สวมรอยครั้งที่ 03
seiya part
เกือบไปแล้ว
ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่เข้ามาในห้อง หลังจากผ่านสงครามประสาทกับคนที่เพิ่งจะมีอะไรด้วยกันไปไม่กี่อาทิตย์ก่อน ควบด้วยตำแหน่งพี่ชายคนกลางของบ้าน
เขาเกือบทำให้ผมโป๊ะตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว โชคดีที่เคยปลอมตัวเป็นนักแสดงสมัยเป็นสายลับใหม่ๆ เลยได้สกิลการแสดงละครติดตัวมาบ้าง ไม่รู้จะโทษเลขาที่ไม่ยอมเอาประวัติทุกคนในบ้านมาให้ผมดูก่อน หรือจะโทษโชคชะตาของตัวเองดี ที่ต้องมาปลอมตัวเป็นน้องชายต่างแม่กับคนที่มีอะไรด้วยเนี่ย ตอนที่เห็นเขาผมทั้งตกใจและทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยายามตีหน้านิ่งไว้ ต่างจากเขาที่ตอนนี้คงคิดรังเกียจตัวเองแล้วช็อกไปแล้วก็ได้
ให้ตายเถอะนี่มันยิ่งกว่าหายนะ ผมว่าเขาต้องสงสัยแน่นอนว่าผมเป็นตัวปลอม เพราะขนาดเห็นผลดีเอ็นเอที่เลขาทำขึ้นมาเพื่อหลอกทุกคน เขาก็ยังดูไม่เชื่อเลย
แต่พอลองคิดดีๆ ตอนที่เข้ามาในบ้านสีหน้าทุกคนดูปกติมากตอนที่เห็นผม ยกเว้นเขาที่ดูตกใจมากที่สุด คิดได้สองทางคือเขาตกใจที่รู้ว่าผมคือน้องชายต่างแม่ของเขา ซึ่งเขาสงสัยว่าผมเป็นตัวปลอม หรือไม่เขาก็คือคนร้าย เพราะมีแค่คนร้ายเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าท้องฟ้าตัวจริง ตามที่คุณเลขาบอกผม
Rrrrr
ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นเบอร์จากเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่ตามหาตัวไนท์บลูแทนผมที่โดนพักงานอยู่
“ว่าไง” ผมกรอกเสียงถามปลายสายพร้อมกับเดินไปนั่งลงบนเตียง
(ถึงยัง)
“เพิ่งถึง”
(เป็นไง เจอไรไหม)
“ไม่เจอ ทุกคนดูปกติหมด ยกเว้น...” ผมหยุดพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ควรฟันธงอะไรตอนนี้ เพราะทุกอย่างมันมีโอกาสเป็นไปได้หมด
(ยกเว้นใคร)
“ไม่มีอะไร ช่างเถอะ”
ผมเลือกที่จะบอกปัดปลายสายไป และไม่ลืมที่จะฝากฝังให้ลูอิสสืบเกี่ยวกับเรื่องที่ท้องฟ้าถูกทำร้ายด้วย เพราะผมโดนพักงาน ใบประจำตัวสายสืบก็ถูกยึดทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ ลูอิสจึงเป็นความหวังของผม และอีกฝ่ายก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย เพราะลูอิสเองก็เอ็นดูท้องฟ้าไม่ต่างจากผม เพราะพวกเราทั้งสี่คนรวมถึงน้องสาวของลูอิสด้วย พวกเราเติบโตมาด้วยกัน เลยสนิทและไว้ใจกันเป็นพิเศษ
ผมจัดการจัดห้องของตัวเองหลังจากที่วางสายจากลูอิสไป โชคดีที่เอาของมาไม่ค่อยเยอะ เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองจะต้องสืบหาตัวคนร้ายและจัดการมันได้ภายในหนึ่งเดือนนี้แน่นอน ด้วยฝีมือและความอัจฉริยะของตัวผมเอง ยกเว้นว่าคนร้ายมันจะเทพจนผมคาดไม่ถึง
หลังจากที่จัดการกับข้าวของของตัวเองเสร็จผมก็เดินลงมาจากห้องของตัวเอง กะจะมาดื่มน้ำให้หายจากความเหนื่อยล้าสักหน่อย แต่สายตาก็ดันไปเห็นพี่สาวคนโตของบ้าน ที่ถ้าผมจำไม่ผิดเธอน่าจะชื่อเฌอ ผมคิดว่าเธอเป็นคนนิ่งขรึมดูโตเป็นผู้ใหญ่ แต่บัดนี้กำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูอยู่ เธอมองกระดาษอะไรบนโต๊ะแล้วก็จิ๊ปากหลายรอบเหมือนคนกำลังคิดหนัก
“ทำอะไรอยู่หรือครับ” ผมถามเรียกความสนใจของเธอ ทำให้เธอเงยหน้ามามองผมใบหน้าที่เครียดเมื่อครู่กลับกลายเป็นอ่อนโยนภายในไม่กี่วินาที
“อ้าวท้องฟ้า เป็นไงห้องอยู่ได้ไหม”
“ได้ครับ ห้องสวยมากเลย แล้วนี่...” ผมตอบก่อนจะถามย้ำ สายตาก็มองไปที่กระดาษอะไรสักอย่างในมือของเธอ
“อ่อ พี่กับแฟนว่าจะเปิดร้านขนม แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะเพิ่มขนมอะไรเข้าไปให้มันน่าสนใจ มีแต่เมนูทั่วไปอะตอนนี้ในหัว” เธอว่าแล้วลองยื่นกระดาษในมือให้ผมดู ผมหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นกระดาษที่เขียนเมนูขนมด้วยลายมือสะสวย ซึ่งตามที่เธอบอกเลย ผมเองก็เห็นด้วย เมนูทั้งหมดบนกระดาษล้วนเป็นเมนูที่มีขายทั่วไปแทบจะทุกคาเฟ่ไม่ว่าจะเป็นเค้ก ขนมปัง หรือพุดดิ้ง
“ลองเพิ่ม พานาคอตต้าไหมครับ” ผมเสนอไอเดียเป็นขนมหวานที่ผมชอบกินตั้งแต่เด็ก
“มันคืออะไร”
“ขนมคลายร้อนของอิตาลีน่ะครับ ผมกับน้องเคยทำกินด้วยกันบ่อยๆ” ผมบอกเธอไปด้วยรอยยิ้ม มันเป็นขนมที่ทำกินง่ายๆ ผมและท้องฟ้าเคยทำกินด้วยกันบ่อยๆ ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน
“น้อง? เรามีน้องด้วยเหรอ” พี่เฌอถามอย่างสงสัยทำให้ผมรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป
“ผมหมายถึงน้องชายข้างบ้านครับ” ผมแถ โชคดีที่เธอหันมาพยักหน้าเชื่อคำพูดของผม
“แล้วมันทำยังไงบอกได้ไหม”
“เดี๋ยวผมช่วยสอนนะครับ”
ว่าแล้วผมก็ลองเดินไปดูของในตู้เย็นว่ามีอะไรที่พอจะทำได้ไหม โชคดีที่มีสตรอเบอรี่สดกับแยมสตรอเบอรี่ ผมเดินไปหาอุปกรณ์และวัตถุดิบพวกนมสด น้ำตาล วิปครีม ผงเจลาติน โชคดีที่ของในครัวมีครบทุกอย่างพอดีเลยไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อของเพิ่ม ผมเริ่มด้วยการนำผงเจลาตินค่อยๆ โรย ใส่ลงไปในน้ำเปล่า คนให้เจลาตินละลาย พักไว้ประมาณ 5-10 นาที เตรียมไว้ก่อน ส่วนพี่เฌอก็ตั้งใจถ่ายวิดีโอตอนผมทำทุกขั้นตอนไปพร้อมกับการจดสูตรจนผมอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“เรียบร้อยครับ ลองชิมดู” ผมว่าหลังจากจัดพานาคอตตาใส่ถ้วยแล้วตกแต่งอย่างสวยงาม พี่เฌอที่เห็นดังนั้นจึงรีบไปหยิบช้อนตักขนมมาลองตักชิมดู ก่อนที่ตาเธอจะเป็นประกาย
“อร่อยมากเลยท้องฟ้า ต้องขายดีมากๆ แน่ๆ” เธอว่าแล้วยกนิ้วโป้งให้ผมทันทีจนผมหลุดยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจกับผลงานของตัวเอง
“เดี๋ยวถ้าได้กำไร พี่มาแบ่งนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ถือเป็นการขอบคุณที่ให้ผมมาอยู่บ้านหลังนี้”
“ขอบคุณอะไรกัน เราก็น้องพี่คนหนึ่ง”
“แล้วพี่โอเคเหรอครับที่ผมมาอยู่บ้านหลังนี้” ผมหลอกถามเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ
“ทำไมจะไม่โอเค แค่มีน้องชายเพิ่มมาอีกคนไม่เห็นจะแปลกอะไร จริงไหม” และผมก็พบว่าเธอพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกที่จริงใจ และเธอก็ดูเชื่อสนิทใจว่าผมคือท้องฟ้าตัวจริงเสียด้วย
“ขอบคุณนะครับ” ผมขอบคุณเสียงเรียบก่อนจะขอตัวไปล้างอุปกรณ์ทำขนม พลางคิดว่าจะตัดเธอออกจากผู้ต้องสงสัยดีหรือเปล่า เพราะเธอดูไม่มีพิษมีภัยอะไร
“พี่เฌอกินอะไรอยู่” ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อพี่สาว เป็นพี่ชายคนกลางของบ้านที่ผมเพิ่งจะมีเรื่องไปด้วยเมื่อเช้า เขาเดินตรงเข้ามาหาพี่เฌอโดยไม่ได้สังเกตว่าผมยืนอยู่ตรงนี้สักนิด
“พาราคอตต้าสตรอเบอรี่กินไหม ชูชอบกินสตรอเบอรี่นี่น่าจะชอบ” พี่เฌอว่าแล้วยื่นช้อนให้คนเป็นน้องชาย ผมจึงปิดน้ำแล้วเปลี่ยนมายืนกอดอกสะโพกพิงซิงค์ล้างจานเมื่อรอการรีวิวขนมที่ตัวเองทำจากเขา
“ขอชิมนะ”
“อร่อยมากครับ ละลายในปากเลย พี่ทำเองเหรอ สุดยอด” ผมยิ้มอย่างภูมิใจกับฝีมือทำขนมของตัวเองเมื่อเห็นเขายิ้มอย่างมีความสุขที่ได้กินขนมของผม
“เปล่า ท้องฟ้าเป็นคนทำ” พอพี่เฌอพูดจบจากคนที่ยิ้มก็กลายเป็นแยกเขี้ยวเหมือนไม่พอใจทันทีก่อนจะตวัดสายตามามองผม ราวกับเพิ่งรู้ว่ามีอีกสิ่งมีชีวิตยืนอยู่ตรงนี้ ผมทำหน้าตาล้อเลียนไปใส่เขา
“ถึงว่ารสชาติงั้นๆ” และก็ได้การตอบกลับมาที่ดูก็รู้ว่าโกหก ก็เมื่อกี้เขายังบอกว่าอร่อยอยู่เลย พ่อคนทิฐิสูงกว่าเสาไฟฟ้าเอ๊ย
“ชู” พี่เฌอทำเสียงเอ็ดคนเป็นน้อง
“แล้วพี่ให้เขามาใช้ครัวได้ไงครับ ระวังของจะหายนะ โอ๊ย” พี่ชูร้องเสียงดังลั่นเมื่อเจอพี่สาวคนโตตีที่ไหล่ไม่แรงนัก
“พูดอะไรเนี่ย ไม่น่ารักเลย ท้องฟ้าเขาก็เป็นน้องเรานะ”
“พี่ดูปากผมนะ ผม ไม่นับ มัน เป็น น้อง”
เขาเน้นเสียงบอกพี่เฌอแต่หันหน้ามาพูดใส่ผมแบบชัดถ้อยชัดคำ เหมือนจะเน้นว่าต่อให้โลกจะพังทลายเขาก็ไม่มีทางยอมรับท้องฟ้าเป็นน้องเด็ดขาด สีหน้าและท่าทางเขามันทำให้ผมรู้สึกสนุกขึ้นมา ความรู้สึกอยากเอาชนะเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวผม มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ตามล่าจอมโจรไนท์บลู อยากเอาชนะ อยากให้คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมศิโรราบภายใต้เท้าของผม เราทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับเสือสองตัวที่กำลังห้ำหั่นกันทางกระแสจิต
“ชู ไอ้เด็กคนนี้นี่” พี่เฌอเอ่ยเสียงดุ จนเขาเป็นฝ่ายหลบตาผมและเลือกที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นสองแทน
“ท้องฟ้าอย่าไปถือสาเลย ชูก็เป็นแบบนี้แหละ แต่เดี๋ยวก็ชิน”
“ครับ”
พี่เฌอหันมาบอกผมเพื่อให้ผมไม่ต้องคิดมาก และผมก็ไม่ได้คิดมากหรอก แต่คิดว่ามันสนุกดีมากกว่า ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
“กระเป๋าใครคะ ป้าเนตรดาว ของท้องฟ้ายังไม่หมดเหรอ” ผมหันไปตามเสียงพูดของพี่เฌอหลังจากที่ล้างอุปกรณ์ทำขนมเสร็จ ก็เห็นว่าคุณป้าแม่นมของบ้านกำลังลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาพร้อมกับคนรับใช้อีกสองคนที่ถือกระเป๋าเข้ามาเช่นกัน
“ไม่ใช่ของผมนะครับ” ผมบอกเพราะไม่ใช่ของผมจริงๆ กระเป๋าสามใบนั่นผมไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ
“ของคุณชูค่ะ เห็นบอกว่าต่อไปจะมานอนที่นี่แล้ว”
“ชูเนี่ยนะ ปกติแทบจะไม่อยากมาเหยียบบ้าน” พี่เฌอพูดอย่างแปลกใจ แต่ผมรู้นะว่าทำไม
ดูก็รู้เขาจงใจมาอยู่ที่นี่ เพื่อจับผิดผม เพราะเขามั่นใจว่าผมไม่ใช่ท้องฟ้าตัวจริงแน่นอน และผมไม่เถียงหรอกว่าเขาคิดถูก แต่ผมก็คงปล่อยให้เขาทำแผนของผมพังไม่ได้
เห็นทีต้องจัดการผู้ชายคนนี้เสียแล้ว
นี่เป็นเวลาตีสองแล้วแต่ผมก็ยังคงนอนไม่หลับอาจจะเพราะยังไม่คุ้นเคยกับที่สักเท่าไหร่ ผมจึงจัดการยันตัวลุกขึ้น บางทีผมอาจจะต้องเริ่มสำรวจบ้านตั้งแต่วันนี้ก็ดี เพราะอาทิตย์หน้าผมต้องเริ่มไปโรงเรียนตามที่คุณเลขาบอกแล้ว ถึงผมจะอายุยี่สิบแล้วก็เถอะ แต่เพราะต้องมาปลอมตัวเป็นท้องฟ้าที่อายุแค่สิบเจ็ด ผมก็เลยต้องไปโรงเรียนเพื่อความแนบเนียน
ขาทั้งสองข้างเริ่มก้าวออกมาจากห้องด้วยความเงียบก่อนจะทำการแอบไปติดกล้องแอบถ่ายตามจุดต่างๆ ของบ้าน โชคดีที่แอบขโมยของหน่วยออกมาก็เลยมีค่อนข้างเยอะ
พรึ่บ!
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อไฟที่ควรจะปิดสนิทกับเปิดสว่างวาบขึ้นก่อนจะรีบวิ่งไปหลบใต้บันไดทันที ผมแอบแง้มหน้าออกไปดูเล็กน้อยว่าเป็นใคร
ก็พบกับร่างสูงของพี่ชายนักจับผิด พี่ชูเดินเข้าไปในครัวแล้วหยิบน้ำในตู้เย็นขึ้นมาดื่ม แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ในห้องครัว สีหน้าเขาดูเครียดเป็นพิเศษ และเพื่อความปลอดภัยผมควรขึ้นไปนอนก่อนที่เขาจะรู้ตัว
แกร็ก!
แต่เหมือนประสบการณ์การเป็นสายลับจะไม่ได้สอนอะไรผมเลยว่าเวลาจะเดินให้หัดระวังที่เท้าด้วย แล้วใครมันจะไปคิดว่าจะมีคนเอาไม้กวาดมาวางตรงนี้จนผมเผลอเตะจนมันล้มลงกับพื้น ผมเผลอกลั้นหายใจ หวังว่าเขาจะไม่ได้ยิน
"ใครน่ะ"
แต่ผมคงจะขอมากไป เสียงทุ้มพูดขึ้น พร้อมกับร่างสูงของพี่ชูที่เดินมาหยุดที่หน้าห้องครัวมองมาทางผม
"ฉันถามว่าใคร"
"ผมเองครับ"
ผมแสร้งทำใจดีสู้เสือแล้วเดินออกมาเผชิญหน้ากับเขา
"ทำอะไร" เขาทำอย่างจับผิดเมื่อเห็นว่าเป็นผม
"อ๋อ ผมว่าจะลงมากินน้ำครับ แล้วพี่นอนไม่หลับเหรอครับ" โชคดีที่พอจะแถได้บ้าง แล้วก็ปิดด้วยการส่งประโยคคำถามไปให้เขา
"อื้ม" พี่ชูขานรับในลำคอก่อนจะหันไปยกน้ำในแก้วขึ้นมาดื่มไม่ได้สนใจผม
"ให้ผมช่วยไหม" ผมถามขึ้น แล้วเขาก็มองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่แยแกกับสิ่งที่ผมพูด
"ผมไม่ชวนพี่ทำเรื่องสิบแปดบวกหรอกน่า" ผมยิ้มออกมาเมื่อคิดว่าเขาคงจะเผลอคิดอะไรแปลกๆ กับคำพูดของผม
"นั่งลงสิครับ" เขาดูลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมนั่งแต่โดยดี
"เดี๋ยวผมนวดกดจุดให้นะครับ" ผมบอกก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ตัวเขา
แล้วก็ได้สายตาระแวงกลับมาเหมือนเดิม"ผมไม่ทำร้ายพี่หรอกน่า ปิดโหมดระแวงไปสัก 10 นาทีเถอะ" ผมว่าเสียงหวานก่อนจะยิ้มกว้างเพื่อให้เขาเบาใจ
"ยื่นมือมาครับ" ผมบอกแล้วเขาก็ยอมยื่นมือมาแต่โดยดี ผมใช้นิ้วสามนิ้วค่อยๆ กดไปที่จุดระหว่างเส้นเอ็นและข้อมือด้านในของพี่ชู คนที่คิ้วขมวดตอนแรกดูจะเริ่มคลายความกังวลลง
ผมลองเปลี่ยนไปใช้นิ้วแตะด้านหลังศีรษะตรงกล้ามเนื้อนุ่มๆ
ที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อของเขา ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดบนจุดพร้อมกันโดยที่เขายังคงเงยหน้าจ้องมองผมไม่วางตา เราทั้งคู่สบตากันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนจะเป็นพี่ชูที่ค่อยๆ หลับตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลายผมเผลอยิ้มออกมา ผมชอบเวลาที่เขาหลับจัง เพราะมันคงเป็นเวลาเดียวที่เขาไม่คิดที่จะจับผิดผม
"โอเคไหมครับ" ผมเอ่ยถามขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเมื่อยขาจากการยืนนวดให้เขาแล้ว
"อื้ม" เขาส่งเสียงในลำคอเพื่อตอบกลับ
"ขอบใจ" และเอ่ยขอบคุณเสียงห้วน
"แล้วไม่มีรางวัลให้ผมเหรอครับ" ผมจึงแกล้งถามเขาพร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้เขา คราวนี้พวกเราสบตากันใกล้กว่าเดิม และก็เป็นหัวใจผมเองที่เผลอวูบไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนต้องเป็นฝ่ายผละตัวออกเสียเอง จนทำให้เขาแสยะยิ้มออกมา ในขณะที่หน้าผมเลิ่กลักทำอะไรไม่ถูก
"ไปนอนได้แล้ว"
เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วแสยะยิ้มใส่ผมจากนั้นก็เดินออกจากห้องครัวไป
"ครับบบบ"
ผมตอบรับเสียงยานครางพร้อมกับทำหน้าหมั่นไส้คนที่เพิ่งจะเดินออกไป เคยมีใครบอกไหม ว่าผู้ชายคนนี้ขี้แอ็กที่สุดในโลก
สวมรอยครั้งที่ 04Shuu partผมเดินออกมาสูดอากาศตอนเช้าที่ระเบียงห้องพร้อมกับจิบกาแฟไปด้วยเหมือนทุกวัน แต่สายตาดันเป็นเห็นคนผมทองในชุดลำลองกำลังเดินอยู่กับน้องชายคนเล็กของผม และพูดคุยหัวเราะกันอย่างถูกคอ ดูเหมือนชินกำลังพาน้องชายต่างแม่เดินสำรวจบ้านอยู่ ไหนบอกจะช่วยผมจัดการไอ้ลูกเมียน้อยไง แต่นี่ดูสนิทกันกว่าที่ผมคิดอีกนะผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับน้องชายคนเล็กที่แสนจะใสซื่อและเข้ากับคนง่ายจนเกินไป ชินมักจะไว้ใจคนอื่นง่ายเสมอแตกต่างจากฝาแฝดอย่างโชนที่เป็นคนค่อนข้างขี้ระแวงและไม่ไว้ใจใครง่ายๆและช่วงสายของวันผมถึงได้ทำกิจวัตรประจำตัวแล้วค่อยออกจากห้องนอน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นป้าเนตรดาวออกมาจากห้องของท้องฟ้าด้วยท่าทางรีบร้อน“คุณป้าเข้าไปทำไมในห้องมันเหรอครับ” ผมถามอย่างแปลกใจก่อนที่เธอจะหันมาชะงักเล็กน้อยที่เห็นผม“อ่อ ป้าแค่มาเช็กดูความเรียบร้อยค่ะ” เธอว่าด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่คุณแม่นมของสองแฝดเลือกที่จะมาเช็กความเรียบร้อยเอง แทนที่จะให้เด็กรับใช้คนอื่นมาดู“งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ” แต่ยังไม่ทันได้ถามข้อสงสัยของตัวเองต่อ เธอก็ขอตัวชิงลงไปข้างล่างก่อน ผมจึงไม่ได้ว่าอะไรต
สวมรอยครั้งที่05Seiya part“คุณเลขาแน่ใจจริงๆ เหรอครับ ว่าพี่ชูเขาไม่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า”“ใช่ครับ ผมแน่ใจ ทุกคนในบ้านไม่เคยเจอหน้าคุณท้องฟ้าครับ เพราะคุณท้องฟ้าไปอิตาลีตั้งแต่เด็ก”ผมคิดตามคำพูดของคุณเลขา ซึ่งก็เป็นอย่างที่คุณเลขาบอก จำได้ว่าคุณน้าพาท้องฟ้าไปอยู่อิตาลีตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางที่พี่ชูจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าอย่างที่เขาว่า แล้วถ้างั้นคนร้ายจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าได้ยังไงกันแต่ถ้าตามที่พี่ชูพูดเมื่อคืน ถ้าเคยเห็นหน้าจริง เขาก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด และเป็นคนที่ดูมีเหตุจูงใจที่สุดด้วย เพื่อไม่ให้มรดกของตัวเองตกไปเป็นของท้องฟ้า เขาอาจจะชิงฆ่าท้องฟ้าก่อน แต่คุณเลขาบอกว่า วันที่ท้องฟ้าโดนทำร้ายยังไม่มีการอ่านพินัยกรรม“แต่เหมือนคุณชูจะเคยเห็นแค่ตอนเป็นทารกนะครับ ไม่น่าจะจำได้”คุณเลขาพูดต่อเมื่อเห็นว่าผมกำลังนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“หรือว่าเขาเป็นคนทำร้ายท้องฟ้าครับ” ผมถามเสียงเรียบ“ผมเองก็คิ
สวมรอยครั้งที่06Shuu part"มีอะไรหรือเปล่าครับ"ผมถามขึ้นหลังจากเดินขึ้นบันไดมาเห็นท้องฟ้าตัวปลอมกำลังยืนคิ้วขมวด โดยมีพี่เฌอยืนอยู่หน้าห้องของตัวเองพอมองเข้าไปในห้องพี่เฌอ ก็เห็นคนใช้กำลังวุ่นอยู่กับการหาของอะไรสักอย่าง"เข็มกลัดที่คุณพ่อให้พี่มันหายไปไหนไม่รู้" พี่เฌอตอบเสียงเครียด"ลองค้นห้องท้องฟ้าดูไหมครับ เขาอาจจะเอาไปก็ได้" ผมบอกพี่เฌอพร้อมกับหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียดอยู่"ผมไม่ได้เอาไป" เขารีบตอบทันควัน"ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ค้นสิ" ผมบอกแล้วเดินไปมองเขาอย่างจับผิด คนผมทองจิ๊ปากเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะมองผมกับพี่เฌอสลับกันไปมา"ถ้างั้นก็เชิญครับ"ร่างเพรียวเดินหลบให้ทุกคนเข้าไปค้นห้องตัวเอง และผมก็เพิ่งสังเกตว่าเขายังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ เพิ่งกลับมาเหรอ? แต่โรงเรียนเลิกตั้งนานแล้วนี่ ทำไมถึงเพิ่งกลับ"เจอแล้วค่ะ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถาม คนใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับเข็มกลัดเจ้าปัญหาแล้วส่งมันให้พี่เฌอ ส่วนท้องฟ้าตัวป
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ
สวมรอยครั้งที่ 01seiya partสายลับผู้ไร้เทียมทานนั่นคือฉายาของผม ฉายาที่ใครต่อใครต่างเรียกผมแบบนั้น แรกๆ มันเป็นฉายาที่น่าภูมิใจนะ สำหรับผม แต่พอหันหลังกลับไปผมถึงพบว่า คำว่าไร้เทียมทานมันแลกมาด้วยความเหงา และความโดดเดี่ยวเพราะคำคำนี้มันเหมือนเป็นตัวยืนยันคุณภาพงานของผม แค่มีผมทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ ผมไม่เคยทำภารกิจพลาดเลยสักครั้งตั้งแต่มาเป็นสายลับ และไม่เคยร้องขอให้ใครมาช่วย ผมจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวเสมอปัง!ผมยิงเหนี่ยวไกใส่จอมโจรชุดสีดำรัตติกาลที่กำลังวิ่งอยู่บนโถงทางเดินของโรงแรมหรูที่ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงอัญมณีล้ำค่าจากหลากหลายประเทศคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำเข้มหันมายิงปืนไพ่ใส่ผมที่กำลังวิ่งตามมัน แต่ผมก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้จู่ๆ ก็เกิดควันสีชมพูกระจายทั่วโถงทางเดิน ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาปิดจมูกมันคือควันยาสลบ หนึ่งในกลอุบายที่จอมโจรในชุดคลุมสีดำใช้“จอมโจรไนท์บลูอยู่ตรงนั้น”เสียงทุ้มของหนึ่งในลูกน้องของผมดังขึ้นในตอนที่ จอมโจรไนท์บลู อาชญากรที่เลวร้ายที่สุดในมิลาน ณ เวลานี้ กำลังวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า มันมักจะออกปล้นร้านเพชรในช่วงเวลากลางคืนด้วยชุดคลุ
สวมรอยครั้งที่ 02Shuu partเสียดายความรู้สึกแรกที่ตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ผมกำลังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักกับเขามากกว่าการมีเซ็กส์ เพราะตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่อยู่ในโรงแรมแล้ว อุตส่าห์เจอคนถูกใจตรงสเปกทุกอย่าง แถมรสนิยมเซ็กส์ของเขาก็น่าสนใจจนทำผมคลั่งทั้งคืน แต่กลับไม่มีโอกาสได้สานต่อ พอยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายผมเก็บของเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและจากนั้นผมมักไปที่ผับเดิมตลอดสองอาทิตย์เพื่อหวังว่าจะเจอเขา แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า เขาไม่ได้กลับมาที่ผับนี้อีกเลย แม้แต่คนตัวสูงอีกคนที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนเขาผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงา สุดท้ายก็จนปัญญาและจบที่นั่งกินเหล้าคนเดียวเหงาๆ เหมือนกับทุกวันและเพราะถูกเรียกตัวให้กลับประเทศไทยด่วนผมจึงไม่มีโอกาสได้ตามหาตัวเขาต่อ มันยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายยิ่งกว่าเดิมอีก“ถึงบ้านแล้วครับคุณชาย”เสียงของเลขาส่วนตัวที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับคุณชายคนกลางของบ้านพูดขึ้นมา ทำให้ผมที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ที่เบาะหลังต้องยันตัวลุกขึ้นก่อนจะสะบัดหัวไปมาไล่ความมึนงงในหัวของตัวเองออกไป ผมอุตส่าห์ดื่มเหล้าแล้วบอกว่าแฮงค์จะได้ไม่ต้องมาบ้านหลังนี้ แต่สุดท้ายก
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ
สวมรอยครั้งที่06Shuu part"มีอะไรหรือเปล่าครับ"ผมถามขึ้นหลังจากเดินขึ้นบันไดมาเห็นท้องฟ้าตัวปลอมกำลังยืนคิ้วขมวด โดยมีพี่เฌอยืนอยู่หน้าห้องของตัวเองพอมองเข้าไปในห้องพี่เฌอ ก็เห็นคนใช้กำลังวุ่นอยู่กับการหาของอะไรสักอย่าง"เข็มกลัดที่คุณพ่อให้พี่มันหายไปไหนไม่รู้" พี่เฌอตอบเสียงเครียด"ลองค้นห้องท้องฟ้าดูไหมครับ เขาอาจจะเอาไปก็ได้" ผมบอกพี่เฌอพร้อมกับหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียดอยู่"ผมไม่ได้เอาไป" เขารีบตอบทันควัน"ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ค้นสิ" ผมบอกแล้วเดินไปมองเขาอย่างจับผิด คนผมทองจิ๊ปากเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะมองผมกับพี่เฌอสลับกันไปมา"ถ้างั้นก็เชิญครับ"ร่างเพรียวเดินหลบให้ทุกคนเข้าไปค้นห้องตัวเอง และผมก็เพิ่งสังเกตว่าเขายังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ เพิ่งกลับมาเหรอ? แต่โรงเรียนเลิกตั้งนานแล้วนี่ ทำไมถึงเพิ่งกลับ"เจอแล้วค่ะ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถาม คนใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับเข็มกลัดเจ้าปัญหาแล้วส่งมันให้พี่เฌอ ส่วนท้องฟ้าตัวป
สวมรอยครั้งที่05Seiya part“คุณเลขาแน่ใจจริงๆ เหรอครับ ว่าพี่ชูเขาไม่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า”“ใช่ครับ ผมแน่ใจ ทุกคนในบ้านไม่เคยเจอหน้าคุณท้องฟ้าครับ เพราะคุณท้องฟ้าไปอิตาลีตั้งแต่เด็ก”ผมคิดตามคำพูดของคุณเลขา ซึ่งก็เป็นอย่างที่คุณเลขาบอก จำได้ว่าคุณน้าพาท้องฟ้าไปอยู่อิตาลีตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางที่พี่ชูจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าอย่างที่เขาว่า แล้วถ้างั้นคนร้ายจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าได้ยังไงกันแต่ถ้าตามที่พี่ชูพูดเมื่อคืน ถ้าเคยเห็นหน้าจริง เขาก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด และเป็นคนที่ดูมีเหตุจูงใจที่สุดด้วย เพื่อไม่ให้มรดกของตัวเองตกไปเป็นของท้องฟ้า เขาอาจจะชิงฆ่าท้องฟ้าก่อน แต่คุณเลขาบอกว่า วันที่ท้องฟ้าโดนทำร้ายยังไม่มีการอ่านพินัยกรรม“แต่เหมือนคุณชูจะเคยเห็นแค่ตอนเป็นทารกนะครับ ไม่น่าจะจำได้”คุณเลขาพูดต่อเมื่อเห็นว่าผมกำลังนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“หรือว่าเขาเป็นคนทำร้ายท้องฟ้าครับ” ผมถามเสียงเรียบ“ผมเองก็คิ
สวมรอยครั้งที่ 04Shuu partผมเดินออกมาสูดอากาศตอนเช้าที่ระเบียงห้องพร้อมกับจิบกาแฟไปด้วยเหมือนทุกวัน แต่สายตาดันเป็นเห็นคนผมทองในชุดลำลองกำลังเดินอยู่กับน้องชายคนเล็กของผม และพูดคุยหัวเราะกันอย่างถูกคอ ดูเหมือนชินกำลังพาน้องชายต่างแม่เดินสำรวจบ้านอยู่ ไหนบอกจะช่วยผมจัดการไอ้ลูกเมียน้อยไง แต่นี่ดูสนิทกันกว่าที่ผมคิดอีกนะผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับน้องชายคนเล็กที่แสนจะใสซื่อและเข้ากับคนง่ายจนเกินไป ชินมักจะไว้ใจคนอื่นง่ายเสมอแตกต่างจากฝาแฝดอย่างโชนที่เป็นคนค่อนข้างขี้ระแวงและไม่ไว้ใจใครง่ายๆและช่วงสายของวันผมถึงได้ทำกิจวัตรประจำตัวแล้วค่อยออกจากห้องนอน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นป้าเนตรดาวออกมาจากห้องของท้องฟ้าด้วยท่าทางรีบร้อน“คุณป้าเข้าไปทำไมในห้องมันเหรอครับ” ผมถามอย่างแปลกใจก่อนที่เธอจะหันมาชะงักเล็กน้อยที่เห็นผม“อ่อ ป้าแค่มาเช็กดูความเรียบร้อยค่ะ” เธอว่าด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่คุณแม่นมของสองแฝดเลือกที่จะมาเช็กความเรียบร้อยเอง แทนที่จะให้เด็กรับใช้คนอื่นมาดู“งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ” แต่ยังไม่ทันได้ถามข้อสงสัยของตัวเองต่อ เธอก็ขอตัวชิงลงไปข้างล่างก่อน ผมจึงไม่ได้ว่าอะไรต
สวมรอยครั้งที่ 03seiya partเกือบไปแล้วผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่เข้ามาในห้อง หลังจากผ่านสงครามประสาทกับคนที่เพิ่งจะมีอะไรด้วยกันไปไม่กี่อาทิตย์ก่อน ควบด้วยตำแหน่งพี่ชายคนกลางของบ้านเขาเกือบทำให้ผมโป๊ะตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว โชคดีที่เคยปลอมตัวเป็นนักแสดงสมัยเป็นสายลับใหม่ๆ เลยได้สกิลการแสดงละครติดตัวมาบ้าง ไม่รู้จะโทษเลขาที่ไม่ยอมเอาประวัติทุกคนในบ้านมาให้ผมดูก่อน หรือจะโทษโชคชะตาของตัวเองดี ที่ต้องมาปลอมตัวเป็นน้องชายต่างแม่กับคนที่มีอะไรด้วยเนี่ย ตอนที่เห็นเขาผมทั้งตกใจและทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยายามตีหน้านิ่งไว้ ต่างจากเขาที่ตอนนี้คงคิดรังเกียจตัวเองแล้วช็อกไปแล้วก็ได้ให้ตายเถอะนี่มันยิ่งกว่าหายนะ ผมว่าเขาต้องสงสัยแน่นอนว่าผมเป็นตัวปลอม เพราะขนาดเห็นผลดีเอ็นเอที่เลขาทำขึ้นมาเพื่อหลอกทุกคน เขาก็ยังดูไม่เชื่อเลยแต่พอลองคิดดีๆ ตอนที่เข้ามาในบ้านสีหน้าทุกคนดูปกติมากตอนที่เห็นผม ยกเว้นเขาที่ดูตกใจมากที่สุด คิดได้สองทางคือเขาตกใจที่รู้ว่าผมคือน้องชายต่างแม่ของเขา ซึ่งเขาสงสัยว่าผมเป็นตัวปลอม หรือไม่เขาก็คือคนร้าย เพราะมีแค่คนร้ายเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า
สวมรอยครั้งที่ 02Shuu partเสียดายความรู้สึกแรกที่ตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ผมกำลังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักกับเขามากกว่าการมีเซ็กส์ เพราะตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่อยู่ในโรงแรมแล้ว อุตส่าห์เจอคนถูกใจตรงสเปกทุกอย่าง แถมรสนิยมเซ็กส์ของเขาก็น่าสนใจจนทำผมคลั่งทั้งคืน แต่กลับไม่มีโอกาสได้สานต่อ พอยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายผมเก็บของเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและจากนั้นผมมักไปที่ผับเดิมตลอดสองอาทิตย์เพื่อหวังว่าจะเจอเขา แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า เขาไม่ได้กลับมาที่ผับนี้อีกเลย แม้แต่คนตัวสูงอีกคนที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนเขาผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงา สุดท้ายก็จนปัญญาและจบที่นั่งกินเหล้าคนเดียวเหงาๆ เหมือนกับทุกวันและเพราะถูกเรียกตัวให้กลับประเทศไทยด่วนผมจึงไม่มีโอกาสได้ตามหาตัวเขาต่อ มันยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายยิ่งกว่าเดิมอีก“ถึงบ้านแล้วครับคุณชาย”เสียงของเลขาส่วนตัวที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับคุณชายคนกลางของบ้านพูดขึ้นมา ทำให้ผมที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ที่เบาะหลังต้องยันตัวลุกขึ้นก่อนจะสะบัดหัวไปมาไล่ความมึนงงในหัวของตัวเองออกไป ผมอุตส่าห์ดื่มเหล้าแล้วบอกว่าแฮงค์จะได้ไม่ต้องมาบ้านหลังนี้ แต่สุดท้ายก
สวมรอยครั้งที่ 01seiya partสายลับผู้ไร้เทียมทานนั่นคือฉายาของผม ฉายาที่ใครต่อใครต่างเรียกผมแบบนั้น แรกๆ มันเป็นฉายาที่น่าภูมิใจนะ สำหรับผม แต่พอหันหลังกลับไปผมถึงพบว่า คำว่าไร้เทียมทานมันแลกมาด้วยความเหงา และความโดดเดี่ยวเพราะคำคำนี้มันเหมือนเป็นตัวยืนยันคุณภาพงานของผม แค่มีผมทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ ผมไม่เคยทำภารกิจพลาดเลยสักครั้งตั้งแต่มาเป็นสายลับ และไม่เคยร้องขอให้ใครมาช่วย ผมจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวเสมอปัง!ผมยิงเหนี่ยวไกใส่จอมโจรชุดสีดำรัตติกาลที่กำลังวิ่งอยู่บนโถงทางเดินของโรงแรมหรูที่ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงอัญมณีล้ำค่าจากหลากหลายประเทศคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำเข้มหันมายิงปืนไพ่ใส่ผมที่กำลังวิ่งตามมัน แต่ผมก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้จู่ๆ ก็เกิดควันสีชมพูกระจายทั่วโถงทางเดิน ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาปิดจมูกมันคือควันยาสลบ หนึ่งในกลอุบายที่จอมโจรในชุดคลุมสีดำใช้“จอมโจรไนท์บลูอยู่ตรงนั้น”เสียงทุ้มของหนึ่งในลูกน้องของผมดังขึ้นในตอนที่ จอมโจรไนท์บลู อาชญากรที่เลวร้ายที่สุดในมิลาน ณ เวลานี้ กำลังวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า มันมักจะออกปล้นร้านเพชรในช่วงเวลากลางคืนด้วยชุดคลุ