"พอได้แล้วไฟฟ้า” นี่เสียงใครผมพยายามใช้สายตาที่แสนพร่ามัวจ้องมอง อ๋อ...ไอ้กลาสนี่เองที่พูดกับผม
“นานทีน่าเพื่อนรัก” ผมตอบเพื่อน
“ระวังจะปวดแผล” กลาสมันสวนขึ้นอีกรอบ ไอ้นี่ก็ห่วงผมจัง ขนาดผมยังไม่ค่อยห่วงตัวเองเลย ก็ไม่รู้มันจะห่วงอะไรนักหนา
“กูไม่ถึกเหมือนควายเว้ยเพื่อนกลาส...มาดื่มเป็นเพื่อนกูนี่มา”
“ไม่ดื่ม”
“อะไรวะดื่มดิ”
“แล้วมึงก็หยุดดื่มด้วย”
“แล้วจะโมโหใส่กูทำไมเนี่ย เอาแก้วกูมากลาส โอ๊ยแม่ง!”
กลาสมันพูดเสียงแข็ง และแย่งแก้วเหล้าผมไป ทำให้ผมต้องโวยวายใส่มัน จะคว้าเอาแก้วเหล้าแต่ดันคว้าอากาศมาแทน จนเสียหลักล้มหน้ากระแทกกับโต๊ะ ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงเว้ยวันนี้
“กิตมึงดูมันดิ มันแย่งแก้วกูกิต มันแย่งแก้วกู มึงต้องช่วยกูนะกิต” ไม่รู้ว่าผมมีอาการเป็นยังไง เมาครับแต่ว่ายังสามารถพูดได้ แต่ฟังรู้เรื่องไหมผมก็ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าลิ้นมันเริ่มจะพันกัน
“ไอ้ไฟทำมึงเรื้อนได้ขนาดนี้” เสียงใครไม่รู้ด่าผม
“มึงเป็นใครมาด่ากูวะ” ผมเลยพยายามจะมองหน้ามัน แต่ไอ้นี่ดันเป็นพ่อมดครับ มันแยกร่างได้เหมือนโต๊ะสนุ๊กเลย
“เฮ้อกูจะบ้าตาย” แล้วมันก็ถอนหายใจ แถมยังผลักผมอีก
“กูต้องทำยังไงดี ทำไมเป็นกูไม่ได้ เป็นกูไม่ได้ไงวะ”
“เอาไงกับมันดี ไปส่งมันที่บ้านเลยมะ?”
“แม่มันจะลมจับไหม ดูสภาพไอ้ไฟฟ้าดิ”
“เดี๋ยวกูพามันกลับ”
“เอางั้นเหรอ?”
“หรือมึงจะให้มันไปนอนบ้านกับมึงดี”
“เอาตามนี้แหละ พรุ่งนี้กูค่อยไปส่งมันที่บ้าน”
“งั้นก็แยกย้าย”
สามเสียงคุยกันผมได้ยินทุกประโยค เพียงแต่ว่าผมลืมตาไม่ขึ้น หูได้ยินเสียงรอบข้างทุกอย่าง และตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้วครับ ขอหลับเลยแล้วกันฝืนไม่ไหวแล้ว
(กลาส)
ผมอาสาพาไฟฟ้ามาค้างคืน เพราะไม่อยากให้คนที่บ้านมันแตกตื่นเมื่อเห็นสภาพแสนทุเรศของมัน ตั้งแต่ที่เป็นเพื่อนกันมาครั้งนี้ไฟฟ้าดื่มหนักกว่าที่เคย ผมก็ไม่รู้เลยว่าเพื่อนไปเจอปัญหาอะไรที่หนักหนา จนต้องพึ่งพาแอลกอฮอล์
"เดินดี ๆ" ผมบอกคนเมา
"กูม่ายดีตรงไหน" มันยังมีหน้ามาพูดอีก ผมไม่สนคำพูดคนเมาหรอกครับ ต้องพยายามประคองมันไม่ให้ล้มเพื่อไปห้อง โคตรทุลักทุเลเลยตอนนี้
"มึงคนดีที่สุดแล้ว"
"จริงป้ะ?"
"เปล่ากูแค่พูดรักษาน้ำใจมึง"
"กลาส มะ มึงใจร้าย กูไม่รักมึงแล้ว"
"แต่กูรักมึง"
"ไรนะ"
"รักมึงไงไอ้เพื่อนสารเลว"
เมาแล้วยังเรื้อนแถมตอนนี้ดันน้ำตาไหลไปอีก แต่มันก็เก็บความสะอื้นได้ไหวเมื่อผมพูดคำว่ารักออกไปเลยต้องรีบแก้ต่าง ในที่สุดผมก็พาไฟฟ้าเข้ามาในห้องได้สำเร็จ ตัวก็โตหนักก็หนักเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ทำเอาเหงื่อตกเลยครับ
"ทำไมเขาไม่รักกูสักที" ไฟฟ้ามันพูดออกมาด้วยอาการเมา เขาที่มันว่าคือใครนะ
"ใคร?" ผมเลยถามเผื่อจะได้คำตอบ หลายคนบอกว่าคนเมามักพูดความจริง
"ไอ้หน้าขาวนั่นไง"
"กูจะรู้กับมึงไหมเล่า!"
"เคมี เคมี..."
ไฟฟ้ามันพูดละเมอออกมา เคมี นี่คือชื่อคนใช่ไหม คนที่พวกผมยังไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ผมได้แต่ยืนมองไฟฟ้าอย่างใช้ความคิด พร้อมความรู้สึกบางอยากสอดแทรกเข้ามา...
"คนที่มึงชอบใช่ไหมไฟฟ้า"
ผมถามทั้งที่รู้แก่ใจว่าคงไม่ได้คำตอบ เพราะไฟฟ้านอนคว่ำหน้าหลับสนิทไปแล้ว ได้แต่ยืนมองคนเมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะถอนหายใจแล้วไปจัดการตัวเองเพื่อเข้านอน
แสงแดดอ่อนรำไรแยงเข้าตา ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น นอนนิ่งมองเพดานสักพักก่อนจะหยัดตัวนั่ง หันไปมองไอ้ขี้เมาที่นอนเอาขามาหนุนหมอนแทนหัว เจริญจริง ๆ ครับเมื่อคืนผมนอนฝันร้ายเพราะแบบนี้สินะ“มึงนะมึง ดีไม่ยัดตีนทาบหน้ากู”ผมบ่นให้คนที่ยังนอนไม่รู้เรื่อง แล้วลงจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัว แล้วเข้าครัวไปดูว่าพอจะทำอะไรกินได้บ้าง ซึ่งคิดแล้วไม่น่าจะมี ถามวิถีชายโสดกินง่ายอยู่ง่าย ใช้เงินซื้อกินเอาครับ ผมเลยออกไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋สาย ๆ ค่อยหากินใหม่อีกที“ตื่นไวจังวะ”“กูตกเตียง...แม่งปวดหัวฉิบหายเลยว่ะ”กลับจากซื้อมื้อเช้าเข้ามาในห้องเจอไอ้เพื่อนขี้เมานั่งเกาหัวฟูฟ่องอยู่บนพื้น ผมกะจะเข้าไปดูว่ามันตื่นหรือยัง แต่ต้องพบกับสภาพที่โคตรจะรุงรังซกมกจนต้องส่ายหัว“สมควร พระคงลงโทษมึงที่เอาตีนมาให้กูดมทั้งคืน” ผมด่ามัน“เว่อ กูทำแบบนั้นซะที่ไหน” ยังไม่รู้ตัวอีกว่าสร้างภาระให้ผมมากแค่ไหน“ก็ที่นี่ไง” ผมบอกย้ำ“กูทำงั้นจริงดิกลาส” ยังไม่คิดเชื่ออีกครับ“สันดานตัวเองไม่รู้ไง ต้องให้กูอธิบายเพิ่ม?” “ไม่ต้อง ๆ แค่นี้กูก็รับตัวเองไม่ค่อยจะได้ละ ไปล้างหน้าก่อนนะ”“อืม”จากนั้นไฟฟ้ามันก็เดินไปล้างหน้า
(ไฟฟ้า)"หายไปไหนกันหมดเงียบกริบ" ผมมาถึงบ้านที่มีแต่ความว่างเปล่า พ่อกับแม่ที่มักนั่งเฝ้าหน้าจอทีวีก็ไม่เห็นสักคน"พ่อ...แม่" ผมเดินวนหาพร้อมแหกปากเรียกเสียงดังก็ไม่มีใครขานรับ เลยเดินวกกลับมาหน้าบ้าน เผื่อพวกท่านจะไปเดินเล่นในสวน"ที่นี่ก็ไม่มี ไปไหนกันหมด" บ่น ๆ ไปก็นึกได้ว่าผมควรโทรหาดีกว่าต่อสายไปนานก็ไม่มีการตอบรับ พวกท่านไม่รับสาย ผมจึงลองกดโทรอีกครั้งซ้ำหลาย ๆ รอบ บางทีอาจจะไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้า และในที่สุด..."พ่อกับแม่ไปไหนกัน ผมมาบ้านไม่เห็นเจอใคร?"("ไฟฟ้า ฮึก ฮือ") เสียงแม่รับสายทำให้ผมรู้สึกใจคอไม่ดี"แม่ร้องไห้เหรอ มันเกิดอะไรขึ้น"("พ่อลื่นล้มตอนนี้แม่อยู่โรงพยาบาล zz ไฟฟ้า ฮือ พ่อ พ่อจะเป็นอะไรไหม")"ผมจะรีบไปหาแม่รอผมอยู่ที่นั่น ใจเย็น ๆ นะแม่ พ่อต้องไม่เป็นอะไร แม่อย่าไปไหนผมขับรถแป๊บเดียว"("ขับรถระวังนะลูก")"ครับ"สิ่งที่แม่บอกทำให้ผมตกใจ รีบวิ่งไปที่รถแล้วขับออกจากบ้านไป พ่อล้มตอนไหนทำไมไม่มีใครบอกผม หัวใจของผมมันเหมือนจะหลุดลงปลายเท้า เมื่อได้ยินแม่พูดแบบนั้น เมื่อคืนผมไม่น่าออกไปเที่ยวเลย ผมน่าจะอยู่บ้านกับพ่อแม่คอยดูแลพวกท่าน ผมมันเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง!ม
ผมกลับมาบ้านเพื่อเอาของใช้ไปให้แม่ ผมต้องคุยกับหมอดอมนี่ให้ยอมช่วยพ่อของผม ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม ต่อให้ใช้ต้องพยายามแค่ไหนต้องช่วยพ่อให้ได้“พ่อยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ”“ยังเลยลูก”“ผมขอโทษนะแม่ที่เป็นลูกที่แย่มาก ๆ ดูแลพ่อกับแม่ได้ไม่ดีพอ”ผมเดินเข้ามาใกล้แม่แล้วถาม สีหน้าของแม่ยังคงมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ น้ำตาของแม่ทำให้ผมรู้สึกผิด หากเมื่อคืนผมไม่ออกไปเที่ยวกินเหล้าจนเมา บางทีพ่อคงจะไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ก็ได้ แม่ก็คงไม่ต้องลำบากพาพ่อมาโรงพยาบาลเองเพียงลำพัง ทั้งที่แม่ก็อายุมากแล้ว“มันเป็นอุบัติเหตุ อย่าโทษตัวเองแบบนั้น พ่อเขาก็ไม่ได้โทษไฟฟ้าหรอกนะลูก...อย่าคิดมากนะ”“ผมจะดูพ่อกับแม่ให้ดีกว่าเดิม ผมสัญญาว่าจะต้องหาหมอมารักษาพ่อให้ได้”เป็นแม่ที่กอดปลอบผม มือของแม่ลูบหัวของผมเบา ๆ มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ผมกอดแม่แน่นด้วยความรู้สึกผิด แม้แม่จะบอกว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ถึงยังไงมันก็สะท้อนความเป็นลูกแย่ ๆ ของผมอยู่ดี พ่อแม่เพียงคนเดียวผมยังดูแลได้ไม่ดีเลย...“แม่ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหมเดี๋ยวผมออกไปซื้ออะไรมาให้กิน” ผมผละกอดออกแล้วบอกแม่“อืม”“แม่รอผมแป๊บเดียวนะ”“ระวังด้วยนะไฟฟ้า แ
“ผมมาหาหมอดอม” วิ่งมาถึงอย่างกับหมาหอบ ผมรีบบอกกับพยาบาลประจำเคาน์เตอร์ทันที“คุณหมอตรวจคนไข้อยู่ค่ะ มีอะไรหรือนัดคุณหมอไว้ไหมคะ?” พยาบาลบอกและถามผมต่อ“ไม่ได้นัด แต่ผมมีธุระจะคุยกับหมอดอมด่วน” ผมรีบบอกพยาบาล“ต้องรอก่อนค่ะ หมอดอมยังไม่ว่าง” พยาบาลนี่ไม่ได้ดั่งใจผมเอาซะเลย“นานแค่ไหน?” ผมเลยข่มอารมณ์ไว้ สูดหายใจเข้าปอดให้ลึก แล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม“ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ แต่ตอนนี้หมอดอมไม่ว่างยังไงก็ต้องรอก่อน”“โอเครอก็รอ”สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายรอด้วยความใจเย็น ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ข้างในผมร้อนเหมือนไฟ อยากจะคุยกับหมอดอมนั่นไว ๆ ให้รู้เรื่อง ...ผมนั่งตรงเก้าอี้มองนาฬิกาไม่รู้ต่อกี่รอบ ก็ยังไม่เห็นหมอดอมจะโผล่หัวมา แต่ผมก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เตือนตัวเองย้ำ ๆ ว่านี่คือโรงพยาบาล มีคนไข้ที่รอการรักษามากมาย“แม่งไม่มาสักทีวะ” ผมบ่นอยู่คนเดียว ผมต้องรออีกนานแค่ไหนกัน จนผมจะเริ่มข่มตาไว้ไม่อยู่แล้ว อ้าปากสามหาวแล้วก็ยังไม่มาสักที ล้าจนเปลือกตาแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้วตอนนี้เสียงของคนคุยกันอยู่ไกล ๆ ทำให้ผมตื่นตัวและรีบหันไปมอง เป็นหมอในชุดกาวน์สีขาวสามคนและพยาบาลเดินออกมาจากห้องคนไข้
สองวันที่ผมอยู่เป็นเพื่อนแม่เฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล และวันนี้ผมต้องทำงานเมื่อคืนเลยต้องกลับไปนอนบ้าน ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อแวะไปเยี่ยมพ่อ และต้องเอาของใช้ส่วนตัวให้แม่ สีหน้าของพ่อดีขึ้นกว่าเดิม รู้สึกใจชื้นเลยครับ“กินข้าวเยอะ ๆ นะพ่อจะได้กลับบ้านเร็ว ๆ” ผมพูดกับพ่อที่นอนอยู่บนเตียง ท่านพยักหน้าให้ว่ารับรู้“ไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่” พูดตอบผมเสียงเบา แต่ก็พอจะได้ยิน คงจะยังไม่มีแรงมากนัก“ฝืนหน่อยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่หาย ใครจะไปดูไอ้เสือให้ล่ะ ผมไม่เลี้ยงให้นานหรอกนะรู้เปล่า” ผมพูดแหย่อยากให้พ่อมีกำลัง ไอ้เสือคือหมาที่พ่อรักมาก รักกว่าผมที่เป็นลูกแท้ ๆ อีกละมั้ง“แกนี่” แค่นเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตำหนิผมทางสายตา เห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกดี รอยยิ้มเล็กน้อยของพ่อทำให้ผมมีแรงและกำลังใจ“เจ็ดโมงกว่าแล้วเดี๋ยวผมไปทำงานก่อนนะ เลิกงานเดี๋ยวผมมาหาใหม่” ผมบอกพ่อกับแม่“ขับรถดี ๆ นะไฟฟ้า อย่าใจร้อนให้มากรู้ไหม?” แม่อวยพรก่อนจะย้ำเตือน“ครับผม...ไปละนะไม่ต้องคิดถึงผมนะเดี๋ยวตอนเย็นก็เจอกัน” ผมเดินไปกอดแม่ แล้วพูดแหย่พ่อทิ้งท้าย จากนั้นก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย“ญาติคุณมนตรีคะ?” แต่บังเอิญเจอกับหมอบีเข้าพอดี เ
“คิวคุยกับพ่อเขาไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ไปคุยธุระแป๊บเดียว” แม่พูดกับคิว“ครับแม่ เดี๋ยวผมดูแลพ่อให้” คิวมันก็ใจดี ตบปากรับคำของแม่ด้วยรอยยิ้ม“ฝากพ่อด้วยเดี๋ยวกูมา” ผมตบบ่าคิวเบา ๆ แล้วบอกก่อนจะเดินมากับแม่“เออไฟฟ้า เมื่อสายที่มาตรวจหมอบีบอกแม่ว่าให้ไฟฟ้าลองคุยกับหมอดอมอีกเป็นไงบ้างลูก ได้คุยกับหมอดอมบ้างหรือยัง”“ผมยังไม่ได้คุยเลย เมื่อเช้าผมรีบไปเข้างาน กะว่าจะหาเวลาไปคุยเย็นนี้แหละ”“ลูกต้องคุยใจเย็น ๆ เข้าใจไหม อย่าใจร้อน”“ครับ”“รับปากแม่แล้วทำให้ได้ล่ะ...แม่ห่วงพ่ออยากหาทางรักษาเร็ว ๆ”“ผมเหมือนกัน”แม่จับแขนผมออกมาจากห้อง ปล่อยให้คิวกับพ่ออยู่ด้วยกัน แล้วแม่ก็ถามผมในเรื่องเมื่อเช้า คงหมอบีนั่นแหละที่เล่าให้ฟัง เธอค่อนข้างใส่ใจคนไข้ดีมาก เฝ้าติดตามถามอาการของพ่อตลอด รู้สึกโชคดีที่เจอหมอแบบนี้“พ่อเป็นไงบ้าง”“ก็ดีแค่พ่อไม่กินข้าวไม่ค่อยลง”“ฝืนกินหน่อยนะพ่อจะได้กลับบ้านไปหาไอ้เสือไว ๆ ไง ผมกับมันจะฆ่ากันตายแล้วนะตอนนี้”“แกต้องดูแลเสือของพ่อดี ๆ นะ อย่าลืมอาบน้ำให้น้องด้วย”ผมกับแม่เดินกลับเข้ามาในห้อง ชวนพ่อคุยอยากให้ท่านผ่อนคลาย และพูดถึงไอ้หมาตัวแสบแสนรักของพ่อ ที่รักปานลูกแท
ผมลากคิวมาบนดาดฟ้า เพื่อที่ว่าจะให้มันสงบสติอารมณ์ที่ร้อนเป็นไฟ ผมทิ้งมันไว้ให้อยู่คนเดียวก่อนจะลงไปซื้อน้ำ แล้วไม่นานก็กลับขึ้นมาใหม่“ดื่มน้ำเย็น ๆ หน่อยไหม?” ผมยื่นน้ำให้ตรงหน้าคิว“.....” คิวรับน้ำจากมือของผมไป แต่สายตามองไกลออกไปด้านหน้า ผมไม่เคยเห็นคิวเป็นแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่รู้จักกันมา“ถ้ามึงไว้ใจแล้วมีอะไรอยากระบายกับกูได้นะคิว กูรับฟังมึงเสมอ”ผมจับบ่าคิวเบา ๆ แล้วพูดขึ้น สีหน้าของคิวเริ่มอ่อนลง แล้วหันมองหน้าผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ผมขอโทษนะ”“มึงจะขอโทษกูทำไมล่ะ ไม่มีอะไรที่ต้องมาขอโทษกูหรอก”คิวมันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน ผมเห็นน้องมันมีสีหน้าแบบนั้นก็ไม่รู้จะปลอบมันยังไง เลยพูดออกไปตามสไตล์ที่ผมเป็น“ที่ผมโกหกว่าไม่รู้จักหมอดอม”“เฮ้ย ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยน่า กูไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้นหรอก มึงอาจจะมีเหตุผลใช่ไหมล่ะ?”“ที่จริงผม...”“พร้อมค่อยพูด ถ้าพูดออกมาแล้วไม่สบายใจก็อย่าเพิ่ง”น้ำเสียงของคิวที่พูดกับผมเหมือนกับคนรู้สึกผิด มองหน้าผมแล้วก็หยุดคำพูดไป จึงพูดปลอบและยิ้มให้ ไม่อยากให้น้องมันคิดมาก อยากจะปลอบให้น้องมันรู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้นะ แต่ว่าผมปลอบคนไม่ค่อยเป็นทำได้เพียงแ
(เคมี)“หายไปไหนของเขานะ...แชตไม่อ่าน หรือจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า”หลายวันแล้วกับการที่ไฟฟ้าเงียบหายไป แชตไม่อ่านไลน์ไม่ตอบ ซึ่งมันค่อนข้างจะผิดปกติจากที่ผ่านมา ก่อนหน้าเขาต้องคอยแชตมากวนบ่อย ๆ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรถึงได้เงียบกริบแบบนี้ นึกห่วงกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บอีกหรือเปล่า เพราะแผลเก่าที่แขนเขาก็ยังไม่หายดีติ่ง เสียงเตือนข้อความไลน์ในมือถือดังขึ้น ผมตกใจจนรีบเปิดอ่าน เพราะคิดว่าเป็นการตอบกลับมาของไฟฟ้า แต่ว่า...(“มาเจอกันได้ไหม เดือนจะรอเคอยู่ที่ร้านเดิมนะ”)“ได้สิ...กี่โมง”(“เจอกันตอนเที่ยงนะ เราจะได้กินข้าวด้วยกัน”)“OK”ผมอ่านข้อความไลน์ของนับเดือน ก่อนหน้าเธอก็ทักหา แต่ว่าผมไม่ได้ออกไปเจอ บอกเธอว่าไม่ว่างซึ่งผมก็ไม่ว่างจริง ๆ ไม่อยากจะพบหน้าเธอด้วยสภาพที่มีรอยบาดแผล แต่ตอนนี้มันหายดีแล้วผมออกมาที่ร้านเดิมที่นับเดือนนัดพบ เธอโบกให้สัญญาณผมจึงส่งยิ้มบาง ๆ ให้แล้วเดินเข้าไปหา“เดือนสั่งของที่เคชอบมาให้เยอะเลย”“แล้วเขา...”“ไม่อยู่น่ะไปดูงานที่ต่างประเทศ”เดือนพูดกับผมด้วยรอยยิ้มดีใจ ผมถามไถ่ถึงสามีของเธอเพราะห่วงว่าเขาจะรู้ แล้วอาจจะทำร้ายเดือน แต่ก็เหมือนเราสองคนจะเข้าใจกัน
//วันถัดมา//เคมี“พี่พร้อมไหม?” ผมจับมือพี่ไฟฟ้า พร้อมกับเอ่ยถาม เมื่อเห็นพี่เขายืนกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยสีหน้าคิ้วขมวด เพราะพวกเราสองคนนั่งอยู่ในรถราวสิบห้านาที“พะ พร้อม” ตอบตะกุกตะกัก ดูน่าสงสารมากเลยครับ“ถ้าพี่ไม่ไหว วันหลังเราค่อยมาใหม่ก็ได้นะ” เห็นสีหน้าเขาแล้วผมรู้สึกเป็นห่วง“ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน” พี่ไฟฟ้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าพี่โอเค เราเข้าไปกันเลยไหม?”“อืม”ตกลงกันได้ผมกับพี่ไฟฟ้าจึงพากันเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน การมาครั้งนี้ผมได้ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพาเพื่อนสนิทมาทำความรู้จัก ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่ายินดี และตามด้วยข้อความของพ่อ บอกจะรออยู่ที่บ้าน ซึ่งดูท่านก็ตอบปกติ ไม่ได้ถามต่อให้มากความ“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาแล้ว” ผมพูดเมื่อเดินมาในบ้าน ตรงโซนรับแขก“สวัสดีครับ” พี่ไฟฟ้ายกมือไหว้พ่อกับแม่ของผม และฉีกยิ้มอ่อนเบา ๆ“มากันแล้วเหรอ เดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้ คุยเล่นกับพ่อไปก่อนนะ” แม่เงยหน้าจากจอทีวีแล้วทักทายพวกผมด้วยรอยยิ้ม แม่ของผมเป็นคนใจดีครับ“นั่งสิ” เป็นเสียงพ่อที่บอกกล่าว แล้วพวกเราก็นั่งลงเก้าอี้ข้างกัน“ขอ
เหมือนลมหายใจเดียวกันเคมี“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่ใช่ไหม?” ผมถามพร้อมด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หลังจากรถยนต์จอดสนิท“ก็ว่าจะไม่...”“พี่ไฟฟ้า” ผมเรียกเสียงอ่อนเหมือนอ้อนวอนตัดบท“แต่ทำงานเหนื่อยขี้เกียจขับรถกลับ” ประโยคตอบรับทำให้ผมฉีกยิ้มทันที“งั้นรีบขึ้นไปกันเถอะ พี่จะได้อาบน้ำแล้วพักผ่อน”“อืม”จากนั้นผมและพี่ไฟฟ้าก็ขึ้นมายังหอพัก เขาวางสีหน้าบึ้งตลอดตั้งแต่เดินทางมา แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะเปลี่ยนใจ เห็นโหด ๆ แต่บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกินผมเข้าใจในความโกรธที่พี่ไฟฟ้าเป็นดี หลังจากที่พี่ไฟฟ้าหนีออกมาในวันนั้น ก็นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายหน จนผมตระหนักได้ และรู้นิสัยของพี่ไฟฟ้าว่าเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมากและขี้หวง แม้นิสัยที่แสดงออกมานั้นจะห่าม แต่ลึกแล้วเขามีใจเปราะบางแต่แสร้งเข้มแข็ง ผมไม่น่าจะใส่อารมณ์กับพี่ไฟฟ้าไปแบบนั้น ทั้งที่รู้นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างดี ผมรู้สึกผิดและเสียใจมาก เมื่อย้อนคิดในเรื่องราวเหตุการณ์ใต้ตึกคณะในวันนั้นผมไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่ แต่ใจผมรู้ดีว่ารุ่นพี่คิดยังไงกับผม ซึ่งเป็นอย่างที่พี่ไฟฟ้าคาดเดา เขาชอบผม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว การที่รุ่
วันต่อมาผมเข้าบริษัทตามปกติ เพราะวันนี้มีนัดประชุมเรื่องโครงการใหม่ หลังจากที่เมื่อเช้าไปเยี่ยมไอ้กลาส ตอนนี้กลาสรู้สึกตัวแล้ว และมีน้องเพชรพลอยคอยดูแลไม่ห่าง ผมยืนสังเกตท่าทีของกลาสและน้องเพชรพลอยอยู่ด้านนอกผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ เลยไม่อยากเข้าไปขัด ทำให้เสียบรรยากาศ กลาสมันดูปฏิบัติกับน้องเพชรพลอยแตกต่างจากแต่ก่อน เห็นแล้วทำให้ผมยิ้มตามและรู้สึกยินดี บางทีการที่บอกว่ากลบข่าวเรื่องเกย์ อาจจะทำให้ทั้งสองคนมีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างไม่รู้ตัวก็ได้“ทำไมพี่ไม่อ่านข้อความหรือรับสายผมบ้าง” ระหว่างที่ผมจอดรถสนิทและกำลังจะปิดประตู เสียงที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น จึงทำให้ผมนิ่งและหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบ“ไม่ค่อยว่าง พอดีช่วงนี้มีโครงการใหม่เลยยุ่ง ๆ” ผมตอบแล้วเดินเลี่ยงออกมาจะเข้าไปในตึกสำนักงาน“พี่หลบหน้าผม”“เปล่า...แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง?”“คุยกันก่อนพี่ไฟฟ้า” เคมีมันคว้าแขนของผมไว้ ทำให้ผมหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง น้องมันเลยขยับมายืนตรงหน้าของผม“วันนี้กูมีประชุม”“พี่โกรธผมใช่ไหม?”“ไม่ได้โกรธ...จะให้โกรธเรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องเมื่อสามวันก่อนที่เราทะเลาะกัน”“กูผิดก็ขอโทษ
ผมขับรถออกมาอย่างคนไร้จุดหมาย ตอนนี้หัวสมองมันเริ่มจะประมวลภาพพวกนั้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ผมอยากจะเชื่อคำพูดของเคมี แต่อดที่จะคิดไม่ได้...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากความคิดเรื่อยเปื่อย“อืม...ว่าไงไม้?”“อยู่ไหนวะไฟฟ้า”“ขับรถอยู่”“มึงเห็นข่าวไอ้กลาสหรือยัง?...ด่วน ๆ เลยตอนนี้”เมื่อไม้บอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วร้อนรน ผมเลยรีบจอดรถข้างถนนทันที แล้วเปิดดูหน้าข่าวตามลิงก์ที่ไม้มันส่งมาให้ในแชต“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้กลาสกันแน่”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้ไอ้กิตอยู่กับไอ้กลาส ติดต่อไปก็ไม่มีใครรับสาย”“กูจะไปโรงพยาบาลตอนนี้แหละ”“อืม ๆ เดี๋ยวกูจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย”“เจอกัน”“อืม”ทันทีที่ผมเห็นข่าวก็ตกใจจนมือสั่น เพียงแค่เห็นภาพของไอ้กลาสที่โชกเลือด แม้ภาพข่าวจะมีการเซ็นเซอร์เอาไว้ ผมก็รู้ว่านั่นคือกลาสเพื่อนสนิทของกลุ่มผม พวกเราเพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งรับไม่ทัน ห่วงว่ากลาสจะเป็นอันตราย แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่กลาสเจอ ว่าต้นตอเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ผมรู้ว่ากลาสไม่มีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากวงการธุรกิจของครอบครัวมัน//โรงพยาบาล//ผมมาถึงในเวล
(ไฟฟ้า)“เบื่อว่ะ”“เบื่อไรของมึงอีกครับพี่ไฟฟ้า”“บางครั้งกูก็รักอิสระ แต่กูก็อยากมีโมเม้นมีแฟน แต่กูก็ยังรักอิสระ แต่กูก็อยากมีแฟน แต่บางครั้งกูก็อยากอยู่คนเดียว แต่กูก็อยากมีแฟนอะ”“แต่ตอนนี้กูอยากถีบมึงมากครับพี่ เพราะกูรำคาญมึง และกูก็อยากอยู่คนเดียว”“โอ๊ย!...ใจร้าย หยอกเล่นหรอก ก็มึงไม่สนใจกูเลยไง เอาแต่สนใจหนังนี่หว่า”ผมพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งดูหนังด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาการไหนก็ไม่รู้ครับ แต่ผมอยากจะกวนตีนไอ้ดื้อที่มันไม่สนใจผมสักนิด เอาแต่นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อ เลยอยากจะเรียกร้องความสนใจ แต่เหมือนน้องมันจะไม่ค่อยแคร์แถมยกเท้าถีบผมจนตกโซฟาก้นกระแทกพื้นอีก“สมน้ำหน้า”“มึงจำไว้เลยเคมี อย่าให้ถึงทีกูนะ ถีบมาได้ไอ้บ้านี่”“กวนอยู่ได้คนกำลังดูหนังสนุก ๆ กลับบ้านไปเลยไป”“ไม่กลับ...กูไม่กลับ”“ลูกดี ๆ ที่ไหนปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านลำพังวันสุดสัปดาห์”“ลูกดี ๆ แบบกูนี่แหละ”“ทำตัวเหมือนไม่มีที่นอนเป็นของตัวเอง”“ทุกที่คือที่นอนของกูไงครับ”“ต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกิน”“ต่อปาก...มึงกล้าปะทะกับกูปะล่ะ”“วุ้ย! วนมาเรื่องลามกอีกละ”กวนกันไปกันมาด้วยความมีไหวพริบแบบผม เลยท
“พี่ใจเย็นก่อนสิครับ”“เห็นหน้ามึงแล้วกูอดใจไม่ไหวเคมี”เพียงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก ก็ถูกลุกล้ำด้วยการไล่จูบ ถูกพี่ไฟฟ้าดันแผ่นหลังแนบชิดกับผนังห้อง สองมือของเขาถอดเสื้อของผมอย่างคนรีบร้อน ตอนนี้ทุกอย่างล่อแหลมแม้เราสองคนจะยังไม่ถึงเตียงนอน เขาปลุกปั่นอารมณ์ของผมจนยากที่จะหักห้าม“พี่ครับ”“กูต้องการมึงเคมี รักมึงมากนะ”เขาบอกรักผมทั้งที่ยังดอมดมตามซอกคอ นั่นยิ่งสร้างความปั่นป่วนภายในร่างกายของผมให้ร้อนรุ่ม“เรายังไม่ได้ทำความสะอาด”“ช่างแม่ง แข็งจนจะระเบิดแล้ว”“อื้ม พี่ครับ”ผมดันอกของพี่ไฟฟ้าไว้ แล้วเตือนในเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับก่อนทำกิจกรรมบนเตียง แต่พี่ไฟฟ้าไม่ได้สนใจสักนิด เขายังเล้าโลมตามร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน เขาบดจูบปากของผมด้วยความช่ำชอง จูบอย่างดูดวิญญาณผมก้าวขาเดินตามแรงของพี่ไฟฟ้าอย่างไม่รู้ทิศทางด้วยความเคลิบเคลิ้มจากรสจูบที่พี่เขาปรนเปรอ รู้สึกวาบหวามจนขนลุกซู่ไปทั้งตัวตอนนี้เสื้อผ้าของเราสองคนหลุดออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว จนเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของกันและกัน ผมเริ่มทัดทานแรงเร้าของพี่ไฟฟ้าไม่ไหว ดันเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ ตัวตนที่ขึงขังชี้หน้าผมอย่
(เคมี)สองวันต่อมาผมกับพี่ไฟฟ้านัดกันไว้ว่าจะไปเยี่ยมพี่เพชรพลอย แต่เขาดันติดงานด่วน ที่นัดกันไว้เลยถูกยกเลิก ตอนนี้ผมก็เลยได้แต่นั่งรอพี่ไฟฟ้าเลิกงานเพื่อกลับบ้าน เพราะเมื่อเย็นผมนั่งรถมาหากะว่าจะไปเยี่ยมพี่เพชรพลอยพร้อมกัน แต่ดันโดนเท เลยได้แต่นั่งเหงาอยู่คนเดียวในรถ สิ่งที่พอช่วยแก้เหงาได้ก็คือโทรศัพท์มือถือนี่แหละครับ ผมเลื่อนหน้าฟีดข่าวไปเรื่อย ๆ เพื่อฆ่าเวลา แต่ว่าดันเจอกับภาพด้านหลังของคนที่คุ้นตา ผมขยายภาพนั้นดูและทำให้มั่นใจว่าคนในภาพคือคนที่ผมรู้จัก ผมรีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาในข่าวทันที ทำให้ผมเบิกตาโตตกใจ เพราะมันเป็นภาพแอบถ่ายจากด้านหลังผู้ชายคนหนึ่ง แม้ภาพจะเห็นหน้าไม่ชัดเจน แต่ผมก็จดจำรูปร่างเค้าโครงหน้านี้ได้แม่นยำ เธอคือพี่เพชรพลอยแน่นอน เขาอุ้มพี่เพชรพลอยเข้าไปในคอนโดแห่งหนึ่ง และผมก็เดาทันทีว่าผู้ชายคนนั้นคือพี่กลาส เพราะล่าสุดพวกเขาสองคนยังเฝ้ากันอยู่ที่โรงพยาบาล"ทำไมพี่กลาสต้องอุ้มพี่เพชรพลอย แค่แกล้งกลบข่าวหรือว่ามีอะไรที่เราไม่รู้อีกนะ?" ผมอ่านข่าวก็ได้แต่คิดสงสัย และผมต้องหยุดความคิดเมื่อมีเสียงเคาะกระจกรถ เป็นคนที่ผมรอ"ทำอะไรอะ หน้ามุ่ยเชียว" พี่ไฟฟ้าถาม"พี่เห
“แล้วนั่นจะไปไหน”“เดี๋ยวขอไปห้องน้ำแป๊บนึง”“กูไปเป็นเพื่อนไหม?”“ไม่เป็นไรหรอกผมไปแค่แป๊บเดียว”“โอเค”ผมถามเมื่อเห็นเคมีลุกขึ้นยืน รีบจับมือมันรั้งไว้ แล้วก็ได้คำตอบเป็นอันเข้าใจ ด้วยความที่ผมนึกห่วงจึงอาสาพาไป แต่น้องมันดันปฏิเสธผมก็ไม่เซ้าซี้ จากนั้นเคมีก็เดินออกไปจากโต๊ะ ผมมองตามหลังจนเคมีเดินลับสายตาไป แล้วจึงหันกลับมาสนใจแก้วเหล้าของตัวเอง“พี่ไฟฟ้าคะ”“หื้ม?”เสียงของน้องเพชรพลอยเรียก ทำให้ผมหันไปสนใจ ตอนนี้สีหน้าของเธอดูซีดไม่ปกติ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ เห็นเม็ดเหงื่อเริ่มชุ่มตามใบหน้าของเธอ“เพชรพลอยเป็นอะไรมากไหมครับ เหงื่อออกเต็มเลย” ไอ้ไม้เดินมาดูอีกคนแล้วถามขึ้น“หนูอยากไปห้องน้ำค่ะ” เธอพยายามเปล่งเสียงพูดออกมา ตอนนี้ใบหน้าของเธอดูไม่สู้ดีเลยครับ“น้องเพชรพลอยโอเคไหม?” ผมถามแล้วช่วยประคองเธอให้ลุกยืน“ไม่ค่อยโอเคเลยค่ะ หนูปวดท้องมาก”“พี่ช่วยนะ”ผมกับไอ้ไม้เลยช่วยกันประคองน้องเพชรพลอยคนละข้างให้ลุกยืน สองมือของเธอกุมตรงหน้าท้องเอาไว้ สีหน้าเหลืองซีดอย่างกับคนกำลังเจ็บปวดทรมาน เห็นแล้วน่าสงสารมาก ๆ ครับ แต่พวกผมก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อเรื่องราวของพวกเขา ผมก็ไม่อาจจะเข้าไปแ
“งุ้ย! พี่ไฟฟ้าทำไมน่ารักจังแกะกุ้งให้เคมีด้วย” น้องเพชรพลอยเธอพูดขึ้น ทำให้ผมที่กำลังวางกุ้งที่แกะเรียบร้อยวางใส่จานให้เคมี“พูดเพื่อ!?” แล้วไอ้กลาสก็พูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่ง แล้วมองหน้าน้องเพชรพลอย ส่วนพวกผมที่เหลือตอนนี้จ้องคู่นี้เป็นสายตาเดียวด้วยความลุ้นระทึก ว่ามันจะตีกันไหม?“สามีก็แกะให้เมียบ้างสิคะ😚”((ง่อวววว)) พวกผมเลยประสานเสียงแซวพร้อมกัน แต่ไอ้กลาสดันจ้องพวกผมตาเป็นมันอย่างเอาเรื่อง“ใครผัวมึง” แล้วมันก็หันไปกระแทกเสียงใส่น้องเพชรพลอย“พี่ไงคะ” แต่เหมือนว่าน้องจะไม่ใส่ใจคำพูดไอ้กลาสเท่าไหร่ เธอตอบโต้และฉีกยิ้มจนตาหยี“มึงก็พูดกับน้องมันเพราะ ๆ หน่อยไอ้กลาส...นั่นเมียมึงนะ” ผมก็เลยพูดแซว“เมียพ่อง!” แล้วไอ้กลาสก็ด่าผมเต็มปากเต็มคำ พร้อมกับปากับแกล้มใส่หน้าผม“เขินจังเลยค่ะ” ไอ้กลาสพูดจบน้องเพชรพลอยเธอก็ทำท่าทางเขินอาย บิดซ้ายบิดขวาเหมือนกับว่ากำลังยั่วประสาท ส่วนไอ้กลาสผมเห็นถอนหายใจออกมาก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก น้องเพชรพลอยนี่เธอตีมึนได้ดีจริง ๆ“ยัยประสาท”“ขอบคุณนะคะที่ชม แล้วไม่แกะกุ้งให้หนูบ้างเหรอคะ หนูรอพี่กลาสแกะให้อยู่นะ”“ไม่มีมือหรือไง”“มีค่ะ แต่อยากให้สามีแกะให้