ใบหน้าสวยนั่งทำหน้าคิดหนักมาตลอดทาง พอมาถึงลานจอดรถก็รีบมองสำรวจไปทั่วบริเวณ เพื่อมองหารถยนต์คันหรูที่เธอรู้จักและจำได้ขึ้นใจฟู่ววว~ฮันน่าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นรถยนต์คันไหนที่น่าสงสัยเลยสักคัน ก่อนที่เธอจะเดินลงจากรถอย่างอารมณ์ดี“เป็นอะไรของมึงเนี่ย!” กวินถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตอนนั่งรถมากับเขายังทำหน้าบูดอยู่เลย“รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ” ฮันน่ายิ้มให้ก่อนจะเดินนำเข้าไปในผับที่คุ้นเคยอย่างอารมณ์ดีส่วนทางด้านมาเฟียหนุ่มที่ไม่อยากจะมา แต่ก็โดนเพื่อนโทรตามและบังคับให้ออกมาเที่ยวเหมือนเคย“ทำไมกูต้องไป” เคย์สันถามคนในสายที่พยายามพูดให้เขาเปลี่ยนใจอยู่หลายนาที(วันนี้วันศุกร์นักศึกษาสาวๆ สวยๆ มาเที่ยวกันเยอะ มึงก็ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง) มาร์คบอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางตื่นเต้นเมื่อเขาแอบเล็งสาวสวยเอาไว้แล้ว“ขอคิดดูก่อน”เคย์สันไม่อยากจะออกไป แต่พอได้ยินคำว่านักศึกษา ในใจก็แอบคิดไปถึงหญิงสาวที่เขาเจอในวันนี้ ซึ่งพอเธอใส่ชุดนักศึกษาก็ดูน่ารักไปอีกแบบ แต่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะได้เจอเธอที่ผับอีกหรือเปล่า(ไม่ต้องคิด รีบออกมาเลยไอ้แดนใกล้จะถึงแล้ว)“อืม” เคย์ส
ร่างบางเดินตามหลังเพื่อนขึ้นมาด้านบนด้วยอาการประหม่า ความคิด ความรู้สึกต่างๆ วิ่งวนสับสนปะปนกันไปหมดยิ่งเวลาที่จะเจอหน้ากันเธอยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำตัวแบบไหน นั่งยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก จากคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง ตอนนี้กลับไม่เหลือความมั่นใจอะไรเลยเฮ้อ~ฮันน่าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อชายหนุ่มอีกคนไม่อยู่ ซึ่งทำให้เธอยังพอมีเวลาที่จะทำใจ และคิดหาทางออกได้บ้างทว่ายังไม่ทันที่ฮันน่าจะได้คิดอะไรออก ร่างสูงก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมบอดี้การ์ดอีกหลายคนเช่นเคยสายตาคมจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ยากเกินจะคาดเดา ทำเอาคนตัวเล็กที่ถูกมองทำตัวไม่ถูกฮันน่าเริ่มเสียอาการและมีท่าทางเลิ่กลั่ก ก่อนจะตั้งสติและพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ส่วนชายหนุ่มก็นั่งลงที่เดิมตามปกติและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นถึงบรรยากาศโดยรอบจะดูครึกครื้นแต่บนชั้นสองกลับดูอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน เพราะเพื่อนๆ ต่างสังเกตอาการผิดปกติของคนทั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่“มาๆ ชนแก้ว”กวินพูดแทรกขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งก็เรียกความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฮันน่าที่ยกแก้วขึ้นดื่ม ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำแต่ในขณะที่ทุก
“ใครจ้างมึงมา!” น้ำเสียงดุดันเอ่ยถามด้วยความรู้สึกโกรธแค้นแทนคนเป็นเจ้านายผัวะ!! ผัวะ!!เคย์สันยืนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ เพราะเรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นกับเขาอยู่เป็นประจำ“มึงจะไม่พูดใช่ไหม!” โรมันหยิบมีดแหลมคมขึ้นมาเพื่อขู่ให้ศัตรูกลัวและยอมพูดความจริงออกมา“….”ชายหนุ่มเงียบไม่พูดอะไร อีกทั้งมือและเท้าก็ถูกมัดแน่นด้วยเชือกเส้นใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดและร่องรอยการถูกทำร้ายที่ยับเยินพอสมควร“กูจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มึงจะไม่ได้มีโอกาสหายใจบนโลกใบนี้ต่อ”“มึงทำงานให้ใคร!!” โรมันยังคงถามประโยคเดิมเพื่อเค้นเอาคำตอบจากศัตรูเคย์สันมองดูข้อความและรูปภาพในโทรศัพท์ที่ถูกส่งรายงานผ่านช่องทางออนไลน์ไปแล้ว ถึงแม้จะลบออกไปแต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น“ยะ ยอมแล้วๆ”ไม่ว่าจะได้รับเงินค่าจ้างมาแพงแค่ไหน แต่สุดท้ายก็กลัวตายกันทั้งนั้น“บอกมา!!” โรมันกระชากเสื้อเชิ้ตสีดำอย่างแรงจนอีกฝ่ายเซไปตามแรงกระชาก“คุณศิลา คุณศิลาเป็นคนจ้าง”โรมันหันไปมองหน้าเจ้านายทันที เพราะศิลาคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของเคย์สันเมื่อสามปีก่อน และเขาก็ไม่ได้ยินชื่อนี้มานานเกือบสามปีแล้ว“ปล่อยมันไป”
ปัง!! ปัง!!“กรี๊ดดดด~”เสียงปืนดังประสานเสียงกรีดร้องของฮันน่า ทำเอากวินแทบจะไม่มีสมาธิขับรถ“มึงเงียบก่อนได้ไหม”กวินจ้องมองถนนอย่างตั้งใจ สติกับสมาธิตอนนี้แทบจะไม่เหลือ ทั้งเสียงปืนทั้งเสียงฮันน่าดังปะปนกันไปหมดจนเขาไม่รู้ว่าจะโฟกัสเสียงอะไรก่อนดี“ก็กูกลัวอะ มึงขับเร็วกว่านี้ได้ไหม” ฮันน่าปิดหูปิดตาบอกกวินด้วยความกลัว“นี่กูก็เหยียบสุดแล้ว” กวินก็กลัวไม่ต่างกัน โชคดีที่เขาชอบแข่งรถ จึงสามารถขับทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายได้พอสมควร“กูยังไม่อยากตาย” ฮันน่าบอกพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ ด้วยความกลัว“กูก็ยังไม่อยากตายตอนนี้ มึงช่วยเงียบก่อนได้ไหม กูไม่มีสมาธิขับรถแล้ว”“เสียงปืนดังขนาดนี้มึงจะให้กูเงียบได้ยังไง กูก็กลัวเหมือนกันนะ” ฮันน่ายังคงเถียงไม่หยุด ทั้งกลัวเสียงปืนทั้งกลัวตายพอๆ กัน“กลัวก็อยู่เงียบๆ ให้กูได้มีสมาธิคิดอะไรหน่อย”กวินพยายามคิดหาทางออก แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก เพราะมีเสียงฮันน่ารบกวนจนเขาไม่มีสมาธิ“มึงไปนอนกับเมียใครมาหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้มาตามฆ่าแบบนี้” ฮันน่าตัดสินใจถามในสิ่งที่คิดอยู่ในใจมาตลอดทาง“พูดอะไรของมึงเนี่ย”“แล้วมันจริงหรือเปล่าล่ะ”“กูไม่เคยไปนอนกับ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาวันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมากวินกับฮันน่าต้องใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านของเฮียมาร์ค เพื่อการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น“เมื่อไหร่พวกเขาจะเลิกตามเราวะ” กวินถามขึ้นหลังจากที่แยกย้ายกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะออกไปทานข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารเจ้าประจำ“แล้วกูจะรู้ไหม” ฮันน่าทำหน้าเซ็งไม่ต่างจากกวินจากชีวิตที่เคยสนุกสนานตอนนี้กลับเปลี่ยนไป พอเรียนเสร็จก็ต้องกลับบ้านเฮียมาร์คไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน ซึ่งชีวิตของเธอกับกวินวนอยู่แบบนี้มาตลอดหนึ่งอาทิตย์แล้ว“ถึงจะตามดูแลอยู่ไกลๆ แต่พอมองไปเห็นกูก็รำคาญอยู่ดี” ความรู้สึกตอนนี้คืออึดอัดและรำคาญมาก“อดทนไปก่อนถ้ายังไม่อยากตาย กูก็รำคาญเหมือนกันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้” หญิงสาวปลอบใจตัวเอง ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะออกไปเที่ยวเล่นให้หายเบื่อตั้งแต่เกิดมาฮันน่าไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาใช้ชีวิตแบบที่มีคนติดตามเยอะๆ แบบนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าดูดี แต่สำหรับเธอแล้วมันคือความอึดอัดและลำบากใจ จะทำอะไรก็ไม่ได้ทำ อยากไปไหนก็ไม่ได้ไป และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน“กูจะไม่ทนอยู่แบบนี้แล้ว” กวินอยากจะออกไปเที่
หลังจากที่คุยโทรศัพท์เสร็จ ฮันน่าก็เดินกลับเข้ามายังห้องรับแขก แต่กลับไม่เจอใครเลยสักคน“ไปไหนกันหมดเนี่ย” ฮันน่าบ่นขึ้นมาเบาๆ เมื่อไม่เห็นใคร“นายท่านอยู่ห้องทำงานครับ” โรมันพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาได้ยินพอดี“ห้องไหนคะ?” ฮันน่าไม่เคยมาที่บ้านหลังนี้ จึงไม่รู้ว่าห้องไหนคือห้องทำงาน และห้องไหนคือห้องนอน“ทางนี้ครับ”โรมันเดินนำออกไป พร้อมกับความสงสัยที่เริ่มก่อตัวขึ้น ตั้งแต่เสียนายหญิงคนเก่าไปก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยมาที่บ้านหลังนี้ แต่กับเธอคนนี้นายท่านกลับให้พาเธอมาก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!โรมันเคาะประตูเพื่อเป็นการขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงาน“ให้คนไปดูแลครอบครัวฉันหรือยัง” ฮันน่าถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วงพ่อกับแม่“ส่งคนไปแล้ว” เคย์สันตอบโดยที่สายตายังคงจับจ้องเอกสารที่อยู่ตรงหน้า ไม่สนใจที่จะมองหญิงสาวที่เข้ามาใหม่เลยสักนิด“….” ฮันน่ายืนนิ่งไม่ยอมออกไปและไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ“มีอะไร?” เคย์สันถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้งไม่ยอมออกไปสักที“ที่นี่มีห้องว่างไหม” หญิงสาวตัดสินใจถามออกไปตามตรง ถ้าขืนยืนเงียบมีหวังคืนนี้ไม่มีที่นอนแน่เคย์สันละสายตาจากเอกสารก่
“ถ้าจะอยู่ที่นี่ก็อยู่เฉยๆ อย่าทำตัววุ่นวาย” มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางโมโหหรือไม่พอใจอะไร“ไม่ได้…” คนตัวเล็กตั้งท่าจะเถียง แต่ก็โดนอีกคนพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน“ดื้อขนาดนี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่อยู่อีกเหรอ?” เคย์สันย้อนถามหญิงสาวอีกครั้ง นอกจากจะทำตัวดื้อเหมือนเด็กแล้วเธอยังเถียงเก่งอีกด้วย“คำก็ดื้อสองคำก็ดื้อ” ฮันน่าเบ้ปากมองบนบ่นกับตัวเองเบาๆ ใครๆ ก็บอกว่าเธอดื้อ แต่เธอไม่ได้ดื้อเหมือนที่คนอื่นบอกสักหน่อย“อะไรนะ” มาเฟียหนุ่มเอียงใบหน้าฟัง แต่ก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด จึงต้องเอ่ยถามเธอ“เปล่าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ฮันน่าแก้ตัวหน้าตาใสซื่อ“ขึ้นไปนอนได้แล้ว”บางทีหญิงสาวก็ไม่เข้าใจประโยคที่เขาพูด ซึ่งมันเป็นประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำสั่งกันแน่ เธอเองก็แยกไม่ออก“จะออกไปเที่ยวเหรอ?”แต่ถึงจะเป็นประโยคอะไรเธอก็ไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูดอยู่ดี“ไม่ต้องรู้หรอก”“อยู่บ้านทุกวันไม่เบื่อบ้างหรือไง?” ฮันน่าขี้เกียจจะเถียงต่อจึงเปลี่ยนเรื่องที่จะคุยตอนนี้เธอเบื่อมากและอยากจะออกไปเที่ยวให้หายเบื่อ เพราะเธอชอบดื่ม ชอบเที่ยว แถมยังชอบงานปาร์ตี้จะให้เธอมานั่ง
ติ้ง!! ติ้ง!!เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นในระหว่างที่เคย์สันนั่งมองหญิงสาวผ่านกล้องวงจรปิด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่แต่เขายังคงนั่งมองเธออยู่เหมือนเดิมโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิดLINEMARK : ส่งรูปภาพMARK : ส่งรูปภาพMARK : ส่งวีดีโอมือหนากดเข้าไปในห้องแชทก่อนจะเลื่อนดูรูปภาพ และวิดีโอที่เพื่อนส่งมาให้ภาพบรรยากาศในงานปาร์ตี้กับวีดีโอสาวสวยที่เต้นยั่วยวนบวกกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาอยู่ไม่น้อยและคิดถูกแล้วที่ไม่ไปครืด~ ครืด~“มีอะไร?” ทันทีที่กดรับสายเคย์สันก็ถามขึ้นอย่างไม่รอช้า(เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ถ้าจะมาก็รีบมา) มาร์คที่เริ่มเมาได้ที่ก็เอ่ยชวนเพื่อนรัก พร้อมกับหันกล้องให้ดูบรรยากาศภายในงานปาร์ตี้“ไร้สาระ”(สาวๆ สวยๆ ทั้งนั้น)“เชิญมึงตามสบายเถอะ”(งานนี้ถือว่ามึงพลาดมากเลยนะ) เสียงแดเนียลดังแทรกเข้ามา โชคดีที่ตอนนี้เปิดเสียงดนตรีไม่ค่อยดังจึงพอคุยกันรู้เรื่อง(แล้วน้องฮันน่าไปไหนวะ?) มาร์คถามขึ้นด้วยความอยากรู้เมื่อนึกถึงหญิงสาวมาเฟียหนุ่มก็รีบมองภาพจากกล้องวงจรปิดทันที เขากลัวว่าถ้าเธอเมาแล้วจะหนีออกไปข้างนอกก็เลยต้องมองเธออยู่ตลอดแต่ก็
เช้าวันต่อมาฮันน่ากับเคย์สันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสองก็จัดการเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เรียบร้อยค่าใช้จ่ายในงานทั้งหมดที่เคย์สันต้องจ่ายเกือบสองล้าน เพราะมีทั้งค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าเวที ค่านักร้อง ค่าเครื่องดื่ม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งยังไม่รวมค่าชุดกับค่าแต่งหน้าที่เขาจะต้องกลับไปเคลียร์ที่กรุงเทพฯ อีกวันนี้ฮันน่าชวนเคย์สันออกไปเดินเล่นที่ริมทะเล เนื่องจากต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน จึงต้องออกมาเดินเที่ยวเล่นชมบรรยากาศกันสักหน่อย“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฮันน่าถามขึ้นเมื่อเคย์สันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่“เอ่อ… คือ งานที่กรุงเทพมีปัญหา ต้องรีบกลับไปเคลียร์” เคย์สันอ้ำอึ้งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา ซึ่งเป็นงานสำคัญที่เขาไม่อาจจะเลี่ยงได้“หนูขอไปเก็บของก่อนได้มั้ยคะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ถึงในใจจะแอบผิดหวังอยู่บ้าง“ไม่อยู่เที่ยวต่อเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าฮันน่าชอบทะเลมากแค่ไหน ถ้าได้มาแล้วเขาก็อยากจะให้เธอได้พักผ่อนที่นี่ก่อน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับพร้อมเฮียเลยดีกว่า” ฮันน่าตอบ“เดี๋ยวจะพามาเที่ยวใหม่
พิธีการต่างๆ ถูกดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของงาน นั่นก็คือการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ถึงแม้แขกบางส่วนจะทยอยกลับกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลือบางส่วนที่รออยู่จนถึงขั้นตอนนี้ทุกคนต่างก็ร่วมอวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกันอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองคนได้พักผ่อนและมีเวลาส่วนตัว“ม๊าอยากเลี้ยงหลานแล้วนะ” ก่อนจะออกไปคุณแม่ของฮันน่าก็ไม่ลืมที่จะพูดย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง“ม๊าคะ” ใบหน้าสวยร้อนแผ่วรู้สึกเขินอายในสิ่งที่คุณแม่พูดออกมา“ไม่ต้องห่วงนะครับ” เคย์สันหันไปบอกแม่ยายพร้อมรอยยิ้ม เพราะเขาเองก็อยากจะมีลูกแล้วเหมือนกันหลังจากที่ทุกคนเดินออกไป เคย์สันก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างทันที“เหนื่อยมั้ย” มาเฟียหนุ่มถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง มือหนาจับปลายคางให้เชิ่ดขึ้น เพื่อที่เขาจะได้มองใบหน้าสวยได้ชัดเจน“นิดหน่อยค่ะ” ฮันน่าฉีกยิ้มกว้างถึงแม้จะเหนื่อยแต่ทุกอย่างก็คุ้มค่าสำหรับเธอ“แล้วเมื่อไหร่เราจะมีลูกด้วยกัน” เคย์สันถามขึ้น เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮันน่าจะท้องเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจทำมาตลอด“เฮียอยากมีลูกเหรอคะ” ฮันน่าถามย้ำด้วยความตก
วันต่อมาเวลา 16:00 น.แสงแดดอ่อนๆ กับสายลมเย็นสบาย เสียงคลื่นซัดสาดเป็นระยะ บรรยากาศเย็นสบายตามแบบฉบับของธรรมชาติหาดทราย สายลม แสงแดด ท้องฟ้าสีสวย กับทะเลสีคราม ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนโต๊ะเก้าอี้จัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม มีทั้งโซนอาหารและเครื่องดื่มที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับแขกทุกคนที่มาร่วมงานทางเดินเล็กๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เดินขึ้นเวที และตลอดทางก็มีดอกกุหลาบสีขาวสลับกับสีแดงสดจัดเรียงเอาไว้ทั่วงาน ซึ่งดูสวยงามและลงตัวเป็นอย่างมากและตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานแล้ว แขกในงานก็เริ่มทยอยมากันจนใกล้จะครบแล้ว บรรดาเพื่อนๆ ต่างทำหน้าที่ต้อนรับแขกแทนเจ้าของงานได้เป็นอย่างดีทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างก็เป็นคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิทที่ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีในงานวันนี้“ข้างนอกคนเยอะมั้ย” ความตื่นเต้นทำเอาเจ้าสาวของงานเดินไปเดินมาไม่หยุด ใครเข้ามาก็ถามทุกครั้งว่าคนเยอะหรือเปล่าฮันน่าอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตา ภายนอกอาจจะดูเรียบๆ แต่กลับมีลายปักดอกไม้แฝงอยู่ด้านในเพื่อเพิ่มเสน่ห์และลวดลายให้ดูน่าค้นหามากขึ้น“ไม่เยอะหรอก” ค
สามเดือนต่อมา@ภูเก็ตประเทศไทยฮันน่าตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะงานนี้จะต้องออกมาดีและสวยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อาหาร ดอกไม้ และโรงแรม เรียกได้ว่าฮันน่าดูแลทุกขั้นตอนทว่าฮันน่าคนเดียวคงดูแลไม่ไหว เพราะมีเพื่อนๆ คอยให้คำปรึกษาและแนะนำอยู่ตลอด อย่างเช่นตอนนี้…“งานนี้ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อทุกอย่างใกล้จะเสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่เพียงเก็บรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อยดี“ขอบใจมากนะที่มาช่วย” ฮันน่าขอบคุณนาเดียที่มาช่วยเธอออกแบบและทำทุกอย่าง“เพื่อนจะแต่งงานทั้งทีก็ต้องมาช่วยสิ เดี๋ยวอีกหน่อยพวกนั้นก็คงมาถึง” นาเดียบอกพร้อมรอยยิ้ม และอีกหน่อยคริสตัลกับไอรินก็คงจะมาถึงกันแล้ว“แล้วพี่หมอล่ะ” ฮันน่าถามถึงคุณหมอคีรินทันที“ทำงานอยู่ คงจะมาถึงตอนดึกๆ นู้นแหละ” นาเดียตอบไป เพราะช่วงนี้คนไข้เยอะพี่หมอก็ทำงานจนแทบจะไม่ได้พัก“แล้วพวกนั้นถึงไหนกันแล้ว” ฮันน่าเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เมื่อเห็นนาเดียทำหน้าเศร้าขึ้นมา“อ้าว นั่นไงมาถึงพอดีเลย” นาเดียชี้ไปยังทางเดินที่มีสองสาวกำลังเดินมา“ใครเป็นคนออกแบบเนี่ย จัดงานได้
วันต่อมา“อื้อออ” ร่างเล็กรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อมีแสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องนอน ร่างกายร้าวระบมไปทั่วทุกส่วนจนแทบจะขยับไม่ได้ฮันน่ามองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ซึ่งเขานั้นจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตเธอร่างบางพยายามขยับตัวช้าๆ เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น เพราะเธออยากจะให้เขาได้นอนพักต่ออีกสักนิดวันนี้ฮันน่าเลือกใส่ชุดเดรสแขนสั้นคลุมเข่าเนื้อผ้าเบาสบาย เพราะเธอจะต้องไปรับและพามินตราไปเที่ยวตลอดทั้งวัน“สายแล้วนะคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” ฮันน่าก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหูของมาเฟียหนุ่มเหมือนทุกครั้ง“ทำไมช่วงนี้ตื่นเช้าทุกวันเลย” เคย์สันถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเป็นฝ่ายปลุกเธอตลอด“พาหนูมินไปเที่ยวกันค่ะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเมื่อพูดถึงเด็กตัวเล็ก“เที่ยวที่ไหน” เคย์สันยังคงถามต่อ เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าเธอจะพามินตราไปเที่ยวที่ไหน“ทะเลค่ะ หนูเตรียมชุดเอาให้เฮียแล้วนะคะ”“ห้ามใส่บิกินี” น้ำเสียงดุดันเอ่ยห้ามก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ“รู้ได้ไง” ฮันน่าถึงกับนั่งทำหน้าเซ็ง เพราะเธอแอบเตรียมชุดว่ายน้ำใส่ในกระเป๋าเ
@โรงแรม“เป็นอะไรหรือเปล่า?”เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องพัก เคย์สันก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าฮันน่าจะคิดมากเรื่องที่เขาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้มีนากับลูกสาว“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างเพื่อยืนยันคำตอบว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ“คิดมากเรื่องมีนามั้ย”“เรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่ฉันเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้มีนากับลูกสาวไง”“หนูเข้าใจทุกอย่าง ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยค่ะ” ฮันน่าตอบไปตามความจริง เพราะเธอไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิด“จริงเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ“จริงค่ะ แบบนี้สิคะถึงเหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกในอนาคต” ฮันน่าบอกอย่างภูมิใจ อย่างน้อยเธอก็ได้คนดีๆ อย่างเคย์สันมาร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน และเธอคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขมากแน่ๆ“ฉันก็นึกว่าเธอจะน้อยใจซะอีก” เคย์สันตอบไปตามที่คิด“หนูไม่ใช่คนงี่เง่านะคะ แล้วอีกอย่างหนูก็เป็นคนดีด้วย” ฮันน่ายิ้มกว้างไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดมาก“ขอบคุณนะที่เข้าใจฉัน” มือหนารวบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น“ก็รักไงคะหนูถึงเข้าใจ” ฮันน่ากอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ต่างกัน นับวันเธอยิ่งรักเขามากขึ้น“ไปอาบน้ำกันเถ
วันต่อมาฮันน่าตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายแล้วรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทันที เมื่อคืนเธอตื่นเต้นและเตรียมของเกือบทั้งคืน ตอนแรกเธอว่าจะไม่นอนด้วยซ้ำ แต่พอรอไปรอมาเธอก็เผลอหลับจนถึงบ่าย“เสร็จหรือยัง?” ใบหน้าหล่อถามพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอเดินไปเดินมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น“อืม… น่าจะเสร็จแล้วค่ะ” ฮันน่ามองสำรวจของในกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยว่าเธอไม่ได้ลืมอะไร“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” เคย์สันถามขึ้นด้วยความอยากรู้“ก็หนูดีใจหนิคะ ไม่ได้เจอน้องมินตั้งหลายเดือนแล้ว”ฮันน่ารู้สึกผูกพันกับมินตรามาก เพราะก่อนที่มินตราจะไปอยู่ต่างประเทศ เธอก็เป็นคนช่วยดูแลมินตราทุกวัน จนทำให้เกิดความรักและความผูกพัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” โรมันเดินเข้ามารายงานและช่วยถือของให้เจ้านายตามหน้าที่“รีบไปกันเถอะค่ะ” ฮันน่าเดินเข้าไปกอดแขนเคย์สันเอาไว้แน่นก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปด้วยกันโชคดีที่มาเฟียหนุ่มมีเครื่องบินส่วนตัว จึงไม่ต้องไปนั่งรอที่สนามบินให้เสียเวลา พอไปถึงก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องบินทันทีใช้เวลาเดินทางเกือบสิบชั่วโมงกว่าจะมาถึง ซึ่งฮันน่ากับเคย์สันเลือกที่จะพักที่โรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจาก
สามเดือนต่อมา“ขอบคุณนะคะ” ฮันน่าเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มที่กำลังยืนตรวจเช็คความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจก“ขอบคุณเรื่องอะไร” เคย์สันถามกลับด้วยความสงสัย“ขอบคุณที่ตามใจหนูทุกอย่างไงคะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เพราะไม่ว่าเธอจะขออะไรเขาก็ยอมตามใจเธอทุกอย่างนับวันฮันน่าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น และเธอยิ่งมั่นใจว่าเธอคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่จะแต่งงานกับเคย์สัน“จะมีเมียแล้วก็ต้องตามใจเมียสิ” เคย์สันตอบท่าทางทะเล้น“น่ารักที่สุดเลยค่ะ”“น่ารักแล้วรักมั้ยล่ะ?” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยความอยากรู้“รักสิคะ รักมากด้วย” ฮันน่าตอบเสียงหวาน พร้อมกับกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รีบลงไปข้างล่างกันเถอะ ก่อนที่จะไม่ได้ลงไป”เพียงแค่ร่างกายเนียนนุ่มมาสัมผัสที่ตัว ก็ยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มเกิดอารมณ์พุ่งพล่าน จนต้องเอ่ยท้วงขึ้น“ทำไมล่ะคะ?” คนตัวเล็กยังคงแกล้งถามกลับ ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งๆ ที่ในใจเธอรู้ความหมายเป็นอย่างดีพรึบ!!เคย์สันไม่ตอบอะไร แต่กลับคว้าใบหน้าสวยเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้นมาขัดจังหวะ ก่อนที่ใบ
หลังจากที่ภาพขอแต่งงานถูกปล่อยออกไปและฮันน่าก็ถ่ายภาพโชว์แหวนเพชรเม็ดโตลงอวดเพื่อน แต่กลับทำให้เธอกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน และเป็นคนที่สาวๆ ทั้งประเทศอิจฉา ที่เธอจะได้แต่งงานกับมาเฟียที่ทั้งหล่อและรวยมากๆภายในเวลาชั่วข้ามคืนแต่กลับทำให้ชีวิตของฮันน่าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก มีคนติดตามเยอะยิ่งกว่าดาราเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต่างก็ให้ความสนใจในตัวเธอกันทั้งนั้น“หนูไปเรียนก่อนนะคะ” คนตัวเล็กเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มด้วยท่าทางออดอ้อนเช่นเคยเหมือนที่เคยทำ“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เคย์สันถามขึ้นนับวันเขายิ่งหวงจนแทบตะไม่อยากปล่อยให้เธอไปเรียน“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะเรียนไม่จบ” ฮันน่ายังคงอ้อนเขาเช่นเคย“เรียนไม่จบก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เมียคนเดียวฉันเลี้ยงได้” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นนับวันยิ่งตัวติดกัน นับวันยิ่งไม่อยากห่างไปไหน“ไม่ได้ค่ะ หนูต้องเรียนให้จบเผื่อว่าในอนาคตหนูจะได้ทำงานช่วยเฮียไงคะ” ฮันน่าตอบเพราะเรียนจบเธออยากจะช่วยเขาทำงาน ดีกว่าจะต้องมานั่งรออยู่เฉยๆ“ก็ได้” สุดท้ายเคย์สันก็ยิมใจอ่อนปล่อยให้เธอไปเรียน เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้วเคย์สันเป็นคนไปรับไปส่