ครืด...ครืด....ครืดเสียงโทรศัพท์ที่ฉันตั้งสั่นไว้เคลื่อนไหวรัว ๆ ฉันนิ่วหน้าก่อนยกขึ้นมาดูเป็นไวท์อีกแล้ว ดูเหมือนการที่ฉันเงียบหายไปมันทำให้เขากระวนกระวาย เพราะวันนี้ทั้งวันสายเรียกเข้าขึ้นเตือนสองร้อยกว่าสายที่ยังไม่ได้รับ ฉันเม้มปาก จ้องมองไฟกะพริบบนหน้าจอ“เป็นอะไรปาย”ไมค์ที่กำลังดูหนังหันมามองฉัน ถามด้วยความสงสัย“เปล่า ไม่มีอะไร” ฉันวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ คว่ำหน้าจอไว้ มันก็ยังสั่นไม่หยุด“ใครโทร.มา ฉันเห็นมันสั่นทั้งวัน....อย่าบอกนะว่า”“อือ...ไวท์” ฉันเคยเล่าเรื่องไวท์ให้ไมค์ฟังไมค์จึงพอจะจำได้“รับสายซะดังทั้งวัน ฉันรำคาญ คุยเสร็จต้องเล่าให้ฉันฟัง” ไมค์บอกก่อนหันไปสนใจหนังต่อฉันถอนหายใจ ใจหนึ่งก็อยากจะปิดเครื่องไปซะ อีกใจก็อยากรับ อยากรู้ว่าเขาจะว่ายังไงกับการที่ฉันหายไปทั้งวันแบบนี้ สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับฉันกำลังจะอ้าปาก เสียงในสายกลับดังขึ้นก่อน“สนุกมากสินะ ปั่นหัวกันเล่น”ฉันทำหน้างง ดึงโทรศัพท์มาดูเบอร์บนหน้าจอ...เป็นเบอร์ไวท์ แต่ จู่ ๆ เขาก็พูดจาแปลก ๆ แถมเสียงอ้อแอ้ ไปเมาหัวราน้ำที่ไหนมาอีกล่ะ ฉันคิดก่อนจะส่งเสียงตอบกลับ“ถ้าเมาไม่ต้องมาคุย หายเมาค่อยโทร.มาละกัน”“ห
“ฉันโง่จริง ๆ นั่นแหละ ฮึ่ก...วะ..ไวท์เข้าหาฉันก็เพราะต้องการแก้เผ็ด แต่ฉันก็ยังโง่ หลวมตัวไปรักเขา วาดฝันถึงวันที่เราจะได้คบกันจริงจังในสถานะแฟน ฮือ”ฉันร้องไห้ไปเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ไมค์ฟัง ไมค์รับฟังฉันเงียบ ๆ พอฉันเล่าจบ ไมค์ก็พูดขึ้น“ดีแล้วที่แกคิดได้ถอยออกมา ตัดใจซะ เจ็บตอนนี้อาจจะใช้เวลาแต่อีกหน่อยมันก็หาย อย่าถลำลึกไปกว่านี้เลย”“ฉันก็กำลังพยายาม...” ฉันสูดน้ำมูก พยักหน้าเห็นด้วยกับไมค์ทุกอย่าง“ดีแล้ว” ไมค์ลูบหลังปลอบฉัน “จะให้ช่วยอะไรก็บอก”“บางทีอาจจะให้ไมค์ไปรับปายที่มหา’ ลัยบ้าง พอเจอไวท์ช่วยแสดงบทแฟนหนุ่มให้เต็มที่ละกัน”“ได้สิ ก็เราเป็นแฟนกันอยู่แล้วนี่ มันหน้าที่แฟนอย่างฉันอยู่แล้วย่ะ”ฉันที่กำลังร้องไห้อยู่หลุดขำกับท่าทางกรีดกรายของไมค์“แฟนหนุ่มฉันต้องเข้ม ๆ หน่อยสิ อกผายไหล่ผึ่ง เวลาไปหาฉันที่คณะอย่าหลุดแอ๊บจับผู้ชายที่ผ่านทางไปกินล่ะ”“ยายบ้า!” ไมค์มองค้อน ทำหน้าตาโอเวอร์จนฉันหัวเราะ ฉันรู้ว่าไมค์เห็นฉันกำลังทุกข์ใจจึงเป็นที่ระบายและปลอบโยนฉัน ฉันกอดไมค์ก่อนเอ่ยอย่างซึ้งใจ“ขอบใจนะไมค์เช้าวันต่อมาฉันไปมหา’ ลัยตามปกติ ขณะกำลังเดินเข้าตึกก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเ
เราจ้องตากันไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายไวท์ก็กระชากต้นแขนฉัน ทั้งดึงทั้งลากจนไปถึงลาดจอดรถ ฉันพยายามสะบัดตัว ตอนนี้ไม่สนใจว่าใครจะมองปากก็ด่าเขา สาปส่ง แต่ฉันสู้แรงไวท์ไม่ได้ ไวท์จับฉันแน่นบีบจนแขนฉันแทบแหลกคามือเขา พอถึงรถบีเอ็มสีดำของเขาจอดรออยู่ ไวท์เปิดประตูพร้อมกับผลักฉันเข้าไปอย่างแรงก่อนจะอ้อมมาทางคนขับแล้วรถก็กระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว“ไอ้บ้า! จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เชี่ยไวท์!” ฉันตะคอก ร่ายคำด่าเท่าที่จะสรรหามาได้“หุบปาก! นั่งนิ่ง ๆ ซะ ขืนยังดีดดิ้นพ่อจะแหกโค้งให้รู้แล้วรู้รอด!”ไวท์หันมาตะคอกฉันบ้าง ฉันชะงักกึก ดูเหมือนเขาจะโกรธและโมโหอย่างมาก แล้วยังไงล่ะ ฉันไม่ผิดสักหน่อย เขามันก็ดีแต่ขู่ ฉันหยุดแผลงฤทธิ์ ยังไงชีวิตน้อย ๆ ก็สำคัญกว่า ขืนหมอนี่เกิดบ้าขึ้นมาแหกโค้งจริง ๆ ฉันก็ตายน่ะสิ ฉันหยุดดิ้นรน ตัดสินใจเก็บแรงไว้สู้ทีหลังดีกว่าความเร็วของรถพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันแทบจะจิกเบาะด้วยความเกร็งกลัวว่ามันจะหลุดโค้งที่ไหนสักแห่ง ไวท์ตั้งหน้าตั้งตาขับตามเส้นทางเรื่อย ๆ ฉันมองป้ายเส้นทางมุ่งหน้าไปชลบุรี ฉันเม้มปาก ยอมรับว่าตัวเองช่างบ้าดีเดือดที่ยั่วให้เขาโกรธ แต่ใครใช้ให้เขาหลอกฉันก่อน
“เข้าบ้าน เห็นป่ะฝนจะตกแล้ว” ผมจับต้นแขนปายไว้ ฉุดกระชากลากถูเข้าไปในตัวบ้าน ปายตัวเล็กสู้แรงผมไม่ได้หรอกเสียงฟ้าร้องและลมตีเข้ามา ปายทำเสียงฮึดฮัดพอรู้ว่าสู้แรงผมไม่ได้จึงยอมเดินเข้าไปในบ้านแต่โดยดี ผมผลักปายนั่งลงบนโซฟาก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นในห้องครัว มีแค่เหล้าเบียร์กับน้ำเปล่าที่แช่ไว้ บ้านหลังนี้บางทีผมก็ชวนพวกไอ้รบมาก๊งเหล้ากัน ส่วนพ่อผมนะเหรอ หึ ไม่มีเวลามาพักผ่อนหรอก ผมหยิบเบียร์เย็นเจี๊ยบมาหนึ่งกระป๋อง เปิดฝาแล้วยกขึ้นดื่ม ก่อนหยิบน้ำในตู้มารินใส่แก้วแล้วเดินออกไปหาปายปายนั่งกอดอกหน้าบึ้ง ผมล้มตัวลงนั่งด้านข้างก่อนยื่นแก้วน้ำให้“กินน้ำก่อนนะปาย”“ไม่!”ปายผลักมือผมทันทีจนน้ำกระฉอกรดมือผม ผมวางแก้วน้ำลงโต๊ะอย่างแรง เออ ไม่กินก็ไม่ต้องกิน พยศนักพ่อจะปราบให้เชื่องเลย ผมนึกในใจ“ตามใจ” ผมทำเสียงเรียบเรื่อย นั่งเท้าคางมองปาย จงใจยั่วโมโห“พาเรากลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ” ปายหันมาตวาดผม ผมยักไหล่“ไม่กลับ...ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่อง”“ตกลงจะเอาไง”“ไม่เลิก และจะไม่เป็นแค่ชู้ของปายด้วย” ผมบอกหน้าตาย“นายมัน!” ปายสบถ “หน้าด้าน!”“เออสิ ด้านแล้วไง ดีกว่าคนบางคนสัญญาอะไรไว้แม่งไม่ทำ สุดท้ายก็
เขาก้มหน้ามาพลางส่งเสียงเย้ยหยัน ถ้อยคำร้ายกาจของเขากรีดใจฉันจนเป็นแผลลึก“จะทำก็รีบทำ ครั้งเดียว แล้วก็รีบไสหัวไปจากชีวิตฉันซะ”ฉันตอบโต้ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อน อยากจะทุบตี ตบหน้าเขาสักฉาด เขามันเลว“ใครว่า.... คืนหนึ่ง ไม่ใช่ครั้งเดียว” เขาก้มหน้ามาใช้ริมฝีปากเช็ดคราบน้ำตาฉันอย่างจาบจ้วง “ถ้ามันก็อาจจะหลายครั้ง... หลายรอบ”“เลว! เหี้ย!” ฉันตวาด หลบใบหน้าหลีกหนีสัมผัสของเขา“ด่าไปเถอะ” ไวท์ส่งเสียงเย็นชา ก่อนเลื่อนใบหน้ามาสูดดมกลิ่นกายฉันตรงซอกคอ ขนอ่อนตามตัวฉันลุกชัน ทั้งหวาดกลัวและสั่นสะท้านไปกับสัมผัสของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดตรงคอ ไวท์ดูดเม้มซอกคอฉันอย่างแรงจนฉันเจ็บ เขากัด ขบดึงจนพอใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉัน ดวงตาดำขลับฉายแววเยาะ“จะเหี้ย จะเลว อีกหน่อยก็เป็นผัวเธอ”ไวท์พูดจบก็ดึงผ้าขนหนูที่ผูกเป็นปมตรงหน้าอกฉันออก เผยทรวงอกขาวสล้าง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกระทบตัวจนฉันสั่นสะท้าน ตอนนี้ฉันเปลือยกายโดยไม่มีอะไรปิดบัง ตอนอยู่ห้องน้ำฉันพอทำใจได้แต่พอเผชิญหน้ากับไวท์จริง ๆ ก็ยังรู้สึกอดสู อดสมเพชตัวเองไม่ได้อยู่ดี ฉันหลับตาลงไม่อยากมองหน้าเขาอีกต่อไป หวังว่าทุกอย่างมันจะจบอย่างรวดเร็
White Talkผมสูดปากเมื่อความอ่อนนุ่มนั้นตอดรัดแก่นกายผม ชั่วขณะที่สอดเข้าไปมันทั้งตึงแน่น คับแคบบีบรัดจนผมแทบระเบิด พอปายร้องด้วยความเจ็บปวดผมจึงรู้ ช่องทางรักที่ผ่านเข้าไปอย่างยากลำบากเป็นเพราะเธอไม่เคย....“ฮึก ปายเจ็บ เอาออกไปนะ... “ปายส่งเสียงแผ่ว พลางตบตีผม ทั้งผลักทั้งดัน พอเธอขยับในกายก็ยิ่งตอดรัดจนผมเผลอตอกย้ำ ขยับเอวลงไป“ชู่ว์ ปาย อย่าดิ้น” ผมร้องห้ามเสียงพร่า ก้มลงไปจูบซับเหงื่อตรงขมับให้ “อย่าเกร็ง เดี๋ยวมันจะดีขึ้น”ผมเลื่อนมือไปปลุกเร้าด้านล่าง ใช้นิ้วโป้งเสียดสีปุ่มรักของปายให้รู้สึกร่วมไปกับผม“อื้อ วะ ไวท์...”“รู้สึกดีขึ้นใช่ไหมที่รัก ไม่เกร็งนะ”ผมปลอบ พลางขยับเอว ปายโอบกอดผม ร่างกายของเราสองคนชื้นไปด้วยเหงื่อ“อา…อ๊ะ!!”ปายส่งเสียงครางซ้ำก่อนเลื่อนมือมาจิกบ่าผมไว้แน่น อารมณ์ผมตอนนี้มันพุ่งแรงสุด ๆ อยากจะกระโจน จาบจ้วงไปกับความตอดรัดแต่ก็กลัวปายจะเจ็บ“อืม...ค่อย ๆ ขยับ ที่รัก...ไวท์สัญญามันจะไม่เจ็บ”ผมค่อย ๆ ขยับเข้าออก พอเข้าที่ปายก็เริ่มขยับตอบ ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มแดงก่ำไปด้วยไฟปรารถนา ริมฝีปากบวมเจ่อน่าลิ้มลองจนผมโน้มตัวไปดูดดื่ม สอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานด้านใ
มองตัวเองผ่านกระจก ร่างกายมีแต่ร่องรอยฝากรัก ซอกคอ...ทรวงอก แดงเป็นจ้ำจนน่าตกใจ ฉันถอนหายใจยาว มาถึงตอนนี้จะเสียใจไปทำไม ก็ตัดสินใจเองนี่ พอคิดได้ก็เดินเข้าไปชำระร่างกาย อาบน้ำเสร็จหยิบชุดนักศึกษาตัวเองที่ทิ้งไว้บนราวตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้มันคงมีกลิ่นเน่าหน่อย ๆ ทำไงได้ล่ะ ใส่ ๆ มันไปก่อน ถึงบ้านค่อยเปลี่ยน ฉันคิด ขณะหยิบมันมาสวมใส่ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันเปิดประตูแล้วเดินออกมา สายตามองไปยังเตียงนอน ไวท์ยังคงหลับลึกไม่รู้สึกตัว ฉันเดินเข้าไปใกล้เขา มองใบหน้าคมสันที่หลับตาพริ้ม อยู่ในห้วงนิทราอย่างเป็นสุขจบกันเสียที ทุกสิ่งที่ฉันทำร้ายเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ วันนี้ฉันได้ชดใช้ให้เขาหมดแล้ว หวังว่าเขาจะรักษาคำพูดไม่มาข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับฉันอีกฉันปิดไฟในห้องแล้วเดินออกมาจากห้องนอน ค่อย ๆ ปิดประตู เดินจนออกมานอกบ้าน ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ตอนนี้น่าจะเช้ามืด พายุฝนโหมกระหน่ำเมื่อคืนทำให้เช้านี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ฉันเดินสูดอากาศยามเช้าริมทะเล กอดตัวเองด้วยความหนาวยามเมื่อลมพัดมายืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก่อนเหลียวมองไปทางบ้านพักเป็นระยะ คอยสังเกตว่าไฟในบ้านจะเปิดเมื่อไร กลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาพอไม่เจอ
ผลัวะ!!ผมสะบัดหน้าไล่ความมึนงง ยกมือห้ามพี่เชนที่จะเข้ามาอัดผมซ้ำ“เดี๋ยวสิพี่! มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด...”ผลัวะ!!พี่เชนไม่ฟังผม เข้ามาอัดซ้ำไม่ยั้งจนผมล้มลง ผมพยายามยกมือปัดป้อง เชี่ยเอ๊ย! จะตอบโต้ก็ไม่ได้ นี่พี่เมีย และผมก็ผิดจริง ผมส่งสายตาให้ปายที่ยืนเกาะขอบประตูมองผมถูกพี่เชนอัดปายสบตาผมก่อนเบือนหน้าหนีฉิบหาย โดยพี่เมียอัดไม่พอ เมียยังโกรธผมอีก...เสียงตุบตับดังรัว ๆ ผมทั้งเจ็บทั้งมึน อยากสวนไปสักทีแต่กลัวเวลาง้อเมียพี่เชนจะต้องขัดขวางแน่ ๆ ตอนนี้คงเกลียดขี้หน้าผมสุด ๆ ดูจากแรงอัดที่ใส่มาไม่ยั้ง ผมปัดมือเท่าที่จะปัดได้ หน้าผมตอนนี้คงบวมเหมือนหมู ปากคงแตกแล้วตอนนี้“โอเค! ผมผิด ผมขอโทษ!” ผมตะโกนแทรกหมัดที่สวนเข้ามา พี่เชนชะงัก หายใจหอบ ลุกขึ้นก่อนมองผมด้วยสายตาเย็นเหยียบ“ไอ้ลูกหมา มึงมันหน้าตัวเมีย!”“พี่จะด่าจะอัดผมก็เชิญ ผมผิด แต่ให้ผมได้อธิบายก่อน...” พูดเสร็จก็ต้องสูดปากด้วยความเจ็บ พี่แม่งหมัดนักฉิบ!“มึงไม่ต้องมาอธิบายอะไรให้กูฟัง โน่น! คนที่มึงควรอธิบาย ขอโทษ มันน้องกู!”ผมมองปายอย่างอ้อนวอน ผมรู้ว่าทำแบบนี้มันโคตรเฮงซวย แต่ทำไงได้ อารมณ์มันมาก่อนเหตุผล แต่พอรู้ว่าเป็น
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ
เช้าวันต่อมาฉันตื่นอีกทีก็เจ็ดโมงเช้า พอลุกขึ้นมองตัวเองในชุดของเมื่อวานก็ทำหน้าย่น เหม็นเหงื่อตัวเอง จึงเดินหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือดังแทบจะทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำ ฉันจึงไม่ออกไปรับคิดว่าอาบน้ำเสร็จค่อยโทร.กลับพอเสร็จธุระส่วนตัว ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สายแรกเป็นของไมค์...อีกสายเป็นของไวท์ฉันเลือกโทร.กลับหาไมค์ก่อน ไม่นานไมค์ก็รับสาย“ปาย! เมื่อวานมีอะไรกัน”ฉันยื่นโทรศัพท์ออกห่างหู เสียงไมค์ดังแว้ดจนแสบแก้วหูไปหมด“แกจะร้องลั่นหาพระแสงอะไรฮะ แล้วทำไมรู้? ”“ก็บนโลกออนไลน์เขาแชร์กันเป็นพันแล้วยะ...ที่มันดังน่ะเพราะผู้ชายของแกนะรู้เปล่า”“ผู้ชายของฉัน? ”“เออสิ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าไวท์เป็นลูกชายคนเดียวของนักการเมืองชื่อดัง บ้านเขาน่ะรวยมาก แกเรียนที่เดียวกับเขาไม่คุ้นนามสกุลเขาเลยหรือ นามสกุล...”“คนละไวท์หรือเปล่า” ฉันบอกอย่างไม่ค่อยเชื่อ หรือมันก็อาจจริงก็ได้ เพราะฟังนามสกุลที่ไมค์บอกก็เป็นนามสกุลไวท์จริง ฉันแค่รู้ว่าไวท์เป็นลูกหลานคนรวย ดูจากคอนโดฯ บ้านพักตากอากาศที่ไป หรือรถที่ขับ เพียงแต่ฉันไม่ได้สนใจลึกขนาดนั้นว่าเขาเป็นลูกใครหลานใคร เมื่อก่อนเราต่างคนต่างอย
พอฉันเดินเข้าบ้านก็เห็นแม่นั่งรอตรงโซฟา พี่เชนที่คุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดเดินลงบันไดมา ก่อนจะหยุดตรงหน้าฉัน พอกดวางสายก็พูดขึ้น“ปาย นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมไอ้ไวน์เข้าโรงพยาบาล มันบอกว่าปายพาแฟนไปอัดมัน”ฉันเดินผ่านพี่เชนมานั่งลงข้างแม่“เอาล่ะ ปายจะเล่าทีเดียวนะ พี่เชนจะเชื่อน้องหรือเพื่อนตัวเองก็พิจารณาเอา ส่วนแม่หนูสาบานว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง ไม่โกหกพกลมสักนิดเดียว”แล้วฉันก็เล่าตั้งแต่แม่บอกให้ฉันไปเดินเล่นกับพี่ไวน์ จู่ ๆ พี่ไวน์ก็ตาขวางทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน แสดงท่าทางเป็นเจ้าของทั้งที่มันไม่ใช่ ฉันถามแม่ว่าที่พาไปร้านอาหารก็เพราะมีแผนจะพาฉันไปดูตัวหวังจับคู่ให้ลูกชายเพื่อนใช่ไหม แม่ที่นั่งฟังฉันเล่าจนจบ ก็พูดขึ้น“ใช่ แม่ติดต่อกับอุ่นมาได้เกือบเดือนมีคุยกันเรื่องอนาคตของลูก ๆ เราสนิทกันมากจนมีความคิดที่จะดองกัน แล้วอีกอย่าง ไวน์ก็เป็นเพื่อนเชน แม่เคยสอบถามเชน นิสัยใจคอไวน์ก็ไม่เลว สุภาพ อ่อนโยน เรียนเก่ง”“แล้วนี่มันสมัยไหนแล้วคะ!” ฉันอดตัดพ้อด้วยความน้อยใจไม่ได้ ความคิดที่จะจับคู่ฉันกับลูกชายเพื่อนทำให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลยจริง ๆ ความรู้สึ
ไวท์พุ่งปราดเข้ามา ฉวยจังหวะที่พี่ไวน์ตะลึงดึงฉันออก พอพ้นอ้อมกอดพี่ไวน์ฉันรีบหลบอยู่ด้านหลังมือจิกหลังไวท์แน่น“น้องปาย! กลับมาหาพี่!”เสียงพี่ไวน์ตะคอกอย่างโกรธจัด ฉันขยุ้มหลังเสื้อไวท์ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น“บ้าหรือเปล่าวะ ปายเป็นเมียกูจะไปหามึงทำไม”“ไม่จริง ปายเป็นคู่หมั้นกู มึงนั่นแหละมาเสือกทำไม เรื่องของผัวเมีย”ฉันทนไม่ไหวยื่นหน้าไปด่าไอ้พี่ไวน์ทันที“มโนแล้ว ปายไม่ได้เป็นอะไรกับพี่!”“เมียเหรอ กล้าพูดนะ ขอเอาเลือดปากมึงออกบ้างเถอะ....”ไวท์คำรามก่อนพุ่งไปชกอีกฝ่ายดังเปรี้ยง! เพราะทางนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มไปกองที่พื้นอย่างหมดท่า และพอจะลุกขึ้นมาไวท์ก็เข้าไปคร่อมก่อนประเคนหมัดไม่ยั้งผลัวะ!เสียงกำปั้นกระทบเนื้อทำให้ฉันส่งเสียงร้องห้ามอย่างตกใจ ความจริงอยากจะให้ไวท์อัดไอ้คนขี้โมเมจนสลบเหมือดอยู่หรอก แต่เพราะนี่เป็นร้านอาหาร ตอนนี้มีลูกค้าสองคนที่กำลังจะกลับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรืออัดคลิป แล้วแม่ฉันและน้าอุ่นก็ยังอยู่ในร้าน“ไวท์! หยุด พอแล้ว!”เสียงไอ้พี่ไวน์ร้องแหกปากดังลั่นพลางปัดกำปั้นท่าทางดูไม่ได้ ใบหน้า จมูกเริ่มมีเลือดออก ฉันจึงร้องห้ามอีกครั้ง ไวท์ยังคงชกอีกฝ่าย ฉัน