เรือนร่างของเด็กสาววัยสิบแปดมันทำให้หัวใจเต้นโครมครามรวมไปถึงเลือดในตัวที่สูบฉีดจนรู้สึกร้อนไปหมด หน้าอกหน้าใจที่เต่งตึง ชูชัน สัดส่วนสาวรุ่นช่างน่าหลงใหล ไหนจะผิวขาวนวลเนียนนี่อีก แต่พอหวนคิดว่าเธอเพิ่งอายุแค่นี้และเป็นน้องสาวของเขาแม้จะคนละพ่อแม่ก็เถอะ อชิก็ได้แต่ส่ายหน้าให้“ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับห้องของเธอไปซะป่าน”“ไม่ค่ะ ป่านไม่กลับ” เอ่ยจบสายป่านก็พุ่งเข้าไปกอดอชิไว้แน่น จงใจใช้หน้าอกสาวรุ่นของเธอเสียดสีกับแผงอกแกร่งของชายหนุ่ม อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอรุกขนาดนี้แล้วเขาจะยังทนได้อีกไหม อาจเพราะก่อนหน้านี้เธอเข้าหาเขาแบบเสื้อผ้าบนตัวครบทุกชิ้น เหตุการณ์ที่หวังมันก็เลยไม่เกิดก็เป็นได้“ปล่อย” ขณะเอ่ยบอกก็พยายามผลักร่างเปลือยเปล่าของสายป่านให้ออกห่างไปด้วย นั่นเพราะเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไร “ป่านรักคุณอชินะคะ รักมาก” สายป่านบอกรักชายหนุ่มออกไป นั่นเพราะเธอหลงรักอชิมากจริงๆ รักตั้งแต่แรกพบก็ว่าได้ ถึงแม้เวลานี้จะอายแสนอายจนตัวนั้นเห่อแดงไปหมดแต่มาถึงขั้นนี้แล้วสายป่านก็ต้องไปต่อ “เพ้อเจ้อ ปล่อยฉันได้แล้วสายป่าน”“ป่านยอมเป็นของคุณอชิ นะคะแค่คืนนี้คืนเดียว หลังจากนี้ป่า
“นังลูกโง่ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้” สายปอใช้นิ้วชี้ดีดหน้าผากลูกสาวที่เวลานี้นั่งอยู่ปลายเตียงนอนเสียเต็มแรง นั่นทำให้สายป่านยิ่งกดดันและเสียใจที่ไม่สามารถทำตามที่แม่บอกได้เมื่อคืนเธอหวังเต็มเปี่ยมว่าตื่นมาเช้านี้จะได้ข่าวดีว่าลูกสาวคนเดียวทำงานได้สำเร็จ แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด “ก็คุณอชิเขาไม่ได้รักหนู”“แกมันโง่เองต่างหาก ไปยืนแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายแบบนั้นแล้วแท้ๆ แต่กลับทำให้เขามีอะไรด้วยไม่ได้ เสียแรงที่ฉันบอก” นั่นเพราะสายปอเคยทำแบบนี้มาก่อน และมันก็สำเร็จเสียทุกครั้งไป“แม่”“แล้วแบบนี้จะทำยังไง อีกไม่กี่วันคุณอชิก็จะแต่งงานแล้ว”“ก็ไม่ทำไง” สายป่านตอบอ้อมๆ แอ้มๆ บางครั้งเธอก็ใสซื่อแต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้เพียงเพราะผู้เป็นแม่สอนสั่งก็เท่านั้น“ตอบโง่ๆ”“แม่นั่นแหละอยากทำอะไร ทุกวันนี้เงินที่คุณลุงให้ใช้ก็มากพอแล้ว แม่ยังอยากจะได้…” คุณลุงที่สายป่านเอ่ยคือสามีใหม่ของแม่ คือพ่อของอชินั่นเอง ชีวิตตอนนี้ของเธอ แม่แล้วก็พี่ชายนั้นสุขสบายกว่าแต่ก่อนมากมายนัก แม่ไม่ต้องตื่นแต่เช้าออกไปขายของ พี่ชายก็มีเงินมีรถให้ใช้ไม่ขาดมือ ส่วนเธอก็ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ที่ค่าเทอ
“ไม่มีค่ะ พวกเพื่อนๆ น่ารัก ให้ใส่อะไรก็ยอมใส่หมด” นั่นเพราะฝ่ายนั้นกำหนดธีมเพื่อนบ่าวสาวมาให้เช่นเดียวกัน สั่งซื้อผ้า ส่งแบบชุดและร้านที่จะให้ไปตัดมาพร้อมสรรพ ขนาดไปแต่งงานไกลถึงเขาใหญ่ก็ยังคงใจป้ำด้วยการส่งรถมารับบรรดาเพื่อนเจ้าสาวของเธอถึงกรุงเทพฯ “ดีแล้วจ้ะ สองวันนี้ไหมก็อยู่บ้าน ขัดเนื้อขัดตัว เตรียมเป็นเจ้าสาวนะลูก”“ค่ะ”“งั้นแม่ไปก่อนนะ”“ค่ะแม่” เพลงขวัญเอ่ยรับ ก่อนจะออกไปส่งแม่ที่หน้าประตูห้อง แม้จะรับปากว่าจะขัดเนื้อขัดตัวเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าสาวแต่เอาเข้าจริงๆ เพลงขวัญแทบไม่ได้ทำอะไรกับร่างกายของตัวเองมากไปกว่าที่ทำอยู่ ออกจะเหนื่อยๆ บอกไม่ถูกด้วยซ้ำไป คิดไปคิดมาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากว่าที่เจ้าสาวอีกหลายครั้ง ก่อนจะหยุดคิดแล้วคว้ากระเป๋าที่ซ่อนไว้ใต้เตียงเมื่อครู่นี้ออกมาตรวจเช็กความเรียบร้อย แค่เห็นของในกระเป๋าเธอก็ยิ้ม ในเมื่อพ่อกับแม่อยากให้เธอแต่งงานกับใครไม่รู้เธอก็จะแต่ง จะทำหน้าที่ลูกที่ดีที่ควรทำ แต่หลังจากแต่งงานแล้ว มันคือสิทธิ์ของเธอในการที่จะอยู่หรือว่าไป! นับถอยหลังก่อนวันแต่งงาน ครอบครัวของเพลงขวัญเดินทางมายังเขาใหญ่ เพื่อเตรียมตัวสำหรับง
“เอาน่ะ ช่างแต่งหน้าเขาต้องโบกเครื่องสำอางกลบความโทรมของหนังหน้าเราได้สิ”“ก็จริง แต่ยังไงก็นอนเอาแรงไว้ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ เพราะพรุ่งนี้…” ยังไม่ทันที่นรากรจะได้เอ่ยจบประโยคว่าพรุ่งนี้เพลงขวัญต้องรับแขกจนเหนื่อยมากแน่ๆ ว่าที่เจ้าสาวก็เอ่ยแทรกขึ้น “เราไหว ไปเดินเล่นกัน”“ไปก็ไป” นรากรพาตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่มๆ อย่างยากลำบาก ก่อนจะส่ายหน้าไล่ความง่วงแล้วเดินตามเพลงขวัญออกไปจากห้องพักที่เตรียมไว้ให้สำหรับเจ้าสาวของวันพรุ่งนี้เพราะความที่เวลานี้ดึกมากแล้ว พนักงานภายในรีสอร์ตก็น้อยตามไปด้วย พนักงานตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นกะกลางคืนที่ไม่เคยเห็นหน้าเพลงขวัญมาก่อน ทำให้ไม่มีใครทันสังเกตว่าผู้หญิงหนึ่งในสองคนที่เดินผ่านหน้าล็อบบี้ไปนั้นคือว่าที่นายหญิงของที่นี่“ดึกแล้วแถวนี้ก็มืดมากด้วย เรากลับกันดีกว่านะไหม” นรากรเกี่ยวแขนเพลงขวัญไว้แน่น มองซ้ายมองขวาหน้าตาเลิ่กลั่กตอนกลางวันรีสอร์ตก็สวยดีอยู่หรอก แต่ทำไมตกกลางคืนแล้วถึงได้ดูวังเวงชอบกล อีกอย่างเธอรู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรมองอยู่ในมุมมืดสักแห่ง คิดแล้วก็ขนลุก “ขอเดินสำรวจอีกหน่อย”“สำรวจอะไร”“ก็…” คนถูกถามอึกๆ อักๆ ก่อนจะหาทางเอาตัวรอดให้ตั
กระทั่งถึงเวลาแต่งหน้าทำผม เพลงขวัญก็นั่งนิ่งให้ช่างแต่งหน้าเนรมิตความสวยงามให้สมกับเจ้าสาวอย่างไม่อิดออด เพราะอิดออดไปยังไงเธอก็หนีงานแต่งงานนี้ไม่พ้นอยู่ดี กระทั่งแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จและคนแรกที่ได้เห็นเพลงขวัญในลุคชุดไทยสีโอลด์โรสขับผิวขาวๆ ให้ยิ่งดูผ่องก็ถึงกับตาโต“สวย…แกสวย”“งั้นๆ” คนถูกชมแทนที่จะดีใจแต่กลับเฉยซะงั้น นั่นเพราะเวลานี้เธอไม่ได้มีอารมณ์ร่วมอะไรเลยทั้งนั้น ทำตามหน้าที่ลูกแค่ให้จบงานนี้ก็น่าจะพอแล้ว “อ้าว! นี่ชมสวย เจ้าตัวบอกงั้นๆ”“ก็งั้นๆ จริงนี่”“ดูพูดเข้า เดี๋ยวพี่ช่างแต่งหน้าก็ใจเสียกันพอดี มาๆ ขอถ่ายรูปคู่เจ้าสาวคนสวยหน่อยสิ” เอ่ยจบนรากรที่เวลานี้แต่งตัวด้วยชุดไทยห่มสไบสีเขียวอ่อนแบบเรียบๆ ทรงผมง่ายๆ แต่งหน้าเบาๆ ตามสไตล์ของตัวเองแต่ก็สวยไปอีกแบบ นั่นเพราะเธอรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปคู่เพลงขวัญไว้ทันทีก่อนที่ทั้งคู่จะแยกจากกันเพราะได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดออก และคนที่เดินเข้ามาคือจิตรามารดาของเพลงขวัญนั่นเอง“สวยจริงลูกแม่” จิตราเอ่ยชมบุตรสาวนั่นเพราะวันนี้เพลงขวัญสวยมากจริงๆ “แม่ก็สวยค่ะ” คนฟังยิ้มรับต่อคำชมที่ได้ยิน “พร้อมห
ส่วนอชินั้นก็กำลังตกตะลึงกับความสวยของเพลงขวัญเช่นกัน ยอมรับว่าเธอสวยเมื่ออยู่ในชุดไทยแบบนี้ สวยกว่าที่เขาคิดไว้มาก แต่ก็มีอีกความคิดแวบเข้ามาในหัวเขาเช่นเดียวกัน คือผู้หญิงสวยๆ แบบนี้ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนได้ยังไงถ้าไม่ใช่ผู้หญิงหัวอ่อนก็คงมีสาเหตุอื่น เช่นทำตัวเหลวแหลกจนครอบครัวจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ เพราะสมัยนี้ผู้หญิงสวยแต่รูปแต่จูบไม่หอมมีออกถมเถไป รับรองได้ว่าหลังงานแต่งงานครั้งนี้จบลง ต่างคนต่างอยู่แน่นอน อชิอยากตกลงอะไรบางอย่างกับเพลงขวัญให้เข้าใจ แต่เขาแทบไม่มีจังหวะได้คุยอะไรกับเธอเลย นั่นเพราะภายในห้องตอนนี้เขากับเธอไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ไว้ค่อยหาจังหวะคุยทีหลัง “ดอกไม้ คุณต้องถือไว้แล้วเราจะเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน” เอ่ยจบอชิก็ยื่นช่อดอกไม้ให้เพลงขวัญไปถือไว้ “ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับ ก่อนที่นายพิธีจะเดินเข้ามาบอกให้ทั้งคู่ออกไปข้างนอกได้แล้ว ซึ่งทันทีที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวปรากฏตัว เสียงปรบมือเสียงโห่ร้องก็ดังก้องขึ้นเพื่อต้อนรับ แม้แขกจะพากันแปลกใจว่าทำไมภายในงานแต่งงานถึงไม่มีรูปถ่ายของบ่าวสาวเลยก็ตามที พิธีการเริ่มต้นขึ้นทันที เริ่มต
“นี่มันบ้าอะไรกัน” คนที่แอบฟังอยู่อุทานออกมา เพราะบทสนทนาที่ได้ยินก็ทำให้อชิตาสว่างขึ้นมาได้มาก เขาเปลี่ยนใจไม่พูดคุยเพื่อตกลงอะไรกับเพลงขวัญทั้งนั้น เพราะพูดไปก็คงไม่มีประโยชน์ สู้ทำตามแผนแรกที่เขาวางไว้ในหัวน่าจะดีที่สุด ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับออกไปจากห้องของเพลงขวัญอย่างเงียบเชียบ “โอเค ตามนี้ล่ะ” ประโยคนี้อชิไม่มีโอกาสได้ยิน นั่นทำให้เขายังคงเข้าใจเพลงขวัญผิด “แกให้ฉันพูดอะไรเนี่ย ฉันก็บ้าพูดตามซะงั้น”“บทโฆษณาตัวใหม่ พอดีลูกค้าเขาขอมา”“มาของานตอนนี้เนี่ยเหรอ จะบ้าหรือไง”“งานด่วน” เพลงขวัญพยักหน้าให้ ส่วนนรากรได้แต่มองบนให้งานของเพื่อน งานเซลล์ก็ทำงานออแกไนซ์ก็รับ งานทุกอย่างทำหมด แต่บางทีก็ชวนสงสัยว่าเพลงขวัญทำงานอะไรกันแน่ ทำไมบางครั้งถึงดูมีลับลมคมในงานฉลองมงคลสมรสของอชิและเพลงขวัญเริ่มขึ้นเวลาหนึ่งทุ่มตรงของวันเดียวกัน ทว่าแขกเหรื่อนั้นต่างทยอยเดินทางมาร่วมงานตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว หลังจากเปลี่ยนชุดมาเป็นชุดแต่งงานสวยหล่อกันทั้งคู่บ่าวสาวของงานก็ออกมาต้อนรับแขกที่บริเวณหน้างานทันที ภายในงานซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ยิ่งเปิดไฟเพิ่มแสงระยิบระยับยามค่ำคืนแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่ง
ในขณะที่อีกคนที่อยู่ในห้องน้ำก็เตรียมตัวที่จะหนีเช่นเดียวกัน ขืนชักช้าไปกว่านี้ก็จะไม่ทันการณ์เอาได้ นั่นทำให้เจ้าสาวคนสวยรีบคว้ากระเป๋าเป้ที่ซ่อนไว้ใต้เคาน์เตอร์ห้องน้ำออกมา สิ่งแรกที่เธอทำคือเปลี่ยนชุด ด้วยการหยิบเสื้อคลุมสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าเป้ จากนั้นก็จัดการถอดกระโปรงชุดแต่งงานฟูฟ่องแสนสวยออกแล้วยัดมันใส่กระเป๋าเป้แทนที่เสื้อคลุมสีดำกับกางเกงเพราะถ้าทิ้งมันไว้ก็กลัวจะมีคนสงสัย เพลงขวัญรีบสวมกางเกงตามด้วยเสื้อคลุมสีดำทับเสื้อเกาะอกลูกไม้สีขาว ที่คงไม่ค่อยสะดวกนักหากจะใส่เกาะอกแค่ตัวเดียวแบบนี้ จากนั้นก็คว้ารองเท้าผ้าใบพร้อมลุยอย่างดี ที่หาซื้อมากับนรากรซึ่งเธอซ่อนไว้หลังชักโครกออกมาใส่เช่นกัน เวลานี้เพลงขวัญต้องทำตัวเองให้คล่องตัวเข้าไว้ ตรวจเช็กของในกระเป๋าซ้ำอีกครั้ง เพราะในนั้นมีเงินสดและเอกสารส่วนตัวแม้อยากจะเอาของติดตัวไปมากกว่าของในกระเป๋าเป้ใบเล็กตรงหน้า แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดเมื่อทุกอย่างพร้อมเธอก็คว้าสายเป้ขึ้นคล้องกับลำตัวไว้ เปิดหน้าต่างห้องน้ำออกให้กว้างที่สุด แล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ มองลงไปข้างล่างด้วยสายตาอันมุ่งมั่น “สูงเอาเรื่องอยู่เ
“ตุ่มเหรอ” อชิเลิกลั่กอยากได้กระจกมาส่องหน้าตัวเอง แต่ก็หาไม่ได้“จ้ะ...เต็มไปหมดเลย เมื่อคืนพี่ไม่ได้นอนในมุ้งเหรอจ๊ะ” ประโยคคำถามของกระแตดังขึ้น“สงสัยพี่นอนดิ้นมากไปหน่อย เลยเผลอเอาหน้าออกนอกมุ้ง ยุงมันเลยกัดเอา” ชายหนุ่มเอ่ยแก้ต่างให้ตัวเอง“ไม่ได้นะพี่ เพราะถ้าเกิดป่วยเป็นไข้ป่าขึ้นมา ตายเอาได้เชียวนะ ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับพี่เลย พี่จะมาตายจากไปได้ยังไง” คำพูดของกระแตทำเอาเพลงขวัญขำ ส่วนคนที่ถูกหมายปองอย่างอชิกลับขำไม่ค่อยจะออก“เพ้อเจ้ออะไรแต่เช้ากระแต” เจษฎาพรที่เดินมาทีหลังเอ็ดกระแตขึ้น สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจที่กระแตออกอาการปลื้มอชิมากกว่าเขา ทั้งๆ ที่เขานั้นตามจีบกระแตมาตั้งแต่เธอแตกเนื้อสาว นี่ยังดีที่อชิแต่งงานกับเพลงขวัญแล้ว เพราะถ้าโสดเขาจะฆ่าให้ตายกับมือ ไม่ปล่อยไว้เป็นหนามแทงหัวใจอยู่แน่“ใครเพ้อเจ้อ ฉันพูดเรื่องจริง” กระแตเชิดหน้าใส่เจษฎาพร ชายหนุ่มที่ป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านว่าจะเอาเธอทำเม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน คราวนี้ก็เกิดศึกแย่งที่นอนเล็กๆ เพราะเตียงมีเตียงเดียว ฟูกที่ใช้ปูก็มีอันเดียว แม้จะกว้างพอที่จะนอนกันสองคนได้สบายๆแต่เพลงขวัญอยากนอนคนเดียวมากกว่า เธอกอดอกมองหน้าอชิ รอดูว่าชายหนุ่มจะพูดอะไร“ผมนอนพื้นให้ก็ได้อ่ะ”“ดีมาก”“นี่คุณจะไม่ค้านอะไรหน่อยเหรอ”“ไม่” เพลงขวัญยิ้มกริ่มยังไงคืนนี้เธอต้องนอนบนเตียงและต้องนอนคนเดียวด้วย ก่อนจะหยิบผ้าขึ้นมาปัดฝุ่นบนฟูกที่ปูทับเตียงไม้ไผ่ ชุดแต่งงานตอนนี้ถูกโยนใส่ตู้ชนิดที่เพลงขวัญไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย ตามด้วยแหวนแต่งงานที่ถอดมันออกจากนิ้วแล้วโยนมันใส่กระเป๋าอย่างไม่ไยดีต่อราคาส่วนอชิเมื่อปูเสื่อเสร็จก็คว้ากระเป๋ามาทำเป็นหมอน จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนเช่นกัน แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างติดอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายก็รีบถอดมันออกแล้วซุกไว้ใต้ฟูก จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง แม้จะแปลกที่ แม้จะได้ยินเสียงยุงบินก่อกวนอยู่ข้างๆ หู กัดตามลำตัวบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็หลับแบบไม่รู้ตัวผิดกับเพลงขวั
“อยู่ตรงนี้นะคุณ ห้ามขยับไปไหน ห้ามขึ้นไปแอบดู ไม่งั้นตาย”“รู้แล้ว ต่อให้คุณไม่ห้ามผมก็ไม่ขึ้นไปหรอก เพราะมันไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าแอบดูสักนิด” ฟังแล้วคนจะไปอาบน้ำก็ชักโมโห นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องอาศัยกันและกันเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย เธอจะกระโดดถีบผู้ชายปากเสียให้ตกหน้าผาตายเสียตอนนี้เลยเพลงขวัญสะบัดหน้าใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะถือตะเกียงเจ้าพายุตรงไปยังห้องน้ำแบบโอเพ่นแอร์ พอมาถึงก็หันซ้ายหันขวามองหามุมวางตะเกียงในมือ จะวางไว้ใกล้มากไปก็กลัวจะไม่ดี ห่างไปก็กลัวจะมองไม่เห็น กระทั่งตัดสินใจวางไว้หลังก้อนหิน เธอขอแค่แสงสลัวๆ ส่องมาถึงก็พอจากนั้นก็ยืนรวบรวมความกล้าให้มากพออีกสักนิด เพราะตั้งแต่เป็นสาวมาก็ไม่เคยต้องแก้ผ้าอาบน้ำแบบนี้มาก่อน แม้ตอนเด็กๆ จะทำออกบ่อยก็เถอะ“เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าขา ลูกช้างไม่ได้มาเพื่อลบหลู่นะคะ ถ้าลูกช้างทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ลูกช้างขอขมาท่านไว้ก่อนนะเจ้าคะ” เพลงขวัญยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับเอ่ยขึ้น ก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าออกอย่างเร็ว จากนั้นก็จัดการรีบอ
“เป็นไงบ้างกระแต” ทันทีที่เห็นน้องสาวเดินกลับมา โตที่รออยู่แล้วก็เอ่ยถามขึ้น“หล่อ”“ใครหล่อ” คำถามของพี่ชายที่ตัวโตเหมือนยักษ์ดังขึ้น พร้อมสีหน้างงๆ กับท่าทางของน้องสาวที่ดูแปลกไป“พี่อชิไง คนอะไรหล้อหล่อ หล่อราวกับเทพบุตร”“ผู้ชายหน้าตาจืดๆ แบบนั้นเหรอหล่อ” โตส่ายหน้าให้ นั่นเพราะในสายตาตนเองอชิไม่ได้หล่อเหลาเลยสักนิด ออกจะดูสำอางด้วยซ้ำไป“อื้อ...แบบนั้นแหละ สเปคฉันเลย อยากได้มาเป็นผัว” คำพูดที่ได้ยินทำเอาโตส่ายหน้าให้“เลิกฟุ้งซ่าน เพราะอชิมันแต่งงานแล้วไม่เห็นเหรอ”“ฉันรอพี่เขาเป็นพ่อหม้ายได้” กระแตตอบยิ้มๆ นั่นเพราะเวลานี้เธอปักใจรักอชิไปทั้งหัวใจแล้ว รักแรกพบก็ว่าได้ ต่อให้เขาจะมีคู่เธอก็พร้อมจะรอ“น้องกู ไปๆ จะไปไหนก็ไป ถามอะไรไปตอนนี้คงไม่ได้เรื่องได้ราว” เมื่อไล่น้องสาวไปแล้ว โตก็หันมาถามความกับจ้อยที่ให้ขึ้นไปสังเกตเพลง
“พออารายยย อาวววมา ฉานนยังไม่มาววววสักหน่อย” เพลงขวัญพยายามยื้อแก้วเหล้าคืนมาจากอชิ แต่ทำไมมือเขาถึงอยู่ไกลอย่างกับมือแม่นาคแบบนี้นะ“ไม่เมาสักหน่อยเลยครับ นั่นเพราะตอนนี้คุณเมาหนักมากแล้วต่างหาก” อชิส่ายหน้าให้คนเมาที่บอกว่าตัวเองไม่เมา“เมียเอ็งเมาขนาดนี้ ข้าว่ารีบพาไปนอนก่อนเถอะ”“จ้ะพี่” อชิเอ่ยรับคำของโต จากนั้นก็พยุงเพลงขวัญกลับมาที่บ้านเพื่อให้เธอนอนพัก โดยคนเมาโวยวายมาตลอดทางว่าไม่เมากระทั่งใกล้ถึงบ้านเพลงขวัญก็อ้วกเอาทุกอย่างที่กินไปออกมาจากท้องจนหมดอชิเห็นแล้วก็สงสารและคงปล่อยให้เพลงขวัญนอนทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเลอะเทอะแบบนี้ไม่ได้ จึงไปเอาผ้ามาชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ แต่ที่หนักใจคือจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เพลงขวัญยังไงนี่สิ“คุณไหม...ไหมตั้งสติหน่อย”“ตั้งสาติแล้ว” คนเมาพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้าง“ผมจะถอดเสื้อผ้าตัวที่คุณใส่อยู่ตอนนี้ออกแล้วเอาตัวใหม่มาใส่ให้แทน โอเคนะ”“ม่ายยยโอเค”“แล้วจะให้ผมทำยังไง ไหนคุณบอกม
“พี่ชื่ออชิ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะกระแต” จู่ๆ อชิก็ลุกขึ้นมาแนะนำตัวเองอย่างมีสติ ทั้งๆ ที่เพลงขวัญคิดว่าเขาหลับอยู่แท้ๆ แบบนี้คงแกล้งทำเป็นหลับแล้วนอนฟังมาตั้งแต่ต้นล่ะสิ“ยะ...ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะพี่อชิ” พอได้เห็นหน้าอชิ กระแตก็ถึงกับเพ้อ นั่นเพราะเธอไม่เคยเห็นใครหล่อเท่าเขามาก่อนเลยจริงๆ ผู้ชายในหมู่บ้านรวมไปถึงในตัวเมืองก็สู้ไม่ได้เลยสักคนเดียว“ผัวพี่หล่อจัง เกิดมาไม่เคยเจอใครหล่อแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าพี่ไม่เอาแล้ว หนูขอนะ” ประโยคต่อมาของกระแตทำเอาอชิอึ้ง ส่วนเพลงขวัญยิ้มชอบใจ“เอาไปสิ พี่ยกให้ตอนนี้เลยยังได้”“จริงๆ นะพี่ไหม” จากที่หน้าตึงพูดจาห้วนๆ ใส่ ตอนนี้กระแตกลับเรียกเพลงขวัญว่าพี่ไหมอย่างเต็มอกเต็มใจ“ไม่จริงจ้ะ” อชิค้านทันทีเช่นกัน ชายหนุ่มหันมาถลึงตาใส่เพลงขวัญ ก่อนจะปรับน้ำเสียงแล้วสีหน้าเพื่อคุยกับกระแตอีกครั้ง“พอดีพี่ไหมเขาหิวจนสมองเบลอไปหมดแล้วนะจ้ะ อย่าไปสนใจคำพูดของคนสติไม
“ฮะ!…เมื่อฉันท้องเหรอ” ฟังคำตอบแล้วเพลงขวัญถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง จู่ๆ ใบหน้าหวานก็แดงซ่านขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอไม่มีทางท้องกับอชิแน่ๆ ไม่มีวัน “ข้าจะไปเก็บสมุนไพรในป่า”“แต่นี่มันค่ำแล้วนะย่าใหญ่” โตที่กำลังจะเดินไปโรงครัวได้ยินแบบนี้ก็รีบเดินเข้ามาถาม “เออ...รู้แล้ว แต่ต้องไปเพราะยาบางตัวมันต้องเก็บตอนกลางคืน บอกกี่ทีไม่เคยจำ” เอ่ยจบย่าใหญ่ก็ส่ายหน้าให้โต หลานชายเพียงคนเดียวที่เลี้ยงมาเองกับมือ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมาสั่งลูกน้อง “ไอ้ชม ตามย่าใหญ่ไป”“จ้ะพี่” ชายที่ชื่อว่าชม ซึ่งคอยดูแลความเรียบร้อยภายในหมู่บ้านตอนที่โตและคนอื่นๆ ออกไปส่งของเอ่ยรับคำทันที “ส่วนเอ็งไอ้เจษฎาพร ไอ้จ้อยด้วยพาสองคนนี้ไปบ้านหลังท้ายหมู่บ้าน ให้มันสองคนอยู่ที่นั่นไปก่อน ถ้าคิดหนีก็ปล่อยมันตาย ไม่ต้องตามหาให้เสียเวลา”“ได้พี่” เจษฎาพรและจ้อยต่างเอ่ยรับคำแทบจะพร้อมๆ กัน ก่อนจะพาเพลงขวัญและอชิไปยังบ้านหลังที่ว่า ซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้านแต่เป็นจุดที่วิวดีที่สุดเพราะอยู่ริมหน้าผา เดินลงมาอีกนิดก็เป็นน้ำตก บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้รับรองแขกที่มาเยือนหมู่บ้านทั้งหมดเดินฝ่าความมืดกระทั่งถึงบ้านหลังที่ว่า เจษฎาพรจ
“ปากเสีย” เพลงขวัญหันมาแยกเขี้ยวใส่ ในขณะที่เท้าก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ แต่ทันทีที่ทั้งหมดเดินผ่านไร่ฝิ่นไร่กัญชาก็พบกับแนวต้นไม้หนา โตนำทีมเดินลัดเลี้ยวไปตามแนวต้นไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นป่าวงกต ตั้งใจทำไว้เพื่อป้องกันคนนอกไม่ให้เข้าหมู่บ้านไปได้ง่ายๆแต่ถึงอย่างนั้นทุกวันก็จะมีผู้ชายผลัดเปลี่ยนกันออกมานั่งยามบนนั่งร้าน ที่ถูกสร้างขึ้นบนต้นไม้สูงเพื่อคอยสอดส่องความปลอดภัย รวมถึงคอยรับข่าวจากคนของเจ้านายด้วย และโตก็ออกคำสั่งให้ทุกคนในหมู่บ้านต้องจดจำเส้นทางเดินในป่าวงกตให้ได้ชนิดขึ้นใจ ต่อให้หลับตาก็ต้องเดินถูก เพราะถ้าหลงเพียงไม่กี่ก้าวก็จะเจอกับกับดักล่าสัตว์ ที่อันตรายถึงชีวิตเอาได้“ไอ้ชัย”“โธ่...พี่โต บอกกี่ทีแล้วว่าฉันชื่อเจษฎาพร” เจ้าของชื่อหันมาต่อว่าต่อขานลูกพี่ใหญ่ ที่ยังคงเรียกตนด้วยชื่อเดิม โดยลืมไปว่าตอนนี้ตนนั้นกำลังจะทำเรื่องผิดพลาด “มึงอยากตายมั้ย”“ไม่อยากจ้ะพี่”“ถ้าไม่อยากก็ถอนเท้าออกมา เร็วๆ” โตเอ่ยตอบเสียงห้วน นั่นทำให้เจษฎาพรรีบดึงเท้ากลับมาทันที เขาแค่เดินเป๋ออกนอกเส้นทางแค่สองสามก้าว หมายจะเข้าไปตัดหน่อไม้ข้างทางไปต้มกินกับน้ำพริกก็เท่านั้นเอง “จ้ะพี่จ้ะ”“ส
ข่าวเรื่องอชิกับเพลงขวัญถูกลักพาตัวเพิ่งเข้าหูสายป่าน นั่นเพราะเธอนอนเพิ่งตื่นนั่นเอง พอมีสติก็ถึงกับอุทานออกมาเสียงหลง “ว่าอะไรนะแม่”“เมื่อคืนคุณอชิกับเมียถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ถึงในห้องหอ”“จะ...จริงเหรอ แล้วมีใครแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง”“แจ้งแล้ว แต่ยังไม่ได้ข่าวอะไรคืบหน้า” สายปอกอดอกตอบ นี่ถ้าเธอถูกจับไปเรียกค่าไถ่บ้างแล้วลูกสาวรู้คนสุดท้าย มีหวังเธอได้ตายก่อนแน่ๆ “อยากรู้นักว่าใครกันมันกล้ามาเหยียบจมูกถึงที่แบบนั้น” สีหน้าของสายป่านเป็นเดือดเป็นร้อน นั่นเพราะเธอรักจึงห่วงอชิมาก“คุณอชิของแกคงไปเหยียบตาปลาใครเขาเข้ามั้ง ถึงได้เลือกมาเอาคืนถึงในห้องหอแบบนั้น”“ไม่จริงหรอก คุณอชิไม่ใช่คนหาเรื่องใคร คนที่หาเรื่องมาใส่จนคุณอชิพลอยติดร่างแหไปด้วยคือยัยไหมนั่นต่างหาก ขอให้มันตายๆ ไปเถอะ” สายปอแค่รับฟังแล้วยิ้มกับคำพูดของลูกสาว ดีไม่ดีเรื่องคราวนี้สายป่านอาจพูดถูกก็เป็นได้ เสียงโทรศัพท์มือถือของเพลงขวัญที่ดังขึ้นต่อเนื่องมาเป็นชั่วโมงๆ เริ่มทำให้โตหัวเสีย นั่นเพราะไม่รู้จะปิดเครื่องด้วยวิธีไหนดี ไอ้รุ่นที่ตัวเองใช้ก็โบราณไม่ได้ไฮเทคเท่าเครื่องที่เอาแต่ส่งเสียงน่ารำคาญหูอยู่ในตอนนี้“