“มารยา” พิรชัชเอ่ยอย่างดูแคลนมนันย์ก้มหน้านิ่งไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้น“เหยียบเรือสองแคมหน้าไม่อาย” แม้จะงุนงงกับคำต่อว่าเหล่านั้นแต่มนันย์ก็ไม่ปริปากที่จะเถียงความทรงจำเมื่อตอน 3 ขวบที่ถูกอีกฝ่ายปรี่เข้ามาฉุดกระชากดึ้งทึ้งเสื้อผ้าชุดโปรดของเจ้าตัวที่เด็กน้อยกำลังสวมใส่ทำเอาโอเมก้าหวาดกลัวสุดขีดหัวใจเต้นระรัวหน้าอกเริ่มแน่นขนัดลมหายใจติดขัดจนต้องยกมือมากอบกุมหน้าอกตัวเองไว้แน่น“ฉันพูดแค่นี้รับไม่ได้—” คำพูดสะดุ้งเมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มมองมาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นดวงตาคู่สวยเอ้อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่สำคัญกลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมาจนพิรชัชตัวแข็งทื่อร่างกายรู้สึกร้อนรุ่มวูบไหวไปด้วยแรงอารมณ์ปรารถนาที่พุ่งออกมาจากจิตใต้สำนึกดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกตากว้างเมื่อได้กลิ่นหอมนั้นสติสัมปชัญญะเหลือน้อยลงทุกขณะมนันย์รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยจึงเอ่ยเสียงแข็ง“ถ้าคุณชัชไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว” มนันย์ไม่มีทางเลือกเขาจึงต้องตัดบทอย่างเสียมารยาท“นาย”มนันย์หันกลับรีบเดินรีบกลับห้องตัวเอง“กล้าดีนี่” พิรชัชปรี่เข้ามากระชากแขนเล็กนั้นอย่างแรงมนันย์เบ้หน้าด้วยความเจ็บความสูงที่ห่างกันทำให้มนันย์ต้องเงยสบตากับคนตัวสูงอย่าง
การมาเที่ยวทะเลในครั้งแรกของมนันย์ไม่มีเรื่องที่น่าจดจำ เขาต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่อีกหลายวัน เห็นว่าคุณพิรชัชเกิดอาการรัทระทันหัน การรัทของอัลฟ่าจะมีแบบประจำปี จำนวนวันขึ้นอยู่กับวัยและแต่ละคนจะแตกต่างกัน การรัทกะทันหันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาหากเกิดการกระตุ้นจากสิ่งเร้า นั่นก็คือฟีโรโมนของโอเมก้า มนันย์ไม่เข้าใจมากนักในเรื่องนี้ อีกทั้งชีวิตของเขาก็ไม่มีเพื่อนหรือสังคมให้ต้องเรียนรู้หรือทำความเข้าใจธรรมชาติในเรื่องอย่างว่านั้นสักเท่าไหร่ หากมีการเรียนรู้ได้เข้าสังคมเหมือนคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน เขาอาจจะมีภูมิคุ้มกันและรู้วิธีการรับมือกับการฮีทกะทันหันและการรัทของอัลฟ่าได้บ้าง ไม่ใช่เหมือนคนโง่บ้าใบ้ที่ได้แต่พยายามปกป้องร่างกายตัวเองด้วยแรงอันน้อยนิด ต่อกรกับอัลฟ่าที่กำลังรัทด้วยสองมือและแขนขาที่อ่อนแรง เมื่อคืนเขายังโชคดี แต่ไม่รู้ว่าความโชคดีจะหมุนเวียนมาอีกเมื่อไหร่โอเมก้าร่างน้อยนั่งเหม่อมองอยู่ที่ริมชายหาดตัวคนเดียวเข่าทั้งสองข้างชันขึ้นมาสองแขนเท้าอยู่บนเข่าเหม่อมองท้องทะเลด้านหน้าอย่างเหม่อลอยความคิดล่องลอยไปไกลจนไม่รู้สึกว่ามีใครอีกคนมานั่งอยู่ข้างๆ“นันมนันย์”“คะครับ” มนันย์ต
“อ๊ะ” เสียงร้องทำเอาราเชนหน้าตื่นก่อนมนันย์จะค่อยๆนั่งลงกับพื้นยกเท้าฝั่งซ้ายขึ้นมามองแม้เห็นไม่ชัดแต่สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดทำเอาอัลฟ่าบอดี้การ์ดขนลุกเกรียวจมูกสูดดอมดมพลางสอดส่ายตาหาที่มาของกลิ่นสองคิ้วนิ่วขมวดความคิดต่างๆที่เคยสงสัยเกี่ยวกับคนตรงหน้าเรื่องสถานะเพศรองตอนนี้ยิ่งพิสูจน์ได้ชัดกลิ่นเลือดของโอเมก้าที่ยังไม่ถูกตีตราทำพันธะก็ยั่วยวนอัลฟ่าให้เข้าหาไม่ต่างจากฟีโรโมนยามฮีทราเชนใช้ผ้าเช็ดหน้ากดตรงบาดแผลแล้วอุ้มมนันย์ในท่าเจ้าสาวตอนแรกมนันย์ดิ้นขลุกขลักอีกทั้งไม่เคยมีใครสัมผัสเขามากมายเท่าราเชนมาก่อนยิ่งอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวแบบนี้แล้วมนันย์หน้าแดงก่ำไปด้วยความเขินอาย“วางผมลงเถอะครับ”“ถ้าไม่รีบไปตอนนี้จะยุ่งโอเมก้าที่ยังไม่ผูกพันธะไม่ควรเดินออกมาข้างนอกแบบนี้” ราเชนเอ่ยเสียงเรียบอีกทั้งโอเมก้าตรงหน้าไม่ได้สวมปลอกคอมนันย์นั่งนิ่งเหมือนหุ่นสองตาเบิกกว้างราเชนอุ้มมนันย์ไปทำความสะอาดแผลที่ลานหน้าบ้านก่อนจะอุ้มท่าเจ้าสาวเข้าไปยังห้องพักของเจ้าตัว“วางผมไว้ที่โซฟาก็ได้กางเกงคงจะเปื้อนทราย” ราเชนจึงอุ้มไปวางที่โซฟาทำตามอย่างว่าง่าย“ขอบคุณมากครับเดี๋ยวผมทำที่เหลือเองมันดูไม่ดีหาก…” ม
การเดินทางกลับเลื่อนออกไปจากกำหนดถึง 3 วันเพราะพิรชัชรัทกะทันหันเขาขลุกอยู่แต่ในห้องกับแคทเทอลีนเนื้อแนบเนื้ออยู่หลายวันจนแคทเทอลีนขยาดรสรักอันร้อนแรงจากคนรักส่วนอัลฟ่ารู้สึกไม่เต็มอิ่มและสุขสมเฉกเช่นทุกครั้งพิรชัชก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันเขาตักตวงจ้วงแทงเอาความสุขจากเรือนร่างเบต้าใต้ร่างอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแคททอลีนนึกว่าเธอจะตายคาเตียงแล้วซะอีกเมื่อคนข้างหลังเร่งจังหวะสุดท้ายก่อนจะเชิดหน้าครางคำรามด้วยความสุขสมเมื่อปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปในโพรงอุ่นนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะฟุบหลับไปด้วยความอ่อนเพลียแคทเทอลีนเองก็เช่นกันอาการรัทของพิรชัชต่างออกไปจากทุกครั้งเขารู้สึกแปลกออกไปเมื่อได้กอดแคทเทอลีนเธอเป็นแฟนสาวที่คบหากันมาหลายปีต่างก็มีเปรยๆเรื่องการหมั้นหมายและแต่งงานอยู่บ้างแต่คราวนี้ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นในอกจนเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนั้นอย่างไรดีเมื่อได้สัมผัสร่างกายผิวนุ่มลื่นกลิ่นหอมเย้ายวนจากมนันย์คนที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นโอเมก้าอีกทั้งพ่อของเขาย่อมรู้เรื่องนี้และมีเหตุผลอะไรที่ต้องปกปิดมาตลอดหลายปีความคิดมากมายเริ่มตีรวนฟุ้งซ่านขึ้นมาในหัวหร
โอเมก้าเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง สรีระ ฟีโรโมนล้วนแสดงออกมากทางกายภาพ แม้มนันย์จะบอกปัดว่าเขาเป็นเบต้า แม้ฟีโรโมนจะบางเบาแต่การที่เขาใช้ชีวิตรายล้อมไปด้วยอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ สักวันก็คงจะโดนจับได้ แม้จะมีท่านเจ้าสัวที่คอยหนุนหลังสนับสนุนอยู่ห่าง ๆ แต่อย่างว่าคนนอกอย่างเขาก็คงจะสู้เสียงของนายหญิงอย่างพรรำไพไม่ได้อยู่ดี ที่สำคัญอาการฮีทมักมาไม่ตรงรอบ มนันย์กลัวที่สุดในชีวิตคือการฮีทกะทันหันตรงหน้าอัลฟ่า แม้จะมีปลอกคอแต่ก็ไม่ได้เป็นเกราะป้องกันว่าเขาจะปลอดภัยไม่ได้รับรอยขีดข่วนแม้แต่ปลายเล็บ ชีวิตโอเมก้าน่ะไม่มีสิทธิ์มีเสียงมาแต่ไหนแต่ไรชีวิตตัวคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างมนันย์หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันคงไม่มีใครหน้าไหนอยากยื่นมือเข้ามาช่วยแม้แต่คุณแคทเทอลีนเป็นเบต้าหญิงแท้ๆยังดูออกมนันย์ลูบที่ต้นคอด้านหลังตัวเองอย่างเหม่อลอยเขาวางแผนไว้แล้วว่าแม้จะได้งานทำแต่ยังไงสักวันก็คงหนีไม่พ้นบ้านนันธ์เดชภาคย์ไม่ได้อยู่ดีสู้สอบเอาทุนเรียนดีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศสักที่ที่ที่มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันไม่มีแบ่งแยกเพศหลักเพศรองแล้วทุน E ก็เป็นทุนที่ครอบคลุมมากที่สุดทุนหนึ่งอีกทั้งเป
“สวัสดีครับ” มนันย์เอ่ยเสียงทักทายท่านเจ้าสัว หลังจากเกิดอุบัติเหตุผ่านมาหลายวัน ร่างกายท่านซูบลงเล็กน้อย มนันย์จัดแจงยกปิ่นโตไปวางไว้ตรงเค้าเตอร์ห้องครัว ก่อนจะเดินมายืนข้างเตียงถามไถ่อาการท่านเจ้าสัว“เป็นยังไงบ้างครับ”“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” สายตาที่ทอดมองเด็กหนุ่มตรงหน้าจดจ้องทำเอาเจ้าตัววางตัวไม่ถูกก่อนจะเอ่ยความคิดที่เขาไตร่ตรองมาอยู่หลายวันจวบจนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรจะร้องขอคนตรงหน้าอีกแล้วนอกจาก…“เรื่องที่เธออยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอกฉันตกลงแต่ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยอย่างหนึ่งได้หรือเปล่า”“…”ที่ว่าลูกชายคนโตของท่านเจ้าสัวเจ็บหนักที่สุดแต่ตัวมนันย์เองก็ไม่คิดว่าจะบาดเจ็บจนถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นอีกทั้งต่อมรับกลิ่นผิดเพี้ยนไปจากเดิมไม่แน่ว่าอาจจะเป็น (Hyposmia) ผู้ป่วยที่มีความสามารถในการรับกลิ่นน้อยลงหรือ (Dysosmia) จมูกได้กลิ่นเปลี่ยนไปเกิดจากที่ศีรษะได้รับกระทบกระเทือนอย่างแรงความทรงจำบางส่วนขาดหายไปไหนจะอาการหูอื้อทั้งสองข้างซึ่งการประเมินเบื้องต้นอาการเหล่านี้อาจจะค่อยๆฟื้นตัวจนกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ต้องอาศัยการผ่าตัดซึ่งหมอจะทำการนัดครั้งต่อไปเมื่อร่างกายภายในฟื้นตัวดีแล้วสองเท้
เหตุการณ์ครั้งนี้เปลี่ยนความคิดและการดำเนินชีวิตของพรรำไพเป็นอย่างมากอีกทั้งลูกชายคนเล็กที่บาดเจ็บเล็กน้อยนั้นเพราะบอดี้การ์ดส่วนตัวที่จ้างมาทำไมเธอถึงไม่เอะใจตั้งแต่แรกนะระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองไม่ใช่สถานะเจ้านายกับลูกน้องที่เข้าใจตั้งแต่แรกเพียงเพราะอคติบังตาเธอจึงมองไม่เห็นความสุขของลูกชายทั้งสองเห็นเพียงความเหมาะสมต่อหน้าตาวงศ์ตระกูลอีกทั้งคำสรรเสริญจอมปลอมที่พวกคุณหญิงคุณนายคอยพูดกรอกหูจนมองโลกผิดเพี้ยนไปหมดเอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้งหากไม่มีอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่รู้ว่าเธอจะเปิดตาเปิดใจให้กับความสุขของลูกเมื่อไหร่อย่างน้อยเรื่องร้ายๆก็ยังมีเรื่องดีๆเข้ามาอยู่บ้างต่อจากนี้เธอสัญญากับตัวเองจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขมองความสุขของลูกเป็นที่ตั้งจะไม่ยัดเยียดการเลือกคู่ของพวกเขาอีกอีกทั้งยังเคารพการตัดสินใจไม่ก้าวก่ายและไม่เหยียดหยามคนอื่นเพียงเพราะแค่เพศรองเพศไหนก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าเทียมกันโดยเฉพาะเพศสภาพโอเมก้าพนักงานทำความสะอาดโรงพยาบาลทำเอาเธอประทับใจเช่นกันที่เห็นกระเป๋าเงินแบรนด์เนมของเธอหล่นก็ยังเก็บมาคืนของข้างในรวมถึงเงินครบทุกบาททุกสตางค์เงินแ
รถตู้มาถึงบ้านพักตากอากาศทางภาคเหนือก็ตะวันตกดินพอดีการเดินทางไม่เร่งรีบจึงใช้เวลามากกว่าปกติหลายชั่วโมงบ้านไม้ยกสูงชั้นเดียวหลังคาทรงไทยอากาศถ่ายเทปลอดโปร่งเหมาะแก่การมาพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายสำหรับผู้ป่วยเป็นอย่างมากรายล้อมไปด้วยธรรมชาติหลบหลีกเรื่องราววุ่นๆในโซเชี่ยลได้เป็นอย่างดีแม้บรรยากาศจะดีและสวยงามสักแค่ไหนคนที่ประสบอุบัติเหตุมาหยกๆกลับไม่รู้สึกถึงอะไรนอกจากอยากจะเก็บตัวปลีกวิเวกมากกว่าอีกทั้งบ้านพักตากอากาศแห่งนี้เป็นหนึ่งในกิจการของทางฝั่งคุณหญิงพรรำไพรอบๆบ้านแห่งนี้ปลูกดอกพีโอนีไว้สุดลูกหูลูกตาเพราะเก็บเป็นหัวเชื้อน้ำหอมและดอกไม้อบแห้งส่งออกไปยังต่างประเทศด้วยเหตุนี้พรรำไพจึงคะยั้นคะยอให้ลูกชายดั้นด้นมารักษาตัวไกลถึงที่นี่เพราะบรรยากาศล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นที่พิรชัชจำใจต้องชอบในขณะนี้แม้ว่าก่อนหน้าจะเป็นกลิ่นที่อัลฟ่าอย่างพิรชัชไม่คิดจะเฉียดกรายเข้าไปใกล้ด้วยความที่เรียนและรับวัฒนธรรมตะวันตกมาค่อนชีวิตกลิ่นของมันออกจะฉุนสักเล็กน้อยอีกทั้งความหมายก็ไม่ดีเท่าไหร่ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ชอบกลิ่นของมันร่างกายที่ซูบผอมของอัลฟ่าก้าวเท้าออกมาจากรถตู้อย่างเชื่องช้ายืดเส้นยืดสายอยู่สักค
เสียงเจี้ยวจ้าวของนับนิรันดร์ดังขึ้นเมื่อออกมาจากห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวปะแป้งหอมฉุย พอเห็นวรวิทย์ยืนอยู่ก็รีบวิ่งมาหา“คุณตาาาาา”“ระวังอย่าวิ่งครับนิรันดร์เดี๋ยวก็ล้มหรอก” มนันย์รีบสับเท้าเดินตามลูกชายที่กระโดดโลดเต้นทันทีที่ได้ยินว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลยิ่งเห็นขนมนมเนยวางอยู่บนเค้าเตอร์ก็ตาลุกวาวออดอ้อนผู้เป็นตาทันที“คุณตาซื้อขนมมาให้นิรันดร์เหรอครับนิรันดร์กินได้ป่าวววว” เด็กน้อยมองตาแป๋วก่อนจะชี้ไปยังพวกขนมที่วางอยู่บนเค้าเตอร์“ไม่ใช่ของตาครับของคนนี้ต่างหาก” วรวิทย์ผายมือไปทางอัลฟ่าที่วางตัวไม่ถูกเขาคล้ายจะเป็นส่วนเกินและคนแปลกหน้าในห้องผู้ป่วยนี้ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปกอดและทำความรู้จักกับสายเลือดตัวเองแทบตายแต่ก็ไม่กล้าไหนจะความรู้สึกละอายใจและความรู้สึกผิดปนเปกันไปนับนิรันดร์มาเกาะขาคนแปลกหน้าคนใหม่ที่หน้าเหมือนตัวเองยังกับแกะ“คุณลุงครับนิรันดร์ขอกินได้ไหมครับ” พิรชัชนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ“ได้สิครับว่าแต่ให้…อุ้มหน่อยได้ไหมครับ” พิรชัชอยากจะเรียกตัวเองว่าพ่อแต่ก็กลัวเด็กน้อยตรงหน้าจะตกใจนับนิรันดร์หันไปมองแม่ของตนเองที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ข้างหลังคล้ายขออ
ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใต้ตึกโรงพยาบาล สองคนที่นั่งตรงข้ามกันต่างเงียบไม่มีฝ่ายไหนที่ปริปากเอ่ยออกมาก่อน มนันย์นั่งจ้องมองกาแฟของตัวเองที่เย็นชืด แต่ทว่าความคิดล่องลอยไปไกล ส่วนพิรชัชก็เอาแต่นั่งจ้องมองฝ่ายตรงข้าม เหมือนกับว่าหากเขาคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยววินาทีจะไม่สามารถพบเจอคนตรงหน้าพร้อมลูกน้อยอีกสองคนได้อีก อัลฟ่าอย่างพิรชัชเองก็มีความวิตกกังวลในหลายเรื่อง และที่สำคัญเขากำลังรู้สึกผิดหรือมีความรู้สึกอื่นอะไรอีกหรือไม่ เขาในตอนนี้ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองมากนัก จะว่ายังไงดีล่ะไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนอีกทั้งยังทรมานไปทั้งกายและใจไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มนันย์เข้ามามีอิทธิพลกับตัวเองมากมายถึงขนาดนี้ความคิดถึงกันกินเข้าไปถึงในกระดูก“เอ่อคือ” มนันย์เงยหน้าพร้อมจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังจะเอ่ยอะไรออกมาทำลายความเงียบการเงียบในตอนนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด“ผมไม่ปฏิเสธว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของคุณแต่ว่าคุณอย่าลืมพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วนะครับแล้วคุณก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรืออยากรับผิดชอบอะไรพวกเราอยู่ได้” และอยู่ได้ดีด้วยเมื่อไม่มีคุณมนันย์เอ่ยประโยคท้ายในใจ“ฉันรู้ว่านายจะอยู่ได้ดีอีก
เอกสารที่ให้เลขาคู่ใจไปสืบเสาะหามานั้นทำเอาพิรชัชคิ้วผูกเป็นปมไปหลายรอบ อัศวินลอบสังเกตสีหน้าเจ้านายพลางเช็ดเหงื่อข้างขมับไปด้วย“แน่ใจเหรอว่าเป็นความจริง” พิรชัชถามเสียงเรียบ“ยิ่งกว่าจริงเสียอีกครับคุณวรวิทย์ทำการจัดประชุมชี้แจงผู้ถือหุ้นและปรับแผนผังภายในบริษัทใหม่โดยมีคุณมนันย์วรวรรณเป็นผู้ถือหุ้นเปอร์เซ็นต์ก็ลดหลั่นตามกันไปแต่ที่น่าแปลกคือคุณมนันย์กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทที่คุณวรวิทย์มีแต่การจัดการบริหารยังเป็นคุณวรวิทย์และลูกชายอย่างคุณมาวินเหมือนเดิมอ้อ! รวมไปถึงเด็กชายนับอนันต์และเด็กชายนับนิรันดร์ด้วยแม้จะใช้นามสกุลวรวรรณแต่ว่าก็คล้ายว่าเป็นหนึ่งในทายาทสายตรงของคุณวรวิทย์มากกว่าจะไปในทางอื่นอีกทั้งวงในยังบอกว่าคุณมนันย์เป็นหนึ่งในบุตรชายโอเมก้าที่พลัดพรากจากกันไปนานกว่ายี่สิบปีครับ”“ไม่รู้ว่าบอสอยากรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”“เรื่องอะไร” สายตาของอัลฟ่าที่จ้องมองมาทำเอาเบต้าอย่างอัศวินที่ทำงานรับใช้มานานไม่ชินเสียทีแม้ไม่พูดแต่สายตากลับคาดคั้นเอาคำตอบอยู่ในที“เอ่อ…คุณมนันย์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวท้องตั้งแต่เริ่มเรียนป.โทได้ไม่นานอาศัยทำงานอยู่ในร้านอาหารไทยที่ชื่อว่าลล
“แม่ครับแม่ครับ” มนันย์ที่ได้ยินเสียงเรียกของนับอนันต์ที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณตาร้องเรียกมาแต่ไกลก่อนจะรีบเข้าไปอุ้ม“แม่ฮะอย่างร้องไห้” สองมือป้อมเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าสวยนั้นอย่างแผ่วเบาแม้จะอายุเพียง 3 ขวบแต่นับอนันต์มักจะวางตัวเหมือนผู้ใหญ่อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจาเพราะเด็กน้อยไม่อยากจะเห็นแม่ตนร้องไห้เสียใจไม่ว่าเรื่องอะไรอีกก็ตาม“เกิดอะไรขึ้น” วรวิทย์หัวใจเกือบวายทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ว่าหลานรักถูกรถชนมนันย์ส่ายหน้าก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่เอ่ยแนะนำตัวพร้อมขอโทษขอโพยอย่างเป็นทางการมีสเตอร์เวนก้มหัวลงขอโทษคนทั้งสามซึ่งต่างก็เข้าใจและไม่เอาความเพราะคนที่ผิดจริงๆก็คือเด็กน้อยที่วิ่งออกมาตัดหน้ารถนับว่าโชคดีที่รถไม่ได้มาด้วยเร็วมากนักมีสเตอร์เวนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างแต่ทางพิเศกดำรงค์ปฏิเสธภาพคนทั้งสามที่สนิทสนมกันทำเอาพิรชัชนิ่งอึ้งความคิดหลายๆอย่างวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุดไม่ว่าจะเป็นเด็กอีกคนในอ้อมกอดมนันย์ส่วนอัลฟ่าทั้งสองก็เป็นที่รู้จักดีในแวดวงธุรกิจอีกทั้งยังทำธุรกิจบางส่วนร่วมกับนันท์เดชภาคย์ด้วย‘มนันย์เป็นอะไรกับสองคนนั้นอีกทั้งเด็กแฝด? ที่อายุประมาณ 3-4 ขวบหรือ
อัลฟ่าอย่างพิรชัชมีอาการติดกลิ่นอย่างน่าประหลาดทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อนยิ่งหลังการผ่าตัดเขาคล้ายมีอาการทุรนทุรายซึ่งหมอก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกันดอกพีโอนีมีเวลาผลิบานไม่ได้บานตลอดทั้งปีเพราะฉะนั้นเทียนหอมที่เคยทำที่บ้านพักตากอากาศทางภาคเหนือกลายเป็นไอเทมสำคัญที่พิรชัชจะพกไว้ประจำจุดต่างๆที่เขาต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานที่บริษัทห้องนอนรวมไปถึงบนรถไหนจะอาการกระสับกระส่ายการรับกลิ่นหรือการรับรสแม้จะกลับมาเป็นปกติแต่ว่าอาหารเลิศรสอะไรก็ไม่ทำให้อัลฟ่าอย่างเขาน้ำลายสอกลายเป็นคนกินยากอาหารที่มีกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูทำเอาอัลฟ่าแทบจะโก่งคออ้วกออกมาเสียเดี๋ยวนั้นอาการทุกอย่างจะทุเลาหากได้เทียนหอมกลิ่นดอกพีโอนีเป็นกลิ่นที่เขาเคยทำร่วมกับใครบางคนใครคนนั้นหายไปจากชีวิตรวมถึงคล้ายเอาบางสิ่งบางอย่างจากเขาไปด้วยเช่นกันพิรชัชไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรรู้เพียงแต่ว่าร่างกายของตนไม่เหมือนเดิมการนอนบนเตียงเดี่ยวที่กว้างขวางและสะดวกสบายนั้นคล้ายฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนอาการนอนไม่หลับยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อย่างเข้าเดือนที่ 7 ปลอกหมอนที่ไม่เคยถูกซักเป็นสิ่งเยียวยาเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้อัลฟ่าหลับตาลงอย่
“ทำอะไรอยู่เด็กๆมากินของว่างเร็ว” วรวิทย์กลายเป็นคุณตาที่ติดหลานเอามากๆกิจวัตรประจำวันของคนแก่ไม่มีอะไรมากนอกจากงานที่บริษัทแล้วก็กลับมาฟัดเด็กๆทั้งสองนี่แหละมนันย์ไม่ได้เอ่ยถึงพ่อของเด็กๆวรวิทย์เองก็ไม่คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบุตรชายเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน‘รักแรกมักไม่สมหวังและมักจะฝังใจ’ไม่งั้นบุตรชายโอเมก้าคงไม่คิดตัดใจตัดสัมพันธ์ถึงขั้นผ่าตัดเอาพันธะที่ตรงหลังคอออกแม้จะมีผลข้างเคียงมากมายแต่อีกนัยหนึ่งถ้ามนันย์ไม่ผ่าตัดเอาพันธะตรงหลังคอออกวรวิทย์อาจไม่มีโอกาสพบเจอกับบุตรชายโอเมก้าของเขาโดยบังเอิญขนาดนี้วรวิทย์เชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีความบังเอิญมีแต่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นไม่ว่าเชื่อว่าอีกฝ่ายอยู่จุดไต้ตำตออยู่ในความดูแลของเจ้าสัวพิสิฐชัยไม่แปลกที่เขาจะหาไม่เจอทั้งๆที่สองครอบครัวก็ต่างก็พบปะสังสรรค์กันตามงานเลี้ยงงานสังคมอีกทั้งยังใช้ซัพพลายเออร์ที่เดียวกันแต่อย่างว่าบทจะเจอก็เจอกันได้ง่ายๆแบบนี้“มาดูเร็วตาซื้อมาเยอะแยะเลยไปล้างมือแล้วค่อยมากินนะ” วรวิทย์พูดพลางก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของหลานทั้งสองดังฟอดฟอด“ตามใจกันแบบนี้สองแฝดเหลิงแย่เลยครับ” มนันย์บ่นอุบอิบ“
“มาครับเด็กๆวันนี้เป็นชั่วโมงกิจกรรมสีเทียน-”“นิรันดร์ไม่เอาสีเทียนเข้าปากนะครับ”“ปะปะ” สองพี่น้องสวมเพียงผ้าอ้อมสำเร็จรูปบนกระดาษสีขาวผืนใหญ่สองมือน้อยต่างถือสีเทียนไว้ในมือต่างก็ขีดเขียนไปตามประสาหลังจากนั้นมนันย์ก็จะแต่งเติมจินตนาการนั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกที“อนันต์วาดอะไรครับ”“มะหมา”“น้องหมาเหรอครับ” มนันย์ยิ้มให้แฝดพี่ก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยที่หน้าตาถอดแบบเหมือนใครอีกคนสายตาสีนิลคู่นั้นทำเอาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวโอเมก้าเผลอตกอยู่ในภวังค์หลายครั้ง‘ป่านนี้คุณชัชคงจะหายดีเป็นปกติไม่แน่อาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็ได้’ มนันย์เม้มปากปัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวออกไปจ้องมองเด็กน้อยทั้งสองที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาโอเมก้าที่ขาดความรักความเอาใจใส่จากบิดามารดารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนถึงแม้เด็กทั้งสองจะเติบโตโดยปราศจากบิดาผู้ให้กำเนิดแต่มนันย์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กอัลฟ่าน้อยทั้งสองให้ดีไม่ให้ขาดความอบอุ่นแม้แต่เสี้ยวเดียวครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่ยิ่งพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กันด้วยแล้วจะเผื่อแผ่มาถึงลูกๆได้อย่างไรความทรมานจากการทำพ
“นี่ลูกใครน่ารักมาก”ตอนแรกพิรชัชไม่ได้สนใจแต่เพราะเพื่อนของเขาที่น้องสาวกำลังเรียนอยู่ต่างประเทศโพสต์ตลอดจนทำเอาที่บ้านตกอกตกใจนึกว่าน้องสาวแอบไปคลอดลูกโดยไม่บอกที่บ้านทางเมืองไทยที่ไหนได้เป็นรุ่นพี่โอเมก้าป.โทคนหนึ่งแม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าหน้าตาดีไม่น้อยดูจากผิวพรรณแม้ไม่เห็นหน้าตาเด็กทั้งสองแต่ขาและแขนเป็นปล้องจ้ำม่ำทำให้ธีรธรอดเป็น FC อีกคนไปด้วยไม่ได้เพื่อนๆในวงสนทนาต่างก็มุ่งสายตาไปเป็นจุดเดียวก้อนแป้งน้อยที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงหน้าตาถูกเบลอเพราะกฎหมาย PDA แขนขาเป็นมัดๆเหมือนขนมปังจนอยากจะกัดสักคำ“เห็นว่าเป็นโอเมก้าแม่เลี้ยงเดี่ยว” ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากนั้นก็มีคนผสมโรงจากนัดมากินเหล้าสนทนาตามประสาเพื่อนที่ไม่พูดคุยกันมานานหัวข้อวันนี้ต่างมุ่งไปที่เด็กน้อยทั้งสอง“น่าสงสารออก”“อาจจะทำตัวไม่ดีก็ได้เค้าถึงต้องได้เลี้ยงลูกคนเดียว” พิรชัชตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ“แกก็อคติเกินในโลกนี้มีทั้งคนดีและเลวไม่ว่าจะเพศรองไหนอีกทั้งตอนนี้โอเมก้าเองก็เป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้นแล้วบริษัทนายเองก็ปรับการรับโอเมก้าเข้าทำงานมากขึ้นไม่ใช่เหรอ”“เห็นว่าที่บ้านนายเคยรับอุปการะโอเมก้า
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม