เสียงข้อความเข้าทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงบิดขี้เกียจ เธอรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วในเวลาปกติที่ต้องไปทำงาน แต่เมื่อเป็นวันหยุดหญิงสาวก็อยากนอนต่อ แต่เสียงมือถือที่ดังขึ้นซ้ำทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดจึงคว้ามาดูอย่างเซ็ง ๆ ทว่าเห็นชื่อบนข้อความแล้วร่างบางก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
‘เอาเงินสดมาที่คอนโดผมก่อน 11.00’
เมื่อกดเข้าไปอ่านข้อความของเจ้านายแล้วก็ทำให้เธอต้องอ่านข้อความที่ถูกส่งมาก่อนหน้า ซึ่งเป็นแจ้งเงินเข้าบัญชีจากธนาคาร
“สามหมื่น”
หญิงสาวถอนหายใจแล้วบ่นอุบอิบ
“ไม่พกเงินติดตัว พกเช็คบ้างก็ดีนะคะเจ้านาย”
แม้จะขัดเคืองใจหากก็รีบก้าวลงจากเตียงเพื่อไปทำหน้าที่เลขาส่วนตัวผู้ถูกเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
เจ้าของร่างบางที่กำลังกดเงินหน้าตู้เอทีเอ็มมองซ้ายมองขวาดอย่างหวาดระแวง ไม่อยากให้ใครรู้เห็นว่าตนกดเงินค่อนข้างเยอะ เมื่อเงินออกมาก็รีบเอากระเป๋าจ่อใกล้ๆ เพื่อหยิบใส่โดยเร็วที่สุด แม้จะกังวลแต่มันช่วยไม่ได้ในเมื่อไม่มีเวลาไปถอนเงินที่ธนาคาร
หญิงสาวรีบออกจากบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อใกล้คอนโดไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีซึ่งอยู่ไม่ห่างนัก เธอมีรถแต่ใช้รถไฟฟ้าสะดวกกว่าเพราะคอนโดเจ้านายหนุ่มอยู่ติดรถไฟฟ้าเหมือนกัน ที่น่าหงุดหงิดก็คือห่างจากเธอไม่กี่ป้าย นั่นทำให้อีกฝ่ายเรียกหาเธอได้ง่ายดายหากเขามาพักที่นี่ อีกอย่างขับรถไปที่นั่นก็ไม่มีที่จอดรถสำหรับคนนอกเช่นเธอ
ขณะที่กำลังรีบร้อนอยู่นั้นเสียงมือถือก็ดังและสั่นพร้อมกัน เธอหยิบออกจากกระเป๋า ทว่าเห็นชื่อก็ชะงักไป
‘แม่’
หากเป็นคนอื่นเห็นเบอร์คนในครอบครัวคงดีใจแต่สำหรับกุลนารีแล้วเธอแทบไม่อยากรับ คนที่บ้านเธอแตกต่างจากใครอื่น
“แก้มเดือนนี้แม่ขอหมื่นห้านะลูก หมื่นเดียวไม่พอ”
ทันทีที่กดรับ ปลายสายก็เอ่ยในสิ่งที่ต้องการ
กุลนารีพยายามอย่างมากที่จะไม่ถอนหายใจ หากก็ผ่อนออกมาบางเบาราวทอดถอนใจ
“มีปัญหาอะไรเหรอจ๊ะ”
“ก็พ่อเราไปบ่อนไก่แล้วเสียก็ยืมเพื่อนต่อทุน แต่มันก็มีแต่เสียกับเสีย ไม่ได้ก็ไม่มีคืนเขา”
“ยืมตั้งห้าพันเลยเหรอแม่”
เธอพยายามพูดเสียงเบา เพราะรอรถไฟฟ้าอยู่ และก็ต้องรีบคุยให้จบก่อนรถจะมา เข้าไปข้างในจะยิ่งได้ยินเสียงชัดเจนกว่านี้
“ก็...ไม่ถึงขนาดนั้น”
เสียงมารดาอึกอักทำให้เธอเดาได้ทันที
“แม่...เบาๆ ลงหน่อยไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“ซื้อน้อยมันก็ไม่ถูกสิลูก”
“แล้วซื้อเยอะถูกด้วยเหรอ”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่เมื่อเห็นว่ารถไฟฟ้ากำลังจะมาแล้วเธอก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะคุยกันเรื่องนี้ไปก็ไม่มีวันจบ
“ยังไงก็ลดลงบ้างนะจ๊ะ พ่อก็เหมือนกัน”
เธอตัดบท
“แล้วเงินเดือนออกแก้มจะโอนให้”
น้ำเสียงมารดาขอบใจกลับมาอย่างชื่นมื่นก่อนจะวางสายไปโดยง่าย หากคนเป็นลูกสาวกลับน้ำตาซึม เธอส่งเงินให้ครอบครัวเดือนละหนึ่งหมื่นบาทก็จริง แต่มารดาจะขอเพิ่มทุกเดือน ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เงินที่บ้านมากกว่านี้แต่ให้ก็คือหมด หากไม่ใช่เพราะทำตำแหน่งเลขาประธานกรรมการกุลนารีไม่มีทางจ่ายเงินให้ครอบครัวได้แน่ หญิงสาวจึงพยายามทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เกาะให้แน่นเข้าไว้เสมอ
ก่อนหน้าที่ยังฝึกงานและเป็นผู้ช่วยนั้นเธอต้องกลับมานอนร้องไห้ในห้องเช่าทุกคืนเพราะกลัวไม่ได้งาน เนื่องจากเจ้านายของเธอถูกใจเลขารุ่นพี่คนเดิมของเขามาก และไม่อยากเปลี่ยน แต่งานสองบริษัทอย่างน้อยก็ต้องมีคนช่วยดูเมื่ออีกฝ่ายตั้งครรภ์จึงต้องรับผู้ช่วยเลขา ซึ่งเธอทำงานไม่ถูกใจเจ้านายเลยแม้แต่น้อย เขามักจะเรียกเลขารุ่นพี่เข้าไปคุยเสมอและไม่ให้เธอตามเข้าห้องประชุมหรือออกไปข้างนอกด้วย เธอจึงต้องตั้งใจทำเอกสารให้ดีที่สุดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยก่อนรุ่นพี่เลขาจะออกเพราะต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเองนั้น เจ้านายต่อต้านเธอมาก ทว่ากุลนารีก็ก้มหน้าก้มตาทำงานเพียงอย่างเดียว ขณะที่รุ่นพี่บอกกับเจ้านายว่ามั่นใจในตัวเธอเพราะสอนเธอมาเองกับมือ กุลนารีจึงไม่ถูกให้ออก
เธอมีภาระหนี้สินจากทางบ้านรออยู่ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบและยังมีอย่างต่อเนื่อง เธอเป็นลูกคนเดียว การเลี้ยงดูพ่อแม่ติดตัวมานับแต่เราเกิด กุลนารีไม่เคยโทษโชคชะตาของตัวเอง ไม่เคยโทษพ่อแม่ เธอทำเพียงขอให้พวกท่านเพลาๆ มือลงบ้าง แต่นั่นแหละของมันเคยกันอยู่ยากจะหยุดได้
‘มาถึงแล้วเข้ามาได้เลย’
มีข้อความเข้ามาอีกขณะที่เธออยู่บนรถไฟฟ้า หญิงสาวไม่ได้ตอบเช่นเคยเพียงแค่ดูเวลาก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าตามเดิม
กุลนารีปรากฏตัวหน้าห้องของเจ้านายตนเอง โดยเหลือสิบห้านาทีจะสิบเอ็ดโมง เธอเข้าคอนโดได้เพราะมีคีย์การ์ดสำรองที่เขาให้ไว้และเข้านอกออกในบ่อยจนรปภ.กับแม่บ้านจำหน้าได้ เธอยังเคยถูกแม่บ้านที่เจ้านายจ้างทำความสะอาดเข้าใจว่าเป็นคนรักของเขาด้วยซ้ำแต่ก็บอกไปตามตรงว่าเป็นเลขา
มือบางที่กำลังจะกดกริ่งชะงักเมื่อนึกคำสั่งขึ้นมาได้ ประตูสามารถเปิดได้ทั้งใช้คีย์การ์ดและกดรหัส แม้จะรู้รหัสแต่ในเมื่อมีคีย์การ์ดในมือหญิงสาวก็วางทาบไปทันควัน
เมื่อดันประตูเข้าไป สิ่งแรกที่ปะทะสายตาคือความสลัวรางแม้เป็นเวลากลางวัน ภายในห้องไม่ได้เปิดผ้าม่านและไฟ มีเพียงแสงไฟบางเบาน่าจะเป็นจากประตูห้องนอน ทว่าเพียงก้าวต่อมาก็ต้องชะงักเท้าอยู่กับที่เมื่อปรับประสาทสัมผัสดวงตาได้ดีขึ้น
‘ตาเถร ชีเปลือย!’
ร่างอวบอัดที่เผยแผ่นหลังกับผมยาวสยายหันหลังให้เธอ หากใบหน้าหันมามองเธอแล้วในตอนนี้ และกุลนารีจะไม่ผงะเลยหากอีกฝ่ายไม่ได้นั่งคร่อมร่างใหญ่อยู่บนโซฟาห้องรับแขก!
=====
เรื่องราวในชุด Kissing ต่อจาก First kiss จูบ(แรก)เร้นรัก กับ Deep kiss จุมพิตร้อนรัก มาลุ้นกันว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงค่า
ฝากติดตามด้วยนะคะ
“อ๊ะ...”มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะหลุดเสียงอุทานออกมาพร้อมก้าวถอยหลัง ตาเธอเหลือบไปสบกับดวงตาคู่คมเข้มเข้าพอดี ขณะที่เสียงแว้ดดังขึ้น“อ้าย! เข้ามาได้ยังไง นังบ้า!”ขาเรียวก้าวถอยหลังอย่างไม่เป็นกระบวน ผลุนผลันหันกลับออกประตูมาแล้วรีบปิดลงราวหนีซอมบี้ แผ่นหลังบางทิ้งพิงผนังพร้อมลมหายใจหอบกระชั้นนอกเหนือจากตกใจแล้วเธอยังหน้าร้อนผ่าวราวขัดเขิน เขินหรือ? ไม่หรอก จะเขินทำไมเธอไม่ใช่คนที่นั่งอยู่บนตักเจ้าของร่างสูงนั่นสักหน่อยกุลนารีพยายามหลับตาลงระงับอาการอกสั่นขวัญแขวนระคนอายของตน ทว่าสายตาคมดุกลับวาบขึ้นมาในมโนสำนึก คิ้วเรียวสวยขมวดก่อนจะลืมตาแววตาเจ้านายสื่อถึงอะไรกันแน่?เธอยืนนิ่งรอคอยอยู่หน้าห้อง ในเมื่อถูกสั่งให้มา แต่มาถึงในเวลาไม่เหมาะไม่ควรก็ยังไม่อาจไปไหนได้ แม้ไม่รู้ว่าธุระส่วนตัวของชายหนุ่มจะเสร็จเมื่อไรกุลนารีก็ไม่กล้าเสี่ยงขัดคำสั่งหญิงสาวไม่ได้กลัว ทำงานร่วมกันมานานจนเลยจุดกลัวมาแล้ว ทว่าไม่คิดขัดคำสั่งอีกฝ่าย เพื่องานที่มั่นคงทำให้กุลนารีไม่เคยปริปากบ่นหรือแสดงความไม่พอใจเมื่อเจ้านายหนุ่มเรียกหา ตอนรับหน้าที่เลขาเต็มตัวใหม่ๆ เจ้านายอย่างพศินตั้งแง่กับเธอด้วยความไ
เสียงประตูเปิดออกทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจากภวังค์ความหลัง หันไปก็เห็นร่างสูงของเจ้านายใส่เสื้อคลุมยืนเท้าขอบประตู เธอจึงรีบก้มหน้าลงและเอ่ยขึ้นทันที“ขอโทษค่ะเจ้านาย”“เรื่องอะไร”เสียงเข้มถามห้วนๆ เธอจึงเงยหน้าขึ้น ทว่าก็ไม่กล้าสบตาคู่คมดุนัก เธอไม่เคยทำงานพลาด ครั้งนี้มาถึงในตอนที่ชายหนุ่มยังทำกิจกรรมส่วนตัวอยู่เกรงว่าอีกฝ่ายจะตำหนิได้“ดิฉันมาเร็ว...”“ก็ตรงเวลานี่ เข้ามาเถอะ”ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบแล้วหันหลังกลับเข้าห้อง ทำไมเธอต้องก้าวตาม แม้จะแปลกใจที่เจ้านายดูเฉยๆ หากก็นึกโล่งใจที่เขาไม่ติดใจเอาความกับการที่ตนมาขัดความสุขหลายปีที่ทำงานในหน้าที่นี้กุลนารีกังวลเพียงเรื่องส่วนตัวของเจ้านายหนุ่ม จึงพยายามไม่ยุ่มย่ามอยากรู้อยากเห็น ปิดหูปิดตา วางตัวอย่างเลขามืออาชีพทั้งที่ในใจไม่ได้อยากรับรู้เรื่องแบบนี้เลย ทว่ามันก็เป็นความกดดันในใจของเธอไปแล้ว“คุณรับเงินกับเลขาผมแล้วก็กลับได้เลย”พศินบอกกับหญิงสาวที่มีผ้าขนหนูพันตัวลวกๆ และยังนั่งอยู่บนโซฟา จบประโยคร่างสูงกำยำก็เดินเข้าห้องนอนไปไฟภายในนี้ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว กุลนารีเห็นหน้าสาวรูปร่างอวบอัดชัดเจนว่าเป็นคู่ขาคนล่าสุดของเจ้านายที่ได้เจอ
เธอไม่อยากนั่งรอตรงโซฟาที่ได้เห็นพวกเขาทำกิจกรรมอย่างว่าเต็มตา ด้วยรู้สึกนั่งไม่ลง อึดอัดขัดเขินแปลกๆ กุลนารีจึงพาตัวเองเข้าไปในห้องครัวจัดการเก็บล้างสิ่งที่อยู่ในนั้นรอเจ้านายของตน ซึ่งเธอก็ทำอยู่บ่อยครั้งเมื่อถูกเรียกให้มายังคอนโดของชายหนุ่มทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เปิดเข้ามาแล้วเจอโป๊ะแตกเข้า โดยมากพศินจะทำกิจกรรมส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว หรือไม่ก็ยังอยู่ในห้องนอนซึ่งเธอพอรับรู้ได้จากเสียง นั่นก็นับว่าน่าขนลุกพอแล้ว แต่ครั้งนี้ทำเอาหัวใจแทบวายจริงๆ แถมภาพนั้นยังติดตาอยู่เลย ให้ตายสิ!“จองโต๊ะแล้วใช่ไหม”เสียงเข้มเรียบๆ ดังขึ้น กุลนารีลมหายใจสะดุด ใจกระตุกวูบ หากก็พยายามปรับสีหน้าของตนให้เรียบเฉยแล้วหันไปยังชายหนุ่ม“ค่ะ”“คุณไม่ต้องทำก็ได้ เดี๋ยวแม่บ้านก็มาแล้ว”เจ้าของร่างสูงยืนกอดอกพิงขอบประตูมองเธอด้วยแววตาคมดุเช่นเดิมเหมือนทุกวัน ทว่ากุลนารีกลับรู้สึกว่าตนเองหน้าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น“เสร็จแล้วล่ะค่ะ”เธอบอกพร้อมล้างมือเรียบร้อย ซับน้ำกับผ้าเช็ดมือเสร็จก็เดินไปหยิบกระเป๋าของตนที่โต๊ะกินข้าวชายหนุ่มขยับตัวเดินนำไปก่อนเป็นเวลาเดียวกับที่สาวสวยร่างอวบออกจากห้องน้ำมาพอดี“เบลขอไปทานข้า
“ตบเลยเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทอุทานเสียงเบา ตาโตที่โตอยู่แล้วยิ่งขยายขึ้นขณะที่กุลนารีตักข้าวกลางวันเข้าปากอย่างเซ็งๆ ความจริงก็ไม่ได้อยากบอกเล่าเรื่องส่วนตัวของเจ้านายให้เพื่อนฟัง แต่อีกฝ่ายสังเกตว่าเธอแต่งหน้าหนาแถมสีบรัชออนแจ่มชัดอย่างที่ไม่เคยแต่งมาก่อน แล้วตนดันหลุดปากว่า ‘โดนตบ’ ก็เลยถูกซักไซ้ จึงจำต้องพูดในบางส่วนว่า บังเอิญไปเร็วขัดกิจกรรมเข้าจังหวะทำให้คู่ควงของเจ้านายไม่พอใจ“ดูแรงเนาะ คุณพศินไม่น่าชอบผู้หญิงแรงๆ”เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของญาดา“ไม่ใช่แค่นิสัยแรงหรอก ร้อนแรงไม่เบาด้วย”พูดแล้วเจ้าตัวก็ยักไหล่อย่างไม่แปลกใจว่าทำไมถูกใจเจ้านายของตน เพื่อนสาวที่มองอยู่ถึงกับหลุดขำ“ถึงขนาดไปรู้เห็นว่าเขาร้อนแรงนี่มันน่าสยองยังไงๆ อยู่นะ”คนพูดทำหน้าหวาดหวั่นกุลนารีเองก็หน้าม่อยไปเช่นกัน หากก็ไม่ได้บอกรายละเอียดกับเพื่อน แต่ที่เธอคาดการณ์ว่าสาวอวบอัดต้องร้อนแรงไม่ธรรมดาเพราะตั้งแต่คบกับคนนี้ เจ้านายของเธอใช้เวลากับอีกฝ่ายนานทุกครั้ง เธอมักไปถึงโดยที่ทั้งคู่ยังมีความสุขอยู่ในห้องเสมอ ยอมรับว่าแอบหวั่นใจกับสิ่งที่ต้องรับรู้เมื่อถูกเรียกไปคอนโดชายหนุ่ม ทว่าก็ปฏิเสธงานไม่ได้“ไม่เ
“แก้ม”ร่างบางที่กำลังก้าวฉับๆ เพื่อกลับไปยังโต๊ะทำงานช่วงบ่ายหลังพักเที่ยงหยุดก่อนจะหันตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาหาตน“แก้มจริงๆ ด้วย กลัวจะทักคนผิดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”อีกฝ่ายออกมาประตูห้องประชุม ซึ่งเธอรู้ว่าทีมออกแบบจะเข้าประชุมกับเจ้านายของตนในบ่ายนี้ กุลนารีคิดอยู่ชั่วแวบก็เอ่ยถาม“พี่ยุเพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอ”“ใช่ เพิ่งเริ่มงานได้สองอาทิตย์ ไม่รู้นะเนี่ยว่าแก้มทำงานที่นี่”“ทำมาตั้งแต่เรียนจบน่ะ”“หือ งั้นพี่ต้องขอคำปรึกษารุ่นพี่อย่างแก้มแล้วล่ะ”“แก้มไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องออกแบบหรอกค่ะ”เธอบอกไปพร้อมยิ้มบาง“ก็ถามเรื่องทั่วๆ ไป ระบบภายใน หรือไปกินข้าวกันบ้างอะไรงี้”อีกฝ่ายบอกกว้างๆขณะที่กุลนารีมองคนที่ไม่เจอกันมานับแต่อีกฝ่ายเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทั้งอึ้งทั้งดีใจ หากก็อึดอัดขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก คาดว่าศตายุน่าจะถูกดึงตัวมา จำได้ว่าหัวหน้าฝ่ายออกแบบกับพริษฐ์เข้ามาขออนุมัติคนกับเจ้านายตน เนื่องจากบริษัทเพิ่งลดคนคัดคนออก วางระบบภายในใหม่ทั้งหมด ใช้คนน้อยลงแต่ทักษะความสามารถของบุคคลต้องหลากหลายมากขึ้น ใครรับระบบใหม่ไม่ได้และพร้
สี่ทุ่มคืนวันเสาร์ถัดมา...ร่างบางออกจากห้องน้ำมาด้วยชุดนอนเรียบร้อยพร้อมทั้งมาส์กแปะบนหน้า ตั้งใจนอนโดยไม่ทำอะไรแล้ว เพราะวันนี้เธอเข้าบริษัทกับเจ้านายที่เข้าไปตรวจเอกสารอนุมัติเร่งด่วนของแต่ละแผนก กว่าจะออกมาก็บ่ายแก่ แล้วโทรชวนญาดาไปดูหนังวันพรุ่งนี้ เพราะมั่นใจว่าพศินต้องพักหนึ่งวันแน่นอนหลังจากทิ้งตัวลงนอน รอเวลามาส์กหน้าครบก็หยิบมือถือมาเปิดดูแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่ามีข้อความเข้ามาตอนเธออาบน้ำ กุลนารีแทบไม่อยากอ่านทว่าก็จำต้องเปิดข้อความของเจ้านาย‘มาหาผมที่คอนโด’ข้อความเข้ามาเมื่อราวยี่สิบนาที และเป็นครั้งแรกที่เธอถูกเรียกตัวในตอนกลางคืน แม้ว่าตอนนี้รถไฟฟ้ายังไม่ปิด แต่ก็เป็นเรื่องผิดปกติ ทว่าไม่มีเวลาคิดมาก กุลนารีรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปยังคอนโดของพศินให้เร็วที่สุดเพราะชายหนุ่มไม่ได้บอกกำหนดเวลา อาจหมายถึงให้เธอไปโดยเร็ว‘ทำไมช้า คุณอยู่ไหนแล้ว’เธอถูกตามด้วยข้อความอีกครั้งก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้ากุลนารีจึงพิมพ์ตอบกลับไป‘ขอโทษค่ะ ดิฉันเห็นข้อความหลังอาบน้ำเสร็จน่ะค่ะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ’‘เร็วหน่อยแล้วกัน’หญิงสาวก้าวเร็วๆ แทบจะวิ่งเมื่อลงจากรถไฟฟ้ากระทั่งขึ้นไปถึ
“อ๊าย!! คุณพศิน!”“คุณไม่พอใจเรื่องอะไร ผมว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วตั้งแต่ต้นนะ ว่าแค่ใช้เวลาสนุกด้วยกัน”พศินยังคงใช้น้ำเสียงโทนเดิมไม่เปลี่ยน ทว่ากุลนารีรับรู้ได้ว่าเจ้านายของตนเริ่มไม่พอใจเพราะลมหายใจชายหนุ่มแรงขึ้น“คุณเห็นเบลเป็นอีตัว!”“เอ่อ คุณ...”“แกไม่เกี่ยว หุบปากไปเลย”เบญจวรรณโพล่งขึ้นในทันทีที่เธอเอ่ย“คุณเองก็ควรเลิกเสียงดังแล้วกลับเสีย”ชายหนุ่มตัดบทพร้อมกับพาเธอเดินตรงไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกคน“กุลนารีเข้าไปเอาเสื้อผ้าออกมาให้เธอ”คนถูกสั่งเลี่ยงหลบสาวสวยร่างอวบอัดที่ยืนหน้าประตูเข้าไป ขณะที่เจ้าตัวมองตามเธอแล้วหันไปกลับไปมองชายหนุ่ม“คุณพศินคะ เบล...”สายตาคู่คมเข้มที่มองมาทำให้เบญจวรรณตระหนักได้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว“พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินเพิ่มให้ ขอบใจสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา”“ไม่นะคะ อย่าเพิ่งตัดรอนเบลสิคะคุณพศิน”หญิงสาวพยายามจะคว้ามือเขาแต่ชายหนุ่มถอยออกอย่างไม่ต้องการให้แตะต้องตัว เป็นเวลาเดียวกับที่กุลนารีกลับออกมาพอดี“แล้วก็ อย่ามาดักรอผมหน้าห้องแบบวันนี้อีก”เบญจวรรณส่ายหน้า ใบหน้าสวยไม่มีน้ำตาแต่เจ้าตัวก็พยายามแสดงสีหน้าชัดเจนว่าเสียใจ“เบลไม่มารอก็ได้ แต่คุณอย่า
กุลนารีดูเวลาที่มือถือของตนหลังจากวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เธอรู้ว่าเจ้านายเพิ่งเข้าไปอาบน้ำหลังจากคู่ขาของเขากลับไปแล้ว ที่ชายหนุ่มให้เธอเข้ามาเตรียมเอกสารในห้องทานของเขาก่อนก็เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้านั่นเอง“ห้าทุ่มครึ่งแล้วเหรอเนี่ย”พึมพำกับตัวเองแล้วก็อดกังวลไม่ได้ว่าตนจะได้กลับบ้านเมื่อไร พศินให้ชงกาแฟเท่ากับเขาจะดูเอกสารจริงๆ อาจดูจนเสร็จ ชายหนุ่มมักทำงานแบบยิงยาวที่ทำงานบ่อยครั้ง ทว่าที่คอนโดเธอไม่เคยต้องอยู่กับเจ้านายดึกดื่น“คุณต้องลำบากเรื่องเบญจวรรณเยอะเลย”ร่างบางถึงกับสะดุ้งที่อยู่ๆ เสียงเข้มก็ดังด้านหลัง พศินมักขยับตัวรวดเร็วไม่ค่อยมีเสียงให้รู้สึกตัวเท่าไร สำหรับกุลนารีที่อยู่ด้วยกันมานานถือว่าค่อนข้างชิน แต่บางครั้งเธอคิดเรื่องอื่นอยู่ก็มีอาการบ้างนิดหน่อย“เธอเข้าใจผิด ก็เขม่นเป็นธรรมดาตามประสาผู้หญิงค่ะ”กุลนารีบอกอย่างพยายามทำใจ ไม่อาจเอ่ยไปตรงๆ ได้ว่าเพราะชายหนุ่มใช้คำพูดให้ดูกำกวม“ส่วนหนึ่งก็เพราะผมด้วย”อีกฝ่ายยอมรับพร้อมก้าวเข้ามาในห้อง หญิงสาวเองก็แปลกใจไม่น้อยที่เขาออกตัวมาง่ายๆ อย่างนี้“เขาอยู่คอนโดนี้ แล้วก็มาดักรอผม เขาควรรู้ว่าไม่ใช่อยากเจอผมเมื่อไรก็มาได้ตาม
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่
กุลนารีสบตาเพื่อนแววตาขอร้องเมื่อญาดาเข้ามาในห้องน้ำของเจ้านายหนุ่มด้วย ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายซักถามอะไรให้มากความ“แก้มมีอะไรเหรอ คุณพศินบอกให้พริกเข้ามาคุยกับแก้มเอง”เพื่อนสาวถามเสียงเบา ดูจากสายตาแล้วเจ้าตัวเหมือนจะไม่อยากเชื่อและไม่อยากคิดลึก“เอ่อ คือ...พริกไปซื้อชุดชั้นในใหม่ให้แก้มหน่อยนะ”เธอกระซิบบอก ตอนนี้ร่างบางสวมเสื้อกับกระโปรงเสร็จแล้ว แต่ก็ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำของชายหนุ่มทับอีกทีสายตาของญาดาล่อกแล่ก ทว่าก็พยักหน้ารับ สองสาวมองกันและกันนิ่งครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาจับมือเธอ มืออีกข้างลูบเบาๆ ราวกับปลอบใจ คงเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเธอ“พริกจะรีบกลับมานะจ๊ะ”เพื่อนสาวไปแล้วกุลนารีก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว คงต้องได้คุยกันอย่างจริงจังหลังจากนี้กับญาดาแน่นอน“แก้มออกมานั่งที่โซฟาเถอะ”พศินเดินมาเคาะประตูเบาๆ พร้อมบอกโดยไม่ได้เปิดเข้ามา แม้จะแง้มไว้เล็กน้อยเนื่องจากญาดาเพิ่งไปก็ตามในนี้ทั้งเย็นทั้งชื้นทำให้ไม่สบายได้ง่าย กุลนารีจึงยอมก้าวออกไปข้างนอก“อุ่นหรือเปล่า ใส่สูทของผมอีกตัวไหม”เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใยพร้อมกับหยิบสูทของเขาส่งให้“ไม่เป็นไรค่ะ”“ห่มเอาไว้ดีกว่า”บ
“ผมรักคุณ”พศินสวนขึ้นเสียงเข้ม ใบหน้าขาวคมคายเงยขึ้นมาสบตากับเธอไม่ห่างนัก ลมหายใจของเขาค่อนข้างหนัก บ่งบอกถึงอารมณ์เข้มข้นภายใน“รัก? คนรักกันเขาทำป่าเถื่อนแบบนี้เหรอคะ”กุลนารีถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด“คุณทำให้แก้มรู้สึกเหมือนคุณไม่ได้รักแก้มเลย เมื่อไม่รักก็ไม่จำเป็นต้องทะนุถนอม จะทำร้ายร่างกายหรือความรู้สึกยังไงก็ได้”ดวงหน้าผุดผ่องเต็มไปด้วยคราบน้ำตากับแววตาสุดแสนเสียใจ ต่อว่าต่อขานยืดยาวทว่ากระท่อนกระท่อนเพราะเจ้าตัวร้องไห้ด้วย คนกระทำเสียใจไม่น้อย เขามีสติและตั้งใจทำแบบนี้ ทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นกุลนารีเดินเบียดชิดตัวติดกับผู้ชายคนอื่น อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นพศินดึงคนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเข้ามาแนบอกตน ลูบไหล่บางที่สั่นเพราะเจ้าตัวสะอื้นและคงเย็นอย่างเบามือกว่าก่อนหน้านี้“ผมหวง”ชายหนุ่มบอกสั้นๆ ไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอะไร แล้วจูบหนักๆ บนหน้าผากเธอ จับให้ซบหน้ากับอกเขา“อยากฝากรอยบนตัวคุณทั้งตัว ตีตราจองให้ทุกคนรู้ว่าแก้มเป็นของผม”หญิงสาวเพียงแค่ฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไร เธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิด“หนาวไหม”เสียงเข้มอ่อนโยนขึ้นกุลนารีจึงพยักหน้ารับนิดๆ“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้
น้อยครั้งที่พศินจะเลิกงานตรงเวลา และวันนี้เข้าช้าทำให้งานร่นออกไปอีก ชายหนุ่มจึงโทรบอกน้องสาวว่าฝากให้บราลีกลับกับอีกฝ่าย เมื่อโทรบอกเจ้าตัวอีกฝ่ายก็งอแงบอกว่าพอมีแฟนแล้วก็ทิ้งตนเอง ทำเอาพศินหัวเราะในลำคอ‘ถ้าแบมมีแฟนแล้วยังอยากติดรถพี่ไปกลับอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่า’ถามไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ เขารู้ว่าบราลีงอน แต่เจ้าตัวก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัว เมื่อโดนถามแทงใจดำจึงไม่ตอบสองทุ่มร่างสูงกำยำก็ออกจากห้องมา ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นเลขาคนสนิทเงยหน้าขึ้น“วันนี้กลับรถแก้มกันนะ”“แล้ว...แบมล่ะคะ คุณไม่ไปส่งก่อนเหรอ”“กลับไปกับวุ้นแล้ว”กุลนารีไม่ได้ซักต่อ พอเข้าใจได้ว่าเพราะชายหนุ่มเลิกงานช้า แทนที่บราลีจะต้องมารอพศินกลับกับพนิดาไปเลยย่อมง่ายกว่า ตอนสั่งอาหารเย็นมาให้เจ้านายช่วงหนึ่งทุ่มเธอถามว่าจะให้เผื่อบราลีหรือไม่ อีกฝ่ายก็บอกเพียงไม่ต้องสั้นๆ แม้จะสงสัยแต่ก็ทำตามคำสั่ง ส่วนตนก็อุ่นอาหารที่ซื้อตอนกลางวันแล้วใส่ตู้เย็นไว้กินพศินขับรถของกุลนารีพาทั้งคู่มาถึงคอนโดราวสามทุ่ม เป็นเวลาที่สามารถอาบน้ำเข้านอนได้เลย แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้อยากนอน เขาดึงร่างบางเข้าหาอ้อมกอดตัวเองทันทีที่ก้าวเข้ามา