเงียบที่ต้อนรับเธอยิ่งทำให้รู้สึกหม่นหมอง ลูคัสติดงานถ่ายแบบและบอกเธอไว้แล้วว่าจะกล
“ผมว่าคุณควรพักผ่อนนะครับ” ลูคัสพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏบนใบหน้าราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ“อืม... ฉันคิดว่าจะอาบน้ำแล้วนอนเลยน่ะ” โรสตอบรับด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่ทำได้ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ลูคัสยกศีรษะออกจากไหล่ของเธอเขาละตัวออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังคงมองเธออยู่ ลูคัสไม่พูดอะไรต่อ แต่สายตาที่มองตามเธอไปนั้นทำให้บรรยากาศดูน่าอึดอัด โรสเดินเข้าห้องนอนโดยพยายามไม่หันกลับไปมองเขา หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและในหัวเต็มไปด้วยคำถาม‘เขารู้หรือเปล่า?’โรสปิดประตูห้อง เสียงฝีเท้าของลูคัสที่เดินไปทางห้องเขาทำให้เธอขนลุกวาบ แม้จะไม่ได้หันไปมอง แต่เธอรู้ดีว่าเขากำลังกลับเข้าไปในห้องนั้น…ผ่านมาเพียงไม่กี่วันหลังจากที่โรสพบรูปถ่ายเก่าของตัวเองในห้องของลูคัส ทุกอย่างรอบตัวกลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะความรู้สึกในใจของเธอ สายตาที่เขาเคยมองเธอด้วยความอบอุ่นที่เคยทำให้เธอใจสั่นด้วยความรัก กลับแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจอธิบายได้ มันไม่ใช่สายตาแบบเดิมที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจเธอสั่นระรัวด้วยความกังวลโรสพยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่างอาจจะเป็นแค่
นี่เธอปล่อยให้เรื่องราวมันผ่านมาขนาดนี้ได้ยังไงกันหลังจากนั้นโรสกลับมาที่พักที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด เป็นครั้งแรกที่เธอไม่อยากจะเข้าไปที่นั่นทั้งๆที่มันเป็นบ้านของเธอเอง ความเหนื่อยล้าและความวุ่นวายในใจทำให้เธอต้องถอนหายใจออกมา กลิ่นหอมของเทียนหอมที่ลอยอวลในห้องบ่งบอกว่ามีใครบางคนอยู่ข้างใน และเธอก็รู้ดีว่าเป็นใคร ลูคัสนั่งอยู่บนโซฟา กำลังอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิด "กลับมาแล้วเหรอครับ?" เขาถามเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคยโรสฝืนยิ้มกลับให้เขา “อืม วันนี้งานยุ่งนิดหน่อย” เธอพูดเรียบๆพลางถอดรองเท้าและวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ“ผมเตรียมอาหารเย็นไว้แล้วนะ ถ้าหิวก็ทานได้เลยครับ” เขาเอ่ยขึ้นเหมือนกับทุกวัน แต่วันนี้โรสรู้สึกถึงบางอย่างที่ต่างออกไป สายตาของเขาที่จับจ้องมาที่เธอนานเกินไปจนเธอรู้สึกแปลกๆ"เดี๋ยวฉันขอไปกินน้ำก่อนนะ" โรสพูดพร้อมเดินเลี่ยงไปที่ครัว ด้วยใจที่เต้นระรัว เธอพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น แต่ความคิดเกี่ยวกับรูปถ่ายใบนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวโรสเปิดประตูตู้เย็นและหยิบน้ำออกมา เทใส่แก้วอย่างเงียบๆ แต่เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด
ลูกบิดหมุนดังแกร๊กเกิดเป็นเสียงเล็กๆที่ดังในความเงียบ เหมือนจะกระตุ้นความหวาดระแวงในหัวใจของเธอ โรสดึงประตูเปิดออกอย่างช้าๆเมื่อเธอก้าวเข้าไปในห้องของเขาอย่างช้าๆ จากการสำรวจอย่างคร่าวๆ เธอพบว่าภายในห้องพักของลูคัสกลับดูเรียบง่ายกว่าที่เธอคาดไว้ เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ สีขาวและเทาของผนังห้องให้ความรู้สึกเย็นชา แต่ก็ไม่ถึงกับน่ากลัว ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้าน เป็นห้องพักที่ธรรมดาเสียจนเธออดรู้สึกผิดต่อลูคัสไม่ได้ที่ไม่ไว้ใจเขาเธอเดินสำรวจอย่างระมัดระวัง ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงฝีเท้าของเธอดังชัดเจน สายตากวาดมองไปรอบๆ พยายามมองหาอะไรสักอย่างที่อาจอธิบายเกี่ยวกับเรื่องรูปถ่ายรูปนั้นได้ แต่เธอกลับพบเพียงความว่างเปล่า โต๊ะ ตู้ ทุกอย่างดูเรียบง่าย เกินกว่าจะซ่อนอะไรไว้ได้หรือว่าฉันคิดมากไปเอง? เธอคิดในใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่มาพร้อมกับความรู้สึกสับสนปะปนกันจนยากจะอธิบายแต่แล้วสายตาของเธอก็สะดุดกับบางสิ่ง แสงไฟที่ลอดออกมาจากช่องประตูเล็กๆ ของห้องอีกห้องหนึ่งในสุดทางเดินโรสชะงักหยุดนิ่ง ความรู้สึกโล่งใจเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความกลัวอีกครั้ง หัวใจเธอเต้นแร
โรสยังคงขยับสะโพกรับการกระแทกของเขาอย่างไม่ยอมให้เขาหยุด เธอรู้สึกถึงความเสียวซ่านที่ทวีคูณขึ้นทุกครั้งที่เขากระแทกเข้าไป“อ๊า... ลูคัส... ไม่ไหวแล้ว... ฉันจะเสร็จแล้ว!” โรสบอกเสียงกระเส่า ขาของเธอสั่นระริก มือของเธอยังบีบยอดอกของตัวเองเพื่อระบายความเสียวซ่านไปพร้อมๆกับสะโพกที่ขยับรับการกระแทกจากเขาลูคัสมองดูร่างของเธอด้วยสายตาที่มืดลง พยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้จนแทบจะทนไม่ไหว “คุณไม่ไหวแล้วใช่ไหม?” เขาพูดเสียงต่ำ ขยับสะโพกเข้าไปลึกและแรงขึ้น “ผมไม่อยากหยุดเลย โรส...”แต่เขารู้ดีว่าโรสต้องการอะไร และเขาก็รู้ว่าต้องการทำให้เธอถึงจุดสูงสุดก่อนถึงเวลาของเขา เขาหลับตาลงก่อนจะกระแทกอีกครั้งด้วยความแรงที่เพิ่มขึ้น “ปล่อยออกมาเลยครับ เสร็จออกมาเลย”ทันใดนั้นโรสก็ปล่อยเสียงครางออกมาในลำคออย่างไม่อาจควบคุมได้ ร่างกายของเธอกระตุกไปตามจังหวะที่เขากระแทกเข้าออก ความเสียวที่พุ่งเข้ามาทำให้เธอหลุดเสียงร้อง "อ๊า... ลูคัส... ฉัน... ฉันเสร็จแล้ว!" ร่างของเธอสั่นระริก ขาเกร็งจนเกือบจะล้มแต่ยังคงยืนอยู่ได้เพราะลูคัสยังคอยจับเธอไว้แน่นลูคัสกระแทกเข้าไปอีกครั้ง เขาครางเสียงแหบพร่า ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อ
หลังจากกิจกรรมอันเร่าร้อนหลังโขดหินนั้นจบลง ลูคัสพาเธอกลับมาที่ห้องเพื่อทำความสะอาดและพักผ่อนเมื่อถึงห้องพัก ลูคัสกุมมือโรสแน่น รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดสามารถกั้นเขาไม่ให้เข้าใกล้เธอได้อีกแล้ว เมื่อประตูปิดลง เขาจูงเธอตรงไปยังห้องน้ำ เสียงน้ำอุ่นที่กระทบพื้นดังแว่วเป็นจังหวะ แต่สิ่งที่ก้องอยู่ในใจเขาเป็นเพียงเสียงหายใจของเธอ ที่แผ่วเบาแต่สะกดเขาไว้จนไม่อาจหันเหสายตาไปทางอื่นได้ในแสงสลัวจากไฟในห้องน้ำ ลูคัสมองโรสอย่างที่เขาทำไม่ได้ในที่แจ้ง ร่างกายที่ยังมีละอองน้ำทะเลเคลือบผิวดูเย้ายวนจนเขาต้องเผลอกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว มือหนาเอื้อมไปปลดปมบิกินี่ของเธอออกอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างไม่ปิดบังความรู้สึก“คุณสวย...จนผมไม่อยากละสายตาเลย” ลูคัสเอ่ยเสียงพร่า เขาโน้มตัวเข้าใกล้ ปลายจมูกแตะหน้าผากเธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาที่แก้ม โรสหลับตา ปล่อยให้เขาละเลียดจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน“พอเถอะลูคัส...” โรสพูดเสียงกระเส่า แต่มือของเธอกลับเผลอเกาะต้นแขนเขาแน่นลูคัสยิ้มมุมปาก เขารู้ดีว่าเธอกำลังสู้กับตัวเอง “คุณพูดให้ผมหยุด...แต่ร่างกายคุณบอกให้ผมไปต่อ คุณจะเอายังไงดีครับ คุณโรส” น้ำเสียงแฝง
อีกภาพที่เขาจับได้คือตอนที่เธอก้มลงเก็บลิปสติกที่ตกอยู่บนพื้น ผมของเธอปรกลงมาบังใบหน้า เธอปัดมันไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจ ท่าทางธรรมดานั้นกลับดูดึงดูดจนเขารู้สึกว่ามือที่จับกล้องสั่นเล็กน้อย แล้วก็มีภาพหนึ่ง เป็นช่วงที่โรสหัวเราะพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน แสงสะท้อนจากรอยยิ้มของเธอดูอบอุ่นจนทำให้ห้องทั้งห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้น ลูคัสมองผ่านเลนส์ เขารู้สึกเหมือนเธอเป็นภาพถ่ายที่ยังไม่ได้ใส่กรอบ เป็นชั่วขณะที่เขาอยากหยุดเวลาไว้ตรงนั้นลูคัสรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้อาจจะไม่ถูกต้อง แต่เขาก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้ ทุกครั้งที่เธอเคลื่อนไหว กล้องในมือก็เหมือนเป็นเพียงทางเดียวที่เขาจะยึดโยงเธอไว้ได้ในโลกของเขาเองเขาเริ่มสะสมภาพของเธอไว้ในแฟ้มส่วนตัวอย่างเงียบๆแต่ความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อเขารู้ว่าโรสทำงานที่ไหน และพักอาศัยอยู่ที่ใด ลูคัสก็เริ่มสะกดรอยตามเธอในวันหยุดที่เขาควรจะพักผ่อน ลูคัสกลับขับรถไปจอดอยู่ใกล้คาเฟ่ที่โรสชอบแวะไป เขานั่งอยู่ในมุมร้านที่เธอไม่สังเกตเห็น มองดูเธอจิบกาแฟและอ่านหนังสือ บางครั้ง เขาเดินตามเธอไปในห้างสรรพสินค้า จับภาพเธอผ่านหน้าจอโทรศัพท์ขณะเธอเลือกซื้อของใช้เ
บ้านหลังเล็กในเขตชานเมืองยามค่ำคืน เงาของแสงไฟจากหลอดไฟเก่าๆกระพริบอยู่เหมือนมันกำลังจะดับ ลูคัสในวัยเด็กนั่งตัวสั่นอยู่ในมุมมืดของห้องเก็บของเล็กๆ ซึ่งเป็นที่เดียวที่เขารู้สึกปลอดภัย ตุ๊กตาเก่าๆที่มีรอยเย็บซ่อมเต็มตัวอยู่ในอ้อมแขนเล็กๆของเขาราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่ปกป้องเขาได้ เสียงทะเลาะวิวาทดังระงมมาจากห้องนั่งเล่น เป็นเสียงของผู้ชายตะคอกด่าทอผสมกับเสียงผู้หญิงที่พยายามห้ามปรามแล้วเสียงขวดแก้วก็แตกกระจายดังสนั่น เศษแก้วปลิวกระจายไปทั่วพื้น ทำให้ลูคัสสะดุ้งเฮือก น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลรินออกมา เขากดหน้าซุกกับตุ๊กตาและเอามือน้อยๆปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้ เพื่อปิดกั้นเสียงเอาไว้ แต่เสียงที่น่าสะพรึงนั้นยังดังอยู่ เสียงแห่งความเจ็บปวด เสียงแห่งความโกรธที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด"ลูคัส!" เสียงกระซิบดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่พี่สาวของเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู เธอพุ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูอย่างรวดเร็วก่อนจะกอดเขาไว้แน่น ร่างกายของเธอสั่นระริกไม่ต่างจากเขา "ไม่ต้องกลัว พี่จะปกป้องเธอเอง"ลูคัสเงยหน้าขึ้นมองพี่สาว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความความอ่อนโยน เธอพยายามจะปลอบเขาทั้ง
โรสถอยเท้าหนี ความรู้สึกสงสารและโกรธแค้นประดังเข้ามาในใจ เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอพยายามพูดด้วยเสียงที่นิ่งที่สุด แต่ก็ยังสั่นอย่างเห็นได้ชัด “ความรักของเธอมันหนักเกินไปสำหรับฉัน ลูคัส ฉันไม่สามารถทนรับมันได้อีกแล้ว ฉันแค่...อยากให้ทุกอย่างจบ...”เขาทรุดลงไปอีกครั้ง หมอบกราบแทบเท้าของเธอ ร่างสูงใหญ่ดูอ่อนแอและสิ้นหวังอย่างน่าเวทนา “ได้โปรด...อย่าพูดแบบนั้น ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆ...ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะครับ”โรสมองเขาด้วยสายตาเปื้อนน้ำตา หัวใจเธอเจ็บปวดเหมือนโดนบีบให้แตกสลาย แต่เธอก็ต้องรวบรวมความเข้มแข็งไว้ เธอไม่สามารถให้ตัวเองใจอ่อนได้อีกแล้วเอมี่ขยับมายืนข้างๆ สายตาจ้องมองลูคัสอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะหันมาพูดกับโรส “เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ฟังอะไรแบบนี้แล้ว ไปจากที่นี่กันเถอะโรส”ลูคัสเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง น้ำตาอาบแก้ม เขาดูเหมือนคนที่หมดสิ้นทุกสิ่ง “โรส...ได้โปรด...ผมไม่มีคุณไม่ได้...”โรสหลับตาลง พยายามสะกดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เธอรู้ดีว่าการกลับไปหาลูคัสไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หัวใจของเธอจะเจ็บปวดกับสภาพของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถลืมสิ่งที่เขาเคยทำได้...โรสทรุดตัวลงนั่
เมื่อโรสย้ายเข้าไปอยู่กับเอมี่ เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เรื่องของลูคัสจนถึงเอเดน เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเล่าถึงช่วงเวลาที่เธอถูกหักหลัง ความรู้สึกอับอายและเจ็บปวดผสมปนเปจนแทบพูดไม่ออก แต่เอมี่ฟังอย่างเงียบๆโดยไม่ขัดอะไร จนกระทั่งทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกไปจนหมด"แล้วทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่แรก?!" เอมี่พูดขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและผิดหวัง "ถ้าเธอเล่าให้ฉันฟัง บางทีเรื่องมันอาจจะไม่บานปลายแบบนี้ก็ได้"โรสก้มหน้าลง น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพึมพำด้วยความรู้สึกผิด "ฉันไม่กล้าเล่า... ฉันอาย"เอมี่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ "อายเรื่องอะไร? เรื่องแบบนี้เธอต้องบอกฉันสิ ฉันคือเพื่อนของเธอนะ""ฉันรู้สึกอายที่จะบอกว่าฉันคบกับคนที่อายุน้อยกว่าตัวเองมากขนาดนั้น ตอนแรกมันเหมือนแค่เรื่องสนุก ฉันไม่คิดว่ามันจะลากยาวมาจนถึงจุดนี้... ฉันไม่คิดว่ามันจะซับซ้อนและเลวร้ายแบบนี้เลย"เอมี่ถอนหายใจออกมายาว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลง "ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง เธอไม่ควรเก็บไว้คนเดียวแบบนี้อีก เข้าใจไหม? ต่อไปถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอต้องบอกฉันทันที เราจะหาทางแก้ไปด้วยกัน"โรสพยักห
แม้ว่าลูคัสอาจมีปัญหาในจิตใจของเขาเอง แต่เธอก็ไม่สามารถให้อภัยสิ่งที่เขาทำได้ ความเจ็บปวดจากการถูกล่วงละเมิดทั้งทางร่างกายและจิตใจยังคงหลอกหลอนเธอทุกครั้งที่หลับตา แต่เมื่อมองเรื่องราวของตัวเองกับสามี มันยิ่งเห็นชัดเจนขึ้น การที่เธอเลิกกับสามีมันไม่ใช่ความผิดของลูคัสอย่างที่เขาพูด แม้ว่าลูคัสจะจ้างผู้หญิงคนนั้นเพื่อเข้าไปใกล้สามีของเธอ แต่สุดท้ายการที่สามีของเธอนอกใจมันก็คือการตัดสินใจของเขาเอง ลูคัสอาจเป็นตัวกระตุ้น แต่เขาไม่ได้เป็นต้นเหตุของความล้มเหลวในชีวิตแต่งงานของเธอความคิดนี้ทำให้เธอเริ่มสงบลง เธอหยุดกล่าวโทษทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูคัสหรือใครก็ตาม เธอเริ่มยอมรับความจริงว่าชีวิตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และบางครั้ง ความเจ็บปวดก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางที่ต้องเดินผ่านแต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับเธอในตอนนี้คือเธอไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใดๆอีกแล้ว ความรักที่เคยทำให้เธอมีความสุข ตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่เธอเข็ดหลาบที่สุด เธอไม่อยากเสี่ยงเปิดใจให้ใครอีก ไม่อยากแบกรับความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นซ้ำๆในสองวันนั้น โรสพยายามฝึกที่จะเริ่มต้นดูแลตัวเอง เธอเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นๆ ของช่วงเช
"ลูคัส ฟังฉันนะ..." เสียงของเธอสั่นไหว แต่แฝงด้วยความหนักแน่น “ทุกอย่างมันจบแล้ว ฉัน... ฉันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอกับฉัน มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย ปล่อยฉันไปเถอะ”น้ำตาของลูคัสไหลลงมาอีกเป็นสายเขาส่ายหัวไปมาอย่างแรง “ไม่! คุณยังรักผมอยู่ ผมรู้!” เขาพุ่งเข้าไปกอดขาของเธอแน่นจนโรสต้องเซถอยหลังเล็กน้อย“ปล่อยฉัน ลูคัส!” โรสร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฉันเหนื่อยเกินไปแล้ว เธอ... เธอทำลายทุกอย่างในชีวิตฉัน เธอไม่เข้าใจเหรอ?”ลูคัสกลับยิ่งกอดขาเธอแน่น เขาสะอื้นเหมือนเด็กที่กำลังหวาดกลัวการถูกทอดทิ้ง “ผมขอโทษ ผมรู้ว่าผมผิด แต่ผมทำไปเพราะผมรักคุณ... โรส ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม...ขอร้อง...”โรสมองลงไปที่เขา ภาพของลูคัส นายแบบชื่อดังที่ครั้งหนึ่งเคยมีแต่ความมั่นใจในตัวเอง ดูดีและสมบูรณ์แบบในสายตาของทุกคน บัดนี้เขากลับกลายเป็นเพียงชายที่ดูไม่ได้ แตกสลายและหมดสภาพ เธอรู้สึกสมเพชอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่กับเขา... แต่กับตัวเธอเองที่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนนี้นานเกินไปโรสพยายามรวบรวมสติที่เหลืออยู่ก่อนจะพูด "ฉันไม่เหลืออะไรให้เธอแล้วลูคัส ไม่แม้แต่ความเกลียดชัง ฉันแค่...
ในขณะที่เอเดนกำลังพยายามดึงเสื้อผ้าของโรสออก เสียงประตูที่เปิดออกอย่างแรงทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ร่างสูงใหญ่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ก่อนที่โรสจะทันได้ประมวลผล คนที่เข้ามาก็ถีบเอเดนออกจากตัวเธออย่างรุนแรง ร่างของเอเดนกระเด็นไปกระแทกกับพื้นเสียงดัง ลูคัสยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะที่แทบจะเผาผลาญทุกสิ่งรอบตัว“แกทำอะไรลงไป เอเดน!” ลูคัสคำราม ก่อนพุ่งเข้าไปกระชากตัวเอเดนขึ้นจากพื้นและเหวี่ยงหมัดใส่เขาอย่างไร้ความปรานี เอเดนล้มลงไปอีกครั้ง แต่ลูคัสไม่หยุด เขาใช้เข่าคร่อมร่างของเอเดนไว้ แล้วปล่อยหมัดตามมาอย่างต่อเนื่องลูคัสจมอยู่ในความโกรธแค้น และเอเดนที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ไร้ความสามารถที่จะตอบโต้ สภาพเขาเละเทะและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนในที่สุดร่างของเอเดนก็แน่นิ่งไปโรสนั่งอยู่บนเตียง สภาพของเธอดูอิดโรย เสื้อผ้าหลุดลุ่ย และเส้นผมยุ่งเหยิง เธอกอดตัวเองแน่น ร่างกายสั่นสะท้าน ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความหนาวเหน็บของเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือความกลัวที่เริ่มครอบงำเธอมองลูคัสที่ค่อยๆลุกขึ้นจากร่างของเอเดนด้วยสายตาที่เธออ่านไม่ออก เขาเพิ่งช่วยเธอจากเอเดน แต่แววตาที่เขาหันมาหาเ