*** คำเตือน ***
นิยายเรื่องนี้ ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ เป็นเพียงเรื่องสมมุติที่ทางผู้แต่งเรียบเรียงและจินตนาการขึ้นมา ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงสถาบัน องค์กร สถานที่ หรือบุคคลให้เกิดความเสียหายไม่ รวมไปถึงอาจมีการใช้ภาษาหรือการกระทำ เนื้อหานิยายที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมกันด้วยนะคะ ฝากกดติดตาม + กด♥️และคอมเมนต์เบาๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนมือใหม่ได้มีกำลังใจในการเขียนนิยายเรื่องต่อๆไปด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ *** นิยายเรื่องนี้พระเอกอายุน้อยกว่านางเอก ดราม่าหน่อยๆ โรแมนติกนิดๆ เน้นดำเนินเรื่องรักในวัยเรียน จน ไปถึงวัยทำงาน ถูกใจหรือไม่ถูกใจ ทำผิดพลาดประการใดต้องขออภัย มา ณ ที่นี้นะคะ *** Dandin Jirayu & Ingfah kawintra Part…Ingfah Kawintra จุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ฉันในวัยสิบแปดปี แต่ประสบการณ์ชีวิตและความรักยังด้อยกว่าเขาผู้ซึ่งอายุเพียงแค่สิบหกปีอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นคนที่ร้ายกาจมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา เขาหลอกให้ฉันรักเขาจนหมดหัวใจ แล้วบอกเลิกฉันด้วยเหตุผลที่โง่เง่ามาก . . เขาสอนให้ฉันได้รู้จัก”ความรัก” เขาเป็นคนแรกที่ฉันรักและยอมเปิดใจให้เขา จนฉันรักเขาหมดหัวใจ แต่เขากลับตอบแทนด้วยการหักหลังกันได้อย่างเลือดเย็น ผ่านไป 7 ปี เขากลับเข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง แล้วบอกฉันว่า “ดินขอโทษนะอิง ขอโทษจริงๆสำหรับที่ผ่านมาเรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหมอิง นะอิงนะ ดินยังรักอิงอยู่นะ รักมาตลอด” “มันไม่สายไปหน่อยหรอ นี่มันผ่านมา7ปี…7ปีเลยนะที่คุณทิ้งฉันไป” ตัวฉันในตอนนั้นรักเขามากมายจนไม่คิดเผื่อใจให้กับความผิดหวังเลยซักนิด ต่อจากนี้ไปอย่าได้พบได้เจอกันอีกเลยและอย่าหวังว่าฉันจะให้อภัยกับคนที่หักหลัง เหยียบย่ำใจฉันไม่เหลือชิ้นดี หรือถ้าอนาคตได้พบเจอกันอีกครั้ง อย่าคิดว่าฉันจะญาติดีกับเขาได้อีกเลย………. *** ฉันเกลียดคุณ “แดนดิน จิรายุ” *** กดติดตาม+ถูกใจ+คอมเม้นต์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ได้มีกำลังใจแต่งเรื่องต่อๆไปให้นักอ่านที่รักทุกท่านได้ชื่นชมกันต่อหน่อยนะคะ ขอบคุณค่าาาตัวละคร - พระเอก: ชื่อ แดนดิน จิรายุ อนันต์รุ่งเรืองกิจ อายุ 23 ปี นิสัยนิ่ง สุขุม รักเดียว มีอดีตฝังใจและยังคงรอคอยเธอคนนั้นมาตลอด7 ปี - เป็นลูกชายคนรองของตระกูลอนันต์รุ่งเรืองกิจ - เป็นรองประธานบริษัทจิวเวลรี่ มีธุรกิจเป็นบริษัทผลิตเครื่องเพชร มีห้างเพชรหลายสาขาทั่วประเทศ และต่างเทศเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศเลยก็ว่าได้ - พ่อคือท่านเจ้าสัวดิลก อนันต์รุ่งเรืองกิจ - แม่คือคุณหญิงผกามาศ อนันต์รุ่งเรืองกิจ พระเอกมีพี่น้องด้วยกัน 2 คน - พี่ชายพระเอก (คนโต) : แดนเหนือ จิรทีปต์ อนันต์รุ่งเรืองกิจ อายุ 25 ปี - น้องชายพระเอก (คนเล็ก) : เด่นคุณ จิรณัฐ อนันต์รุ่งเรืองกิจ อายุ 21 ปี - เพื่อนพระเอก: หนึ่ง, กันต์, ขุนเขา - เลขาหรือรุ่นน้องของพระเอก: นัททิว หรือ ทิว บางคนก็เรียกนัท - นางเอก: ชื่อ อิงฟ้า กวินตรา สิริวัฒนา อายุ 25 ปี หลายปีก่อนอาจจะไม่ทันคน นุ่มนิ่ม เรียบร้อย อ่อนหวาน แต่นั่นมันก็แค่เมื่อก่อน เพราะในตอนนี้ เธอสวย แซ่บ ไม่ยอมคน เกลียดแฟนเก่าจนเข้าใส้ (หรือเปล่า?) - พ่อนางเอกเป็นอาจารย์แพทย์สอนนักศึกษาแพทย์ - แม่เป็นอาจารย์สอนวิชามาร์เก็ตติ้ง ใน
ตอนที่1 เป็นเธอ…ใช่เธอจริงๆDandin Jirayu talk…ณ Big AS club….“ไอสัส เป็นเหี้ยไรครับ ถ้ามึงจะมาแล้วมานั่งหน้าเป็นตูด นั่งเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้มึงจะมาทำเหี้ยไรวะ” เสียงของไอ้ขุนเขาที่นั่งอยู่ข้างๆดังเข้ามาในโสตประสาท ขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อ เอาแต่จ้องมองไปยังแก้วเหล้าด้านหน้าด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย“เออ มานั่งเงียบแบบนี้แปลกๆนะมึง แค่ไอ้หนึ่งเงียบคนเดียวก็พอมั้ง ไม่ต้องเสือกอยากไปเงียบเป็นเพื่อนมันหรอก” ไอ้กันต์พูดขึ้นสมทบ แล้วยกเหล้าขึ้นดื่ม“ขี้เกียจพูด เบื่อ”จบคำตอบผม ก็ยกเหล้ากระดกลงคอจนหมดแก้ว พร้อมวางลงเสียงดัง“ที่มานั่งหน้าเป็นตูดไม่พูดไม่จาเนี่ย คิดถึงคนนั้นอีกแล้วล่ะสิ”ไอ้หนึ่งถามขึ้นแล้วจ้องผมอย่างรอเอาคำตอบผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ความรู้สึกในหัวมันตีกันไปหมด จนหาทางออกไม่เจอ แล้วคนนั้นที่ไอ้หนึ่งเอ่ยนึงก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่ติดอยู่ในใจผมมาตลอดหลายปี ซึ่งก็มีไอ้หนึ่งกับไอ้กันต์ที่รู้เรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของผมเป็นอย่างดี จะมีก็แต่ไอ้ขุนเขาที่มันไม่รู้เรื่องนี้ เพราะพวกผมกับมันพึ่งจะมาสนิทกันกับมันตอนที่เข้าเรียนมหาลัยนี่เอง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่รู้จักเธอ
ตอนที่2 Partอดีต…จุดเริ่มต้นPart…อดีต (3 มิ.ย. 20XX - 7 ปีที่แล้ว)Dindan Jirayu talk…“ร้อนชิปหาย ไปซื้อน้ำแดกแปปเดี๋ยวมา” หลังจากหมดคาบพละเป็นคาบสุดท้ายของวัน ผม ไอ้กันต์ ไอ้หนึ่ง ก็พากันมานั้งพักที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลเพื่อนั้งพักเหนื่อย“เออ กูฝากด้วย/กูเอาด้วย” ไอ้กันต์และไอ้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกันพลางนั่งหอบเหนื่อย“เออๆ ฝากกระเป๋าด้วยเดี๋ยวกูมา” ผมบอกไว้เท่านั้นแล้วหันหลังเดินออกมา เดินตรงไปที่มินิมาร์ทของโรงเรียน แต่ในขณะเดินผ่านหน้าตึก วิทยาศาสตร์ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังเดินลงจากตึกมาพอดี พวกเธอมีกันห้าคน ‘คนแรก(กิ๊ฟ) ก็ถือว่าสวยอยู่ ผิวขาวจัด มัดรวบผมหางม้าปล่อยปอยผมข้างหน้าลงมานิดหน่อย หน้าออกหมวยๆหน่อย ตัวเล็กๆส่วนสูงน่าจะไม่เกิน160เซน’‘คนที่สอง(โบว์วี่) หน้าออกไปทางลูกครึ่ง มัดรวบผมเช่นกันแต่ปล่อยผมหน้าม้าปัดข้าง ใบหน้าสวยเฉี่ยว ผิวขาวจัดเช่นกัน หุ่นค่อนข้างดี ความสูงน่าจะประมาณ170เซน‘‘คนที่สาม(อิงฟ้า) เดินอยู่ตรงกลางไม่ได้สวยเฉี่ยวสะดุดตาในคราแรก แต่น่ารักมาก ถักเปียสองข้างปล่อยผมหน้าม้าลงมาบางๆ รับกับใบหน้ารูปไข่ มีแก้มน่าฟัด มีเสน่ห์เหลือล้
ตอนที่3 Part อดีต...เอามาให้เองจะดีกว่า“เอาหน้าเหี้ยไร ก็แค่ช่วยเค้าเฉยๆ แม้แต่ชื่อกูยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ” ผมส่ายหัวตอบอย่างเอือมๆความคิดมัน“คนที่มึงช่วยเมื่อกี้อะ ชื่อพี่อิงฟ้า ส่วนคนที่หน้าตาออกไปทางหมวยๆหน่อยนั่นน่ะชื่อพี่กิ๊ฟ แล้วก็คนที่หน้าออกไปทางลูกครึ่งๆอะชื่อพี่โบว์วี่ แล้วผู้ชายคนเดียวในกลุ่มอะชื่อพี่พอลหรือพอลลี่ อีกคนคงไม่ต้องบอกมึงก็คงจะรู้จักกันอยู่แล้วเนอะ” เป็นไอ้กันย์ที่พูดแนะนำชื่อของแต่ละคนให้ได้รู้ ที่มันจะรู้จักชื่อของทุกคนก็คงไม่แปลก เพราะมันมาเรียนที่นี่ตั้งแต่ ม.1 เลยทำให้รู้จักทุกคนเป็นอย่างดี ส่วนผมกับไอ้หนึ่งเพิ่งจะย้ายมาต่อ ม.4 ที่นี่ด้วยกัน แต่เราทั้งสามคนก็ยังสนิทกันดีเนื่องจากรู้จักกันมานานแล้ว และพวกเรายังเรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาลเพิ่งจะมาแยกที่เรียนกัน ก็ตอนตอน ม.1 นี่เองพอหลังจากจบ ม.3 จากที่โรงเรียนเก่าผมกับไอ้หนึ่งเลยย้ายตามมันมาเรียนที่เดียวกับมัน“ออ รู้ดีไปหมดทุกเรื่องจริงๆนะมึงเนี่ย” ผมพยักหน้าเข้าใจพร้อมชมมันขึ้นมาบ้าง“แน่นอนครับ” มันรับคำพร้อมยักไหล่ใส่ผมอย่างกวนๆ“น่ารักใช่ไหมล่ะพี่อิงฟ้าน่ะ สนใจอยากจีบป่าวเดี๋ยวกูจัดให้ เอาป่าวๆ” ไอ้กันต
ตอนที่ 4 Part อดีต…ก็แค่อยากทักทาย..หลังจากวันนั้น ที่พี่อิงฟ้าเอาชานมไข่มุขมาให้ ก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว และเหมือนเราจะได้บังเอิญเจอกันบ่อยมากขึ้น ทั้งเดินสวนกันที่โรงอาหาร เดินสวนกันตอนเปลี่ยนคาบเรียน แล้วก็เจอกันหลังเลิกเรียนแทบจะทุกวันเลยแต่ทุกครั้งที่เจอกันเพื่อนๆของเธอก็จะคอยสกิดเธอและชี้มาทางผม แต่เธอก็ทำเพียงแค่หันมามองแค่แวบเดียวแล้วก็หันหนีเหมือนพยายามจะหนีหน้าผม ไม่ได้อยากจะคุยด้วยไรงี้ไอ้กันต์เล่าให้ผมฟังว่าเธอเป็นคนที่เรียนเก่งมากๆ และไม่เคยได้ยินข่าวว่าเธอเคยมีแฟนเลยซักคน แล้วก็คงไม่คิดจะมีแฟนเร็วๆนี้ด้วยมั้ง เพราะเธอเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน หลังเลิกเรียนก็ไปเรียนพิเศษต่ออีกแล้วมันก็ยังเล่าต่อว่าเธอตั้งใจจะสอบเข้าคณะแพทย์เลยทำให้เธอสนใจมุ่งมั่นแค่การเรียนเป็นหลักแต่พอได้บังเอิญเจอกันบ่อยๆเข้า ผมก็เพิ่งจะสังเกตว่าทุกครั้งเธอจะหลบสายตาผมตลอดเลย เหมือนไม่อยากจะคุยหรือไม่อยากจะยุ่งอะไรด้วยซักเท่าไหร่ แต่เธอจะรู้ไหมยิ่งเธอทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมชักจะสนใจเธอขึ้นมาแล้วสิ อยากจะเข้าไกล้เธอมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก จากที่ตอนแรกกะจะแกล้งเธอให้เขินผมเล่นๆ แต่เหมือนจะเป็นผมมากกว่าท
ตอนที่ 5 Part อดีต…ใครมาส่งหลังจากเลิกเรียนฉันก็มายืนรอพี่ชายของฉัน ‘อคิน กิตติภพ สิริวัฒนา อายุ 20 ปี เรียนวิศวะโยธาปี2’พี่อคินบอกว่าวันนี้หลังเลิกเรียนจะมารับ นี่ก็เลยเวลาเลิกเรียนมาจะยี่สิบนาทีแล้วก็ยังไม่มา เฮ้อฉันล่ะเบื่อกับความไม่ตรงต่อเวลาของเขาจริงๆพี่อคินเขาเรียนวิศวะที่มหาลัยดังแห่งหนึ่ง ซึ่งทีแรกแม่ฉันอยากให้เขาเรียนหมอแต่เขาก็ไม่ยอมขัดใจแม่ไปหมดทุกอย่าง ดื้อหัวรั้นไม่ฟังใคร จนแม่ฉันยอมเพราะขี้เกียจจะพูด เพราะถ้าพูดทีไรก็จะทะเลาะกันตลอด ถึงภาพลักษณ์พี่อคินจะดูดุดันไม่ยอมคน ติดเย็นชาไปหน่อยสำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันเขาคือคนที่อบอุ่นและรักฉันมากที่สุด ยอมอ่อนข้อให้ฉันตลอดซักพักก็มีรถบิ๊กไบค์มาจอดเทียบริมฟุตบาทข้างหน้าฉัน “ขึ้นรถเลยครับน้องสาว” พี่อคินจอดรถลงมายืนต่อหน้าฉัน ถอดหมวกกันน็อคใบโตพร้อมกับนำมันมาสวมหัวให้ฉันฉันมองหน้าพี่ชายพร้อมยิ้มให้ แต่ในขณะเดียวกันสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นแดนดิน เราสบตากันครู่นึงก่อนฉันจะหันกลับมาแล้วขึ้นรถกลับบ้านพร้อมพี่คินวันถัดมา วันศุกร์สุดสัปดาห์หลังเลิกเรียนฉันก็มาเรียนพิเศษตามปกติพอเรียนเสร็จก็เปิดประตูออกมา จังหวะนั้น ก็มีประตูห้องข
ตอนที่ 6 Part อดีต…เริ่มชอบเขาเข้าแล้วสินี่ก็หนึ่งเดือนผ่านมาแล้ว หลังจากวันนั้น ที่เขาอาสาไปส่งฉันที่บ้าน ฉันก็มักจะได้เจอเขาทุกวัน ทั้งตอนอยู่โรงเรียน และหลังเลิกเรียนพิเศษ เขามักจะมายืนรอรถที่บ้านมารับเป็นเพื่อนฉันประจำ เขาพยายามที่จะเข้าหาฉันมากขึ้น ชวนฉันคุย ทั้งที่เขาเป็นคนคุยไม่เก่งแต่ก็หาเรื่องมาชวนคุยได้ตลอดเลยจนเราเริ่มสนิทกันประมาณนึง ฉันเชื่อใจเขามากขึ้น กล้าสบตาเขามากขึ้น เลยยอมแลกช่องทางการติดต่อกันไว้เพื่อที่เขาจะได้ทักมาถามเรื่องที่เรียนไม่เข้าใจ เขาว่างั้นนะ และฉันก็เชื่อเขาเขาโทรหาฉันทุกวัน แรกๆก็โทรมาถามเรื่องการบ้าน หลังๆเริ่มไม่ใช่ละ เขามักจะโทรมา หาเรื่องมาเล่าและชวนคุยนู้นนี่นั่นไปเรื่อย เราเริ่มคุยกันนานขึ้น จากสิบนาที เป็นครึ่งชั่วโมง จากครึ่งชั่วโมงเป็นหลายชั่วโมงต่อวันบางวันฉันต้องทำการบ้านและอ่านหนังสือ ไม่ว่างคุยกับเขาเพราะปีนี้ไกล้จะจบแล้วต้องเตรียมตัวในการสอบเข้าคณะแพทย์ แต่เขาก็ขอโทรไลน์มาหาเพื่อมานั่งมองฉันอ่านหนังสือเงียบๆจนบางวันเขาก็นั่ง หลับฟุบคาโต๊ะก็มี แรกๆฉันก็เขินเหมือนกันนะ มีคนมานั้งจ้องกันขนาดนี้ แต่ตอนนี้ชักเริ่มจะชินแล้วล่ะ ชินแบบไม่รู
ตอนที่ 7 Part อดีต...เป็นแฟนกันนะสวนสาธารณะ 18:30 น. (สิ้นเดือน ก.ค 20XX)หลังจากกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขับรถพาฉันมาที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านฉัน ว่าจะมาเดินย่อยอาหาร รับลมตอนเย็นกัน วันนี้พ่อแม่ฉันท่านบอกว่าจะกลับดึกเพราะต้องไปงานสมาคมเพื่อการกุศลของเพื่อนท่าน ส่วนพี่ชายฉันก็ไม่แน่ใจว่ากลับถึงบ้านหรือยังช่วงนี้ชอบกลับบ้านดึกๆ บางวันก็ไม่กลับเลยก็มี ไม่รู้ว่าไปติดสาวที่ไหนหรือเปล่าเขาจับมือฉันเดินมาเรื่อยๆโดยไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของเราทั้งคู่เลย แต่น่าแปลกที่มันไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยซักนิดอากาศยามเย็นค่อนข้างสดชื่น มีลมพัดมาตลอด ผู้คนต่างทำกิจกรรมของตัวเอง บางคนเดินออกกำลังกาย บางคนปั่นจักรยานเล่น สวนสาธารณะที่นี่ค่อนข้างกว้างขวาง มีสระน้ำเป็นคลองธรรมชาติ และมีเก้าอี้เหล็กยาวตามจุดต่างๆให้นั่งชมดื่มด่ำกับบรรยากาศเขาจูงมือพาฉันเดินมานั่งที่เก้าอี้ริมสระน้ำ นั่งไปได้ซักครู่เขาก็พูดขึ้นมา“ในชีวิตนี้พี่อยากทำอะไรมากที่สุดครับ” ฉันหันไปมองเขาครู่นึง“อืมมม..คงอยากใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการมั้ง อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ อยากแต่งตัวแบบไหนก็แต่ง ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง ใช้ชีว
ตอนพิเศษ4 เดือนผ่านไปแว๊ อุแว๊ อุแว๊!!!! แอ้!!!!!เสียงแฝดน้อยส่งเสียงร้องพร้อมกันในห้องทำงานกว้าง ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นสถานที่เลี้ยงเด็กไปเป็นเรียบร้อยแล้ว“ ใจเย็นๆครับลูก นมหม่ำๆกำลังมาแล้วนะครับ…โอ๋ๆไม่ร้องนะคะคนสวยของพ่อจ๋า ” มือข้างนึงของผมก็อุ้มลูกสาวโยกไปมา ส่วนอีกข้างก็ไกวเปลให้ลูกชายไปด้วยที่ผมต้องพาลูกมาทำงานด้วยเพราะมีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็น ส่วนพี่เลี้ยงสองแฝดก็ลาหยุดหนึ่งวันกลับมาตอนเย็น คุณแม่คนสวยอย่างอิงฟ้าก็มีเคสพิเศษเข้ามาพอดี อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นใช่ไหมล่ะครับ แต่ก็นั่นแหละครับมันเป็นไปแล้วและตอนนี้ผมกำลังรอนมแม่ที่ให้ไอ้ทิวไปอุ่นอยู่ อิงฟ้าเธอค่อนข้างเก่งมาๆทีแรกน้ำนมไม่ค่อยเยอะเธอก็สรรหาของอะไรมาบำรุงเยอะแยะเต็มไปหมดผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เวลาเมียใช้ให้ไปซื้ออะไรก็หาอยู่นานทีเดียว“ ไอ้ทิวโว้ยยยย!!! ได้หรือยังวะ ลูกกูจะกินชาตินี้นะเว้ยไม่ใช่ชาติหน้า ” พอผมตะโกนว่าไอ้ทิวไปแบบนี้ลูปผมหยุดร้องไปทันที แล้วพากันมองมาที่ผมตาแป๋ว“ ได้แล้วๆ…ท่านรอง ต่อหน้าเด็กไม่ควรพูดคำหยาบนะครับ ถ้าคุณอิงฟ้ามาได้ยินท่านรองจะโดนบิดหูชาเหมือนวันนั้นนะครับ ”ใช่ครับที่
ตอนที่38 END….เจ้าสองแฝดหลังจากเพื่อนๆกลับไปกันหมดแล้ว ฉันก็มานั่งจับมือดินแล้วก็เอาไดอารี่ที่เขาเขียนไว้ขึ้นมาอ่านไปด้วยเริ่มตั้งแต่เล่มแรก เขาเป็นคนละเอียดใส่ใจเหมือนกันนะเนี่ย มีรูปฉันแปะหน้าสมุดทุกเล่มแถมมีเลขเขียนติดมาด้วยว่าเล่มไหนเป็นเล่มที่เท่าไหร่[ ถึงที่รักของดิน…อิงฟ้า]วันนี้เป็นวันที่เราตัดสินใจบอกเลิกอิงแต่รู้ไหมว่าเราเจ็บปวดมากแค่ไหนยิ่งเห็นตอนอิงร้องไห้ ใจเรามันเหมือนจะขาดตาม ที่เราพูดไปทั้งหมดวันนี้มันไม่จริงเลย อิงมีค่ากับดินมากที่สุดแต่เป็นดินเองที่ไม่ดี ดินอยากบอกให้อิงรู้ว่าอิงมีความหมายและสำคัญกับดินมากนะดินไม่เคยอยากเลิกกับอิงเลยแต่ดินไม่มีทางเลือกดินไม่อยากให้อิงเกลียดดินดินรักอิงนะ…รักมากที่สุด…รักมากกว่าชีวิต….....ดิน....ฉันอ่านไปก็ร้องไห้ไปดินเขียนไว้หมดทุกช่วงเวลาตลอด7ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งตอนที่เขาเรียนมหาลัยแล้วเขาเดินผ่านฉันเขาก็ยังเขียนไว้หมดเขาคงเจ็บปวดมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฉันเองก็ไม่ต่างกัน กว่าที่ฉันจะผ่านมาได้แต่ละวันมันช่างยากลำบาก ‘และฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะรักฉันได้มากขนาดนี้ทุกเล่มที่เขียนเขามักจะลงท้ายด้วยคำว่า รักมากกว่าชีวิต ทุกหน
ตอนที่37 บันทึกแดนดิน3วันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพเหตุการณ์นั้นย้อนกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันได้เสียเขาไปแล้วตลอดกาลจริงๆ ‘แดนดิน จิรายุ’ ผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักหมดหัวใจ และไม่รู้ว่าจะสามารถรักใครได้เท่าเขาอีกหรือเปล่า แล้วเขายังฝากตัวแทนของเขาอีกหนึ่งชีวิตไว้กับฉันด้วย“ดิน ฮึก” ฉันตื่นขึ้นมามองไปบนเพดานห้องถึงได้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาล“อิงฟ้าลูก ฟื้นแล้วหรอ” ทันทีที่แม่กับพ่อเห็นฉันขยับตัวก็รีบลุกจากโซฟามาดูฉันทันที“แม่คะ ฮือออ พ่อคะ…ดินอยู่ไหนคะ ฮึก”“ใจเย็นๆนะลูกร่างกายเพิ่งจะฟื้นตัวอย่าขยับเยอะ ไม่ห่วงตัวเองก็เป็นห่วงหลานแม่กับพ่อบ้าง”“พะ พ่อแม่รู้แล้วหรอคะ?” ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้ามองพ่อกับแม่“ใช่…พ่อเป็นหมอนะทำไมพ่อจะไม่รู้” พ่อลูบหัวฉันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ลูกท้องกับดินใช่ไหม หลานแม่ไม่ใช่ลูกของเสือใช่ไหมยัยอิง” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่มีดุหรือด่าเลยซักคำ“...” ฉันได้แต่ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ แต่ทันใดนั้นก็มีคน เคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา ฉันเคยเห็นพวกเขาผ่านจอทีวีมาบ้าง แต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงก็อกๆ ก็อกๆ คลืดดดดดดเป็นพ่อ แม่ น้องช
ตอนที่36 ขอร้อง ได้โปรดกลับมา“เห้ยยย ไอ้ดิน / อ๊ายยย / กรี๊ดดด” เสียงผู้คนอื้ออึงหลากหลายเสียง แต่สำหรับฉันเหมือนโลกแตกสลายหูดับไปชั่วขณะ“ไม่ๆๆ ดินทำแบบนี้ทำไม มาบังอิงไว้ทำไม ฮือๆๆ” ฉันร้องไห้นั่งกอดเขาราวกับจะขาดใจ“ไอ้คินเอารถออกเร็ววว” เสียงพี่เสือวิ่งมาหาฉัน “อิงๆเป็นอะไรรึเปล่า” พี่เสือถามด้วยความร้อนรน“มะ ไม่ค่ะ แต่ดิน ฮืออ! ดินลืมตามามองอิงก่อนนะห้ามหลับเด็ดขาดเลยนะ”แล้วพวกเพื่อนดินก็พากันมาแบกดินขึ้นรถ ฉันก็นั่งไปกับเขาโดยที่เขาหนุนตักฉัน“ไม่ เป็นไร นะ ดะ ดินไม่เจ็บเลย อย่าร้องไห้ เพราะ ดินอีกเลย นะ” ดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่าเบาหวิวเอ่ยปลอบฉันที่เอาแต่กอดเขาร้องไห้“ไม่นะดิน ดินห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด อิงยังรักดินอยู่นะ รักมาตลอด ดินห้ามตายไม่งั้นอิงจะไม่รักดินแล้ว ฮึก ฮือออ”“ดิน ก็ รักอิงนะ อิงฟ้า ระ รักมากกว่า ชะ ชี…” เสียงเขาขาดห้วงไปในตอนท้ายมือของเขาจากที่จับแก้มฉันอยู่ก็ตกลงข้างลำตัวนิ่งสนิทไป“ไม่ๆๆไม่นะดิน ลืมตามาคุยกับอิงสิ ฮือๆ แล้วอิงจะอยู่ยังไง ลูกของเราเค้าก็ต้องการดินนะ ฮือๆๆ!” ฉันเพิ่งตรวจพบเมื่อวานนี้เอง ว่าฉันท้อง น่าจะได้เดือนกว่าๆแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้น
ตอนที่35 ทำไมทำแบบนี้วันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองก่อนวันหมั้นจะเกิดขึ้นในอีกสองวันของฉัน และพี่เสือ ซึ่งฉันก็ได้เชิญเพื่อนทุกคนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมและมหาลัย วันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบปิดรู้กันเฉพาะเพื่อนและคนรู้จักเท่านั้น เรามาจัดกันที่ผับของพี่คินกัน ถึงจะเป็นงานเลี้ยงแบบปิดแต่คนก็ยังเยอะอยู่ดีมีประมาณ 30 กว่าคนทั้งเพื่อนฉันเพื่อนพี่เสือ แล้วฉันก็ยังเชิญกลุ่มของน้องกันต์มาด้วย ซึ่งในนั้นก็มีแดนดิน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่านะ“ยินดีด้วยค๊าาเพื่อนสาว เผลอแปปๆก็จะมีสามีก่อนเพื่อนคนอื่นๆซะแล้ว” พวกเพื่อนฉันต่างมายืนล้อมวงชนแก้วฉัน“ยังๆ สามงสามีอะไร คู่หมั้นก็พอไหม แกก็เวอร์เกิน” ฉันว่าให้ยัยกิ๊ฟ ที่พอเมาแล้วพูดเก่งกว่าใครเพื่อนเลย“เอาน่าอีกไม่กี่เดือนก็เป็นสามีแล้ว” ใช่ค่ะ ที่เพื่อนพูดก็มีส่วนถูก เพราะเราหมั้นกัน แล้วอีกสามเดือนก็จะเกิดงานแต่งขึ้นซึ่งมันไวมาก จนฉันก็แทบจะตั้งรับไม่ทันเพราะพวกผู้ใหญ่เค้าคุยและจัดการกันเองฉันเพิ่งจะมารู้เรื่องก็วันที่แม่โทรมาบอกให้ฉันไปลองชุดงานหมั้นที่บ้านนั่นเอง “เฮ้อ!!” ฉันได้แต่ถอนหายใจ“เป็นไรแก ไม่มีควาทสุขหรอจะได้หมั้นกับพ่อหนุ่มเทพบุตรเชียวนะ” ยัยแ
ตอนที่34 ทรมานจนไม่รู้จะอยู่ยังไงหลังจากปรับความเข้าใจกับอิงฟ้า ผมก็หอบสังขารกับใจที่แตกสลายกลับมาบ้านด้วยใจที่แสนจะเจ็บปวด ผมไม่มีวันได้เธอคืนมาจริงๆแล้วสินะ เธอใจแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมคิดว่าถ้าผมได้บอกความจริงกับเธอไปแล้ว เธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมคิดผิด เธอยังคงยืนยันจะหมั้นกับผู้ชายคนนั้น ผมก็คงทำได้เพียงแค่ยินดีกับเธอขอให้เธอไม่เจ็บปวดเหมือนตอนคบกับผม และดูจากสายตาทุกครั้งที่ผู้ชายคนนั้นมองอิงฟ้ามันเต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น หวังว่าเขาจะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าคนอย่างผมมาถึงบ้านผมก็หมกตัวอยู่แต่บนห้องนอน ในห้องผมจะมีห้องทำงานแยกออกไปอีก มีโซฟากลางห้องและมีทีวีจอยักติดผนังอยู่ซึ่งผมก็นั่งตรงนั้น ตรงโซฟาตัวยาวกลางห้องทำงาน จอภาพยังคงฉายวนซ้ำๆกับคลิปวิดิโอต่างๆที่ผมชอบถ่ายเก็บไว้เวลาผมกับอิงฟ้าใช้เวลาอยู่ด้วยกัน วันๆผมก็มักจะมาหมกตัวอยู่แต่ในห้องนี้ตลอด และเขียนไดอารี่ถึงเธอทุกครั้งที่คิดถึงผมนั่งกระดกเหล้าลงคอไม่รู้เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว เหม่อมองวิดิโอตอนที่เราไปเที่ยวทะเลและเล่นน้ำด้วยกันซ้ำๆ มันเล่นวนไปมาตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ก็เช้าแล้ว ผมก็ยังไม่ลุกไปไหน[ ถึงท
ตอนที่33 ขอโอกาสได้ไหม…ครั้งสุดท้ายมาถึงไทยเป็นเวลาหกโมงเย็นของอีกวันผมก็ตรงมาที่ห้องของอิงฟ้าทันที“ก็อกๆๆ” รอไม่ทานเธอก็มาเปิดโดยที่ในมือยังถือโทรศัพท์เหมือนคุยกับใครอยู่ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอเห็นเป็นผมรอยยิ้มบนใบหน้าสวยก็หายไปทันที“พี่เสือคะงั้นแค่นี้ก่อนนะคะ” เจ็บกว่านี้คงไม่ไหวแล้วว่ะ ผมมองยืนมองหน้าเธอนิ่งดวงตาคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสที่พร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ“คุณ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอยังคงใช้สรรพนามห่างเหิน“อิงครับ ดินขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหมครับ ขอร้องล่ะ” ผมพูดเสียงสั่น และสุดท้ายน้ำตาก็ไหลหยดลงมา“เข้ามาก่อนสิคะ” ฉันที่เห็นเขาดูจริงจัง น้ำตาไหลรินก็ใจอ่อนยวบ เขาคงมีเรื่องทุกข์ใจอะไรอยากระบาย“ขอบคุณครับ” ผมเดินตามเข้าไปในห้องเธอ ก่อนจะโผกอดเธอจากข้างหลัง“ดินขอกอดอิงแบบนี้ซักแปปนะ อย่าพึ่งไล่กันนะครับ ฮึกกก”“....” ฉันได้แต่ยืนนิ่งให้เขากอด ทำไมใจฉันเจ็บแบบนี้นะแค่เห็นเขาร้องไห้ใจก็รวดร้าวเจ็บแปลบเขาผละกอดออกจากฉัน และเราก็หันหน้ามาเผชิญกัน“ดินอยากอธิบายเรื่องเมื่อ7ปีก่อน ได้โปรดอิงช่วยรับฟังดินซักครั้งได้ไหมครับ” ผมพูดเสียงสั่นๆ พอเห็นเธอมีท่าทีอ่อนลงแล้วพยักหน้าผมก็
ตอนที่32 ข่าวการหมั้นก่อนเลิกงานผมไม่ลืมที่จะกำชับไอ้ทิวให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับฝ้าย โดยสืบรวมไปที่ครอบครัวเธอด้วย ฝ้ายทำอิงฟ้าเจ็บปวดเท่าไหร่ ผมจะคืนความเจ็บปวดให้ฝ้ายคืนไปเป็นเท่าตัว ในเมื่อเคยเตือนแล้ว ไม่ฟังเองก็ช่วยไม่ได้ ความเป็นเพื่อนมันจบลงไปตั้งแต่เมื่อ 7 ปีก่อนแล้วและผมก็รู้ความจริงของเรื่องเมื่อ 7 ปีก่อนแล้วด้วยที่ฝ้ายได้สร้างเรื่องขึ้นวันนั้น ตอนที่ผมรู้เรื่องนี้จากปากลูกน้องที่สั่งให้ไปคาดคั้นข่มขู่เพื่อนของฝ้ายอย่างฝนกับมีนามา ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมนี่โกรธจนแทบอยากจะไปฆ่าฝ้ายซะเดี๋ยวนั้นให้ได้เลยพวกเธอยอมสารภาพว่าได้ร่วมมือกับฝ้ายจัดฉาก และวางยานอนหลับผม ไอ้กันต์ ไอ้หนึ่ง พอพวกผมหลับกันไป ฝ้ายก็ให้คนขับรถที่บ้านเธอ แบกผมขึ้นไปนอนบนห้องแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าผมออกจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ต้วเดียวติดกายจากนั้นก็ถอดเสื้อตัวเองออกให้เหลือแต่เกาะอก จัดท่าทางถ่ายรูปไว้แบล็กเมลผม ก่อนเธอจะผล็อยหลับตามผมไป เพราะดันไปกินไวน์ผิดแก้ว กินเข้ากับแก้วที่ตั้งใจจะเอาให้ผมดื่มยกสุดท้าย แต่ตัวเองดันเผลอดื่มไปซะเอง ผมก็คิดนะนี่เธอใส่ยานอนหลับให้ผมหลายแก้วขนาดนั้นได้ไงไม่คิดว่าผมจะหลับไ
ตอนที่31 เธอทำแบบนี้ทำไมวะDandin Jirayu talk…ผมตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆของวัน มือก็ควานหาตัวคนที่นอนกอดกันทั้งคืนแต่พบเพียงความว่างเปล่า จนรีบลืมตาเด้งตัวขึ้นพรึบบบบบ!!! “หายไปไหน”ผมมองซ้ายขวาก็ไม่เจอก่อนจะรีบลุกไปดูที่น้องน้ำก็ไม่เจอ … เธอไปแล้ว …“โธ่เว้ย!! ยังไม่ทันจะได้คุยกันให้เข้าใจเลย หนีไปไหนอีกแล้วเนี่ยยย!!”ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวไปเคาะที่ห้องอิงฟ้าเป็นนานสองนาสก็ไม่เปิด “หรือจะไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็นเราได้คุยกันแน่อิงฟ้า”เพราะผมมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการไม่แพ้เรื่องของอิงฟ้า เลยขอไปจัดการก่อนดีกว่าตู๊ดดด ตู๊ดดด ตู๊ดดด “ฮัลโหล ว่าไงคะดินคิดถึงฝ้ายล่ะสิถึงโทรมาได้” ปลายสายจีบปากจีบคอพูดอย่างมั่นใจ“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ มาพบฉันที่บริษัทด้วยเดี๋ยวนี้” ผมไม่ถามหรอกว่าว่างหรือเปล่าเพราะผมต้องการคุยเดี๋ยวนี้เท่านั้น“แหม!! ดินใจร้อนจังเลยนะคะ รออีกหน่อยได้ไหมคะฝ้ายมีถ่ายงานอีก1เซ็ทเองค่ะ เสร็จแล้วเดี๋ยวฝ้ายไปหาน๊าาา” “ฉันให้เวลาเธอภายในหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”“โอเคๆเดี๋ยวฝ้ายจะรีบไปนะคะ” ตุ๊ดดด“หึ!! ฉันเคยเตือนเธอแล้วนะฝ้าย อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน” ผมก