สวมรอยครั้งที่ 03
seiya part
เกือบไปแล้ว
ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่เข้ามาในห้อง หลังจากผ่านสงครามประสาทกับคนที่เพิ่งจะมีอะไรด้วยกันไปไม่กี่อาทิตย์ก่อน ควบด้วยตำแหน่งพี่ชายคนกลางของบ้าน
เขาเกือบทำให้ผมโป๊ะตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว โชคดีที่เคยปลอมตัวเป็นนักแสดงสมัยเป็นสายลับใหม่ๆ เลยได้สกิลการแสดงละครติดตัวมาบ้าง ไม่รู้จะโทษเลขาที่ไม่ยอมเอาประวัติทุกคนในบ้านมาให้ผมดูก่อน หรือจะโทษโชคชะตาของตัวเองดี ที่ต้องมาปลอมตัวเป็นน้องชายต่างแม่กับคนที่มีอะไรด้วยเนี่ย ตอนที่เห็นเขาผมทั้งตกใจและทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยายามตีหน้านิ่งไว้ ต่างจากเขาที่ตอนนี้คงคิดรังเกียจตัวเองแล้วช็อกไปแล้วก็ได้
ให้ตายเถอะนี่มันยิ่งกว่าหายนะ ผมว่าเขาต้องสงสัยแน่นอนว่าผมเป็นตัวปลอม เพราะขนาดเห็นผลดีเอ็นเอที่เลขาทำขึ้นมาเพื่อหลอกทุกคน เขาก็ยังดูไม่เชื่อเลย
แต่พอลองคิดดีๆ ตอนที่เข้ามาในบ้านสีหน้าทุกคนดูปกติมากตอนที่เห็นผม ยกเว้นเขาที่ดูตกใจมากที่สุด คิดได้สองทางคือเขาตกใจที่รู้ว่าผมคือน้องชายต่างแม่ของเขา ซึ่งเขาสงสัยว่าผมเป็นตัวปลอม หรือไม่เขาก็คือคนร้าย เพราะมีแค่คนร้ายเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าท้องฟ้าตัวจริง ตามที่คุณเลขาบอกผม
Rrrrr
ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นเบอร์จากเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่ตามหาตัวไนท์บลูแทนผมที่โดนพักงานอยู่
“ว่าไง” ผมกรอกเสียงถามปลายสายพร้อมกับเดินไปนั่งลงบนเตียง
(ถึงยัง)
“เพิ่งถึง”
(เป็นไง เจอไรไหม)
“ไม่เจอ ทุกคนดูปกติหมด ยกเว้น...” ผมหยุดพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ควรฟันธงอะไรตอนนี้ เพราะทุกอย่างมันมีโอกาสเป็นไปได้หมด
(ยกเว้นใคร)
“ไม่มีอะไร ช่างเถอะ”
ผมเลือกที่จะบอกปัดปลายสายไป และไม่ลืมที่จะฝากฝังให้ลูอิสสืบเกี่ยวกับเรื่องที่ท้องฟ้าถูกทำร้ายด้วย เพราะผมโดนพักงาน ใบประจำตัวสายสืบก็ถูกยึดทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ ลูอิสจึงเป็นความหวังของผม และอีกฝ่ายก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย เพราะลูอิสเองก็เอ็นดูท้องฟ้าไม่ต่างจากผม เพราะพวกเราทั้งสี่คนรวมถึงน้องสาวของลูอิสด้วย พวกเราเติบโตมาด้วยกัน เลยสนิทและไว้ใจกันเป็นพิเศษ
ผมจัดการจัดห้องของตัวเองหลังจากที่วางสายจากลูอิสไป โชคดีที่เอาของมาไม่ค่อยเยอะ เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองจะต้องสืบหาตัวคนร้ายและจัดการมันได้ภายในหนึ่งเดือนนี้แน่นอน ด้วยฝีมือและความอัจฉริยะของตัวผมเอง ยกเว้นว่าคนร้ายมันจะเทพจนผมคาดไม่ถึง
หลังจากที่จัดการกับข้าวของของตัวเองเสร็จผมก็เดินลงมาจากห้องของตัวเอง กะจะมาดื่มน้ำให้หายจากความเหนื่อยล้าสักหน่อย แต่สายตาก็ดันไปเห็นพี่สาวคนโตของบ้าน ที่ถ้าผมจำไม่ผิดเธอน่าจะชื่อเฌอ ผมคิดว่าเธอเป็นคนนิ่งขรึมดูโตเป็นผู้ใหญ่ แต่บัดนี้กำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูอยู่ เธอมองกระดาษอะไรบนโต๊ะแล้วก็จิ๊ปากหลายรอบเหมือนคนกำลังคิดหนัก
“ทำอะไรอยู่หรือครับ” ผมถามเรียกความสนใจของเธอ ทำให้เธอเงยหน้ามามองผมใบหน้าที่เครียดเมื่อครู่กลับกลายเป็นอ่อนโยนภายในไม่กี่วินาที
“อ้าวท้องฟ้า เป็นไงห้องอยู่ได้ไหม”
“ได้ครับ ห้องสวยมากเลย แล้วนี่...” ผมตอบก่อนจะถามย้ำ สายตาก็มองไปที่กระดาษอะไรสักอย่างในมือของเธอ
“อ่อ พี่กับแฟนว่าจะเปิดร้านขนม แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะเพิ่มขนมอะไรเข้าไปให้มันน่าสนใจ มีแต่เมนูทั่วไปอะตอนนี้ในหัว” เธอว่าแล้วลองยื่นกระดาษในมือให้ผมดู ผมหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นกระดาษที่เขียนเมนูขนมด้วยลายมือสะสวย ซึ่งตามที่เธอบอกเลย ผมเองก็เห็นด้วย เมนูทั้งหมดบนกระดาษล้วนเป็นเมนูที่มีขายทั่วไปแทบจะทุกคาเฟ่ไม่ว่าจะเป็นเค้ก ขนมปัง หรือพุดดิ้ง
“ลองเพิ่ม พานาคอตต้าไหมครับ” ผมเสนอไอเดียเป็นขนมหวานที่ผมชอบกินตั้งแต่เด็ก
“มันคืออะไร”
“ขนมคลายร้อนของอิตาลีน่ะครับ ผมกับน้องเคยทำกินด้วยกันบ่อยๆ” ผมบอกเธอไปด้วยรอยยิ้ม มันเป็นขนมที่ทำกินง่ายๆ ผมและท้องฟ้าเคยทำกินด้วยกันบ่อยๆ ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน
“น้อง? เรามีน้องด้วยเหรอ” พี่เฌอถามอย่างสงสัยทำให้ผมรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป
“ผมหมายถึงน้องชายข้างบ้านครับ” ผมแถ โชคดีที่เธอหันมาพยักหน้าเชื่อคำพูดของผม
“แล้วมันทำยังไงบอกได้ไหม”
“เดี๋ยวผมช่วยสอนนะครับ”
ว่าแล้วผมก็ลองเดินไปดูของในตู้เย็นว่ามีอะไรที่พอจะทำได้ไหม โชคดีที่มีสตรอเบอรี่สดกับแยมสตรอเบอรี่ ผมเดินไปหาอุปกรณ์และวัตถุดิบพวกนมสด น้ำตาล วิปครีม ผงเจลาติน โชคดีที่ของในครัวมีครบทุกอย่างพอดีเลยไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อของเพิ่ม ผมเริ่มด้วยการนำผงเจลาตินค่อยๆ โรย ใส่ลงไปในน้ำเปล่า คนให้เจลาตินละลาย พักไว้ประมาณ 5-10 นาที เตรียมไว้ก่อน ส่วนพี่เฌอก็ตั้งใจถ่ายวิดีโอตอนผมทำทุกขั้นตอนไปพร้อมกับการจดสูตรจนผมอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“เรียบร้อยครับ ลองชิมดู” ผมว่าหลังจากจัดพานาคอตตาใส่ถ้วยแล้วตกแต่งอย่างสวยงาม พี่เฌอที่เห็นดังนั้นจึงรีบไปหยิบช้อนตักขนมมาลองตักชิมดู ก่อนที่ตาเธอจะเป็นประกาย
“อร่อยมากเลยท้องฟ้า ต้องขายดีมากๆ แน่ๆ” เธอว่าแล้วยกนิ้วโป้งให้ผมทันทีจนผมหลุดยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจกับผลงานของตัวเอง
“เดี๋ยวถ้าได้กำไร พี่มาแบ่งนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ถือเป็นการขอบคุณที่ให้ผมมาอยู่บ้านหลังนี้”
“ขอบคุณอะไรกัน เราก็น้องพี่คนหนึ่ง”
“แล้วพี่โอเคเหรอครับที่ผมมาอยู่บ้านหลังนี้” ผมหลอกถามเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ
“ทำไมจะไม่โอเค แค่มีน้องชายเพิ่มมาอีกคนไม่เห็นจะแปลกอะไร จริงไหม” และผมก็พบว่าเธอพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกที่จริงใจ และเธอก็ดูเชื่อสนิทใจว่าผมคือท้องฟ้าตัวจริงเสียด้วย
“ขอบคุณนะครับ” ผมขอบคุณเสียงเรียบก่อนจะขอตัวไปล้างอุปกรณ์ทำขนม พลางคิดว่าจะตัดเธอออกจากผู้ต้องสงสัยดีหรือเปล่า เพราะเธอดูไม่มีพิษมีภัยอะไร
“พี่เฌอกินอะไรอยู่” ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อพี่สาว เป็นพี่ชายคนกลางของบ้านที่ผมเพิ่งจะมีเรื่องไปด้วยเมื่อเช้า เขาเดินตรงเข้ามาหาพี่เฌอโดยไม่ได้สังเกตว่าผมยืนอยู่ตรงนี้สักนิด
“พาราคอตต้าสตรอเบอรี่กินไหม ชูชอบกินสตรอเบอรี่นี่น่าจะชอบ” พี่เฌอว่าแล้วยื่นช้อนให้คนเป็นน้องชาย ผมจึงปิดน้ำแล้วเปลี่ยนมายืนกอดอกสะโพกพิงซิงค์ล้างจานเมื่อรอการรีวิวขนมที่ตัวเองทำจากเขา
“ขอชิมนะ”
“อร่อยมากครับ ละลายในปากเลย พี่ทำเองเหรอ สุดยอด” ผมยิ้มอย่างภูมิใจกับฝีมือทำขนมของตัวเองเมื่อเห็นเขายิ้มอย่างมีความสุขที่ได้กินขนมของผม
“เปล่า ท้องฟ้าเป็นคนทำ” พอพี่เฌอพูดจบจากคนที่ยิ้มก็กลายเป็นแยกเขี้ยวเหมือนไม่พอใจทันทีก่อนจะตวัดสายตามามองผม ราวกับเพิ่งรู้ว่ามีอีกสิ่งมีชีวิตยืนอยู่ตรงนี้ ผมทำหน้าตาล้อเลียนไปใส่เขา
“ถึงว่ารสชาติงั้นๆ” และก็ได้การตอบกลับมาที่ดูก็รู้ว่าโกหก ก็เมื่อกี้เขายังบอกว่าอร่อยอยู่เลย พ่อคนทิฐิสูงกว่าเสาไฟฟ้าเอ๊ย
“ชู” พี่เฌอทำเสียงเอ็ดคนเป็นน้อง
“แล้วพี่ให้เขามาใช้ครัวได้ไงครับ ระวังของจะหายนะ โอ๊ย” พี่ชูร้องเสียงดังลั่นเมื่อเจอพี่สาวคนโตตีที่ไหล่ไม่แรงนัก
“พูดอะไรเนี่ย ไม่น่ารักเลย ท้องฟ้าเขาก็เป็นน้องเรานะ”
“พี่ดูปากผมนะ ผม ไม่นับ มัน เป็น น้อง”
เขาเน้นเสียงบอกพี่เฌอแต่หันหน้ามาพูดใส่ผมแบบชัดถ้อยชัดคำ เหมือนจะเน้นว่าต่อให้โลกจะพังทลายเขาก็ไม่มีทางยอมรับท้องฟ้าเป็นน้องเด็ดขาด สีหน้าและท่าทางเขามันทำให้ผมรู้สึกสนุกขึ้นมา ความรู้สึกอยากเอาชนะเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวผม มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ตามล่าจอมโจรไนท์บลู อยากเอาชนะ อยากให้คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมศิโรราบภายใต้เท้าของผม เราทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับเสือสองตัวที่กำลังห้ำหั่นกันทางกระแสจิต
“ชู ไอ้เด็กคนนี้นี่” พี่เฌอเอ่ยเสียงดุ จนเขาเป็นฝ่ายหลบตาผมและเลือกที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นสองแทน
“ท้องฟ้าอย่าไปถือสาเลย ชูก็เป็นแบบนี้แหละ แต่เดี๋ยวก็ชิน”
“ครับ”
พี่เฌอหันมาบอกผมเพื่อให้ผมไม่ต้องคิดมาก และผมก็ไม่ได้คิดมากหรอก แต่คิดว่ามันสนุกดีมากกว่า ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
“กระเป๋าใครคะ ป้าเนตรดาว ของท้องฟ้ายังไม่หมดเหรอ” ผมหันไปตามเสียงพูดของพี่เฌอหลังจากที่ล้างอุปกรณ์ทำขนมเสร็จ ก็เห็นว่าคุณป้าแม่นมของบ้านกำลังลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาพร้อมกับคนรับใช้อีกสองคนที่ถือกระเป๋าเข้ามาเช่นกัน
“ไม่ใช่ของผมนะครับ” ผมบอกเพราะไม่ใช่ของผมจริงๆ กระเป๋าสามใบนั่นผมไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ
“ของคุณชูค่ะ เห็นบอกว่าต่อไปจะมานอนที่นี่แล้ว”
“ชูเนี่ยนะ ปกติแทบจะไม่อยากมาเหยียบบ้าน” พี่เฌอพูดอย่างแปลกใจ แต่ผมรู้นะว่าทำไม
ดูก็รู้เขาจงใจมาอยู่ที่นี่ เพื่อจับผิดผม เพราะเขามั่นใจว่าผมไม่ใช่ท้องฟ้าตัวจริงแน่นอน และผมไม่เถียงหรอกว่าเขาคิดถูก แต่ผมก็คงปล่อยให้เขาทำแผนของผมพังไม่ได้
เห็นทีต้องจัดการผู้ชายคนนี้เสียแล้ว
นี่เป็นเวลาตีสองแล้วแต่ผมก็ยังคงนอนไม่หลับอาจจะเพราะยังไม่คุ้นเคยกับที่สักเท่าไหร่ ผมจึงจัดการยันตัวลุกขึ้น บางทีผมอาจจะต้องเริ่มสำรวจบ้านตั้งแต่วันนี้ก็ดี เพราะอาทิตย์หน้าผมต้องเริ่มไปโรงเรียนตามที่คุณเลขาบอกแล้ว ถึงผมจะอายุยี่สิบแล้วก็เถอะ แต่เพราะต้องมาปลอมตัวเป็นท้องฟ้าที่อายุแค่สิบเจ็ด ผมก็เลยต้องไปโรงเรียนเพื่อความแนบเนียน
ขาทั้งสองข้างเริ่มก้าวออกมาจากห้องด้วยความเงียบก่อนจะทำการแอบไปติดกล้องแอบถ่ายตามจุดต่างๆ ของบ้าน โชคดีที่แอบขโมยของหน่วยออกมาก็เลยมีค่อนข้างเยอะ
พรึ่บ!
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อไฟที่ควรจะปิดสนิทกับเปิดสว่างวาบขึ้นก่อนจะรีบวิ่งไปหลบใต้บันไดทันที ผมแอบแง้มหน้าออกไปดูเล็กน้อยว่าเป็นใคร
ก็พบกับร่างสูงของพี่ชายนักจับผิด พี่ชูเดินเข้าไปในครัวแล้วหยิบน้ำในตู้เย็นขึ้นมาดื่ม แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ในห้องครัว สีหน้าเขาดูเครียดเป็นพิเศษ และเพื่อความปลอดภัยผมควรขึ้นไปนอนก่อนที่เขาจะรู้ตัว
แกร็ก!
แต่เหมือนประสบการณ์การเป็นสายลับจะไม่ได้สอนอะไรผมเลยว่าเวลาจะเดินให้หัดระวังที่เท้าด้วย แล้วใครมันจะไปคิดว่าจะมีคนเอาไม้กวาดมาวางตรงนี้จนผมเผลอเตะจนมันล้มลงกับพื้น ผมเผลอกลั้นหายใจ หวังว่าเขาจะไม่ได้ยิน
"ใครน่ะ"
แต่ผมคงจะขอมากไป เสียงทุ้มพูดขึ้น พร้อมกับร่างสูงของพี่ชูที่เดินมาหยุดที่หน้าห้องครัวมองมาทางผม
"ฉันถามว่าใคร"
"ผมเองครับ"
ผมแสร้งทำใจดีสู้เสือแล้วเดินออกมาเผชิญหน้ากับเขา
"ทำอะไร" เขาทำอย่างจับผิดเมื่อเห็นว่าเป็นผม
"อ๋อ ผมว่าจะลงมากินน้ำครับ แล้วพี่นอนไม่หลับเหรอครับ" โชคดีที่พอจะแถได้บ้าง แล้วก็ปิดด้วยการส่งประโยคคำถามไปให้เขา
"อื้ม" พี่ชูขานรับในลำคอก่อนจะหันไปยกน้ำในแก้วขึ้นมาดื่มไม่ได้สนใจผม
"ให้ผมช่วยไหม" ผมถามขึ้น แล้วเขาก็มองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่แยแกกับสิ่งที่ผมพูด
"ผมไม่ชวนพี่ทำเรื่องสิบแปดบวกหรอกน่า" ผมยิ้มออกมาเมื่อคิดว่าเขาคงจะเผลอคิดอะไรแปลกๆ กับคำพูดของผม
"นั่งลงสิครับ" เขาดูลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมนั่งแต่โดยดี
"เดี๋ยวผมนวดกดจุดให้นะครับ" ผมบอกก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ตัวเขา
แล้วก็ได้สายตาระแวงกลับมาเหมือนเดิม"ผมไม่ทำร้ายพี่หรอกน่า ปิดโหมดระแวงไปสัก 10 นาทีเถอะ" ผมว่าเสียงหวานก่อนจะยิ้มกว้างเพื่อให้เขาเบาใจ
"ยื่นมือมาครับ" ผมบอกแล้วเขาก็ยอมยื่นมือมาแต่โดยดี ผมใช้นิ้วสามนิ้วค่อยๆ กดไปที่จุดระหว่างเส้นเอ็นและข้อมือด้านในของพี่ชู คนที่คิ้วขมวดตอนแรกดูจะเริ่มคลายความกังวลลง
ผมลองเปลี่ยนไปใช้นิ้วแตะด้านหลังศีรษะตรงกล้ามเนื้อนุ่มๆ
ที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อของเขา ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดบนจุดพร้อมกันโดยที่เขายังคงเงยหน้าจ้องมองผมไม่วางตา เราทั้งคู่สบตากันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนจะเป็นพี่ชูที่ค่อยๆ หลับตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลายผมเผลอยิ้มออกมา ผมชอบเวลาที่เขาหลับจัง เพราะมันคงเป็นเวลาเดียวที่เขาไม่คิดที่จะจับผิดผม
"โอเคไหมครับ" ผมเอ่ยถามขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเมื่อยขาจากการยืนนวดให้เขาแล้ว
"อื้ม" เขาส่งเสียงในลำคอเพื่อตอบกลับ
"ขอบใจ" และเอ่ยขอบคุณเสียงห้วน
"แล้วไม่มีรางวัลให้ผมเหรอครับ" ผมจึงแกล้งถามเขาพร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้เขา คราวนี้พวกเราสบตากันใกล้กว่าเดิม และก็เป็นหัวใจผมเองที่เผลอวูบไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนต้องเป็นฝ่ายผละตัวออกเสียเอง จนทำให้เขาแสยะยิ้มออกมา ในขณะที่หน้าผมเลิ่กลักทำอะไรไม่ถูก
"ไปนอนได้แล้ว"
เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วแสยะยิ้มใส่ผมจากนั้นก็เดินออกจากห้องครัวไป
"ครับบบบ"
ผมตอบรับเสียงยานครางพร้อมกับทำหน้าหมั่นไส้คนที่เพิ่งจะเดินออกไป เคยมีใครบอกไหม ว่าผู้ชายคนนี้ขี้แอ็กที่สุดในโลก
สวมรอยครั้งที่ 04Shuu partผมเดินออกมาสูดอากาศตอนเช้าที่ระเบียงห้องพร้อมกับจิบกาแฟไปด้วยเหมือนทุกวัน แต่สายตาดันเป็นเห็นคนผมทองในชุดลำลองกำลังเดินอยู่กับน้องชายคนเล็กของผม และพูดคุยหัวเราะกันอย่างถูกคอ ดูเหมือนชินกำลังพาน้องชายต่างแม่เดินสำรวจบ้านอยู่ ไหนบอกจะช่วยผมจัดการไอ้ลูกเมียน้อยไง แต่นี่ดูสนิทกันกว่าที่ผมคิดอีกนะผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับน้องชายคนเล็กที่แสนจะใสซื่อและเข้ากับคนง่ายจนเกินไป ชินมักจะไว้ใจคนอื่นง่ายเสมอแตกต่างจากฝาแฝดอย่างโชนที่เป็นคนค่อนข้างขี้ระแวงและไม่ไว้ใจใครง่ายๆและช่วงสายของวันผมถึงได้ทำกิจวัตรประจำตัวแล้วค่อยออกจากห้องนอน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นป้าเนตรดาวออกมาจากห้องของท้องฟ้าด้วยท่าทางรีบร้อน“คุณป้าเข้าไปทำไมในห้องมันเหรอครับ” ผมถามอย่างแปลกใจก่อนที่เธอจะหันมาชะงักเล็กน้อยที่เห็นผม“อ่อ ป้าแค่มาเช็กดูความเรียบร้อยค่ะ” เธอว่าด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่คุณแม่นมของสองแฝดเลือกที่จะมาเช็กความเรียบร้อยเอง แทนที่จะให้เด็กรับใช้คนอื่นมาดู“งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ” แต่ยังไม่ทันได้ถามข้อสงสัยของตัวเองต่อ เธอก็ขอตัวชิงลงไปข้างล่างก่อน ผมจึงไม่ได้ว่าอะไรต
สวมรอยครั้งที่05Seiya part“คุณเลขาแน่ใจจริงๆ เหรอครับ ว่าพี่ชูเขาไม่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า”“ใช่ครับ ผมแน่ใจ ทุกคนในบ้านไม่เคยเจอหน้าคุณท้องฟ้าครับ เพราะคุณท้องฟ้าไปอิตาลีตั้งแต่เด็ก”ผมคิดตามคำพูดของคุณเลขา ซึ่งก็เป็นอย่างที่คุณเลขาบอก จำได้ว่าคุณน้าพาท้องฟ้าไปอยู่อิตาลีตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางที่พี่ชูจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าอย่างที่เขาว่า แล้วถ้างั้นคนร้ายจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าได้ยังไงกันแต่ถ้าตามที่พี่ชูพูดเมื่อคืน ถ้าเคยเห็นหน้าจริง เขาก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด และเป็นคนที่ดูมีเหตุจูงใจที่สุดด้วย เพื่อไม่ให้มรดกของตัวเองตกไปเป็นของท้องฟ้า เขาอาจจะชิงฆ่าท้องฟ้าก่อน แต่คุณเลขาบอกว่า วันที่ท้องฟ้าโดนทำร้ายยังไม่มีการอ่านพินัยกรรม“แต่เหมือนคุณชูจะเคยเห็นแค่ตอนเป็นทารกนะครับ ไม่น่าจะจำได้”คุณเลขาพูดต่อเมื่อเห็นว่าผมกำลังนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“หรือว่าเขาเป็นคนทำร้ายท้องฟ้าครับ” ผมถามเสียงเรียบ“ผมเองก็คิ
สวมรอยครั้งที่06Shuu part"มีอะไรหรือเปล่าครับ"ผมถามขึ้นหลังจากเดินขึ้นบันไดมาเห็นท้องฟ้าตัวปลอมกำลังยืนคิ้วขมวด โดยมีพี่เฌอยืนอยู่หน้าห้องของตัวเองพอมองเข้าไปในห้องพี่เฌอ ก็เห็นคนใช้กำลังวุ่นอยู่กับการหาของอะไรสักอย่าง"เข็มกลัดที่คุณพ่อให้พี่มันหายไปไหนไม่รู้" พี่เฌอตอบเสียงเครียด"ลองค้นห้องท้องฟ้าดูไหมครับ เขาอาจจะเอาไปก็ได้" ผมบอกพี่เฌอพร้อมกับหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียดอยู่"ผมไม่ได้เอาไป" เขารีบตอบทันควัน"ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ค้นสิ" ผมบอกแล้วเดินไปมองเขาอย่างจับผิด คนผมทองจิ๊ปากเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะมองผมกับพี่เฌอสลับกันไปมา"ถ้างั้นก็เชิญครับ"ร่างเพรียวเดินหลบให้ทุกคนเข้าไปค้นห้องตัวเอง และผมก็เพิ่งสังเกตว่าเขายังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ เพิ่งกลับมาเหรอ? แต่โรงเรียนเลิกตั้งนานแล้วนี่ ทำไมถึงเพิ่งกลับ"เจอแล้วค่ะ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถาม คนใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับเข็มกลัดเจ้าปัญหาแล้วส่งมันให้พี่เฌอ ส่วนท้องฟ้าตัวป
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ
สวมรอยครั้งที่ 08Shuu partสองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไปในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอกRrrrrrนักสืบ"สวัสดีครับ"(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)"ขอบคุณครับ"ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
สวมรอยครั้งที่ 13Seiya partสามวันแล้วที่ผมอยู่ในสถานะนักโทษ?ผมไม่รู้จะนิยามสถานะตัวเองตอนนี้ยังไง หลังจากวันที่พวกเราทะเลาะกันจนผมเกือบลงมือฆ่าเขา ผมจำได้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างหนักตอนที่ได้สติก่อนจะหลับไป พอฟื้นขึ้นมาก็ถูกมัดไว้ที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่คราวนี้เชือกที่มัดผมเปลี่ยนเป็นโซ่แทน ไฟที่กะพริบจนทำให้ผมปวดตาก็ถูกเปลี่ยนใหม่โดยคนที่ยั่วโมโหผมผมไม่เข้าใจการกระทำของคนที่จับผมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เขาเข้ามายั่วโมโหผม แล้วปลอบผมตอนร้องไห้เขาก็ทำตัวปกติ แถมไม่ได้เค้นข้อมูลอะไรเลยสายตาของผมเริ่มมองสำรวจห้องมืดที่ว่างเปล่า มันโล่งเกินกว่าจะเป็นห้องเก็บของด้วยซ้ำ ราวกับเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วแกร็กประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชู ที่มักจะเดินเข้ามาเพื่อเอาข้าวมาให้ผมเหมือนกับทุกครั้ง"มีอะไรจะพูดกับผมหรือไง" ผมถามคนที่เพิ่งจะวางข้าวไว้บนลังไม้"เปล่า" เขาปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ใบหน้าแสดงออกชัดว่าเขามีอะไรในใจ"จะก
สวมรอยครั้งที่ 12Shuu partหลังจากพาชินไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมจะพาน้องไปเยี่ยมพี่เฌอแล้ว แต่ชินก็เอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจน้องตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเจอใครก็ได้ ผมพยุงตัวชินเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมก็วิ่งออกมารับด้วยความเป็นห่วงทันที ผมมองภาพแม่นมที่ทั้งกอดและพูดปลอบชินอย่างเป็นห่วง กลับกันโชนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดกลับยืนมองเฉยๆ จนผมแอบสงสัย แต่ก็คิดว่าโชนคงเป็นประเภทที่แสดงออกไม่เก่งละมั้ง เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรชิน"ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้ไหม" ผมถามชินเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชินหยุดร้องไห้แล้ว ชินแสดงสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิด"เขาชื่อเซย์ยะครับ ท้องฟ้าจ้างให้เขามาหลอกพวกเรา เพราะหวังสมบัติ แล้วก็คิดที่จะฆ่าพวกเราครับ" ชินเล่าให้พวกเราฟังเสียงสั่นจนแม่นมต้องโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบประโลม"แล้วเรารอดมาได้ยังไง""ผมไม่รู้ครับ เขาฟาดหัวผมแล้วเอาผมไปทิ้งในป่า" คำตอบของชินท
SPE. cutter x chin Ep.2Chin part"นายหัวภู" ไอ้โรคจิตมันเรียกชื่อเจ้าของเกาะเสียงสั่นใบหน้าเริ่มฉายแววหวาดกลัว"มึงทำอะไรไอ้จักร" นายหัวภูถามเสียงเหี้ยม ไอ้โรคจิตที่ชื่อจักรมันก็รีบคุกเข่าแสร้งทำตัวหดแล้วพนมมือขอโทษไปทางนายหัวของเกาะทั้งที่สภาพร่างกายยังเปลือยเปล่า"ไอ้หมอนั่นมันจะทำร้ายฉันนายหัว มันโยนทรายใส่ฉันด้วยดูสิ" มันโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ผมพร้อมกับชี้หน้าตัวเองที่มีทรายเลอะอยู่จากการโดนผมขว้างทรายใส่ ส่วนพี่คัทเตอร์ก็หันมามองผมสายตาเขายังดูดุและน่ากลัวเหมือนเดิม"ข เขาจะข่มขืนผม" ผมพูดเสียงสั่นและเบาก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นด้วยความรู้สึกกลัวอยู่"ผมฝากนายหัวจัดการด้วยนะครับ ส่วนนายมานี่""มึงจะพาเมียกูไปไหน โอ้ย"พี่คัทเตอร์เตรียมจะลากผมกลับไปที่บ้านแล้วแต่จักรมันก็ไม่ยอม พุ่งตัวจะมากระชากแขนผมจนโดนพี่คัทเตอร์เตะกระเด็นไปกองกับ
SPE. Cutter x Chin Ep.1Chin part"นายบอกให้รีบจัดการ""รู้แล้ว ให้เด็กมันตื่นก่อนสิ""จะทำอะไรก็รีบทำ"เสียงใครกัน?ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเหมือนมีใครมาบีบเส้นประสาทจนต้องปิดตาไปอีกครั้ง และเริ่มลืมตาขึ้นมาใหม่ปรับโฟกัสสายตาไม่นานก่อนจะพบกับ บรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิท ตรงหน้าผมมีชายร่างสูงผมยาวสีควันบุหรี่กำลังยืนคุยกับร่างหนาผิวเข้มหน้าตาดูดุ ข้างตัวเขามีถังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นถังน้ำมัน เพราะกลิ่นของน้ำมันเครื่องมันลอยมาเตะจมูกผมสายตาของผมเริ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบ มันเป็นป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดผมนอนอยู่บนรถของที่บ้านไม่ใช่เหรอแขนของผมถูกมัดไว้ข้างหลังและถูกบังคับให้นั่งอยู่บนก้อนหิน ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอีกครั้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าคนหน้าดูแต่
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 08Shuu partสองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไปในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอกRrrrrrนักสืบ"สวัสดีครับ"(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)"ขอบคุณครับ"ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ