"โหย...เห็นราคาข้าวสารอิน้ำหวานจะเป็นลม อยากแบกใส่กระสอบขึ้นเครื่องบินมาจริง ๆ เลยแม่จ๋า แพงปะล่ำปะเหลือ แพงโพดแพงโพ" น้ำหวานบ่นปอดแปดไม่ได้หยุดตั้งแต่รอขึ้นลิฟต์จนถึงอยู่ในลิฟต์ โดยไม่สนใจว่ามีผู้โดยสารท่านอื่นอยู่ด้วย (ฝรั่งเขาไม่เข้าใจภาษาเราหรอก บ่นเต็มที่ไปเลยลูก >~<)
"เอาน่า...เรา 2 คนก็หุงแต่พอกินไงเหลือก็เก็บเข้าตู้เย็นแบบที่อยู่บ้านลุงกรณ์น่ะ ก็กินอย่าทิ้งไง" สาวสวยคนข้าง ๆ เอ่ยขึ้นพวกเธอน่าจะเดินกันมาไกลพอสมควรทำให้แก้มใส ๆ ของทั้ง 2 ออกสีระเรื่อขึ้นอย่างน่ารัก
"ไม่รู้เขาจะให้เราจ่ายค่าไฟรึป่าวเนาะ ถ้าจ่ายนะ เรามานอนห้องเดียวกันนะหุงข้าวทำกินห้องเดียวเลยจะได้ประหยัดสิ้นเดือนเราก็หารกัน" น้ำหวานพูดขึ้นพร้อมกับวางแผนในใจ
"นั่นสิ คืนนี้เราต้องถามพี่มาร์คแล้วล่ะไม่ใช่อยู่กันคนละห้องพอสิ้นเดือนค่าไฟมากกว่าเงินเดือนก็ไม่ไหวนะ" ของขวัญพูดขึ้นอย่างวิตกพอกัน ทำให้ผู้ที่ได้ยินที่ยืนอยู่ข้างหลังยกยิ้มอย่างเอ็นดูกับความประหยัดถึงขั้นงกของ 2 สาว
"นี่หวาน... หวานว่าเขาจะให้เราใส่ผ้าใบในออฟฟิศมั้ย ถ้าจะให้ใส่สั้นสูงอย่างเดียวน้องขวัญไม่สู้นะ น่องโปร่งกัน
Sila part9 ปีที่ไม่ได้เห็นหน้า พอเจอเธอวันนี้เธอยังขาวใสเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยครับ หน้าเรียว ๆ ตาโต ๆ ปากบางสีชมพูอ่อน ๆ แก้มป่อง ๆ น่าฟัด เด็ก 13 เคยเป็นยังไง เด็ก 21 ย่าง 22 ก็ยังเป็นอย่างนั้น มือบาง ๆ ข้อมือเล็ก ๆ ที่เห็นเส้นเลือดชัดเจนนี่ก็ยังเหมือนเดิม นาฬิกาที่เธอใส่ข้างซ้ายทับปานรูปหัวใจเล็ก ๆ ที่ข้อมือก็ยังใส่เหมือนเดิม ต่อให้เพื่อนผมจะแนะนำเธอว่า ของขวัญ หรือ คิตตี้ แต่สำหรับผมก็คือยายตัวเปี๊ยกที่นั่งคุยกับมดไทยเป็นภาษาอังกฤษเมื่อ 9 ปีก่อนอยู่ดี คิดถึงครับ คิดถึงเสมอสมกับชื่อของเธอจริง ๆ"คิตตี้ ~ คิตตี้ ทักทายเพื่อนพี่มาร์คเค้าสิ ภาพตัดอีกหรือไงเนี่ยแก" น้ำหวานเขย่าเพื่อนพร้อมกับถามข้างหูเสียงเบาแล้วหันมายิ้มแหยให้ผู้มาใหม่ "ขอโทษด้วยนะคะคุณศิ เพื่อนหวานน่าจะช็อตฟิลด์ไปแล้วล่ะค่ะ อาจเสียมารยาทนิดนึงนะคะ ฮี่ ๆ" น้ำหวานหันมาคุยพร้อมกับยิ้มอย่างอาย ๆ"คะ...ครับ แล้วดื่มกันนานแล้วหรือครับถึงได้เมาเร็วจัง" *ไม่ได้สนใจจะมองพี่ซักหน่อยเลยนะครับยายเปี๊ยก*"พี่มาร์คพามาซักพักนึงแหละค่ะ ก็ดื่มไม่มากอะไรแต่วันนี้เราเดินเยอะไปหน่อยคิตตี้เลยน่าจะเหนื่อย"
"เฮ้ย! ไอ้ศิ มึงมอมน้องปะเนี่ย" มาร์คพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อมองหน้าหญิงสาว"ไม่หรอกค่ะพี่มาร์ค น้องดื่มเพิ่มอีกแค่แก้วเดียวเองค่ะ มันเป็นของมันเอง" ของขวัญรีบแก้ตัวแทนชายหนุ่มเพราะกลัวมาร์คจะด่าเพื่อน"คิตตี้เป็นแบบนี้ประจำค่ะพี่มาร์ค ดื่มแก้ว 2 แก้วก็แดง พี่โรมถึงไม่อยากให้ดื่มไงคะ" น้ำหวานพูดขึ้นยืนยันอีกคน"โรม?" ศิลาเลิกคิ้วทวนชื่อเพื่อน"ค่ะ พี่โรมเพื่อนพี่มาร์คที่ไทยค่ะ เขาเปิดร้านเหล้าเราเข้าไปทีไรโดนดุแทบทุกรอบเพราะความแดงของยัยนี่นี่แหละ ยังไม่เมาเลยโดนสกัดดาวรุ่งตลอด" น้ำหวานว่าขึ้นอย่างร่าเริงพร้อมกับยกแก้วตัวเองจิบบาง ๆ"ไปบ่อยเลยหรือไง" เสียงทุ้มเอ่ยถามตามองแก้มระเรื่อของคนที่นั่งตรงข้ามอย่างหลงไหลจนมาร์คที่นั่งข้าง ๆ สังเกตได้"ไม่บ่อยค่ะ ถ้าพี่โรมหรือเฮียเทนไม่เข้าร้านเราก็ไม่ไป แต่ถ้าพี่โรมเข้าร้านเราถึงจะขอคุณปู่ไปค่ะแล้วไปนอนบ้านหวาน" ของขวัญเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับยกแก้วขึ้นจิบบาง ๆ"สนิทกันมากเลยหรือ?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามพร้อมกับยกแก้วขึ้นจิบเพื่อนของเขามาหาเขาที่นี่ก็บ่อย แต่ไม่เคยพูดถึงของขวัญให้ฟังเลยซักครั้ง"ก
รุ่งเช้าศิลามาตามที่นัดหมาย ชายหนุ่มเดินอ้อมด้านหลังของอพาร์ตเมนต์แล้วขับรถมาจอดด้านหน้าก่อนจะเดินเข้าไปรอ 2 สาวก่อนถึงเวลานัดที่ใต้ตึก วันนี้ 2 สาวแต่งชุดสบาย ๆ ด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขายาวสะพายกระเป๋าใบเล็ก โดยที่ของขวัญสวมเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ที่ชายหนุ่มคุ้นตามาด้วย"จะเอาเสื้อตัวนี้ไปด้วยจริงดิ ไหนว่าจะเอามาคืนคุณศิลาเค้าไง" น้ำหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่เสื้อตัวโคร่งของเพื่อน"ค่อยคืน พาไปเที่ยวก่อน" ของขวัญเอ่ยขึ้นพร้อมกับรูดแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกทั้ง 2 ข้าง"จะพาเที่ยวเพื่อ? คุณศิลาเขาอยู่ที่นี่มาจะ 10 ปีแล้วมั้ยป่านนี้ไม่ไปครบทุกเมืองแล้วเหรอ" น้ำหวานเอ่ยขึ้น"ขนาดป่วยยังไม่หยุดจะมีเวลาไปไหน วันนี้วันหยุดศิลาก็ยังนัดประชุมเลย ไม่งั้นพี่มาร์คก็ได้ไปกับเราแล้วสิ" ของขวัญเถียงเพื่อนเมื่อเดินมาถึงที่ชายหนุ่มยืนรออยู่ "คุณศิ สวัสดีค่ะ" เอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ ซึ่งน้ำหวานก็ทำตามเพื่อนอย่างว่าง่ายพอกัน"ทำไมใส่เสื้อตัวใหญ่จัง" ศิลาแกล้งถามขึ้นแต่ก็แอบยิ้มกับบทสนทนาที่แสนน่ารักของคนทั้งคู่ *เออ...คนไม่ได้ไปพาเสื้อเที่ยวก็ได้ว่างั้น*"เ
khongkhan talkวันจันทร์สดใส วันเริ่มต้นของการฝึกงานก็มาถึงแล้วค่ะทุกคน หลังจากที่วันเสาร์ที่ผ่านมาคุณศิเพื่อนของพี่มาร์คพาไปเที่ยวรอบเมือง ถ่ายรูปเยอะมาก.... ส่งไปให้หม่ามี้ที่อเมริกาแล้วก็ส่งให้คุณปู่ คุณลุงคุณป้าดูด้วยแหละ จะได้รู้ว่าน้องขวัญมาถึงลอนดอนแล้วนะเผื่อไม่ได้อยู่นาน แต่ก็ไม่แน่นะบางทีศิลามีครอบครัวแล้วอาจจะใจเย็นลงบ้างก็ได้เนอะ ก็สัญญากับตัวเองว่าจะพยายามไม่ดื้อ ไม่เถียงให้ศิลาเห็นค่ะ แล้วตำแหน่งที่ฝึกเนี่ยก็คือผู้ช่วยพี่มาร์คที่วันนี้พี่มาร์คมีสอนเช้า จะเข้าออฟฟิศตอน 11 โมงเราคุยกันแล้วว่าจะกลับมากินข้าวเที่ยงที่ห้องด้วยกัน ยายหวานทำกับข้าวไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจ้า คือมาถึงก็เวฟกินได้เลยเจียวไข่อีกหน่อยก็เลยชวนพี่มาร์คมากินด้วย โชคดีหน่อยวันนี้ถึงพี่มาร์คจะไม่อยู่แต่แกให้ Hr. ของที่นี่มารับเราที่อพาร์ตเมนต์เลยค่ะ ซึ่ง Hr. ที่นี่เป็นผู้ชายค่ะชื่อคุณจอห์นสัน เป็นผู้ชายวัยกลางคนใส่แว่นค่อยข้างหนาทีเดียวและตอนนี้น้องขวัญกับน้ำหวานกำลังเดินจูงมือกันตามคุณจอห์นสันมาถึงออฟฟิศแล้วค่ะ เห็นบอกว่าแผนกที่หวานทำงานอยู่ชั้น 6 ส่วนห้องทำงานของพี่มาร์คอยู่ชั้น 7 ค่ะ และคุณจอห์
"ไม่ต้องไล่นะ ไปเองได้" ของขวัญเอ่ยขัดขึ้นพลางหันหลังเดินหยิบกระเป๋าตัวเองเดินผ่านชายหนุ่มไปที่หน้าประตู ศิลาได้สติรีบคว้าเอวหญิงสาวเอาไว้ จนร่างบางกระแทกเข้ากับอกแกร่งค่อนข้างแรง (ดึงไม่ได้แรงแต่คนโดนดึงตัวเล็กอะเนาะ ก็ปลิวสิพ่อ)"เดี๋ยว...จะไปไหน""จะกลับบ้าน! ปล่อยนะเดี๋ยวนี้นะ ศิลา!" ตอบพร้อมกับออกคำสั่งเสียงห้วนหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ชายหนุ่มหันมองที่ประตูซึ่งมีพนักงานยืนอ้าปากค้างที่เห็นท่านประธานใหญ่ยืนกอดเอวหญิงสาวผู้มาใหม่อยู่ในห้องของผู้ช่วยและมีเลขาส่วนตัวยืนอยู่ข้าง ๆ"กลับไปทำงานกันได้แล้ว" เสียงห้วนเอ่ยสลายฝรั่งมุง ซึ่งแต่ละคนต่างลนลานกลับเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองทันที "น้ำหวานกลับไปที่แผนกซะ" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนห่วงเพื่อน"แต่ว่า..." "ไม่มีอะไรเดี๋ยวจัดการเอง" ศิลาเอ่ยเสียงทุ้มกับน้ำหวานอีกรอบทำให้หญิงสาวจำต้องพยักหน้าแล้วหันหลังเดินกลับลงไปที่ห้องทำงานของตัวเองแต่ระหว่างนั้นก็ส่งข้อความหามาร์คที่เพิ่งสอนเสร็จและกำลังจะกลับเข้ามาในออฟฟิศ ทำให้ชายหนุ่มจากเดินกลายเป็นวิ่งด้วยความเป็นห่วงคนที่ตัวเองรักเหมือนน้องสาวทันที"ปล่อย!" เสียงห้
อพาร์ตเมนต์"ดีนะว่าไม่หักแค่ซ้นน่ะ" น้ำหวานพูดขึ้นหลังจากที่พาของขวัญไปหาหมอแล้วกลับมาถึงห้อง"วันนี้ก็พัก แขนหายค่อยไปทำงานพร้อมพี่" มาร์คบอกคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยมองแขนตัวเองอยู่ที่โซฟาข้างเพื่อน"ไม่ล่ะพี่มาร์คกลับบ้านเลยดีกว่า ยังไงศิลาก็ไล่แหละ รู้ สู้ไปเองก่อนดีกว่า ไม่เปลืองพลังงานทะเลาะ น้องขวัญจองตั๋วไว้แล้วค่ะ" ของขวัญเอ่ยขึ้นตาแดง ๆ ตั้งใจมาฝึกงานตามคำสั่งคุณปู่แท้ ๆ แต่ยังไม่ได้เริ่มเลย"ไม่รอถามศิลามันก่อนหรือไง""ถามทำไม ยังไงเค้าก็เลือกแฟนอยู่แล้วมั้ย พี่มาร์คจำไม่ได้เหรอ ตอนเด็ก ๆ น้องขวัญก็เคยโดนแฟนศิลาอุ้มไปทิ้งทีนึงแล้วนะ ครั้งนี้ก็โดนกระชากจนมือซ้นนี่ไง แถมโดนดึงผมเมื่อเช้ายังแสบไม่หายเลย คุณปู่บอกว่าศิลาเรียนเก่ง ฉลาดแต่กลับคบแต่ผู้หญิงแย่ ๆ แบบนี้คนแล้วคนเล่า เพราะแบบนี้หรือเปล่าถึงไม่พาแฟนกลับไทยซะที น้องขวัญไปเก็บของก่อนนะคะ ฝากพี่มาร์คดูแลยัยหวานดี ๆ นะ อย่าให้โดนแบบน้องขวัญอีกล่ะ" คนตัวเล็กพูดออกมาอย่างอัดอั้น พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องเตรียมเก็บของกลับบ้านตามความคิดของตัวเอง โดยคิดว่ากลับไปถึงบ้านแล้วค่อยจะโทรหาคุ
"ใครสอนให้กัดแบบนี้เนี่ย ถ้าไม่หยุดศิลาจะรัดให้เอวขาด 2 ท่อนเลยนะ" คนตัวโตกัดฟันเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระชับแขนขู่เหมือนจะทำจริง ๆ"ปล่อย... โอ๊ย! ทำไมต้องเจ็บตัวซ้ำ ๆ ด้วยเนี่ย ปล่อยได้แล้ว ปล่อย ๆๆ" เสียงเล็กอุทานขึ้นพร้อมกับกำปั้นน้อย ๆ ข้างที่ไม่เจ็บแล้วก็ไม่ถนัดทุบไปที่แขนแกร่งของชายหนุ่มพร้อมกับออกคำสั่งไปพร้อม ๆ กัน"ศิลาไม่ให้ไปนี่คือคำสั่งของศิลา" เสียงเข้มห้วนเอ่ยจากปากของชายหนุ่มพร้อมกับจ้องหน้าคนตัวเล็กที่เงยหน้ามองด้วยสายตาเอาเรื่อง"ปล่อย... เดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่งของน้องขวัญเหมือนกัน" เสียงหวานแบบพยายามดุเอ่ยสั่งคนตัวโตอย่างไม่ยอมพอกันพร้อมกับจ้องกลับอย่างเอาเรื่อง"ดุมากนะยายเปี๊ยก แล้วทำไม 9 ปีถึงได้ตัวเท่าเดิม ปีนแต่ต้นมะม่วงมะปรางไม่มีเวลากินข้าวเลยรึไง หื้ม..." เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับบีบจมูกแดง ๆ ของคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว ซึ่งคำพูดของชายหนุ่มทำให้ของขวัญอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะรู้ว่าตัวเองชอบซนปีนต้นไม้เล่นกับน้ำหวานแถมยังช่วยเพื่อนรับจ้างปีนเก็บผลไม้ด้วย"กิน แต่มันโตได้แค่นี้ ปล่อยน้องขวัญได้แล้วศิลา มันจะไม่ทันเครื่องแล้ว" ค
"อืม...ลิฟต์ มันจะเปิดแค่ที่นี่กับที่ห้องทำงาน บางทีศิลาทำงานลืมเวลาโดนขังในตึกบ่อย ๆ ห้องนี้มันเป็นห้องทิ้งขยะเก่าที่ไม่ได้ใช้ ศิลาเลยทำให้มันเป็นลิฟต์ส่วนตัวซะ มันสะดวกดี" ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับลิฟต์กระพริบไฟสีแดงเป็นสัญญาณเปิดประตูทั้ง 2 จึงก้าวเข้าไปข้างในที่ของขวัญสังเกตว่าในลิฟต์มีแค่ 2 ปุ่มเท่านั้นคือ ขึ้นและลง และเพียงไม่นานลิฟต์ก็เปิดออกที่ห้องทำงานของชายหนุ่มตามที่บอก ของขวัญก้าวออกมาจากลิฟต์พลางมองห้องทำงานของชายหนุ่ม มันเหมือนออฟฟิศส่วนตัวที่มีทุกอย่างอยู่ด้านใน ด้านหลังยังเป็นตู้โชว์ขนาดใหญ่จรดเพดาน โชว์ประเภทถ้วยรางวัลต่าง ๆ และเครื่องเบญจรงค์ที่คุณปู่ชื่นชอบ โต๊ะทำงานรูปตัวแอลตัวใหญ่มีเอกสารต่าง ๆ วางอยู่อย่างเป็นระเบียบฝั่งซ้ายมือมีจอคอมพิวเตอร์ตั้งคู่กันถึง 2 จอและยังมีแล็บท็อปวางบนโต๊ะอีก 1 เครื่อง และตรงข้ามเป็นชุดรับแขกชุดใหญ่ กั้นด้านหลังเป็นที่รับประทานอาหารส่วนตัวที่ตอนนี้มีอาหารที่ชายหนุ่มสั่งมาวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว"กินข้าวกันก่อน ศิลามีเวลาอีก 20 นาที" ว่าพลางเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้คนตัวเล็กนั่งรินน้ำให้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วจัดการอาหารที่ตัวเองสั
หลังจากที่ทั้ง 2 ตกลงที่จะแต่งงานกันโดยความคิดของของขวัญนั้นอยากจัดงานเล็ก ๆ ในครอบครัวหลังจากที่เรียนจบ ป.โท (เน้นประหยัด) และจะมีลูกหลังจากนั้น แต่...ทางด้านท่านประธานศิลานั้นค้านหัวชนฝา หน้าชนกำแพงอย่างหนัก เพราะเขาต้องการจัดการงานใหญ่พร้อมกับงานเปิดตัวท่านประธานสาขาใหญ่ที่กรุงเทพในต้นปีหน้า (ซึ่งก็อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แหละ) และมีลูกเลย ^o^"งั้นศิลาก็หาเมียใหม่ไปเลยค่ะ น้องขวัญไม่ได้รีบ" คนตัวเล็กกอดอกพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"แต่พี่รีบพี่แก่แล้วนะอย่าลืมสิ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้กันพอดี" คนเริ่มแก่ค้านทันที"31 เรียกว่าแก่แล้วคุณปู่เรียกว่าอะไรคะ" หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอม"เรียกว่ามีอายุครับ แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันก่อน พี่ไม่ให้เปี๊ยกฉีดยาอีกแล้วนะ มันอันตรายเกิดมดลูกฝ่อไปนี่สูญพันธุ์ได้เลยนะ" คนอยากแต่งงานหาข้ออ้างร้อยแปดให้ผู้ใหญ่สงสาร"งั้นศิลาก็ป้องกันสิคะ น้องขวัญไม่ชอบกินยาแล้วยังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ค่ะ""โอเค งั้นพี่ป้องกันเองแต่เราต้องแต่งงานกันก่อน ไม่รอจบโท" คนเอาแต่ใจยังยืนยันความต้องการของตัวเอง"งั้นก็เ
"ทนทานขนาดนั้นเลย?" เสียงอู้อี้ถามคล้ายประชดดังเบา ๆ ที่ซอกคอ"ไม่ได้เรียกว่าทนทาน เขาเรียกว่าซื่อสัตย์ ก่อนมาจากไทยพี่มีเมียแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วก้มลงสบตากับคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างมองชายหนุ่มตาโตทันที"ฮะ!" *ซวยแล้วยัยของขวัญนรกกินกบาล นายทวารเขียนชื่อลงกระดูกหมาแน่ แอบกินผัวชาวบ้านจริง ๆ หรือวะเนี่ย ..>~<*"ครับ พี่มีเมียแล้ว อันนั้นเรื่องจริง" จบคำกำปั้นน้อย ๆ ทุบรัวลงที่อกแกร่งพร้อมกับน้ำตาเม็ดโต ๆ ไหลอาบแก้มเนียนของคนตัวเล็กทันที"คนบ้า... ทำไมทำแบบนี้ ทำไมถึงนอกใจภรรยาตัวเอง ออกไปจากบ้านน้องขวัญนะ ออกไปเลย" เสียงโวยวายปนสะอื้นพร้อมกับพยายามดิ้นลงจากตัก ชายหนุ่มกระชับแขนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มองหน้าคนขี้โวยวายอย่างใจเย็น *นั่นไง คิดเองเก่งจริง ๆ ยัยเปี๊ยกเอ๊ย! ...* ชายหนุ่มคิดในใจขำ ๆ"นี่ไงไม่ฟังให้จบ คิดเองเก่ง สรุปเก่งนะเราเนี่ย หื้ม ~" ว่าแล้วก้มลงจรดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากมนแล้วส่ายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ"ไม่ฟัง! ออก.." "เมียพี่ชื่อคิดถึงเสมอ" ชายหนุ่มเอ่ยสวนประโยคขับไล่ของคนตัวเล็ก "ตอนนั้นเธอเป็นเด็กอายุแค่ 13
ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในห้องถึงขั้นลนลานมองหาทางหนีทีไล่ขึ้นมาทันที ก๊อกแก๊ก! เสียงไขกุญแจด้านนอกทำให้คนในห้องยิ่งกลัว *หลบไหนได้วะเนี่ย...* คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมจนมิดหัวแล้วหลับตาปี๋เหมือนกำลังหลับจริง ๆ แก่ก! กรึ่บ! เสียงเปิดประตูเข้ามาตามด้วยเสียงปิดประตูลงกลอนพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่พยายามลงเท้าให้เบาที่สุดเดินตรงมาที่เตียงเล็กของหญิงสาว ของขวัญหลับตาแน่นพร้อมกับกลั้นหายใจอย่างลุ้นระทึกจนเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมที่ไรผมและปลายจมูก ฝ่ามือชื้นด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศในห้องค่อนข้างเย็นศิลาค่อย ๆ นั่งลงที่เตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากหัวของคนที่กำลัง (ทำท่า) หลับ มือหนาลูบหัวทุยอย่างเบามือแล้วก้มจูบที่ไรผมชื้นเหงื่อเบา ๆ อย่างแสนคิดถึง"หึ! รู้นะว่าไม่หลับ" คนตัวโตก้มลงพูดชิดแก้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นขนตายาวงอนกระพริบถี่ ๆ เหมือนเด็กที่กำลังแกล้งหลับหนีความผิด"ลืมตามาคุยกันก่อน พี่รู้ว่าเปี๊ยกเป็นอะไร" ชายหนุ่มพยายามพูดอย่างใจเย็น "......""หนีทำไม ทำไมไม่ร
"เอ็ดเวิร์ด!" "ครับบอส" เอ็ดเวิร์ดเปิดประตูเข้ามาทันทีเหมือนรอเรียก"สั่งพักงาน 2 คนนี้ 2 เดือน โทษฐานที่เผยแพร่ข่าวเท็จในบริษัท ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปอีกให้ไล่ออกไปเลย" เอ่ยสั่งเลขาเสียงห้วนแล้วหันมามอง 2 สาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา "แต่ถ้าพวกคุณจะลาออกผมก็ไม่ขัด ผมจะไม่เขียนรายงานพฤติกรรมพวกคุณในใบเวิร์คละกัน...ออกไปได้" เอ่ยจบพร้อมสั่งแล้วหันมามองแผนกการตลาดระหว่างประเทศที่ยืนก้มหน้าเงียบอยู่ด้านหลังโซฟา"ผมจ้างพวกคุณมาทำอะไร"ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเสียงห้วน พร้อมกับกัดปากล่างแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ที่สุด"กูถามเอง มึงพักก่อน" มาร์คพูดด้วยภาษาไทยให้ได้ยินด้วยกันแค่ 2 คนพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วกดบ่าไว้เบา ๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ตอนนี้กำมือแน่นน้ำตาเริ่มคลอหน่วย และอาจควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนครั้งที่ชายหนุ่มพุ่งจะทำร้ายแมรี่เมื่อตอนที่ของขวัญหายไป ตอนนั้นรั้งกัน 3 คนแทบไม่ไหวเพราะศิลาเป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มและออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วตอนนี้เขาแค่คนเดียวย่อมทานกำลังศิลาไม่ได้แน่นอน"อือ... มึงจัดการไปเลยไม่งั้นกูจะยุบแผนกนี้ซะ" ชายหน
ห้องทำงานของท่านประธาน เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษศิลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานตั้งแต่กลับมาจากทานข้าวกับแม่และเพื่อน ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ประโยคเดียวพร้อมทั้งสั่งยกเลิกประชุมแก้ไขงานภาคบ่ายและเลื่อนนัดลูกค้าทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด จนเพื่อนชายถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อทราบถึงคำสั่งดังกล่าว แต่ก็เข้าใจดีถึงสภาพจิตใจเขาตอนนี้...~~~~~~~~มือหนาเปิดลิ้นชักโต๊ะกลางหยิบกล่องเหล็กใบเล็กเก่า ๆ ที่ผูกริบบิ้นเป็นโบสีชมพูออกมาเปิดพร้อมทั้งหยิบสร้อยเส้นเล็กที่เขาตั้งใจจะคืนให้เธอในวันนี้ขึ้นมาดูด้วยสายตาเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อซึมที่หางตา จนต้องเก็บสร้อยเข้ากล่องแล้วเก็บลงไว้ที่เดิมก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องด้านหลังตู้โชว์ปิดลงกลอนและขังตัวเองอยู่ในนั้นเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปอันเล็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมานั่งมองนิ้วเรียวเขี่ยตรงรูปก้อนผ้าขนหนูสีชมพูเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนปนเศร้าแบบที่ไม่เคยมองใครมาก่อน"ศิ กูรู้แล้วนะน้องไปไหน" เสียงมาร์คร้องบอกอยู่หน้าประตูทำให้ชายหนุ่มรีบแหงนหน้ากระพริบตา
ครืด....ครืด....เสียงมือถือของน้ำหวานดังขึ้นทำให้เธอจำเป็นต้องล้วงออกมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนอย่างปรึกษา ของขวัญเม้มปากส่ายหน้าเบา ๆ เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมรับรู้ข่าวสารอะไรทั้งสิ้น น้ำหวานตัดสินใจโยนมือถือเครื่องเล็กของตัวเองไว้ที่โซฟาแล้วหันหลังให้เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกรอบครืด...ครืด...เสียงมือถือของของขวัญดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ ซึ่งทั้ง 2 มองหน้ากันของขวัญล้วงมือถือออกมาดูซึ่งคนที่โทรเข้ามาคือมาร์คเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจกดปิดเสียงแล้วโยนไว้ข้างมือถือของเพื่อนแล้วมองหน้าเพื่อนพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างตัดใจ "ปะ ไปกันเถอะ" ว่าจบก็จูงแขนกันลงลิฟต์ออกจากอพาร์ตเมนต์หาแท็กซี่ตรงไปสนามบินทันที"ทำไมไม่รับสายกันวะ" มาร์คพูดพึมพำมองหน้าจอมือถือของตัวเองอย่างหงุดหงิด"เป็นอะไรลูก น้องไม่รับสายหรือ" คุณหญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนลูกชาย"ครับแม่ สงสัยพากันกินข้าวแล้วปิดเสียงแน่ ๆ เลยครับ เดี๋ยวศิลามันมาถึงก็ค่อยไปรับน้องเลยละกันครับ" มาร์คว่าพร้อมกับกลับมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาเดิม"ก็ดี แม่จะได้พูดเองเลย ร
"แล้วถ้ามันไม่จริงล่ะคะ ถ้าคุณปะ...คุณหญิงท่านมาคนเดียว แต่จริง ๆ บอสเขาก็อยู่กับภรรยาเขาอยู่ทุกวัน มันก็เป็นข่าวเท็จนะคะแล้วถ้ามีคนเอาข่าวนี้ไปบอกภรรยาบอสว่าได้ยินมาจากแผนกเรามันจะซวยทั้งแผนกนี่น่ะสิ" น้ำหวานว่าขึ้นพลางเหลือบมองหน้าเพื่อนที่กำลังซีดเผือดอย่างห่วงใย"น้องหวานหมายถึงว่าบอสอยู่กับคุณโรซี่แแล้วน่ะหรือคะ" โอปอล์ว่าอย่างตื่นเต้น (ได้ข่าวใหม่ข่าวใหญ่อีกแล้วชั้น...>.<)"พี่ปอล์คิดว่าแฟนบอสคือคุณโรซี่หรือคะ?" น้ำหวานขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย"ก็บอสไม่เคยเดินกับใครเลยนอกจากคุณโรซี่นะคะ แฟนบอสจะเป็นใครได้ล่ะ แล้ววันนี้นะตอนที่พี่เอาเอกสารไปยื่นก่อนบอสออกไปข้างนอก บอสเซ็ตผมทรงใหม่ หล่อมาก..." โอปอล์ว่าขึ้นพร้อมกับลากเสียงยาวตอนท้ายแล้วทำตาลอยอย่างเพ้อฝัน ก่อนที่น้ำหวานจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะสงสารเพื่อนที่นั่งเงียบตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามา แล้วพากันแยกย้ายกันทำงานเมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงเช้า 2 สาวนั่งทำงานที่ห้องแผนกการตลาดระหว่างประเทศกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความเงียบของของขวัญที่เพื่อนเธอก็แอบชำเลืองบ่อย ๆ ด้วยความห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาว ข่าวเร
ในขณะที่ของขวัญกำลังหลับอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองด้วยความเพลีย วันนี้เธอมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้าย ๆ กับไม่สบายหลังจากที่เธอไปฉีดยาคุมกำเนิดมาเมื่อวันก่อน จนตอนเลิกงานเธอจึงชวนน้ำหวานไปหาหมออีกรอบและคำตอบที่ได้คืออาจเป็นผลข้างเคียงมาจากยาที่ได้รับ อาจจะมีอาการแบบนี้ไปอีกซักระยะและอาจทำให้อารมณ์ช่วงนี้ไม่คงที่มากนักเนื่องจากฮอร์โมนกำลังปรับสภาพ และเมื่อกลับมาถึงห้องหญิงสาวเลยขอเพื่อนดื่มแค่นมกล่องเดียวแล้วกินยานอนเลย แต่ต้องสะดุ้งตื่นเอากลางดึกเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างมากอดรัดเธออย่างแรงจนรู้สึกอึดอัด"อื้อ ~ เมามาหรือเปล่าคะเนี่ยกลิ่นหึ่งเลย" เสียงอู้อี้ดังจากปากคนหลับพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะตัวเอง"ดื่มมานิดหน่อย คืนนี้พี่นอนนี่นะ" เสียงทุ้มเอ่ยข้างหูพร้อมกับยกมือขึ้นดึงผ้าออกจากหัวคนตัวเล็กห่มให้ถึงคอแล้วหอมแก้มคนหลับเบา ๆ อย่างคิดถึง"อือ…" เสียงครางตอบรับเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างค่อย ๆ สอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้คอคนหลับ อีกข้างรั้งเอวบางเข้ามาแนบตัวเบา ๆ แล้วกดจมูกลงที่กลุ่มผมสลวยอย่างชื่นใจ"หัน
"เอ่อ... *จะบอกว่าไปหาหมอก็ไม่ได้อีกสิ บอกว่าไงดีวะ...* (ของขวัญคิดในใจพลางสบตาเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ) คือว่า..." "พากันไปร้านดอกไม้มาค่ะ ยัยน้องขวัญเอาดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปให้ร้านอบแห้งให้แล้วบ่นจนหูหวานชาได้ยินเสียงวิ้ง ๆ จนเลิกงานเราเลยไปหาหมูกระทะมาเยียวยาค่ะแหะ!" น้ำหวานเอ่ยยืดยาวพร้อมกับยิ้มแหย ๆ ช่วยเพื่อนเต็มที่ พวกเธอคุยกันแล้วว่าเรื่องที่เธอไปแอบคุมกำเนิดมาจะให้ชายหนุ่มรู้ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่มีข้ออ้างในการหลบหลีกแต่คำพูดของน้ำหวานทำเอาเจ้าของช่อดอกไม้ถึงกับยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที พร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากคนตัวเล็กเบา ๆ อย่างเอ็นดูความน่ารักของเธอ"แล้วทำไมเอริน่าบอกว่าพวกเราไปคุยกับโฮสต์" มาร์คเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กในอ้อมกอดเพื่อน *เออ...กอดเข้าไป หอมเข้าไป มึงจะรวมร่างกับน้องกูในลิฟต์เลยมั้ยไอ้ท่านประธาน...* มาร์คคิดในใจอย่างหมั่นไส้เพื่อน"ก็..." ติ๊ง! ลิฟต์ถึงชั้นที่พวกเธอทำงานพอดี "มาร์คมึงปิดเลยขึ้นไปคุยให้รู้เรื่อง" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเพื่อนพร้อมกับกระชับเอวคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น"แต่หวานขอลงได้มั้ยคะ หวานต้องไปทำงานค่ะบอส" น้ำหวานเอ่ยขึ้นเสียงเบา