มาเฟียเขิน
TW Club สาวสวยหุ่นดี ในชุดมินิเดรสรัดรูป สีขาวมุกเลื่อมทำให้ผิวขาวอมชมพูดูมีออร่ามากขึ้น ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสาวเกาหลี ดวงตากลมใสสีน้ำตาลอ่อนระยิบระยับเมื่อต้องแสงไฟ สวมส้นสูงสีขาว เดินเข้ามาในคลับคนเดียว ความสวยสไตล์เกาหลีเรียกสายตาเกือบทุกคู่จ้องมาที่เธอเป็นจุดเดียว แฟร์รี่เดินไปนั่งที่เก้าอี้บาร์ ที่มีบาร์เทนเดอร์คอยชงเหล้าเสิร์ฟอยู่ “วิสกี้...” แฟร์รี่สั่งสั้นๆ “เอ่อ...ขอผมนั่งด้วยได้ไหมครับ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นด้านหลังเธอ ทำให้เธอหันไปตามเสียง แต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป ชายหนุ่มไม่รอให้เธออนุญาต เขานั่งบนเก้าอี้ข้างเธออย่างถือวิสาสะ “ไม่ทราบว่าคุณคนสวยชื่ออะไรครับ” เขาเอ่ยถามในขณะที่แฟร์รี่ยกวิสกี้ขึ้นดื่ม “เอ่อ แฟร์รี่ค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียบเรียบ แล้วหันกลับไปสนใจวิสกี้ต่อ “แฟร์รี่ ที่แปลว่า นางฟ้าเหรอครับ ชื่อนางฟ้า เหมาะกับหน้าตามากเลย” ชายหนุ่มยังคงพยายามชวนคุยต่อ “เอ่อ คุณมาคนเดียวเหรอคะ” แฟร์รี่ถาม ไม่ใช่ว่าเธอเกิดสนใจคนที่มานั่งด้วย แต่เธอถามเพราะอยากรู้ เผื่อว่าถ้ามีคนที่เขามาด้วย จะได้ให้เขารีบกลับไปหาคนนั้นเสียทีดีกว่าที่จะมานั่งถามเธออยู่แบบนี้ “ผมโสดครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้าตอบกลับ “ไม่ได้ถามค่ะ ว่าโสดไหม” “ก็เห็นคุณแฟร์รี่ถามว่าผมมากับใคร เหมือนพยายามถามอ้อมๆ ว่าผมมีแฟนหรือยังแต่ไม่กล้าถามใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างหลงตัวเอง “ไม่ใช่ค่ะ แต่แค่อยากให้คุณรีบกลับไปหาคนที่คุณมาด้วย” แฟร์รี่บอกออกไปตามความจริง “อ่อ ผมมากับเพื่อนครับ แต่คิดว่าเพื่อนผมคงไม่สนใจหรอกครับถ้าเห็นผมนั่งอยู่กับคนสวยๆ” “ค่ะ...” แฟร์รี่ตอบคนหลงตัวเองสั้น แล้วส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้ คนอะไรหลงตัวเองไม่พอ ยังไม่เข้าใจอะไรเลย “ผมชื่อ ที นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณแฟร์รี่ ถ้าไม่รังเกียจผมขอเลี้ยงวิสกี้คุณสักแก้วนะครับ” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่ายื่นมือมาจับมือบางที่วางไว้บนโต๊ะบาร์ข้างแก้ววิสกี้ “รังเกียจค่ะ!” แฟร์รี่ชักมือออกจากมือเขาอย่างเร็ว แล้วเผลอพูดออกมา “อะ..อะไรนะครับเมื่อกี้” ชายหนุ่มเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองในสิ่งที่ได้ยิน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ผ่านมาปฏิเสธความหล่อของเขาเลย เขาจึงไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เอ่อ...คือฉันไม่ได้มาคนเดียว” แฟร์รี่โกหกออกไป เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดกับชายแปลกหน้าที่พยายามถึงเนื้อถึงตัวเธอ “มากับใครครับ ผมเห็นคุณมาคนเดียวตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วนะครับ” ชายหนุ่มยังตื้อ “ฉันนัดเพื่อนไว้ค่ะ เดี๋ยวคงมา” “คุณโกหกผมแน่ๆ” เขาบอกอย่างรู้ทัน รู้ดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องที่ตัวเองทำคนอื่นอึดอัด “เอ่อ...” แฟร์รี่ไม่รู้จะหาคำไหนมาอ้าง “เธอมากับกู!” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียบๆ แต่แฝงได้ด้วยความดุดัน สายตาสองคู่หันไปทางต้นเสียง “คุณมิวนิค” แฟร์รี่พึมพำชื่อเขาออกมาเบาๆ เมื่อเห็นเขาในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ กระดุมถูกปลดออกสองสามเม็ดทำให้เห็นกล้ามอกแน่นๆ ด้านหลังของเขามีชายอีกสองคนและอีกหนึ่งสาวตัวเล็กน่ารัก “ไปซะ!! ถ้ายังอยากมาเที่ยวที่นี่อีก” มิวนิคพูดเสียงเรียบนิ่งกับชายหนุ่มที่เข้ามายุ่มย่ามกับคนของเขา “หืออ ใหญ่มาจากไหนกันครับเนี่ย อยากจะจีบเธอก็ไปต่อแถวครับ คนนี้กูเจอก่อน” ทีพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว เพราะผู้ชายที่เขาเห็นหน้าละอ่อน ดูไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเขาได้ “น้องครับ พี่ว่าอย่ายุ่งกับมันดีกว่า ถ้ายังอยากหล่ออยู่” เสียงของชายหนุ่มด้านหลังมิวนิคพูดขึ้น “ทำไม! มันเก่งมากนักเหรอ” ทียังคงถามต่อ เขามั่นใจว่าเขาเองก็มีอำนาจมากไม่น้อยไปกว่าใคร “เก่งไม่เก่ง ก็พามึงลงนรกได้แล้วกัน” เสียงของชายอีกคนที่อยู่ด้านหลังแทรกขึ้นมา “คร้าบ เก่งขนาดถึงจะพากูลงนรกได้เลยงั้นเหรอ ไหนมึงลองทำซิ ถ้ามึงทำได้มึงก็จีบเธอได้” ทีท้าทายอำนาจมืด “ฉันว่าแกอย่าลองดี ดีกว่านะ เตือนด้วยความหวังดี” คราวนี้เป็นเสียงหวานๆ ของผู้หญิงตัวเล็กพูดขึ้นบ้าง “555 นี่ฉันต้องกลัวพวกแกไหมเนี่ย ไหนใครสักคนลองบอกฉันสิ ว่าไอ้หน้าอ่อนนี่คือใคร” หมับ! ยังไม่ทันที่จะมีใครได้เอ่ยบอก มือหนาของมิวนิคก็คว้าหมับเข้าที่คอของที อย่างเต็มแรง มือแข็งออกแรงบีบจนเจ้าของคอรู้สึกอึดอัด พยายามแกะมือออก ดิ้นขลุกขลัก “คะ...คุณมิวนิค” แฟร์รี่ยกมือบางเกาะแขนข้างที่กำลังบีบคอที เป็นการห้ามให้เขา หยุดจากการบีบคอคนอวดดีตรงหน้า แค่ก แค่ก เสียงไอของทีดังขึ้นเมื่อคอได้รับอิสระ องศาเดินเข้ามาลากตัวเขาออกไปท่ามกลางเสียงโวยวายของเขาที่สู้แรงขององศาไม่ได้ “ถ้าเธอดื้อ ฉันจะปล่อยให้มันยุ่มย่ามกับเธอ” มิวนิคหันไปดุคนตัวเล็กที่เป็นต้นเหตุ “อ้าว แฟร์ดื้อตรงไหน แค่มาเที่ยว” แฟร์รี่แก้ตัว “ก็เพราะหนีมาเที่ยวนี่แหละ” “ใครหนี แฟร์แค่มาเที่ยว” “มาเที่ยวคนเดียว ไม่บอกฉัน เขาไม่เรียกว่า หนี ตรงไหน” มิวนิคไม่พูดเปล่าเขากระชากแขนแฟร์รี่มากระแทกที่อกแกร่งแล้วโอบกอดไว้หลวมๆ “ไม่ได้หนี ไม่เรียกว่าหนี เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมไปไหนมาไหนต้องบอกด้วย” แฟร์รี่บอกคนตัวโต “เป็น!! เป็นเจ้านายเธอไง” เขาตอบกลับในขณะที่ยังมองด้วยสายตานิ่งๆ “แต่นี่ไม่ใช่เวลางาน” แฟร์รี่สวนกลับ “จะยืนคุยตรงนี้กันอีกนานไหม ถ้านานจะได้ขึ้นข้างบนก่อน” มังกรพูดขัดทั้งสองคนที่คิดว่าตัวเองอยู่กันสองคนในคลับมั้ง พูดเหน็บจบเขาก็เดินนำขึ้นชั้นบนของคลับที่เป็นห้องวีไอพี ภายในห้องวีไอพี สองหญิง สามชาย นั่งดื่มเหล้าอย่างเงียบๆ แฟร์รี่รู้สึกอึดอัด ได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ที ยังไม่มีใครเริ่มสนทนาก่อน ทำไมเธอต้องตามขึ้นมานั่งในนี้ด้วยเธอเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน “เอ่อ...” แฟร์รี่อยากเริ่มสนทนา แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง “ฉันชื่อ มูน เป็นน้องของพี่ซัน” ผู้หญิงตัวเล็กผิวขาว หน้าตาน่ารัก ผมยาวตรงสีดำ นั่งข้างๆ ผู้ชายแปลกหน้าทั้งสอง เริ่มแนะนำตัวเองก่อนคนแรกแล้วชี้นิ้วไปที่หนึ่งในชายด้านซ้ายที่มีผมสีทองออกแดงเหมือนแสงพระอาทิตย์ตามชื่อเลย “ฉันชื่อ แฟร์รี่” แฟร์รี่เริ่มแนะนำตัวบ้าง “ส่วนพี่คนนี้ชื่อ มังกร พวกเขาเป็นเพื่อนพี่มิว” มูนบอกเธอด้วยท่าทางน่ารักสดใส “เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ ฉันเป็น...นางแบบให้กับบริษัทของคุณมิวนิคค่ะ” “หือ คุณแฟร์รี่เป็นนางแบบนี่เอง ถึงว่าสวยและหุ่นดีมากเลย” มูนเริ่มคุยมากขึ้น ทำให้ไม่อึดอัดเหมือนตอนแรก “ขอบคุณนะ” แฟร์รี่เอ่ยบอก “แล้วนี่คุณแฟร์รี่ อายุเท่าไรคะ มูนจะได้เรียกถูก” มูนถามแฟร์รี่ “แฟร์อายุ 23 ค่ะ” “อุ้ย เป็นพี่ของมูน งั้นมูนต้องเรียกพี่แฟร์แล้วค่ะ ส่วนพี่ชายทั้งหลายอายุ มากกว่าพี่ 2ปี” “อ่อค่ะ” “พูดมาก!” มิวนิคเอ่ยขึ้นขัดเสียงเจื้อยแจ้วของมูน น้องสาวเพื่อนที่เขาเองก็รักเหมือนน้องสาวตัวเองเหมือนกันเพราะเขาไม่มีน้องสาว ความจริงแล้วในกลุ่มของเขามีสมาชิก 5 คน มีมิวนิค ซัน มูน มังกร และมาร์กี้น้องของมังกรอีกคน ที่ไม่ค่อยมาเที่ยวกับพวกเขา เพราะมัวแต่เอาใจแม่ของมิวนิค อยู่ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ค่อยชวนมาร์กี้มากกว่า หากมาร์กี้มา ส่วนมากมิวนิคจะไม่ค่อยมากับพวกเขา “เอ๊ะ! พี่มิว พูดไม่ดีกับน้องเลย รู้แบบนี้ไม่บอกดีกว่าว่าเห็นพี่แฟร์ กำลังโดนหนุ่มจีบ” มูนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปากส่งให้มิวนิคเพื่อนของพี่ชายอย่างผู้ชนะ “ไม่บอก ฉันก็เห็นเองอยู่ดี” เขาพูดขึ้น ความหมายของเขาก็ออกเป็นนัยอยากจะชมคนตัวเล็กว่าสวย ต่อให้เธออยู่ตรงไหนก็มีออร่าจนเขามองเห็นได้อยู่ดี “หึย พี่มิวชอบพี่แฟร์เหรอ” มูนเด็กดื้อถามออกไปตรงๆ ทำเอาแฟร์รี่ทำหน้าไม่ถูก หันไปมองหน้ามิวนิค อย่างรอคำตอบ เธอเองก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะการกระทำของเขาทุกอย่างมันบ่งบอกว่าเธอพิเศษกว่าคนอื่นๆ “ไอ้ซัน! มึงเอาน้องมึงไปเก็บ” มิวนิคไม่ตอบคำถามของน้อง หันไปหาพี่ชายของเธอให้จัดการน้องตัวเอง “มึงตอบน้องกู กูเองก็อยากรู้เหมือนกัน” ซันหันมาพูดกับเขา เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน “กูว่า...ผู้หญิงข้างๆ มึงก็อยากรู้ นั่งอ้าปากรอคำตอบน้ำลายยืดแล้ว” มังกรเอ่ยขึ้นแซวเมื่อเห็นแฟร์รี่ที่นั่งข้างๆ มิวนิค มองหน้ามิวนิคอย่างรอคำตอบ “ถ้าพวกมึงไม่หุบปาก กูจะเอาหมัดกระแทกปากพวกมึง ไม่ต้องมาอยากรู้เรื่องกู” มิวนิคพูดแก้เขิน เรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนและน้องได้เป็นอย่างดี เพราะพวกนั้นรู้ว่าอาการที่มิวนิคเป็นอยู่คืออาการของคนเขินจนทำอะไรไม่ถูก “แฟร์ก็อยากรู้ค่ะ” แฟร์รี่ขยับมาใกล้ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาอย่างคาดคั้นคำตอบ “ไปกินเหล้า ถ้าไม่งั้นจะพากลับบ้าน” มิวนิคเขินขึ้นไปอีกเมื่อแฟร์รี่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เขาเอามือหนายกขึ้นดันหน้าผากมนของแฟร์รี่ออกอย่างเขิน เขาหันหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กเห็นใบหน้าคมที่แดงถึงใบหู แฟร์รี่เห็นอาการเขินของชายหนุ่มตรงหน้าก็ยิ้มออกมา คนอะไร เวลาเขินน่ารักชะมัด’ “เขินเหรอคะ คนดุๆ แทบจะบีบคอผู้ชายคนนั้นหายไปไหน ทำไมเห็นแต่คนหน้าแดงตรงนี้ หรือว่าคุณมิวนิคเมาแล้วเหรอคะ” แฟร์รี่เอ่ยแซวแกล้งให้เขาเขินมากขึ้น “ถ้ายังไม่เงียบฉันจะปิดปากเธอ ด้วย...ปากของฉัน” มิวนิคยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ พูดกับเด็กขี้แกล้ง เขาใช้คำพูดท้ายประโยคเบามากๆ กลัวคนอื่นจะได้ยินแล้วแซวเขาขึ้นมาอีกครั้งจูบแรก “พี่แฟร์คะ เราไปดื่มกันต่อเถอะ ปล่อยหนุ่มๆ ไว้นี่แหละ เราไปฉลองที่เราได้รู้จักกันสองคนตามประสาสาวๆ ดีกว่า” มูนเอ่ยชวนแฟร์รี่ “ก็ดีนะ เมื่อกี้พี่ยังไม่ทันได้ดื่มอะไรเลย” แฟร์รี่บอกแล้วลุกขึ้นยื่นมือไปจูงน้องสาวตัวเล็กเตรียมเดินออกไป “อย่าพากันดื้อ” เสียงของมิวนิคดังขึ้นตามหลังสาวๆ “รู้แล้วค่าา” มูนลากเสียงยาวตอบกลับเหมือนประชดเพื่อนพี่ชายที่ดุเบาๆ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ห่วงเธอ แต่ห่วงแฟร์รี่ผู้หญิงข้างๆ เธอ แฟร์รี่และมูนลงมานั่งฟังเพลง ดื่มเหล้าเบาๆ ที่โต๊ะชั้นล่างโซนข้างเวที ซึ่งเป็นที่ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านมากนัก ดื่มเริ่มได้ที่แฟร์รี่เริ่มหน้าแดง ก็มีชายหนุ่มโต๊ะข้างๆ เข้ามาคุยด้วย “สวัสดีครับ ขอชนแก้วได้ไหมเอ่ย” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นด้านหลังโต๊ะของสองสาว แฟร์รี่หันไปมองเห็นเป็นชายแปลกหน้าที่หน้าตาพอใช้ได้ แฟร์รี่ก้มลงมองแก้วเหล้าที่ยื่นมาตรงหน้าของแฟร์รี่ หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรยกแก้วตัวเองชนนิดหน่อยแล้วดื่ม ไม่ใช่ครั้งเดียวแต่ชายหนุ่มยื่นมาบ่อย จนทั้งสองสาวรู้สึกเริ่มมึนขึ้นมา “ชื่ออะไรกันบ้างครับเนี่ย สาวๆ” ชายหนุ่มคนหนึ่งในโต๊ะข้างๆ เริ่มบทสนทนา “ชื่อมูนค่ะ ส่ว
พี่ขอนะ(nc) “คุณตามแฟร์ขึ้นมาทำไมคะ” แฟร์รี่หันไปแว้ดใส่ชายหนุ่มที่เดินตามขึ้นบันไดมาชั้นสอง “ตามเธอที่ไหนกัน ฉันก็จะเข้าห้องของฉัน” เขาไม่พูดเปล่า ชี้นิ้วไปทางประตูห้องด้านหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเธอ “คุณคิดอะไรกับฉันหรือเปล่าเนี่ย รู้สึกเหมือนคุณจะตามฉันตลอดเลย” แฟร์รี่ถามเขา เดินเซถลาสะดุดกับพื้นต่างระดับหน้าประตูห้องนอน จนเกือบจะล้มลงแต่วงแขนแกร่งของเขาคว้ารอบเอวเธอไว้ได้ทันเสียก่อน “เธอนี่ก็ยังหลงตัวเอง คิดไปเองได้ตลอดเลยนะ” เขาพูดขึ้นในขณะที่ยังโอบรอบเอวเขาไว้ “เอ๊ะ! คุณนี่!” แฟร์รี่หันมาตั้งใจจะขอบคุณเขา แต่กลับต้องทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่เขาแทน ที่เขาต่อว่าเธอ “หรือไม่จริง” มิวนิคยังถามกลับ “ไม่จริงค่ะ ปล่อย!” แฟร์รี่สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเขา เขาจึงจงใจปล่อยวงแขนทำให้ร่างบางร่วงพื้นจนก้นจ้ำเบ้า “โอ้ย! เจ็บ~” คนตัวเล็กบ่น พร้อมกับส่งสายตาค้อนๆ มาทางเขาที่ยืนยิ้มกริ่มแกล้งเธอได้สำเร็จ “เมาแล้วยังจะอวดเก่งอีก แสดงว่ายังเมาไม่มากสินะ” เขาบอก พร้อมกับเดินเข้าห้องของตัวเองไป ปล่อยเธอทิ้งไว้ตรงนั้นให้คนเก่งลุกเดินเข้าห้องตัวเองไปเอง “คนบ้า” แฟร์รี่บ่นออดแ
พี่ขอนะ (nc) ใบหน้าคมคายผละออกจากท้องน้อยขาวเนียนอย่างเสียดาย เขายันตัวลุกขึ้นยืนด้วยเข่า มือหนาทั้งสองรีบปลดตะขอกางเกง รูดซิปลงอย่างเร็ว กางเกงตัวบางถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งกางเกงในสีดำด้วย เมื่อถอดออกแช้วส่งผลให้แก่นกายขนาดมหึมาใหญ่โตดีดตัวเด้งขึ้นตั้งชูชัน ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น สั่นสะท้านไปทั้งตัว คงามเสียวที่เธอได้รับ ไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนมาก่อนทำให้ร่างกายบิดเร่าไปมาสร้างความเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรับรู้สัมผัสถึงมือหนาร้อนที่กำลังลูบไล้ไปตามโคนขาขาว มือหนาทั้งสองข้างจับข้อเท้าเล็กแยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน “ดะ...เดี๋ยวค่ะ จะ...จะทำอะไรคะ” ศีรษะเล็กผงกขึ้น ดวงตาหวานหลุบมองใบหน้าเข้มที่กำลังก้มลงตรงกลางกายสาว แฟร์รี่แอบเผลอเม้มปากแน่นจนช้ำ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมาจากอก เมื่อมิวนิคค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้มลงไปใกล้ใจกลางความสาว “คะ...คุณ...อื้ออ” ยังไม่ทันที่จะมีเสียงร้องห้ามเล็ดรอดออกมาจากปากหญิงสาว ริมฝีปากครอบครองลงมาที่กลีบกุหลาบอวบอูมที่ตอนนี้ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำสวาทที่ออกมาจากร่างบาง “อ๋าาาา” ร่างบางเชิดหน้าแหงนขึ้น หลับตาพริ้ม ม
คุณหน้าไม่อาย จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกกระจิบตัวเล็กหลายตัวดังขึ้นด้านนอกกระจกหน้าต่างห้องนอนไม้ ที่ตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้โทนสีดำ ภายในห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่ทำหน้าที่ของมันมาตลอดทั้งคืน เพราะความเงียบของห้องจึงทำให้ได้ยินเสียงนกตัวเล็กที่ร้องอยู่ด้านนอกได้อย่างชัดเจน ร่างบางบนที่นอนโทนสีดำเทาสวมเสื้อเชิ้ตตัวยาวตัวเดียวเริ่มขยับ และตื่นจากการหลับใหลด้วยเสียงของนก เปลือกตาบางที่มีแพขนตาหนาดำยาวเริ่มกระพือเล็กน้อยกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับการรับแสงที่ส่องเข้าตา เมื่อปรับแสงได้เรียบร้อยแล้ว แฟร์รี่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ใบหน้าหวานก็แดงแปร๊ด ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที แฟร์รี่เริ่มขยับตัวลงจากเตียง เธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องไปถ่ายแบบชุดว่ายน้ำเซ็ตสุดท้ายให้กับแม่ของมิวนิค แฟร์รี่รู้สึกตัวร้อนๆ หนาวๆ เหมือนจะมีไข้ เธอพยายามขยับตัวลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว แต่ก็ต้องไปอย่างยากลำบาก เพราะรู้สึกทั้งร้อนทั้งหนาว ทั้งเจ็บแปลบตรงส่วนนั้น ที่ผลมาจากเหตุการณ์เมื่อคืน ยิ่งเธอคิดถึงเมื่อไร หน้าเธอก็แดงเพราะความเขิน
คนสร้างเรื่อง ศัตรูผู้ไม่รู้ตัวตน “มึงพาคนของมึงกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เลย” เสียงของหมอที่เป็นเพื่อนของมิวนิคพูดขึ้น เมื่อทำการรักษาและตรวจร่างกายหญิงสาวที่เพื่อนพามารักษาเมื่อสองวันที่แล้วด้วยอาการไข้ขึ้นสูง “ไม่มีอะไรมากแล้วใช่ไหม” มิวนิคถามกลับเพื่อความแน่ใจ “เหลือแค่ไข้นิดหน่อย นอนพักสักหน่อยก็หาย” หมอบอก มิวนิคพยักหน้ารับทราบ ก่อนหันไปหาคนตัวเล็กนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ “แฟร์หายแล้ว ขอบคุณนะคะที่ช่วย” แฟร์รี่เอ่ยขอบคุณเขา เมื่อหมอเดินออกไปแล้ว “ไม่ต้องมาขอบคุณ เธอขัดคำสั่งฉัน!” มิวนิคดุเธออย่างจริงจังที่ขัดคำสั่งของเขา ทำเอาคนตัวเล็กหน้าจ๋อยลงทันที “แฟร์กลัวว่า คุณรัญดาจะว่าแฟร์ไม่ทำงานทำการ เลยอยากจะถ่ายเซ็ตสุดท้ายให้เสร็จ” แฟร์รี่อธิบายให้เขาเข้าใจ สีหน้าของคนตัวโตอ่อนลงนิดหน่อยเมื่อได้ฟังเหตุผล “กลับบ้าน! แล้วพักผ่อนซะ ห้ามทำงาน ถ้าขัดคำสั่งอีก ฉันจะทำโทษเธอแบบคืนนั้น” มิวนิคคาดโทษ ทำเอาคนฟังนั่งหน้าแดง ทำสีหน้าไม่ถูก เช้าวันต่อมา มิวนิคออกไปทำงานแต่เช้า ปล่อยแฟร์รี่อยู่บ้านกับป้าสีที่เป็นแม่บ้าน โดยเขากำชับกับเธอและป้าสีว่าห้ามแฟร์รี่ออกไปทำงานเด็ดขาด “แบบนี
นายหน่วงเหนี่ยว ครืดดดด ครืดดดด เสียงสั่นของมือถือสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องนอนสีขาว ที่ตกแต่งด้วยผ้าม่านลายลูกไม้สีขาวทั้งห้องดังขึ้น มือเรียวของคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนายื่นออกมาเอื้อมไปหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดรับสายอู้อี้อยู่ในผ้าห่ม “ฮัลโหล” ‘น้องแฟร์รี่หรือเปล่าคะ’ เสียงปลายสายดังเข้ามาตามสาย เป็นเสียงที่คุ้นหู ของสาวประเภทสอง “ใช่ค่ะ นั่นใครคะ” ‘พี่เอง พี่เชอรี่’ “พี่เชอรี่ อ้อออ พี่เชอรี่มีอะไรหรือเปล่าคะถึงโทรหาแฟร์ หรือว่าพี่เชอรี่จะมาเป็นผู้จัดการให้แฟร์แล้ว” แฟร์รี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ออกมาจากการคลุมโปงใต้ผ้าห่ม เด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความดีใจ ‘ไม่ ไม่ ไม่ใช่ค่า พี่จะโทรมาบอกว่า คืนนี้จะมีงานเลี้ยงปิดคอลเลคชั่นชุดที่น้องแฟร์รี่ถ่ายไปนะคะ มาร่วมงานด้วย’ เชอรี่บอกแกมออกคำสั่ง เธออยากพบกับแฟร์รี่อีกสักครั้ง เพราะเธอรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ “โธ่...นึกว่าจะเปลี่ยนใจลาออกจากที่นั่น มาทำงานกับแฟร์เสียอีก แล้วพี่เชอรี่จะให้แฟร์ไปร่วมงานในฐานะอะไรล่ะคะ” แฟร์รี่รู้สึกเสียดาย เธออยากได้เชอรี่จริงๆ คนที่รู้เรื่องการถ่ายแบบ รู้การจัดตารางงาน ดูแลเธอได้ และส
แบบนี้เรียกว่า รัก หรือเปล่า “มีใครดื้อเกินเราอีกไหม ถามจริง” มิวนิคก้มลงไปมองร่างบางที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้นด้วยสภาพกระโปรงชุดฉีกขาด จากที่แหวกสูงอยู่แล้วคราวนี้ขาดสูงถึงเอวเลยก็ว่าได้ แฟร์รี่เงยหน้าขึ้นมองคนมาช่วยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาจากอาการตกใจ ปนกับอาการเมาไวน์ เมื่อชายหนุ่มเห็นสภาพของคนตัวเล็กแล้วก็เอ็นดู เธอคงกลัวและตกใจมาก กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงระดับเดียวกับเธอ เพื่อจะทำการอุ้มเธอกลับไปขึ้นรถ แต่กลับโดนมือเล็กสะบัดใส่ไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัว คล้ายกับอาการของคนงอน “งอนอะไรพี่” มิวนิคเอ่ยถาม คำพูดของเขาทำเอาแฟร์รี่มองหน้าพรึบ มองหน้าเขาอย่าง งงๆ พี่...เขาแทนตัวเองว่าพี่กับเธอ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน เขาพูดกับเธอว่า ฉันกับเธอเท่านั้น “ไม่ได้งอน!” แฟร์รี่กระแทกเสียงใส่เขา และพยายามพยุงตัวลุกขึ้นด้วยตัวเอง แต่ไม่สำเร็จร่างบางล้มแผละลงไปกองกับพื้นเหมือนเดิม ชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้มลงอุ้มคนตัวเล็กด้วยท่าเจ้าสาว “ว้าย!” แฟร์รี่ตกใจไม่ทันตั้งตัวเมื่อเขาอุ้มเธอขึ้นจนต้องคว้ารอบคอเขาไว้ไม่ให้ตัวเองร่วง “อวดเก่ง!” มิวนิคอมยิ้มแล้วพูดกับเด็กดื้อ ก่อนจะก้
ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน... “ได้เรื่องว่ายังไงบ้างไอ้อง” เสียงทุ้มของมิวนิคเอ่ยถามคนปลายสายผ่านโทรศัพท์มือถือ ชายหนุ่มออกมายืนสูบบุหรี่ตอนช่วงเช้าตรู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน เขาสูบในบ้านก็ได้แต่ไม่อยากรบกวนการนอนของคนตัวเล็กที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง เขาถือโอกาสโทรหาองศาเรื่องของคนที่ทำร้ายแฟร์รี่เมื่อคืน เขาให้องศาไปตามจับตัวมาคาดคั้นให้ได้ว่า คนที่จ้างมาทำร้ายแฟร์รี่คือใคร ‘จับตัวได้แล้วครับนาย’ องศาตอบเจ้านายหนุ่ม “จัดการถามมันหรือยัง ใครส่งมันมา” ‘มันรับสารภาพแล้วครับ เอ่อ...’ องศาอ้ำอึ้งไม่กล้าบอกเจ้านาย เพราะกลัวว่าหากเจ้านายเข้าใจก็ดีไป แต่ถ้าเจ้านายไม่เข้าใจคิดว่าเขาใส่ร้าย เขาก็จะซวย “ตอบมา! มีอะไรทำไมมึงไม่กล้าบอกกู” เขาเร่งเร้า ‘เอ่อ คนที่มันอ้างถึงคือ...’ องศายังคงลังเลใจเล็กน้อย “ถ้ามึงไม่รีบบอก กูจะซัดปากมึงก่อนคนแรกไอ้อง” เขาเริ่มโมโห และตะโกนใส่มือถือจนคนตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่ตื่นขึ้นมานั่งบนที่นอน และมองมาตามเสียงที่ดังอยู่นั้น ‘คนคนนั้นคือ...นายหญิงใหญ่ รัญดาครับ...’ องศาเสี่ยงที่จะพูดออกไปตามสิ่งที่เขารับรู้มาจากคำสารภาพของคนที่ทำร้ายแฟร์รี่ที่เขาจับได้ เ
ต้อนรับเข้าสู่ สมาคมพ่อบ้าน หลังจากที่วินเซ่และแบล็คเกอร์ได้แต่งงานกันไปแล้ว 3 เดือน “ห้ามใส่ชุดที่โป๊เกินไป ชุดว่ายน้ำก็ห้ามใส่ บิกินี่ ทูพีช วันพีช อะไรก็ห้ามทั้งนั้นเข้าใจไหม” เสียงของมิวนิคสั่งกำชับแฟนสาว น้ำเสียงจริงจัง สั่งไว้เมื่อแฟร์รี่กำลังจะลงจากรถไปถ่ายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของรัญดาในวันนี้ ความจริงแล้ววันนี้ไม่มีถ่ายงาน แต่เขาขอร้องให้แม่บอกแฟร์รี่ว่าให้มาถ่ายงานให้แม่หน่อย เป็นตรีมชุดแต่งงานแบบริมทะเลที่แม่ออกแบบ เพราะเขาตั้งใจจะขอแฟร์รี่แต่งงาน “แต่...แบรนด์ของคุณน้าเป็นชุดว่ายน้ำนะคะ” แฟร์รี่ตอบเขา ชุดของรัญดาส่วนมากเป็นชุดว่ายน้ำ และที่แฟร์รี่ถ่ายๆ มาก็ชุดว่ายน้ำมีทั้งแบบน่ารัก ทั้งเซ็กซี่ และทั้งวาบหวิว “เออจริงว่ะ ไม่รู้แหละ เลือกชุดที่ไม่โป๊ เดี๋ยวเฮียบอกเชอรี่ไว้อีกที ว่าถ้าโป๊ห้ามให้หนูใส่” มิวนิคบอก เขากดต่อสายหาเชอรี่ ที่ตอนนี้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับแฟร์รี่แล้ว สั่งงานเรียบร้อยเขาก็ส่งคนตัวเล็กขึ้นไปชั้นบนของบริษัทแม่เขา “โอเคค่ะ แฟร์ไปทำงานก่อนนะ” “เสร็จแล้วรออยู่นี่กับแม่ เดี๋ยวเฮียมารับ ห้ามกลับก่อน ห้ามหนีเที่ยวที่ไหนเด็ดขาด” เขากำชับ “
ของเขาคนเดียว คนเดียวเท่านั้น มิวนิคอาบน้ำแต่งตัว ด้วยชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ วันนี้เขาตั้งใจจะไปเช็คของที่โกดัง เพื่่อรับสินค้าล็อตใหม่ที่เพิ่งส่งมาถึงกับพวกมังกรและซันที่ไปรออยู่ที่โกดังแล้ว ก่อนออกจากห้องเขาหันไปหาคนตัวเล็กที่นอนหลับใหลอยู่บนที่นอนนุ่ม จึงอดใจไม่ไหว เดินไปก้มกดริมฝีปากหนาลงบนหน้าผากนวล ไล่ลงจมูก เปลือกตาบางและจุมพิตที่ปากบางอมชมพูอ่อนอย่างนุ่มนวล แต่แม้จะนุ่มนวลแค่ไหนการกระทำนั้นก็ยังปลุกให้หญิงสาวบนที่นอนตื่นได้อยู่ดี “อื้อออ” แฟร์รี่งัวเงียลืมตาตื่นมองใบหน้าคมที่กำลังก้มมาใกล้ใบหน้าหวาน “ตื่นแล้วเหรอ ไอดื้อ” “ตื่นแล้ว เฮียจะไปไหนอ่ะ” คนตัวเล็กถามชายหนุ่ม ก่อนจะยกแขนเรียวขึ้นโอบรอบคอหนาไว้ “เฮียจะไปเช็คของที่โกดังกับพวกไอ้ซันกับไอ้มังกร” “จะกลับตอนไหน” “ยังไม่รู้เลย หนูไม่ต้องรอนะ สั่งอะไรมาทานเลย เฮียอาจจะกลับดึกหน่อย” ชายหนุ่มบอกเธอ แกมสั่งไว้ “ได้ค่ะ รีบกลับมานะ แฟร์เหงา” “ห้ามหนีเที่ยวรู้ไหม ห้ามดื้อ บ้านแม่ บริษัทแม่ก็ไม่ต้องไป รอเฮียกลับมาก่อนค่อยไป” เขาสั่ง “ถ้าพี่เชอรี่มารับก็ไปไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้ อันตราย รอไปพร้
ขอเอาแลกเบอร์โทร มิวนิคพาแฟร์รี่มายืนหยุดที่หน้าตึกแห่งหนึ่งใกล้กับบริษัทของเขา ตึกหรูหรา10 ชั้นกลางเมือง ภายในตึกเงียบเหมือนกับว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงลูกน้องของมิวนิคหลายสิบคนเท่านั้นที่ยืนอยู่โดยรอบ “บริษัทของเฮียเหรอคะ ทำไมเงียบจัง ไม่เห็นมีพนักงานเลย” แฟร์รี่เอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ใช่บริษัท ที่นี่เป็นบ้าน” เขาตอบ พร้อมกับดันหญิงสาวให้เดินเข้าไปด้านใน “บ้านเหรอคะ บ้านใคร แล้วเฮียพาแฟร์มาที่นี่ทำไม” “บ้านของเรา เฮียซื้อไว้ให้หนูอยู่ จะได้อยู่ใกล้ๆ บริษัท” “ค่ะ แล้วอยู่ชั้นไหนคะ เฮียซื้อห้องชั้นไหน ไม่เห็นจะมีคนอยู่เลย” แฟร์รี่ถามพร้อมกับมองเข้าไปด้านในตึก “ทุกชั้น!” มิวนิคพูดหน้าตาย “ห๊ะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะ” “ก็ทุกชั้น บ้านเราอ่ะทุกชั้น” “อย่าบอกนะ ว่าเฮียซื้อทั้งตึกเลยอ่ะ” “ตามนั้นแหละ” มิวนิคพูดแบบไม่รู้สีกรู้สาเดือดร้อนอะไร แล้วเดินนำเข้าตึกไปสำรวจความเรียบร้อย “เฮียบ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ซื้อทั้งตึก เงินเยอะเหรอคะ” ร่างบางวิ่งตามพร้อมกับพูดบ่นอุบอิบไปด้วย “อือ เงินเยอะ เหลือใช้ อยู่กับเฮียช่วยเฮียใช้ด้วยนะ” ชายหนุ่มหันมาพูดและส่งยิ้มเท่ๆ ให้กับ
แต่งงานกับเฮียไหม? รถสีขาวปรอทแล่นออกจากโกดัง พุ่งทะยานไปบนถนนโล่งด้วยความเร็ว ภายในรถเงียบสนิทไม่มีแม้แต่ใครพูดสักคำ แฟร์รี่เงียบเพราะยังรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มิวนิคเงียบเพราะเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง หลายครั้งหลายหนที่แฟร์รี่อยู่ห่างเขาแล้วเขาไม่สามารถดูแลเธอได้ ขนาดเขาให้เธออยู่บ้านอย่างเดียวก็ยังไม่วายที่จะโดนลอบทำร้าย เขาจะทำอย่างไรให้เธออยู่กับเขาตลอดเวลา และจะทำยังไงให้เธอได้ปลอดภัย “แฟร์...” มิวนิคเรียกชื่อคนข้างๆ เบาๆ “คะ?” “แต่งงานกันไหม?” มิวนิคถามเอาดื้อๆ ทำเอาคนฟังและคนได้ยินอย่างองศาที่ขับรถอยู่ชะงักกึกไปพักหนึ่ง เจ้านายเขาจะสุดโต่งอะไรขนาดนั้น ขอแต่งงานกับสาวง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ “อะ...เอ่อ” แฟร์รี่ตกใจเล็กน้อย อ้ำๆ อึ้งๆ แบบ งงๆ กับสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่เคยถูกขอแต่งงาน และการขอแต่งงานที่เธอเคยเห็น เคยรู้จักมันไม่เหมือนแบบนี้ เขาต้องขอแบบโรแมนติกไม่ใช่หรือ เลยทำให้เธอไม่รู้จะต้องตอบเขายังไง “ไม่แต่งกับเฮียเหรอ” มิวนิคถามย้ำ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ยอมตอบ องศาลอบมองทั้งคู่ผ่านกระจกแวบหนึ่ง ‘จะตอบได้ยังไงก่อนครับเจ้านาย ใครเขาสอนให้ถามผู้หญิงแบบน
บทลงโทษของเพื่อนใหม่ “ใช่ ฉันเอง” รัญดาเปลี่ยนสรรพนามที่เคยใช้แทนตัวเธอกับหญิงสาวตรงหน้าที่เธอเคยเอ็นดูเหมือนลูก เหมือนหลานคนหนึ่ง แต่มาวันนี้เด็กคนนี้กลับกำลังจะทำร้ายคนในครอบครัวเธอ “คุณน้ามาได้ยังไง...” มาร์กี้ยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ารัญดาจะอยู่และมาที่นี่ “ทำไม? แปลกใจมากเหรอที่เห็นฉันอยู่ที่นี่” “กี้...” มาร์กี้ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดีให้ฟังขึ้น จะบอกว่ามาช่วยแฟร์รี่ก็คงไม่ทัน สถานการณ์ที่แฟร์รี่ถูกจับมัดและมีเธอกับลูกน้องยืนล้อมเต็มไปหมดมันบ่งบอกว่าเธอคือ คนสั่งการ “ไม่ต้องหาคำแก้ตัวหรอก เพราะฉันได้ยินหมดแล้ว ตอนแรกก็กะว่าจะรอตามิวมาจัดการเอง แต่ได้ยินเสียงปืนเมื่อกี้ กับรอยเลือดที่ปากน้องแฟร์ ฉันคงไม่ต้องถามอะไรแล้วมั้งว่าใครเป็นคนทำ ฉันคงต้องถามว่า เธออยากจะตายแบบไหน ที่กล้ามาทำร้ายคนในครอบครัวฉัน!” รัญดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ทำเอาคนฟังขนลุกไปทั่วทั้งตัว “คนในครอบครัว?” มาร์กี้ถามออกมาเบาๆ เหมือนยังไม่เชื่อหูตัวเอง “ก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไรกับลูกชายฉัน ถึงเข้ามาเป็นคนในครอบครัวฉันได้!” “ไม่! ไม่จริงอ่ะ ไหนค
ไม่เลือกเธอ “อะไรนะคะคุณน้า คุณน้าเซ็นสัญญา กับ ยัยฟะ...เอ้ย นางแบบชื่อแฟร์รี่ ให้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ RD เหรอคะ” เสียงแหลมเล็กของมาร์กี้ถามรัญดา เมื่อรู้เรื่องว่ารัญดาเปลี่ยนนางแบบเซ็นสัญญาพรีเซนเตอร์แบรนด์เสื้อผ้าที่รัญดาออกแบบเป็นแฟร์รี่คู่แข่งแทนที่จะเป็นตัวเธอ “ใช่จ้ะ หนูมาร์กี้มีปัญหาอะไรไหมจ๊ะ” รัญดาถามมาร์กี้กลับเมื่อเห็นอีกฝ่ายตกใจ คงมั่นใจว่าต้องเป็นตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอเอ็นดูอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้แทนแฟร์รี่ที่เธอไม่ชอบ แต่ตอนนี้เธอรู้พฤติกรรมหลายๆ อย่างของเธอจากองศา ลูกน้องคนสนิทของมิวนิคแล้ว จึงเห็นสมควรว่าเธอคนนี้ยังเด็กเกินไป ยังไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของมิวนิค อีกอย่างตอนนี้เธอเองเข้าใจอะไรในตัวแฟร์รี่หมดแล้ว “เอ่อ กี้คิดว่า...” “อ่อ สำหรับหนูกี้ใช่ไหมจ๊ะ น้าให้หนูกี้ไปถ่ายให้อีกแบรนด์หนึ่ง เป็นแบรนด์ของเพื่อนน้าเอง” รัญดาบอกมาร์กี้ แล้วเตรียมจะเดินออกไป แต่มาร์กี้ไม่ต้องการแบบนั้น เธออยากถ่ายของแม่มิวนิค อยากสนิท อยากให้แม่ของเขาเชียร์เธอให้ได้ใกล้ชิดกับมิวนิค เพื่อนของพี่ชายที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่เด็กๆ “คะ...ค่ะ” มาร์กี้รับคำอย่างจำใจ ในใจแอบโกรธและเสียดายที่
ไม่ถึงบ้าน คลับ TW เสียงเพลงเปิดกระหึ่มดังทั่วทั้งคลับ ผู้คนมากมายทั้งนั่งดื่มสบายๆ ทั้งยืนเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกเบาๆ ไปกับเสียงเพลง ท่ามกลางผู้คนมากมายไม่ว่าคนจะเยอะแค่ไหน แต่มิวนิคที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะเพื่อดูแลหญิงสาวคนสำคัญทั้งสอง แม่และเมียของเขาอยู่ห่างๆ ท่ามกลางวงล้อมของคนมากมาย สาวในชุดมินิเดรสเกาะอกเกือบหลุด ชุดรัดรูปสีขาวไข่มุกเลื่อม สะท้อนแสง ผมสั้นประบ่า ลอนสวยสีน้ำตาลอ่อน รับกับใบหน้ารูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อย แบบฉบับสาวเกาหลี แต่งตัวค่อนข้างน้อยกว่าผู้หญิงคนอื่น กลับดูเด่นมีออร่าที่สุดในคลับ หรืออาจจะเป็นเพราะเธอคือเมียเขา ตั้งแต่ได้เธอเป็นเมีย ผู้หญิงคนไหนก็ไม่เคยสวยในสายตาเขาอีกเลย “น้องแฟร์ๆ มาเต้นๆๆ ลูก” รัญดาตะโกนชวนแฟร์รี่เต้นแข่งกับเสียงเพลงที่ดังมาก “คุณน้าเต้นก่อนเลยค่ะ แฟร์ยังไม่กล้า น้องคะพี่ขอเหล้าเพิ่ม” แฟร์รี่ตอบรัญดา ก่อนหันไปสั่งเหล้าอีก เธอยังรู้สึกเขินอายที่จะเต้นเพราะคลับที่นี่ไม่เหมือนที่เกาหลี เธอจึงต้องใช้ความเมาเป็นที่เสริมความกล้าและความมั่นใจให้ตัวเอง เมื่อเริ่มมึนเมาได้ที่แล้ว แฟร์รี่ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินไปหารัญดาที่เต้นโยกย้ายอยู่กลางคล
คำขอโทษที่จริงใจ “ทำไมปฏิเสธเฮีย ไม่รักเฮียบ้างเหรอ ไม่สงสารกันเลยเหรอหือ?” มิวนิคเอ่ยถามพร้อมกับยกมือสองข้างกุมแก้มป่องๆ ไว้ “ยังไม่ไป ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปนี่คะ” แฟร์รี่พูดพร้อมกับส่งยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเขา “ยังไม่ไป แปลว่าไม่ไปวันนี้ ไปวันอื่นเหรอ รออะไรครับ” เขาถามเสียงเพราะ ทำเอาแฟร์รี่ที่ไม่ค่อยได้ยินเกิดขนลุกขนพองทันที “แฟร์เป็นห่วงแม่” “ไม่ต้องห่วงแม่หรอกแฟร์ แม่อยู่ได้ แม่ชอบความสงบร่มเย็นที่นี่ และกำลังสนุกกับการรีโนเวทบ้านของตาทีละเล็ก ทีละน้อย” เสียงของวีณาดังขึ้นด้านหลังของคนตัวเล็ก “แต่แม่ต้องอยู่คนเดียว” แฟร์รี่พูดด้วยความเป็นห่วง “คนเดียวที่ไหน ป้าจีก็อยู่ข้างๆ บ้าน ก้อยลูกสาวป้าจีก็อยู่ด้วย ไม่ต้องห่วง” วีณาอธิบายให้ลูกสาวฟัง จะได้ไม่ต้องห่วงว่าเธอจะอยู่คนเดียว เธอมีเพื่อนบ้าน ที่เป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นของชัยยศ ที่เป็นพ่อของวีณา ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด “อยู่ได้จริงๆ นะแม่” แฟร์รี่ลุกขึ้นจากเปลเดินไปจับมือทั้งสองของแม่อย่างเป็นห่วง “แม่อยู่ได้ กลับไปกับพี่เขา ไปทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จ ให้จบสัญญา อย่าเป็นคนที่ชอบผิดสัญญาไม่ว่าจะสัญญาเรื่องอะไรท
เด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น ครืดดดดด ครืดดดดด เสียงมือถือเครื่องสีดำสั่นสะเทือนกับพื้นโต๊ะทำงาน มิวนิคละสายตาจะเอกสารมองมือถือที่สั่นไม่หยุดเพราะมีสายเรียกเข้าจาก แม่ของเขา ชายหนุ่มกดรับสายทันที เพราะแม่อาจจะแจ้งเรื่องที่อยู่ของแฟร์รี่ “ฮัลโหลครับคุณหญิง” ชายหนุ่มรับสายด้วยเสียงทะเล้นอย่างอารมณ์ดี คิดว่าจะได้รับข่าวดีวันนี้ ‘เรียกแบบนี้ ฉันวางสาย!’ รัญดาตอบกลับอย่างไวไม่สบอารมณ์ “โอ๋ๆๆ ล้อเล่น” ‘เรียกแบบนั้นมันดูแก่ ไม่ชอบ’ “ล้อเล่นน่าา” ชายหนุ่มรีบโอ๋แม่ ‘จะโทรมาแจ้งข่าว เล่นแบบนี้ไม่ต้องเอาละ’ “อย่าใจร้าย ถ้าใจร้าย ง้อแฟร์ได้จะไม่ให้ไปเป็นนางแบบชุดให้นะ” มิวนิคพูดขู่แม่ของเขา เพราะตอนนี้เขารู้ว่าแม่ของเขากำลังต้องการแฟร์รี่เป็นนางแบบมาก งานที่แฟร์ถ่ายไว้ให้ คอลเล็กชั่นนั้นขายดีที่สุดกว่าคอลเล็กชั่นอื่น ‘แกอย่ามาขู่ฉัน ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ชีวิตแกอยู่ในมือฉันนะ ถ้าฉันไม่บอกแกจะไม่มีทางได้เจอน้องแฟร์แน่นอน’ รัญดาขู่กลับ “เคๆ เราดีกันเถอะ บอกมาๆ” มิวนิครบเร้า ‘ก็ได้ จะยอมครั้งเดียว’ “คร้าบ บอกมาสักที” ‘แฟร์รี่และแม่ของเธอตอนนี้ อยู่ที่...’ รัญดาเว้นวรรคไว้แค่น