“ฉันพูดดีๆ แล้วนะคุณผู้กอง” น้ำเสียงของนรากรฟังดูห้วนขึ้น“ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ ครับ” หัวเด็ดตีนขาด ก่อสกุลก็ยอมให้นรากรไปด้วยไม่ได้จริงๆ แต่จู่ๆ นายตำรวจหนุ่มก็ตาโตเป็นไข่ห่าน เมื่อนรากรที่เวลานี้เลือดขึ้นหน้าคว้ามือของเขาแล้วนำไปวางบนหน้าอกของตัวเธอเองเห็นแบบนั้นนายตำรวจหนุ่มก็หมายจะดึงมือกลับ แต่ก็ถูกนรากรยื้อไว้ ทำให้เวลานี้ฝ่ามืออุ่นๆ ของเขายังคงค้างอยู่บนหน้าอกอวบหยุ่น ที่สัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจนรากรได้ชัดเจนตึ้กๆๆ ตั้กๆๆ“ถ้าคุณยังไม่ยอมให้ฉันไปด้วย ฉันจะตะโกนให้คนรู้ว่าคุณกำลังลวนลามฉัน” นรากรพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ราวกับคนเป็นไข้ นั่นเพราะเวลานี้เธอประหม่าจนแข้งขาสั่นไปหมด เกิดมาก็ไม่เคยให้ผู้ชายที่ไหนแตะเนื้อต้องตัว แต่เพื่อเพลงขวัญเธอยอม“คุณก้อย”“หนึ่ง สอง สะ...” จังหวะที่นรากรจะเอ่ยคำว่าสาม นายตำรวจหนุ่มก็รีบพูดขึ้น“โอเคๆ ผมยอมแล้ว”
จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำลองสบายๆ ไม่ถึงสิบนาทีนายตำรวจหนุ่มก็แบกกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน โดยนรากรที่เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วนั่งรออยู่บนโซฟารับแขก“ไปครับ ผมพร้อมแล้ว”“ผู้กองจะไม่ปิดบ้านก่อนเหรอ” เมื่อเห็นก่อสกุลเดินออกจากบ้านมาแบบไม่มีท่าทีจะปิดบ้าน ใส่กุญแจอะไรให้เรียบร้อย นรากรก็เอ่ยถามขึ้น จะว่าไปตอนมาชายหนุ่มก็ไม่ได้ไขกุญแจอะไรนี่นา“อ้อ...ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคนที่บ้านผมก็คงกลับมา”“ไปกับฉันแบบนี้ คนที่บ้านผู้กองคงไม่เข้าใจผิดใช่มั้ย” นรากรเข้าใจความหมายของคำว่าคนที่บ้านที่นายตำรวจหนุ่มเอ่ยผิดเสียแล้ว เพราะเธอเข้าใจว่านั่นคือภรรยาของเขา“ผมว่าไม่”“ตามใจ” เอ่ยจบนรากรก็เดินออกไปจากบ้านก่อนคนแรกตามด้วยก่อสกุล จากนั้นรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัว มุ่งหน้าสู่จังหวัดตากทันทีและเพื่อจะทำลายความเงียบ นรากรจึงเอ่ยขึ้น นั่นเพราะเธอมีอะไรสงสัยอยู่หลายต่อหลายข้อ บางทีนายตำรวจหนุ
เพราะนั่นหมายถึงเธอกับสามารถไม่ได้มีอะไรกันเลย เธอจะลงแดงตายอยู่แล้ว เพราะอ่อยยังไงเขาก็บอกไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์ จนเธออยากไปมีอารมณ์กับคนอื่นให้มันรู้แล้วรู้รอด“งั้นผมขอยืมเครื่องเพชรแม่ไปจำนำหน่อยสิ เอาชุดเล็กๆ ก็พอ”“เอ้! แกนี่ สรุปจะเอาให้ได้ใช่มั้ย”“โธ่...แม่ มันจะได้คืนมาอยู่แล้ว รับรองรอบนี้ไม่พลาด” ทัตเทพเข้าไปสวมกอดแม่อย่างประจบ สลับหอมแก้มขวาทีซ้ายที“ไม่พลาดอะไร เงินแกจมอยู่ในบ่อนไปเท่าไหร่แล้ว”“ไม่เท่าไหร่หรอก รับรองว่าผมจะเอามาคืนให้แม่ทุกบาททุกสตางค์...สัญญา”“อื้อ...รอตรงนี้ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาเครื่องเพชรให้” แม้จะไม่พอใจ แต่ทุกครั้งที่ทัตเทพขอสายปอมักจะใจอ่อนให้ลูกชายคนนี้เสมอ“พี่เทพ”“อะไร” ทัตเทพหันมามองน้องสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกล“เข้าบ่อนมันสนุกเหรอ” สายป่านเอ่ยถามขึ้น นั่นเพราะเวลานี้เธอเบื่อที่จะนั่งๆ น
นรากรนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงพื้นที่ส่วนทานอาหาร ที่ถูกออกแบบเป็นระเบียงยื่นลงไปในสระบัวสายตานั้นทอดมองออกไปยังทุ่งกว้างตรงหน้า เธอกับก่อสกุลมาถึงที่ตากเมื่อช่วงกลางดึก แต่กว่าจะหาที่พักได้ก็ลุ้นแทบแย่ ที่นี่ตอนกลางคืนดูวังเวงน่ากลัวบอกไม่ถูก แต่พอเช้ามากลับสวยจนคาดไม่ถึงขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก่อสกุลก็เดินมานั่งข้างๆ อันที่จริงเขาตื่นนานแล้ว แต่ออกไปคุยกับชาวบ้านในพื้นที่มา“คุณหายไปไหนมาตั้งนาน”“ออกไปคุยกับคนในพื้นที่มาครับ”“สืบข่าวเหรอ” นรากรกระซิบถาม นั่นทำให้นายตำรวจหนุ่มยิ้มที่เธอรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“ไปคุยครับ ไม่ได้ไปสืบข่าวอะไรเลย”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เออ...ผู้กองตอนนี้เราอยู่ห่างจากจุดที่พบสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายของไหมมากมั้ย”“ไม่มากครับ” เอ่ยจบก็มองตรงไปยังเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า“งั้นเราไปกันเถอะ ฉันใจร้อนจะแย่
“ไปทำอะไรคะ”“ผมมีเพื่อนทำงานที่นั่น จะไปส่งข่าวและขอให้เขาช่วยอีกแรง”“อ้อ...ค่ะ” นรากรเอ่ยรับ เธอรู้สึกตัวเองคิดไม่ผิดที่มาพร้อมก่อสกุลจากนั้นนายตำรวจหนุ่มพร้อมเพื่อนเดินทางอย่างนรากรก็ตรงไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนทันที ทั้งคู่แวะทำธุระส่วนตัวและทานอาหารง่ายๆ ระหว่างทาง เสร็จก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อเมื่อมาถึง นรากรก็ได้พบนายตำรวจอีกคนหนึ่งที่เป็นตำรวจท้องที่ ซึ่งก่อสกุลแนะนำว่าเขาคือเพื่อนตำรวจร่วมรุ่น ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมานาน นรากรฝากฝังตำรวจคนนั้นเรื่องคดีเพลงขวัญ ซึ่งเขาก็รับปากว่าจะตามข่าวให้มากที่สุดเมื่อคุยธุระกันเสร็จ ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้าย“เป็นอะไรคุณ”“ฉันเป็นห่วงไหม ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”“ผมเองก็เป็นห่วงอชิมากเหมือนกัน แต่ถ้าหากสองคนนั้นถูกจับไปด้วยกันจริงๆ ผมมั่นใจว่าอชิจะดูแลเพื่อนคุณได้”“อื้อ” นรากรเอ่ยรับสั้นๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถหาที่พัก&nb
อชิและเพลงขวัญยังคงเข้าไร่ฝิ่นเพื่อกรีดผลฝิ่นในทุกๆ วัน แม้จะเป็นงานที่ไม่ต้องการแต่ทั้งคู่ก็หลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้ กระแตเองก็ยังคงตามติดชายหนุ่มแทบจะตลอดเวลาก็ว่าได้ แต่พอเจอสายตาของพี่ชายรวมไปถึงสายตาของย่าใหญ่ที่คอยส่งมาปรามก็เบาลงไปบ้างเมื่อมีจังหวะกระแตก็เข้าหาอชิแม้บางครั้งกระแตจะพูดจาไม่เพราะกับเพลงขวัญแม้จะได้ชื่อว่าอ่อยแต่ก็อ่อยแบบเก้ๆ กังๆ ไปหมด“พี่อชิจ๋า พี่อชิ”“ฉันไปก่อนนะคุณ” ทันทีที่ได้ยินเสียงของกระแต เพลงขวัญก็รีบขอตัว แต่กลับถูกอชิคว้าข้อมือไว้ วันนี้โตสั่งให้ทุกคนพัก เพราะทำงานติดต่อกันมาหลายวัน“เดี๋ยว คุณต้องอยู่กับผมด้วย” สีหน้าของอชิดูระอากระแตเล็กน้อย แต่เลเวลการอ่อยของกระแตนั้นเหมือนจะเทียบไม่ได้กับที่เขาเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะสายป่านทำถึงขนาดแก้ผ้าเข้าหาเขามาแล้ว คิดๆ ดูอชิเหมือนจะหนีเรื่องนี้ไม่พ้น เพราะขนาดอยู่ในป่าก็ยังไม่เว้น“อะไร ฉันไม่อยากอยู่เป็นกอขอคองอ”“พี่อชิ” เสียงของกระ
ภาพที่กระแตวิ่งร้องไห้ สักพักก็เห็นเจษฎาพรวิ่งตามมาอีกคน อยู่ในสายตาของอชิและเพลงขวัญเข้าพอดี ทั้งคู่หันมามองตากันปริบๆ ชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะพี่โต” เพลงขวัญเอ่ยถามขึ้น“ข้าดุมันเรื่องไปวุ่นวายกับผัวเอ็ง”“ค่อยๆ พูดกันก็ได้นะพี่โต กระแตยังเด็ก ฉันไม่ถือสา” อชิเอ่ยขึ้น นั่นเพราะหากเขาไม่เล่นด้วย กระแตก็คงถอดใจไปเอง“เอ็งไม่ถือ แต่ข้าถือ เพราะมันจะเอาเอ็งทำผัวให้ได้ นี่ข้าขู่มันไปว่าถ้าไม่ตัดใจจากเอ็ง ข้าจะให้มันแต่งงานกับไอ้เจษฎาพร”“พี่โตอย่าบังคับกระแตแบบนั้นเลยนะจ้ะ” เพลงขวัญรีบบอก นั่นเพราะการถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสักเท่าไหร่ ซึ่งอชิเองก็เห็นด้วย“ใช่จ้ะพี่ เอาเป็นว่าเรื่องกระแต เดี๋ยวผมไปคุยเอง”“เออ...ฝากเอ็งด้วยแล้วกัน” โตถอนหายใจออกมาหนักๆ ขณะที่อชิเดินตามไปหากระแตในป่ากระทั่งเห็นเจษฎาพรยืนอยู่จึงเดินเข้าไปหา เพร
ดึกสงัดของค่ำคืนเดือนแรม ร่างบอบบางกำลังนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียง สีหน้าของเธอแม้จะหลับอยู่แต่ก็บ่งบอกได้ถึงความหวาดกลัวคิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมจนเปียกชื้นไปทั้งหน้า แม้ตอนนี้อุณหภูมิในห้องนอนจะถูกตั้งไว้ที่ยี่สิบห้าองศาก็ตามที เสียงหายใจหอบเหนื่อยดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะๆ มือเรียวขย้ำขยี้ผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ พร้อมกับขาที่ยกสูงแล้วปัดป่ายไปมาราวกับว่าในความฝันเวลานี้เธอนั้นกำลังต่อสู้อยู่กับใคร แล้วจู่ๆ ร่างบอบบางก็มีเหตุให้ลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงนุ่ม เปลี่ยนจากท่านอนมาเป็นท่ายืนพร้อมตั้งการ์ดเตรียมพร้อม “ตายเสียเถอะไอ้งูบ้า” แม้จะงัวเงียแถมเวลานี้ดวงตาก็ยังไม่ลืมเสียด้วยซ้ำ อาการของเธอนั้นช่างคล้ายกับคนละเมอ แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับฟังชัด ก่อนจะกระทืบหมอนข้างอันโปรดสุดแรงเสียหลายครั้ง เพราะคิดว่าหมอนนั่นคืองูยักษ์สีแดงที่เลื้อยไล่ตามหลังเธอมาไม่ห่าง กระทั่งพอใจก็ล้มตัวลงนอนราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใบหน้าสวยหวานพริ้มเพราะกำลังฝันดี ฝันว่าเธอกำลังนั่งเล่นอยู่ริมน้ำตกที่ไหนสักแห่ง แต่นั่นก็เพียงไม่นาน เพราะจู่ๆ
ภาพที่กระแตวิ่งร้องไห้ สักพักก็เห็นเจษฎาพรวิ่งตามมาอีกคน อยู่ในสายตาของอชิและเพลงขวัญเข้าพอดี ทั้งคู่หันมามองตากันปริบๆ ชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะพี่โต” เพลงขวัญเอ่ยถามขึ้น“ข้าดุมันเรื่องไปวุ่นวายกับผัวเอ็ง”“ค่อยๆ พูดกันก็ได้นะพี่โต กระแตยังเด็ก ฉันไม่ถือสา” อชิเอ่ยขึ้น นั่นเพราะหากเขาไม่เล่นด้วย กระแตก็คงถอดใจไปเอง“เอ็งไม่ถือ แต่ข้าถือ เพราะมันจะเอาเอ็งทำผัวให้ได้ นี่ข้าขู่มันไปว่าถ้าไม่ตัดใจจากเอ็ง ข้าจะให้มันแต่งงานกับไอ้เจษฎาพร”“พี่โตอย่าบังคับกระแตแบบนั้นเลยนะจ้ะ” เพลงขวัญรีบบอก นั่นเพราะการถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสักเท่าไหร่ ซึ่งอชิเองก็เห็นด้วย“ใช่จ้ะพี่ เอาเป็นว่าเรื่องกระแต เดี๋ยวผมไปคุยเอง”“เออ...ฝากเอ็งด้วยแล้วกัน” โตถอนหายใจออกมาหนักๆ ขณะที่อชิเดินตามไปหากระแตในป่ากระทั่งเห็นเจษฎาพรยืนอยู่จึงเดินเข้าไปหา เพร
อชิและเพลงขวัญยังคงเข้าไร่ฝิ่นเพื่อกรีดผลฝิ่นในทุกๆ วัน แม้จะเป็นงานที่ไม่ต้องการแต่ทั้งคู่ก็หลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้ กระแตเองก็ยังคงตามติดชายหนุ่มแทบจะตลอดเวลาก็ว่าได้ แต่พอเจอสายตาของพี่ชายรวมไปถึงสายตาของย่าใหญ่ที่คอยส่งมาปรามก็เบาลงไปบ้างเมื่อมีจังหวะกระแตก็เข้าหาอชิแม้บางครั้งกระแตจะพูดจาไม่เพราะกับเพลงขวัญแม้จะได้ชื่อว่าอ่อยแต่ก็อ่อยแบบเก้ๆ กังๆ ไปหมด“พี่อชิจ๋า พี่อชิ”“ฉันไปก่อนนะคุณ” ทันทีที่ได้ยินเสียงของกระแต เพลงขวัญก็รีบขอตัว แต่กลับถูกอชิคว้าข้อมือไว้ วันนี้โตสั่งให้ทุกคนพัก เพราะทำงานติดต่อกันมาหลายวัน“เดี๋ยว คุณต้องอยู่กับผมด้วย” สีหน้าของอชิดูระอากระแตเล็กน้อย แต่เลเวลการอ่อยของกระแตนั้นเหมือนจะเทียบไม่ได้กับที่เขาเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะสายป่านทำถึงขนาดแก้ผ้าเข้าหาเขามาแล้ว คิดๆ ดูอชิเหมือนจะหนีเรื่องนี้ไม่พ้น เพราะขนาดอยู่ในป่าก็ยังไม่เว้น“อะไร ฉันไม่อยากอยู่เป็นกอขอคองอ”“พี่อชิ” เสียงของกระ
“ไปทำอะไรคะ”“ผมมีเพื่อนทำงานที่นั่น จะไปส่งข่าวและขอให้เขาช่วยอีกแรง”“อ้อ...ค่ะ” นรากรเอ่ยรับ เธอรู้สึกตัวเองคิดไม่ผิดที่มาพร้อมก่อสกุลจากนั้นนายตำรวจหนุ่มพร้อมเพื่อนเดินทางอย่างนรากรก็ตรงไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนทันที ทั้งคู่แวะทำธุระส่วนตัวและทานอาหารง่ายๆ ระหว่างทาง เสร็จก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อเมื่อมาถึง นรากรก็ได้พบนายตำรวจอีกคนหนึ่งที่เป็นตำรวจท้องที่ ซึ่งก่อสกุลแนะนำว่าเขาคือเพื่อนตำรวจร่วมรุ่น ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมานาน นรากรฝากฝังตำรวจคนนั้นเรื่องคดีเพลงขวัญ ซึ่งเขาก็รับปากว่าจะตามข่าวให้มากที่สุดเมื่อคุยธุระกันเสร็จ ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้าย“เป็นอะไรคุณ”“ฉันเป็นห่วงไหม ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”“ผมเองก็เป็นห่วงอชิมากเหมือนกัน แต่ถ้าหากสองคนนั้นถูกจับไปด้วยกันจริงๆ ผมมั่นใจว่าอชิจะดูแลเพื่อนคุณได้”“อื้อ” นรากรเอ่ยรับสั้นๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถหาที่พัก&nb
นรากรนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงพื้นที่ส่วนทานอาหาร ที่ถูกออกแบบเป็นระเบียงยื่นลงไปในสระบัวสายตานั้นทอดมองออกไปยังทุ่งกว้างตรงหน้า เธอกับก่อสกุลมาถึงที่ตากเมื่อช่วงกลางดึก แต่กว่าจะหาที่พักได้ก็ลุ้นแทบแย่ ที่นี่ตอนกลางคืนดูวังเวงน่ากลัวบอกไม่ถูก แต่พอเช้ามากลับสวยจนคาดไม่ถึงขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก่อสกุลก็เดินมานั่งข้างๆ อันที่จริงเขาตื่นนานแล้ว แต่ออกไปคุยกับชาวบ้านในพื้นที่มา“คุณหายไปไหนมาตั้งนาน”“ออกไปคุยกับคนในพื้นที่มาครับ”“สืบข่าวเหรอ” นรากรกระซิบถาม นั่นทำให้นายตำรวจหนุ่มยิ้มที่เธอรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“ไปคุยครับ ไม่ได้ไปสืบข่าวอะไรเลย”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เออ...ผู้กองตอนนี้เราอยู่ห่างจากจุดที่พบสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายของไหมมากมั้ย”“ไม่มากครับ” เอ่ยจบก็มองตรงไปยังเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า“งั้นเราไปกันเถอะ ฉันใจร้อนจะแย่
เพราะนั่นหมายถึงเธอกับสามารถไม่ได้มีอะไรกันเลย เธอจะลงแดงตายอยู่แล้ว เพราะอ่อยยังไงเขาก็บอกไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์ จนเธออยากไปมีอารมณ์กับคนอื่นให้มันรู้แล้วรู้รอด“งั้นผมขอยืมเครื่องเพชรแม่ไปจำนำหน่อยสิ เอาชุดเล็กๆ ก็พอ”“เอ้! แกนี่ สรุปจะเอาให้ได้ใช่มั้ย”“โธ่...แม่ มันจะได้คืนมาอยู่แล้ว รับรองรอบนี้ไม่พลาด” ทัตเทพเข้าไปสวมกอดแม่อย่างประจบ สลับหอมแก้มขวาทีซ้ายที“ไม่พลาดอะไร เงินแกจมอยู่ในบ่อนไปเท่าไหร่แล้ว”“ไม่เท่าไหร่หรอก รับรองว่าผมจะเอามาคืนให้แม่ทุกบาททุกสตางค์...สัญญา”“อื้อ...รอตรงนี้ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาเครื่องเพชรให้” แม้จะไม่พอใจ แต่ทุกครั้งที่ทัตเทพขอสายปอมักจะใจอ่อนให้ลูกชายคนนี้เสมอ“พี่เทพ”“อะไร” ทัตเทพหันมามองน้องสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกล“เข้าบ่อนมันสนุกเหรอ” สายป่านเอ่ยถามขึ้น นั่นเพราะเวลานี้เธอเบื่อที่จะนั่งๆ น
จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำลองสบายๆ ไม่ถึงสิบนาทีนายตำรวจหนุ่มก็แบกกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน โดยนรากรที่เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วนั่งรออยู่บนโซฟารับแขก“ไปครับ ผมพร้อมแล้ว”“ผู้กองจะไม่ปิดบ้านก่อนเหรอ” เมื่อเห็นก่อสกุลเดินออกจากบ้านมาแบบไม่มีท่าทีจะปิดบ้าน ใส่กุญแจอะไรให้เรียบร้อย นรากรก็เอ่ยถามขึ้น จะว่าไปตอนมาชายหนุ่มก็ไม่ได้ไขกุญแจอะไรนี่นา“อ้อ...ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคนที่บ้านผมก็คงกลับมา”“ไปกับฉันแบบนี้ คนที่บ้านผู้กองคงไม่เข้าใจผิดใช่มั้ย” นรากรเข้าใจความหมายของคำว่าคนที่บ้านที่นายตำรวจหนุ่มเอ่ยผิดเสียแล้ว เพราะเธอเข้าใจว่านั่นคือภรรยาของเขา“ผมว่าไม่”“ตามใจ” เอ่ยจบนรากรก็เดินออกไปจากบ้านก่อนคนแรกตามด้วยก่อสกุล จากนั้นรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัว มุ่งหน้าสู่จังหวัดตากทันทีและเพื่อจะทำลายความเงียบ นรากรจึงเอ่ยขึ้น นั่นเพราะเธอมีอะไรสงสัยอยู่หลายต่อหลายข้อ บางทีนายตำรวจหนุ
“ฉันพูดดีๆ แล้วนะคุณผู้กอง” น้ำเสียงของนรากรฟังดูห้วนขึ้น“ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ ครับ” หัวเด็ดตีนขาด ก่อสกุลก็ยอมให้นรากรไปด้วยไม่ได้จริงๆ แต่จู่ๆ นายตำรวจหนุ่มก็ตาโตเป็นไข่ห่าน เมื่อนรากรที่เวลานี้เลือดขึ้นหน้าคว้ามือของเขาแล้วนำไปวางบนหน้าอกของตัวเธอเองเห็นแบบนั้นนายตำรวจหนุ่มก็หมายจะดึงมือกลับ แต่ก็ถูกนรากรยื้อไว้ ทำให้เวลานี้ฝ่ามืออุ่นๆ ของเขายังคงค้างอยู่บนหน้าอกอวบหยุ่น ที่สัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจนรากรได้ชัดเจนตึ้กๆๆ ตั้กๆๆ“ถ้าคุณยังไม่ยอมให้ฉันไปด้วย ฉันจะตะโกนให้คนรู้ว่าคุณกำลังลวนลามฉัน” นรากรพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ราวกับคนเป็นไข้ นั่นเพราะเวลานี้เธอประหม่าจนแข้งขาสั่นไปหมด เกิดมาก็ไม่เคยให้ผู้ชายที่ไหนแตะเนื้อต้องตัว แต่เพื่อเพลงขวัญเธอยอม“คุณก้อย”“หนึ่ง สอง สะ...” จังหวะที่นรากรจะเอ่ยคำว่าสาม นายตำรวจหนุ่มก็รีบพูดขึ้น“โอเคๆ ผมยอมแล้ว”
“สายรายงานข่าวมาครับ”“ว่าไงบ้างพูดมาเลย”“คืนเกิดเหตุ มีคนพบรถหกล้อจอดอยู่ริมถนน ซึ่งจอดค้างไว้นานพอสมควร เที่ยงคืนกว่าๆ ถึงขับออกไป”ประโยคที่ได้ยิน มันทำให้ก่อสกุลยิ้มออกมา นั่นเพราะนี่คือข่าวดีพอๆ กับการพบสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายจากเครื่องของเพลงขวัญก็ว่าได้“แล้วมุ่งหน้าไปทางไหน รู้มั้ย”“ไม่ทราบครับ แต่รถคันดังกล่าวผมว่าน่าสงสัยนะผู้กอง”“อืม...แต่เดี๋ยวผมจะลาราชการสักสามสี่วันนะจ่า”“ผู้กองจะขึ้นไปตามข่าวที่ตากหรือครับ”“ใช่...งานนี้ไม่ลุยเองไม่ได้จริงๆ หนึ่งก็เพื่อนสองก็เมียเพื่อน”“แต่ผมว่าน่าจะมีสามนะครับ”“สามอะไร” แม้จะทำเป็นสงสัย แต่ในแววตาก็แฝงอะไรบางอย่างอยู่“ก็คุณผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้ไง ผมว่า...” ยังไม่ทันที่จ่าสมานจะเอ่ยจบประโยค คนร้อนตัวก็รีบแก้ต่างให้ตัวเอง
“เป็นอะไรหรือเปล่า”“ฉันฝันร้าย” น้ำเสียงสั่นๆ ของเธอเอ่ยตอบ แต่จะให้อธิบายความฝันที่เกิดขึ้นเธอก็ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้แค่ว่าเธอนั้นฝัน ฝันว่าเจอแม่ในป่า แม่ตะโกนหาเธอจนแทบหมดเสียง ทั้งๆ ที่เธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าแม้แท้ๆ แต่แม่กลับมองไม่เห็น และเธอก็คว้าแม่มากอดหรือพูดกับแม่ไม่ได้เช่นกัน“ก็แค่ฝัน ไม่มีอะไรหรอก”“อื้อ”“นอนต่อเถอะ”“คุณ” จังหวะที่อชิจะหมุนตัวเพื่อกลับไปนอนที่เดิม จู่ๆ เพลงขวัญก็คว้าแขนชายหนุ่มไว้ นั่นทำให้ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ในหัวหวนนึกถึงฉากในละครหรือแม้แต่ในซีรีส์เวลานางเอกฝันร้ายแล้วกลัวจนนอนต่อไม่ได้ เธอก็จะขอร้องให้พระเอกมานอนเป็นเพื่อน ต้องใช่แน่ เขามั่นใจว่าเพลงขวัญต้องเอ่ยแบบนั้น“อะไรกันคุณ ก็แค่ฝัน...” อชิคล้ายจะออกตัว เพราะถ้าเพลงขวัญพูดออกมาอย่างที่เขาคิดไว้ จะได้ไม่ดูน่าเกลียด แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยจบประโยค เพลงขวัญก็ชิงเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน