หลงตัวเอง
แฟร์รี่พร้อมกระเป๋าเดินทางหยุดยืนอยู่หน้าบ้านไม้เก่าหลังหนึ่ง ที่สภาพเบื้องหน้าเสื่อมทรุดโทรมลงไปมาก ตัวบ้านพุพัง ไม่เหลือเค้าโครงที่จะสามารถอาศัยอยู่ได้เลย “เห้อออ บ้านคุณตาก็อยู่ไม่ได้เลย ต้องไปอยู่โรงแรมก่อนแล้วช่วงนี้” แฟร์รี่คิดในใจแล้วก็ลากกระเป๋าเดินออกไปเรียกรถเพื่อไปโรงแรม ครืดดด ครืดดด “ฮัลโหลค่ะ คุณแม่” แฟร์รี่ รับสายโทรเข้าของผู้เป็นแม่ เมื่อเธอเข้าพักในโรงแรมใกล้ๆ บริษัท MN jelwelly ที่ทำงานแห่งใหม่ที่เธอหลงกลถูกหลอกให้เซ็นสัญญา แต่เธอก็โทษใครไม่ได้ เพราะผิดที่เธอเอง ที่ไม่อ่านให้ดีก่อนที่จะเซ็นลงไป ‘กลับวันไหนลูกสาว’ วีณาถามขึ้น แฟร์รี่อ้ำอึ้งไม่รู้จะต้องตอบแบบไหนดี “เอ่ออ..” ‘มีอะไรหรือเปล่า บอกแม่ได้นะ เรามีกันอยู่แค่นี้ ห้ามมีความลับต่อกัน’ วีณาพูดออกมา เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอเป็นคนอย่างไร “แฟร์เซ็นสัญญาทำงานให้บริษัทไปแล้วค่ะ” แฟร์รี่เริ่มบอก แต่ยังคงบอกไม่ทั้งหมด ‘ดีเลย ลูกชอบใช่ไหม โอเคหรือเปล่า ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม’ วีณารัวคำถาม เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ลูกสาวไม่กล้าบอก “แฟร์โอเค แต่ระยะเวลาในสัญญาปีหนึ่งเลยค่ะ แฟร์ต้องอยู่ไทยอีก1ปี” ในที่สุดแฟร์รี่ก็ตัดสินใจบอกแม่ ‘1 ปี!!’ วีณาตกใจในการตัดสินใจของลูกสาวที่กระทันหัน เพราะลูกสาวบอกเธอแค่ว่าจะมาถ่ายงานแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น “ค่ะ แฟร์เซ็นสัญญาไปแล้วด้วย” ‘แล้วนี่เราจะอยู่ที่ไหน อะไร ยังไง ให้แม่ไปหา ไปอยู่ด้วยไหม’ “ไม่เป็นไรค่ะ แฟร์ไปดูบ้านคุณตามา อยู่ไม่ได้เลย แฟร์คิดว่าจะซื้อบ้านดี หรือจะเช่าไปก่อนแล้วรีโนเวทบ้านคุณตาดี” ‘เอาแบบนั้นก็ได้ เช่าคอนโดหรือบ้านไปก่อน’ วีณาเห็นด้วย “แฟร์ว่าเช่าบ้าน เช่าคอนโดมันแพงไป เอาแค่ห้องเช่าเล็กๆ ดีกว่า” ‘ไม่ได้! มันไม่ปลอดภัย’ วีณาเป็นห่วงลูกสาว เธอรีบคัดค้านความคิดของแฟร์รี่ “แฟร์ดูแลตัวเองได้” ‘ไม่ได้ ผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นแม่จะไปอยู่ด้วย’ วีณาเสนอ เธอรู้สึกเป็นห่วงแฟร์รี่ ที่ไม่เคยอยู่ไทย เคยมาแค่กลับมาเที่ยวกับตาของเธอแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวแฟร์ค่อยหาบ้านเช่าอีกที” แฟร์รี่ต้องยอม เพราะดีกว่าให้แม่ของเธอต้องย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนเธอเพราะงานของเธอเอง หลังจากวางสายไป แฟร์รี่ก็เลื่อนหาบ้านเช่าในอินเตอร์เน็ตระแวกใกล้เคียงกับสถานที่ทำงานของเธอมากที่สุด หายังไม่ได้ ก็มีสายเรียกเข้าเป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา เธอกดรับสายด้วยความสงสัย เธอเพิ่งมาอยู่ที่ไทย เพิ่งเปิดเบอร์ใหม่ยังไม่มีใครรู้จักเบอร์ ทำไมถึงมีคนโทรเข้ามาได้ “ฮัลโหล” ‘เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมแล้วใช่ไหม’ เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นมาตามสาย “ใช่ค่ะ นั่นใครคะ” แฟร์รี่ถามกลับ ‘ไปพักอยู่ที่ไหน’ เสียงปลายสายยังคงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำให้แฟร์รี่รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย กลัวจะเป็นพวกมิจฉาชีพมาหลอกถามที่อยู่ “เอ่อ นั่นใครคะ จะอยากรู้เรื่องของฉันไปทำไม” ‘เจ้านายเธอ!’ เสียงตอบกลับแบบห้วนสั้น แต่ทำให้แฟร์รี่รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเจ้านายของเธอดูท่าทางจะน่ากลัวยิ่งกว่ามิจฉาชีพเสียอีก เพราะเพิ่งจะหลอกเธอเซ็นสัญญาไป จนทำให้เธอต้องเดือดร้อนหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้กลับประเทศของเธอ “อ้อ...คุณมิวนิค มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าจะยกเลิกสัญญา” แฟร์รี่ถามอย่างมีความหวัง ‘ยังไม่ตื่นอีกเหรอ ถึงยังละเมออยู่อีก’ เขาถาม “เอ๊ะ! หลับอะไร แฟร์ยังไม่ได้นอนเลยค่ะ เพราะมัวแต่ยุ่งๆ” ‘ทำอะไรอยู่’ เสียงปลายสายยังคงถาม “เจ้านายจะอยากรู้ไปทำไมคะ สนใจลูกน้องดีจังเลยนะคะ ใส่ใจลูกน้องแบบนี้ทุกคนเลยเหรอคะ” แฟร์รี่เอ่ยแซวเขา เพราะคิดว่าเขาเป็นถึงเจ้านายแต่กลับต่อสายหาเธอโดยตรงไม่ผ่านเลขาเหมือนเมื่อก่อนที่เธอจะรับงาน ‘แค่กับเธอ’ เขาตอบกลับมาแค่สั้นๆ เท่านั้น แต่คำตอบของเขาทำเอาหัวใจดวงน้อยๆ ของคนฟัง เต้นแรงตุบตับแทบจะระเบิดออกมาจากอก “เอ่อ..” แฟร์รี่อ้ำอึ้ง หัวใจยังเต้นไม่ปกติ ‘ว่าไง ฉันถามว่าทำอะไรอยู่’ มิวนิคเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตอบตะกุกตะกัก “นอน...หาบ้านเช่าค่ะ” ‘หาทำไม’ “ก็หาที่อยู่สิคะ จะให้แฟร์อยู่แต่ในโรงแรมเหรอคะ เพราะคุณนั่นแหละ อยู่ๆ ก็หลอกให้เซ็นสัญญาทำงานตั้งปีหนึ่ง ยังไม่ทันได้เตรียมใจเลย” ‘มาอยู่กับฉัน!’ “ห๊ะ? อะไรนะคะ” แฟร์รี่แทบไม่เชื่อหูกับคำพูดที่ดังมาจากปลายสาย ‘ฉันมีบ้านที่ไม่มีคนอยู่ เธอไปอยู่ได้’ “ไมมีคนอยู่เหรอคะ” ‘ใช่ เป็นบ้านที่ฉันซื้อไว้พักผ่อน เอาไว้ทำงานเงียบๆ’ “เอ่อ งั้นแฟร์ขออยู่สักพักนะคะ เดี๋ยวรีโนเวทบ้านคุณตาเสร็จแล้วจะย้ายออก” แฟร์รี่บอกเขาออกไป เธอแค่ขออยู่ไม่นาน ‘นานได้ตามที่เธอต้องการ พรุ่งนี้ก็ขนของเข้าไปอยู่เลย’ “อย่าบอกนะ ว่าโทรมาถามแค่ว่า ทำอะไรอยู่แค่นี้อ่ะ” แฟร์รี่ถามเขาขึ้นมา ‘อะ เอ่อ จะโทรบอกว่า พรุ่งนี้ไปถ่ายชุดให้บริษัทแม่ฉันก่อน ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำหรอก ยังไม่ต้องเข้าบริษัทฉัน’ เขาตอบอึกอัก เพราะความจริงแล้วเขาแค่อยากคุยกับเธอ “ให้คุณเลขาติดต่อมาแจ้งก็ได้นี่คะ” แฟร์รี่บอก น้ำเสียงเหมือนจะรู้ทันเขา ‘นี่ไม่ใช่เวลางานแล้ว’ ชายหนุ่มแก้ตัว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เชื่อที่เขาบอก “เชื่อได้ไหมคะเนี่ย” ‘แล้วทำไมจะเชื่อไม่ได้ คิดว่าฉันโทรหาเธอทำไม หรือคิดว่าฉันอยากคุยกับเธอ’ “ก็ไม่รู้วววสิน๊าาาา” แฟร์รี่ทำเสียงเล็กสูง และยานคางคล้ายกับรู้ทันเขาแล้วทำเสียงล้อเลียน ‘หลงตัวเอง!’ เขาตอบกลับ แต่ความจริงแล้วที่เธอเข้าใจก็คงไม่ผิด เพราะเขาอยากคุยกับเธอจึงได้เอาเบอร์ติดต่อมาจากเลขา เขารู้ว่าเธอจะเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เลยอยากรู้ว่าเธอจะไปพักที่ไหน ไกลหรือเปล่า บ้านเธออยู่ที่ไหน เหมือนเลขาของเขาจะบอกว่าเธอบินมาจากต่างประเทศ “ไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย แล้วมันน่าคิดไหมล่ะคะ ดูสิเป็นแค่นางแบบตัวเล็กๆ แทนที่จะได้ติดต่องานกับทีมงานหรือเลขา แต่นี่กลับได้ติดต่องานกับเจ้านายใหญ่โดยตรง แถมเจ้านายโทรติดต่อมาหาด้วยตัวเองเลยนะเนี่ย” แฟร์รี่พูดยืดยาว ‘คิดว่าตัวเองสวยขนาดไหน ฉันถึงจะต้องโทรหา’ “อ้าว นี่คุณก็เป็นคนโทรมานะคะตอนนี้ แฟร์ไม่ได้โทรไปนะ ลืมหรือเปล่า” ‘หึ’ เขาหัวเราะในลำคอ ให้กับคนที่สามารถจับผิดเขาได้จนเขาเถียงไม่ออก “อุ้ย แฟร์ต้องสวยมากๆ แน่เลย ถึงทำให้เจ้านายโทรหาได้ 555” แฟร์รี่ล้อเลียนทำเสียงหลงตัวเอง แล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น ‘ติ๊งต๊อง! พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปรับ ไม่ต้องนั่งแท็กซี่มา แล้วก็ขนของเช็คเอ้าท์เลย เอากระเป๋าไว้ในรถ ไปถ่ายงานให้แม่ฉันเสร็จแล้ว จะให้คนขับรถพาไปบ้านเลย’ เขาบอกแผนตารางงานของเธอพรุ่งนี้ ซึ่งเขาได้จัดการจัดแจงทุกอย่างไว้แล้ว เหมือนวางแผนไว้ล่วงหน้า และที่เขาให้เธอเซ็นสัญญาทำงานให้เขา ไม่ได้ทำงานให้แม่เขาเหมือนกับที่เขาติดต่อไปครั้งแรก ก็เพราะพอเห็นเธอแล้วเขากลับรู้สึกชอบและหวงเธอ ที่จะต้องไปถ่ายชุดวาบหวิวที่แม่เธอเป็นคนออกแบบทั้งๆ ที่แม่มีนางแบบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดคือเอาเธอมาทำงานกับเขา มาอยู่บ้านเขา จะได้ใกล้กับเขามากที่สุด “รับแซ่บ!ค่ะเจ้านาย” แฟร์รี่รับคำสั่งด้วยน้ำเสียงสดใสขี้เล่น โดยที่ไม่รู้เลยว่าความสดใสของเธอทำให้คนอีกฝั่งมีรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า ‘ทำตัวเป็นเด็กไปได้’ เขาดุน้ำเสียงไม่จริงจัง “ก็ยังเด็กนะคะ เพื่ออายุ23 เอง” ‘แต่นมไม่เด็กแล้วนะ’ “ห๊ะ? อะไรนะคะเมื่อกี้ คุณว่าอะไรนะ” แฟร์รี่ฟังไม่ชัด เพราะมัวแต่หัวเราะอยู่ ‘ไม่มีอะไร แค่นี้แหละ พรุ่งนี้ฉันจะตามไปบริษัทแม่ทีหลัง’ เขาพูดจบก็กดวางสายไป โดยไม่ฟังว่าเธอจะตอบอะไร “อ้าว วางไปแล้ว พรุ่งนี้เขาจะตามไปทำไม ไม่มีงานทำเหรอ ถึงว่างตามไปดูได้...คงหมายถึงไปดูงานให้แม่มั้ง ไม่ได้จะไปดูเรา แต่เอ๊ะ แล้วมาบอกเราทำไม?” ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งมีแต่คำถามกับการกระทำของเขาแต่ละอย่าง มันแสดงออกว่าเขากำลังทำให้เธอรู้สึกว่าเธอพิเศษกว่าคนอื่นๆ ทั้งให้เซ็นสัญญา ทั้งให้ที่พัก ทั้งให้ทำงานค่าตัวก็สูง แถมไม่ให้ไปถ่ายงานชุดวาบหวิวอีก หรือเขากำลังรู้สึกชอบเธออยู่กันแน่นะ?คนขี้หวง“น้องแฟร์รี่มาแล้ววว” เสียงของเชอรี่ ดังขึ้นเมื่อแฟร์รี่ก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัว เพื่อเตรียมแต่งหน้าทำผมใส่ชุดถ่ายงานเซ็ตสุดท้าย“ขอตารางงานวันนี้หน่อยค่ะพี่เชอรี่” แฟร์รี่เอ่ยขึ้น ก่อนจะนั่งลงเพื่อรอช่างแต่งหน้า“ตารางวันนี้ เป็นเซ็ตสุดท้ายของน้องแฟร์รี่นะคะ คุณมิวนิคแจ้งมา เราไปทำอะไรให้คุณมิวนิคไม่พอใจหรือเปล่า ทำไมสั่งพักงานไม่ให้ถ่ายชุดอื่นๆ” เชอรี่ถามด้วยความสงสัย“ไม่ได้ทำอะไรนะพี่ ตั้งแต่วันนั้นที่ตกสระ แล้วชุดอื่นเป็นแบบไหนคะ น่ารักไหม แฟร์เสียดายจัง” คนตัวเล็กรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายชุดของบริษัทนี้ เพราะเธอรับงานมาก็เพราะชอบสไตล์การออกแบบ“ที่เหลือที่คุณมิวนิคไม่ให้ถ่ายก็คือชุดว่ายน้ำวาบหวิว ที่ไม่ใช่แบบน่ารักๆ เหมือนวันนั้น” เชอรี่อธิบาย แล้วมองมาที่แฟร์รี่ ดวงตาของเชอรี่เริ่มเปล่งประกาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางค์เริ่มอมยิ้มเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้“พี่มองหน้าแฟร์แล้วยิ้มทำไม” แฟร์รี่ถาม เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาเริ่มยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัย“พี่ว่าคุณมิวนิคต้องหวงน้องแฟร์แน่ๆ เพราะชุดที่เหลือเป็นชุดเซ็กซี่นุ่งน้อยห่มน้อยทั้งนั้นเลย” เชอรี่พูดพร้อมกับเอามือปิดปากหั
พาไปบ้าน“ตามิว!” เสียงของรัญดาเรียกสติ ให้มิวนิคกลับมา เมื่อเขากำลังมองไปทางห้องแต่งตัวของนางแบบ เพื่อรอคนตัวเล็กที่เขาสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดออกมา เขาจะพาไปดูบ้านที่จะให้เธอเข้าพักมิวนิคดึงสติตัวเองกลับมาตามเสียงเรียก พบว่าเป็นแม่ของเขา ใบหน้านิ่งเฉย สายตาคมดุมองไปที่คนเป็นแม่“ผมไม่ชอบการกระทำของแม่ที่ขัดใจผม” เขาเอ่ยขึ้นก่อนที่แม่ของเขาจะได้พูดอะไร“แม่ทำอะไร แม่ไม่ได้ทำอะไรน้องกี้เลย แม่แค่อยากให้น้องสวยๆ ใส่ชุดแม่แล้วสวยมากแกก็เห็น” รัญดาอธิบายให้ลูกฟัง“กี้สวย ใส่แล้วสวย...” มิวนิคพูดทวนคำพูดของแม่“ใช่ไหม เห็นไหมล่ะ น้องสวยแล้วแกจะมาโมโหอะไร ไม่ชอบเหรอที่คนอื่นมองน้องสวย” รัญดาเข้าใจผิดเข้าไปอีก“จะใส่สวยหรือไม่สวยก็ไม่เกี่ยวกับผม ที่ผมไม่โอเค ก็เพราะผมสั่งนางแบบของผมไว้แล้วว่าห้ามใส่ชุดนี้ แต่แม่ขัดคำสั่งของผม” มิวนิคบอกออกไปตรงๆ แม่ของเขาจะได้หายเข้าใจผิด คิดไปเองเสียทีว่า เขาหวง เขาชอบมาร์กี้คนที่แม่หามาให้ สำหรับมาร์กี้เขารู้สึกได้แค่น้องสาวเท่านั้น“อ้าว แล้วที่แกโมโห หงุดหงิดให้แม่เมื่อกี้ มันเพราะอะไร เพราะใครถ้าไม่ใช่หนูกี้” รัญดาเอ่ยถาม“นางแบบของผม!” เขาตอบห้วนๆ แล้วเดิ
มาเฟียเขิน TW Club สาวสวยหุ่นดี ในชุดมินิเดรสรัดรูป สีขาวมุกเลื่อมทำให้ผิวขาวอมชมพูดูมีออร่ามากขึ้น ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสาวเกาหลี ดวงตากลมใสสีน้ำตาลอ่อนระยิบระยับเมื่อต้องแสงไฟ สวมส้นสูงสีขาว เดินเข้ามาในคลับคนเดียว ความสวยสไตล์เกาหลีเรียกสายตาเกือบทุกคู่จ้องมาที่เธอเป็นจุดเดียว แฟร์รี่เดินไปนั่งที่เก้าอี้บาร์ ที่มีบาร์เทนเดอร์คอยชงเหล้าเสิร์ฟอยู่ “วิสกี้...” แฟร์รี่สั่งสั้นๆ “เอ่อ...ขอผมนั่งด้วยได้ไหมครับ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นด้านหลังเธอ ทำให้เธอหันไปตามเสียง แต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป ชายหนุ่มไม่รอให้เธออนุญาต เขานั่งบนเก้าอี้ข้างเธออย่างถือวิสาสะ “ไม่ทราบว่าคุณคนสวยชื่ออะไรครับ” เขาเอ่ยถามในขณะที่แฟร์รี่ยกวิสกี้ขึ้นดื่ม “เอ่อ แฟร์รี่ค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียบเรียบ แล้วหันกลับไปสนใจวิสกี้ต่อ “แฟร์รี่ ที่แปลว่า นางฟ้าเหรอครับ ชื่อนางฟ้า เหมาะกับหน้าตามากเลย” ชายหนุ่มยังคงพยายามชวนคุยต่อ “เอ่อ คุณมาคนเดียวเหรอคะ” แฟร์รี่ถาม ไม่ใช่ว่าเธอเกิดสนใจคนที่มานั่งด้วย แต่เธอถามเพราะอยากรู้ เผื่อว่าถ้ามีคนที่เขามาด้วย จะได้ให้เขารีบกลับไปหาคนนั้นเสียทีดีกว่าที่จะมานั่งถ
จูบแรก “พี่แฟร์คะ เราไปดื่มกันต่อเถอะ ปล่อยหนุ่มๆ ไว้นี่แหละ เราไปฉลองที่เราได้รู้จักกันสองคนตามประสาสาวๆ ดีกว่า” มูนเอ่ยชวนแฟร์รี่ “ก็ดีนะ เมื่อกี้พี่ยังไม่ทันได้ดื่มอะไรเลย” แฟร์รี่บอกแล้วลุกขึ้นยื่นมือไปจูงน้องสาวตัวเล็กเตรียมเดินออกไป “อย่าพากันดื้อ” เสียงของมิวนิคดังขึ้นตามหลังสาวๆ “รู้แล้วค่าา” มูนลากเสียงยาวตอบกลับเหมือนประชดเพื่อนพี่ชายที่ดุเบาๆ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ห่วงเธอ แต่ห่วงแฟร์รี่ผู้หญิงข้างๆ เธอ แฟร์รี่และมูนลงมานั่งฟังเพลง ดื่มเหล้าเบาๆ ที่โต๊ะชั้นล่างโซนข้างเวที ซึ่งเป็นที่ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านมากนัก ดื่มเริ่มได้ที่แฟร์รี่เริ่มหน้าแดง ก็มีชายหนุ่มโต๊ะข้างๆ เข้ามาคุยด้วย “สวัสดีครับ ขอชนแก้วได้ไหมเอ่ย” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นด้านหลังโต๊ะของสองสาว แฟร์รี่หันไปมองเห็นเป็นชายแปลกหน้าที่หน้าตาพอใช้ได้ แฟร์รี่ก้มลงมองแก้วเหล้าที่ยื่นมาตรงหน้าของแฟร์รี่ หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรยกแก้วตัวเองชนนิดหน่อยแล้วดื่ม ไม่ใช่ครั้งเดียวแต่ชายหนุ่มยื่นมาบ่อย จนทั้งสองสาวรู้สึกเริ่มมึนขึ้นมา “ชื่ออะไรกันบ้างครับเนี่ย สาวๆ” ชายหนุ่มคนหนึ่งในโต๊ะข้างๆ เริ่มบทสนทนา “ชื่อมูนค่ะ ส่ว
พี่ขอนะ(nc) “คุณตามแฟร์ขึ้นมาทำไมคะ” แฟร์รี่หันไปแว้ดใส่ชายหนุ่มที่เดินตามขึ้นบันไดมาชั้นสอง “ตามเธอที่ไหนกัน ฉันก็จะเข้าห้องของฉัน” เขาไม่พูดเปล่า ชี้นิ้วไปทางประตูห้องด้านหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเธอ “คุณคิดอะไรกับฉันหรือเปล่าเนี่ย รู้สึกเหมือนคุณจะตามฉันตลอดเลย” แฟร์รี่ถามเขา เดินเซถลาสะดุดกับพื้นต่างระดับหน้าประตูห้องนอน จนเกือบจะล้มลงแต่วงแขนแกร่งของเขาคว้ารอบเอวเธอไว้ได้ทันเสียก่อน “เธอนี่ก็ยังหลงตัวเอง คิดไปเองได้ตลอดเลยนะ” เขาพูดขึ้นในขณะที่ยังโอบรอบเอวเขาไว้ “เอ๊ะ! คุณนี่!” แฟร์รี่หันมาตั้งใจจะขอบคุณเขา แต่กลับต้องทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่เขาแทน ที่เขาต่อว่าเธอ “หรือไม่จริง” มิวนิคยังถามกลับ “ไม่จริงค่ะ ปล่อย!” แฟร์รี่สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเขา เขาจึงจงใจปล่อยวงแขนทำให้ร่างบางร่วงพื้นจนก้นจ้ำเบ้า “โอ้ย! เจ็บ~” คนตัวเล็กบ่น พร้อมกับส่งสายตาค้อนๆ มาทางเขาที่ยืนยิ้มกริ่มแกล้งเธอได้สำเร็จ “เมาแล้วยังจะอวดเก่งอีก แสดงว่ายังเมาไม่มากสินะ” เขาบอก พร้อมกับเดินเข้าห้องของตัวเองไป ปล่อยเธอทิ้งไว้ตรงนั้นให้คนเก่งลุกเดินเข้าห้องตัวเองไปเอง “คนบ้า” แฟร์รี่บ่นออดแ
พี่ขอนะ (nc) ใบหน้าคมคายผละออกจากท้องน้อยขาวเนียนอย่างเสียดาย เขายันตัวลุกขึ้นยืนด้วยเข่า มือหนาทั้งสองรีบปลดตะขอกางเกง รูดซิปลงอย่างเร็ว กางเกงตัวบางถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งกางเกงในสีดำด้วย เมื่อถอดออกแช้วส่งผลให้แก่นกายขนาดมหึมาใหญ่โตดีดตัวเด้งขึ้นตั้งชูชัน ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น สั่นสะท้านไปทั้งตัว คงามเสียวที่เธอได้รับ ไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนมาก่อนทำให้ร่างกายบิดเร่าไปมาสร้างความเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรับรู้สัมผัสถึงมือหนาร้อนที่กำลังลูบไล้ไปตามโคนขาขาว มือหนาทั้งสองข้างจับข้อเท้าเล็กแยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน “ดะ...เดี๋ยวค่ะ จะ...จะทำอะไรคะ” ศีรษะเล็กผงกขึ้น ดวงตาหวานหลุบมองใบหน้าเข้มที่กำลังก้มลงตรงกลางกายสาว แฟร์รี่แอบเผลอเม้มปากแน่นจนช้ำ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมาจากอก เมื่อมิวนิคค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้มลงไปใกล้ใจกลางความสาว “คะ...คุณ...อื้ออ” ยังไม่ทันที่จะมีเสียงร้องห้ามเล็ดรอดออกมาจากปากหญิงสาว ริมฝีปากครอบครองลงมาที่กลีบกุหลาบอวบอูมที่ตอนนี้ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำสวาทที่ออกมาจากร่างบาง “อ๋าาาา” ร่างบางเชิดหน้าแหงนขึ้น หลับตาพริ้ม ม
คุณหน้าไม่อาย จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกกระจิบตัวเล็กหลายตัวดังขึ้นด้านนอกกระจกหน้าต่างห้องนอนไม้ ที่ตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้โทนสีดำ ภายในห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่ทำหน้าที่ของมันมาตลอดทั้งคืน เพราะความเงียบของห้องจึงทำให้ได้ยินเสียงนกตัวเล็กที่ร้องอยู่ด้านนอกได้อย่างชัดเจน ร่างบางบนที่นอนโทนสีดำเทาสวมเสื้อเชิ้ตตัวยาวตัวเดียวเริ่มขยับ และตื่นจากการหลับใหลด้วยเสียงของนก เปลือกตาบางที่มีแพขนตาหนาดำยาวเริ่มกระพือเล็กน้อยกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับการรับแสงที่ส่องเข้าตา เมื่อปรับแสงได้เรียบร้อยแล้ว แฟร์รี่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ใบหน้าหวานก็แดงแปร๊ด ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที แฟร์รี่เริ่มขยับตัวลงจากเตียง เธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องไปถ่ายแบบชุดว่ายน้ำเซ็ตสุดท้ายให้กับแม่ของมิวนิค แฟร์รี่รู้สึกตัวร้อนๆ หนาวๆ เหมือนจะมีไข้ เธอพยายามขยับตัวลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว แต่ก็ต้องไปอย่างยากลำบาก เพราะรู้สึกทั้งร้อนทั้งหนาว ทั้งเจ็บแปลบตรงส่วนนั้น ที่ผลมาจากเหตุการณ์เมื่อคืน ยิ่งเธอคิดถึงเมื่อไร หน้าเธอก็แดงเพราะความเขิน
คนสร้างเรื่อง ศัตรูผู้ไม่รู้ตัวตน “มึงพาคนของมึงกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เลย” เสียงของหมอที่เป็นเพื่อนของมิวนิคพูดขึ้น เมื่อทำการรักษาและตรวจร่างกายหญิงสาวที่เพื่อนพามารักษาเมื่อสองวันที่แล้วด้วยอาการไข้ขึ้นสูง “ไม่มีอะไรมากแล้วใช่ไหม” มิวนิคถามกลับเพื่อความแน่ใจ “เหลือแค่ไข้นิดหน่อย นอนพักสักหน่อยก็หาย” หมอบอก มิวนิคพยักหน้ารับทราบ ก่อนหันไปหาคนตัวเล็กนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ “แฟร์หายแล้ว ขอบคุณนะคะที่ช่วย” แฟร์รี่เอ่ยขอบคุณเขา เมื่อหมอเดินออกไปแล้ว “ไม่ต้องมาขอบคุณ เธอขัดคำสั่งฉัน!” มิวนิคดุเธออย่างจริงจังที่ขัดคำสั่งของเขา ทำเอาคนตัวเล็กหน้าจ๋อยลงทันที “แฟร์กลัวว่า คุณรัญดาจะว่าแฟร์ไม่ทำงานทำการ เลยอยากจะถ่ายเซ็ตสุดท้ายให้เสร็จ” แฟร์รี่อธิบายให้เขาเข้าใจ สีหน้าของคนตัวโตอ่อนลงนิดหน่อยเมื่อได้ฟังเหตุผล “กลับบ้าน! แล้วพักผ่อนซะ ห้ามทำงาน ถ้าขัดคำสั่งอีก ฉันจะทำโทษเธอแบบคืนนั้น” มิวนิคคาดโทษ ทำเอาคนฟังนั่งหน้าแดง ทำสีหน้าไม่ถูก เช้าวันต่อมา มิวนิคออกไปทำงานแต่เช้า ปล่อยแฟร์รี่อยู่บ้านกับป้าสีที่เป็นแม่บ้าน โดยเขากำชับกับเธอและป้าสีว่าห้ามแฟร์รี่ออกไปทำงานเด็ดขาด “แบบนี
ต้อนรับเข้าสู่ สมาคมพ่อบ้าน หลังจากที่วินเซ่และแบล็คเกอร์ได้แต่งงานกันไปแล้ว 3 เดือน “ห้ามใส่ชุดที่โป๊เกินไป ชุดว่ายน้ำก็ห้ามใส่ บิกินี่ ทูพีช วันพีช อะไรก็ห้ามทั้งนั้นเข้าใจไหม” เสียงของมิวนิคสั่งกำชับแฟนสาว น้ำเสียงจริงจัง สั่งไว้เมื่อแฟร์รี่กำลังจะลงจากรถไปถ่ายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของรัญดาในวันนี้ ความจริงแล้ววันนี้ไม่มีถ่ายงาน แต่เขาขอร้องให้แม่บอกแฟร์รี่ว่าให้มาถ่ายงานให้แม่หน่อย เป็นตรีมชุดแต่งงานแบบริมทะเลที่แม่ออกแบบ เพราะเขาตั้งใจจะขอแฟร์รี่แต่งงาน “แต่...แบรนด์ของคุณน้าเป็นชุดว่ายน้ำนะคะ” แฟร์รี่ตอบเขา ชุดของรัญดาส่วนมากเป็นชุดว่ายน้ำ และที่แฟร์รี่ถ่ายๆ มาก็ชุดว่ายน้ำมีทั้งแบบน่ารัก ทั้งเซ็กซี่ และทั้งวาบหวิว “เออจริงว่ะ ไม่รู้แหละ เลือกชุดที่ไม่โป๊ เดี๋ยวเฮียบอกเชอรี่ไว้อีกที ว่าถ้าโป๊ห้ามให้หนูใส่” มิวนิคบอก เขากดต่อสายหาเชอรี่ ที่ตอนนี้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับแฟร์รี่แล้ว สั่งงานเรียบร้อยเขาก็ส่งคนตัวเล็กขึ้นไปชั้นบนของบริษัทแม่เขา “โอเคค่ะ แฟร์ไปทำงานก่อนนะ” “เสร็จแล้วรออยู่นี่กับแม่ เดี๋ยวเฮียมารับ ห้ามกลับก่อน ห้ามหนีเที่ยวที่ไหนเด็ดขาด” เขากำชับ “
ของเขาคนเดียว คนเดียวเท่านั้น มิวนิคอาบน้ำแต่งตัว ด้วยชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ วันนี้เขาตั้งใจจะไปเช็คของที่โกดัง เพื่่อรับสินค้าล็อตใหม่ที่เพิ่งส่งมาถึงกับพวกมังกรและซันที่ไปรออยู่ที่โกดังแล้ว ก่อนออกจากห้องเขาหันไปหาคนตัวเล็กที่นอนหลับใหลอยู่บนที่นอนนุ่ม จึงอดใจไม่ไหว เดินไปก้มกดริมฝีปากหนาลงบนหน้าผากนวล ไล่ลงจมูก เปลือกตาบางและจุมพิตที่ปากบางอมชมพูอ่อนอย่างนุ่มนวล แต่แม้จะนุ่มนวลแค่ไหนการกระทำนั้นก็ยังปลุกให้หญิงสาวบนที่นอนตื่นได้อยู่ดี “อื้อออ” แฟร์รี่งัวเงียลืมตาตื่นมองใบหน้าคมที่กำลังก้มมาใกล้ใบหน้าหวาน “ตื่นแล้วเหรอ ไอดื้อ” “ตื่นแล้ว เฮียจะไปไหนอ่ะ” คนตัวเล็กถามชายหนุ่ม ก่อนจะยกแขนเรียวขึ้นโอบรอบคอหนาไว้ “เฮียจะไปเช็คของที่โกดังกับพวกไอ้ซันกับไอ้มังกร” “จะกลับตอนไหน” “ยังไม่รู้เลย หนูไม่ต้องรอนะ สั่งอะไรมาทานเลย เฮียอาจจะกลับดึกหน่อย” ชายหนุ่มบอกเธอ แกมสั่งไว้ “ได้ค่ะ รีบกลับมานะ แฟร์เหงา” “ห้ามหนีเที่ยวรู้ไหม ห้ามดื้อ บ้านแม่ บริษัทแม่ก็ไม่ต้องไป รอเฮียกลับมาก่อนค่อยไป” เขาสั่ง “ถ้าพี่เชอรี่มารับก็ไปไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้ อันตราย รอไปพร้
ขอเอาแลกเบอร์โทร มิวนิคพาแฟร์รี่มายืนหยุดที่หน้าตึกแห่งหนึ่งใกล้กับบริษัทของเขา ตึกหรูหรา10 ชั้นกลางเมือง ภายในตึกเงียบเหมือนกับว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงลูกน้องของมิวนิคหลายสิบคนเท่านั้นที่ยืนอยู่โดยรอบ “บริษัทของเฮียเหรอคะ ทำไมเงียบจัง ไม่เห็นมีพนักงานเลย” แฟร์รี่เอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ใช่บริษัท ที่นี่เป็นบ้าน” เขาตอบ พร้อมกับดันหญิงสาวให้เดินเข้าไปด้านใน “บ้านเหรอคะ บ้านใคร แล้วเฮียพาแฟร์มาที่นี่ทำไม” “บ้านของเรา เฮียซื้อไว้ให้หนูอยู่ จะได้อยู่ใกล้ๆ บริษัท” “ค่ะ แล้วอยู่ชั้นไหนคะ เฮียซื้อห้องชั้นไหน ไม่เห็นจะมีคนอยู่เลย” แฟร์รี่ถามพร้อมกับมองเข้าไปด้านในตึก “ทุกชั้น!” มิวนิคพูดหน้าตาย “ห๊ะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะ” “ก็ทุกชั้น บ้านเราอ่ะทุกชั้น” “อย่าบอกนะ ว่าเฮียซื้อทั้งตึกเลยอ่ะ” “ตามนั้นแหละ” มิวนิคพูดแบบไม่รู้สีกรู้สาเดือดร้อนอะไร แล้วเดินนำเข้าตึกไปสำรวจความเรียบร้อย “เฮียบ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ซื้อทั้งตึก เงินเยอะเหรอคะ” ร่างบางวิ่งตามพร้อมกับพูดบ่นอุบอิบไปด้วย “อือ เงินเยอะ เหลือใช้ อยู่กับเฮียช่วยเฮียใช้ด้วยนะ” ชายหนุ่มหันมาพูดและส่งยิ้มเท่ๆ ให้กับ
แต่งงานกับเฮียไหม? รถสีขาวปรอทแล่นออกจากโกดัง พุ่งทะยานไปบนถนนโล่งด้วยความเร็ว ภายในรถเงียบสนิทไม่มีแม้แต่ใครพูดสักคำ แฟร์รี่เงียบเพราะยังรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มิวนิคเงียบเพราะเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง หลายครั้งหลายหนที่แฟร์รี่อยู่ห่างเขาแล้วเขาไม่สามารถดูแลเธอได้ ขนาดเขาให้เธออยู่บ้านอย่างเดียวก็ยังไม่วายที่จะโดนลอบทำร้าย เขาจะทำอย่างไรให้เธออยู่กับเขาตลอดเวลา และจะทำยังไงให้เธอได้ปลอดภัย “แฟร์...” มิวนิคเรียกชื่อคนข้างๆ เบาๆ “คะ?” “แต่งงานกันไหม?” มิวนิคถามเอาดื้อๆ ทำเอาคนฟังและคนได้ยินอย่างองศาที่ขับรถอยู่ชะงักกึกไปพักหนึ่ง เจ้านายเขาจะสุดโต่งอะไรขนาดนั้น ขอแต่งงานกับสาวง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ “อะ...เอ่อ” แฟร์รี่ตกใจเล็กน้อย อ้ำๆ อึ้งๆ แบบ งงๆ กับสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่เคยถูกขอแต่งงาน และการขอแต่งงานที่เธอเคยเห็น เคยรู้จักมันไม่เหมือนแบบนี้ เขาต้องขอแบบโรแมนติกไม่ใช่หรือ เลยทำให้เธอไม่รู้จะต้องตอบเขายังไง “ไม่แต่งกับเฮียเหรอ” มิวนิคถามย้ำ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ยอมตอบ องศาลอบมองทั้งคู่ผ่านกระจกแวบหนึ่ง ‘จะตอบได้ยังไงก่อนครับเจ้านาย ใครเขาสอนให้ถามผู้หญิงแบบน
บทลงโทษของเพื่อนใหม่ “ใช่ ฉันเอง” รัญดาเปลี่ยนสรรพนามที่เคยใช้แทนตัวเธอกับหญิงสาวตรงหน้าที่เธอเคยเอ็นดูเหมือนลูก เหมือนหลานคนหนึ่ง แต่มาวันนี้เด็กคนนี้กลับกำลังจะทำร้ายคนในครอบครัวเธอ “คุณน้ามาได้ยังไง...” มาร์กี้ยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ารัญดาจะอยู่และมาที่นี่ “ทำไม? แปลกใจมากเหรอที่เห็นฉันอยู่ที่นี่” “กี้...” มาร์กี้ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดีให้ฟังขึ้น จะบอกว่ามาช่วยแฟร์รี่ก็คงไม่ทัน สถานการณ์ที่แฟร์รี่ถูกจับมัดและมีเธอกับลูกน้องยืนล้อมเต็มไปหมดมันบ่งบอกว่าเธอคือ คนสั่งการ “ไม่ต้องหาคำแก้ตัวหรอก เพราะฉันได้ยินหมดแล้ว ตอนแรกก็กะว่าจะรอตามิวมาจัดการเอง แต่ได้ยินเสียงปืนเมื่อกี้ กับรอยเลือดที่ปากน้องแฟร์ ฉันคงไม่ต้องถามอะไรแล้วมั้งว่าใครเป็นคนทำ ฉันคงต้องถามว่า เธออยากจะตายแบบไหน ที่กล้ามาทำร้ายคนในครอบครัวฉัน!” รัญดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ทำเอาคนฟังขนลุกไปทั่วทั้งตัว “คนในครอบครัว?” มาร์กี้ถามออกมาเบาๆ เหมือนยังไม่เชื่อหูตัวเอง “ก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไรกับลูกชายฉัน ถึงเข้ามาเป็นคนในครอบครัวฉันได้!” “ไม่! ไม่จริงอ่ะ ไหนค
ไม่เลือกเธอ “อะไรนะคะคุณน้า คุณน้าเซ็นสัญญา กับ ยัยฟะ...เอ้ย นางแบบชื่อแฟร์รี่ ให้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ RD เหรอคะ” เสียงแหลมเล็กของมาร์กี้ถามรัญดา เมื่อรู้เรื่องว่ารัญดาเปลี่ยนนางแบบเซ็นสัญญาพรีเซนเตอร์แบรนด์เสื้อผ้าที่รัญดาออกแบบเป็นแฟร์รี่คู่แข่งแทนที่จะเป็นตัวเธอ “ใช่จ้ะ หนูมาร์กี้มีปัญหาอะไรไหมจ๊ะ” รัญดาถามมาร์กี้กลับเมื่อเห็นอีกฝ่ายตกใจ คงมั่นใจว่าต้องเป็นตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอเอ็นดูอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้แทนแฟร์รี่ที่เธอไม่ชอบ แต่ตอนนี้เธอรู้พฤติกรรมหลายๆ อย่างของเธอจากองศา ลูกน้องคนสนิทของมิวนิคแล้ว จึงเห็นสมควรว่าเธอคนนี้ยังเด็กเกินไป ยังไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของมิวนิค อีกอย่างตอนนี้เธอเองเข้าใจอะไรในตัวแฟร์รี่หมดแล้ว “เอ่อ กี้คิดว่า...” “อ่อ สำหรับหนูกี้ใช่ไหมจ๊ะ น้าให้หนูกี้ไปถ่ายให้อีกแบรนด์หนึ่ง เป็นแบรนด์ของเพื่อนน้าเอง” รัญดาบอกมาร์กี้ แล้วเตรียมจะเดินออกไป แต่มาร์กี้ไม่ต้องการแบบนั้น เธออยากถ่ายของแม่มิวนิค อยากสนิท อยากให้แม่ของเขาเชียร์เธอให้ได้ใกล้ชิดกับมิวนิค เพื่อนของพี่ชายที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่เด็กๆ “คะ...ค่ะ” มาร์กี้รับคำอย่างจำใจ ในใจแอบโกรธและเสียดายที่
ไม่ถึงบ้าน คลับ TW เสียงเพลงเปิดกระหึ่มดังทั่วทั้งคลับ ผู้คนมากมายทั้งนั่งดื่มสบายๆ ทั้งยืนเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกเบาๆ ไปกับเสียงเพลง ท่ามกลางผู้คนมากมายไม่ว่าคนจะเยอะแค่ไหน แต่มิวนิคที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะเพื่อดูแลหญิงสาวคนสำคัญทั้งสอง แม่และเมียของเขาอยู่ห่างๆ ท่ามกลางวงล้อมของคนมากมาย สาวในชุดมินิเดรสเกาะอกเกือบหลุด ชุดรัดรูปสีขาวไข่มุกเลื่อม สะท้อนแสง ผมสั้นประบ่า ลอนสวยสีน้ำตาลอ่อน รับกับใบหน้ารูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อย แบบฉบับสาวเกาหลี แต่งตัวค่อนข้างน้อยกว่าผู้หญิงคนอื่น กลับดูเด่นมีออร่าที่สุดในคลับ หรืออาจจะเป็นเพราะเธอคือเมียเขา ตั้งแต่ได้เธอเป็นเมีย ผู้หญิงคนไหนก็ไม่เคยสวยในสายตาเขาอีกเลย “น้องแฟร์ๆ มาเต้นๆๆ ลูก” รัญดาตะโกนชวนแฟร์รี่เต้นแข่งกับเสียงเพลงที่ดังมาก “คุณน้าเต้นก่อนเลยค่ะ แฟร์ยังไม่กล้า น้องคะพี่ขอเหล้าเพิ่ม” แฟร์รี่ตอบรัญดา ก่อนหันไปสั่งเหล้าอีก เธอยังรู้สึกเขินอายที่จะเต้นเพราะคลับที่นี่ไม่เหมือนที่เกาหลี เธอจึงต้องใช้ความเมาเป็นที่เสริมความกล้าและความมั่นใจให้ตัวเอง เมื่อเริ่มมึนเมาได้ที่แล้ว แฟร์รี่ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินไปหารัญดาที่เต้นโยกย้ายอยู่กลางคล
คำขอโทษที่จริงใจ “ทำไมปฏิเสธเฮีย ไม่รักเฮียบ้างเหรอ ไม่สงสารกันเลยเหรอหือ?” มิวนิคเอ่ยถามพร้อมกับยกมือสองข้างกุมแก้มป่องๆ ไว้ “ยังไม่ไป ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปนี่คะ” แฟร์รี่พูดพร้อมกับส่งยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเขา “ยังไม่ไป แปลว่าไม่ไปวันนี้ ไปวันอื่นเหรอ รออะไรครับ” เขาถามเสียงเพราะ ทำเอาแฟร์รี่ที่ไม่ค่อยได้ยินเกิดขนลุกขนพองทันที “แฟร์เป็นห่วงแม่” “ไม่ต้องห่วงแม่หรอกแฟร์ แม่อยู่ได้ แม่ชอบความสงบร่มเย็นที่นี่ และกำลังสนุกกับการรีโนเวทบ้านของตาทีละเล็ก ทีละน้อย” เสียงของวีณาดังขึ้นด้านหลังของคนตัวเล็ก “แต่แม่ต้องอยู่คนเดียว” แฟร์รี่พูดด้วยความเป็นห่วง “คนเดียวที่ไหน ป้าจีก็อยู่ข้างๆ บ้าน ก้อยลูกสาวป้าจีก็อยู่ด้วย ไม่ต้องห่วง” วีณาอธิบายให้ลูกสาวฟัง จะได้ไม่ต้องห่วงว่าเธอจะอยู่คนเดียว เธอมีเพื่อนบ้าน ที่เป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นของชัยยศ ที่เป็นพ่อของวีณา ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด “อยู่ได้จริงๆ นะแม่” แฟร์รี่ลุกขึ้นจากเปลเดินไปจับมือทั้งสองของแม่อย่างเป็นห่วง “แม่อยู่ได้ กลับไปกับพี่เขา ไปทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จ ให้จบสัญญา อย่าเป็นคนที่ชอบผิดสัญญาไม่ว่าจะสัญญาเรื่องอะไรท
เด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น ครืดดดดด ครืดดดดด เสียงมือถือเครื่องสีดำสั่นสะเทือนกับพื้นโต๊ะทำงาน มิวนิคละสายตาจะเอกสารมองมือถือที่สั่นไม่หยุดเพราะมีสายเรียกเข้าจาก แม่ของเขา ชายหนุ่มกดรับสายทันที เพราะแม่อาจจะแจ้งเรื่องที่อยู่ของแฟร์รี่ “ฮัลโหลครับคุณหญิง” ชายหนุ่มรับสายด้วยเสียงทะเล้นอย่างอารมณ์ดี คิดว่าจะได้รับข่าวดีวันนี้ ‘เรียกแบบนี้ ฉันวางสาย!’ รัญดาตอบกลับอย่างไวไม่สบอารมณ์ “โอ๋ๆๆ ล้อเล่น” ‘เรียกแบบนั้นมันดูแก่ ไม่ชอบ’ “ล้อเล่นน่าา” ชายหนุ่มรีบโอ๋แม่ ‘จะโทรมาแจ้งข่าว เล่นแบบนี้ไม่ต้องเอาละ’ “อย่าใจร้าย ถ้าใจร้าย ง้อแฟร์ได้จะไม่ให้ไปเป็นนางแบบชุดให้นะ” มิวนิคพูดขู่แม่ของเขา เพราะตอนนี้เขารู้ว่าแม่ของเขากำลังต้องการแฟร์รี่เป็นนางแบบมาก งานที่แฟร์ถ่ายไว้ให้ คอลเล็กชั่นนั้นขายดีที่สุดกว่าคอลเล็กชั่นอื่น ‘แกอย่ามาขู่ฉัน ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ชีวิตแกอยู่ในมือฉันนะ ถ้าฉันไม่บอกแกจะไม่มีทางได้เจอน้องแฟร์แน่นอน’ รัญดาขู่กลับ “เคๆ เราดีกันเถอะ บอกมาๆ” มิวนิครบเร้า ‘ก็ได้ จะยอมครั้งเดียว’ “คร้าบ บอกมาสักที” ‘แฟร์รี่และแม่ของเธอตอนนี้ อยู่ที่...’ รัญดาเว้นวรรคไว้แค่น