Mafia Part . ผมเก็บความสงสัยทั้งหมดไว้ในใจ เพราะตอนนี้มีบางอย่างที่สำคัญกว่า ผมผละจากร่างบางที่ยังคงหอบหายใจเพื่อไปจัดการกับเสื้อผ้า ก่อนจะกลับขึ้นเตียงอีกครั้งด้วยสภาพเปลือยเปล่า นับดาวลืมตามองผมเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงตามเดิม “ไหวไหม” ผมถามเมื่อเห็นว่านับดาวยังคงหอบหายใจ เธอดูเหนื่อยง่ายกว่าทุกครั้งจนผมเป็นกังวล “อื้อ” นับดาวพยักหน้ารับ ได้ยินอย่างนั้นผมจึงค่อย ๆ จับขาเรียวให้แยกออกจากกัน ตั้งใจว่าจะชิมร่างกายของอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำ แต่เสียงที่แหบแห้งกลับเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน “เดี๋ยว” “...” “ให้ฉันทำให้นายรู้สึกดีบ้างนะ” “เอางั้นเหรอ” ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ มันอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นับดาวบริการผม ปกติถ้าไม่ขอเธอก็ไม่ทำให้ แต่ครั้งนี้กลับเสนอตัวเอง “อืม” เมื่อเห็นสายตาจริงจังจากอีกฝ่ายผมจึงยอมนอนหงายบนที่นอนแต่โดยดี นับดาวขยับลุกขึ้นนั่ง คร่อมทับบนหน้าท้องผม ก่อนจะเริ่มทุกอย่างด้วยจูบ... ริมฝีปากของนับดาวยังคงนุ่มนิ่มเหมือนเดิม เธอจูบผมด้วยความอ่อนโยนสลับกับเร่าร้อน ลิ้นเล็กที่แสนซุกซนพยายามสำรวจไปทั่วจนเกิดเสียงลามก ผมเองก็พยายามตอบสนองเธอบ้างแต่ก็น้อยกว่าปกติเพราะอยากใ
Napdao Part . ฉันขยับกายออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายช้า ๆ มาเฟียยังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัว แม้ตอนนี้จะปาไปเที่ยงตรงแล้วก็ตาม เมื่อคืน... ไม่สิ เมื่อเช้ากว่าเราจะได้นอนก็เกือบเช้า มาเฟียรังแกฉันหลายต่อหลายครั้ง ตอนนั้นยอมรับว่ามันก็มีความสุขดี แต่ตอนตื่นนอนนี่แหละที่ทำให้ฉันเรียนรู้สัจธรรมว่าความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน… “โอ้ย” ฉันร้องออกมาเบา ๆ เมื่อรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว โดยเฉพาะส่วนนั้นที่รับแรงเสียดสีมาหลายชั่ว อดจะส่งค้อนให้คนที่นอนหลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรไม่ได้ ไม่รู้ไปอดอยากปากแห้งมาจากที่ไหนถึงได้รังแกคนอื่นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พอเป็นแฟนกันปุ๊ปก็เอาแต่ใจปั๊ปเลย อ่า ฉันยังไม่ได้บอกสินะคะ ว่าเราคบกันแล้ว คำสารภาพของมาเฟียทำให้ฉันร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก ฉันไม่คิดว่าคนแบบฉันมีผู้ชายคนหนึ่งมามอบความรักให้มากมายขนาดนี้ มาเฟียพูดทุกอย่างอย่างจริงใจจนฉันไม่มีข้อสงสัยอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ และคำพูดที่ฉันรู้ดีว่าคนแบบเขาไม่มีทางพูดออกมาง่าย ๆ ทำให้ฉันอยากลองคบกับเขา อยากลองให้โอกาสทั้งมาเฟียแล้วก็ตัวเอง อยากเริ่มต้นที่จะรักเขา “ไปไหน” เสียงแหบพร่าของมาเฟียทำให้ฉันหั
Mafia Part . “กลับบ้านได้ด้วยเหรอ” ผมชะงักปลายเท้าเมื่อได้ยินคำถามนั้น เสียงที่คุ้นเคยของคนที่ต่อให้ผมพยายามหนีเท่าไหร่ก็ไม่มีทางหนีพ้น “คุณย่าก็เห็นแล้วนี่ครับ” “เดี๋ยวนี้ต่อปากต่อคำกับย่า ผู้หญิงที่อยู่ด้วยคงสอนมาดีสินะ” “คุณย่า” ผมหันกลับไปทันทีที่คุณย่าพาดพิงถึงนับดาว “แฟนผมไม่เกี่ยว แล้วเมื่อไหร่คุณย่าจะเลิกตามสืบเรื่องของผมซักที” “แฟน?” ท่านเลิกคิ้วพร้อมถามด้วยเสียงที่สูงกว่าปกติ แต่ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองอะไรจนผมแปลกใจ “ใช่ครับ ผมมีแฟนแล้ว และผมคงหมั้นกับพริมาตาไม่ได้” “อย่างนั้นหรือ” ท่านถามพลางยกชาขึ้นดื่ม ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของท่านทำให้ผมร้อนรนขึ้น “มาเฟียคงลืมเรื่องที่ย่าสั่งแล้วสินะ” “ผมไม่ได้ลืม แต่ผมไม่มีวันทำตาม คุณย่าไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตผม ผมไม่ใช่คุณพ่อ” “มาเฟีย!!!” เสียงดังกัมปนาททั่วห้องโถงทำให้ผมหันกลับไปมอง ร่างสูงระดับเดียวกับผม หน้าตาที่ถอดแบบกันออกมา ไม่ว่าใครก็รู้ได้ทันทีว่าเราสองคนมีสายเลือดเดียวกัน และใช่ครับ เขาคือพ่อของผมเอง “แกจะก้าวร้าวแม่ฉันก็ไม่ต้องดึงฉันเข้าไปเกี่ยวข้อง” “ก็คุณพ่อเป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุดแล้วนี่ครับ ไม่ให้ผมพูดถึงคุณพ่อแล
Mafia Part . ปัง! ฮึก! ผมพิงประตูห้องก่อนจะนั่งลงอย่างช้า ๆ และปล่อยน้ำตาแห่งความเจ็บปวดให้ไหลออกมา ผมไม่คิดจะกลั้นเสียงสะอื้น เพราะวันนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องไห้ให้กับครอบครัวนี้ เรื่องราวทั้งหมดมันไม่ได้จบแค่การที่ผมรู้ความจริง ว่าพ่อกับแม่ที่ผมเข้าใจมาตลอดว่าท่านรักกันมาก มีผมด้วยความรัก เสียสละเวลาทั้งหมดเพื่อทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูผม แท้จริงแล้วท่านไม่เคยรักกัน ไม่เคยตั้งใจที่จะมีผม และที่ทุกคนพร่ำบอกว่าพ่อแม่ไม่ว่างเพราะทำงานหาเงินมาให้ผมมีชีวิตที่ดีเป็นแค่เรื่องโกหก เพราะเหมือนว่าพระเจ้ายังเห็นว่าผมเจ็บไม่มากพอ ถึงได้ทำให้ผมได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง ความจริงที่ทำให้ผมเจ็บเหมือนโดนพรากลมหายใจ ความจริงทั้งหมดอยู่ในเอกสารที่ถูกซ่อนไว้อย่างดี แต่ผมก็ยังไปเจอมันโดยบังเอิญ มันเป็นเอกสารเกี่ยวกับการทำ IVF\*\* ของพ่อและแม่ ใช่ครับ ผมไม่ได้เกิดมาตามธรรมชาติ แต่ผมเกิดมาได้เพราะการทำเด็กหลอดแก้ว เอกสารนั้นระบุชัดเจนว่าทางครอบครัวผมแจ้งไว้ว่าอยากได้เด็กผู้ชายเท่านั้น แค่นั้นยังไม่พอ เพราะผมได้รู้เพิ่มเติมจากลุงแย้มว่าที่พ่อกับแม่ผมตัดสินใจทำ IVF ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาร่างกายไม
Napdao Part . มาเฟียจอดรถหลังจากวนหาที่จอดมานาน ผับของเนตั้นเพื่อนเขาวันนี้มีลูกค้าเยอะจนแทบไม่มีที่ให้จอดเลยทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อย พวกเราสอบเสร็จแล้วและปิดเทอมเรียบร้อย ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ระหว่างฉันกับมาเฟียเองก็กำลังไปได้ดี ฉันไปนอนคอนโดมาเฟียทุกวัน ใช้เวลาอยู่กับเขาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่กลับไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย เหมือนเรามีเรื่องให้คุย มีหนังให้ดูด้วยกันไปอีกนานแสนนาน “ไปกันเถอะ” “อืม” ฉันส่งยิ้มให้มาเฟียก่อนจะเปิดประตูออกไป วันนี้เป็นวันที่ฉันจะได้เจอเพื่อนมาเฟียในฐานะแฟนของเขา บอกตรง ๆ ว่าตื่นเต้นไม่น้อย โดยเฉพาะต้องไปเจอใครคนนั้น... แม้ว่าตอนนี้ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาจะน้อยลงจนแทบไม่เหลือแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้เจอ มันก็ยังมีตะกอนของความรู้สึกลอยฟุ้งอยู่ แต่ฉันมั่นใจว่ามันจะหายไปเร็ว ๆ นี้ เพราะหัวใจของฉันกำลังถูกมาเฟียยึดครอง มาเฟียดีกับฉันมาก เขารักและให้เกียรติฉันตลอดเวลา มันไม่ยากเลยที่ฉันจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ แม้วันนี้จะยังไม่กล้าพูดออกไปให้เขาได้รู้ แต่ซักวัน...ฉันจะบอกเขาเป็นคนแรก ฉันจะบอกว่าฉันเองก็รัก...และไม่เคยนึกเสียใจเลยที่คบกับเขา มาเฟียเดินเ
Mafia Part . ผมมองคนที่เมาจนหลับและเอนมาซบไหลอย่างเอ็นดู นับดาวไม่ได้คอแข็งมาก แต่เป็นคนที่เมาแล้วหลับ เลยค่อนข้างดูแลได้ง่าย “กลับก่อนก็ได้นะ” เนตั้นว่าพลางพยักพเยิดมาที่นับดาวที่หลับไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เป็นเวลาแค่เที่ยงคืนกว่าเท่านั้น ปกติถ้าพวกเรานัดออกมาเจอกันยังไงก็ไม่ต่ำกว่าร้านปิด และถ้ายังติดลมก็อาจจะมีไปต่อร้านอื่นหรือที่คอนโดใครซักคน น้อยครั้งที่จะมีคนลุกออกไปก่อน ผมเลยไม่กล้าขอตัวกลับก่อนเพราะเกรงใจเพื่อน ๆ ที่ยังนั่งกันอยู่ครบ “แต่ว่า...” “นับดาวคงอยากนอนสบาย ๆ นะเฟีย กลับก่อนเถอะ” “ไม่ต้องคิดมาก ไว้นัดกันใหม่” ผมมองหน้าเพื่อนทุกคนที่ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไร ซ้ำยังยุยงให้กลับคอนโดก่อนเสียด้วยซ้ำอย่างขอบคุณ เหมือนเคยได้ยินมาว่า ในเรื่องที่ย่ำแย่หมื่นเรื่อง มักจะมีเรื่องดี ๆ ซ่อนไว้เสมอ ซึ่งเพื่อนผมคือเรื่องดี ๆ อีกเรื่องที่เกิดในชีวิตเฮงซวยของผม แม้จะทะเลาะกันบ่อย ๆ แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของเราก็ยังยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ “อืม ไว้ชดเชยให้วันหลังนะ” “ขับรถดี ๆ” “ขอบใจ” ผมยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะหันมาปลุกนับดาว “นับดาว ตื่นก่อนนะ เดี๋ยวไปนอนต่อบนรถ” “อืม” นับดาวงัวเงีย แ
Mafia Part . “เฟีย ฟังฉันก่อน!” “เธอใช้ฉันเป็นสะพานเพื่อก้าวไปหาเพื่อนฉัน เธอยอมเป็นคู่กัดกับฉันเพียงเพราะจะได้เจอหน้าไอ้คริส เธอยอมนอนกับฉันเพราะจะได้ใกล้ชิดกับไอ้คริสมากกว่าเดิม ฉันพูดถูกหรือเปล่า” ผมถามเธอเสียงเรียบ ไม่มีการขึ้นเสียง ไม่มีการใส่อารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น “มันไม่ใช่แบบนั้นนะ!” “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันแบบไหนเหรอนับดาว เธอจะบอกว่ามันไม่จริงงั้นสิ ถ้าไม่จริงแล้วรูปที่แขวนอยู่ในห้องเธอนั่นมันอะไร ไหนจะรูปมากมายของเพื่อนฉันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามที่เธอเก็บไว้อีก แค่นี้มันก็ชัดเจนพอแล้ว” “เฟีย ได้โปรด ฟังฉันซักครั้งได้ไหม” นับดาวร้องไห้ออกมา ร่างบางขยับมากอดผมไว้แน่น ผมไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้กอดกลับ น้ำตาของผมเอ่อคลอ ทำไมมันเจ็บขนาดนี้ “ฉันยอมรับว่าเคยรักคริสมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คนที่ฉันรักคือนายนะมาเฟีย” คำว่ารักที่ผมรอฟังมานานทำให้วูบหนึ่งของหัวใจรู้สึกยินดี ก่อนที่ผมจะยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเอง ถึงแม้นับดาวจะทำให้เจ็บปวดขนาดไหน ผมก็ยังยินดีกับคำพูดจอมปลอมของเธออยู่ดี ผมนี่มันโง่ โง่จริง ๆ “เหรอ” “เฟีย” นับดาวผละออกและจ้องมองผมทั้งน้ำตา “ฉันพูดจริง ๆ ฉันรักนายจริง ๆ
Mafia Part . ผมเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง หลังจากสอบถามจากพยาบาลจนรู้แน่ชัดแล้วว่าคุณย่าท่านถูกส่งตัวไปที่ไหน “พี่เฟีย!” “พรีม ย่าพี่เป็นยังไงบ้าง” “หมอยังไม่ออกมาเลยค่ะ” พริมาตาตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล ผมมองไปรอบกายที่ไร้เงาของพ่อแม่ด้วยความสงสัย “มันเกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อกับแม่ไปไหน” “คุณพ่อกับคุณแม่พี่เฟียท่านหย่ากันแล้วค่ะ คุณแม่พี่ไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว ส่วนคุณพ่อพรีมโทรตามแล้ว ท่านอยู่ต่างจังหวัด กำลังรีบเดินทางกลับมา” ผมอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบนั้น แม้จะรู้อยู่แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงก็อดใจหายไม่ได้ “นี่พี่เฟียไม่รู้เรื่องนี้หรอคะ” “ไม่...แล้วมันเกิดอะไรขึ้น” “เมื่อเช้าพรีมไปเยี่ยมคุณย่าท่านที่บ้าน ท่านดูซูบผอมปล่อยตัวโทรมไม่ดูแลตัวเองเหมือนเคย นั่งคุยกันซักพักแล้วจู่ ๆ ท่านก็ล้มลง พรีมเลยรีบส่งตัวมาโรงพยาบาลค่ะ” “ขอบใจนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ผมเลิกสนใจพริมาตา และจ้องมองประตูห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจ คุณย่าท่านร่างกายแข็งแรงมาตลอด จู่ ๆ ล้มกะทันหันแบบนี้เลยทำให้กังวลไม่ได้ ผัวะ! ประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดออกพร้อมหมอและพยาบาลที
Napdao Part . วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันมาเยี่ยมคุณย่าของมาเฟีย ท่านร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังต้องฝึกเดินให้มาก ๆ เพื่อจะกลับมาเดินได้แข็งแรงตามปกติ ซึ่งการกายภาพต่าง ๆ จะมีนักกายภาพโดยเฉพาะมาดูแล แต่ถ้าวันไหนฉันมาเยี่ยมตอนที่ท่านกำลังทำกายภาพพอดี ฉันก็จะแย่งหน้าที่นั้นมาเป็นของตัวเอง แล้วก็จะโดนคุณย่าของมาเฟียบ่นจนหูชา วันนี้ก็เช่นกัน... “จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” “หนูแค่อยากดูแลคุณย่านี่คะ หนูทำเป็น ถามคุณนักกายภาพก็ได้ค่ะว่าหนูทำถูกหรือเปล่า” ฉันหันไปหานักกายภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันทำถูกใช่ไหมคะคุณหมิว” “ถูกแล้วค่ะคุณนับดาว” “เห็นไหมล่ะคะ” “ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ” ท่านดุไม่จริงจังนัก แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ฉันบอกแต่โดยดี ช่วงเวลาของกายภาพจบลงไปท่ามกลางเสียงเถียงกันของฉันกับคุณย่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้คนในบ้านยิ้มออกมา ฉันจะถือว่ามันเป็นเรื่องราวดี ๆ ก็แล้วกัน... “โทรมาไม่รับ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้ฉันหันกลับไปมอง มาเฟียที่อยู่ในชุดนักศึกษาไม่ได้สุภาพมากนักยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาหา และเอ่ยทักคุณย่าที่นั่งพักอยู่ “สวัสดีครับคุณย่า วันนี้เป็นอย่างไ
Napdao Part . สวนของโรงพยาบาลคือที่ ๆ หญิงสาวคนนั้นเดินนำลงมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นว่ามันคือที่สาธารณะ ฉันอาจจะดูหนังมากไปหน่อย แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงนิสัยไม่ดีที่กำลังแย่งคู่หมั้นของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าเธออยากเอาคืนก็ไม่แปลก “คุณนับดาว” “คะ" “คุณคบกับพี่มาเฟียมานานหรือยังคะ” ใบหน้าสวยหวานจ้องมองมาที่ฉันอย่างนิ่งเรียบ สายตาคู่นั้นมันราบเรียบจนฉันเดาไม่ถูกว่าเธอมาดีหรือมาร้าย หรือกำลังต้องการอะไรกันแน่ “ถามทำไมคะ” ฉันเองก็มองหน้าอีกฝ่ายไม่ละสายตาเช่นกัน พยายามเก็บซ่อนความกังวลไว้ข้างในเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ “ฉันถามไม่ได้หรือคะ” เธอเอียงหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัย “ในฐานะ...คู่หมั้นของแฟนคุณ” คำว่าคู่หมั้นที่เธอใช้ตอกหน้าทำให้ฉันหน้าชา ใช่สิ ฉันลืมไปได้ยังไงว่าอีกฝ่ายคือคู่หมั้น คือคนที่มาก่อนหน้าฉันตั้งหลายปี “รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง คบกันได้เดือนเดียวค่ะ” ฉันตั้งใจเล่าข้ามเรื่อง Friend With Benefit ไป มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงให้ตัวเองเสียหายนี่ “ฉันถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นพี่มาเฟียตั้งแต่อา
Napdao Part . เราใช้เวลาหลังจากเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยกันโดยที่ไม่มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง เรานอนกอดกัน และพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องที่ต่างคนต่างพบเจอระหว่างที่แยกห่าง และนั่นทำให้ฉันรู้ว่าคุณย่าของมาเฟียเข้าโรงพยาบาลในวันเดียวกับที่เราทะเลาะกัน “ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” “เส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัด” “...” ฉันได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความกังวล ฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่เขาทุกข์ที่สุด แถมยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มาเฟียเครียดด้วยซ้ำ “ทำหน้าแบบนั้นทำไม มันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ย่าฉันดีขึ้นมากแล้ว" มาเฟียกดนิ้วโป้งลงบนหัวคิ้วของฉันเพื่อให้มันคลายออก "วันนี้ท่านฟื้นขึ้นมา และหมอก็บอกว่าท่านจะกลับมาเป็นปกติ แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักระยะในการฟื้นตัว” “ฉันเสียใจ...ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย” “ไม่เป็นหรอก มันผ่านมาแล้ว” มาเฟียรั้งคอฉันเข้าไปหา ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของฉันหลายครั้ง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมท่านไหม ฉันอยากแนะนำเธอให้ท่านรู้จัก” “จะดีเหรอ ท่านอาจจะไม่ชอบฉัน ไหนจะคู่หมั้นนายอีก” “ถ้าเราอยากคบกัน เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้” มาเฟียมองฉันด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะจับมือฉันไว้ “
Mafia Part . “นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เท้าก้าวที่เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างมั่นคงน่าจะเป็นคำตอบที่ดังและชัดเจนที่สุดแล้ว นับดาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอจนใจผมปวดไปหมด ไม่อยากเห็นน้ำตานั้น ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้อีกต่อไปแล้ว “ฮึก” นับดาวปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเมื่อผมแตะลงบนแก้มนวล น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาทันที ก่อนที่หยดสอง สาม สี่ ห้า จะไหลตามกันลงมาเหมือนถูกเก็บไว้เนิ่นนาน และถูกระบายออกมาในวันนี้ “ไม่ร้อง” “ฮึก”เมื่อได้ยินแบบนั้นนับดาวก็เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่น้ำตาสีใสก็ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมดึงร่างบางเข้ามากอดเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นน้ำตาของเธออีกต่อไป นับดาวรีบกอดผมกลับจนแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป เราทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่แบบนั้นท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน และเหมือนว่าสายลมนั้นกำลังหอบเอาทิฐิในใจผมไปด้วย เพราะตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงและพร้อมจะกลับไปหาเจ้าของตัวจริงเต็มทน “ไหน” ผมดันร่างบางออก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกุมแก้มเธอไว้ และส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ “แต่งหน้ามาซะสวย แต่ดันร้องไห้เป็นเด็ก ๆ” “ฉันคิดถึงนาย” “ฉันก็คิดถึงเธอ” ไม่ม
Mafia Part . สองอาทิตย์หลังจากวันที่ผ่าตัด ผมได้รับข่าวดีจากคุณหมอในเช้าวันหนึ่งว่าคุณย่ารู้สึกตัวแล้ว และได้รับข่าวดีที่สองเมื่อหมอตรวจจนละเอียดแล้วพบว่าสภาพร่างกายของคุณย่าฟื้นตัวดี ไม่เสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างที่กลัว แต่เพราะท่านนอนไปนานจึงทำให้ร่างกายอ่อนแรง และต้องทำกายภาพจนกว่าจะหายดีและกลับมาเดินได้ปกติ อาจจะใช้เวลายาวนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งแค่นั้นมันก็เป็นข่าวดีมากสำหรับผมแล้ว เราทั้งสองคนยังไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่าถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ผมไม่รู้จะเริ่มคุยกับท่านอย่างไร บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดจนแม้แต่พยาบาลที่เข้ามาเช็กอาการยังสัมผัสได้ ผมได้แต่นั่งมองท่านที่เหม่อมองไปนอกระเบียงเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก๊อก ก๊อก “สวัสดีครับคุณย่า” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหันกลับไปมอง ไอ้คริสยืนยิ้มกว้างและถือของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือ “ไหว้พระเถอะ” ย่าเอ่ยด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย “ไปไงมาไงล่ะเรา” “ผมมาเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ ครับ วันนี้ก็มาปกติ แต่ไม่คิดว่าจะโชคดีได้เห็นว่าคุณย่าฟื้นแล้ว” คริสเดินเข้ามาใกล้เตียงก่อนจะพูดกับท่านด้วยรอยยิ้ม ย่
Napdao Part . “คิดอะไรอยู่” “แม่...มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลยค่ะ หนูตกใจ” “หนูตกใจเพราะมัวแต่เหม่อมากกว่าม้าง เพราะว่าแม่เดินมาเสียงออกดังนะ” หญิงวัยกลางคนว่าพร้อมรอยยิ้มใจดี ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้าตัวเดียวกับฉัน มือที่อบอุ่นเสมอลูบผมฉันเบา ๆ “เป็นอะไร กลับมาบ้านหลายวันแล้ว แม่เห็นเราออกมานั่งดูดาวอยู่แบบนี้ทุกวันเลย” “แค่อยากลองมานั่งตรงที่ ๆ อยู่ในฝันของแม่ก่อนตั้งท้องหนูค่ะ” ฉันตอบแม่ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้า ชิงช้าตัวนี้เป็นตัวที่แม่เล่าให้ฟังว่าท่านฝันเห็นเด็กผู้หญิงผิวกายขาวกระจ่างคนหนึ่งมานั่งนับดาวกับท่านตรงนี้ หลังจากฝันนั้นไม่นานแม่ก็ตั้งท้อง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนับดาวที่แม่ตั้งให้ฉัน อันที่จริงชิงช้าตัวนี้ไม่ได้มีมาก่อนหน้าที่แม่ฝัน แต่พอแม่ตั้งท้องพ่อก็จัดการทำชิงช้านี้ขึ้นมา เพื่อเป็นของขวัญให้เด็กในฝันที่แม่มั่นใจว่าต้องมาเกิดเป็นลูกตัวเอง พ่อกับแม่แต่งงานกันหลายปีแต่ไม่มีลูกและรอคอยมาตลอด เพราะฉะนั้นท่านจึงดีใจมากที่รู้ว่าตั้งท้อง “เมื่อก่อนหนูตกชิงช้าตัวนี้ด้วยนะ” “จริงหรือคะ ไม่เห็นจำได้เลย” “จริงสิ แต่ก่อนนับดาวของแม่ซนมาก อยู่นิ่งไม่ได้เลย ต
Mafia Part . “เป็นอะไร ไม่ดีใจหรือไงที่เราจะแต่งงานกัน” ผมถามเมื่อเห็นสีหน้าพริมาตาดูแปลกไป ไม่ใช่เธอหรือไงที่อยากจะแต่งงานกับผม พอผมเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเธอกลับเป็นฝ่ายอึกอักเสียอย่างนั้น “ดะ ดีใจสิคะ พรีมอยากแต่งงานกับพี่” “อืม เอามือถือพี่มาได้แล้ว” “นี่ค่ะ” ผมรับมือถือจากพริมาตา ก่อนจะเช็กดูว่าเบอร์แปลกที่ว่าคือเบอร์ไหนเผื่อว่าจะรู้จัก แต่แล้วเบอร์ที่คุ้นตาก็ทำให้ผมตกใจ นี่มันเบอร์ของนับดาว ถึงผมจะลบเบอร์ทิ้งไปแล้วแต่ก็ยังจำได้ครบทุกตัว ความทรงจำในสมองมันยากที่จะลบออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าผมเป็นเหมือนมือถือเครื่องนี้ก็คงจะตี ไม่อยากจำอะไรก็แค่ลบออกไป ใช้เวลาแค่ไม่นานทุกอย่างก็หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน “มีอะไรหรือเปล่าคะ” พริมาตาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมจ้องมือถือตาค้าง ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แบบนี้ก็แปลว่าเมื่อกี้นับดาวได้ยินที่ผมพูดกับพรีมน่ะสิ วูบหนึ่งผมรู้สึกใจหาย เหมือนตัวเองกำลังทรยศนับดาว แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าสถานะของเราสิ้นสุดลงไปแล้ว ผมก็ได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่ผิด ผมไม่ได้ทรยศใคร เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ผมจะหมั้นหรือแต่งงานกับใครก็ได้ “เปล่า” ผมปฏิเสธออก
Mafia Part . ผมเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง หลังจากสอบถามจากพยาบาลจนรู้แน่ชัดแล้วว่าคุณย่าท่านถูกส่งตัวไปที่ไหน “พี่เฟีย!” “พรีม ย่าพี่เป็นยังไงบ้าง” “หมอยังไม่ออกมาเลยค่ะ” พริมาตาตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล ผมมองไปรอบกายที่ไร้เงาของพ่อแม่ด้วยความสงสัย “มันเกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อกับแม่ไปไหน” “คุณพ่อกับคุณแม่พี่เฟียท่านหย่ากันแล้วค่ะ คุณแม่พี่ไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว ส่วนคุณพ่อพรีมโทรตามแล้ว ท่านอยู่ต่างจังหวัด กำลังรีบเดินทางกลับมา” ผมอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบนั้น แม้จะรู้อยู่แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงก็อดใจหายไม่ได้ “นี่พี่เฟียไม่รู้เรื่องนี้หรอคะ” “ไม่...แล้วมันเกิดอะไรขึ้น” “เมื่อเช้าพรีมไปเยี่ยมคุณย่าท่านที่บ้าน ท่านดูซูบผอมปล่อยตัวโทรมไม่ดูแลตัวเองเหมือนเคย นั่งคุยกันซักพักแล้วจู่ ๆ ท่านก็ล้มลง พรีมเลยรีบส่งตัวมาโรงพยาบาลค่ะ” “ขอบใจนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ผมเลิกสนใจพริมาตา และจ้องมองประตูห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจ คุณย่าท่านร่างกายแข็งแรงมาตลอด จู่ ๆ ล้มกะทันหันแบบนี้เลยทำให้กังวลไม่ได้ ผัวะ! ประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดออกพร้อมหมอและพยาบาลที
Mafia Part . “เฟีย ฟังฉันก่อน!” “เธอใช้ฉันเป็นสะพานเพื่อก้าวไปหาเพื่อนฉัน เธอยอมเป็นคู่กัดกับฉันเพียงเพราะจะได้เจอหน้าไอ้คริส เธอยอมนอนกับฉันเพราะจะได้ใกล้ชิดกับไอ้คริสมากกว่าเดิม ฉันพูดถูกหรือเปล่า” ผมถามเธอเสียงเรียบ ไม่มีการขึ้นเสียง ไม่มีการใส่อารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น “มันไม่ใช่แบบนั้นนะ!” “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันแบบไหนเหรอนับดาว เธอจะบอกว่ามันไม่จริงงั้นสิ ถ้าไม่จริงแล้วรูปที่แขวนอยู่ในห้องเธอนั่นมันอะไร ไหนจะรูปมากมายของเพื่อนฉันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามที่เธอเก็บไว้อีก แค่นี้มันก็ชัดเจนพอแล้ว” “เฟีย ได้โปรด ฟังฉันซักครั้งได้ไหม” นับดาวร้องไห้ออกมา ร่างบางขยับมากอดผมไว้แน่น ผมไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้กอดกลับ น้ำตาของผมเอ่อคลอ ทำไมมันเจ็บขนาดนี้ “ฉันยอมรับว่าเคยรักคริสมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คนที่ฉันรักคือนายนะมาเฟีย” คำว่ารักที่ผมรอฟังมานานทำให้วูบหนึ่งของหัวใจรู้สึกยินดี ก่อนที่ผมจะยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเอง ถึงแม้นับดาวจะทำให้เจ็บปวดขนาดไหน ผมก็ยังยินดีกับคำพูดจอมปลอมของเธออยู่ดี ผมนี่มันโง่ โง่จริง ๆ “เหรอ” “เฟีย” นับดาวผละออกและจ้องมองผมทั้งน้ำตา “ฉันพูดจริง ๆ ฉันรักนายจริง ๆ