Chapter 4 ท้าทาย
กรุงเทพฯยามค่ำคืนดูวุ่นวายจากกลุ่มคนที่ทยอยกันกลับบ้าน รถบนท้องถนนค่อนข้างแน่น เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย
ในรถหรูสีดำเงาวับที่แล่นไปบนท้องถนนปะปนกับรถหลากหลายรุ่น ภาณุภัทรมีสมาธิอยู่กับการประชุมออนไลน์ผ่านแล็ปท็อป งานของเขาไม่มีเวลาเข้าออกที่ตายตัว สามารถทำงานได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเขาจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตาม
เหมือนจะสบาย แต่ก็ไม่ เหมือนจะง่าย ก็ไม่ง่าย การก้าวมายืนอยู่จุดสูงสุด มีคนอยู่ใต้อาณัติมากมาย มันคือความท้าทายคนวัยหนุ่มเช่นเขา
ต้องทำอย่างไรที่จะคุมคนเหล่านั้นให้เชื่อง ไม่มีใครคิดจะโค่นบัลลังค์ที่เขาครอบครอง ยืนหยัดมาได้ตลอดสิบกว่าปี
เอี๊ยด! ปรี๊น ๆ
โครม!
เสียงที่มาพร้อมกัน พร้อมสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่บริเวณท้ายรถ ภาณุภัทรเงยหน้าสบตากับคนขับผ่านกระจกส่องหลัง เก็บซ่อนอารมณ์คุกรุ่นไว้ภายใต้สีหน้าสุขุม เขารู้แล้วว่ามีอุบัติเหตุ เพียงแต่มันเกิดได้อย่างไร
คนขับต้องมีคำตอบ
"มีรถตัดหน้าเราครับ ผมเลยเบรกกะทันหัน"
อินทัชที่นั่งคู่มากับคนขับหันมามองหน้าเจ้านายหนุ่ม
"โชคดีที่เบรกทันนะครับ ไม่งั้นโดนทั้งหน้าทั้งหลัง"
"คุณลงไปเคลียร์ รีบเคลียร์รีบจบ อย่าให้ผมต้องเสียเวลา"
"ครับ"
อินทัชรับคำแล้วรีบลงจากรถ ชายหนุ่มเดินไปท้ายรถ มอเตอร์ไซด์แต่งเต็มแม็กซ์พร้อมแว้นซ์นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น
เขาถอนหายใจเครียด รถเจ้านายไฟท้ายแตกกระจาย ตัวถังบุบ สีถลอก ค่าซ่อมน่าจะเกินสามแสน แววตาเข้มมองคู่กรณีที่เป็นเด็กวัยรุ่น ประเมินดูแล้วไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายค่าซ่อมแน่นอน
เขาเดินเข้าไปมองสำรวจบนร่างกายเด็กหนุ่มคนนั้น ดูภายนอกแล้วไม่น่าจะบาดเจ็บมาก แต่ภายในนั้นก็คงต้องไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาลอีกที
"เป็นไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนมั้ย"
อเล็กซ์มองคนตรงหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ร่างสูงใหญ่นั้นดูดีและภูมิฐาน ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของรถหรือไม่
"พี่เป็นเจ้าของรถเหรอครับ"
"ถ้าไม่บาดเจ็บก็แล้วไป ฉันจะไม่เอาเรื่องนายที่ขับรถมาชนท้าย ต่างฝ่ายต่างไปละกัน อย่าให้เรื่องถึงตำรวจ มันจะยาว"
อินทัชไม่ตอบคำถาม เขารีบปิดจ็อบเพราะเจ้านายต้องรีบไปงานเลี้ยง หากแต่อีกฝ่ายดูท่าจะไม่จบง่าย ๆ
"พี่เล่นเบรกกะทันหันแบบนี้ ผมเบรกไม่ทันหรอกนะครับ แล้วอีกอย่างผมก็อาจต้องไปเช็คร่างกายที่โรงบาล จะช้ำในหรือเปล่าก็ไม่รู้"
แววตาเข้มหรี่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างรู้ทัน เขาเจอมาเยอะลูกไม้แนว ๆ นี้
"สรุปต้องการเรียกค่าเสียหายว่างั้น ทั้งที่ขับมาชนท้ายเขาเอง"
"ถ้าเอาจริง ๆ ผมไม่ได้ผิดอะไร เพราะพี่เล่นเบรกแบบนี้ ไม่คิดจะช่วยค่าซ่อมรถผมหน่อยเลยเหรอ"
อเล็กซ์โบ้ยหน้าไปทางมอเตอร์ไซด์ของตน
"รถผมก็พังเห็นมั้ยพี่"
อินทัชยกยิ้มให้กับคนที่แกว่งเท้าหาเสี้ยน ทั้งที่ให้โอกาสแล้วแท้ ๆ เพราะทางเขาจะนำรถไปเคลียร์กับประกันเอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมคว้าเอาไว้
"โอเค ไม่จบ ขอคุยกับเจ้านายพี่แป๊บนะ"
เขาเดินไปเปิดประตูด้านหลัง ชะโงกหน้าเข้าหาคนที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ในรถด้วยท่าทีสงบนิ่ง
"คู่กรณีไม่ยอมจบครับ ต้องการเรียกค่าเสียหายจากเรา"
"ทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายชนเราน่ะเหรอ"
"ครับ บอกต้องการค่ารักษาตัวกับค่าซ่อมรถ"
"อืม...งั้นโทรตามประกันมาเคลียร์"
ภาณุภัทรกระตุกยิ้ม เปิดประตูรถที่อยู่อีกฝั่ง เขาไม่อยากขึ้นโรงพักเพราะจะเสียเวลา แต่คนที่ทำให้เขาเสียเวลาซ้ำยังรู้มาก คงต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง
อเล็กซ์มองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในสูทเรียบหรูที่เดินลงมาทีหลัง เขามองค้างให้กับใบหน้าอันหล่อเหลาทว่าแฝงไว้ด้วยอำนาจแสนสะกด แววตาคมกริบที่เขาไม่กล้าสบตาด้วย อีกฝ่ายเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
"ต้องการเท่าไหร่"
เสียงฟังดูทุ้มนุ่ม ก็ไม่ได้จะน่ากลัวอะไร เด็กหนุ่มคิด
"อะ...เอ่อ...รถผมต้องซ่อมครับ น่าจะหลักหมื่น"
"เอาเช็คมา"
ภาณุภัทรหันไปสั่งอินทัช อีกฝ่ายเดินกลับไปในรถ ก่อนจะหยิบสมุดเช็คมาส่งให้เจ้านาย ภาณุภัทรเขียนตัวเลขลงไป แล้วฉีกส่งให้เด็กหนุ่มตรงหน้า
"ฉันไม่มีเงินสด เอาเช็คนี่ไปขึ้นเงิน"
อเล็กซ์รับมาถือเอาไว้ เขาดูตัวเลขที่อีกฝ่ายระบุมา...สองหมื่น...อืม...ก็สมน้ำสมเนื้อดี เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจ
"ผมไปได้เลยใช้มั้ยพี่ เพราะเราเคลียร์กันจบแล้ว"
ภาณุภัทรคลี่ยิ้ม แววตาเข้มมองหน้าเด็กหนุ่ม ความเด็ดขาดฉายออกมาจากแววตาคู่คม
"ยัง นายต้องอยู่รอประกันก่อน เราจะไปจบเรื่องนี้กันที่โรงพัก"
"อะไรนะครับ! ผมไม่ผิด เพราะคุณเบรกกะทันหันให้ผมชนเอง"
"ว่ากันไปตามกฎหมายน่ะ ต่อให้คันหน้าจะถูกหรือผิด แต่ถ้านายเป็นฝ่ายชนเขา ก็ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้เจ้าของรถ"
"......"
"ยกเว้นนายจะโชคดี ถ้าเจ้าของรถไม่เอาเรื่อง ต่างคนต่างไปซ่อมเอง ถ้าเมื่อกี้คุยรู้เรื่อง ป่านนี้คงได้กลับบ้านสบายใจแล้ว"
อินทัชเดินเข้าไปตบบ่าเด็กหนุ่มรุ่นน้อง กระซิบกระซาบด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่แฝงความนัย
"น่าจะต้องเตรียมไว้สักสามแสนปลาย ๆ เรื่องถึงประกันแบบนี้ เขาเล่นนายหมดตัวแน่"
"พี่ครับ ผมไม่เอาเงินก็ได้ แต่อย่าเอาเรื่องผมเลย ผมไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมขนาดนั้น"
อินทัชหัวเราะอยู่ในลำคอ มองเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาช่างไร้เดียงสาต่อโลกนี้เหลือเกิน
"ทีหลังถ้าโง่ก็แค่อยู่เฉย ๆ ฉันยื่นโอกาสให้แล้ว แต่นายไม่รับไว้เอง"
อเล็กซ์ก้มลงมองเช็คในมือ ได้มาสองหมื่น แต่อาจต้องเสียค่าซ่อมให้คู่กรณีหลักแสน มันไม่คุ้มเอาเสียเลย
ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาเรื่อง เพราะเป็นฝ่ายผิดที่เบรกกระทันหัน จนเขาที่ขับตามหลังชนท้ายเข้าเต็ม ๆ
'แม่งเอ๊ย!' เขาสบถด่าตัวเองในใจ
++++
ในห้องนอนเล็ก ๆ อลินดากำลังจะล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดสามฟุต แต่เสียงเคาะประตูก็ทำให้ต้องลงจากเตียง เดินไปเปิดประตู
"อ้าว...นึกว่าใคร"
หล่อนมองน้องชายที่ยืนทำหน้าเครียด มองเวลาก็เกือบห้าทุ่ม แต่หล่อนไม่ค่อยแปลกใจ เพราะน้องชายกลับดึกแบบนี้เป็นประจำ
"พี่ลิน พี่มีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ ถึงสี่แสนมั้ย"
การที่น้องชายถามแบบนั้น คนฟังถึงกับอึ้ง
"จะบ้าเหรอ! พี่จะเอาเงินจากไหนมาเก็บตั้งสี่แสน สี่หมื่นยังไม่มีเลย"
แววตาคู่สวยมองหน้าน้องชายที่เคร่งเครียด อีกฝ่ายถอนหายใจบ่อยครั้ง
"จะเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น"
"ผม...ผมขับชนท้ายรถเบ็นซ์ ต้องเปลี่ยนไฟท้ายยกแผง ทำสีและตัวถังใหม่ ประกันเรียกมาเกือบสี่แสน ผมจะเอาที่ไหนไปจ่ายให้เขา"
".....!"
อลินดายืนนิ่ง เหมือนยังช็อคไม่หายกับเรื่องบ้าน ยังต้องมารับรู้ปัญหาที่น้องชายไปก่อเรื่องเอาไว้อีก ซ้ำไม่ใช่เงินน้อย ๆ แล้วชนใครไม่ชน ดันไปชนรถหรู ค่าซ่อมมหาโหดสำหรับคนจนเช่นเธอ
"แล้วเคลียร์กับเจ้าของรถไม่ได้เลยเหรอ แบบต่างคนต่างซ่อมกันเอง"
อเล็กซ์ยืนก้มหน้านื่ง เม้มปากแน่น มือที่กำเช็คเกร็งสั่น รู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรลงไป ความผิดพลาดที่นำความซวยมาสู่ครอบครัว
"ผมไม่น่าไปเรียกร้องเอาเงินจากเขาเลย"
ชายหนุ่มยื่นเช็คส่งให้พี่สาว สีหน้าสำนึกผิด
"เขาให้ค่าเสียหายมาสองหมื่น แต่...กลายเป็นว่าต้องไปออกค่าซ่อมรถให้เขาเกือบสี่แสน ผมไม่น่าโลภเลย เขาจะปล่อยผมไปแล้วแท้ ๆ"
"เล็ก..."
ชายหนุ่มโผเข้ากอดพี่สาวด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประเดประดัง ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด เขาไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาจ่ายได้ เพราะประกันไม่ยอมปล่อยให้เขาลอยนวลไปง่าย ๆ แน่นอน
ในอารมณ์โกรธ อลินดายืนนิ่ง ในหัวอื้ออึงเพราะต้องแบกรับอะไรไว้มากมาย เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก น้ำตารื้นออกมาคลอขังรอบขอบตาที่ร้อนผ่าวปวดหนึบ คิดอย่างน้อยใจในโชคชะตา โลกจะทดสอบความอดทนของหล่อนไปถึงไหนกัน
Chapter 5 ทางตัน ฤดูฝนมาเยือน ฝนเริ่มตกชุก ท้องฟ้าเหนือเมืองใหญ่ร้องคำราม ฟาดแสงสีทองเป็นเส้นแลดูน่ากลัว ยามดึกสงัด อลินดานั่งอยู่บนเตียงนอน ตรงหน้าคือเงินปึกหนึ่งที่เก็บรวมรวมไว้เธอหยิบมานับทีละใบ มีทั้งแบงค์ม่วง แบงค์แดง แบงค์เทามีไม่มาก กวาดเศษเหรียญมาได้อีกจำนวนหนึ่ง มันคือที่เงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง ตั้งใจเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวการศึกษา"ยังไม่ถึงสองหมื่นเลย"หญิงสาวถอนหายใจ มองเงินตรงหน้าแล้วเศร้า ความเครียดยิ่งถาโถม เวลาก็ใกล้เข้ามาทุกที หากอยากรักษาบ้านไว้ก็ต้องนำเงินก้อนไปจ่ายเจ้าหนี้ เหมือนระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลังเมื่อถึงเลขศูนย์เมื่อไหร่ หล่อนก็ตายเมื่อนั้นอีกทั้งเรื่องที่น้องชายก่อเอาไว้ รวม ๆ กันแล้วเป็นหนี้เกือบล้าน ต่อให้เรียนจบมีทำงานทำ เธอก็ยังไม่รู้เลยว่า จะหาเงินล้านแรกจากการเป็นลูกจ้างได้ตอนไหน เงินมันมากเกินไปสำหรับคนต้นทุนชีวิตไม่สูงเช่นเธอเธอไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ ที่ผ่านมาก็พยายามทำตัวเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา สู้เพื่ออนาคตที่ดี แต่ครั้งนี้มันหนักเกินไป หนักเกินที่สองมือเล็ก ๆ จะแบกรับเอาไว้ได้"สงสัยเธอคงต้องปล่อยแล้วแหละ ลินเอ๊ย"คนที่กำลังสับ
Chapter 6 งานดีเมื่อแสงอาทิตย์ทาบทาซีกโลกตะวันตก เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินผ่านน่านฟ้าอาร์เจนตินามุ่งหน้าสู่ชิลี...ภายในห้องโดยสารที่การตกแต่งแสนหรูหรา สะดวกสบาย ภาณุภัทรนั่งอยู่ในท่าผ่อนคลาย บนเก้าอี้หนานุ่มริมหน้าต่าง มือใหญ่ที่ตรงข้อมือสวมบุลการีออคโตถือแก้วคริสตัลใบสวย เขาส่ายแก้วเป็นวงกลม ค่อย ๆ ละเลียดแคนาเดียนวิสกี้ลงคอ ในช่วงเวลาผ่อนคลาย แววตาเข้มมองผ่านหน้าต่าง เบื้องล่างคือเทือกเขาแอนดีสที่ทอดยาวพาดผ่านถึงเจ็ดประเทศ เริ่มต้นจากเวเนซุเอลาไปสิ้นสุดที่อาร์เจนตินา มันขาวโพลนจากหิมะหนาปกคลุม ขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างบนแล็ปท็อป อินทัชก็เดินเข้ามาหาเจ้านายถึงห้องพักผ่อนส่วนตัว ในช่วงเวลาพักผ่อนเช่นนี้ ไม่มีใครกล้า นอกจากอินทัช "ขอรบกวนสักครู่ครับคุณคีย์" ภาณุภัทรเงยหน้ามอง พยักหน้าเล็กน้อย "รู้ตัวคนที่เอาข้อมูลเราไปขายให้ศัตรูแล้วครับ" แววตาเข้มเหลือบมอง สายตาที่อินทัชสัมผัสได้ แม้นายจะไม่สั่งออกมาเป็นคำพูด แต่เขารู้ว่าต้องทำอะไรต่อ "ให้ผมจัดการเลยไหม" ภาณุภัทรจิบแคนาเดียนวิสกี้ลงคอ ตามด้วยช็อกโกแลตที่กินแกล้
Chapter 7เสืออเมริกาใต้ชิลี...ประเทศที่อุดมไปด้วยความหลากหลาย ธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า ทะเลทราย เทือกเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เกาะอีสเตอร์อันโด่งดัง คือจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนใฝ่ฝันหากแต่ไม่ใช่ 'อลินดา' เธอไม่ได้อยากมาที่นี่ แต่แค่เลือกไม่ได้เมื่อ 'เขาคนนั้น' ส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับถึงเมืองไทย เพราะความร้อนเงิน เธอตกลงทันที ทั้งที่ยังไม่รู้จักลูกค้าคนนี้ดีพอด้วยซ้ำรถหรูแล่นมาตามเนินเขาที่เลียบเลาะชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ในรถที่แอร์เย็นฉ่ำ แต่อลินดากลับนั่งเหงื่อซึมไรผม สองมือที่กำอยู่บนตักชื้นไปด้วยเหงื่อใจเธอเต้นแรง มีทั้งความกลัวและความตื่นเต้น แม้ตลอดสองข้างทางที่นั่งรถผ่าน วิวทิวทัศน์จะสวยตื่นตาตื่นใจสักแค่ไหน แต่เธอไม่มีอารมณ์ที่จะเสพความสุขกับธรรมชาติรอบกายมันเป็นการมาต่างประเทศครั้งแรกที่อยากจะเปลี่ยนใจกลับบ้าน นับตั้งแต่ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์เมนิลาบอกเธอโชคดี เจอลูกค้าเศรษฐีที่รวยโคตร ๆ ได้นั่งเครื่องบินเครื่องส่วนตัวมาไกลถึงชิลี ประเทศที่หลายคนอยากมาแต่เพราะสู้ค่าเดินทางไม่ไหวแต่อลินดากลับไม่รู้สึกว่าตนเองโชคดีอะไรขนาดนั้น เพราะเธอไม่ได้มาเที่ยว แค่มาขายเรือ
Chapter 8 เรียกร้อง อินทัชพาอลินดาเดินมาส่งที่หน้าห้องหนึ่ง มีบานประตูที่ทำจากไม้กว้างเกือบสี่เมตร ในความตื่นกลัวจนใจเต้นระรัว อลินดาเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ 'เรา...เป็นอะไร...' จิตสำนึกบางอย่างร้องบอก แววตาตื่นตระหนกมองหน้าผู้ชายที่กำลังจะสัมผัสลงบนแผงควบคุมที่หน้าห้อง "คุณเจตต์ มีอะไรในน้ำส้มคะ!" แววตาเข้มมองใบหน้าสวยที่เริ่มแดงเห่อ มองด้วยสายตาที่สื่อให้รู้ว่า ไม่แปลก ไม่ต้องตกใจ เพราะเธอไม่ใช่คนแรกที่โดน "เข้าไปข้างในเถอะ เขารอเธออยู่" "พวกคุณใส่อะไรลงในน้ำที่ลินกิน!" อินทัชแตะปลายนิ้วลงบนแผงควบคุม โดยไม่คิดจะตอบคำถามของคนตรงหน้า ประตูค่อย ๆ เลื่อนขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วชายหนุ่มก็ทำท่าหันหลังเดินหนี ปล่อยให้อลินดายืนละล้าละลัง "เดี๋ยวค่ะ! คุณจะไปไหน คุณให้ลินกินอะไรเข้าไปคะ คุณเจตต์! คุณเจตต์! " หญิงสาวร้องเรียก ทำท่าจะเดินตามอินทัชไป หากแต่เขาก็ไม่เหลียวหลัง ความหวาดกลัวแล่นมาเกาะกุมใจ จนการ์ดคนหนึ่งต้องปราดมาดักหน้า สองขาเรียวต้องชะงัก แววตาเลิ่กลั่ก เมื่อชนเข้ากับกายกำยำ ชายท
Chapter 9 เปิดซิงในอารมณ์หวามจากสัมผัสแปลกใหม่ จูบแสนหวานจากชายแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย ร่างกายของเธอเบาหวิว ใจล่องลอย สมองมึนเบลอราวกำลังฝันมือร้อนฉ่าของเขาลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงาม เคล้นคลึงอกอวบอิ่มที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัส เธอปล่อยใจและกายดำดิ่ง ไม่สนใจว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำอะไรกับร่างกายตนบ้างเธอรับรู้แค่ว่ามีใครบางคนมานั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง จับร่างเธอให้เอนซุกซบกับกายอุ่น สอดแขนมาด้านหน้าแล้วลูบไล้ไปตามผิวกายเนียนละเอียด ในขณะที่เขาลากมือเข้าหากลางกายของเธอ ลูบไล้เนินเนื้อที่แสนหวงแหนปลายนิ้วแกร่งกรีดผ่านรอยแยกที่ปิดสนิท สอดนิ้วลึกล้ำเข้าสู่เส้นทางรักอย่างอ่อนละมุนใจเย็น สัมผัสหวามที่ทำเอาแทบหยุดหายใจอลินดาเริ่มหายใจแรง สติกระเจิดกระเจิง สิ่งแปลกปลอมที่กระตุ้นความรู้สึกซ่านเสียวทำให้ใจเคลิบเคลิ้ม ไม่อาจควบคุมความรู้สึกนึกคิดหญิงสาวเงยหน้าขึ้นหาเจ้าของอ้อมกอดที่คลอเคลีย แลกจูบกับเธอคนนั้น ใจเธอเรียกร้อง สมองฟุ้งซ่าน ยามนิ้วร้อนฟอนเฟ้นอยู่ในกายสาวที่ชื้นฉ่ำ เขามอบประสบการณ์รักที่ไม่เคยพานพบ การปลุกเร้าผสานฤทธิ์ยาทำให้เธอคล้อยตามไปกับเกมสวาทที่ตกเป็นผู้เล่น ราวอยู่ในฝันที่เ
Chapter 10 แซนด์วิช ชายหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อความนุ่มหยุ่นอุ่นซ่านท้าทายเร่งเร้าให้เขาปลดปล่อย เสียงสูดปากเบา ๆ มาพร้อมกับท่อนเนื้อแกร่งที่ถูกถอดถอนออกมาจากร่องสวาท มันยังเร็วเกินไป เขาต้องการเสพความสุขจากเรือนร่างแสนสวยงามให้นานกว่านี้ ซื้อเธอมาด้วยเงินเกือบล้าน ก็ต้องให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เขาเปลี่ยนท่า ท่อนแขนแกร่งตวัดร่างนุ่มเนียนให้ตามขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัก มือร้อนช้อนไปใต้ก้นขาวเนียนแล้วยกขึ้น มืออีกข้างกุมความเป็นชายที่เปื้อนสายเลือดบริสุทธิ์ ถูไถดึงดันกับกลีบเนื้อแดงระเรื่อ กดสะโพกกลมกลึงให้ร่องสวาทกลืนกินตัวตนของเขาจนสุดปลายทางลึกล้ำและลึกซึ้ง ความคับแน่นที่ขับลมหายใจร้อนผ่าวออกจากริมฝีปากหยักสวย อลินดาซุกหน้าเข้าหาบ่ากว้าง เขาสอนให้สะโพกกลมกลึงโยกขยับสอดรับจังหวะกระแทกกระทั้นจากแก่นกายร้อนเร่า มันคือแรงขับจากภายใน มาจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เธอส่ายเอวเป็นวงกลม บดเบียดเนินเนื้อให้แท่งร้อนสอดลึกล้ำความท้าทายที่ทำให้เขาเสียทรง เสียงครางแห่งความซ่านเสียวลอดผ่านริมฝีปากร้อนอย่างทนเก็บกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
Chapter 1 Intro ประเทศชิลี..ในห้องโอ่โถงที่แสนหรูหรา ไฟในเตาผิงเผาไหม้ไม้จนลุกโชน ข้างหน้าเตาคือชุดเดย์เบดสีขาว พื้นปูพรมขนนุ่มสีน้ำตาล ถัดไปเป็นหน้าต่างบานใหญ่กว้างถึงแปดเมตร มองเห็นปุยหิมะด้านนอกโปรยปรายลงมาเป็นสายสีขาวในยามค่ำคืน 'ภาณุภัทร เมธากุล' ผู้ครอบครองบ้านพักตากอากาศสุดหรูบนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ในเขตแดนประเทศชิลี เขามีธุรกิจมากมายในมือ และกระจายอยู่ทั่วโลก หนึ่งนั้นคือคาสิโน ในแวดวงนี้ ชื่อภาณุภัทรติดโผในฐานะเจ้าของบ่อนใหญ่ติดอันดับโลก ดูดเงินจากนักเสี่ยงโชคมากมาย ที่หวังรวยทางลัด เขาแค่นั่งกระดิกขาอยู่เฉย ๆ ก็มีคนเอาเงินมาประเคนให้ นั่นทำให้เขารวยล้นฟ้า อำนาจ เงิน ผู้หญิง คือสามสิ่งที่มาเฟียหนุ่มไม่เคยขาด โลกของคนจนบัดซบแค่ไหนเขาไม่รู้จัก ระดับเขาแล้วแบงค์เทาสิบใบยังไร้ค่า ความสุขสบาย ทำให้เขาใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง เซ็กส์คือกิจกรรมที่เขาโปรดปราน ซื้อกินเป็นอาชีพ ขอแค่ถูกใจ เขาเปย์ให้ไม่อั้น ร่างเปลือยเปล่าหุ่นสมชายชาตรีนั่งอยู่บนเดย์เบดสีขาว สองแขนเหยียดตรงพาดอยู่บนพนักพิง ใบหน้าหล่อเหลาเงยซบยามลิ้นนุ่มแย่งกันกลืนกินแท่งเนื้
Chapter 2 ปมอดีต แพนอเมริกันที่ทอดยาวกว่า 19000 ไมล์ เชื่อมอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ไว้ด้วยกัน จุดเริ่มต้นคืออลาสก้าไปสู่ปลายทางในเขตแดนบราซิลบนเส้นทางสายเปลี่ยว Bentley สีดำเงาวับแล่นฉิวไปบนนท้องถนนในเขตแดนเม็กซิโก เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาชญากรรมติดอันดับโลก รถคุ้มกัน Bentley ประกบหน้าหลัง ล้วนเป็นทหารรับจ้างฝีมือดีที่ถูกจ้างมาเป็นการ์ดคุ้มกันคนรวย และบรรดาผู้มีอิทธิพลที่ล้วนมีศัตรูซ่อนอยู่ในมุมมืด ในรถคันหรู บทสนทนาของคนสองคนระหว่างลูกชายและผู้เป็นพ่อที่กำธุรกิจมากมายไว้ในมือ เป็นเรื่องของความหวังและเป้าหมายในอนาคต ผู้สืบทอดธุรกิจเมื่อยามที่เขาวางมือ เรื่องการแต่งงานของลูกชายและส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยความไม่ลงรอยกัน "ฉันวางอนาคตไว้ให้นายหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องการแต่งงาน นายจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ฉันหาไว้ให้" ภาณุภัทรในวัยยี่สิบสอง เพิ่งเรียนจบ เขาคิดว่าตัวเองยังเด็กเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องแต่งงาน แววตาที่ออกจะต่อต้านความคร่ำครึมองเหยียด ภาษากายที่สื่อถึงความดื้อและหัวแข็ง "ถ้าผมยังไม่อยากมีเมีย อยากรู้เหมือนกันว่าป๊าจะทำยังไง"
Chapter 10 แซนด์วิช ชายหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อความนุ่มหยุ่นอุ่นซ่านท้าทายเร่งเร้าให้เขาปลดปล่อย เสียงสูดปากเบา ๆ มาพร้อมกับท่อนเนื้อแกร่งที่ถูกถอดถอนออกมาจากร่องสวาท มันยังเร็วเกินไป เขาต้องการเสพความสุขจากเรือนร่างแสนสวยงามให้นานกว่านี้ ซื้อเธอมาด้วยเงินเกือบล้าน ก็ต้องให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เขาเปลี่ยนท่า ท่อนแขนแกร่งตวัดร่างนุ่มเนียนให้ตามขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัก มือร้อนช้อนไปใต้ก้นขาวเนียนแล้วยกขึ้น มืออีกข้างกุมความเป็นชายที่เปื้อนสายเลือดบริสุทธิ์ ถูไถดึงดันกับกลีบเนื้อแดงระเรื่อ กดสะโพกกลมกลึงให้ร่องสวาทกลืนกินตัวตนของเขาจนสุดปลายทางลึกล้ำและลึกซึ้ง ความคับแน่นที่ขับลมหายใจร้อนผ่าวออกจากริมฝีปากหยักสวย อลินดาซุกหน้าเข้าหาบ่ากว้าง เขาสอนให้สะโพกกลมกลึงโยกขยับสอดรับจังหวะกระแทกกระทั้นจากแก่นกายร้อนเร่า มันคือแรงขับจากภายใน มาจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เธอส่ายเอวเป็นวงกลม บดเบียดเนินเนื้อให้แท่งร้อนสอดลึกล้ำความท้าทายที่ทำให้เขาเสียทรง เสียงครางแห่งความซ่านเสียวลอดผ่านริมฝีปากร้อนอย่างทนเก็บกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
Chapter 9 เปิดซิงในอารมณ์หวามจากสัมผัสแปลกใหม่ จูบแสนหวานจากชายแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย ร่างกายของเธอเบาหวิว ใจล่องลอย สมองมึนเบลอราวกำลังฝันมือร้อนฉ่าของเขาลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงาม เคล้นคลึงอกอวบอิ่มที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัส เธอปล่อยใจและกายดำดิ่ง ไม่สนใจว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำอะไรกับร่างกายตนบ้างเธอรับรู้แค่ว่ามีใครบางคนมานั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง จับร่างเธอให้เอนซุกซบกับกายอุ่น สอดแขนมาด้านหน้าแล้วลูบไล้ไปตามผิวกายเนียนละเอียด ในขณะที่เขาลากมือเข้าหากลางกายของเธอ ลูบไล้เนินเนื้อที่แสนหวงแหนปลายนิ้วแกร่งกรีดผ่านรอยแยกที่ปิดสนิท สอดนิ้วลึกล้ำเข้าสู่เส้นทางรักอย่างอ่อนละมุนใจเย็น สัมผัสหวามที่ทำเอาแทบหยุดหายใจอลินดาเริ่มหายใจแรง สติกระเจิดกระเจิง สิ่งแปลกปลอมที่กระตุ้นความรู้สึกซ่านเสียวทำให้ใจเคลิบเคลิ้ม ไม่อาจควบคุมความรู้สึกนึกคิดหญิงสาวเงยหน้าขึ้นหาเจ้าของอ้อมกอดที่คลอเคลีย แลกจูบกับเธอคนนั้น ใจเธอเรียกร้อง สมองฟุ้งซ่าน ยามนิ้วร้อนฟอนเฟ้นอยู่ในกายสาวที่ชื้นฉ่ำ เขามอบประสบการณ์รักที่ไม่เคยพานพบ การปลุกเร้าผสานฤทธิ์ยาทำให้เธอคล้อยตามไปกับเกมสวาทที่ตกเป็นผู้เล่น ราวอยู่ในฝันที่เ
Chapter 8 เรียกร้อง อินทัชพาอลินดาเดินมาส่งที่หน้าห้องหนึ่ง มีบานประตูที่ทำจากไม้กว้างเกือบสี่เมตร ในความตื่นกลัวจนใจเต้นระรัว อลินดาเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ 'เรา...เป็นอะไร...' จิตสำนึกบางอย่างร้องบอก แววตาตื่นตระหนกมองหน้าผู้ชายที่กำลังจะสัมผัสลงบนแผงควบคุมที่หน้าห้อง "คุณเจตต์ มีอะไรในน้ำส้มคะ!" แววตาเข้มมองใบหน้าสวยที่เริ่มแดงเห่อ มองด้วยสายตาที่สื่อให้รู้ว่า ไม่แปลก ไม่ต้องตกใจ เพราะเธอไม่ใช่คนแรกที่โดน "เข้าไปข้างในเถอะ เขารอเธออยู่" "พวกคุณใส่อะไรลงในน้ำที่ลินกิน!" อินทัชแตะปลายนิ้วลงบนแผงควบคุม โดยไม่คิดจะตอบคำถามของคนตรงหน้า ประตูค่อย ๆ เลื่อนขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วชายหนุ่มก็ทำท่าหันหลังเดินหนี ปล่อยให้อลินดายืนละล้าละลัง "เดี๋ยวค่ะ! คุณจะไปไหน คุณให้ลินกินอะไรเข้าไปคะ คุณเจตต์! คุณเจตต์! " หญิงสาวร้องเรียก ทำท่าจะเดินตามอินทัชไป หากแต่เขาก็ไม่เหลียวหลัง ความหวาดกลัวแล่นมาเกาะกุมใจ จนการ์ดคนหนึ่งต้องปราดมาดักหน้า สองขาเรียวต้องชะงัก แววตาเลิ่กลั่ก เมื่อชนเข้ากับกายกำยำ ชายท
Chapter 7เสืออเมริกาใต้ชิลี...ประเทศที่อุดมไปด้วยความหลากหลาย ธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า ทะเลทราย เทือกเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เกาะอีสเตอร์อันโด่งดัง คือจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนใฝ่ฝันหากแต่ไม่ใช่ 'อลินดา' เธอไม่ได้อยากมาที่นี่ แต่แค่เลือกไม่ได้เมื่อ 'เขาคนนั้น' ส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับถึงเมืองไทย เพราะความร้อนเงิน เธอตกลงทันที ทั้งที่ยังไม่รู้จักลูกค้าคนนี้ดีพอด้วยซ้ำรถหรูแล่นมาตามเนินเขาที่เลียบเลาะชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ในรถที่แอร์เย็นฉ่ำ แต่อลินดากลับนั่งเหงื่อซึมไรผม สองมือที่กำอยู่บนตักชื้นไปด้วยเหงื่อใจเธอเต้นแรง มีทั้งความกลัวและความตื่นเต้น แม้ตลอดสองข้างทางที่นั่งรถผ่าน วิวทิวทัศน์จะสวยตื่นตาตื่นใจสักแค่ไหน แต่เธอไม่มีอารมณ์ที่จะเสพความสุขกับธรรมชาติรอบกายมันเป็นการมาต่างประเทศครั้งแรกที่อยากจะเปลี่ยนใจกลับบ้าน นับตั้งแต่ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์เมนิลาบอกเธอโชคดี เจอลูกค้าเศรษฐีที่รวยโคตร ๆ ได้นั่งเครื่องบินเครื่องส่วนตัวมาไกลถึงชิลี ประเทศที่หลายคนอยากมาแต่เพราะสู้ค่าเดินทางไม่ไหวแต่อลินดากลับไม่รู้สึกว่าตนเองโชคดีอะไรขนาดนั้น เพราะเธอไม่ได้มาเที่ยว แค่มาขายเรือ
Chapter 6 งานดีเมื่อแสงอาทิตย์ทาบทาซีกโลกตะวันตก เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินผ่านน่านฟ้าอาร์เจนตินามุ่งหน้าสู่ชิลี...ภายในห้องโดยสารที่การตกแต่งแสนหรูหรา สะดวกสบาย ภาณุภัทรนั่งอยู่ในท่าผ่อนคลาย บนเก้าอี้หนานุ่มริมหน้าต่าง มือใหญ่ที่ตรงข้อมือสวมบุลการีออคโตถือแก้วคริสตัลใบสวย เขาส่ายแก้วเป็นวงกลม ค่อย ๆ ละเลียดแคนาเดียนวิสกี้ลงคอ ในช่วงเวลาผ่อนคลาย แววตาเข้มมองผ่านหน้าต่าง เบื้องล่างคือเทือกเขาแอนดีสที่ทอดยาวพาดผ่านถึงเจ็ดประเทศ เริ่มต้นจากเวเนซุเอลาไปสิ้นสุดที่อาร์เจนตินา มันขาวโพลนจากหิมะหนาปกคลุม ขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างบนแล็ปท็อป อินทัชก็เดินเข้ามาหาเจ้านายถึงห้องพักผ่อนส่วนตัว ในช่วงเวลาพักผ่อนเช่นนี้ ไม่มีใครกล้า นอกจากอินทัช "ขอรบกวนสักครู่ครับคุณคีย์" ภาณุภัทรเงยหน้ามอง พยักหน้าเล็กน้อย "รู้ตัวคนที่เอาข้อมูลเราไปขายให้ศัตรูแล้วครับ" แววตาเข้มเหลือบมอง สายตาที่อินทัชสัมผัสได้ แม้นายจะไม่สั่งออกมาเป็นคำพูด แต่เขารู้ว่าต้องทำอะไรต่อ "ให้ผมจัดการเลยไหม" ภาณุภัทรจิบแคนาเดียนวิสกี้ลงคอ ตามด้วยช็อกโกแลตที่กินแกล้
Chapter 5 ทางตัน ฤดูฝนมาเยือน ฝนเริ่มตกชุก ท้องฟ้าเหนือเมืองใหญ่ร้องคำราม ฟาดแสงสีทองเป็นเส้นแลดูน่ากลัว ยามดึกสงัด อลินดานั่งอยู่บนเตียงนอน ตรงหน้าคือเงินปึกหนึ่งที่เก็บรวมรวมไว้เธอหยิบมานับทีละใบ มีทั้งแบงค์ม่วง แบงค์แดง แบงค์เทามีไม่มาก กวาดเศษเหรียญมาได้อีกจำนวนหนึ่ง มันคือที่เงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง ตั้งใจเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวการศึกษา"ยังไม่ถึงสองหมื่นเลย"หญิงสาวถอนหายใจ มองเงินตรงหน้าแล้วเศร้า ความเครียดยิ่งถาโถม เวลาก็ใกล้เข้ามาทุกที หากอยากรักษาบ้านไว้ก็ต้องนำเงินก้อนไปจ่ายเจ้าหนี้ เหมือนระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลังเมื่อถึงเลขศูนย์เมื่อไหร่ หล่อนก็ตายเมื่อนั้นอีกทั้งเรื่องที่น้องชายก่อเอาไว้ รวม ๆ กันแล้วเป็นหนี้เกือบล้าน ต่อให้เรียนจบมีทำงานทำ เธอก็ยังไม่รู้เลยว่า จะหาเงินล้านแรกจากการเป็นลูกจ้างได้ตอนไหน เงินมันมากเกินไปสำหรับคนต้นทุนชีวิตไม่สูงเช่นเธอเธอไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ ที่ผ่านมาก็พยายามทำตัวเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา สู้เพื่ออนาคตที่ดี แต่ครั้งนี้มันหนักเกินไป หนักเกินที่สองมือเล็ก ๆ จะแบกรับเอาไว้ได้"สงสัยเธอคงต้องปล่อยแล้วแหละ ลินเอ๊ย"คนที่กำลังสับ
Chapter 4 ท้าทายกรุงเทพฯยามค่ำคืนดูวุ่นวายจากกลุ่มคนที่ทยอยกันกลับบ้าน รถบนท้องถนนค่อนข้างแน่น เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่ายในรถหรูสีดำเงาวับที่แล่นไปบนท้องถนนปะปนกับรถหลากหลายรุ่น ภาณุภัทรมีสมาธิอยู่กับการประชุมออนไลน์ผ่านแล็ปท็อป งานของเขาไม่มีเวลาเข้าออกที่ตายตัว สามารถทำงานได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเขาจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตามเหมือนจะสบาย แต่ก็ไม่ เหมือนจะง่าย ก็ไม่ง่าย การก้าวมายืนอยู่จุดสูงสุด มีคนอยู่ใต้อาณัติมากมาย มันคือความท้าทายคนวัยหนุ่มเช่นเขาต้องทำอย่างไรที่จะคุมคนเหล่านั้นให้เชื่อง ไม่มีใครคิดจะโค่นบัลลังค์ที่เขาครอบครอง ยืนหยัดมาได้ตลอดสิบกว่าปีเอี๊ยด! ปรี๊น ๆโครม!เสียงที่มาพร้อมกัน พร้อมสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่บริเวณท้ายรถ ภาณุภัทรเงยหน้าสบตากับคนขับผ่านกระจกส่องหลัง เก็บซ่อนอารมณ์คุกรุ่นไว้ภายใต้สีหน้าสุขุม เขารู้แล้วว่ามีอุบัติเหตุ เพียงแต่มันเกิดได้อย่างไรคนขับต้องมีคำตอบ"มีรถตัดหน้าเราครับ ผมเลยเบรกกะทันหัน"อินทัชที่นั่งคู่มากับคนขับหันมามองหน้าเจ้านายหนุ่ม"โชคดีที่เบรกทันนะครับ ไม่งั้นโดนทั้งหน้าทั้งหลัง""คุณลงไปเคลียร์ รีบเคลียร์รีบจบ อย่าให้ผมต้องเสียเว
Chapter 3 ติดหนี้ เกือบสี่ทุ่ม รถมอเตอร์ไซด์วิ่งมาจอดอยู่หน้าทาวน์เฮ้าท์สองชั้นเนื้อที่สิบหกตารางวา หญิงสาวในชุดนักศึกษาลงจากรถ จ่ายเงินให้คนขับวินที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ก่อนจะเปิดประตูรั้วลูกกรงเหล็กแล้วเดินเข้าบ้าน 'อลินดา' หญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยโดดเด่น ผิวกายขาวเนียนละเอียด หุ่นสมส่วนมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่แสนสวยงาม เธอเรียนอยู่ปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังเป็นคนเรียนเก่ง มุ่งมั่นตั้งใจเพื่ออนาคต แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านเท่าที่ควรจะเป็น เสียดาย...ความเก่งดันมาพร้อมกับความอาภัพ ต้นทุนเธอไม่สูงเหมือนคนอื่น ต้องกู้เงินเรียนพร้อมกับทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนไปด้วย มีน้องชายหนึ่งคน เรียนจบแค่ ม.3 ก็ออกมาหางานทำ เป็นลูกจ้างในอู่แห่งหนึ่งเพราะชอบแว้นซ์มอเตอร์ไซด์ เงินพอใช้บ้าง ไม่พอบ้าง บางครั้งก็หยิบยืมพี่สาวที่ก็ไม่ค่อยจะมี แล้วไม่เคยใช้คืน เมื่อเข้ามาในบ้าน ภาพที่เห็นจนชินตาคือแม่นั่งดื่มเหล้า ไม่มีงานมีการทำ อาศัยเงินที่ได้จากการเล่นพนันมาต่อชีวิตไปวัน ๆ บ้านช่องไม่เคยเก็บกวาด อลินดาที่ทั้งเรียนและทำงานจนไม่ได้พักผ่อน ต้องมา
Chapter 2 ปมอดีต แพนอเมริกันที่ทอดยาวกว่า 19000 ไมล์ เชื่อมอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ไว้ด้วยกัน จุดเริ่มต้นคืออลาสก้าไปสู่ปลายทางในเขตแดนบราซิลบนเส้นทางสายเปลี่ยว Bentley สีดำเงาวับแล่นฉิวไปบนนท้องถนนในเขตแดนเม็กซิโก เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาชญากรรมติดอันดับโลก รถคุ้มกัน Bentley ประกบหน้าหลัง ล้วนเป็นทหารรับจ้างฝีมือดีที่ถูกจ้างมาเป็นการ์ดคุ้มกันคนรวย และบรรดาผู้มีอิทธิพลที่ล้วนมีศัตรูซ่อนอยู่ในมุมมืด ในรถคันหรู บทสนทนาของคนสองคนระหว่างลูกชายและผู้เป็นพ่อที่กำธุรกิจมากมายไว้ในมือ เป็นเรื่องของความหวังและเป้าหมายในอนาคต ผู้สืบทอดธุรกิจเมื่อยามที่เขาวางมือ เรื่องการแต่งงานของลูกชายและส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยความไม่ลงรอยกัน "ฉันวางอนาคตไว้ให้นายหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องการแต่งงาน นายจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ฉันหาไว้ให้" ภาณุภัทรในวัยยี่สิบสอง เพิ่งเรียนจบ เขาคิดว่าตัวเองยังเด็กเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องแต่งงาน แววตาที่ออกจะต่อต้านความคร่ำครึมองเหยียด ภาษากายที่สื่อถึงความดื้อและหัวแข็ง "ถ้าผมยังไม่อยากมีเมีย อยากรู้เหมือนกันว่าป๊าจะทำยังไง"