ภายในห้องกระจกสี่เหลี่ยมที่อยู่โซนด้านหลัง ซึ่งเป็นห้องทำงานและห้องวีไอพีสำหรับเจ้าของผับที่มักจะมีเพื่อนสนิทมาดื่มด้วยกันอยู่เป็นประจำ
“มึงควรลืมแล้วเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว”
น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้เพื่อนของเขาลืมเรื่องราวเก่าๆ ในอดีตได้เลยสักนิด
มาร์คหรือเฮียมาร์คเป็นชื่อเรียกติดปากสำหรับนักท่องราตรีขาประจำที่รู้จักคุ้นเคยกับเฮียมาร์คเจ้าของผับเป็นอย่างดี
“….”
ไม่มีคำพูดใดออกจากปากเพื่อนรัก มีเพียงความเงียบปกคลุมภายในห้อง และเหตุการณ์มักจะเป็นแบบนี้ประจำเมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีต
“คนอยู่ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปให้มีความสุข” มาร์คเป็นห่วงแต่ก็ไม่รู้จะปลอบและให้กำลังใจเพื่อนยังไง ทำได้แค่พูดให้กำลังใจ
“ถ้ามันง่ายก็ดีสิ!” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ ตามสไตล์ของมาเฟีย ภายในใจยังคงบอบช้ำจากการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต
เคย์สันหรือเคย์ลูกชายคนกลางของมาเฟียตระกูลดัง เขามีพี่ชายหนึ่งคนชื่อคิมหันต์ (คิม) และน้องสาวสุดที่รักชื่อคาริ
จากการสูญเสียในอดีตที่เกิดขึ้นทำให้เคย์สันยังคงตามสืบเรื่องของภรรยา เพราะเขาคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน
‘จากผลตรวจพบว่าผู้ตายกำลังตั้งครรภ์’ คำพูดของคุณหมอในวันนั้น ยังคงติดอยู่ในใจเขาตลอดเวลา ทั้งภรรยาและลูกต้องจากเขาไป จากชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักและความสุข ทุกอย่างกลับพังทลายลงในพริบตา จากคนที่เคยยิ้มแย้มมีความสุขก็ดูนิ่งเงียบ จมอยู่กับความทุกข์ ชีวิตก็เศร้าหมองจนเพื่อนต้องชวนออกมาดื่มเพื่อผ่อนคลาย
“แต่มึงไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ มึงก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว มึงก็ควรจะเปิดใจได้แล้วนะ” มาร์คพยายามพูดให้เพื่อนก้าวผ่านเรื่องร้ายๆ
“ถ้าจะชวนมาคุยเรื่องเดิมๆ กูกลับดีกว่า” เคย์สันเอ่ยบอกเสียงเซ็ง ไม่ว่าจะออกมาเจอกันกี่ครั้งเพื่อนก็ยังพูดแต่เรื่องเดิมๆ
ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตั้งท่าจะกลับ เพราะคิดว่าเพื่อนไม่เข้าใจและเอาแต่พร่ำบอกให้เขาเปิดใจ
“มึงจะไปไหนวะ” แดเนียลที่เดินเข้ามาเห็นก็ถามขึ้น
“มึงมาก็ดีแล้ว ช่วยพูดกับมันหน่อย” มาร์คหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่เข้ามาใหม่ทันที
“มึงจะรีบไปไหน นั่งดื่มกับกูก่อนดิวะ” แดเนียลดึงแขนมาเฟียหนุ่มให้นั่งลงที่เดิม
“กูชวนมันมาผ่อนคลายแท้ๆ งานยิ่งเครียดๆ ก็ต้องมานั่งเศร้ากับมันอีก” มาร์คบ่นให้แดเนียลฟังทันที
“แล้วทำไมมึงไม่ปลอบใจมันเองล่ะ” แดเนียลถามขึ้น
“กูไม่เคยมีเมียมาก่อน กูก็ไม่รู้จะปลอบมันยังไง” คนไร้ประสบการณ์ปฏิเสธไปตามตรง
“ไม่ได้เรื่องเลยมึง ต้องให้ถึงมือกูตลอด กูก็เข้าใจมึงนะ แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว มึงก็ต้องเปิดใจผ่านมันไปให้ได้ พวกกูเป็นห่วงมึงนะ”
แดเนียลหันไปบอกมาร์ค ก่อนที่ประโยคต่อมาจะหันไปบอกเคย์สันด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ใจเย็น
“พวกมึงไม่เบื่อกันหรือไง พูดเรื่องเดิมซ้ำอยู่ได้!”
ในขณะที่ภายในห้องกำลังตึงเครียดกันอยู่ แต่ด้านนอกกลับมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น
“หลีกทางเดี๋ยวนี้นะ” ฮันน่าตะคอกเสียงดังเมื่อโดนชายชุดดำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องขวางทางเอาไว้
“ไม่ได้ครับ” ชายชุดดำตอบเสียงเรียบ ใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ ราวกับหุ่นยนต์
“ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้ ในเมื่อฉันรู้จักคนที่อยู่ข้างใน”
ฮันน่าชี้เข้าไปหาเฮียมาร์คที่อยู่ภายในห้อง แต่เมื่อโดนปฏิเสธซ้ำๆ มือบางจึงหยิบแบงค์ในกระเป๋ามาจ่ายค่าผ่านทาง
“ไม่ได้ครับ!!”
น้ำเสียงหนักแน่นและท่าทางจริงจัง ทำเอาหญิงสาวหน้าเสีย แต่เธอก็ไม่ยอมท้อ ยังไงก็จะเอาเบอร์ผู้ชายคนนั้นมาให้ได้
“ฉันไม่เข้าไปก็ได้ เห็นไหมเขากำลังจะเดินออกมาหา แบบนี้เขาเรียกว่าพรหมลิขิตชัดๆ” ฮันน่าไม่พูดเปล่ามือบางชี้ไปยังชายหนุ่มที่กำลังตั้งท่าลุกเดินออกมา
“สะ…”
เคย์สันมองหน้าหญิงสาวเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเดินผ่านเธอออกไป โดยที่ไม่ได้สนใจใบหน้าสวยที่กำลังจะเอ่ยทักทายเขาเลยสักนิด
มือบางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ถึงเธอจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมองข้ามความสวยของเธอไปแบบนี้
“หยุดก่อนค่ะ! ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ร่างเล็กยืนกางแขนขวางทางมาเฟียหนุ่มเอาไว้
“….”
“ฉันขอเบอร์โทรคุณหน่อยค่ะ” ฮันน่ายื่นโทรศัพท์ให้เหมือนกับที่เคยขอเบอร์ผู้ชายคนอื่นๆ
“หลีกไป!!” เคย์สันยืนสำรวจหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เมื่อก่อนเหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นกับเขาอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งมักจบลงที่เตียงเสมอ แต่ตอนนี้เขากลับรำคาญและไม่ชอบให้ผู้หญิงคนไหนมายุ่งวุ่นวายในชีวิต
ใบหน้าสวยรู้สึกชาวูบเมื่อโดนปฏิเสธ ฮันน่าตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะวิ่งตามชายหนุ่มออกไป รู้จักคนอย่างฮันน่าน้อยไปซะแล้ว
..
ฮันน่ามาแล้วค่าาา
น้องจะทำยังไงต่อไปน๊าาา
ฝากติดตาม กดไลค์ และคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
เคย์สันเดินออกมายังลานกว้างเพื่อหาที่ดูดบุหรี่ผ่อนคลายความรู้สึกทั้งหมดที่ติดอยู่ภายในใจ“ถ้ารำคาญก็ให้เบอร์มาสิ ให้แล้วก็จบจะได้ออกไป” ฮันน่ายังคงยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ยอมแพ้“ฮันน่ามาทำอะไร” เฮียมาร์คเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินออกมาเห็นเพื่อนสนิทของกวิน ก่อนที่เขาจะดึงแขนเธอออกมาให้ห่างจากเคย์สัน“มาขอเบอร์ผู้ชายค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามตรง เพราะเธอเป็นคนตรงๆ แบบนี้อยู่แล้ว“ใคร?” เฮียมาร์คถามขึ้นโดยที่ในใจยังแอบหวังว่าจะไม่ใช่เพื่อนสนิทของตัวเอง“คนนั้นไงคะ” มือบางชี้ไปยังเป้าหมายทันที“ไม่ได้ คนนี้ไม่ใช่คนที่ใครๆ จะยุ่งด้วย”“งั้นเฮียมาร์คช่วยไปขอให้หน่อยดิ”“ยืนรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเฮียไปถามให้”มาร์คอยากจะช่วยให้เพื่อนรักลืมเรื่องราวในอดีตและอยากจะให้ลองเปิดใจดูบ้าง อย่างน้อยฮันน่าก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่พอสมควร“สนใจไหม” มาร์คหยุดยืนตรงหน้าเคย์สันก่อนจะถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม“ไม่!!”คำตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความอย่างชัดเจน เพราะคนอย่างเคย์สันพูดคำไหนคำนั้นไม่มีเปลี่ยนใจ“ก็แค่ขอเบอร์ไม่ได้ขอแต่งงานไม่ต้องคิดนานขนาดนั้นก็ได้!” ฮันน่าทนยืนดูเฉยๆ ต่อไปไม่ไหวจึงเดินเข้ามาบอกด้วยค
ฮันน่านั่งดื่มกับเพื่อนอย่างต่อเนื่อง แต่ในสมองกลับคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ได้เบอร์โทรของชายหนุ่มมาสายตาคู่สวยจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ในห้องวีไอพีผ่านกระจกอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่ร่างหนาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินออกจากห้องวีไอพีพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองคน“มึงจะไปไหน?” กวินถามขึ้นเมื่อเห็นฮันน่าตั้งท่าจะเดินออกจากโต๊ะ“จะไปเข้าห้องน้ำ” ฮันน่าเลือกที่จะโกหก เพราะถ้าขืนพูดความจริงไปมีหวังโดนกวินห้ามไม่ให้ไปแน่หญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินออกมายังลานจอดรถ เพื่อรอใครบางคนที่เธออยากจะคุยด้วย เพราะยังไงวันนี้เธอก็ต้องได้!! (หมายถึงได้เบอร์นะ)“ไม่น่าดื่มเยอะเลย” ฮันน่าพึมพำกับตัวเองเบาๆ เธอพยายามยืนให้ตรงและเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ถึงแม้จะเมาแค่ไหนก็ตามทว่าครั้งนี้เธอรู้ประวัติเขามาคร่าวๆ แล้ว แบบนี้เธอต้องเปลี่ยนความคิดและคำพูดให้ดีกว่าเดิม เผื่อว่าอะไรจะง่ายขึ้นสายตาเฉี่ยวคมมองสำรวจไปทั่วลานจอดรถ ก่อนจะเห็นรถยนต์คันหรูที่มีบอดี้การ์ดยืนรออยู่เกือบสิบคน“ต้องใช่คันนั้นแน่ๆ” ฮันน่าไม่รอช้ารีบเดินตรงเข้าไปทันที“จะไปไหนครับ” โรมันลูกน้องคนสนิทของมาเฟียหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ พร้อมกับ
ปัง!! ปัง!! ปัง!!“อร๊ายยยย!!”เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความกลัวและตกใจ มือเล็กปิดหูทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ก่อนที่ร่างกายจะลอยไปตามแรงของชายหนุ่มตุบ!!“โอ๊ย!”ร่างเล็กถูกเหวี่ยงเข้ามาในรถ ทำให้ร่างกายกระแทกกับเบาะอย่างแรง ใบหน้าสวยยู่หน้าด้วยความเจ็บ ถึงแม้ในใจอยากจะด่าคนทำมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูกปรื้นนน~รถยนต์คันหรูขับเคลื่อนออกไปด้วยความเร็ว พร้อมกับรถยนต์อีกสองคันขับตามออกไปติดๆ“หมอบลง!!” มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน พร้อมกับจับคนตัวเล็กให้นั่งลงที่พื้นเพื่อความปลอดภัย“ช่วยหนูด้วย หนูยังไม่อยากตาย” ฮันน่าหลับหูหลับตายกมือขึ้นไหว้ด้วยความกลัว เกิดมายังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยสักครั้ง ทำเอาร่างเล็กสั่นไปหมดทั้งตัวเคย์สันมองคนตัวเล็กนั่งตัวสั่น ก่อนจะยกยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ก่อนหน้านี้เธอยังทำเป็นเก่งอยู่เลยด้วยซ้ำปัง!! ปัง!!เสียงปืนดังขึ้นตลอดทาง และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลยสักนิด โชคดีที่เวลานี้ไม่มีผู้คนขับรถผ่าน และตอนนี้เหลือรถยนต์เพียงสองคันที่ตามไล่ยิงกันอยู่ ส่วนรถยนต์อีกคันนั้นถูกยิงเสียหลักลงข้างทางไปแล้ว“สงสัยจะเป็นพวกเดิมค
“ที่คุณไม่ยอมให้เบอร์เพราะอยากเล่นตัวหรืออยากให้ฉันอยู่ด้วยกันแน่ ทำไมถึงไม่ยอมให้สักที”“มั่นใจเหรอที่พูดแบบนี้ออกมา”สายตานิ่งเรียบมองใบหน้าสวยเพียงแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องรับแขก โดยที่ไม่สนใจรอฟังคำตอบของเธอ“จะเล่นตัวไปถึงไหน แค่ให้เบอร์ก็จบแล้วปะ” ฮันน่าเดินตามเข้าไปใกล้แล้วยื่นโทรศัพท์ให้คนตรงหน้าเหมือนที่เคยทำ สวยขนาดนี้ผู้ชายก็ต้องใจอ่อนยอมให้เบอร์แล้วไหมเคย์สันพยายามไม่สนใจ แต่คำพูดและท่าทางของเธอทำให้เขาอดไม่ได้จริงๆ ดื้อแบบนี้คงต้องจัดการให้เข็ดจะได้ไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกร่างสูงไม่รอช้ารีบเดินเข้าหาสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะเก่งสักแค่ไหน เวลาที่อยู่กับเขาสองต่อสองตึกตัก!! ตึกตัก!!ฮันน่าเดินถอยหลังทีละก้าว ทีละก้าว หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้เธอจนเกินไป ถึงผู้ชายตรงหน้าจะหล่อและดูดีสักแค่ไหน เธอก็จะไม่มีวันเผลอตัวเผลอใจไปกับความหล่อของเขาเด็ดขาด“โอ๊ย!!” ร่างเล็กเอาแต่ถอยหนีจนไม่ได้สนใจที่จะดูทาง ทำให้เธอเสียหลักล้มลงบนโซฟาฮันน่ามัวแต่ตามเขาจนลืมไปเลยว่าตอนนี้เธออยู
ฮันน่านั่งเงียบมาตลอดทาง ในหัวก็คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ความรู้สึกและคำถามมากมายติดอยู่ภายในใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอไม่ทันตั้งตัว“ถึงแล้วครับ” โรมันเอ่ยบอกเมื่อมาถึงหน้าคอนโดหรู แต่หญิงสาวกลับนั่งเหม่อลอย“คะ อะไรนะคะ” ฮันน่าสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด และเธอไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้า“ถึงแล้วครับ” โรมันเอ่ยบอกอีกครั้ง“อ๋อ… ค่ะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเดินลงจากรถ และไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณคนที่มาส่งเธอ“ไม่เป็นไรครับ” ใบหน้านิ่งเรียบมองหญิงสาวตรงหน้า ในใจมีคำถามมากมายอยากจะถามเธอ และเขาก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทั้งๆ ที่เจ้านายเขาไม่เคยคิดจะอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่สำหรับเธอ… ทำไมถึงได้เข้าไปอยู่ในห้องกับเจ้านายเขาสองต่อสอง และออกมาในสภาพชุดที่ขาดหลุดลุ่ยแบบนี้“เสื้อค่ะ” ฮันน่าถอดเสื้อสูทที่คลุมร่างกายเอาไว้คืนให้ชายหนุ่ม“แน่ใจนะครับว่าจะเดินไปแบบไม่ใส่เสื้อคลุม”“แน่ใจค่ะ”ฮันน่ายืนยันคำตอบอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มบางๆ เวลานี้คนไม่ค่อยมีเธอไม่จำเป็นที่จะใส่คลุมก็ได้ ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว นอกจากพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เพียงไม่กี่คนร่างเล็กเดินเข้าไปในคอนโดโดยที่ไม่ส
@ร้านอาหาร“หวังว่าอนาคตเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันนะครับ”“แน่นอนครับ”เคย์สันจับมือกับลูกค้าคนสำคัญหลังจากที่คุยเรื่องธุรกิจกันเสร็จเรียบร้อย เนื่องจากประสบการณ์และอายุที่ใกล้เคียงกันทำให้ทั้งสองคุยกันราบรื่นและทุกอย่างก็เป็นไปในทางที่ดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครืด~ ครืด~แต่ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อ อยู่ๆ โทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน สายตานิ่งเรียบจ้องมองหน้าจอและทำท่าทางลังเลที่จะรับสาย“รับสายก่อนก็ได้ครับ” เคย์สันเอ่ยบอกไปตามมารยาท“ขอโทษด้วยนะครับ” น้ำเสียงนิ่งเรียบตอบกลับด้วยความเกรงใจ ก่อนจะกดรับสายที่เขาไม่อาจจะปฏิเสธได้(พี่มาทานข้าวกับใครคะ?)เมื่อกดรับสายปลายสายก็ตามขึ้นด้วยความอยากรู้ทันที ถึงแม้เธอจะรู้คำตอบอยู่ในใจแล้วก็ตาม“มีอะไรหรือเปล่า?” เฮย์เดนว่าที่ประธานบริษัทคนใหม่เอ่ยถามคนในสายอย่างไม่รอช้า(ก็หนูเห็นรถพี่จอดอยู่หน้าร้านอาหารอะ)“พี่มาคุยงานกับลูกค้า” เฮย์เดนตอบน้องสาวในสายอย่างไม่อ้อมค้อม(อย่ามาโกหกหนูนะ) ปลายสายถามติดตลกและไม่ยอมเชื่อพี่ชาย“พี่มาคุยงานจริงๆ” เฮย์เดนยังคงยืนยันคำตอบเดิม(คุยงานแล้วทำไมถึงรับสายหนูได้คะ? พี่มาทานข้าวกับสาวก็บอกม
ใบหน้าสวยนั่งทำหน้าคิดหนักมาตลอดทาง พอมาถึงลานจอดรถก็รีบมองสำรวจไปทั่วบริเวณ เพื่อมองหารถยนต์คันหรูที่เธอรู้จักและจำได้ขึ้นใจฟู่ววว~ฮันน่าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นรถยนต์คันไหนที่น่าสงสัยเลยสักคัน ก่อนที่เธอจะเดินลงจากรถอย่างอารมณ์ดี“เป็นอะไรของมึงเนี่ย!” กวินถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตอนนั่งรถมากับเขายังทำหน้าบูดอยู่เลย“รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ” ฮันน่ายิ้มให้ก่อนจะเดินนำเข้าไปในผับที่คุ้นเคยอย่างอารมณ์ดีส่วนทางด้านมาเฟียหนุ่มที่ไม่อยากจะมา แต่ก็โดนเพื่อนโทรตามและบังคับให้ออกมาเที่ยวเหมือนเคย“ทำไมกูต้องไป” เคย์สันถามคนในสายที่พยายามพูดให้เขาเปลี่ยนใจอยู่หลายนาที(วันนี้วันศุกร์นักศึกษาสาวๆ สวยๆ มาเที่ยวกันเยอะ มึงก็ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง) มาร์คบอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางตื่นเต้นเมื่อเขาแอบเล็งสาวสวยเอาไว้แล้ว“ขอคิดดูก่อน”เคย์สันไม่อยากจะออกไป แต่พอได้ยินคำว่านักศึกษา ในใจก็แอบคิดไปถึงหญิงสาวที่เขาเจอในวันนี้ ซึ่งพอเธอใส่ชุดนักศึกษาก็ดูน่ารักไปอีกแบบ แต่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะได้เจอเธอที่ผับอีกหรือเปล่า(ไม่ต้องคิด รีบออกมาเลยไอ้แดนใกล้จะถึงแล้ว)“อืม” เคย์ส
ร่างบางเดินตามหลังเพื่อนขึ้นมาด้านบนด้วยอาการประหม่า ความคิด ความรู้สึกต่างๆ วิ่งวนสับสนปะปนกันไปหมดยิ่งเวลาที่จะเจอหน้ากันเธอยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำตัวแบบไหน นั่งยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก จากคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง ตอนนี้กลับไม่เหลือความมั่นใจอะไรเลยเฮ้อ~ฮันน่าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อชายหนุ่มอีกคนไม่อยู่ ซึ่งทำให้เธอยังพอมีเวลาที่จะทำใจ และคิดหาทางออกได้บ้างทว่ายังไม่ทันที่ฮันน่าจะได้คิดอะไรออก ร่างสูงก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมบอดี้การ์ดอีกหลายคนเช่นเคยสายตาคมจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ยากเกินจะคาดเดา ทำเอาคนตัวเล็กที่ถูกมองทำตัวไม่ถูกฮันน่าเริ่มเสียอาการและมีท่าทางเลิ่กลั่ก ก่อนจะตั้งสติและพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ส่วนชายหนุ่มก็นั่งลงที่เดิมตามปกติและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นถึงบรรยากาศโดยรอบจะดูครึกครื้นแต่บนชั้นสองกลับดูอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน เพราะเพื่อนๆ ต่างสังเกตอาการผิดปกติของคนทั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่“มาๆ ชนแก้ว”กวินพูดแทรกขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งก็เรียกความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฮันน่าที่ยกแก้วขึ้นดื่ม ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำแต่ในขณะที่ทุก
เช้าวันต่อมาฮันน่ากับเคย์สันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสองก็จัดการเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เรียบร้อยค่าใช้จ่ายในงานทั้งหมดที่เคย์สันต้องจ่ายเกือบสองล้าน เพราะมีทั้งค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าเวที ค่านักร้อง ค่าเครื่องดื่ม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งยังไม่รวมค่าชุดกับค่าแต่งหน้าที่เขาจะต้องกลับไปเคลียร์ที่กรุงเทพฯ อีกวันนี้ฮันน่าชวนเคย์สันออกไปเดินเล่นที่ริมทะเล เนื่องจากต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน จึงต้องออกมาเดินเที่ยวเล่นชมบรรยากาศกันสักหน่อย“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฮันน่าถามขึ้นเมื่อเคย์สันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่“เอ่อ… คือ งานที่กรุงเทพมีปัญหา ต้องรีบกลับไปเคลียร์” เคย์สันอ้ำอึ้งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา ซึ่งเป็นงานสำคัญที่เขาไม่อาจจะเลี่ยงได้“หนูขอไปเก็บของก่อนได้มั้ยคะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ถึงในใจจะแอบผิดหวังอยู่บ้าง“ไม่อยู่เที่ยวต่อเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าฮันน่าชอบทะเลมากแค่ไหน ถ้าได้มาแล้วเขาก็อยากจะให้เธอได้พักผ่อนที่นี่ก่อน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับพร้อมเฮียเลยดีกว่า” ฮันน่าตอบ“เดี๋ยวจะพามาเที่ยวใหม่
พิธีการต่างๆ ถูกดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของงาน นั่นก็คือการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ถึงแม้แขกบางส่วนจะทยอยกลับกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลือบางส่วนที่รออยู่จนถึงขั้นตอนนี้ทุกคนต่างก็ร่วมอวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกันอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองคนได้พักผ่อนและมีเวลาส่วนตัว“ม๊าอยากเลี้ยงหลานแล้วนะ” ก่อนจะออกไปคุณแม่ของฮันน่าก็ไม่ลืมที่จะพูดย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง“ม๊าคะ” ใบหน้าสวยร้อนแผ่วรู้สึกเขินอายในสิ่งที่คุณแม่พูดออกมา“ไม่ต้องห่วงนะครับ” เคย์สันหันไปบอกแม่ยายพร้อมรอยยิ้ม เพราะเขาเองก็อยากจะมีลูกแล้วเหมือนกันหลังจากที่ทุกคนเดินออกไป เคย์สันก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างทันที“เหนื่อยมั้ย” มาเฟียหนุ่มถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง มือหนาจับปลายคางให้เชิ่ดขึ้น เพื่อที่เขาจะได้มองใบหน้าสวยได้ชัดเจน“นิดหน่อยค่ะ” ฮันน่าฉีกยิ้มกว้างถึงแม้จะเหนื่อยแต่ทุกอย่างก็คุ้มค่าสำหรับเธอ“แล้วเมื่อไหร่เราจะมีลูกด้วยกัน” เคย์สันถามขึ้น เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮันน่าจะท้องเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจทำมาตลอด“เฮียอยากมีลูกเหรอคะ” ฮันน่าถามย้ำด้วยความตก
วันต่อมาเวลา 16:00 น.แสงแดดอ่อนๆ กับสายลมเย็นสบาย เสียงคลื่นซัดสาดเป็นระยะ บรรยากาศเย็นสบายตามแบบฉบับของธรรมชาติหาดทราย สายลม แสงแดด ท้องฟ้าสีสวย กับทะเลสีคราม ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนโต๊ะเก้าอี้จัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม มีทั้งโซนอาหารและเครื่องดื่มที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับแขกทุกคนที่มาร่วมงานทางเดินเล็กๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เดินขึ้นเวที และตลอดทางก็มีดอกกุหลาบสีขาวสลับกับสีแดงสดจัดเรียงเอาไว้ทั่วงาน ซึ่งดูสวยงามและลงตัวเป็นอย่างมากและตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานแล้ว แขกในงานก็เริ่มทยอยมากันจนใกล้จะครบแล้ว บรรดาเพื่อนๆ ต่างทำหน้าที่ต้อนรับแขกแทนเจ้าของงานได้เป็นอย่างดีทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างก็เป็นคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิทที่ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีในงานวันนี้“ข้างนอกคนเยอะมั้ย” ความตื่นเต้นทำเอาเจ้าสาวของงานเดินไปเดินมาไม่หยุด ใครเข้ามาก็ถามทุกครั้งว่าคนเยอะหรือเปล่าฮันน่าอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตา ภายนอกอาจจะดูเรียบๆ แต่กลับมีลายปักดอกไม้แฝงอยู่ด้านในเพื่อเพิ่มเสน่ห์และลวดลายให้ดูน่าค้นหามากขึ้น“ไม่เยอะหรอก” ค
สามเดือนต่อมา@ภูเก็ตประเทศไทยฮันน่าตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะงานนี้จะต้องออกมาดีและสวยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อาหาร ดอกไม้ และโรงแรม เรียกได้ว่าฮันน่าดูแลทุกขั้นตอนทว่าฮันน่าคนเดียวคงดูแลไม่ไหว เพราะมีเพื่อนๆ คอยให้คำปรึกษาและแนะนำอยู่ตลอด อย่างเช่นตอนนี้…“งานนี้ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อทุกอย่างใกล้จะเสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่เพียงเก็บรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อยดี“ขอบใจมากนะที่มาช่วย” ฮันน่าขอบคุณนาเดียที่มาช่วยเธอออกแบบและทำทุกอย่าง“เพื่อนจะแต่งงานทั้งทีก็ต้องมาช่วยสิ เดี๋ยวอีกหน่อยพวกนั้นก็คงมาถึง” นาเดียบอกพร้อมรอยยิ้ม และอีกหน่อยคริสตัลกับไอรินก็คงจะมาถึงกันแล้ว“แล้วพี่หมอล่ะ” ฮันน่าถามถึงคุณหมอคีรินทันที“ทำงานอยู่ คงจะมาถึงตอนดึกๆ นู้นแหละ” นาเดียตอบไป เพราะช่วงนี้คนไข้เยอะพี่หมอก็ทำงานจนแทบจะไม่ได้พัก“แล้วพวกนั้นถึงไหนกันแล้ว” ฮันน่าเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เมื่อเห็นนาเดียทำหน้าเศร้าขึ้นมา“อ้าว นั่นไงมาถึงพอดีเลย” นาเดียชี้ไปยังทางเดินที่มีสองสาวกำลังเดินมา“ใครเป็นคนออกแบบเนี่ย จัดงานได้
วันต่อมา“อื้อออ” ร่างเล็กรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อมีแสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องนอน ร่างกายร้าวระบมไปทั่วทุกส่วนจนแทบจะขยับไม่ได้ฮันน่ามองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ซึ่งเขานั้นจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตเธอร่างบางพยายามขยับตัวช้าๆ เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น เพราะเธออยากจะให้เขาได้นอนพักต่ออีกสักนิดวันนี้ฮันน่าเลือกใส่ชุดเดรสแขนสั้นคลุมเข่าเนื้อผ้าเบาสบาย เพราะเธอจะต้องไปรับและพามินตราไปเที่ยวตลอดทั้งวัน“สายแล้วนะคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” ฮันน่าก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหูของมาเฟียหนุ่มเหมือนทุกครั้ง“ทำไมช่วงนี้ตื่นเช้าทุกวันเลย” เคย์สันถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเป็นฝ่ายปลุกเธอตลอด“พาหนูมินไปเที่ยวกันค่ะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเมื่อพูดถึงเด็กตัวเล็ก“เที่ยวที่ไหน” เคย์สันยังคงถามต่อ เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าเธอจะพามินตราไปเที่ยวที่ไหน“ทะเลค่ะ หนูเตรียมชุดเอาให้เฮียแล้วนะคะ”“ห้ามใส่บิกินี” น้ำเสียงดุดันเอ่ยห้ามก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ“รู้ได้ไง” ฮันน่าถึงกับนั่งทำหน้าเซ็ง เพราะเธอแอบเตรียมชุดว่ายน้ำใส่ในกระเป๋าเ
@โรงแรม“เป็นอะไรหรือเปล่า?”เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องพัก เคย์สันก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าฮันน่าจะคิดมากเรื่องที่เขาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้มีนากับลูกสาว“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างเพื่อยืนยันคำตอบว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ“คิดมากเรื่องมีนามั้ย”“เรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่ฉันเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้มีนากับลูกสาวไง”“หนูเข้าใจทุกอย่าง ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยค่ะ” ฮันน่าตอบไปตามความจริง เพราะเธอไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิด“จริงเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ“จริงค่ะ แบบนี้สิคะถึงเหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกในอนาคต” ฮันน่าบอกอย่างภูมิใจ อย่างน้อยเธอก็ได้คนดีๆ อย่างเคย์สันมาร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน และเธอคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขมากแน่ๆ“ฉันก็นึกว่าเธอจะน้อยใจซะอีก” เคย์สันตอบไปตามที่คิด“หนูไม่ใช่คนงี่เง่านะคะ แล้วอีกอย่างหนูก็เป็นคนดีด้วย” ฮันน่ายิ้มกว้างไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดมาก“ขอบคุณนะที่เข้าใจฉัน” มือหนารวบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น“ก็รักไงคะหนูถึงเข้าใจ” ฮันน่ากอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ต่างกัน นับวันเธอยิ่งรักเขามากขึ้น“ไปอาบน้ำกันเถ
วันต่อมาฮันน่าตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายแล้วรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทันที เมื่อคืนเธอตื่นเต้นและเตรียมของเกือบทั้งคืน ตอนแรกเธอว่าจะไม่นอนด้วยซ้ำ แต่พอรอไปรอมาเธอก็เผลอหลับจนถึงบ่าย“เสร็จหรือยัง?” ใบหน้าหล่อถามพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอเดินไปเดินมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น“อืม… น่าจะเสร็จแล้วค่ะ” ฮันน่ามองสำรวจของในกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยว่าเธอไม่ได้ลืมอะไร“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” เคย์สันถามขึ้นด้วยความอยากรู้“ก็หนูดีใจหนิคะ ไม่ได้เจอน้องมินตั้งหลายเดือนแล้ว”ฮันน่ารู้สึกผูกพันกับมินตรามาก เพราะก่อนที่มินตราจะไปอยู่ต่างประเทศ เธอก็เป็นคนช่วยดูแลมินตราทุกวัน จนทำให้เกิดความรักและความผูกพัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” โรมันเดินเข้ามารายงานและช่วยถือของให้เจ้านายตามหน้าที่“รีบไปกันเถอะค่ะ” ฮันน่าเดินเข้าไปกอดแขนเคย์สันเอาไว้แน่นก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปด้วยกันโชคดีที่มาเฟียหนุ่มมีเครื่องบินส่วนตัว จึงไม่ต้องไปนั่งรอที่สนามบินให้เสียเวลา พอไปถึงก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องบินทันทีใช้เวลาเดินทางเกือบสิบชั่วโมงกว่าจะมาถึง ซึ่งฮันน่ากับเคย์สันเลือกที่จะพักที่โรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจาก
สามเดือนต่อมา“ขอบคุณนะคะ” ฮันน่าเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มที่กำลังยืนตรวจเช็คความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจก“ขอบคุณเรื่องอะไร” เคย์สันถามกลับด้วยความสงสัย“ขอบคุณที่ตามใจหนูทุกอย่างไงคะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เพราะไม่ว่าเธอจะขออะไรเขาก็ยอมตามใจเธอทุกอย่างนับวันฮันน่าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น และเธอยิ่งมั่นใจว่าเธอคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่จะแต่งงานกับเคย์สัน“จะมีเมียแล้วก็ต้องตามใจเมียสิ” เคย์สันตอบท่าทางทะเล้น“น่ารักที่สุดเลยค่ะ”“น่ารักแล้วรักมั้ยล่ะ?” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยความอยากรู้“รักสิคะ รักมากด้วย” ฮันน่าตอบเสียงหวาน พร้อมกับกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รีบลงไปข้างล่างกันเถอะ ก่อนที่จะไม่ได้ลงไป”เพียงแค่ร่างกายเนียนนุ่มมาสัมผัสที่ตัว ก็ยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มเกิดอารมณ์พุ่งพล่าน จนต้องเอ่ยท้วงขึ้น“ทำไมล่ะคะ?” คนตัวเล็กยังคงแกล้งถามกลับ ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งๆ ที่ในใจเธอรู้ความหมายเป็นอย่างดีพรึบ!!เคย์สันไม่ตอบอะไร แต่กลับคว้าใบหน้าสวยเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้นมาขัดจังหวะ ก่อนที่ใบ
หลังจากที่ภาพขอแต่งงานถูกปล่อยออกไปและฮันน่าก็ถ่ายภาพโชว์แหวนเพชรเม็ดโตลงอวดเพื่อน แต่กลับทำให้เธอกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน และเป็นคนที่สาวๆ ทั้งประเทศอิจฉา ที่เธอจะได้แต่งงานกับมาเฟียที่ทั้งหล่อและรวยมากๆภายในเวลาชั่วข้ามคืนแต่กลับทำให้ชีวิตของฮันน่าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก มีคนติดตามเยอะยิ่งกว่าดาราเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต่างก็ให้ความสนใจในตัวเธอกันทั้งนั้น“หนูไปเรียนก่อนนะคะ” คนตัวเล็กเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มด้วยท่าทางออดอ้อนเช่นเคยเหมือนที่เคยทำ“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เคย์สันถามขึ้นนับวันเขายิ่งหวงจนแทบตะไม่อยากปล่อยให้เธอไปเรียน“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะเรียนไม่จบ” ฮันน่ายังคงอ้อนเขาเช่นเคย“เรียนไม่จบก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เมียคนเดียวฉันเลี้ยงได้” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นนับวันยิ่งตัวติดกัน นับวันยิ่งไม่อยากห่างไปไหน“ไม่ได้ค่ะ หนูต้องเรียนให้จบเผื่อว่าในอนาคตหนูจะได้ทำงานช่วยเฮียไงคะ” ฮันน่าตอบเพราะเรียนจบเธออยากจะช่วยเขาทำงาน ดีกว่าจะต้องมานั่งรออยู่เฉยๆ“ก็ได้” สุดท้ายเคย์สันก็ยิมใจอ่อนปล่อยให้เธอไปเรียน เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้วเคย์สันเป็นคนไปรับไปส่