พอควันหลงขับรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของคณะแล้ว นาเนียร์ก็เปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับเดินเข้ามาที่คณะของตัวเองโดยที่ไม่ได้รอเพื่อนชาย
ซึ่งในตอนที่กำลังเดินเข้ามาในคณะอยู่นั้น ก็เห็นราชาเดินสวนมาพอดี หญิงสาวจึงรีบเดินเข้าไปกางแขนเพื่อขวางเอาไว้
"จะไปไหนสุดหล่อของเนียร์"
"ว่าจะไปโรงอาหาร เธอกินข้าวเช้ามาหรือยัง"
"ยังเลย นี่กำลังจะไปโรงอาหารพอดี งั้นเราไปด้วยกันเลยดีกว่า" หญิงสาวเดินปรี่เข้าไปคล้องแขนเพื่อนสนิทอย่างราชาด้วยความเคยชิน อย่างที่มักจะทำเป็นประจำ เพื่อนชายของเธอเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะพวกเราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มสนิทกันแล้ว
"นายจะกินอะไร" พอเดินมาถึงโรงอาหารนาเนียร์ก็พูดขึ้น
"ยังไม่รู้เลย แต่น่าจะเป็นข้าวมันไก่นั่นแหละ"
"ข้าวมันไก่อีกแล้ว กินทุกวันไม่เบื่อหรือไง"
"ก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรนี่นา แล้วเธอจะกินอะไร"
"อยากซดซุปร้อน ๆ "
"จะกินก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่เช้าเลยเหรอ ทำไมถึงไม่กินข้าว"
"ก็บอกอยู่ว่าอยากกินซุปร้อน ๆ"
"งั้นก็เอาข้าวต้มสิ ร้านป้านวลทำข้าวต้มโบราณอร่อยนะ เธอเคยกินไหม"
"เคยกินเมื่อนานมาแล้ว แต่จำรสชาติไม่ได้"
"รสชาติดีเลย"
"โอเค งั้นฉันไปร้านข้าวต้มก่อน เดี๋ยวถ้านายได้ก่อนก็ไปหาโต๊ะนั่งรอเลยนะ แต่ถ้าฉันได้ก่อนเดี๋ยวฉันหาไว้เอง"
"อืม"
พอราชาตอบมาแบบนั้น เธอก็เดินปลีกตัวมายังร้านข้าวต้มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านข้าวมันไก่ที่เพื่อนของเธอยืนอยู่ โดยที่หน้าร้านมีนักศึกษายืนอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เธอจึงรีบเดินไปยืนต่อแถว
แต่พอสังเกตดี ๆ คนที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหน้าเธอคือคนที่เธอเจอเมื่อคืน ซึ่งพอชายหนุ่มเห็นเธอก็ตกใจพร้อมกับยกมือไหว้ เธอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเอ็นดูมาก
"สวัสดีครับพี่เนียร์"
"สวัสดีค่ะน้องภีม กินข้าวต้มตอนเช้าเหมือนกันเลย เราสองคนใจตรงกันนะเนี่ย"
"ครับ"
"....."
"พี่เนียร์ชอบทานข้าวต้มตอนเช้าเหรอครับ"
"ใช่" หญิงสาวตอบออกไปด้วยความมั่นใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนี่คือข้าวต้มตอนเช้าในรอบปีของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะตัวเธอนั้นไม่ชอบกินอะไรแบบนี้ตอนเช้าเลย
"เหมือนกันเลยครับ ผมก็ชอบกินข้าวต้มตอนเช้า รู้สึกว่าได้ซดซุปร้อน ๆ แล้วรู้สึกมีแรง"
"ได้แล้วจ้าน้องภีม"
ในขณะที่เธอกำลังคุยกับชายหนุ่มรุ่นน้องอยู่นั้น คุณป้าที่เป็นร้านเจ้าของข้าวต้มก็เอ่ยเรียกคนที่เธอคุยอยู่
ซึ่งชายหนุ่มก็รีบหันกลับไปรับถ้วยข้าวต้มมาถือเอาไว้ พร้อมกับยื่นธนบัตรใบสีเขียวจ่ายค่าอาหารเช้าของตัวเอง
"กินที่ร้านนี้บ่อยเหรอ เพราะเพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นานเอง แต่คุณป้าเจ้าของร้านก็จำชื่อได้แล้ว"
"ตั้งแต่เปิดเทอมมา วันไหนมีเรียนคาบเช้า ผมจะมากินข้าวต้มร้านนี้เกือบทุกวันเลยครับ"
"เชื่อแล้วว่าชอบจริง ๆ ถ้ามากินเกือบทุกวันขนาดนี้" หญิงสาวตอบออกไปด้วยความเอ็นดูเด็กรุ่นน้องตรงหน้า พร้อมกับเพิ่งสังเกตว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใส่แว่น
"ไม่ใส่แว่น มองเห็นด้วยเหรอคะ"
"มองได้ไม่ชัดเท่าไหร่ครับ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร"
"งั้นเย็นนี้ว่างไหม"
"ครับ?"
"ก็ที่พี่บอกว่าจะพาไปซื้อแว่นไง เราไม่ได้ใส่แล้วพี่สงสาร คงจะทรมานแย่เลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ราคาแว่นก็ไม่ใช่ถูก ๆ เดี๋ยวเอาไว้เงินเดือนผมออก ค่อยไปซื้อเอาใหม่เองก็ได้"
"ยิ่งน้องภีมบอกว่าราคาแว่นไม่ใช่ถูก ๆ พี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด อย่าปฏิเสธพี่เลยนะคะ" นาเนียร์ทำสายตาออดอ้อนเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
"ก็ได้ครับ ผมไม่ปฏิเสธแล้วก็ได้"
"เย่ ๆ แล้วตกลงเย็นนี้ว่างไหม"
"ผมเลิกเรียนเวลาสี่โมงเย็นครับ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกก็หลังจากนั้นไม่เกินหนึ่งทุ่มก็น่าจะได้ เพราะผมมีทำงานที่ร้านหมูกระทะตอนหนึ่งทุ่ม"
"น้องภีมเลิกเรียนก่อนพี่ งั้นมานั่งรอพี่ที่หน้าคณะนะ เพราะวันนี้พี่เลิกเรียนตอนสี่โมงครึ่งเลย เดี๋ยวถ้าอาจารย์ปล่อยพี่จะรีบวิ่งลงมาหาทันที"
"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมรอได้"
"คนสวยเอาอะไรดีจ๊ะลูก"
พอได้ยินคุณป้าเจ้าของร้านเรียกตัวเองแล้ว เธอก็รีบเดินไปสั่งเมนูที่ตัวเองจะกิน
"ข้าวต้มโบราณค่ะ"
"หนึ่งถ้วยนะลูก"
"ค่ะป้า ไม่ต้องเอาเยอะนะ แค่กระบวยเดียวก็พอ"
"ได้จ้ะลูก" โดยคุณป้าตอบเธอแล้วก็หันไปตักข้าวต้มใส่ถ้วย พร้อมกับมาวางไว้ตรงหน้าเธอ "ยี่สิบบาทจ้ะ"
พอคุณป้าพูดราคานาเนียร์ก็หยิบธนบัตรใบสีแดงเพื่อจ่ายค่าข้าวต้ม โดยเธอยืนรอเงินทอนไม่นาน แต่พอจะหันหลังกลับมาคุยกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็ต้องชะงัก เพราะตอนนี้น้องเขาดันไม่อยู่แล้ว
"ไปไหนนะ ทำไมหายเร็วจังวะ" นาเนียร์สอดส่องสายตาเพื่อมองหาเป้าหมายของตัวเอง
"เธอมองอะไรของเธอ"
ในขณะที่ตั้งใจมองอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง ซึ่งเธอก็จำได้ดีว่าเสียงนั้นคือเสียงของควันหลง
"น้องภีม"
"ใครคือน้องภีม"
"แกไม่รู้จักหรอก น้องเขาเพิ่งเข้ามา"
"เด็กใหม่เธอเหรอ"
"ยังไม่ใช่ แต่อนาคตไม่แน่" หญิงสาวก็สอดส่องของตัวเองต่อไป
"หยุดมองหาเหยื่อได้แล้ว เธอมีสอบตอนเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ นี่มันแปดโมงครึ่งแล้วนะ รีบไปกินข้าวได้แล้ว"
ซึ่งพอควันหลงพูดแบบนั้น เธอก็รีบก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองทันที พบว่าเป็นเวลาแปดโมงครึ่งตามที่เพื่อนของเธอพูดไม่มีผิด
"ทำไมเวลามันเดินเร็วจังเลยเนี่ย เมื่อกี้เพิ่งเจ็ดโมงอยู่เลย"
"ไปกินข้าวได้แล้ว ส่วนน้ำไม่ต้องไปซื้อ ฉันเห็นไอ้ราชาซื้อไว้ให้เธอแล้ว"
"อืม" นาเนียร์ตอบควันหลงไป พร้อมกับเดินมายังโต๊ะที่ราชานั่งอยู่
หลังจากที่หญิงสาวรุ่นพี่หันไปสั่งอาหารของตัวเองแล้ว ชายหนุ่มจึงคิดว่าพี่เขาคงไม่มีอะไรจะพูดกับตัวเองอีก จึงเดินปลีกตัวออกมาหาเพื่อนสนิทอย่างโต้งนั่งกินข้าวของตัวเองรออยู่
"เมื่อกี้มึงคุยกับพี่นาเนียร์เหรอวะ"
"ใช่ บังเอิญกินข้าวร้านเดียวกันพี่เขาก็เลยทัก" ภีมตอบเพื่อนไป พร้อมกับนั่งทานข้าวต้มของตัวเอง
"มึงพูดอะไรกับพี่เขา กูเห็นพูดนานเลย"
"พี่เขาก็แค่ถามเฉย ๆ ว่าชอบกินข้าวต้มร้านที่กูซื้อเหรอ กูก็เลยบอกว่าใช่ ก็แค่นั้นแหละ"
"กูอิจฉามึงจังว่ะภีม ที่นางฟ้าอย่างพี่นาเนียร์พูดอย่างสนิทสนมด้วย"
"ก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้นนะ พี่เขาก็แค่ทักปกติ"
"ไม่ปกติเลยสักนิด เพราะจากการที่กูสังเกตแล้วปกติพี่เขาจะคุยเล่นกับพวกเพื่อนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรุ่นน้องก็คือแทบไม่เห็นเลย"
"ที่พูดเหมือนกับรู้จักพี่เขามานานอย่างนั้นแหละ"
"ก็รู้จักมานานน่ะสิ กูรู้จักพี่เขามาตั้งแต่พี่เขาเรียนปี 1 แล้ว"
"รู้จักได้ยังไง มึงก็เพิ่งมาเรียนที่นี่พร้อมกูไม่ใช่เหรอวะ"
"ถึงกูจะพึ่งมาเรียนที่นี่ได้ไม่นาน แต่กูก็รู้จักและเคยเห็นพี่เขามาตั้งนานแล้ว"
"มึงติดตามพี่เขาในโซเชียล?"
"อันนั้นมันก็อีกเหตุผล"
"มึงพูดอะไร กูไม่เข้าใจ"
"คือกูก็ติดตามโซเชียลของพี่เขาเหมือนกัน แต่ที่ว่าเห็นบ่อยก็คือคอนโดของพี่เขาอยู่ติดกับร้านหมูกระทะของแม่กูไง"
โดยพอโต้งพูดออกมาแบบนั้น เขาก็นึกไปถึงคอนโดหรูที่ติดร้านหมูกระทะของแม่เพื่อนเขา "ตึกใหญ่ ๆ ที่ติดร้าน"
"ใช่ ตึกนั้นแหละ แล้วมึงรู้ไหมพี่เขาน่ะ..."
ภีมก็นั่งฟังโต้งพูดเรื่องของหญิงสาวรุ่นพี่ไป ส่วนเขาก็นั่งทานข้าวของตัวเองต่อ
หลายชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ชายหนุ่มเลิกเรียนเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งรอรุ่นพี่สาวอยู่บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ และในขณะที่นั่งอยู่นั้นก็ไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าจึงหยิบสมุดที่จดเลกเชอร์ตอนเวลาอาจารย์สอนในคาบเรียนขึ้นมานั่งอ่านทบทวน"น้องภีม"โดยขณะนั่งอ่านทบทวนงานอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มของรุ่นพี่สาวที่เขานั่งรออยู่ ซึ่งเขาจำได้ดีว่าพี่คนนี้คือหนึ่งคนในกลุ่มที่ไปกินหมูกระทะ ที่ร้านที่เขาทำพาร์ตไทม์อยู่"น้องภีมจริง ๆ ด้วย มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ เลิกเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก""พอดีผมมีนัดกับรุ่นพี่จะไปทำธุระครับ""รุ่นพี่เหรอ ใครเหรอคะนะ... /แกมายุ่งอะไรกับคนของฉัน อีหยก"โดยที่ชายหนุ่มกำลังคุยกับรุ่นพี่อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแทรกขึ้นมาเขาจึงรีบหันไปมอง พบว่าเป็นหญิงสาวรุ่นพี่ ที่กำลังเดินมาหาเขาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก พร้อมกับจ้องไปยังเพื่อนร่วมกลุ่มของตัวเอง"ฉันก็เห็นน้องมันนั่งอยู่ ก็เลยเข้ามาทักเอง"".....""อย่าบอกนะว่ารุ่นพี่ที่น้องภีมรอไปทำธุระด้วย คือมึง""ก็ใช่น่ะสิ ถ้ารู้แล้วก็ไปซะ""จะไปทำธุระกันที่ไห
"เอามาสองเลยค่ะ""พี่เนียร์ เอาอันเดียวก็พอครับ""ทำไมล่ะคะ เอาสองอันนั่นแหละดีแล้ว เผื่อเกิดอุบัติเหตุเหมือนเมื่อวานขึ้นอีก เราจะได้เอาอีกอันมาใช้แทนไง""แต่มันแพงนะครับ แค่อันเดียวผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว นี่พี่เนียร์จะซื้อให้ผมตั้งสองอัน""ไม่ต้องเกรงใจค่ะ พี่เต็มใจซื้อให้เรา""ไม่ได้ครับ""เอาเถอะนะ อย่าปฏิเสธพี่เลย""งั้นเอาแบบนี้ พี่เนียร์ซื้อให้ผมทั้งสองอัน แต่อีกอันผมขอผ่อนเงินคืนนะครับ เดี๋ยวผมจะทยอยผ่อนจนครบราคาของมัน ถ้าพี่ไม่เห็นด้วยกับที่ผมพูด งั้นผมก็จะปฏิเสธไม่รับเหมือนกัน" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความจริงจัง จนนาเนียร์ที่ยืนฟังอยู่ก็ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู"ก็ได้ เอาแบบที่น้องภีมพูดก็ได้ค่ะ""งั้นรับเป็นสองอันนะคะ" พนักงานที่ยืนคอยบริการอยู่ก็พูดออกมา"ค่ะ" นาเนียร์พูดตอบพนักงาน พร้อมกับยื่นบัตรเครดิตให้ซึ่งเขากับหญิงสาวรุ่นพี่ก็ยืนรอไม่นานพนักงานก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงที่บรรจุกล่องแว่นตา และบัตรเครดิต"ขอบคุณที่มาใช้บริการร้านเรานะคะ"พนักงานก็ยกมือไหว้ส่วนภีมก็ยกมือไหว้ตอบ พร้อมกับเดินตามแรงจูงของหญิงสาวรุ่นพี่ออกมาจากร้าน"หิวข้าวจัง""พี่เนียร์หิวเหรอครับ""ใช่ค่ะ พี่ห
หลายวันต่อมา..."พรุ่งนี้งานวันเกิดนายใช่ไหม ควันหลง""อืม""แล้วตกลงนี่แม่นายจะจัดให้ไหม""แม่มันอยากจัด แต่ไอ้เจ้าของวันเกิดไม่อยากให้จัด""อ้าว ทำไมล่ะ""มันไม่ชอบให้คนมาที่บ้านเยอะ ๆ เธอก็รู้""แต่ทุกปีที่ผ่านมาก็จัดนะ""ก็เพราะว่าทุกปีที่ผ่านมาห้ามไม่ได้ไง แต่ปีนี้มันขอร้องแม่มันแบบจริงจัง""วันเกิดทั้งทีนะ ไม่จัดจริงเหรอ อย่างน้อยก็ไปจัดที่ผับก็ได้""ไม่""ชิ"นาเนียร์รู้สึกอารมณ์เสีย หลังจากที่ได้พูดกับเพื่อนสนิทอย่างควันหลง เพราะเขานั้นพูดน้อยมาก แต่ชอบทำให้เธออารมณ์เสียอยู่ตลอดหญิงสาวไม่สนใจเขาแต่หันกลับมาสนใจนั่งทานข้าวของตัวเองต่อแต่ในตอนที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ หางตาของเธอก็ชำเลืองไปเห็นคนที่ตัวเองไม่ได้เห็นหน้าหลายวัน เนื่องจากช่วงนี้งานของเธอมีค่อนข้างเยอะ ทำให้ไม่มีเวลาไปนั่งอ่อยชายหนุ่มรุ่นน้องที่ร้านหมูกระทะที่เขาทำงานพาร์ตไทม์เลยซึ่งเขากำลังเดินถือจานข้าวผ่านมาทางที่เธอนั่งอยู่พอดี หญิงสาวจึงรีบยกมือขึ้นโบกเพื่อทักทายพอชายหนุ่มรุ่นน้องเห็นก็รีบก้มหัวทักทายเขาพร้อมกับเดินผ่านไป ทำให้เธอที่ยกมือโบกค้างอยู่ รีบชักมือกลับด้วยท่าทางอารมณ์ไม่ดี"อะไรกัน คิดว่าจะเดินมาหา
หลังจากที่หมดคาบเรียนในวิชาแรกของบ่ายเรียบร้อยแล้ว ภีมก็รีบเก็บของใส่กระเป๋า พร้อมกับเดินตามเพื่อนสนิทอย่างโต้งลงมายังชั้นล่างของอาคารโดยปกติแล้วชายหนุ่มจะมีเรียนวิชาต่อไป แต่เนื่องด้วยอาจารย์ยกคลาสกะทันหัน ทำให้เขาเลิกเรียนก่อนเวลาจากที่หญิงสาวรุ่นพี่ต้องเป็นคนรอเขา แต่ตอนนี้ดันเป็นเขาที่ต้องรอเธอแทน ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะไปนั่งรอที่หน้าคณะ เผื่อว่าตอนรุ่นพี่สาวเลิกเรียนแล้ว เดินผ่านอาจจะเห็นเขาได้ชัด"วันนี้กลับกับกูไหม กูขับมอเตอร์ไซค์มา" โต้งหันมาพูดกับเขา แต่ภีมดันส่ายหน้าปฏิเสธ"ทำไม""พอดีกูมีนัด""นัดกับสาวที่ไหนเอ่ย""สาวที่ไหนล่ะ รุ่นพี่เรานี่แหละ""รุ่นพี่ไหนวะ กูรู้จักไหม""พี่เนียร์ไง""พี่เนียร์ คือใช่คนที่กูรู้จักไหม""คณะวิศวะ ก็มีคนชื่อเนียร์คนเดียวไม่ใช่เหรอ" เขาตอบเพื่อนไปพร้อมกับส่ายหน้าไปมา แล้วเดินมานั่งลงโต๊ะไม้หินอ่อนตรงบริเวณที่ตัวเองชอบนั่งประจำ ซึ่งโต้งก็รีบวิ่งมานั่งลงด้านข้าง"ตกลงมึงกับพี่เขาคือยังไงกันแน่ ทำไมถึงมีนัดกัน""พี่เขาก็แค่บอกว่าอยากกินข้าวด้วยแค่นั้น""แสดงว่าพี่เขาสนใจมึง""พี่เขาจะมาสนใจกูทำไมล่ะ มึงไม่เห็นสภาพกูหรือไง แตกต่างกับพี่เขาขนาดนี
"ถึงแล้ว"นาเนียร์ขับรถเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าหอพักของชายหนุ่มรุ่นน้อง พอรถจอดสนิทแล้วเธอก็หันไปบอกคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ครับพี่เนียร์ สำหรับวันนี้อาหารอร่อยมาก ผมขอบคุณมากนะครับที่เลี้ยงผม""เราขอบคุณพี่หลายครั้งแล้วนะ" หญิงสาวตอบไปแบบนั้น เพราะตั้งแต่ทานข้าวกันเสร็จ ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดขอบคุณเธอหลายครั้งแล้ว"เดี๋ยวไว้เงินเดือนผมออก ผมขอเลี้ยงพี่บ้างได้ไหมครับ""ได้สิคะ""งั้นผมขอไปก่อนนะ""ฝนตกหนักขนาดนี้ ยังต้องไปทำงานอีกเหรอ""ใช่ครับ""แล้วเราจะไปยังไง ให้พี่รอไหม ยังไงร้านที่เราทำงาน ก็อยู่ติดคอนโดพี่""ไม่เป็นไรหรอกครับ กว่าจะถึงเวลาทำงานฝนก็คงหยุดตกพอดี""ดื้อจริง ๆ เลย""งั้นผมไปก่อนครับ" ภีมยกมือไหว้เธอ พร้อมกับเปิดประตูลงไป แล้วรีบวิ่งเข้าไปภายในหอพักของตัวเองส่วนเธอพอมองเห็นชายหนุ่มรุ่นน้องเข้าไปในหอพักของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถออกมาเพื่อจะกลับคอนโดของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากวันต่อมา...หลังจากที่ขับรถมาถึงมหาลัยแล้ว หญิงสาวก็เดินลงจากรถ ก็มองเห็นกลุ่มเพื่อนที่นั่งคุยเม้ามอยกันอยู่ เธอจึงรีบเดินเข้าไปร่วมกลุ่ม"ไมวันนี้มึงมาสายจัง""สายอะไร เหลืออีกตั้งสิบกว่
"พี่ขอจูบน้องภีมได้ไหมคะ"ถ้อยคำจากปากของรุ่นพี่สาว ส่งผลต่อความรู้สึกของคนป่วยอย่างภีมเป็นอย่างมาก จนเขาต้องกลั้นยิ้มไว้“พะ…พี่เนียร์” พลันบรรยากาศที่ผ่อนคลายก็ถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศอันวาบหวิว เมื่อใบหน้าสวยของนาเนียร์เริ่มโน้มเข้าหา ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มรุ่นน้อง จวบจนริมฝีปากสัมผัสกัน ดวงตาสองคู่ที่สบประสานในตอนแรกต่างหลับพริ้มลงมือหนาหยาบร้อนผ่าว อันเนื่องมาจากพิษไข้ ยกขึ้นรั้งท้ายทอยบางของหญิงสาวให้อยู่ตำแหน่งเดิม เขาบดเบียดริมฝีปากเข้ากับกลีบปากอ่อนนุ่ม ที่เริ่มรุกอย่างเงอะงะร่างอรชรโอนอ่อนลงตามแรงปรารถนา นาเนียร์รู้สึกว่าจูบนี้ทั้งร้อนรุ่มและซาบซ่านจนเธอแทบยั้งตัวเองไม่อยู่ ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาติญาณของเธอและเขาลิ้นร้อนตวัดเลีย เกี่ยวพันกันดูดดื่ม เสียงจูบดังทั่วห้องนอนขนาดปานกลางของชายหนุ่ม มือหนาลูบไล้บีบคลึงไปตามสัดส่วนของหญิงสาวรุ่นพี่ หลังจากอุ้มขยับขึ้นมานั่งเกยบนตัวเขาอย่างเพลินมือไม่ต่างจากนาเนียร์ ที่สองมือนุ่มก็ลูบสัมผัสไปตามลอนกล้ามเนื้อของหนุ่มรุ่นน้องไม่รู้ว่าบทจูบนั้นยาวนานแค่ไหน ทว่ารู้ตัวอีกที บนร่างบอบบางก็หลงเหลืออยู่เพียงชุดชั้นในเข้าเซ็ตลายลูกไม้สี
หลังจากที่นอนหลับพักผ่อนได้ไม่นาน นาเนียร์ก็ลืมตาตื่นมา เพราะรู้สึกถึงไอร้อนจากพิษไข้ที่แผ่ออกมาจากผิวกายของคนที่นอนกอด ปลุกให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นในยามเย็นของวัน นาเนียร์เห็นแบบนั้นพอจะขยับตัวลุกขึ้น คนที่นอนกอดอยู่กลับกอดกระชับแน่นกว่าเดิม พร้อมกับลืมตาตื่นขึ้นมาจ้องมองเธอด้วยสายตาเขม่น แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เธอที่เห็นอยู่ก็รู้สึกเอ็นดูจึงใช้มือลูบบริเวณแก้มที่มีสีแดงก่ำของคนไม่สบาย "พี่จะลุกไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้เราไงคะ ปล่อยก่อน" "แต่ผมอยากกอดพี่อยู่แบบนี้" "อย่างอแงสิคะ พอพี่เช็ดตัวให้เสร็จแล้ว เดี๋ยวจะมานอนให้กอดทั้งคืนเลย โอเคไหม" โดยพอนาเนียร์พูดออกไปแบบนั้น คนที่กอดเธออยู่ก็ชักมือกลับด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่ส่วนเธอพอเป็นอิสระก็รีบลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า สำรวจหาชุดของเจ้าของห้องมาสวมใส่โดยพอใส่เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ระเบียงที่ก่อนหน้านี้ตัวเองมาตากเอาไว้ แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องน้ำ ใช้ผ้าชุบกับน้ำหมาด ๆ แล้วเดินกลับมาหาเด็กหนุ่ม ที่กำลังนอนซมอยู่ "ยกแขนขึ้นหน่อย พี่จะได้เช็ดใต้รักแร้" คนที่ไม่สบายก็ยกแขนขึ้นตามท
"อร่อยไหม" นาเนียร์เอ่ยถามชายหนุ่มรุ่นน้องออกไป"อร่อยครับ""อร่อยก็กินเยอะ ๆ พี่ตั้งใจสั่งมาให้น้องภีมกินโดยเฉพาะเลย จะได้บำรุงร่างกาย" เธอตักไก่ตุ๋นโสมไปวางไว้บนจานข้าวของคนอายุน้อยกว่า"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มตักข้าวกินด้วยความเอร็ดอร่อยซึ่งหญิงสาวเห็นแล้วก็รู้สึกดีใจว่าสิ่งที่ตัวเองสั่งมาให้กับหมาเด็ก แล้วเขารู้สึกชื่นชอบมาก"ไม่ต้องตักให้ผมแล้วครับ เต็มจานแล้วเนี่ย""ก็พี่อยากให้น้องภีมกินเยอะ ๆ นี่นา ร่างกายจะได้ฟื้นฟูเร็ว" นาเนียร์ใช้มือลูบแก้มป่องของคนที่กำลังเคี้ยวอาหาร "แล้วพรุ่งนี้เรามีเรียนไหม""มีครับ""พี่ว่าพักก่อนไหม พักอีกสักวัน""ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ ตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว""ทำไมถึงดื้อแบบนี้นะเจ้าหมาเด็ก""แล้วพรุ่งนี้พี่เนียร์มีเรียนไหมครับ""มีค่ะ มีเรียนตอนเก้าโมงเลย""อ้าว งั้นพี่ก็ต้องรีบกลับห้องสิครับ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ""ทำไมรีบไล่พี่จัง ได้พี่แล้วก็เฉดหัวพี่ทิ้งเหรอเนี่ย" หญิงสาวพูดออกมาด้วยความน้อยใจแบบไม่ได้จริงจังอะไร แต่เธออยากดูปฏิกิริยาของเจ้าหมาเด็ก ว่าเขาจะพูดยังไงต่อ ถ้าเห็นเธอหน้าบึ้งแบบนี้"มะ...ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้ไล่พี่"".....""ผมแค่เห
เพนต์เฮาส์หรู ชั้นบนสุดใจกลางเมืองหลวง ซึ่งทางด้านนอกระเบียงกว้าง มีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ตั้งอยู่ในชั้นเดียวกันหลังจัดการทำความสะอาดร่างกายและอุ้มแฟนสาวไปนอนบนเตียงเรียบร้อย ตัวเขาเองก็พยายามข่มตาให้หลับไปด้วย แต่เพราะว่าร่างกายที่ยังตื่นตัวอยู่ เลยทำให้สุดท้าย ภีมตัดสินใจออกมาว่ายน้ำอยู่ในสระส่วนตัวประจำที่พักแห่งนี้เขายังรู้สึกมีอารมณ์ค้างคา แต่จะให้ปลุกเธอขึ้นมาทำอีกรอบก็คงไม่ดี เพราะแฟนเขากำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้งาน ซึ่งคงเหนื่อยมาก เขานั้นไม่อยากเอาแต่ใจจนเกินไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษแล้วที่นาเนียร์หลับไป ในที่สุดหญิงสาวรู้สึกตัวตื่น เพราะเธอยังคงติดค้างอยู่ในความรู้สึก ว่าอยากใช้เวลาในคืนพิเศษกับเจ้าของวันเกิดให้มากกว่านี้หญิงสาวค่อย ๆ ขยับร่างกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงกว้าง และก้มมองสำรวจตัวเองที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งของเจ้าของห้อง ก่อนริมฝีปากอิ่มจะยกยิ้มบางไม่ว่าจะกี่ครั้ง การได้สวมใส่เสื้อผ้าของแฟนหนุ่ม ก็ทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คงจะเป็นความรู้สึกที่ว่า กำลังถูกโอบกอดอยู่ตลอดเวลาล่ะมั้งทว่าเมื่อมองไปยังข้างกาย เธอกลับไม่พบคนที่ควรจะนอนอยู่ด้วยกันคิ้วเรียวขมวดเข้
วันต่อมา..."อะไรวะ นี่ไม่คิดจะมาง้อ แถมยังไม่โทรหาจริงดิ" ภีมบ่นพึมพำออกมาด้วยความหัวเสีย เพราะหลังจากเมื่อวานที่เขานอนรอให้แฟนสาวโทรมาง้อทั้งคืน แต่เธอก็ไม่โทรเลย แถมผ่านมาวันนี้อีก ทั้งที่เป็นวันเกิดของเขาแท้ ๆ ถึงจะไปทำงานไกลถึงสิงคโปร์ แต่การส่งข้อความมาอวยพรวันเกิดเขา มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่ "หรือจะเบื่อกันแล้วนะ" ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแฟนสาว แต่โทรยังไงเธอก็ไม่รับเหมือนเมื่อวานเลย "หรือจะคุยงานอยู่ เลยปิดเครื่องนะ" เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาพรืดยาว พร้อมกับเดินออกจากลิฟต์ เพื่อจะกลับห้องของตัวเอง ภีมใช้คีย์การ์ดแตะเข้าไปในเพนต์เฮาส์หรูของตัวเอง พร้อมกับเดินเข้ามาด้านใน แต่ก็ต้องตกใจ เพราะตอนนี้ในห้องของเขา กลับเต็มไปด้วยลูกโป่งที่ลอยเต็มห้องไปหมด ซึ่งพอชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แล้วรีบเดินตามหาแฟนสาวของตัวเอง "พี่เนียร์ อยู่ไหนครับ" ภีมตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับเดินเข้าไปในครัว แต่กลับไม่มีใครอยู่เลย ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องนอน ก็ต้องตกใจตะลึงตาค้างกับภาพตรงหน้า "อะไรเนี่ย"ชายหนุ่มจับจ้องหญิงสาวไม่วางตา มองสำรวจเรือนร่างเย้ายวนในชุดบ
หลายเดือนต่อมา... "ป่านนี้พี่เนียร์จะทำอะไรอยู่เนี่ย" หลังจากที่ภีมเรียนวิชาคาบสุดท้ายของวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็รีบขับรถเฟอร์รารี่สีดำของตัวเองมาตามถนน มุ่งตรงสู่บริษัทของแฟนสาว ที่อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเขาค่อนข้างมากในตอนนี้เขาเรียนอยู่ปีสอง ส่วนแฟนสาวอย่างนาเนียร์ หญิงสาวได้เรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เธอก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทพ่อของตัวเอง "คิดถึงจัง" ชายหนุ่มบ่นพึมพำ พร้อมกับร้องเพลงคลออยากมีความสุข ครั้งแรกเขาว่าจะโทรถามเธอก่อน ว่าหญิงสาวว่างไหม แต่พอคิดดูอีกที อยากไปเซอร์ไพรส์มากกว่า ไม่รู้ว่าถ้าเห็นเขาแล้วจะตกใจมากแค่ไหนและที่เขาตัดสินใจไปหาหญิงสาวที่บริษัทในครั้งนี้ เนื่องจากเขาไม่ได้เจอหน้าเธอมาหลายวันแล้ว เพราะพี่เขาหลังจากที่เรียนจบ ก็ได้ย้ายกลับไปอยู่บ้าน ส่วนภีมก็ย้ายมาอยู่เพนต์เฮาส์ที่พ่อของตัวเองให้คนเตรียมเอาไว้ให้ แล้วงานร้านหมูกะทะที่เขาเคยทำหลังจากเลิกเรียน ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว เพราะผู้เป็นพ่อสั่งห้าม โดยท่านให้เหตุผลว่าอยากให้ตั้งใจเรียนมากกว่า ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะตอนนี้เขาอยู่ปีสอง งานก็เข้าข้างเยอะ แทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย พอข
"มานั่งสิ"พอพ่อของเขาพูดออกมาแบบนั้น พี่ชายของเขาอย่างภาม ก็เดินนำแฟนสาวมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร ส่วนแฟนกับลูกของเธอ ก็นั่งลงด้านข้าง"ใบบัวครับ นี่พ่อของผม""สวัสดีค่ะคุณพ่อ หนู 'ใบบัว' นะคะ ส่วนตัวเล็กนี่ชื่อ 'ใบบุญ' ค่ะ สวัสดีคุณปู่เร็วลูก""สวัสดีค่ะคุณปู่ หนูชื่อใบบุญค่ะ เป็นลูกสาวของคุณแม่ใบบัว" เด็กหญิงตัวน้อยพูดน้ำเสียงเจี๊ยวจ๊าวชวนน่าฟัง"น่ารักจังเลย อายุกี่ขวบแล้ว" พ่อของเขาที่นั่งอยู่ ก็เลยสอบถามพี่สะใภ้ด้วยความเอ็นดูหลานสาวตัวน้อย"ห้าขวบแล้วค่ะคุณพ่อ""เข้าโรงเรียนแล้วใช่ไหม""ใช่ค่ะ"พ่อของเขาก็เอ่ยพูดคุยกับพี่สะใภ้ถามเกี่ยวกับสารทุกข์สุขดิบ จนพี่ชายของเขาที่นั่งอยู่ก็ยังไม่ได้แนะนำพี่น้องให้รู้จัก จึงเอ่ยพูดแทรกขึ้นมา"มาต่อกันดีกว่าครับใบบัว นี่พี่ชายของผมชื่อภูมิ""สวัสดีค่ะคุณภูมิ เราน่าจะอายุเท่ากันนะคะ""คุณใบบัวรู้ได้ยังไงครับ""คุณภามบอกค่ะ""อ๋อครับ""แล้วนี่น้องชายของผม ชื่อภีม และนั่งด้านข้างนั้นที่นาเนียร์แฟนของไอ้ภีมมัน""สวัสดีค่ะพี่ใบบัว""สวัสดีจ๊ะน้องนาเนียร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ""สวัสดีครับพี่สะใภ้ ผมภีมนะ""พะ...พี่สะใภ้อะไรกันล่ะค่ะ พี่กับคุณภาม ยังไม่แ
หลายวันต่อมา...ครืด ครืดภีมลืมตาตื่นเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังรบกวน โดยเขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา พอเห็นว่าเป็นอายุทธ เลขาพ่อของตัวเอง ชายหนุ่มกดรับสายทันที เพราะกลัวว่าคนที่นอนกอดเขาอยู่จะตื่น เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุด เขาอยากให้แฟนสาวนอนหลับได้เต็มอิ่ม"ครับคุณอา" ชายหนุ่มตอบเสียงอู้อี้กับปลายสาย(เพิ่งตื่นเหรอครับ)"ใช่ครับคุณอา"(ผมขอโทษด้วยที่โทรมารบกวนตั้งแต่เช้า แต่พอดีคุณภูเพิ่งแจ้งอาเมื่อกี้ ว่าให้โทรบอกเราว่าให้มาทานข้าวด้วยกันที่บ้านเย็นนี้)"เย็นนี้เหรอครับ" เขาพูดทวนพร้อมกับก้มมองคนที่นอนซบอกเขาอยู่(ใช่ หรือว่าเราไม่ว่าง)"ก็ไม่ได้ว่างอะไรครับ พอดีผมมีทำงานตอนเย็น แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวผมจะลาก็ได้"(ครับ แล้วคุณภูก็ให้คุณภีมชวนแฟนมาด้วย ท่านอยากเจอ)"ผมจะลองชวนเธอนะครับ แต่ไม่รู้ว่าเธออยากไปหรือเปล่า" เพราะเขาก็ไม่สามารถที่จะตัดสินแทนแฟนสาวตัวเองได้ ต้องสอบถามความสมัครใจของเธอก่อนว่าอยากไปหรือเปล่า(ครับคุณภีม งั้นอาขอวางสายก่อนนะ""ครับคุณอา" ภีมตอบออกไปพร้อมกับกดตัดสาย และยื่นเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เดิมและในขณะนั้นเอง คนที่นอนกอดเขาอยู่ก็ค่อย ๆ กระชับกอ
"ลงไปกันเถอะ"โดยพอคนด้านข้างพูดออกมาแบบนั้น ภีมจึงรีบดันเปิดประตู พร้อมกับเดินลงมายืน ชายหนุ่มมองสำรวจบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่มาก"ไปกัน"ราชาเดินนำเขาเข้ามาในบ้าน ส่วนเขาก็รีบเดินตามมาติด ๆ ซึ่งพอเข้ามาด้านในแล้วภีมก็พบกับชายหญิงคู่หนึ่ง ที่กำลังนั่งอยู่ห้องโถงของบ้าน โดยเขาเดาว่าน่าจะเป็นพ่อกับแม่ของแฟนสาวตัวเอง เพราะใบหน้าของชายกลางวัย ค่อนข้างเหมือนกับคนตัวเล็กมาก"อาศักดิ์ น้านันต์สวัสดีครับ""อ้าวราชา สวัสดีลูก แล้วนั่นใครมาด้วยเหรอ""อ๋อ นี่ภีมแฟนของยัยเนียร์ครับ"โดยพอราชาแนะนำเขา ภีมจึงรีบยกมือไหว้ทั้งสองคนอย่างนอบน้อม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"หะ! แฟนของลูกสาวอา""ใช่ครับ""ทำไมลูกสาวอา ไม่พาแฟนมาแนะนำให้อารู้จักบ้างเนี่ย" พ่อของคนรัก ก็เดินมายืนอยู่ตรงหน้าเขา"คบกับลูกสาวพ่อนานหรือยัง""จะสองเดือนแล้วครับ""ก็ไม่นาน ลูกสาวพ่อเป็นยังไงบ้าง ดื้อไหม""ไม่เลยครับ พี่เนียร์ไม่เคยดื้อกับผมเลย""พี่เนียร์... เรียกแบบนี้แสดงว่าเป็นรุ่นน้องของลูกสาวพ่อ""ใช่ครับ ผมเพิ่งอยู่ปีหนึ่งครับ""คิดยังไงมาคบกับลูกสาวพ่อ"โดยพอคนด้านหน้าถามมาแบบนั้น เขาก็มีน้ำเสียงอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะตอบไปยัง
นาเนียร์ลืมตาตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าที่สดใส พร้อมกับรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เพราะโดนคนด้านข้างรังแกทั้งคืนเธอมองตัวเองที่อยู่ในอ้อมกอดของแฟนหนุ่ม ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว จึงพยายามที่จะขยับตัวออกแต่ก็โดนคนที่กอด ดึงไปกอดเอาไว้แน่นกว่าเดิม"ปล่อยก่อน""พี่จะไปไหน จะหนีผมเหรอ""จะหนีไปไหนได้ล่ะ ห้องพี่ก็อยู่นี้ ส่วนที่บอกให้ปล่อยคือพี่ปวดฉี่ อยากเข้าห้องน้ำ" พอเธอพูดแบบนั้น คนที่กอดเธออยู่ก็ยอมปล่อยซึ่งหญิงสาวพอเป็นอิสระแล้ว ก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เพื่อจัดการธุระของตัวเองทันทีโดยพอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็รีบเดินกลับมา ก็เห็นเข้ากับคนร่วมห้อง กำลังนั่งอยู่ปลายเตียงพร้อมกับจ้องมองเธออยู่"มานี่ครับ""อะไรอีก น้องภีมไปหาอาบน้ำได้แล้ว วันนี้ตัวเองมีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ""เดินมานี่ครับ"เธอถอนหายใจออกมาพรืดยาว แต่ก็ยอมเดินไปหาคนที่กำลังนั่งยิ้มให้เธออยู่ซึ่งพอนาเนียร์เดินไปถึง ชายหนุ่มก็รีบดึงเธอไปนั่งลงบนตักของเขาทัน"ยิ้มหน่อยสิครับ ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอครับ""สิ่งที่ตัวเองทำ คิดว่าพี่จะหายโกรธง่าย ๆ เหรอ""พี่เนียร์"คนที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ จากที่มีสีหน้ายิ้มแย้มก็เริ่มหุบยิ้ม"ส
จากตอนแรกที่เป็นฝ่ายโวยวายเรียกร้องจากอีกฝ่าย กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอกลับหน้าร้อนเสียเองภีมยกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ ริมฝีปากหยักแนบประกบลงบนกลีบปากนุ่ม แล้วเริ่มรุกล้ำ สอดส่งเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่มทันทีรสจูบในครั้งนี้เป็นไปอย่างลึกล้ำและนุ่มนวล เหมือนกับว่าเขากำลังต้องการปลอบประโลมเธอด้วยสัมผัสทางกายสองชายหญิงแลกเปลี่ยนรสจูบกัน จนบรรยากาศเริ่มอบอวลไปด้วยความปรารถนามากขึ้นเสียงดูดดังขึ้นภายในห้องนอนกว้าง มือสองคู่ต่างลูบไล้สัมผัสกันอย่างโหยหาในอ้อมกอดของกันและกันเสื้อผ้าที่เคยปกปิดเรือนร่างของคนทั้งสอง ต่างหลุดลุ่ย ร่วงหล่นระเกะระกะ จนผิวเนื้อบางส่วนโผล่พ้นออกมาจากเนื้อผ้าสัมผัสร้อนจากฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง และสัดส่วนเว้าโค้งบนร่างกายหญิงสาว บีบคลึงบางจุดเพื่อปลุกเร้าให้ความต้องการของคนใต้ร่างปะทุขึ้นถึงขีดสุด“อึก อื้มม” เสียงครางดังแผ่วออกมาจากลำคอเรียวเล็ก บ่งบอกถึงความพึงพอใจในสัมผัสและรสจูบนี้ภีมปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนร่างนวลออกจนหมด เผยผิวกายขาวเนียนและนุ่มมือ เรือนร่างเปลือยเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งใดปกปิด แม้แต่ชั้นในก็ไม่หลงเหลือติดกาย“อื้มม พี่เนียร์แฉะไปหมดแล้วครั
พอเลิกเรียนแล้วภีมก็รีบตรงมายังคอนโดของแฟนสาว ด้วยพอลิฟต์เปิดออก เขาก็รีบเดินออกมา พอเดินมาถึงหน้าห้อง ก็ใช้คีย์การ์ดที่ตัวเองมีอยู่ แตะเข้าไปในห้อง"กลิ่นอะไร" ชายหนุ่มบนพึมพำออกมา เพราะหลังจากที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว ก็ได้กลิ่นเหมือนอะไรไหม้แต่เขาก็ไม่สนใจ เดินหาคนรักตัวเอง แต่ไม่พบเธอที่ด้านนอกห้องเลย จึงเดินเข้าไปในห้องนอน พอเปิดประตูแล้วก็มองเห็นแฟนสาวของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่ปลายเตียง พร้อมกับจ้องมองมาทางเขา ซึ่งภีมเห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปกอดคนตัวเล็กแต่พอเขากำลังจะกอด คนด้านหน้ากลับเบี่ยงตัวหนี"เป็นอะไรครับ แล้วมือไปโดนอะไรมาทำไมมีแผล" เขาถามคนที่สีหน้าไม่ค่อยดี พร้อมกับมีน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ ภีมเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเป็นห่วง แถมมือของเธอยังมีพลาสเตอร์พันรอบนิ้ว".....""พี่เนียร์""น้องภีมเป็นใครกันแน่คะ""ครับ?" โดยพอได้ยินคำถามจากแฟนสาว เขาก็เริ่มงงไปหมดแล้ว เพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าสื่อถึงอะไร "ผมไม่เข้าใจ""น้องภีมเป็นใครกันแน่""ผมก็ภีมแฟนพี่เนียร์ไงครับ" เขาตอบไปแบบนั้นพร้อมกับนั่งลงด้านข้างหญิงสาว แล้วดึงมือของเธอมาจับเอาไว้ แต่เธอดันชักมือกลับพร้อมกับทำสีหน้าไม่ค