"ผมเห็นคุณไปเดินเล่นกับลูกจันทร์ อารมณ์ดีแล้วเหรอ"แดนไทยเอ่ยทักหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาในครัวช่วงเย็น"ก็..ขี้เกียจอารมณ์เสีย วันนี้คุณทำอะไรให้ฉันกินล่ะ"ดารารินทร์ชะโงกหน้าไปยังถ้วยกับข้าวที่เคาเตอร์ครัว"ผมไม่ได้ทำ เอากับข้าวจากโรงครัวที่ไร่มา มีพะโล้กับปลาสลิดทอด""แกะก้างปลาทิ้งให้ฉันด้วย ฉันไม่ชอบแกะเองเดี๋ยวเล็บสวยๆฉันพังหมด"ดารารินทร์เห็นปลาสลิดที่ตัวอวบอ้วนที่แดนไทยเพิ่งใส่จานมาวางข้างถ้วยพะโล้ เธอก็นึกอยากทานปลาขึ้นมาแต่ไม่อยากแกะเนื้อเองเพราะกลัวกลิ่นติดมือ แดนไทยยืนจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง คิดว่าหญิงสาวเห็นเขายอมทำโน่นทำนี่ให้หน่อยก็ใช้เขาอย่างกับคนรับใช้ แต่มีหรือเขาจะยอมทำให้เธอง่ายๆ ที่ดูแลทุกอย่างให้ทุกวันนี้ก็มากพอแล้ว"ก็ไม่ต้องกิน กินแค่พะโล้ไปละกัน ผมทำทั้งอาหารเช้าให้คุณทำงานบ้านเองแล้วก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก ยังต้องมาจัดเตรียมอาหารให้คุณอีก""ทำให้หน่อยไม่ได้หรือไง แกะเนื้อปลาให้ฉันจะใช้เวลาสักเท่าไรกัน""ไม่ทำ แกะเองไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน""ไม่กินก็ได้ วันนี้ไดเอท ชิ"ดารารินทร์บุ้ยปากเอ่ยกระแทกกระทั้น และเป็นอีกครั้งที่เดินกระฟัดกระเฟียดทำท่าไม่พอใจต่อหน้าแดนไทยจน
"ใช่คอลใหม่ล่าสุด ชุดพวกแกก็สวยเหมือนกันนะ""ขอบใจย่ะ คุณดินดูดีมากเลยนะคะ"ณัฐวดีหันไปเอ่ยชมเพิ่มความมั่นใจให้แดนไทย เพราะรู้ว่าเขาไม่ค่อยได้ออกงานบ่อยๆคงประหม่าไม่น้อย"ขอบคุณครับ""แน่นอน ฉันสั่งสูทให้เค้าเอง""เข้างานกันเถอะ"ทั้งสี่ทักทายกันเรียบร้อยก็พากันเดินมาหามนชิดาและพิชญะที่ยืนรับแขกอยู่หน้างานพร้อมกับเปรมสินี มนชิดาหันมาส่งสายตาไม่สบอารมณ์กับเปรมสินีเมื่อเห็นดารารินทร์แต่งตัวสวยโดดเด่นเกินหน้าเกินตาของเธอพอสมควร"ขอบใจที่มากันนะ พิชคะนี่เพื่อนมนค่ะนี่ยัยพลอย ยัยน้ำ แล้วก็ยัยดาวกับสามีเธอใช่ไหม"มนชิดาเอ่ยเอ่ยทักทายแขกมาใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และแนะนำตัวเพื่อนๆให้คู่หมั้นหนุ่มหล่อได้รู้จัก"ใช่ ชื่อคุณดิน"ดารารินทร์เอ่ยตอบมาชิดาหน้าระรื่น เพราะรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีจะได้เห็นคนคนตาร้อนเพราะอิจฉาเธอแน่นอน"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณดิน/ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณดิน"มนชิดาส่งยิ้มให้แดนไทยอย่างไม่จริงใจนักเพราะรู้มาว่าสามีดารารินทร์เป็นแค่คนต่างจังหวัด ส่วนพิชญะยื่นมือทักทายแดนไทยตามมารยาท"นี่คุณหนูดาวจรัสฟ้าไปสรรหาคอลเลคชั่นใหม่ทั้งตัวจากไหนเนี่ย"มนชิดามองดารารินทร์ตั้งแต่หั
"วันหลังถ้าจะดื่มหนักอย่ามาดื่มในงานแบบนี้เข้าใจไหม กลับแล้วค่อยดื่มก็ได้ ถ้าคุณเมาจนขาดสติอายเค้าแย่เลย"ดารารินทร์พาแดนไทยกลับมาถึงห้องพักได้ก็บ่นอุก ที่ชายหนุ่มเล่นดื่มหนักจนเกินงาม จนเธอต้องรีบหิ้วเขาออกมาจากงานก่อน"ผมไปนั่งดื่มเงียบๆถือว่าไว้หน้าคุณเท่าไรแล้ว ถ้าผมไม่ห่วงหน้าคุณคงแย้งบอกว่าผมอยู่บ้านเล็กๆท้ายไร่เก็บผักเก็บหญ้ากินกับเพื่อนคุณไปแล้ว"แดนไทยกลับมาถึงก็อาละวาดเสียงฝาดจนหญิงสาวตกอกตกใจกับท่าทีโมโหของเขาพอสมควร"หุบปากเลย"ดารารินทร์แผดเสียงใส่ชายหนุ่มกลับ ไม่พอใจที่อีกฝ่ายเมาแล้วมาโวยวายใส่เธอ"ที่คุณบอกว่ารู้สึกผิดที่ดูถูกชาวไร่อย่างผม คุณไม่ได้รู้สึกผิดจริงๆใช่ไหม ขอโทษเพื่อต้องการมาให้ผมยอมออกงานกับคุณเพื่อที่จะใช้ผมเป็นเครื่องมือข่มเพื่อนคุณใช่ไหม"คนถูกจับได้เริ่มสลด และพยายามเดินหนีแดนไทยแต่ก็ถูกเขาดึงตัวเธอขึงกับกำแพงห้องไว้ก่อน"คุณจะมาเสียงแข็งอะไรใส่ฉัน เมาก็ไปนอนไป๊""ชอบนักใช่ไหมไอ้สังคมที่มีแต่เปลือกเนี่ย"แคว้กกก แดนไทยกระชากกระโปรงสวยที่แหวกโชว์แค่ขาอ่อนจนขาดวิ่นเผยให้เห็นชั้นในตัวจิ๋วของหญิงสาว"ทำอะไรของคุณเนี่ย" เพี๊ยะดารารินทร์เลือดขึ้นหน้า วาดมือ
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมอาทิตย์ และแล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกที่ดารารินทร์จะได้ทำหน้าที่เป็นครูสอนให้จริญญา สาวเจ้าที่เดินใกล้ถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ ก็เห็นเหล่าคนงานยืนชุมนุมรายล้อมแดนไทย แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียดจนหญิงสาวที่กำลังหอบหิ้วหนังสือต้องรีบเดินจ้ำอ้าวไปหาคนกลุ่มนั้นด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น"มีอะไรกันหรือเปล่าคะ"สิ้นเสียงใสของหญิงสาว เหล่าคนงานทุกคนรวมไปถึงแดนไทยหันมามองดารารินทร์ด้วยสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรเหมือนเช่นที่เคยเป็น"ทำไมมองฉันแบบนั้นคะ"ดารารินทร์เริ่มยิ้มไม่ออก ก่อนจะส่งสายตาสงสัยไปยังแดนไทยเพื่อต้องการคำตอบ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรออกมา"ไหนพี่ดาวบอกว่าจะให้ลูกจันทร์อยู่ในบ้านพักคนงานได้ตลอดไปไงคะ พี่ดาวโกหกลูกจันทร์ทำไมคะ""ลูกจันทร์ไม่เอาลูก"จริญญาพูดไปปาดน้ำตาไป ดวงเดือนเห็นลูกสาวตัวเองกำลังพูดมากไม่เข้าเรื่องจึงรีบโน้มตัวลูกเข้ามาซบกับอก"พี่ไม่เข้าใจที่ลูกจันทร์พูดเลย" ทั้งสายตาที่มองมาไม่เป็นมิตร ทั้งทุกคนยังเงียบใส่ไม่พูดให้เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดารารินทร์จึงอึดอัดหนักขึ้นเรื่อยๆ"ทุกคนกลับไปก่อนนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่อยู่เดี๋ยวผมจะหาทางแก้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุด"
“ฮือๆๆๆ...”ดารารินทร์เข้ามานั่งกอดเข่าอยู่ในห้องนอนพักใหญ่ เธอคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงที่จะเอาที่ดินผืนนั้นกลับมาเพราะเงินที่ได้จากการฝากธวัชชัยขายที่ให้กับบรรเจิดก็เหลือไม่ถึงครึ่งแล้วแกร๊ก.. ดารารินทร์รีบปาดน้ำตาลวกๆเมื่อเห็นแดนไทยเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาในห้อง“เดี๋ยวฉันจะรีบหาเงินมาซื้อที่คืน ฮึกๆ ฮือ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้คนอื่นไม่มีที่อยู่ ฉันไม่เคยคิดทำร้ายใครจริงๆ ฮือๆๆ”ให้เธอพูดเป็นครั้งที่ล้านเธอก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ตั้งใจ และตอนนี้เธอก็เสียใจมากๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น“จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เพราะต่อไปนี้คนที่นี่คงจะไม่เชื่ออะไรคุณ ถ้าคุณทนอยู่ได้ก็ทนไป แล้วผมก็จะไม่สนใจคุณเหมือนกัน ผมจะไปนอนข้างนอก”แดนไทยเดินไปหยิบเสื้อผ้าพร้อมหมอนกับผ้าห่มเดินออกไปนอกห้อง“ฮือๆๆๆ..”ดารารินทร์ฟุบนั่งกอดเข่าร้องให้โฮอีกครั้ง ตอนนี้เธอมืดแปดด้านไปหมดว่าจะเอาอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น หากจะโทรบอกคนทางบ้านก็กลัวพวกเค้าจะผิดหวังในตัวเธอ จะบอกเพื่อนๆก็ไม่กล้าดารารินทร์เดินวนไปวนมาอยู่หน้าตู้กระเป๋าของเธอพักใหญ่ รู้ว่าของพวกนี้น่าจะทำเงินให้เธอได้ง่ายแต่ก็ตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าจะเอาออกไปฝากร้านแบรนด์
“สบายใจแล้วใช่ไหม”“อืม ก็ดีขึ้นแล้ว”ดารารินทร์รับแก้วน้ำส้มจากพิชชาอรขึ้นดื่มอึกใหญ่ เพราะก่อนหน้าร้องห่มร้องให้จนคอแห้งพอสมควร“เดี๋ยวเรามาหาทางออกกัน”ณัฐวดีสะกิดพิชชาอรให้เดินตามเธอไปนั่งฝั่งตรงข้ามดารารินทร์ เพื่อที่จะคุยเรื่องที่ได้หารือถึงวิธีการช่วยเพื่อนเมื่อครู่ฟืดด ฟืดดด "ยังไง"สาวเจ้าหยิบทิชชู่สั่งน้ำมูกเสร็จก็หันมามองเพื่อนทั้งสองที่นั่งฝั่งตรงข้ามสลับกันไปมา"แกต้องทำให้คุณดินและคนที่นั่นเห็นว่าแกไม่ได้ตั้งใจจะขายที่ดินผืนนั้น หลังจากไถ่ที่คืนได้แกก็เข้าไปช่วยกลุ่มคนงานเค้าขาดเหลืออะไรแล้วก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ในส่วนคุณดินถ้าจะให้เค้ามองแกดีขึ้นแกต้องเลิกฟุ้งเฟ้อ หันมาเป็นแม่บ้านแม่เรือน ดูแลคุณดินแบ่งเบาภาระเค้าบ้าง"ดารารินทร์ฟังณัฐวดีพูดจบเธอก็รู้สึกลำบากใจกับบางข้อ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า"เรื่องอื่นพอทำได้นะ แต่เป็นแม่บ้านแม่เรือนฉันทำไม่เป็นแน่ๆ""เป็นสิ ฉันรู้ว่าแกทำได้ถ้าพร้อมเรียนรู้จริงๆ สู้ไหมล่ะถ้าแกสู้พวกฉันก็จะคอยอยู่ข้างๆแก"พิชชาอรเอ่ยให้กำลังใจดารารินทร์ เพราะเพื่อนเธอยอมตัดใจเอาของรักของหวงมาปล่อยขายได้ เรื่องอื่นเธอเห็นว่าดารารินทร์น่าจะ
"อื้ม.. ฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้กินไข่เจียวฝีมือคุณหนูดาวเนี่ย นี่ถ้าคุณแม่แกรู้ว่าแกหัดเข้าครัวทำตัวเป็นแม่บ้านศรีเรือนคงดีใจแทบน้ำตาไหลแน่เลย"หลังจากที่สอนให้ดารารินทร์ลองผิดลองถูกกับการทำไข่เจียวมาพักใหญ่ พิชชาอรก็ได้ทานไข่เจียวสีสวยกลิ่นหอมละมุนฝีมือของเพื่อนเธอเสียที“นึกว่าวันนี้จะได้กินไข่เจียวทูโทนซะแล้วนะเนี่ย”ณัฐวดีมองไข่เจียวสีสวยในจานตาเป็นประกาย ภาพไข่เจียวในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้าหากไปอยู่ที่อื่นมันอาจจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของดารารินทร์คุณหนูที่หยิบจับอะไรในครัวไม่เป็นเลยหัดทำไข่เจียวเป็นวันแรกก็ทำได้ดีขนาดนี้มันเลยดูพิเศษสำหรับเธอพอสมควร"เมื่อก่อนที่ฉันไม่อยากทำก็เพราะไม่ชอบไอร้อนๆกลัวตัวเหม็น แต่พอได้ลงมือฉันว่าการทำอาหารก็สนุกดีนะ ตอนนี้อยากทำเป็นอีกหลายๆเมนูเลย"ดารารินทร์ยิ้มกว้างปลื้มปริ่มกับไข่เจียวตรงหน้ามากๆ การเข้าครัวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่าวที่เธอเคยคิด กลับรู้สึกสนุกมากๆจนอยากเรียนรู้และทำเมนูอื่นเป็นเร็วๆหลังจากเพื่อนๆกลับบ้านกันไปหมดแล้วดารารินทร์ก็ออกมายืนมองวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ยามค่ำคืน ภาพที่เธอเคยเห็นว่ามันสวยงามกลับไม่เป็นเช่นเดิม ตอนนี
"พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในโรงเรียน ชวนเด็กๆมาเรียนภาษากันหลายๆคนคุณว่าดีไหม"หลังคุยปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้ทั้งสองก็มานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร"ดีสิ แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่อยากมาเรียนกับคุณ"แดนไทยเห็นด้วยที่หญิงสาวจะทำเรื่องที่ดี แต่เขาอยากให้เธอเผื่อใจเพราะเรื่องที่เธอสร้างเอาไว้สร้างความเจ็บปวดในใจของคนงานไนไร่ไม่น้อย พวกเขาไม่ได้โกรธที่รู้ว่าจะไม่มีที่อยู่ แต่สิ่งที่หญิงสาวทำเหมือนกับการกลั่นแกล้งไล่ที่โดยที่ไม่บอกให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้ล่วงหน้า"เพราะเรื่องที่ฉันทำสินะคะ"ดารารินทร์บุ้ยปากเขี่ยข้าวในจานไปมา"คุณเป็นคนผูก ก็ต้องเป็นคนแก้""ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะยอมรับให้ได้ทุกอย่าง"หญิงสาวถอนหายใจอ่อน ใช่อย่างที่แดนไทยพูด เธอเป็นคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ แดนไทยมองท่าทีจริงจังของหญิงสาวด้วยแววตาชื่นชม แอบกังวลว่าหญิงสาวจะถอดใจก่อนหรือเปล่า เพราะคนที่นี่ค่อนข้างใจแข็งกันอยู่พอสมควรวันต่อมาวันนี้ดารารินทร์เข้ามาที่ตลาดช่วงสายเธอมาหาซื้อขนมเค้กเพื่อไปให้เด็กๆที่โรงเรียนและเผื่อให้คนในไร่ เสร็จแล้วจึงแวะเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อชวนเด็กๆชั้นประถมปีที่6 เรียนภาษาอังกฤษกับเธอฟรี"เด็กๆ พี่นี
“แกสองคนไปบวชแล้วปลงได้จริงหรือเปล่าเนี่ย”ณัฐวดีเดินออกมาที่ลานจอดรถก็เดินใช้หัวไหล่กระแทกมนชิดาและเปรมสินีเบาๆ เพราะเมื่อครู่ทั้งสองพูดขู่เจ็บแสบกับพิริสาพอสมควร“โอ้ย มันก็ไม่ได้ปลงจนเป็นแม่พระขนาดนั้น ใครดีมาก็ดีกลับร้ายมาก็ต้องถูกร้ายกลับเหมือนกัน”มนชิดาเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน“ใช่ นี่ยังน้อยไป ถ้าไม่ติดว่าแขกในงานยังกลับไปไม่หมด ได้ฟาดหน้ายัยนั่นสักทีสองทีแล้ว”เปรมสินียังรู้สึกคันไม้คันมือไม่หาย เพราะมีผู้หญิงพวกที่คิดอยากจะยุ่งกับสามีชาวบ้านอยู่เยอะ มนชิดาถึงได้เจอเรื่องแย่ๆแถมผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นคนทำให้พ่อและแม่ของเธอฟ้องหย่ากันอยู่ตอนนี้“พวกแกมันเริ่ด”ณัฐวดียกมือนิ้วโป้งสองข้างตรงหน้ามนชิดาและเปรมสินี“ฉันติดต่อยัยดาวไม่ได้เลยอะ”พิชชาอรเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อลองโทรหาดารารินทร์หลายสายแล้วแต่เพื่อนเธอก็ยังไม่รับ“ป่านนี้ดีกับคุณดินสวีทหวานแหววกันไปแล้วมั้ง อย่าไปกวนนางเลย”มนชิดาเดาว่าสองสามีภรรยาน่าจะเข้าใจกันแล้ว“อืม ไปเตรียมตัวจัดงานเซอร์ไพรซ์คุณดินคืนนี้ดีกว่า”“งานไรอะ”เปรมสินีเริ่มมีสีหน้าฉงนหลังจากได้ยินณัฐวดีพูดเรื่องคืนนี้“ไปกับพวกฉันเดี๋ยวก็รู้เอง”ณัฐวดีรวบทุกคนขึ้นร
“งานจะเริ่มแล้วตาดินไปไหนล่ะลูก”อดิเทพเห็นว่างานจะเริ่มแล้วคนในครอบครัวก็อยู่กับครบแต่ไม่ยักจะเห็นแดนไทยจึงสะกิดถามลูกสาว เพราะอยากจะให้คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าตอนแถลงข่าวกับสื่อ“เห็นว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวดาวไปตามให้นะคะคุณพ่อ”ดารารินทร์รีบเดินจ้ำอ้าวผ่านห้องแต่งตัวด้านหลังแล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับคนสองคนที่กำลังยืนกอดกัน หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่กำมือแน่นเพราะจำได้ว่าเป็นสามีของเธอแม้จะเห็นเพียงด้านหลัง“พี่ดิน!”“ดาว”แดนไทยหันหลังมาได้ดารารินทร์ก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่สามีเธอกอดอยู่นั้นคือพิริสา มิน่าตอนเข้างานมาเขาจึงมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่แนะนำตัวทำความรู้จักกับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของสายการบินแล้ว ที่แท้ก็เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน หญิงสาวไม่ได้อยู่สืบสาวความอะไรให้มากเรื่อง เธอเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปจากงาน ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาเกิดกับตัวเพราะเพิ่งจะหดหู่ใจกับเรื่องของมนชิดาไปหยกๆ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่าจะไว้ใจยากกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามีที่เธอคิดว่าเขาดีนักดีหนา“ตาดิน ทำไมน้องวิ่งออกจากงานไปแบบนั้นล่ะ”กานต์มณีเดินมาดักหน้าลูกชายเธอเอาไว้หลังจากเห็นดารารินทร์วิ่งออกจากงานไป
“ป้าม้วนทอผ้าสวยมากเลยนะคะพี่ดิน ดาวว่าจะส่งไปตัดเป็นเดรสใส่วันงานของสายการบินคุณพ่อค่ะ เผื่อจะมีใครอยากได้ชุดแบบดาวบ้าง คนทอผ้าที่นี่จะได้มีรายได้ด้วย”ดารารินทร์คลี่ผ้ายกมุกสีดำน้ำตาลยกมุกด้วยสีครีมลายกระดุมทองมาอวดคนเป็นสามีขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มตัวนอน เธอไปอุดหนุนผ้าทอจากคนในชุมชนเห็นว่าสวยเลยคิดว่าจะเอาไปตัดเป็นชุดใส่ในวันงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์สายการบินคนใหม่ของพ่อเธอ“อืม ก็ดีนะ แล้วพ่อดาวบอกหรือยังว่าใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่”“ยังค่ะ คุณพ่ออยากให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ดาวรู้แค่ว่าเป็นนางแบบที่เป็นคนไทยแล้วก็มีชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยค่ะ”ดารารินทร์ส่ายหัวพยายามเค้นถามจากหลายๆคนแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย“วันที่เราเข้ากรุงเทพไปปรึกษาหมอด้วยเลยดีไหม พี่อยากรู้ว่าเราทำไมไม่มีลูกกันสักที”“เครียดมากเหรอคะที่ดาวไม่ท้องสักที”หญิงสาวพับผ้าเก็บในตู้ก่อนจะเดินเข้ามานอนกอดสามีซุกหน้าพูดอู้อี้กับแผงอกกว้าง มือเรียววาดกอดลูบหลังให้กำลังใจชายหนุ่ม“เปล่าหรอก พี่ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แต่แค่อยากไปตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”“ก็ได้ค่ะ”แดนไทยก้มพรมจูบกระหม่อมภรรยาตัวเล
"อือ อืมมม"ดารารินทร์โอบรัดต้นคอคนตัวโตเอาไว้แน่น เมื่อลิ้นร้ายของชายหนุ่มสอดส่ายเข้ามาในโพรงปากคนที่เริ่มเป็นงานก็เริ่มตวัดรัดดูดดึงสร้างความวาบหวามให้สามีได้เป็นทวีคูณมือหนาดึงสายผูกเอวชุดนอนซาตินออกได้ร่างบางขาวนวลเนียนก็เผยล่อลวงสายตาคมได้เป็นอย่างดี ยอดอกอูมอวบอิ่มชมพูระเรื่อตั้งชูชันประจันหน้าชายหนุ่มที่พึ่งละการเล่นลิ้นอยู่ในโพรงปากหวาน"อ อ้ะ"เขาก้มลงดูดดึงยอดถันมูมมามจนคนตัวเล็กร้องลั่นแอ่นเร่าตาปรือเยิ้มระบายความเสียวกระสัน มือหนาเลื่อนลงต่ำลูบไล้ไปจนกลีบกุหลาบงาม เขาเลื่อนยกนิ้วโป้งคลึงเม็ดทับทิมสีหวานเรียกอารมณ์รักอย่างเบามือ"อ้ะ อื้อออ ส เสียวค่ะ"ความเสียวซ่านช่วงล่างบวกกับถูกละเลงลิ้นดูดดึงยอดอกทำคนตัวเล็กครางไม่ค่อยจะเป็นคำ มือเรียวสอดผ่านเสื้อยืดวาดจิกแผ่นหลังกว้างถลกเสื้อคนตัวโตขว้างออกไปข้างเตียงหลังจากที่เขาผละออกจากทรวงอกอิ่ม ชายหนุ่มรีบถอดกางเกงเหวี่ยงทิ้งไม่รีรอ สองแขนแกร่งรวบคนตัวเล็กยกกอดถลกชุดคลุมออกให้พ้นตัวจนล่อนจ้อนเหมือนกันกับตน ก่อนจะโน้มตัวนอนลงทาบทับแนบเนื้อกันอีกรอบ"อื้อ"ใบหน้าหวานเหยเกเล็กน้อยขณะคนเป็นสามีดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าร่องสวาทคราเดียวจน
"ไม่เอาก็เอามา""เอาก็ได้ แต่คุณไม่กลัวฉันใช้ฟุ่มเฟือยเหรอ""ผมว่าตอนนี้ภรรยาผมน่าจะเอาเงินไปลงกับพวกหนังสือแล้วก็ขนมนมเนยให้เด็กๆกับคนในไร่มากกว่า"แดนไทยเชื่อใจดารารินทร์ว่าคงเอาเงินที่เขาให้ไปใช้ในทางที่มันเป็นประโยชน์ เพราะพักหลังมานี้เธอได้เงินเท่าไรก็เร้าแต่จะให้เขาพาไปซื้อโน่นซื้อนี่ทำประโยชน์ให้โรงเรียนบ้างให้คนในไร่บ้าง จนเขาแทบอยากจะเปิดมูลนิธิให้เธอแล้ว"ก็จริงค่ะ ฉันเอาเงินไปลงกับพวกเค้ามีความสุขกว่าตอนที่ซื้อชุดแพงๆใส่เยอะเลย""คุณน่ารักขึ้นมากขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือเปล่า แล้วตอนนี้ผมก็อยากจะฟัดคุณจะแย่แล้วด้วย"แดนไทยเริ่มก้มหน้าซุกไซร้ลำคอระหงส์จนสาวเจ้าต้องรีบผละตัวหนี เพราะยังรู้สึกเหนื่อยจากการขับรถไม่หาย หากให้เขาหาความสุขกับเธอตอนนี้คงสลบเหมือดคาเตียงในไม่กี่นาทีแน่"ฉันเหนื่อยมากเลยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"แดนไทยยืนเท้าเอวมองตามหลังคนตัวเล็กด้วยสายตาเว้าวอน เขายอมปล่อยเธอไปก่อนก็ได้แต่คืนนี้ยังไงเธอก็ไม่รอดเงื้อมมือของเขาแน่สามวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเล็กท้ายไร่ดูจะครึกครื้นเอามากๆ เพราะทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันที่นี่เนื่องในวันเกิดของกะรัตเพชร"คิดถึงทุกคนจังเลยค่ะ"ดาราริ
"เรียกว่ารัก"เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก แต่หญิงสาวก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอจะรู้สึกแบบนั้นกับชายหนุ่มจริงๆ เพราะเธอยังอยู่กับเขาไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ"ฉันสามารถรักคุณได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ""การที่เราจะตกหลุมรักใครสักคนไม่ต้องใช้เวลาหรอก แล้วมันก็ไม่ค่อยมีเหตุผลด้วย ขนาดคุณพยศทำตัวดื้อกับผมตั้งหลายครั้งผมยังมองว่าคุณน่ารักเลย""หืม คุณคิดแบบเดียวกับฉันเหรอ""ถ้าผมไม่รู้สึกดีกับคุณ คงไล่คุณออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว"แดนไทยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเผลอใจให้เธอตอนไหน พอจะรู้ตัวจริงจังก็เมื่อวันที่สาวเจ้ากลับมาและเขาก็ใจอ่อนยวบยกโทษให้เธอเพียงแค่หญิงสาวพูดขอโทษไม่กี่คำ พอเห็นเธอเศร้าเขาก็พลอยใจเสีย ยิ่งเห็นเธออยากจะทำความดีอย่างตั้งใจก็ชื่นชมและคอยเอาใจช่วยเธอตลอดเวลา อยากให้หญิงสาวเป็นคนดีขึ้นไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวของเธอเอง สำหรับเขาตอนนี้ดารารินทร์คือความสุขของเขาไปแล้ว"จริงอ๋อ"ดารารินทร์อมยิ้มเขินก้มหน้างุดซุกเข้ากับอกอุ่น รู้สึกเขินเกินกว่าจะเงยหน้ามองชายหนุ่ม"ถ้าคุณไม่อยากเหนื่อย อย่าเอาหน้ามาถูหัวนมผม"แดนไทยเริ่มมีเสียงกระเส่าแค่กอดก่ายหญิงสาวคราแรกก็เริ่มกลืนน
"อร่อยไหม พวกแกคิดว่าคนอื่นจะหายโกรธฉันเมื่อไรเหรอ ฉันไม่รู้ว่าจะแบกรับความรู้สึกผิดหวังไหวแค่ไหน พวกแกเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"หญิงสาวยืนหน้าละห้อยเอ่ยพูดกับไก่ที่กำลังรุมจิกมะละกอราวกับพวกมันฟังรู้เรื่อง แดนไทยที่เดินมาเห็นภาพนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าดารารินทร์จะเป็นมิตรกับพวกไก่ในเล้าของเขาได้"คิดว่าคุณจะชอบมันไม่ได้ซะอีก""ก็ไม่คิดว่าจะชอบได้ แต่พอกลับไปอยู่กรุงเทพไม่กี่วันคิดถึงมันเหมือนกัน แล้วทำไมวันนี้คุณกลับเร็วล่ะ"หญิงสาวหันหลังเปรยยิ้มให้กับคนมาใหม่“ไม่มีงานอะไรแล้วเลยกลับมาพักผ่อน ทำไม..ไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอ”“เปล่าซะหน่อย ฉันจะไปทำไข่เจียวคุณกินไหม”“ทำเป็นด้วยเหรอ”เห็นทีการกลับมาของหญิงสาวจะมีเรื่องให้เขาได้แปลกใจอีกเรื่องแล้ว“ค่ะ ฉันฝึกมา ต่อไปนี้ฉันว่าจะหัดทำงานบ้านงานครัว ช่วงแบ่งเบาภาระคุณเอง”สาวเจ้าเดินนำหน้าแดนไทยเข้าบ้านมาได้ก็เริ่มยิ้มไม่ออก เมื่อสายตามองเห็นถาดขนมเค้กหลายสิบชิ้นที่เธอเอาไปให้คนในไร่วางอยู่ที่กลางโต๊ะอาหาร เธอเห็นจำนวนแล้วก็เดาได้ว่าน่าจะไม่ได้มีใครหยิบไปเลยสักชิ้น"พวกเค้าไม่ได้เอาไปกิน ผมก็เลยต้องเอากลับมา"แดนไทยเอ่ยไปตามความจร
"พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในโรงเรียน ชวนเด็กๆมาเรียนภาษากันหลายๆคนคุณว่าดีไหม"หลังคุยปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้ทั้งสองก็มานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร"ดีสิ แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่อยากมาเรียนกับคุณ"แดนไทยเห็นด้วยที่หญิงสาวจะทำเรื่องที่ดี แต่เขาอยากให้เธอเผื่อใจเพราะเรื่องที่เธอสร้างเอาไว้สร้างความเจ็บปวดในใจของคนงานไนไร่ไม่น้อย พวกเขาไม่ได้โกรธที่รู้ว่าจะไม่มีที่อยู่ แต่สิ่งที่หญิงสาวทำเหมือนกับการกลั่นแกล้งไล่ที่โดยที่ไม่บอกให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้ล่วงหน้า"เพราะเรื่องที่ฉันทำสินะคะ"ดารารินทร์บุ้ยปากเขี่ยข้าวในจานไปมา"คุณเป็นคนผูก ก็ต้องเป็นคนแก้""ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะยอมรับให้ได้ทุกอย่าง"หญิงสาวถอนหายใจอ่อน ใช่อย่างที่แดนไทยพูด เธอเป็นคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ แดนไทยมองท่าทีจริงจังของหญิงสาวด้วยแววตาชื่นชม แอบกังวลว่าหญิงสาวจะถอดใจก่อนหรือเปล่า เพราะคนที่นี่ค่อนข้างใจแข็งกันอยู่พอสมควรวันต่อมาวันนี้ดารารินทร์เข้ามาที่ตลาดช่วงสายเธอมาหาซื้อขนมเค้กเพื่อไปให้เด็กๆที่โรงเรียนและเผื่อให้คนในไร่ เสร็จแล้วจึงแวะเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อชวนเด็กๆชั้นประถมปีที่6 เรียนภาษาอังกฤษกับเธอฟรี"เด็กๆ พี่นี
"อื้ม.. ฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้กินไข่เจียวฝีมือคุณหนูดาวเนี่ย นี่ถ้าคุณแม่แกรู้ว่าแกหัดเข้าครัวทำตัวเป็นแม่บ้านศรีเรือนคงดีใจแทบน้ำตาไหลแน่เลย"หลังจากที่สอนให้ดารารินทร์ลองผิดลองถูกกับการทำไข่เจียวมาพักใหญ่ พิชชาอรก็ได้ทานไข่เจียวสีสวยกลิ่นหอมละมุนฝีมือของเพื่อนเธอเสียที“นึกว่าวันนี้จะได้กินไข่เจียวทูโทนซะแล้วนะเนี่ย”ณัฐวดีมองไข่เจียวสีสวยในจานตาเป็นประกาย ภาพไข่เจียวในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้าหากไปอยู่ที่อื่นมันอาจจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของดารารินทร์คุณหนูที่หยิบจับอะไรในครัวไม่เป็นเลยหัดทำไข่เจียวเป็นวันแรกก็ทำได้ดีขนาดนี้มันเลยดูพิเศษสำหรับเธอพอสมควร"เมื่อก่อนที่ฉันไม่อยากทำก็เพราะไม่ชอบไอร้อนๆกลัวตัวเหม็น แต่พอได้ลงมือฉันว่าการทำอาหารก็สนุกดีนะ ตอนนี้อยากทำเป็นอีกหลายๆเมนูเลย"ดารารินทร์ยิ้มกว้างปลื้มปริ่มกับไข่เจียวตรงหน้ามากๆ การเข้าครัวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่าวที่เธอเคยคิด กลับรู้สึกสนุกมากๆจนอยากเรียนรู้และทำเมนูอื่นเป็นเร็วๆหลังจากเพื่อนๆกลับบ้านกันไปหมดแล้วดารารินทร์ก็ออกมายืนมองวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ยามค่ำคืน ภาพที่เธอเคยเห็นว่ามันสวยงามกลับไม่เป็นเช่นเดิม ตอนนี