LOGINผมแม่งกรึ่มๆ ล่ะ
หลังจากพานิ้งออกมาจากห้องน้ำแล้วก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟอะไรนั่นที่เธอสั่งก็มาพอดี คราวนี้ผมกันเธอให้มานั่งข้างในเลย ไม่เป็นไร น้องๆ ผมไว้ใจได้ทุกคน เพราะผมมั่นใจว่าถ้าใครสักคนมันเกิดคิดไม่ซื่อขึ้นมา ผมนี่แหละที่จะเป็นตีนแรกที่กระทืบมัน ถือว่าบอกแล้วว่าคนนี้ผมจองอยู่กลายๆ ในวงเหล้าวันนี้แล้ว ถูกมั้ย?
นิ้งเองก็นั่งเกร็งๆ มานานล่ะ จนผมเอามือไปโอบไหล่เธอแล้วดึงเธอมานั่งใกล้ๆ หน่อยเธอถึงได้สงบลง เธอแม่งไม่พูดอะไรเลย นิ้งคงกลัวมาก
เพราะผมพาเธอมาที่นี่แท้ๆ เลยว่ะ ผมผิดเอง
“อยากกลับยัง?” ผมถามเธอแล้วก็รู้สึกร้อนๆ ในคอนิดหน่อย พอกลับมานั่งนี่ผมก็ซัดไปหลายขวดอยู่ ไม่มึนก็ไม่รู้จะว่ายังไง ก็โมโห ก็คนมันหวง เข้าใจมั้ยวะ แต่ไม่มีสิทธิ์เลยต้องแดก แดกแม่งให้เยอะๆ เข้าไป
“กะ... ก็อยาก” เธอพูดอ้อมแอ้ม “แต่ขับรถไหวเหรอ หน้าฉลามแดงๆ อ่ะ”
“ระดับนี้” ผมพูดอย่างอวดดี แล้วยกขึ้นดื่มอีกแก้ว ว่าแต่หน้าแดงเหรอวะ “สงสัยเขินเธอมั้ง... เธอแม่งน่ารักอ่ะ”
คือผมยังมีสติอยู่ไง แต่เวลาเมากรึ่มๆ ปากมันก็พูดไปเรื่อย
“อะ... เอ่อ” นิ้งไปไม่เป็นเลยว่ะ ผมหัวเราะ
“เออ เดี๋ยวเราไปส่ง” ผมลุกขึ้นแล้วดึงเธอให้ลุกตามมาด้วย ไอ้เล้งหลับคอหักฟุบกับโต๊ะไปแล้วว่ะ คนอื่นๆ ก็มีเมาบ้าง แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคุมสติได้ ส่วนผมคอแข็งอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ผมรู้ลิมิตตัวเอง
ถ้าไม่ติดว่าต้องขับรถไปส่งนิ้งผมกินได้เยอะกว่านี้อีก แต่เดี๋ยวเธอไม่ปลอดภัย
“ดะ... เดินไหวมั้ย” เธอถามเมื่อเห็นว่าผมนิ่งไปนาน เปล่า ผมแค่มองไอ้พวกน้องๆ มันที่ยังนั่งสังสรรค์กันอยู่ มองไอ้เล้งที่เมาแอ๋หลับฟุบขวดเหล้า
“ไหวดิ” ผมพูดสั้นๆ แล้วจูงมือเธอให้เดินตามมาด้วย ต้องไม่ให้คลาดสายตาเพราะผู้ชายที่มาร้านเหล้าแม่งไม่ธรรมดาทุกคน เลือกได้ผมก็ไม่อยากพานิ้งมาที่นี่หรอก แต่พอดีว่าน้องมันรออยู่ ก็เลยดึงมาด้วย พูดกลายๆ ว่าอยากเอาเธอมาเปิดตัว มัดมือชกประมาณว่าคนนี้ผมกำลังจอง จะได้ไม่มาซ้ำคนกัน
“แต่ฉลามหน้าแดงนะ” พอเห็นว่าผมเมานี่เป็นห่วงใหญ่เลยนะ แม่ง... ผมยิ่งปากไปเรื่อยอยู่ เผลอไปจูบเธอทำไงวะ “ช่วยพยุงมั้ย?”
เอาไง แกล้งเซแม่งเลยดีมั้ย เป็นห่วงขนาดนี้แต่งงานกันเลยดิ
“ไม่เป็นไร” ในใจคิดอีกอย่างแต่ปากแม่งเสือกพูดอีกอย่าง ผมสะบัดหัวตัวเองไล่ความคิดพวกนั้นทิ้งแล้วเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนที่จะอ้อมมาฝั่งตัวเอง
คะนิ้งคาดเข็มขัดเรียบร้อย เธอมองผมใหญ่เลยว่ะ กลัวผมจะเมาจนขับรถไม่ได้ว่างั้น
เมาเหมือนหมากว่านี้ผมก็คลำหาทางกลับบ้านถูก พูดไว้ก่อน
“มองไร” ผมถาม ดูเผินๆ เหมือนหาเรื่อง แต่ไม่ใช่ ผมชอบขนาดนี้จะหาเรื่องได้ไง เธอทำหน้าอึกอักแล้วหันหน้าหนีทันที ผมเลยแค่นหัวเราะก่อนที่จะสตาร์ทรถ
พอขับออกไปข้างหน้าได้หน่อยคะนิ้งก็นั่งตัวเกร็ง ผมก็ขับเท่าเดิม แค่เธอเห็นว่าผมเมาเลยกลัวผมจะพาคว่ำมั้ง ผมไม่พาคนที่ผมชอบไปตายหรอกน่า เธอคิดมากไปแล้วว่ะ
“นั่งดีๆ ดิ อย่ากลัว” ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ยาน เธอจะได้ไว้ใจผมขึ้นมาบ้าง คะนิ้งหันมามองหน้าผมทันที เธอถอนหายใจแรงๆ แล้วพยายามนั่งให้เหมือนปกติ
ว่าง่ายว่ะ จะทำให้หลงไปถึงไหนวะตอบผมดิ๊
“นิ้งไม่กินเหล้าเหรอ?” และพอเห็นว่าเธอเงียบ ในรถเลยแม่งก็เลยเงียบไปด้วย มีแต่เสียงแอร์เอื่อยๆ จนผมอึดอัด ผมก็เลยหาเรื่องถามเอา
“อื้อ แม่ว่าอ่ะ แล้วเราก็ไม่ชอบด้วย” คนตัวเล็กตอบกลับมาทันที แล้วผมก็พยักหน้ารับรู้ เออ ดีว่ะ พ่อแม่ผมนี่แทบจะถีบหัวส่งลูกชายออกจากบ้านอยู่แล้ว เหล้าบุหรี่นี่จัดเต็มตั้งแต่มัธยม จะว่าไปช่วงนั้นผมเกเรชิบหาย มาดีๆ หน่อยก็ตอนโตนี่แหละ “ถามทำไมเหรอ?”
“เปล่า ไม่กินก็ดี” ผมพูดตามที่คิด กินเหล้ามากมันก็ไม่ดีหรอก ข้อเสียเยอะแยะ แถมรสชาติห่วยแตก ที่กินทุกวันนี้ก็เอาแค่บรรยากาศสังสรรค์ แต่สำหรับนิ้งคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ เพราะงั้นผมจะไม่ให้แตะเด็ดขาด “แล้วเรากินเหล้าหนักแบบนี้ เธอรู้สึกไม่โอเคปะ?”
เธออาจจะไม่ชอบก็ได้ ในความคิดผม
“... ไม่หรอก มันก็เป็นเรื่องปกตินี่” แต่คำตอบของนิ้งกลับทำให้ผมนิ่งไปอย่างแปลกใจ เห็นเธอเรียบร้อยผมก็เลยนึกว่าเธอจะไม่ชอบเรื่องพวกนี้ “แค่อย่ากินเยอะจนร่างกายไม่ไหวก็พอแล้วค่ะ เราเข้าใจว่าฉลามเองก็ต้องมีสังคมเหมือนกัน”
เออ ใช้ได้ว่ะ
บุหรี่นี่ผมพอเข้าใจ แต่เหล้าบางทีมันก็เป็นธรรมดาของผู้ชายไงเวลาสังสรรค์ มันต้องมีกันบ้าง ตอนแรกผมก็คิดว่าเธอจะไม่ชอบเหมือนตอนผมสูบบุหรี่ เพราะคนอื่นๆ ที่ผมเคยคบก็เป็นงั้น คือถ้าเธอไม่ชอบผมก็กะจะเลิกทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ให้อยู่ ไม่ได้จะอะไรหรอก ไอ้ทำอ่ะผมทำได้
แต่เธอดันเข้าใจไง
“ขอบใจนะนิ้ง ที่เข้าใจเราอ่ะ” ผมพูดไปตามที่คิด พอหันไปมองก็เห็นว่าเธอคลี่ยิ้มบางๆ กลับมา พร้อมกับพยักหน้ารับ
“อื้อ เราเข้าใจ เพราะเราก็มีพี่ชายที่เหมือนฉลามน่ะ” เธอดูพูดไม่ติดอ่างเหมือนเดิมแล้วว่ะ ผมรู้สคกว่าผมโอเคกับผู้หญิงคนนี้นะ โอเคมากๆ เธอทำให้ผมชอบเธอขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็ด้วย “นิสัยเหมือนกันเลย”
“พี่ชายเหรอ” ผมทวน อยากจะเอนตัวไปหอมเธอสักฟอดแต่ก็ต้องทนไว้ก่อน ว่าแต่เธอมีพี่ชายนิสัยเหมือนผมด้วย? “พี่ชายชื่อไร”
ผมก็แค่นึกถึงตอนที่คุยกับเจ๊เพทขึ้นมา ว่าพี่ชายของเธอมันอาจจะเป็น...
“ชื่อคะนองค่ะ”
เออ กูสร่างเลย
“เฮ้ยเดี๋ยว เป็นน้องนิ้งของกูจริงเหรอวะ!”
“ใช่” ผมนั่งหน้าตึงก่อนที่จะกระดกขวดเบียร์ลงคอ พอไปส่งคะนิ้งเสร็จ ผมที่คิดไม่ตกก็ขับรถมาคืนไอ้พัสที่อู่มัน พอเจอเจ๊เพทเก็บอู่อยู่ผมนี่แม่ง... เครียดหนักเลย ก็เลยมานั่งจับเข่าคุยกับมัน รู้สึกว่าไม่อีกไม่นานจะโดนเล่น
“กูว่าแล้ว คนที่ชื่อคะนิ้งมึงคิดว่าจะมีเยอะบนโลกนี้เหรอ” เจ๊คว่ำปากอย่างหงุดหงิด แต่ต่อมาเธอก็มาแย่งขวดเบียร์ในมือผมไป “เอ้า แบ่งกูมั่ง”
“โลกแม่งกลมว่ะ กูมึนๆ อยู่พอนิ้งพูดกูสร่างเลย” ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ขยี้หัวตัวเองแรงๆ “กูจะโดนสักตีนอย่างที่เจ๊พูดปะ?”
ผมพูดติดตลกแต่ไม่ขำ เจ๊เพทที่รู้สันดานผมดีก็เลยตบหัวผมแรงๆ
“ไม่รู้ อย่ามาถามกู” เจ๊ว่าแล้วกระดกเบียร์ลงคอ “พูดให้เครียดแต่หน้าแม่งไม่เครียด มึงไม่เนียน”
“เฮ้ย กูเครียด” ผมแค่นหัวเราะ เอาจริงๆ ก็เครียดนั่นแหละวะ มันก็ต้องมีบ้างเพราะผมก็เคยปะทะกับเฮียแกอยู่ค่อนข้างบ่อยตอนที่เป็นพวกเดียวกับเจ๊เพท เอาง่ายๆ คือเจอกันบ่อยจนเขาแม่งน่าจะจำหน้าผมกับไอ้เดี่ยวได้แม่นยำ แต่ถ้าถามว่าเครียดแล้วจะเลิกจีบนิ้งมั้ย?
ไม่
ก็จะหน้าด้านจีบต่อ ทำไม ก็กูรักของกู
“แล้วไง เครียดแล้วไงต่อ”
“ซื้อเหล้ามาแดกเหอะ” ผมหัวเราะ “กูชวนไอ้เดี่ยวมาแล้ว”
“แหม อีควาย พอไปส่งน้องนิ้งแล้วทำมาอยากแดก” เจ๊ประชดประชัน ก็ผมส่งคะนิ้งถึงบ้านแล้ว ผมพอใจแล้วผมก็กินต่อยาวๆ ดิ คิดว่าราตรีนี้จะจบง่ายๆ เหรอวะ ก็เธอไม่ว่าเรื่องผมกินเหล้านี่ ถูกปะ
ผมคิดในใจเงียบๆ จนกระทั่งเห็นร่างสูงของเพื่อนรักเดินกร่างเข้ามาในอู่ ท่าเดินมันนี่โคตรเปรี้ยวตีนเลยจริงๆ
“ไอ้เดี่ยวมาพอดีเลยว่ะ สงสัยมีญาณทิพย์รู้ว่าจะได้แดกของฟรี” เจ๊เพทบ่น แน่ดิ ก็ผมให้เจ๊เลี้ยงเหล้า ไอ้เดี่ยวที่นิยมกินฟรีก็รีบบึ่งมาอยู่แล้ว “ว่าไงอีเด็กเดี่ยว! ทำหน้าตาตอแหลมาแต่ไกลเลยนะ”
“เจ๊แม่งปากร้ายว่ะ เดี๋ยวแช่งให้ไม่มีใครจีบ” ไอ้เดี่ยวเดินเข้ามากอดคอผมแล้วหยอกเจ๊แบบที่มันชอบทำ ไอ้นี่มันปากดีตลอด ผมว่าที่มันมาช้าตอนที่ผมแวะไปร้านสงสัยติดผู้หญิงอยู่ “แค่นี้ก็จะขึ้นคานอยู่แล้วปะ”
“เออว่ะ” ผมหัวเราะ
“ถึงไม่มีกูก็ไปดักฉุดเขาแทนอ่ะ จบนะ” เจ๊ว่าทีเล่นทีจริง ในขณะที่จะกดโทรศัพท์โทรหาน้องชายตัวเองเรื่องจะใช้งานมันในระหว่างนั้น ท่าทางไอ้พัสจะกลับบ้านไปหาเมียล่ะ ธรรมดาจะเห็นมันเพ่นพ่านอยู่แถวนี้ แล้วพอมันรับเจ๊ก็... “เออ ไอ้พัส ซื้อเหล้ามาให้เจ๊กรมนึงหน่อย”
ผมมองหน้าไอ้เดี่ยวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มให้กัน
“...”
“เออ! ซื้อมาเหอะ บ่นมากเดี๋ยวกูโบกเลย... เอ้า ก็กูจะแดกอ่ะ มีหนุ่มมาชวนแดก กูเขิน กูบ้าผู้ชายแล้วไง” ผมแม่งเกือบจะหัวเราะ หนุ่มเหี้ยอะไรของเจ๊วะ น้องๆ ทั้งนั้น “อะไรนะมึง... ตบปากเอาขี้ฟันมึงออกมาเดี๋ยวนี้!! พูดกับกูแบบนี้ได้ไง สบประมาทหนังหน้ากูมาก”
“...”
“เออ ถ้าไม่ซื้อมากูจะไปดักตบมึงถึงบ้านแน่!” เจ๊เพทโวยวายก่อนจะกดวางโทรศัพท์ ผมกับไอ้เดี่ยวมองหน้ากันอีก ก่อนที่มันจะโพล่งขึ้นมา
“ไม่รอที่ร้านเหรอวะ” ผมมองหน้ามันแล้วไหวไหล่
“ก็มึงมาช้า กูเลยไปส่งนิ้งก่อน” ผมพูดไปตามตรง แล้วไอ้เดี่ยวก็เลิกคิ้ว
“นิ้ง ชื่อคนที่มึงจีบว่างั้น?”
“เออ! ไอ้หลามมันริจีบน้องไอ้เหี้ยคะนองว่ะเดี่ยว กูว่าช่วงนี้ปีชงมันแหง” เจ๊เพทเสนอหน้ามาตอบแทนผมแล้วหัวเราะลั่น “ไม่ใช่ชงที่จีบน้องมันนะ แต่ชงที่เสือกได้มันเป็นพี่”
“ตลกมากมั้ยวะเจ๊” ผมทำหน้าตาย แล้วเจ๊ก็ตบไหล่ผมแรงๆ
“กูพูดเพราะกูสงสารหรอก ถึงบอกว่ามันอาจจะจับมึงสักตีน ระวังไว้”
“เจ๊ อย่าพูดดิ” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้สวนอะไรกลับ ไอ้เดี่ยวก็โพล่งขึ้นอีก มันทำสีหน้าแปลกๆ “... แม่งโดนกู”
“ทำไมวะ” ผมก็เลยหันมาถามมันแทนอย่างสงสัย แล้วไอ้เดี่ยวก็พูดประโยคที่ทำให้ทั้งผมและเจ๊เพทต้องทำหน้าเหวอแดกกันทั้งคู่
“ก็กูตามจีบน้องคะน้า น้องไอ้เฮียคะนองอยู่”
เออ ดีว่ะ เสือกจีบผู้หญิงบ้านเดียวกันอีก
[พาร์ท : ฉลามดุ]
ฉลามไม่ทักไลน์มาเลยนะ
ฉันนั่งมองโทรศัพท์อยู่นานแล้ว หลังจากเขามาส่งฉันที่หอพักแล้วขับรถออกไป ส้มหวานก็โทรมาบอกว่าวันนี้ติดงานเลยต้องไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนที่รู้จักกันที่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย ฉันก็เลยต้องอยู่ในห้องคนเดียว
แต่ฉันไม่ได้รอเขาเลยนะ ฉันก็แค่ไม่อยากนอนคนเดียวเงียบๆ อ่ะ
ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ ชั่งใจว่าจะส่งข้อความไปหาฉลามดุดีมั้ย นั่งคิดอยู่นานพอดู
จนสุดท้าย...
Ka ning : กลับถึงบ้านยังอ่ะ
ฉันกดส่งข้อความไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แต่ไม่นานนักเขาก็กดอ่าน
... แต่เขาไม่ตอบ
อ้าว
“ขับรถอยู่รึเปล่านะ...” ฉันพึมพำกับตัวเองแล้ววางโทรศัพท์ลงข้างๆ ตัวอย่างไม่คิดมากอะไร ฉันนอนคนเดียวแบบนี้ก็ได้ ถ้าเขายังยุ่งอยู่ ถึงฉันจะกลัวผีก็เถอะ
แต่ทว่า... ยังไม่ทันที่ฉันจะหลับตาลงด้วยซ้ำ
ครืด ครืด
ฉันตกใจเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นว่ามีคนโทรเข้ามา ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นส้มหวานก็เลยรีบหยิบขึ้นมาดู แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกก็ทำหน้างุนงง แต่ฉันจำได้นะ นี่มันเบอร์ฉลามดุนี่ เขาโทรมาหาฉันเหรอ?
ฉันเงียบ ชั่งใจอีกว่าจะรับดีมั้ย แต่สุดท้ายก็กดรับ
“ฮะ... ฮัลโหล” ฉันทักไปเสียงแกว่งๆ แล้วก็ได้ยินเสียงคนโหวกเหวกแทรกเข้ามาในสายทันที คราวที่แล้วฉันไม่ได้ยิน แต่คราวนี้มันลอดเข้ามาในสายชัดเจนเลย เหมือนว่าพวกเขาอยู่ใกล้ๆ กัน
[มึงโทรหาใคร! แดกเหล้าอยู่กับพวกกูยังจะมีเวลามาหลีสาวนะมึง!] เสียงที่แทรกขึ้นมาเสียงแรกเป็นเสียงห้าวๆ ของผู้หญิงที่ดูเหมือนว่าจะเมา ฉันคุ้นหูเหมือนจะเป็นเสียงของพี่เพทายรึเปล่า จนได้ยินเสียงฉลามดุดังเข้ามาในสายเหมือนเขาไม่สนใจ [... ไงนิ้ง]
เสียงเขาดูยานคางนะ
“อยู่บ้านเหรอ” ฉันถามตะกุกตะกัก แล้วเขาก็เงียบไปก่อนที่จะตอบ
[เปล่า อยู่ที่อู่เพื่อน]
“อ้อ...”
[แล้วทำไมถึงทักมา] เขาถามอีกเมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรกลับไปนอกจากการครางรับสั้นๆ แล้วอยู่ดีๆ ฉันก็อึกอักขึ้นมา
จะบอกว่ายังไงดี... ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ก็... ก็แค่อยากรู้เฉยๆ ว่ากลับถึงบ้านรึยัง”
[คิดถึงอ่ะดิ] ฉันเอ๋อไปเลย หน้าร้อนไปหมดเมื่อเขาย้อนกลับมาทันที
“ปะ... เปล่า”
[คิดถึงเราก็บอก ไม่เห็นต้องโกหก] ฉันมุดหน้าลงกับหมอนจริงๆ เลยคราวนี้ ทำไมเขาถึงชอบทำให้ฉันไปไม่เป็นอยู่เรื่อยเลยนะ [เอาไง ให้ไปหาปะ]
“อะ... อะไรนะ” ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ผุดลุกขึ้นมาจากเตียงนอนเมื่อเขาพูดประโยคนั้นขึ้นมา จนเขาพูดซ้ำอีก
[ให้เราไปหามั้ย จะได้ไปเลย... ถ้าคิดถึงอ่ะ]
กะ... ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดถึง!
“ไม่ต้องเลยนะ” ฉันทำหน้ามุ่ย เขากินเหล้าอยู่ไม่ใช่เหรอ ยังจะฝืนขับรถมาที่นี่อีก พูดแล้วอยู่ดีๆ ฉันก็ออกจะฉุนๆ เขาขึ้นมานิดหน่อยแล้วนะ ไหนเขาถามเองว่าฉันไม่ชอบมั้ยเวลาที่เขากินเหล้าหนักๆ ฉันก็อุตส่าห์บอกว่าฉันไม่เป็นไรหรอก แต่ไม่อยากให้กินเยอะ
แต่ก็ดูเขาสิ ยังจะไปกินต่อที่อื่นอีก
[โกรธเหรอ เสียงดุใส่] เขาถามเหมือนรู้ทันด้วยอ่ะ [เพื่อนชวนทั้งนั้น เราไม่ได้อยากมาหรอก]
“...”
[เพื่อนชวนห่าไร มึงอ่ะโทรมาหากูเอง] ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของผู้ชายดังลอดเข้ามาในสายอีกคนเมื่อฉลามอ้างว่าแบบนั้น สงสัยจะเป็นเพื่อนของเขานั่นแหละ [กับผู้หญิงนี่โยนให้เพื่อนรับบทเหี้ยตลอด]
“...”
[เออใช่! แล้วแม่งก็บอกเจ๊ด้วยนะว่าถ้าเมาจะไปนอนบ้านผู้หญิงต่อ อีชีกอ หลอกฟันสาว!]
เสียงข้างหลังเป็นเสียงผู้หญิงห้าวๆ คนเดิม เธอแทนตัวว่าเจ๊แล้วก็รู้จักชื่อของฉันด้วย
เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าจะเป็นพี่เพทายจริงๆ อ่ะ
“นั่นพี่เพทายเหรอคะ?” ฉันถามขึ้นมาอย่างสงสัย แต่เธอไม่ได้ตอบ สงสัยแค่พูดแทรกขึ้นมาเฉยๆ เพราะต่อมาเสียงของฉลามดุก็ดังขึ้นมาเหมือนเขาถือสายรอจนกว่าฉันจะตอบอยู่
[รู้จักเจ๊เพทด้วย?] ฉลามดุถาม ฉันก็เลยครางรับกลับไปเป็นคำตอบ ก่อนที่เขาจะแก้ตัวเรื่องอื่นขึ้นมา [ทำไม? เชื่อเจ๊เหรอ เราไม่ไปนอนกับผู้หญิงคนไหนหรอก]
ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น ก็เมื่อกี้พี่เพทายพูดแบบนั้นนี่นะ ฉันเองก็พอจะรู้จักนิสัยของพี่สาวคนนี้ดีอยู่ เธอเป็นพวกชอบแหย่ชอบแกล้งน่ะ ฉันชินแล้วล่ะ เลยไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย
“เปล่าสักหน่อย”
[ไม่หึงเราหน่อยเหรอวะ] เขาถามออกมาตรงๆ อีก แล้วฉันก็เอ๋อไปเลย
“มะ... ไม่หึงนี่”
[อ่า... ไม่หึงก็ได้]
“...”
[เพราะเราจะไปนอนกับเธอเอง]
“...!” ฉันอ้าปากค้าง อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าหน้าร้อนจนชาไปหมด เขาเมาแล้วแน่ๆ เลยถึงได้พูดแบบนี้อ่ะ ฉันเริ่มจะกลัวแล้วนะ “มะ... เมาแล้วนะฉลาม วางเถอะ”
[เราคอแข็ง นี่แค่มึนๆ] เขาตอบเสียงนิ่งขึ้น เหมือนเมินประโยคหลังของฉัน
“...”
[แต่มันง่วง อยากนอน] เขาพูดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรเขากลับไปดี ก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำให้ฉันอึ้ง [... แต่อยากไปนอนที่ตักเธอ]
ฮือ
“ระ... เราก็จะนอนแล้ว”
[นอนดิ เดี๋ยวไปนอนด้วย]
“แต่ไม่นอนกับฉลามอ่ะ”
[แต่เราจะนอนกับเธอ เคนะ แบตจะหมด ถึงแล้วเดี๋ยวโทรหา]
“เดี๋ยว...”
[ถ้าไม่ลงมารับ เราก็จะนอนแม่งหน้าหอเธอนี่แหละ]
“...!!”
[เจอกัน]
ติ๊ด
ฉันอ้าปากค้างเมื่อเขาวางสายไปในทันที แล้วเริ่มกุมขมับตัวเอง
ดะ... เดี๋ยวก่อน! นี่มันอะไรอ่ะ เขาจะมาที่หอฉันทำไม นี่มันสามทุ่มแล้วนะ
แล้วฉันต้องลงไปรับเขาจริงๆ เหรอ
ผมพาเธอมาที่สนามเด็กเล่นแทนที่จะไปหาเจ๊ผมขังเธอไว้ในบ้านของเล่นเหมือนวันนั้น เพราะถึงจะแคบ โคตรอึดอัด แต่มันก็ทำให้ผมกับเธอมองหน้ากันได้ตรงๆ คุยกันได้แบบใกล้ๆนิ้งสบตาผมกลับ แล้วเธอก็หลบตาหนี“เธอไม่มองหน้าเราอ่ะ” ผมพูด แล้วนิ้งก็หันกลับมา“... เราไม่อยากมอง”“เธอเกลียดเราเหรอวะนิ้ง” ผมถามคำถามเจ็บๆ ออกมาให้แทงใจตัวเองเล่น นิ้งมองหน้าผม ก่อนที่เธอจะหลบตาผมอีก“... อื้อ”แล้วผมก็รู้ว่าเธอโกหกเธอยังรักผมอยู่“อย่าอ้าง” ผมพูดแบบนั้น แล้วนิ้งก็ชะงักไป“ระ... เราไม่ได้อ้าง”“เธอลืมเราไม่ได้หรอกว่ะนิ้ง” ผมสบตาเธอ “คืนดีกันเหอะ”“... ไม่เอา” นิ้งสั่นหน้าทันที“ทำไม”“ฉลามทำตัวแบบนี้...” เธอมองมาที่เคราผม ก่อนที่จะหันหน้าหนี “... เราก็ไม่อยากกลับไปหรอก”“...”“... เราคิดว่าก็คงจะจบแบบเดิมๆ อีกอ่ะ”“แต่เราจะมาตันกันแค่นี้เหรอวะ” ผมพูดให้เธอคิดดีๆ “เราผ่านไรมากันเยอะว่ะนิ้ง เธอจะมาห่างกับเราเพราะเรื่องแค่นี้อ่ะนะ”“มะ... มันก็เป็นเรื่องแค่นี้สำหรับฉลามคนเดียวมั้ยอ่ะ” เธอย้อนกลับมา “ฉลามบอกว่าเหนื่อย เบื่อเรา แล้วก็ขอเราห่างเองนะ”“เออ ใช่”“...”“แต่ก็แค่พูดไม่คิด เข้าใจปะ” ผมพูดแล้วลูบหน้าตั
ผมขับรถเข้ามาในมหาลัยนิ้งตามที่เจ๊บอกสมเพชตัวเองชิบหาย สุดท้ายผมก็ทำตามที่มันพูด ทั้งที่ชีวิตผม เมียผม ผมน่าจะคิดเองได้ผมหายใจไม่ทั่วท้องตอนที่อยู่ในมหาลัย มีคนมองผมเหมือนผมเป็นพวกโจรที่มาปล้นฆ่าผู้หญิง เพราะสภาพผมตอนนี้ก็ดูไม่จืดเท่าไหร่ ปกติก็ดูไม่ค่อยได้อยู่แล้ว พอเมียไม่ดีด้วย สภาพผมยิ่งกว่าคำว่าหนักผมมองหานิ้ง ไม่รู้ว่าต้องทำไง แต่สุดท้ายก็เห็นเธอผมเห็นไอ้เด็กคนนั้น ที่เธอเรียกมันว่าแจ๊คเหี้ยไรสักอย่าง มันอยู่ใกล้ๆ เธอ ผมนิ่งไปนิดหน่อย ไม่คิดว่าคนที่ตามจีบเธอจะเป็นมันนิ้งดูปกติดี ผมอึ้งเหมือนกันที่สภาพผมทุเรศลงๆ งี้ แต่นิ้งยังเหมือนเดิมหรือเธอจะลืมผมได้แล้วจริงๆ วะลืมทั้งๆ ที่ผมกับเธอเราโคตรผ่านไรมาด้วยกันเยอะงั้นอ่ะนะผมกำหมัดแน่น แล้วเดินเข้าไปหาเธอกับมัน พอได้มาเห็นจริงๆ ผมก็ยิ่งตอกย้ำตัวเองว่าผมแม่งทนไม่ได้ ยิ่งเห็นเธอยังเหมือนเดิมผมก็โคตรรับไม่ได้ ทำไมเราถึงรู้สึกไม่เหมือนกัน ทั้งที่ผมเหมือนจะเป็นบ้าพอไม่มีเธอทำไมเธอไม่คิดเหมือนผมเธอจะไปคุยกับมันทำไม แล้วกูล่ะกูแม่งเป็นใครวะหมับ“... อะ ฉลาม”ผมเดินเข้าไปกระชากข้อมือนิ้งเข้ามาหาตัว ไอ้แจ๊คนิ่งไป มันกำลังหัวเราะกับ
“นิ้ง” ผมเหมือนถูกถ่วงน้ำเลยว่ะ ผมไม่คิดว่านิ้งจะพูดออกมาว่างี้ ที่ผ่านมาเราผ่านไรยากๆ มาด้วยกัน นิ้งไม่เคยห่างกับผม เธอไม่เคยบอกกับผมว่าเธอไม่อยากให้ผมอยู่ข้างเธอแต่มาวันนี้นี่แหละว่ะ ที่ผมรู้สึกว่าเรากำลังจะจบกันจริงนี่ผมทำเหี้ยไรลงไปวะ“นิ้ง” ผมคว้าข้อมือเธอไว้ แล้วบีบแน่น ผมไม่อยากให้เธอทำงี้กับชีวิตผม ผมรักนิ้ง ผมอาจทำตัวเหี้ยๆ กับเธอ แต่สุดท้ายผมก็ยังมองเธอคนเดียวชีวิตผมขาดเธอไม่ได้ว่ะ “...”“อย่าทำงี้ได้ปะ เราขอโทษ”นิ้งมองผมกลับ เธอน้ำตาคลอ หน้าเริ่มแดงขึ้นมา ผมเห็นแล้วแม่งก็เจ็บ แต่พอนิ้งแกะมือผมออก แล้วเธอพูดกับผมคำนึง“ฉลามจะกลับไปหาจี้ก็ได้นะ”“...”“... เรายอมแพ้แล้ว”เเม่งก็เหมือนชีวิตผมหยุดเดินตอนนั้นผ่านมาห้าอาทิตย์ผมปล่อยตัวเอง ไม่ทำเหี้ยไรกับสภาพจนเคราขึ้นคางจนรก ผมยังทำงานต่อ แต่ไม่ค่อยได้เจอนิ้ง ตั้งแต่ที่เธอบอกให้ผมกลับไปหาไอ้จี้ ผมก็เคว้งหนัก ผมกลับมาแดกเหล้า แดกแม่งทุกวัน แล้วทำตัวเหมือนคนอกหักทั้งที่นิ้งก็แค่อยากให้ห่าง ไม่ได้บอกเลิกเรื่องผมกับเธอเหมือนตายไปแล้ววันนี้ผมตื่นมาทำงาน สภาพดูไม่ได้ ผมเหมือนคนติดเหล้า ดูดบุหรี่วันละซอง กลางคืนผมก็นอนไม่หลับจ
ผมไม่รู้ตัวว่าผมกำลังทำเหี้ยไรอยู่“นิ้ง” ผมเรียกชื่อเธอเสียงหนัก แล้วนิ้งก็สั่นหน้าตอนที่ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้“...”“ถ้าจะเลิกกับเรา ก็มีไรกันก่อนดิ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดห่าอะไร แต่ที่รู้คือนิ้งชะงักทันทีที่ผมพูดประโยคนั้น แล้วผมก็แค่นหัวเราะ “มีไรกับเราตอนนี้”“...”“แล้วเชื่อปะ”“...”“เราจะปล่อยเธอไปเลยว่ะ”[SALAMDU : SIDE END]... เราเกือบที่จะมีอะไรลึกซึ้งกันจริงๆ อย่างที่ฉลามขู่ฉันไว้แต่เพราะเขาหยุดไปก่อนตอนที่ฉันร้องไห้หนัก เราถึงได้มานั่งกันคนละมุมเหมือนอย่างในตอนนี้ ฉลามนั่งกุมขมับตัวเองอยู่ที่ปลายเตียง ส่วนฉันเองก็นอนร้องไห้อยู่บนเตียงนอนของเขา เพราะเหตุการณ์เมื่อกี้มันแย่มากๆฉันกลัวฉลามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วก็เจ็บปวดกับคำพูดที่ไม่ดีของเขาสุดท้ายแล้ว... ฉันเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขารักฉันจริงๆ รึเปล่า“นิ้ง” จนเขาเรียกชื่อฉัน ฉันก็สะดุ้ง ยิ่งฉลามทำท่าจะขยับเข้ามาใกล้ ฉันก็รีบยันตัวลุกขึ้นแล้วร่นถอยหลังหนีไปจนชิดกับหัวเตียงด้วยความหวาดกลัวร่างสูงชะงักไป เขามองฉันนิ่งอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้อีก“อะ... ออกไปนะ” ฉันพูดพร้อมกับเอาหมอนมาบังใบหน้าขอ
[SALAMDU : SIDE]ผมทำสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนกับนิ้งผมร้องไห้ แล้วบอกให้เธออย่าทิ้งผม เพราะผมอยู่ไม่ได้นิ้งไม่ได้พูดอะไร เธอหยุดพูดตั้งแต่ผมทำงั้น จนผมเริ่มเข้าใจแล้วว่ะ ว่าเวลาผู้หญิงร้องไห้มันเหนื่อยยังไง ผมตามไปส่งเธอ แล้วตามเธอเข้ามาในห้องนิ้งไม่ได้ว่าผม เธอคงสงสารที่ผมร้องไห้เมื่อกี้มั้ง ยังไงเธอก็เป็นคนดีเราสบตากันตอนที่เข้ามาในห้อง นิ้งมองผม แต่สักพักเธอก็หันหน้าหนีไปทางอื่น แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องนอนแต่ผมจะไม่ปล่อยเธอไปไหนผมเดินเข้าไปคว้าข้อมือเธอไว้ นิ้งชะงักไป เธอเงยหน้าขึ้นมองผม แล้วผมก็เลื่อนหน้าเข้าไปจูบเธอหนักๆร่างเล็กชะงักไป ส่วนผมเองก็ไม่ผละออก เราจูบกันอยู่หน้าห้อง จนนิ้งพยายามจะดันผมออก ผมก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่นโดยไม่มีคำพูด“... ฮึก” ผมได้ยินเสียงเธอสะอื้น เลยกอดเธอแน่นขึ้น ในขณะที่นิ้งเองก็ทุบอกผมให้ปล่อยเธอ แต่ผมไม่ทำตามผมกอดเธออยู่งั้นจนนิ้งยอมนิ่งลงเพราะเธอเหนื่อย ผมก็เลยผละออก แล้วบีบไหล่เธอแน่น“อย่าทิ้งเรา” ผมกระซิบเสียงหนัก นิ้งเบ้หน้าออกมา ผมเลยจูบเธออีก“... อื้อ” รอบนี้เธอไม่ได้ขัดขืนไรผม ร่างเล็กเปลี่ยนมาทึ้งเสื้อผมแทน ผมเลยช้อนต
ฉลามพาฉันไปนั่งเรือที่ต้องพายกันเอง เขาหาโอกาสเพื่อที่จะได้อยู่กับฉันสองคนในที่สงบๆรอบด้านเป็นแม่น้ำ ฉันมองไปรอบๆ น่าแปลกจริงๆ ที่พออยู่กับฉลามแล้วฉันกลับไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย เราสบตากันผ่านจากอีกฝั่ง แต่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันรับรู้ได้ถึงความอึดอัดระหว่างเราทั้งคู่นั่นเป็นเพราะฉันกับเขาไม่ได้คุยกันแบบนี้มาอาทิตย์หนึ่งแล้ว“นิ้งคิดว่าไง” เขาถามฉันขึ้นมา แล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง “กลัวปะ”ฉันสั่นหน้าเบาๆ“ฉลามมานั่งกับเราแบบนี้ไม่อึดอัดเหรอ” ฉันถามขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ แล้วร่างสูงก็ชะงักไป เขาถามกลับมาแค่เพียงสั้นๆ“ทำไมคิดงั้น”“... เพราะเราอึดอัดอ่ะ” ฉันพูดไปตามความจริง ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวฉันเองกำลังคิดอะไรอยู่ แต่พอเจอเรื่องที่สะเทือนใจมาแล้ว ถึงฉันจะรักเขามาก อยากอยู่แค่กับเขา แต่ฉันก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมเลยเวลาที่เราอยู่ด้วยกันฉันอึดอัด... และก็มีแต่ความลำบากใจ“นิ้ง” ฉลามชะงักไป เขามีสีหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “เราไม่ได้ตั้งใจให้เราห่างกันนะเว้ย เรา...”“... ฉลามบอกว่าเราอยู่กันแบบนี้มันเหนื่อย” ฉันพูดถึงคำที่เขาบอกกับฉันก่อนที่เราจะห่างกันออกมา ฉันเองก็อยากให้เขารู้ว่าเขาพูดออกมาจริ







