“พูดไรวะนิ้ง”
ผมงง เอาตรงๆ เลยว่าผมไม่เข้าใจที่เธอถาม ดูนิ้งอึกอักตอนที่ผมถามงั้นกลับไปด้วย หรือเธออยากให้ผมหยุดตามจีบเธอ?
“นะ นิ้งถามว่า... ฉลามจะเลิกจีบนิ้งมั้ย?”
เฮ้ย หรือเธอจะคิดงั้นจริงๆ วะ ทำไมถามงี้ ผมไม่เข้าใจ
“ไม่เลิกดิ ใครจะเลิก” ผมออกตัวแรงไปก่อน ใส่อารมณ์ตอนพูดด้วย คือถ้าเธอบอกให้ผมเลิกจีบผมไม่ยอมแน่นอนอ่ะ ชอบมาก ชอบชิบหายขนาดนี้จะให้ผมเลิกตามตื้อเธอง่ายๆ เหรอ ไม่มีทาง “ถามงี้ทำไม อยากให้เลิกจีบเหรอ”
“... เปล่า”
อ้าว
“คะ... แค่อยากจะบอกว่าอย่าโกรธนิ้งเลยนะ” ผมชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึงจากปากเธอ เฮ้ย นี่ผมฝันอยู่เหรอ เหมือนเธอกำลังง้อผมอยู่เลย “นิ้งไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น”
“เหรอ” ผมคราง แล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว
แต่ที่แน่ๆ ผมหายโกรธนิ้งแล้ว ลงทุนกล้าง้อก่อนขนาดนี้ใครจะไปโกรธลง
แต่จะให้หายเลยก็ไม่ได้ เดี๋ยวเธอจะได้ใจ ต้องมีข้อต่อรองนิดหน่อย
“นิ้งหอมแก้มเราก่อน” ผมพูดสั้นๆ แต่คราวนี้เอาจริง อย่างน้อยถึงจะดูเหี้ย แต่ผมก็อยากได้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ ที่ตามใจเอาใจเธอขนาดนี้ “ถ้าหอมแก้มเรา... เราหายโกรธเลย”
“แต่...” คะนิ้งอึกอัก แล้วผมก็แกล้งตีหน้าทะมึน
“งั้นก็แค่นี้แหละ เราเข้าใจ” ผมพูดให้เธอใจเสียเล่น จนร่างเล็กเลิ่กลั่ก เธอคงกลัวผมจะโกรธเธออีก แล้วพอเห็นว่าเป็นงั้นผมก็มีความสุขชะมัดเลยว่ะ เพราะถ้าถึงขั้นกลัวผมโกรธ แสดงว่านิ้งต้องแคร์ผม
“แต่... แต่เรายังคุยกันไม่ถึงเดือน...”
“เธอจะบอกว่าถึงเดือนแล้วเธอถึงจะหอมแก้มเราได้เหรอ?” คนตัวเล็กทำหน้าเหวอเมื่อผมสวนกลับไปแบบนั้น ก่อนที่เธอจะละล่ำละลั่กพูด
“มะ... ไม่ใช่นะ”
“งั้นเธอจะหอมแก้มเราได้ตอนไหน ตอนเธออายุหกสิบงี้?” ผมถามอีกพร้อมกับเลิกคิ้วสูง คะนิ้งทำหน้าเหวอมากกว่าเดิม แล้วเธอก็เหมือนพูดไม่ออก เวลาไล่ต้อนเธอก็สนุกดีเหมือนกัน เธอจะได้ปากตรงกับใจขึ้นมาหน่อยไง “เธอจะคุยกับเราจนอายุหกสิบเลย?”
“อะ... เอ่อ”
“เราคุยกับเธอไปจนตายได้เลย” ผมพูดอย่างใจป้ำ แล้วก็พูดออกมาจากใจด้วย “แต่หอมแก้มอ่ะขอตอนนี้”
“...”
“หยุดรถรอแล้วนะ” เธอทำหน้าอึดอัดใจสุดๆ เมื่อผมจอดรถเทียบฟุตบาทอย่างที่บอกจริงๆ ไม่เป็นไรหรอก ถึงเราจะหอมกันในนี้ก็ไม่มีใครเห็นแน่ มันมีฟิล์มทึบ คนตรงหน้าเองก็น่าจะรู้อยู่
แต่ผมก็ไม่ได้จะปล้ำเธอหรอกว่ะ ผมให้เกียรติ์เธอเสมอ บอกว่าแค่หอม ก็คือแค่หอม
“ไม่... ไม่เอาหอมแก้มได้มั้ย” เธอต่อรองผม ผมก็เลย...
“ได้”
“...”
“งั้นเปลี่ยนเป็นมากกว่าหอมแทนละกัน”
ผมไม่ได้พูดเล่นนะอันนี้ ผมพูดจริง
[พาร์ท : ฉลามดุ]
ฉันสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น
“งั้นนิ้งหอมแก้มฉลามก็ได้” ฉันว่าฉันค่อนข้างชินกับเขาขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วล่ะ รู้ว่าที่เขาพูดไปนั่นก็แค่พูดเล่น พูดแหย่ให้ไปไม่เป็นทั้งนั้น และพอได้ยินแบบนั้นคนตัวสูงก็ฉีกยิ้ม แล้วเขาก็เอียงหน้าเข้ามา
“เอาดิ” ฉันกลั้นหายใจ หน้าเห่อร้อนสุดๆ ตอนที่เลื่อนใบหน้าเข้าไปกดปลายจมูกลงที่ผิวแก้มของเขาเบาๆ แล้วผละออกอย่างรวดเร็วเพราะหน้าร้อนเห่อไปหมด
แต่แก้มเขานิ่มดีแฮะ
“หะ... หอมแล้ว” ฉันแทบจะก้มหน้าพูดกับเขา แต่ร่างสูงกลับมีสีหน้าบึ้งตึง
“ไม่รู้สึกเลย” เขาติง แล้วอาศัยจังหวะที่ฉันเผลอเลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มฉันดังฟอดใหญ่
“...!” ฉันเบิกตากว้าง เอามือมาจับแก้มของตัวเองเอาไว้แน่นอย่างตกใจ แล้วเขาก็ตีสีหน้าจริงจังกลบเกลื่อนสิ่งที่ทำลงไป
“แบบนี้ไง เน้นหนักๆ แบบนี้” เขาพูดหน้าตายมาก แล้วฉันก็อ้าปากค้าง แต่เขามาฉวยโอกาสหอมแก้มฉันนะ ก็ไหนเขาบอกจะอดทนไงล่ะ “อีกที”
ดะ... เดี๋ยวก่อนนะ อีกทีเหรอ!
ทำไมพอฉันยอมขอโทษก่อนเขาถึงได้แกล้งฉันไม่หยุดเลยล่ะ
“แต่...”
“ไม่มีแต่”
ฮือ
“ครั้ง... ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ไม่เอาแล้ว” ฉันพูดกับเขาหน้ามุ่ยๆ เพราะคิดว่าปฏิเสธไปเขาก็ไม่ฟังอยู่ดี คนโตกว่าพยักหน้าด้วยสีหน้ามีความสุขสุดๆ ที่เห็นว่าฉันยอมตามใจเขา ฉันก็เลยกลืนน้ำลายลงคอแล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปหาฉลามดุช้าๆ
แต่ทว่า
“... อื้อ!” ยังไม่ทันที่ฉันจะแตะริมฝีปากลงกับแก้มของเขาด้วยซ้ำ ฉลามดุก็หันหน้ากลับมาหาแล้วประกบริมฝีปากของเขาลงกับปากของฉันอย่างรวดเร็ว
ฉันเบิกตากว้าง แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ในนาทีต่อมาร่างสูงก็ผละออก
“เฮ้ย ขอโทษนะนิ้ง เราไม่ได้ตั้งใจ” อีกฝ่ายทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่หน้าฉันเหวอจนถึงขีดสุด ก่อนที่ต่อมาหน้าของฉันจะร้อนจัดจนชาลามไปถึงต้นคอ
“นะ... นี่คุณ”
“ถือว่าแทนคำขอโทษของเธอละกัน” เขาหันมายิ้มให้ฉันแล้วคิดเอาเอง ไม่รอให้ฉันได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น แต่ฉันรู้นะว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันเป็นรอยยิ้มแบบไหน เขาแกล้งฉันชัดๆ เลย “เวลาเธอทำเราโกรธ เธอก็ง้อเราแบบนี้นะ”
“...”
“เราจะได้โกรธเธออีกบ่อยๆ”
ตอนนี้ฉันไม่อยากคุยกับเขาต่อแล้วอ่ะ คนขี้แกล้ง
จนเขาขับมาส่งถึงหน้าหอพักของฉัน ฉลามดุก็เอาแต่มองหน้าฉันยิ้มๆ ส่วนฉันก็ดึงเข็มขัดนิรภัยออกแต่ไม่กล้าสบตาเขา
ฉันไม่ชินกับสายตาของเขาเลย
“หลามดึงให้” ฉันเหวอเมื่อเขาแทนตัวเองว่าหลามด้วยสายตาล้อเลียนแล้วขยับตัวมาปลดเข็มขัดออกให้ ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ฉันมากอย่างจงใจ ก่อนที่คนตัวโตจะสบตาฉันด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนที่จะผละออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉันหน้าแดงไปหมด ก็เลยตัดสินใจพูดกับเขาแบบปกติ ก็ฉันอายนี่นาที่จะมาแทนตัวว่านิ้งกับเขาตลอดเวลา มันดูใกล้ชิดมากเกินไป อย่างน้อยๆ...
“... เราลงแล้วนะ” ก็แทนตัวว่าเรานี่แหละเนอะ ยังไงก็ดูสนิทสนมมากกว่าหนูในตอนแรกที่คุยกับเขา อีกอย่างเพราะฝ่ายนั้นก็ไม่ค่อยชอบที่ฉันแทนตัวว่าหนู ทั้งที่ดูๆ ไปเขาน่าจะอายุมากกว่าฉันอีก
“จะลงแล้วเหรอ” แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูรถลงไป ฉลามดุก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้หลวมๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนยังไม่อยากให้ไป มือของเขาใหญ่มากเมื่อเทียบกับข้อมือเล็กๆ ของฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วร่างสูงก็ถาม “ยังไม่เย็นมาก หิวมั้ย?”
“ก็นิดหน่อยค่ะ” ฉันใจเต้นนิดๆ เมื่อเขาบีบข้อมือฉันเบาๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น แล้วร่างสูงก็กระตุกยิ้มออกมา
“ไปหาไรกินกัน เดี๋ยวเลี้ยง”
ละ... เลี้ยงอีกแล้วเหรอ
“แต่...” ฉันอึกอัก เริ่มครุ่นคิดอยู่ในหัว แล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ฉันเองก็อยากจะไถ่โทษที่พูดไม่ดีใส่เขาในวันนี้ด้วย “เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
“ว่าไงนะ”
“เดี๋ยวเราเลี้ยงฉลามเอง” ฉันพูดกับเขาอย่างมุ่งมั่น ฉันโอเคกับเขาแล้วล่ะ ไม่ค่อยกลัวเขาแล้ว แค่ก่อนหน้านั้นฉันเขินที่เขา... เอ่อ “อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
ฉลามดุนิ่งไป เขาเหมือนไม่เชื่อหูจนฉันต้องถามเขาไปอีกครั้งนึง
“เราถามว่าอยากกินอะไรรึเปล่า?”
“กินเธอได้ปะ”
“...!” ฉันเบิกตากว้าง พูดไม่ออกเมื่อจู่ๆ เขาก็ตอบกลับมาแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง ร่างสูงเริ่มสำรวจใบหน้าของฉันที่ร้อนขึ้นอย่างเงียบเชียบ แล้วฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาอีกแล้ว
“เป็นไร ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากมาเลี้ยงเรา”
“ก็...”
“ใจดีกับเราทำไมวะ เริ่มชอบเราแล้วอ่ะดิ” ฉันแทบจะมุดหน้าหนีเขาในวินาทีนั้น ไม่รู้ทำไมพอฉันเริ่มใจดีด้วยอย่างที่เขาบอกเขาถึงชอบหยอดอะไรก็ไม่รู้ใส่ฉันจังเลย มันทำให้ฉันเริ่มอยากกลับมากลัวเขาเหมือนเดิมแล้วนะเนี่ย “ล้อเล่น ดูทำหน้าเข้า”
“ก็เราทำฉลามโกรธไม่ใช่เหรอ เราก็แค่อยากจะเลี้ยงขอโทษ” ฉันละล่ำละลักตอบไปตามที่คิดจริงๆ แล้วเขาก็นิ่งไปเหมือนเริ่มสังเกตความผิดปกติในการแทนตัวเองที่เริ่มเป็นกันเองมากขึ้นของฉัน “ฉลามอยากกินอะไรรึเปล่า เดี๋ยวเราจะเลี้ยงเอง”
เขาเงียบไปสักพักก่อนที่จะดึงฉันให้มานั่งดีๆ แล้วตอบกลับมา
“เราไม่อยากให้เธอเลี้ยงหรอก แค่อยากให้ไปกินกับเรา”
“...”
“ไม่ต้องทำอะไรเพราะเราไม่ได้โกรธ เราไม่ชอบให้ผู้หญิงออกเงินให้เท่าไหร่ว่ะนิ้ง”
“...”
“อีกอย่าง... เราเลี้ยงเธอได้ทั้งชีวิตเลย” ฉันหน้าร้อนไปหมดเมื่อฉลามดุพูดออกมาตรงๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ก่อนที่จะขับรถออกไป ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาฉันไปไหน แต่มันก็ไม่ได้ไกลมากนัก เพราะต่อมารถของเขาก็จอดอยู่หน้าร้านเหล้าร้านหนึ่ง
ฉันเคยถูกพี่ชายพามาที่แบบนี้นะ แล้วก็ไม่ค่อยชอบด้วย ก็เลยทำหน้ามุ่ยนิดๆ ตอนที่เขาดับเครื่อง
“ลงกัน” เขาพูดกับฉัน แต่พอเห็นว่าฉันเงียบ ร่างสูงก็เอื้อมมือมาแตะมือฉันที่วางอยู่บนหน้าตักเบาๆ จนฉันสะดุ้งแล้วเผลอชักมือออก แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร “ไม่ต้องกลัวหรอก เพื่อนเราก็อยู่ ไม่มีใครทำไรนิ้งได้แน่”
“...”
“เราก็อยู่กับนิ้งไง” เขาพูดอีกเมื่อเห็นว่าฉันมีสีหน้าลำบากใจ แล้วเปิดประตูอ้อมมาฝั่งที่ฉันนั่งอยู่แล้วเปิดประตูรถดึงแขนฉันที่ไม่กล้าสบตาเขาออกมา ฉันก็รู้นะว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอกเพราะฉลามดูน่ากลัวจะตาย แต่... ฉันแค่ไม่ค่อยชอบที่แบบนี้
จะว่าฉันค่อนข้างรักความสงบไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ ก็ได้ บางทีบรรยากาศมันอื้ออึงจนอึดอัดอ่ะค่ะ
ฉันทำหน้ามึนงงตอนเดินเข้ามาด้านใน คนมองฉลามเหมือนรู้จักเขา ในขณะที่ร่างสูงจะลากฉันให้ไปนั่งที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้ชายหน้าดุๆ เต็มไปหมด แต่เขากันฉันให้มานั่งกับเขาโดยไม่ให้ฉันนั่งข้างใครเลย
“เฮีย! มาจริงอ่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งโพล่งขึ้น เขาดูเป็นคนซื่อๆ แต่เขาก็ดูดีนะ ฉันมองหน้าเขาเลิ่กลั่ก ในขณะที่คนอื่นๆ จะเลื่อนสายตามาจดจ้องฉันที่นั่งตัวเกร็งเป็นตาเดียว จนผู้ชายคนเดิมต้องถามขึ้นมาอีก “นี่ใครครับเฮีย?”
“แฟนในอนาคต” ฉันเบิกตาโตแล้วหันไปมองฉลามดุอย่างตกใจเมื่อเขาแทนตัวฉันที่มาด้วยแบบนั้ร “ไอ้เล้ง ชงเหล้าให้หน่อย”
“มาถึงก็เอาใหญ่เลยนะเฮีย” ผู้ชายคนเดิมทำหน้าเบื่อๆ ในขณะที่จะยกแก้วเปล่ามาชงเหล้าให้ฉลามดุตามที่เขาสั่ง ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีการชงเหล้าเป็นยังไง ก็เลยทำได้แต่เลิ่กลั่กมองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นชิน “แล้วแฟนเฮียเอาด้วยปะ?”
ฟะ... แฟนเหรอ!
“มึงกวนตีนเหรอ นิ้งไม่กินเหล้า” ฉลามดุด่าเขา แล้วฉันก็เหวออีก ฉันเพิ่งจะเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ตอนเขาพูดกับฉันเขาพูดดีๆ ตลอดนี่นา “เดี๋ยวสั่งอย่างอื่นให้แทน อย่าให้เห็นว่าพวกมึงให้นิ้งแตะเหล้านะ”
“ได้เฮีย แต่คราวหลังพูดดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องดุ” ผู้ชายที่ชื่อเล้งบ่น คนอื่นก็หัวเราะ แล้วก็ไม่มีใครถามเรื่องของฉันต่ออีก ฉันก็เลยโล่งอก แล้วก็เริ่มคิดอะไรอยู่คนเดียว
ฉันนึกถึงคำพูดที่ฉลามดุถามทีเล่นทีจริงบนรถ
“เป็นไร ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากมาเลี้ยงเรา”
“ก็...”
“ใจดีกับเราทำไมวะ เริ่มชอบเราแล้วอ่ะดิ”
ถามว่าฉันเริ่มชอบเขารึยังน่ะเหรอ?
ตามจริงแล้ว ฉันเองก็ยังไม่ได้ถึงกับชอบฉลามดุหรอก แต่ที่ยอมตามใจเขาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ก็เพราะเขาเองก็ดูไว้ใจได้ ฉันไม่ค่อยกลัวเขาแล้วหลังจากที่เขาพูดตรงๆ ว่าเขากำลังอดทนอยู่ และการกระทำของเขาก็บ่งบอกว่าเขากำลังอดทนอยู่จริงๆ (ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ในบางครั้งเขาจะฉวยโอกาสจากฉันไปเยอะแล้วก็ตาม) พอได้ยินแบบนี้ฉันก็เลยไว้ใจเขาขึ้นมาบ้างนิดหน่อย
อีกอย่าง... เขานิสัยคล้ายๆ กับพี่ชายของฉันเลย ฉันรู้จักคนประเภทนี้ดีก็เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนดีกว่าที่เห็นจากลุคภายนอก อีกอย่าง... ไม่ชอบเวลาที่ฉลามโกรธเลยอ่ะ มันเหมือนเห็นพี่คะนองอยู่ในตัวของเขายังไงก็ไม่รู้
แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าที่ตามใจเขาแบบนั้นมันจะถูกมั้ย แต่ส้มบอกให้ฉันลองเปิดใจให้เขาไม่ใช่เหรอ มันอาจจะไม่ผิดก็ได้ เพราะหลายครั้งฉันก็ถูกมองว่าเป็นคนที่ยอมคนอื่นง่ายเกินไปเหมือนกัน
สับสนไปหมดแล้ว
“นิ้งกินน้ำส้มนะ” ฉันสะดุ้งเมื่อฉลามดุเรียกสติฉันกลับมาพร้อมกับวางแก้วน้ำลงตรงหน้า เป็นน้ำส้มแฟนต้าที่ออกซ่าเล็กๆ ฉันมองมันแล้วก็อึดอัด พอมองไปรอบๆ ก็ยิ่งอึดอัด ฉันไม่ชินกับสภาพแวดล้อมแบบนี้เลย มันคล้ายๆ ตอนไปกับพี่คะนอง “เป็นไร?”
“ปะ... เปล่า” ฉันสั่นหน้าตอบเขา แล้วก็มองไปรอบๆ ที่เริ่มจะมีพวกผู้หญิงออกมาเสิร์ฟอาหาร แล้วพวกเธอก็โดนลวนลาม นั่นทำให้ฉันยิ่งกลัวมากขึ้น “เราว่า... เปลี่ยนไปร้านอื่นดีมั้ย?”
“ทำไมอ่ะ” ฉลามดุถามอย่างสงสัยในขณะที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ดูเขาจะชินชากับที่นี่มากเลยไม่ได้คิดอะไรกับเหตุการณ์พวกนั้น แต่ฉันไม่ชินเลยจริงๆ นะ ยิ่งมาแค่กับเขาแต่ไม่มีส้มหวานอยู่ด้วยแบบนี้ “กลัวเหรอ?”
“ก็...” ฉันเหลือบมองพวกเพื่อนๆ ของเขาที่นั่งดื่มกันเสียงโหวกเหวก พวกเขาเงียบแล้วหันมามองฉันกับคนตัวโตข้างๆ ทันที แล้วฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิด “ก็กลัวนิดหน่อยค่ะ เราไม่ค่อยชิน”
“มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เอาจริงๆ ปะ” เขาพูดในขณะที่ถือแก้วเหล้าไว้แนบตัว แล้วชี้ไปที่เด็กเสิร์ฟที่ฉันเคยมองก่อนหน้านั้น “ตรงนั้นมันเป็นเด็กเสิร์ฟ ลูกค้าแก่ๆ มันก็เป็นพวกชอบลูบชอบจับอยู่แล้ว แต่ก็ได้แค่นั้น”
“...”
“หรือถ้าเธอกลัวพวกนั้นมาลูบๆ จับๆ เธอแบบนั้น ให้เธอมองหน้าเราไว้นะนิ้ง”
“...”
“เพราะถ้ามันทำแบบนั้นกับเธอ... มันคงได้หน้าแหกด้วยมือเราอ่ะ” เขาพูดได้หน้าตายมาก พร้อมกับยกกำปั้นมาคว้าอากาศหมับต่อหน้า ฉันเหวอถึงขีดสุดในขณะที่ฉลามดุจะแค่นหัวเราะออกมา “โอเคนะ”
“อะ... โอเค”
“หายกลัวได้ยัง?”
“หะ... หายแล้วก็ได้”
แต่กลัวเขาแทนแล้วนะ ฮือ
“กินไรมั้ย สั่งกับเราได้” ฉลามดุเสนอตัวพร้อมกับแย่งเมนูจากมือของเพื่อนเขาส่งมาให้ดู และก็เพราะว่าฉันเองก็หิวจริงๆ ก็เลยเปิดดูตามที่เขาบอก “ข้าวผัดดีปะนิ้ง?”
“เราไม่ใช่เด็กนะ” ฉันทำหน้ามุ่ย แล้วเขาก็หัวเราะ
“นิ้งจะเป็นเด็กได้ไงวะ นิ้งก็เป็นแฟนเราดิ” ฉันเอ๋อไปเลยเมื่อเจอเขารุกใส่แบบนั้น ทำไมต้องมาแบบไม่ทันตั้งตัวทุกทีเลยนะ “ไม่กินข้าวแล้วจะกินเราแทนก็ได้นะ... ยอมเลย”
“... เราจะกินข้าวนี่แหละ” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับปาดเหงื่อที่ขมับออก แล้วเขาก็ระบายยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “ฉลามไปคุยกับเพื่อนเถอะค่ะ เราไม่เป็นไร”
ฉันขอล่ะนะ ฉันอยากเลือกเมนูคนเดียวเงียบๆ อ่ะ ไม่อยากโดนทำให้ไปไม่เป็นอีกแล้ว
“อยากคุยกับนิ้งว่ะ ทำไงดี”
“เอ่อ... งั้นคุยกับเราก็ได้” ฉันหลุบตาลงมองเมนูทันที ก็เขาเล่นดักคอฉันทุกทางเลย แล้วอย่างงี้จะให้ฉันตอบไปว่ายังไงล่ะ
“กินเผ็ดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาพูดประโยคนั้นพร้อมกับขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนชิดมากขึ้น ฉันรู้สึกถึงปลายนิ้วมือของเขาที่เกลี่ยเส้นผมของฉันออก พร้อมกับเสียงกระซิบที่ข้างหู “กินที่เธอกินได้ดิ”
เขาเมาแล้วรึเปล่านะ ทำไมถึง...
“เฮียแม่งงงง เจ๊าะแจ๊ะผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าผมอ่ะ!” ฉันเหวอ รีบผละตัวออกจากคนตัวใหญ่ข้างๆ กายทันที เมื่อยังไม่ทันได้ทำอะไรจู่ๆ ตัวใหญ่ๆ ของเล้งก็โถมทับเข้ามากอดฉลามดุทั้งตัวจนเขาต้องผละออกห่างจากฉันไปด้วย ดูเหมือนเล้งนี่ล่ะจะเมาจริงจังแล้ว เขาถูไถใบหน้าไปมากับท้ายทอยของฉลามดุที่เริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดแล้วคร่ำครวญ “พวกมึงดูดิ เฮียแม่งชอบทำร้ายกูอ่ะ เศร้า”“เหี้ยเล้งเมาล่ะ พี่ต้องจัดการมันหน่อย” เสียงพวกเพื่อนๆ ของเขาหัวเราะลั่นขึ้นมา แล้วฉลามดุก็หันมาดึงคอเสื้อของเขาออก “พี่เดี่ยวยังไม่ทันมา กูว่าถ้าพี่แกมาแม่งคงสร่าง”“มาเอามันออกไปจากหลังกูทีดิ๊” ฉลามดุหันไปสั่งลูกน้องของเขาที่พยักหน้ารับทันทีพร้อมกับกันตัวเล้งที่อยู่ๆ ก็ฟูมฟายเสียงดังออกไป แล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจะสูบ แต่เขาก็ชะงักแล้วเหลือบมามองฉัน แล้วจู่ๆ เขาก็เก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงไปซะเฉยๆ“ไมวะพี่ ไม่ดูดบุหรี่เหรอ” ลูกน้องที่จับคนที่ชื่อเล้งไว้ทางด้านขวาถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นท่าทีของเขา แล้วฉลามดุก็เหลือบมามองฉันอีกจนฉันต้องเอียงคอสงสัย“ไม่” เสียงของเขาจริงจังมาก “มีคนขอให้เลิก”เดี๋ยวก่อนนะเขาหมายถึงฉันรึเปล่าอ่ะ?“แน่ะเฮีย! ทีไอ้
ผมแม่งกรึ่มๆ ล่ะหลังจากพานิ้งออกมาจากห้องน้ำแล้วก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟอะไรนั่นที่เธอสั่งก็มาพอดี คราวนี้ผมกันเธอให้มานั่งข้างในเลย ไม่เป็นไร น้องๆ ผมไว้ใจได้ทุกคน เพราะผมมั่นใจว่าถ้าใครสักคนมันเกิดคิดไม่ซื่อขึ้นมา ผมนี่แหละที่จะเป็นตีนแรกที่กระทืบมัน ถือว่าบอกแล้วว่าคนนี้ผมจองอยู่กลายๆ ในวงเหล้าวันนี้แล้ว ถูกมั้ย?นิ้งเองก็นั่งเกร็งๆ มานานล่ะ จนผมเอามือไปโอบไหล่เธอแล้วดึงเธอมานั่งใกล้ๆ หน่อยเธอถึงได้สงบลง เธอแม่งไม่พูดอะไรเลย นิ้งคงกลัวมากเพราะผมพาเธอมาที่นี่แท้ๆ เลยว่ะ ผมผิดเอง“อยากกลับยัง?” ผมถามเธอแล้วก็รู้สึกร้อนๆ ในคอนิดหน่อย พอกลับมานั่งนี่ผมก็ซัดไปหลายขวดอยู่ ไม่มึนก็ไม่รู้จะว่ายังไง ก็โมโห ก็คนมันหวง เข้าใจมั้ยวะ แต่ไม่มีสิทธิ์เลยต้องแดก แดกแม่งให้เยอะๆ เข้าไป“กะ... ก็อยาก” เธอพูดอ้อมแอ้ม “แต่ขับรถไหวเหรอ หน้าฉลามแดงๆ อ่ะ”“ระดับนี้” ผมพูดอย่างอวดดี แล้วยกขึ้นดื่มอีกแก้ว ว่าแต่หน้าแดงเหรอวะ “สงสัยเขินเธอมั้ง... เธอแม่งน่ารักอ่ะ”คือผมยังมีสติอยู่ไง แต่เวลาเมากรึ่มๆ ปากมันก็พูดไปเรื่อย“อะ... เอ่อ” นิ้งไปไม่เป็นเลยว่ะ ผมหัวเราะ“เออ เดี๋ยวเราไปส่ง” ผมลุกขึ้นแล้วดึงเธอให้ลุกตามมาด
และมันก็ใช่จริงๆ ด้วย สุดท้ายฉันก็ต้องจำใจเดินลงมารับเขาที่ยืนอยู่ข้างล่างหอพักตอนแรกฉันก็คิดว่าเขาล้อเล่น ก็เลยจะปิดไฟแล้วนอนเลย แต่ปรากฏว่าไม่ถึงชั่วโมงต่อมาฉลามดุก็โทรมาหาฉันหลายสายมากจนฉันตาสว่างไปเลย แถมพอไม่รับเขาก็กดโทรหาจนกว่าฉันจะรับอีก แล้วพอฉันรับสายก็บังคับให้ลงมารับเขาทันทีแต่พอลงมาเจอหน้ากัน ฉันก็รู้เลยว่าดูท่าเขาจะเมามากแล้วล่ะ เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาแรงมากเลย ฉลามดุจ้องหน้าฉันที่มาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเขา แต่ตาเขามันเหมือนเขากำลังมองเลยไปทางอื่น“มะ... มาทำไมเนี่ย” ฉันแทบจะพูดไม่ออกตอนที่เดินเข้าไปใกล้เขาอย่างระแวดระวัง แล้วร่างสูงก็เดินเซนิดๆ มาโอบไหล่ของฉันไว้“มานอนดิ ถามแปลก”“นอนที่นี่ไม่ได้นะ” ฉันหว่านล้อมพร้อมกับดันเขาออกเบาๆ “กลับบ้านเถอะ”“ไล่ทำไมวะ” เขาทำหน้าบึ้งทันที แถมยังเอาหน้ามาซบกับไหล่ของฉันอีก ฉันเบิกตาโตแล้วพยายามผลักให้เขาออกไป แต่ก็ไม่เป็นผลเลย ตัวใหญ่ๆ นั่นต้านแรงฉันไว้อย่างง่ายดาย “ชอบไล่ตลอด เกลียดขี้หน้าเราเหรอ”“ปะ... เปล่า” ฉันสะดุ้งเฮือกเพราะพอเขาพูด ลมหายใจของร่างสูงก็เป่ารดเข้าที่ท้ายทอยของฉันเบาๆ จนฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่“งั
[พาร์ท : ฉลามดุ]เกือบไปผมนอนอยู่ข้างนอกห้องนิ้ง นอนแม่งอยู่ตรงโซฟาตรงโถงหน้าห้องนอนนี่แหละ ถึงตอนนี้หน้าผมจะดูตายสนิท แต่ในใจนี่แม่งเต้นแรงชิบหาย เต้นจนแม่งจะทะลุออกมานอกอกได้อยู่แล้ว เพราะหลังจากผมปล่อยคะนิ้งเข้าห้องนอนไป ตัวผมก็มานอนกระวนกระวายอยู่ข้างนอกเพราะเมื่อกี้เสือกอารมณ์ปะทุขึ้นมาตอนที่เห็นว่าเธอจะเข้าไปในห้องนอนมันไม่ได้เมาหรอก หรือเมาก็ไม่แน่ แต่แค่รู้สึกว่าไม่อยากปล่อยให้เธอไปเกือบจะทำอะไรนิ้งไปแล้วว่ะ โชคดีที่ห้ามตัวเองไว้ได้ทันตอนที่เห็นว่าตัวเธอสั่นแค่ไหนตอนที่อยู่ในอ้อมแขนของผม“เวรเอ้ย” ผมสบถกับตัวเอง ทำไปได้ไงวะแต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ร้อยทั้งร้อยมันก็เสือทั้งนั้น ผมเองมันก็เป็นผู้ชาย ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องจะทำอะไร? คงไม่ได้มานอนจับมือกันเฉยๆ หรอกมั้งแต่ตอนที่โทรมาบอกว่าจะนอนกับเธอผมเมา อันนั้นเมาจริงๆ มาสร่างอีกทีตอนกำลังจะเดินขึ้นห้อง คือมันจะมีจังหวะหนึ่งที่วูบ กับจังหวะหนึ่งที่สติกลับมาไง แล้วตอนที่มันกลับมาก็ตอนที่เห็นเธอกำลังจะเข้าไปในห้องนอน วินาทีนั้นผมคิดเลยว่า... ผมจะไม่ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป ผมไม่อยากให้เธอไปเป็นของใครนอกจากผมเลยผมก็เ
“อ่อนด๋อย”“อะไร” ผมหันไปมองมันด้วยท่าทีหงุดหงิด ตอนนี้ผมอยู่บ้านของไอ้เดี่ยว มาถึงก็เห็นมันแชทเฟสกับผู้หญิงด้วยท่าทางมีความสุขน่ารำคาญลูกตาชิบหาย แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ดันไม่ใช่ใครที่ไหน น้องคะน้า ลูกสาวบ้านไอ้เฮียคะนองไงไอ้เล้งก็อยู่ด้วย ไม่รู้ว่าสมานฉันท์มาทำเหี้ยอะไรกันในวันที่อารมณ์ผมไม่คงที่ก็ไม่รู้ จนไอ้เดี่ยวด่าผมออกมาคำนึง ใช่ มันเป็นเพื่อนที่คบกับผมมาหลายปีดีดัก มองตาก็รู้แล้วว่าที่ผมมาบ้านมันเพราะเหตุผลอะไร“มึงไม่ได้แอ้มน้องคะนิ้งอ่ะดิ”“อย่าเรียกน้อง... ของกู” ผมพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี ถึงนิ้งจะอายุน้อยกว่าผมไม่กี่ปีแต่ผมก็ไม่อยากเรียกว่าน้อง แล้วก็ไม่อยากให้ใครเรียกเธอว่าน้องด้วย คนยิ่งของขึ้นอยู่อย่ามากวนส้น “กูหวง”“กับเพื่อนทำมาหวง”“งั้นให้กูเรียกคะน้าของมึงว่าน้องบ้าง?”“อย่าเล่นของสูงดิ” ผมสบถด้วยสีหน้าหงุดหงิดโคตรๆ มันโคตรไม่ยุติธรรมเลยว่ะ เห็นร่างกำยำของไอ้เล้งเดินเข้ามาพร้อมกระป๋องเบียร์ มันส่งให้ผมกับไอ้เดี่ยว แล้วล้มตัวลงมานั่งข้างๆ“เป็นไรกันวะเฮีย มีความรักงั้นดิ?” มาถึงก็ถามคำถามแทงใจผมเลย ผมแม่งความรู้สึกดาวน์ชิบหายตอนนี้ ก็เลยยกกระป๋องเบียร์ขึ้น ดกๆ แล้วกลืนลงค
[พาร์ท : ฉลามดุ]ผมจ้องหน้าผู้ชายที่อยู่ๆ ก็เข้ามาขัดจังหวะ ทำเหมือนรู้จักนิ้งไม่รู้ว่ามันเป็นใคร อยู่ดีๆ ก็เข้ามาพูดกับเธอ ผมเกือบจะได้หอมนิ้งอยู่แล้วถ้ามันไม่มาขวางซะก่อน และผมก็คิดว่าจะได้จ้องมันอยู่แบบนั้นถ้านิ้งไม่โพล่งขึ้นมา“คะเน” ผมทำหน้างงเมื่อเห็นว่าเธอมีสีหน้าดีใจ แถมยังเรียกชื่อเหมือนสนิทสนมกันมานาน “นั่งนี่สิจ้ะ เนกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อไหร่เหรอ?”“เมื่อคืนน่ะ กลับมาพร้อมกับนิน” ผู้ชายที่ดูท่าทางจะเหมือนเด็กเรียนยิ้มให้คะนิ้ง ก่อนที่ต่อมาจะหันมามองหน้าผมพร้อมกับหรี่ตามองเหมือนจะสำรวจอะไรบางอย่างแล้วนั่งลงข้างๆ นิ้งอย่างถือวิสาสะผมมองมันนิ่งอย่างดูเชิง มันหล่ออยู่ แถมยังดูเอาการเอางาน ดูเป็นเด็กเรียนหรืออะไรทำนองนั้นมากกว่าผม สังเกตจากลุคที่ดูสุภาพ ผู้ชายแบบนี้ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบแต่ไม่รู้ว่านิ้งจะชอบแม่งไปด้วยอีกคนมั้ย“ใครอ่ะนิ้ง สักเต็มตัวเลย” แต่คิดได้ไม่นานก็โดนพูดถึง ผมมองมันสลับกับนิ้ง อยากให้เธอตอบว่าผมอ่ะว่าที่แฟน แต่มันก็แค่ความหวัง“อ๋อ... เพื่อนอ่ะ” นิ้งตอบไปแบบนั้น เธอดูเกร็งมากขึ้น ซึ่งผมพอเข้าใจนะ แต่ถ้าไอ้นี่ก็เป็นเพื่อนเธอเหมือนกัน นี่แม่งโคตรน่าโมโหเลยรู
ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นพราวที่ส่งมา เธอคือคนที่ผมเคยคบเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้ก็หลายเดือนแล้วที่ผมไม่สนใจหรือไม่แคร์อะไรที่เกี่ยวกับเธอเลย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในตอนที่คบกันผมก็ให้เธอเต็มที่เกือบพอๆ กับนิ้งเธอบอกเลิกผมเพื่อไปหาคนใหม่ เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่าไอ้เวรนั่นมันดันเป็นศัตรูเก่าของผม ถ้ายังจำที่เด็กมัธยมพวกนั้นพูดถึงกลุ่มสมิงดำได้ หัวหน้ากลุ่มนั้นมันชื่อว่า อักระ และหลังจากนั้นกลุ่มของมันก็หมดอิทธิพลไปด้วยฝีมือของผมกับไอ้เดี่ยวมันเป็นคนเดียวกับที่พราวทิ้งผมเพื่อไปหา แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่ผมเล่นจนลูกน้องมันต้องไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล มันไม่ได้มาทำร้ายผมตรงๆ แต่ส่งลูกน้องมาเล่นสกปรกแทนถึงแขนผมจะเจ็บ แต่ถ้ามันยืนอยู่ตรงนี้ผมก็คงไม่ลังเลที่จะซัดหน้ามันเหมือนกันผมนั่งนิ่ง มองปฏิกิริยาของนิ้งที่นั่งอยู่ข้างหน้า เธอจ้องหน้าจอโทรศัพท์ในมือผม มองข้อความในนั้น แล้วเริ่มเม้มปากเธอกำลังคิดอะไรอยู่?ผมไม่รู้ ผมทำได้แค่หลบมือที่ถือโทรศัพท์ออกห่างจากใบหน้าเธอมาอยู่ตรงหน้าตัวเองเงียบๆ แล้วตอบข้อความของพราวพี่หลามคนจริง : ได้ วันนี้เลยดิแต่มันไม่จบแค่นั้นพี่หลามคนจริง : เอาไอ้อักระมาด้วยถ้า
[พาร์ท : ฉลามดุ]“อาการคนแพ้เหล้านะเฮียแบบนี้”ผมถอนหายใจหนักเมื่อหลังจากที่นิ้งหยิบแก้วเหล้าผิดไปเธอก็ฟุบลงกระแทกโต๊ะทันทีจนผมตกใจ คิดว่าเธอเป็นอะไรไป ที่แท้ก็แค่แพ้เหล้าแต่ไม่รุนแรงมาก ผมพอเข้าใจที่เธอบอกว่ากินเหล้าไม่ได้แล้วตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเจอเธอตอนที่ผมออกไปเคลียร์กับพราว ผมไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน แต่เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกดีตั้งแต่เธอเลือกที่จะตามผมมาที่นี่แล้วว่ะ“แล้วจะเป็นไง” ผมถามต่อเพราะไม่เคยเจอ ที่รู้ก็เพราะพวกน้องๆ ของผมมันมีญาติบางคนที่มีอาการแบบนี้ มันรู้ดี เวลามีอะไรผมก็ถามตลอด “จะต้องถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลอะไรมั้ย?”“ไม่หรอก น้องผมเคยเป็นอ่ะเฮีย บางคนก็เหมือนแพ้อาหาร บางคนก็ง่วง อาการไม่เหมือนกัน” ผมหันไปสำรวจนิ้ง เธอไม่มีผื่นขึ้นแต่แค่ทำปากเหมือนพึมพำอะไรอยู่ตลอดเวลา ดูเผินๆ ก็เหมือนคนเมาปกติผมถอนหายใจสั้นๆ“เออ เข้าใจแล้ว”“ให้เค้าไปนอนข้างในมั้ยเฮีย?”“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูดูเอง” มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมพูดเพราะไม่อยากให้คนอื่นมากังวลแทน ในขณะที่ไอ้เดี่ยวมองผมสลับกับคะนิ้งที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะแล้วกระตุกยิ้ม“คนคุยๆ มึงน่ารักดีนะ” มันคงรู้ว่าเธอมาที่นี่กับผมเพราะอะไร “
[พาร์ท : ฉลามดุ]“ใครต่อยท้องเมียมึง?”“ไอ้เหี้ยโช” ผมพูดชื่อมันตอนที่ขับรถไปรับไอ้เดี่ยวที่อู่เจ๊เพท หน้าผมตอนนี้มันตึงเครียดมากจนไอ้เดี่ยวไม่คิดที่จะกวนส้นอะไร มันเอารถใหญ่มา ผมเป็นคนขับ ในขณะที่ต่อมาเจ๊เพทจะขึ้นมานั่งด้วย“เด็กๆ ของอีอักใช่มั้ยวะ” เจ๊เพทถาม เธอดูแค้นแทนผมมาก “กูเล่นเอง ไอ้เด็กเวรนี่มันไม่คณามือหรอก”“กูเอาค้อนมา” ผมพูดสั้นๆ คิดไว้แล้วว่าจะเล่นมันยังไง“เฮ้ย เดี๋ยวก็ได้เข้าตารางไปเจอพ่อมึงอีกหรอก” ไอ้เดี่ยวปรามผมทันที แน่นอนว่ามันคงกลัวผมถูกจับขังดัดสันดานอีกเพราะมันรู้ว่าผมเวลาเอาจริงเป็นยังไง ผมยิ่งไม่ค่อยดีกับที่บ้าน ถ้าเจอเรื่องนี้อีกคงต่อไม่ติด“เออ อีหลาม ใจเย็นๆ ดีกว่านะ” เจ๊เพทก็คิดแบบนั้น เธอปรามผมเสียงเข้มขึ้นตอนที่ผมสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ให้พวกกูจัดการเหอะ”แต่ผมไม่สน เพราะมันกล้าเข้ามาถึงในห้องนิ้ง กล้าต่อยเธอ แปลว่ามันต้องเตรียมใจไว้แล้วไม่พิการมันก็ต้องตาย ผมคิดได้แค่นี้ผมถามสายที่อยู่แถวๆ นั้น มันบอกว่าหลังจากไอ้โชออกไปจากหอพักของคะนิ้ง มันก็ไปนอนค้างบ้านแฟนมันแถวๆ รัชดาพิเษกผมไม่ทำอะไรผู้หญิงหรอก ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้หน้าตัวเมี
[พาร์ท : ฉลามดุ]สมเพชตัวเองดีทำตัวอ่อนแอต่อหน้านิ้งเพื่ออะไร? ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนนี้คนตัวเล็กหลับไปแล้ว เธอกอดผมเอาไว้แน่นจนผมไม่รู้ว่าเธออยากกอดผมจริงๆ หรือแค่ละเมอ ตอนแรกผมเจ็บที่เธอดูกลัวเรื่องที่ผมถาม มันทำให้ผมเคว้ง ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องนั้นดีมั้ย เพราะขนาดครอบครัวแท้ๆ ยังรับไม่ได้ แล้วคะนิ้งเป็นอะไรเธอไม่ใช่แฟนผมด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะชอบผมรึเปล่าเอาเป็นว่าผมจะไม่คาดหวังอะไร ถ้าถึงวันนั้นอดีตของผมมันแตกแล้วเธอรับมันไม่ไหว เธออยากจะเดินออกไป ผมจะไม่รั้งเธอไว้ผมเข้าใจ ทำใจไว้แล้วผมมองหน้าร่างเล็กตอนที่กำลังหลับสนิท คะนิ้งน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่ผมอยากดูแล เป็นผู้หญิงที่ผมรักมาก ผมไม่เคยอยากปกป้องผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมันไม่สำคัญว่าผมรักนิ้งมานานแค่ไหน ผมแค่คิดว่าเธอใช่สำหรับผม นอกนั้นแม่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเป็นแล้วผมลูบแก้มของเธอเบาๆ แล้วตัดสินใจดึงมือของเธอออกแล้วผุดลุกออกไป ผมคิดว่าตัวเองควรจะจัดการอะไรให้มันจบ ผมไม่อยากมานั่งอึดอัดเพราะไอ้เรื่องบัดซบนี่ แล้วผมจะบอกนิ้งทุกอย่างเองว่าทำไมผมถึงถามคำถามนั้นตอนนั้นก็คงต้องรอดูว่าเธอจะรับได้มั้ยผมกดส่ง
ฉันตัวชาไปหมดเมื่อเขาถามออกมาแบบนั้น ชะงักมือที่จะเช็ดผมของเขาไว้ ฉลามดุไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมันเรื่องจริงจังหรือแค่หยอกฉันเล่นกันแน่“ละ... ล้อเล่นเหรอ” ฉันพูดเสียงสั่น ผละมือออกในทันที ฉลามดุเงยหน้าขึ้นมองฉันที่มีท่าทีตื่นกลัว เขาชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ต่อมาจะขบกรามแน่น“เออ ใช่ เราล้อเล่น” เขาพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ ฉันก็เลยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่กลับเห็นว่าแววตาของเขาที่มองฉันมันกลับดูเจ็บปวด“อย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกนะ” ฉันเอ็ดเขา ในขณะที่ฉลามจะหัวเราะออกมาอีก แต่มันดูเหมือนเขาฝืนทำซะมากกว่า“โอเค ไม่ทำแล้ว” เขาพูด ในขณะที่ฉันพยักหน้าแล้วทำท่าจะเช็ดผมให้เขา แต่ฉลามดุกลับผละตัวออกมา เขาหันเสี้ยวหน้าด้านข้างให้ฉัน แล้วพูดสั้นๆ “ไม่ต้องเช็ดแล้วนิ้ง เดี๋ยวมันก็แห้งเอง”ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทำไม ฉลามดุไม่มองหน้าฉันเลย เขาพิงศีรษะตัวเองลงกับพนักพิงด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขึ้น “ไปนอนเหอะ เดี๋ยวเราจะนอนข้างนอก”“เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันถามเขา แต่ฉลามดุไม่ตอบ เขาแค่หลับตาลง“แค่ง
ย้อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน“แกก็น่าจะรู้นะฉลาม พ่อไม่ได้มีแกเพื่อให้มาก่อเรื่องซ้ำๆ ซากๆ”“ผมก็บอกแล้วว่าแค่ป้องกันตัว มันหมาหมู่กับผม จะให้ทำไง?” ผมย้อนถามพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าในชุดตำรวจเต็มยศ ห้องที่เรานั่งเผชิญหน้ากันคือห้องไว้สอบสวนคนร้าย ผมไม่คิดว่าพ่อจะเรียกผมมาคุยที่นี่ มันคือหลักฐานว่าไม่ว่ายังไงพ่อก็ยังคงมองผมเหมือนเดิมหกปีที่ผ่านมาพ่อไม่เคยไว้ใจผม ข้อนี้ผมรู้ดี“แกจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เหรอ ที่แก...”“มันผ่านไปแล้วพ่อ” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่อยากฟัง “ก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ผมชดใช้ทุกอย่างแล้ว”“แต่แกฆ่าคนตายนะฉลาม แกเป็นลูกของตำรวจแท้ๆ เป็นบุตรสีกากี แต่แกทำตัวแบบนั้น... แกคิดว่ามันจะเป็นแผลในชีวิตพ่อบ้างมั้ย?”พ่อผมค่อนข้างเป็นคนใจเย็นมากกว่าแม่ของผม เขาพยายามแล้วที่จะระงับอารมณ์แล้วคุยกับผมดีๆ แต่ผมก็รู้ว่าสายตาที่พ่อมองผมมันไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม... พ่อยังเห็นผมเป็นไอ้ลูกไม่รักดี เป็นฆาตกรฆ่าคนตายที่ทำให้ครอบครัวของเราถูกมองเสียๆ หายๆเพราะผมอยากให้พ่อแม่ยอมรับกับเรื่องบัดซบนี่ ผมเลยออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เรียนอาชีวะ ซ่อมเครื่องยนต์ หาเงินส่งตัวเองเรียนโดยไม่ขอพ่อแม่สักบ
ผมหงุดหงิดเมื่อเปิดมาก็เห็นข้อความของพราวที่เด้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืน รวมถึงที่เธอโทรมาหาผมทางไลน์เพราะผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่หนีเธออีก ผมไม่ใช่คนใจดำกับผู้หญิง แต่บางครั้งอดีตที่เธอทำมันก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับพราวตอนที่เธอทิ้งผมไปหาไอ้อักระ ผมไม่แม้แต่จะรั้งทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย แต่พอเธอจะกลับมา ทำแบบนี้มันง่ายเกินไปมั้ยผมไม่ได้สนใจเธอแล้วผมรักนิ้งผมอ่านแต่ไม่ตอบ ถ้าเธอไม่คิดที่จะให้ไอ้อักระออกมาเคลียร์ก็ไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องพูดกันอยู่แล้ว เรื่องมันไว้เดี๋ยวผมจะจัดการเองผมถอนหายใจหนัก ในขณะที่เสียงไลน์ดังขึ้นอีกผมหยิบขึ้นมาดูอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากรู้ว่าพราวจะพิมพ์อะไรส่งมาอีก ถ้าจะขอโทษพร่ำเพรื่อผมจะบล็อกเธอซะแต่ข้อความที่ถูกส่งมาใหม่ของเธอกลับทำให้ผมขมวดคิ้วP’row : อยากเจอกูนักเหรอP’row : ที่ไหนดีล่ะผมแทบจะผุดลุกออกมาจากเตียงที่นอนอยู่ หายปวดหัวทันทีที่เห็นข้อความถูกส่งเข้ามาจากไลน์ของพราว แต่ผมรู้ว่าคนที่พิมพ์มาคือใครไม่ใช่พราวพี่หลามคนจริง : ที่เดิมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากถ้าเป็นมัน ทันทีที่ผมส่งข้อความกลับไป โทรศัพท์ของผมก็ขึ้นว่ามีสายเรียกเข้าไม
ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่อยู่ดีๆ น้ำตามันก็เอ่อคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง เพราะจู่ๆ เขาก็ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองตอนยังเด็กในชีวิตของฉันมีแต่คนรายล้อมมากมาย มีแต่คนรักฉันไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของฉัน ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แต่ครอบครัวของพี่คะนองก็ต้อนรับฉันอย่างอบอุ่นเสมอแต่ไม่รู้ทำไม... ทุกครั้งฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ตัวคนเดียวฉันรู้อยู่แก่ใจว่าถึงพวกเขาจะรักฉันยังไง... แต่ครอบครัวนั้นก็เป็นของพวกเขา ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ของฉันสักหน่อยคุณแม่ทิ้งฉันไปตั้งแต่จำความได้ ในชีวิตของฉันมีแค่คุณพ่อที่แสนดีและอบอุ่น ฉันรักท่านมาก เรามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันหลายเรื่อง... จนท่านจากไปฉันก็แค่คิดถึงท่าน ฉันก็แค่อยากกลับไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ พร้อมกับคุณพ่อเท่านั้นเอง“ฮึก... ฮือ” ฉลามดุเกลี่ยน้ำตาของฉันออกทันทีที่เห็นว่าฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันเอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้าไว้ ฉันไม่อยากให้เขาเห็นเลย“นิ้ง” ฉันได้ยินว่าเขาเรียกชื่อฉัน แต่ฉันกลับหยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันปล่อยโฮออกมาแล้วสะอึกสะอื้นเป็นเด็กๆ เอาหลังมือเช็ดน้ำตาจนแสบหน้าไปหมด ในขณะที่ต่อมาจะถูก
[พาร์ท : ฉลามดุ]“อาการคนแพ้เหล้านะเฮียแบบนี้”ผมถอนหายใจหนักเมื่อหลังจากที่นิ้งหยิบแก้วเหล้าผิดไปเธอก็ฟุบลงกระแทกโต๊ะทันทีจนผมตกใจ คิดว่าเธอเป็นอะไรไป ที่แท้ก็แค่แพ้เหล้าแต่ไม่รุนแรงมาก ผมพอเข้าใจที่เธอบอกว่ากินเหล้าไม่ได้แล้วตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเจอเธอตอนที่ผมออกไปเคลียร์กับพราว ผมไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน แต่เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกดีตั้งแต่เธอเลือกที่จะตามผมมาที่นี่แล้วว่ะ“แล้วจะเป็นไง” ผมถามต่อเพราะไม่เคยเจอ ที่รู้ก็เพราะพวกน้องๆ ของผมมันมีญาติบางคนที่มีอาการแบบนี้ มันรู้ดี เวลามีอะไรผมก็ถามตลอด “จะต้องถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลอะไรมั้ย?”“ไม่หรอก น้องผมเคยเป็นอ่ะเฮีย บางคนก็เหมือนแพ้อาหาร บางคนก็ง่วง อาการไม่เหมือนกัน” ผมหันไปสำรวจนิ้ง เธอไม่มีผื่นขึ้นแต่แค่ทำปากเหมือนพึมพำอะไรอยู่ตลอดเวลา ดูเผินๆ ก็เหมือนคนเมาปกติผมถอนหายใจสั้นๆ“เออ เข้าใจแล้ว”“ให้เค้าไปนอนข้างในมั้ยเฮีย?”“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูดูเอง” มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมพูดเพราะไม่อยากให้คนอื่นมากังวลแทน ในขณะที่ไอ้เดี่ยวมองผมสลับกับคะนิ้งที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะแล้วกระตุกยิ้ม“คนคุยๆ มึงน่ารักดีนะ” มันคงรู้ว่าเธอมาที่นี่กับผมเพราะอะไร “
ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นพราวที่ส่งมา เธอคือคนที่ผมเคยคบเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้ก็หลายเดือนแล้วที่ผมไม่สนใจหรือไม่แคร์อะไรที่เกี่ยวกับเธอเลย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในตอนที่คบกันผมก็ให้เธอเต็มที่เกือบพอๆ กับนิ้งเธอบอกเลิกผมเพื่อไปหาคนใหม่ เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่าไอ้เวรนั่นมันดันเป็นศัตรูเก่าของผม ถ้ายังจำที่เด็กมัธยมพวกนั้นพูดถึงกลุ่มสมิงดำได้ หัวหน้ากลุ่มนั้นมันชื่อว่า อักระ และหลังจากนั้นกลุ่มของมันก็หมดอิทธิพลไปด้วยฝีมือของผมกับไอ้เดี่ยวมันเป็นคนเดียวกับที่พราวทิ้งผมเพื่อไปหา แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่ผมเล่นจนลูกน้องมันต้องไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล มันไม่ได้มาทำร้ายผมตรงๆ แต่ส่งลูกน้องมาเล่นสกปรกแทนถึงแขนผมจะเจ็บ แต่ถ้ามันยืนอยู่ตรงนี้ผมก็คงไม่ลังเลที่จะซัดหน้ามันเหมือนกันผมนั่งนิ่ง มองปฏิกิริยาของนิ้งที่นั่งอยู่ข้างหน้า เธอจ้องหน้าจอโทรศัพท์ในมือผม มองข้อความในนั้น แล้วเริ่มเม้มปากเธอกำลังคิดอะไรอยู่?ผมไม่รู้ ผมทำได้แค่หลบมือที่ถือโทรศัพท์ออกห่างจากใบหน้าเธอมาอยู่ตรงหน้าตัวเองเงียบๆ แล้วตอบข้อความของพราวพี่หลามคนจริง : ได้ วันนี้เลยดิแต่มันไม่จบแค่นั้นพี่หลามคนจริง : เอาไอ้อักระมาด้วยถ้า
[พาร์ท : ฉลามดุ]ผมจ้องหน้าผู้ชายที่อยู่ๆ ก็เข้ามาขัดจังหวะ ทำเหมือนรู้จักนิ้งไม่รู้ว่ามันเป็นใคร อยู่ดีๆ ก็เข้ามาพูดกับเธอ ผมเกือบจะได้หอมนิ้งอยู่แล้วถ้ามันไม่มาขวางซะก่อน และผมก็คิดว่าจะได้จ้องมันอยู่แบบนั้นถ้านิ้งไม่โพล่งขึ้นมา“คะเน” ผมทำหน้างงเมื่อเห็นว่าเธอมีสีหน้าดีใจ แถมยังเรียกชื่อเหมือนสนิทสนมกันมานาน “นั่งนี่สิจ้ะ เนกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อไหร่เหรอ?”“เมื่อคืนน่ะ กลับมาพร้อมกับนิน” ผู้ชายที่ดูท่าทางจะเหมือนเด็กเรียนยิ้มให้คะนิ้ง ก่อนที่ต่อมาจะหันมามองหน้าผมพร้อมกับหรี่ตามองเหมือนจะสำรวจอะไรบางอย่างแล้วนั่งลงข้างๆ นิ้งอย่างถือวิสาสะผมมองมันนิ่งอย่างดูเชิง มันหล่ออยู่ แถมยังดูเอาการเอางาน ดูเป็นเด็กเรียนหรืออะไรทำนองนั้นมากกว่าผม สังเกตจากลุคที่ดูสุภาพ ผู้ชายแบบนี้ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบแต่ไม่รู้ว่านิ้งจะชอบแม่งไปด้วยอีกคนมั้ย“ใครอ่ะนิ้ง สักเต็มตัวเลย” แต่คิดได้ไม่นานก็โดนพูดถึง ผมมองมันสลับกับนิ้ง อยากให้เธอตอบว่าผมอ่ะว่าที่แฟน แต่มันก็แค่ความหวัง“อ๋อ... เพื่อนอ่ะ” นิ้งตอบไปแบบนั้น เธอดูเกร็งมากขึ้น ซึ่งผมพอเข้าใจนะ แต่ถ้าไอ้นี่ก็เป็นเพื่อนเธอเหมือนกัน นี่แม่งโคตรน่าโมโหเลยรู