** นิยายบทนี้เป็นบทที่ Sensitive และเป็นความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากนักเขียนด้วยเช่นกัน.. บางช่วงบางตอนของบทนี้อาจจะเป็นจุดที่ท่า ให้นักอ่านได้รับรู้ว่าตัวเองอาจจะไม่เข้มแข็งอย่างที่ทุกคนคิดมาตลอด.. บทนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้นักอ่านที่กำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าซ้อนเร้นได้รู้ในสิ่งที่ตัวเองกำลังแอบและซ่อนเอาไว้ลึกๆ **ในที่สุด.. ทุกอย่างก็จบสิ้น เธอได้สิทธิ์เลี้ยงดูน้องบีมคนเดียวด้วยหลักฐานต่างๆที่เธอมีทํา ให้อดีตสามีของเธอไม่มีสิทธิ์ในตัวน้องบีม.. เขามีสิทธิ์แค่ส่งเสียเลี้ยงดูแต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้า ใกล้น้องบีม.. ด้วยหลายสาเหตุที่บ้านนั้นทํามันเลยทำให้คนพวกนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้น้องบีมและไม่มีสิทธิ์พาน้องบีมไปเลี้ยงดูได้.. เรื่องนี้เธอไม่ขอพูดก็แล้วกันนะปล่อยให้คนพวกนั้นรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองทําลงไปก็แล้วกัน…“ กิ๊กช่วยดูเอกสารการนำเข้ารถให้หน่อย..” ตอนนี้เธอกำลังจะนำเข้ารถรุ่นที่เป็นรุ่นที่ผลิตเพียงแค่ 200 คัน และคนที่จะได้ครอบครองนั้นมีไม่มากคนที่จะครอบครองรถหรูต้องมีเงินมากพอที่จะครอบครองมันซึ่งเธอเองก็.. ไม่เอาหรอก เปลืองเงินเสียดายเงิน แค่ขายก็พอเนอะไม่จำเป็นต้องครอบครอง.
ซึมเศร้าซ่อนเร้น เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มี 'โรคซึมเศร้า' แต่ 'ไม่แสดงอาการ' ออกมาชัดเจน หรือยังไม่มีอาการสำคัญของกลุ่มโรคซึมเศร้าแสดงออกมา ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น แบ่งออกเป็น Masked Depression แปลว่า การใส่หน้ากาก การหลบซ่อน ก็หมายความว่า พวกเขาเป็นบุคคลที่มีภาวะซึมเศร้าที่ซ่อนอยู่ หรือ ซึมเศร้าแต่ต้องใส่หน้ากากไว้ เพื่อทำตัวเองให้ดูปกติ และแสดงออกให้เห็นว่า ตนเองไม่เป็นอะไร Smiling Depression มักจะเรียกกลุ่มคนที่ก็มีความทุกข์ แต่ไม่มีอาการเด่นของโรคซึมเศร้าออกมา และในบางรายยังสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ ยังเหมือนมีความสุข โดยคนรอบข้างยากที่จะสังเกตได้นั่นคือสิ่งที่เธอเปิดอ่าน.. บทความนี้เป็นบทความของแพทย์ที่นำมาโพสลงในอินเตอร์เน็ต.. เธอเองก็รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด เธอแค่แสดงมันออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกเศร้าของเธอก็เท่านั้นเอง.. เธอต้องการใครสักคนที่เข้าใจเธอ เธอต้องการใครสักคนที่รับฟังเธอ เธอต้องการกอด.. กอดของใครสักคนที่อบอุ่น กอดที่คนได้รับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ.. แค่นั้นเองที่เธอต้องการ เธอต้องการมันมาตลอดแต่เธอหาไม่เจอ เธอหาใครคนนั้นไม่เจอ เธอหาใครสักค
เฮ้อ.. ตอนนี้เธอเหนื่อยนะ เหนื่อยใจกับสองคนนั้นจริงๆ“คุณแม่ครับ.. ใครครับ?”เธอจะตอบยังไงดี.. นั่นสิ ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน ชื่ออะไรกันแน่เอาจริงๆเธอเองก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำว่าชื่ออะไรอายุเท่าไร และทำงานอะไร..“เอ่อ.. เพื่อนคุณแม่เองครับน้องบีม”“ผัว..”ขวับ!!“นายจะบ้าเหรอ? เป็นบ้ารึยังไงกันพูดจาไร้สาระอะไรของนาย”“พูดเรื่องจริงเถอะได้กันตั้งหลายรอบแล้วเถอะ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว..”ปวดหัว.. เธอปวดหัวจะไมเกรนจะขึ้นแล้วนะ แล้วดูสิสองคนนั้นทำท่าเขม่นกันอย่างกับพร้อมจะขึ้นสังเวียนชกกันอ่ะ เธอจะทำยังไงดีเนี่ย..“นี่.. ฉันยังไม่รู้จักนายเลยนะ นายชื่ออะไร ทำงานอะไร และอายุเท่าไร ที่สำคัญ น้องบีมเป็นลูกชายของฉันนะ อย่าพูดอะไรให้ลูกชายของฉันรู้สึกไม่ดีเด็ดขาด.. ห้าม!! ” เธอไม่ต้องการให้น้องบีมโกรธเธอหรือรู้สึกผิดหวังกับเธอ..“เรียกว่าผัวขาก็พอครับเมียจ๋า” เขาเองก็รู้หรอว่าเจ้าหนูน้อยคนนั้นเป็นลูกของเธอแต่!! ดูนั่น ดูสายตาและท่าทางที่แสดงออกมาใส่เขาสิ.. มันจะหวงแม่เกินไปแล้วนะ แต่เขาก็เข้าใจได้เพราะแม่สวยขนาดนั้นเป็นเขาก็หวงนะ..“ว่าแต่.. ชุดน่ะจะใส่รัดไปไหน รัดติ้วจนจะหายใจไม่ออกแล้วนะ.. ไม
จากวันนั้นที่เธอได้ปล่อยน้ำตาออกมากับผู้ชายที่ชื่อโค้กมันก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป.. ในทุกๆวันจะมีข้อความของเขาคนนั้นส่งมาหาเธอ เช้า สาย บ่าย เย็น และก่อนนอน วันดีคืนดีเขาก็แวะมาหาโดยไม่ยอมบอกเธอก่อน ที่สำคัญไม่ได้มามาตัวเปล่าด้วยบางวันก็หิ้วกาแฟหรือไม่ก็ชามะนาวมาฝากเธอด้วย“ว่า”“คิดถึงเฉยๆครับเลยโทรหา”^_^แฮ่ม..“ ไร้สาระ ไม่ทำงานเหรอ? ถ้าฉันเป็นเจ้านายของนายนะฉันจะหักเงินเดือนเลยไม่ยอมทำงานทำการเอาเวลามาโทรศัพท์” บ้า.. มาบอกคิดถึงอะไรเล่าบ้ารึเปล่า“ทำสิทำไมจะไม่ทำ นี่พักเที่ยงแล้วนะครับที่รักของผมดูเวลาด้วย ว่าแต่.. คุณกินข้าวรึยัง? หิวไหมอยากกินอะไรรึเปล่าผมจะได้ซื้อเข้าไปให้”“ไม่ต้องๆ ฉันออกมาทำธุระกับเลขาข้างนอกและกำลังหาของกินกันอยู่ไม่ต้องซื้อมาฝากหรอก” ขยันจริงๆนะ เขามักจะถามเธอแบบนี้ทุกวัน และถ้าวันไหนไม่ได้ออกมาทำธุระข้างนอกเขาก็จะขับรถเอาข้าวมาฝากเธอ เอาจริงๆนะบางวันเธอก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงหรอกเธอลืมจะว่าลืมก็ไม่ถูกต้องบอกว่าไม่มีเวลามากว่าแต่ช่วงนี้มีผู้ชายที่ชื่อว่าโค้กคนนี้ชีวิตเธอก็เปลี่ยนไปทันที..“ห้ามโกหกนะ ถ้าโกหกผมจะหยุดงานครึ่งวันไปนั่งเฝ้าคุณให้กินข้าวเลยคอ
บอกตามตรงเธอเองก็ยังไม่ค่อยชินกับการที่มีใครมาดูแลและเอาใจใส่เธอขนาดนี้ผู้ชายคนนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่เธอเห็นหน้าเขา ช่วงนี้เขาก็ขยันมาหาเธอที่โชว์รูมด้วยช่วงเย็นๆ บางครั้งเขาก็หาเรื่องแวะมาและขับรถไปส่งเธอที่บ้านและเมื่อถึงบ้านเธอเขาก็เรียกแท็กซี่กลับ.. ดูเขาทำเข้าสิมันก็จะเกินไปนะแต่ถามว่าเธอรู้สึกดีไหม มันก็รู้สึกดีนะที่มีใครสักคนเอาใจใส่เธอทุกอย่าง..“วันนี้ไม่ต้องมานะวันนี้จะไปงานเลี้ยงน่ะ” เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องคอยรายงานเขาก่อนตลอดว่าเธอจะไปไหน เมื่อไร และกลับตอนไหน..“ไม่ทันแล้วครับตอนนี้ผมอยู่หน้าโชว์รูมคุณแล้ว”เฮ้อ.. นั่นปะไร เธอเองก็ลืมบอกเขาตั้งแต่เมื่อวานอ่ะ เธอผิดเอง“เหรอ.. งั้นก็แล้วแต่เถอะ” เธอห้ามไม่ได้แล้วนี่นา..“น่ารักครับที่รักของผม”ก๊อกๆๆตึกตึกตึก“คิดถึงจัง…”แค่เขาเข้ามาถึงในห้องทำงานของเธอเขาก็พุ่งตรงเข้ามากอดเธอเอาไว้และรัดเธออย่างกับงูเหลือมเลยก็ว่าได้.. เขาเข้าออกที่นี่บ่อยจนพนักงานในโชว์รูมและเลขาของเธอจำได้ดีแต่ถามว่าเป็นอะไรกัน.. ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนะเพราะเธอยังไม่ได้ตอบตกลงคบกับเขาอย่างจริงจังเลย… ไม่รู้สิเธอยังคงรู้สึกกล
นะไม่อยากจะเชื่อเลยอีตาบ้าคนนั้นทรมานเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่การทรมานของเขามันทำให้เธอก็… มีความสุขทางร่างกาย..“ทักทายครับที่รักของผม…”จุ๊บ จุ๊บ…=_=“ไม่ทำงานรึยังไงกันทำไมขยันมาหาบ่อยมาก” ช่วงนี้นิวัฒน์ขยันมาหาเธอมาก ตอนเที่ยงก็แวะส่งข้าวส่งน้ำ ตอนเย็นก็จะมารับเธอไปส่งที่บ้านโดยที่เขาจะกลับด้วยแท็กซี่เสมอเธอเองก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่าเขาจะทำไปทำไม…“ ทำครับพอดีต้องมาแถวนี้ด้วยก็เลยแวะมาหาที่รักของผมก่อนมาขอกำลังใจครับจะได้มีแรงทำงาน..” ไม่ได้หรอกถ้าเขาไม่เห็นหน้าเธอและไม่ได้ยินเสียงเธอสักวันเขาตายแน่ ก็มันรักไปแล้วอ่ะ รักมากด้วยสิ คิดถึงตลอดเวลา ทำงานไปก็คิดถึง ขับรถก็คิดถึง ขนาดเจอกันก็ยังคิดถึงเลยเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รักและคิดถึงโบตั๋นได้มากขนาดนี้.. รักมากจริงๆทั้งที่เขาเคยคิดว่าเขาคงจะรักและชอบใครไม่ได้แล้ว.. แต่เพียงแค่เขาได้รู้จักกับเธอคนนี้มามันทำให้เขารู้สึกรัก หวง และเป็นห่วงมากกว่าใคร…“ได้กำลังใจแล้วก็กลับไปทำงานได้แล้ว..” ตาคนนี้นิ เป็นคนที่ขยันพูดไปเรื่อย.. และการพูดของเขาก็จะทำให้เธอยิ้มตาม แต่เธอพยายามที่จะไม่ทำให้เขาเห็นหรอกไม่งั้นเขาคงจะรุกเธอหนักกว่านี้..
ล่ะไม่รู้จะเอ็นดูใครก่อนดีระหว่างลูกชายของเธอหรือว่านิวัฒน์เพราะเอาจริงๆเธอรู้ดีว่านิวัฒน์ออมมือให้น้องบีม แต่สิ่งที่เธอต้องขอบคุณนิวัฒน์ก็คือเขาทำให้น้องบีมหัวเราะได้เต็มเสียงและมีความสุขมากๆ น้องบีมหัวเราะออกมาได้อย่างมีความสุขแบบนี้เธอไม่ได้ยินมานานแล้ว..“บีมชนะ ลุงก็อย่าลืมสัญญานะ อย่าเป็นผู้ใหญ่ไม่ดีนะ”หึหึหึ..“ไม่ลืมๆ ครั้งหน้าต้องขอแก้มือซะแล้ว.. กลับถึงบ้านก็อาบน้ำด้วยนะตัวมีแต่กลิ่นควัน.. ว่าแต่.. เราสนุกรึเปล่าวันนี้?” เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกชายคุณโบตั๋นน่ะมีความสุขรึเปล่าเพราะเท่าที่ดูนี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่ได้ออกมาทำอะไรแบบนี้..“ สนุกครับ สนุกมาก และบีมก็เก่งกว่าลุงด้วยถ้าลุงจะแก้มือก็นัดมาได้เลยบีมไม่กลัวหรอก..”“น้องบีมครับทำไมพูดไม่มีหางเสียงเลยครับคนเก่ง..” เฮ้อ.. ปกติน้องบีมจะพูดครับต่อท้ายและจะพูดจาดีกว่านี้นี่นา… แต่ทำไมเวลาน้องบีมเจอกับนิวัฒน์น้องบีมจะพูดไม่มีหางเสียงและพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนนักเลงที่กำลังเจอคู่อริยังไงยังงั้น..“เด็กดื้อขี้เก็กก็แบบนี้แหละคุณ.. อย่าไปคิดอะไรมาก..” หึ.. เขาเองก็รู้หรอกว่าที่ทำไปน่ะเพราะหวงแม่ ก็อย่างว่าเรื่องแบบนี
จากวันนั้นน้องบีมก็มักจะตามเธอมาด้วยทุกเสาร์และอาทิตย์บางครั้งหลังเลิกเรียนน้องบีมก็ขอให้คนขับรถขับมาส่งที่โชว์รูมสาเหตุที่น้องบีมมาที่นี่ก็เพราะต้องการเล่นกับนิวัฒน์นั่นเอง“ทำไมลุงชื่อโค้กครับ? โค้กมันมีน้ำตาลเยอะขนาดนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ…”ฮึ… ลูกชายเธอก็ช่างถามซะเหลือเกิน.. นั่นสิทำไมถึงชื่อโค้กล่ะ ชื่อแปลกจังเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะเอาจริงๆ“ทำไมเหรอ… ทำไมอย่างนั้นเหรอ? ก็ไม่รู้สิแม่เป็นคนตั้งให้ จำความได้ก็ถูกเรียกว่าโค้กแล้วแต่ๆๆ ชื่อโค้กน่ะมันไม่ใช่เครื่องดื่มนะเจ้าหนูมันจะมีน้ำตาลและไม่ดีต่อสุขภาพได้ยังไงกันไม่เชื่อถามแม่เราดูสิว่าพี่ดีต่อสุขภาพรึเปล่า…” ไอ้ความคิดแบบนี้มันก็นะไม่รู้ไปเอามาจากไหนคนนะไม่ใช่น้ำอัดลมที่จะไม่ดีต่อสุขภาพ.. เขาน่ะดีจะตายไป ดีต่อสุขภาพสุดๆเลยละไม่เชื่อดูสีหน้าและรอยยิ้มของคนเป็นแม่สิ..“บ้า.. พูดอะไรไปเรื่อย.. น้องบีมครับทำการบ้านรึยังเอ่ย…” น่าเกลียดมากดูจากสายตานั่นสิทำไมช่างดูเจ้าเล่ห์ซะเหลือเกิน…คนบ้าอะไรชอบพูดจาเข้าเรื่องอย่างว่าตลอดเวลา..สมองนี่คงจะมีแต่เรื่องทะลึ่งสินะ..“ยังเลยครับ..ลุงสอนบีมหน่อยได้ไหมครับคุณแม่ทำงานคุณแม่ไม่ว่างลุงไ
จากวันที่เขาเจอมอลลี่ถีบออกมาจากห้องเขาก็รีบตรงดิ่งไปหาลูกน้องเขาทันที พวกมันก็ดูสับสนเหมือนกันที่อยู่ๆเขาเอ่ยปากถามพวกมันว่าเขาควรจะทำยังไงกับมอลลี่ดี.. ดูเหมือนมอลลี่จะไม่ยอมกลับไปกับเขาง่ายๆ.. เมื่อเขาเปิดปากพูดกับไอ้แม็กซ์เกี่ยวกับเรื่องของมอลลี่ มันก็พูดบางสิ่งออกมาและนั่นทำให้เขาโมโหและถีบมันเข้าให้หนึ่งที..“ ตรงไหน.. เกรี้ยวกราดตรงไหน เอาแต่ใจตัวเองตรงไหน… พูดดีๆนะไอ้แม็กซ์..” ไอ้แม็กซ์มันกล่าวหาว่าเขาเป็นคนเกรี้ยวกราดและเอาแต่ใจตัวเอง.. ถ้าเขาลดตรงนี้ลงมาได้บางทีมอลลี่อาจจะกลับไปกับเขาก็ได้…“เจ้านายเป็นทุกตรงครับไม่เชื่อก็ลองถามคนอื่นดูได้.. ถ้าเจ้านายลดอีโก้ที่สูงปรี๊ดของเจ้านายลงมาสักนิด… ผมว่าคุณมอลลี่เธออาจจะพูดดีๆด้วยก็ได้นะครับ.. ผมอยากให้เจ้านายมีครอบครัวที่น่ารัก.. ใครๆก็รู้และดูออกว่าเจ้านายหวงคุณมอลลี่ และการหวงของเจ้านายนั่นก็หมายถึงว่าเจ้านายรู้สึกดีกับคุณมอลลี่..เชื่อผมเถอะครับเผื่ออะไรๆจะดีขึ้น.. ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยต้องการผู้ชายที่อ่อนโยน หวงใย และใส่ใจครับ..” จะบอกว่าเขาไม่เคยมีความรักก็ไม่ใช่ เขาเคยมีแฟนเขาเคยมีคนรักแต่ด้วยอาชีพที่เขาทำมันทำให้เขาต้องคอยระแวง
ตอนแรกเขาก่ะว่าจะเช่าโรงแรมพักแบบสบายๆแต่ดูเหมือนว่ามอลลี่จะดื้อและพยศเอามากๆ ไม่ใช่แค่มอลลี่แต่ยังมีแม่สาวน้อยตัวจิ๋วนี่ด้วยเพียงแค่เปลี่ยนที่เจ้าตัวก็ร้องไห้โย ร้องไห้เสียงดังจนห้องข้างๆต้องมาเคาะประตูว่าเสียงเด็กรบกวน.. เขาล่ะอยากจะตะบันให้หน้าแหกไปเลย.. เสียงเด็กร้องใครจะไปห้ามได้เล่า และเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่มอลลี่พูดว่าสาวน้อยตัวจิ๋วติดที่นอนของตัวเองและไหนจะตุ๊กตาตัวโปรดด้วยมันเลยทำให้เขาต้องตามมาที่หมู่บ้านเล็กๆคับแคบที่เขาน่าจะเรียกกันว่าหมู่บ้านชาวประมง.. เขาจะนอนได้ไหมเนี่ย.. แต่ไม่ได้เขาจะต้องเฝ้ามอลลี่กับแม่หนูจิ๋วคนนี้เอาไว้ตลอด…“นั่นใครน่ะหนูมล.. หล่อน่ะ แต่จะดูไปก็คล้ายๆกับหนูมีนาของป้าอยู่นะ… พ่อฝรั่ง.. โอ้.. เฮโล่..”“สวัสดีครับผมพูดไทยได้ ฟังไทยได้ แม่ผมเป็นคนไทยครับ.. ผมหน้าเหมือนมีนามากเหรอครับ?”“อือๆ ใช่ๆ ดูสิโครงหน้าเดียวกันเลยนะ จมูกโด่งๆนี่ด้วย แล้วไหนจะสีผมอีก.. ว่าแต่.. หายหัวไปไหนมาล่ะถึงได้มาเอาจนป่านนี้.. ฉันกำลังจะหาผัวใหม่ให้แม่หนูมลอยู่เลย ลูกชายเจ้าของโรงแรมน่ะหล่อนะ รวยด้วย และชอบแม่หนูมลกับมีนามากๆด้วย.. ”เสียงลมหายใจฟึดฟัดๆของเขามันทำให้เธอรู้สึก
จากวันที่เขาได้แวะไปหาเพื่อนสนิทของมอลลี่เขาก็สั่งให้คนของเขากลุ่มหนึ่งไปคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆเผื่อว่ามอลลี่จะแวะมาหาเพื่อนแต่แล้วก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยสักนิด… ส่วนบ้านของเธอที่มีพ่อและแม่อยู่เขาก็ให้คนอีกกลุ่มเฝ้าเอาไว้.. ดูเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวเลยสักนิด.. เขาเองก็จนปัญญาเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนได้.. แล้วของสำคัญชิ้นนั้นมันคืออะไร.. หน้าตามันเป็นแบบไหน ชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่… โอ้ย คิดแล้วก็ปวดหัว…“นายครับ.. พวกเราไปดูทุกที่ที่คิดว่าคุณมอลลี่จะไปได้จนหมดแล้วนะครับ.. ผมคิดว่าคุณมอลลี่ไม่น่าจะเสี่ยงพาตัวเองมาเจอเพื่อนสนิทและครอบครัว.. ถ้าสมมุติว่าเธอขโมยของของครอบครัวเจ้านายจริง.. ผมว่าเธอจะต้องนำไปขายและจะต้องพาตัวเองไปกบดานที่ที่ไม่มีใครรู้จักเธอนะครับเพราะถ้าเธอออกมาให้ครอบครัวหรือว่าเพื่อนสนิทพบเจอ.. มันอาจจะไม่ปลอดภัยกับตัวเธอ..”“นั่นสิ.. มึงนี่ฉลาดนะไอ้แม็กซ์ เป็นครั้งแรกที่มึงพูดได้ดี.. ว่าแต่.. จะไปหาที่ไหนได้วะ..” นั่นสิทำไมเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้ ถ้าเธอขโมยของจริงๆเธอคงจะไม่พาตัวเองมาในพื้นที่สุ่มเสียงแบบนี้ และยิ่งเป็นของสำคัญของครอบครัวเขาด้วยแล้ว.. เออๆ เป็นครั้งแร
ในที่สุด… ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว.. การกลับมาครั้งนี้ของเธอมันมีความเปลี่ยนแปลงหลายเรื่องเลยทีเดียว.. เธอกลับมาไทยครั้งนี้เธอไม่ติดต่อใครจริงๆจัง เบอร์มือถือของเธอเธอก็เปลี่ยนใหม่หมด มีบ้างเป็นบางครั้งที่เธอโทรไปหาแม่และพ่อ บอกข่าวของเธอให้พวกท่านทราบให้พวกท่านได้รู้ว่าเธอยังอยู่ดีมีแรงไม่เป็นอะไร เธอขออยู่เงียบๆคนเดียวเธอให้เหตุผลกับพวกท่านไปว่าเธออยากจะอยู่ที่ที่สงบๆ เธออยากอยู่แบบคนธรรมดากับชีวิตที่สุดแสนจะธรรมดาและเธอก็ได้เจอแล้ว..“แม่หนูมล.. กินข้าวๆ.. เร็วๆ”“จ้า.. กำลังจะไปจ้ะ…”อึบ…“ไปกินข้าวกันนะคะ…”เธอที่ปลีกตัวออกจากความวุ่นวายในทุกด้าน.. ตั้งแต่เธอกลับมาจากอเมริกาเธอก็เลือกไปที่ที่ไกลที่สุด ถามว่าไกลสำหรับคนอื่นไหม.. ก็อาจจะไม่นะแต่สำหรับเธอมันก็ยังไกลอยู่ดีเพราะเธอไม่ค่อยได้ออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้เลยเวลาเธอจะไปเที่ยวไหนเธอมักจะมีพ่อและแม่ของเธอติดสอยห้อยตามไปด้วยแต่ครั้งนี้ไม่มีพวกท่านมาด้วยสำหรับเธอมันเลยดูไกล.. เรื่องที่เธอมีลูกสาว… เธอยังไม่ได้บอกใครทั้งนั้นว่าเธอมีน้อง.. ตอนเธอมาที่นี้ใหม่ๆเธอเองก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าเธอท้องเธอแค่รู้สึกว่าตัวเองเห
เขายอมรับว่าวันนั้นเขาได้ทำรุนแรงกับเธอไปนิดแต่แล้วยังไงละ ในเมื่อเขาเคยบอกเคยเตือนแล้วแต่มอลลี่ไม่ยอมฟัง.. เขาก็ต้องสั่งสอนกันบ้าง.. หลังจากวันนั้นเธอแทบจะไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงหัวเราะหรือเสียงทะเลาะกับเจมส์เลย… ลูกชายของเขาก็พยายามที่จะชวนเธอทะเลาะแต่เธอเลือกที่จะเงียบใส่และนิ่งเฉย.. และนั่นมันเริ่มทำให้เขารู้สึกได้ว่าเจมส์เปลี่ยนไปอีกครั้ง…ตึกตึกตึก…“เจสัน.. เจสัน!!! ออกมาคุยกับแม่หน่อย…”เฮ้อ.. แม่เขามาทำไมอีกเนี่ย… ท่านยอมขับรถจาก Mexico มา Arizona มาหาเขาแบบนี้.. คงจะมีเรื่องอะไรอีกแล้วสินะ… น่าเบื่อจริงๆ เขากับแม่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาเสมอ แม่ที่พยายามจัดแจงให้เขาอยู่ในกรอบแบบไทยๆ ส่วนแด๊ดก็พยายามสอนให้เขาวางตัวเป็นผู้นำแข่งแกร่ง อย่าไปยอมใคร.. เขาเลยขอเลือกตามแบบที่แด๊ดสอน ส่วนแม่ของเขา เขาก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง.. แล้วแต่อารมณ์น่ะแต่จะไม่ฟังเสียส่วนใหญ่…“มีอะไรครับมาดาม วิลตัน.. ”“ เด็กคนนั้นอยู่ไหน… ”“คนไหนครับ? ”“แกอย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน ไปตามเด็กคนนั้นลงมาคุยกับฉันหน่อย…”“มอลลี่น่ะเหรอ? แม่มีอะไรจะคุยกับเธอ?” เขารู้สึกแปลกๆแล้วนะ ทำไมแม่ต้องอยากคุยกับมอลลี่ด้
Arizona…ตั้งแต่ที่เขามีมอลลี่ติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกอย่างในชีวิตก็แปลกไปหมดทุกเรื่อง ทั้งเรื่องลูกน้อง ลูกชาย และบ้าน.. มันแปลกไป แปลกไปในทิศทางที่นำพาซึ่งความปวดหัว…“เจมส์ ยูจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ…”นั่นไง.. ตอนนี้ทะเลาะกับลูกชายสุดที่รักของเขาแล้ว.. ทะเลาะกันได้ทุกวัน ทะเลาะกันได้ทั้งวัน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมแค่มอลลี่มาอยู่ที่นี่เจมส์ถึงเป็นคนพูดเยอะ ชอบแกล้ง และมีความยิ้มมุมปากบ่อยขึ้น..“แล้วยูจะทำไม ทุกอย่างในบ้านนี้เป็นของแด๊ด.. เงิน และของทุกอย่างที่นี่.. ไอจะทำหรือจะกินอะไรก็ได้ ยูเป็นแค่ผู้อยู่อาศัยและไม่รู้ว่าจะไปเมื่อไรดังนั้นยูไม่ควรจะทำแบบนี้กับไอ..”“รู้.. ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่..”ขวับ…เธอเองก็รู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าของบ้านเธอเป็นผู้อยู่อาศัยที่ถูกจับมาด้วยเรื่องราวบ้าๆบอๆที่เธอก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไร… เธอจำได้ว่าวันนั้นเธอตื่นขึ้นมาและเธอพยายามหนีเออออกมาได้นะแต่เมื่อเธอลองเดินไปเรื่อยๆเธอก็รู้ว่าเธออยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน.. ไม่นานคนของเจสันก็มาเอาตัวเธอกลับไป.. เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านหลังนั้นเขาก็ตะคอกใส่เธอ ด่าว่าเธอด้วยคำพูดคำจาที่เธอเองก็ทั้งตกใจและเสียใจอยู่ ถามว่า
เธอหวังว่าเธอจะไม่เจอเขาอีก.. เรื่องในคืนนั้นทำให้เธอหวาดกลัวเขาไปเลยก็ว่าได้.. เขารุนแรงกับเธอจริงๆเธอเจ็บไปหมดไม่ใช่แค่ร่างกายแต่ส่วนนั้นของเธอเองก็เหมือนกัน.. เธอเจ็บมากๆ..งืด… งืด…“ฮัลโล.. มีอะไรคะเพื่อนรัก.. ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?” แหม… นึกว่าตายไปแล้วซะอีกมีผัวแล้วลืมเพื่อนเลยสินะ…“แวะมาหาหน่อยสิที่บ้านมีอะไรจะเล่าให้ฟัง…”“อะไร? เล่าตอนนี้ไม่ได้เหรอ?”“มาเถอะ… มากินข้าวกันด้วยไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้วนะแล้วตอนนี้นิวัฒน์อาการก็ดีขึ้นแล้วด้วย.. มานะเดี๋ยวจะให้สุทำของชอบไว้ให้..”“ได้ๆ เย็นๆเจอกันนะ…”……“คุณเป็นใครจับฉันมาทำไม..” เธอไปหาโบตั๋นมาเมื่อช่วงเย็นเธอแวะไปกินข้าวที่บ้านหลังใหม่ของโบตั๋นและเธอก็ได้ฟังข่าวดีของโบตั่นนั่นก็คือโบตั๋นท้องแล้ว..ท้องลูกคนที่สองได้ สองเดือนนั่นแสดงว่า.. สองคนนั้นทำเรื่องอย่างว่ากันทั้งที่ยังเจ็บตัวอยู่.. ร้ายกาจๆ และเมื่อเธอขับรถออกมาจากบ้านของโบตั๋นได้ไม่นานอยู่ๆก็มีรถตู้คันนึงขับปาดหน้ารถเธอ เธอก็ไม่ได้ด่าหรือว่าหาเรื่องอะไรเลยสักนิดแต่อยู่ๆก็มีรถอีก2คันขับมาปิดหน้าปิดหลังเธอไม่ให้เธอสามารถขยับไปไหนได้..“หน้าตาแบบนี้นี่เอง.. นายไปจัดการ
เตียงหลังใหญ่ถูกใช้จนคุ้มพื้นที่.. เขาพามอลลี่มาที่บ้านของเขาเพื่อที่จะมาจ่ายค่าแลกเปลี่ยนที่เธอได้คุยกับเอาไว้แล้ว… และการจ่ายสำหรับเขาเขาพึ่งนึกได้ว่าเขาต้องการอะไร.. และเธอต้องจ่ายหนักด้วย…ตับตับตับ…“มอลลี่… อ๊าส์… เสียว.. เสียวมาก..” ตอนนี้กำลังนอนแผ่หราให้มอลลี่โยกขย่มอยู่บนเจ้างูยักษ์ของเขา.. นมเล็กแต่เซ็กส์จัด.. มันเป็นแบบนี้นี่เอง.. ดีนะที่เขาได้บิ้วอารมณ์ให้เธอมาก่อนหน้านี้.. เขาทั้งล้วงทั้งจ้วงเธอมาตลอดทาง.. ไม่สนหรอกเขาไม่สนหรอกว่าเราจะอยู่ที่ไหน.. เขาแค่ต้องการร่างกายของเธอ..“อ๊าห์… ลึก.. มันลึกมาก.. อื้อ..”ตับตับตับ..ตอนนี้เธอรู้แค่ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่มันทำให้เธอมีความสุข.. เธอไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว.. เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เก็บซิงไว้ชิงโชคหรอก.. เธอเริ่มมีเซ็กส์ตั้งแต่เธอ17ปีแล้ว… เพราะเธอเคยได้ยินเพื่อนนักเรียนคุยกันว่าการมีเพศสัมพันธ์กันมันทำให้ผู้หญิงมีความสุข.. แต่เอาจริงๆครั้งแรกของเธอมันไม่ได้ฟินนะมันเจ็บแต่แค่ทำไปนานๆ.. มันก็ฟินดีนะ มันรู้สึกดีถามว่าเธอติดเซ็กส์ไหม? ไม่มีก็ได้ แต่ถ้าได้ก็ดี เธอไม่ติดนะ“อ๊าส์.. แบบนั้นที่รัก… อ๊าส์…”เมื่อความเ
หลังจากที่เขาได้เบอร์โทรของผู้หญิงคนนั้นเขาก็ต้องนำเรื่องที่เธอเล่าให้ฟังเก็บเอาไปคิดเพราะว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะหาใครสักคนโดยที่ไม่มีลักษณะ หน้าตา เลขทะเบียนอะไรเทือกนี้.. มันก็ไม่ง่ายเลยนะเอาจริงๆงืด…. งืด….“ค่ะ.. ”“คุณว่างรึเปล่าคุณมอลลี่.. ออกมาคุยกันหน่อยสิ..” “ว่าง.. ที่ไหน” ไม่รู้สิถ้าถามว่าเธอกลัวเขารึเปล่า ถ้าตอบตามตรงก็มีบ้างเพราะยังไงเขาก็ดูเป็นคนลึกลับและแปลกๆ แต่ตอนนี้เรื่องของเพื่อนเธอสำคัญที่สุดเพราะเธอเป็นห่วงเพื่อนรักของเธอมากเพราะสิ่งที่เพื่อนรักเธอเจอมันไม่ง่ายเลยเหมือนกับว่าเพื่อนของเธอกำลังเจอศึกหนักโดยที่เพื่อนของเธอยืนอยู่ในที่สว่างและคนพวกนั้นอยู่ในที่มืด…“มาที่ร้าน XXX ก็แล้วกัน.. ผมจะไปรอก่อน คุณไม่ต้องรีบนะ แต่ผมรออยู่..”“ แต่สิ่งที่นายพูดออกมามันก็หมายความว่าฉันต้องรีบออกไปย๊ะ.. ” นี่เขาไม่รู้จริงดิ~~~~~“คุณก็มาเร็วเหมือนกันนะ..”“นี่.. ฉันรีบสุดแล้วนะ ฉันเหยียบมา130กว่าๆเลยนะ.. ” เธอไม่เคยขับรถเร็วขนาดนี้เลยนะ ปกติเธอขับแค่ 80 หรือมากสุดก็ 100 กม./ชม. เธอไม่ใช่สายซิ่งเหมือนกับนังโบตั๋นนะ รายนั้นขับรถเร็วมาก..“ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่.. นังเถ