แปะ แปะ แปะ 🌧
เสียงของสายฝนที่ตกลงมาดังเปาะแปะ จากเสียงเบาก็เริ่มจะดังพร้อมกับแรงมากขึ้น ปลุกให้หญิงสาวที่กำลังหลับสนิทตื่นจากความฝัน เธอลุกขึ้นจากเตียง งัวเงียเดินลงมาเข้าห้องน้ำชั้นล่างของบ้านเพราะห้องน้ำข้างบนดันมาเสียซะนี่
ตึงตัง!
เฮือก! ร่างบางสะดุ้งตัวโหยงเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระแทกกับประตูหน้าบ้านของเธออย่างแรง ผิงอัน เริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับเสียงที่ได้ยิน แต่ก็เลือกจะเดินมาฟังใกล้ ๆ เพราะเธอไม่แน่ใจว่านั่นคือเสียผีหลอกหรือพวกโจรกันแน่
“อึกโอย..อ่า” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เป็นเสียงร้องโอดโอยครวญคราง น้ำเสียงเขาฟังดูทรมานมาก
มือเล็กเดินไปหยิบไม้กวาดที่วางอยู่ข้างโต๊ะ เธอเดินถือมาหน้าประตูบ้านและชั่งใจว่าจะเปิดออกไปดูดีไหม เพราะเสียงร้องนั่นมันคือเสียงของคนชัด ๆ เลยนะ
บริเวณหน้าบ้านของเธอเป็นร้านขายดอกไม้ จริง ๆ บ้านที่เธอเรียกถ้าจะเรียกให้ถูกต้องมันคือตึกแถวสามชั้นเสียมากกว่าที่เธอนั้นมาเช่าอาศัยอยู่
“เอาไงดีนะยัยอัน จะเปิดออกไปดูดีไหม..” สองมือเล็ก ๆ กำทั้งไม้กวาดและโทรศัพท์ไว้แน่น เตรียมกดโทรศัพท์มือถือ โทรหาตำรวจทันทีถ้ารู้ว่านั่นเป็นเสียงของโจร!!!
เธอไม่สามารถไปเรียกหรือตามใครให้ออกไปดูกับเธอได้ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอคงไม่มีใครรู้แน่ แต่น้ำเสียงที่น่าสงสารของใครบางคนยังคงร้องอยู่แต่เริ่มเสียงเบาลงบ้างแล้ว
แกร๊ก เธอค่อยๆ ง้างประตูบ้านเปิดออกช้าๆ กวาดสายตาไปมารอบๆ ก่อนจะต้องนิ่งชะงักไปชั่วครู่ เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ร่างหนาที่นั่งหอบหายใจช้าและโรยริน กับหยาดเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจนท่วมไปทั้งตัว
“คุณ!” เธอรีบเข้าไปประคองผู้ชายร่างหนา ที่ไม่รู้จักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ตรวจสอบบาดแผลแล้วใช้มือกดช่วยห้ามเลือด ถอดเสื้อคลุมออกมาช่วยกดแผลที่ท้องให้กับเขา มือหนึ่งก็คอยกดโทรหาโรงพยาบาลรีบบอกข้อมูลที่อยู่ให้โรงพยาบาลหรือหน่วยกู้ภัยให้รีบมา
“คุณคะ ได้ยินเสียงฉันไหม”
“อึก..เธอ เป็นใคร”
“เอ่อฉันชื่อ ผิงอันค่ะ เรื่องนั้นไม่สำคัญสักหน่อย เดี๋ยวอันอันจะรีบเรียกรถพยาบาลให้นะคะ เดี๋ยวก็มาแล้ว อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะคะ..”
จากตอนแรกที่ได้ยินเสียงหวานใสดังก้องในหู มาตอนนี้เขาเริ่มจะไม่ได้ยินเสียงหวานนั้นที่คอยพูดคุยด้วยแล้วล่ะภาพตรงหน้าและเสียง มันเริ่มเลือนรางและจางหายไป…
“โอ้! ไม่นะ! อย่าหลับนะ ห้ามหลับนะคุณ!” ถึงเธอจะพยายามเรียกยังไงเขาก็คงไม่ตื่นมาได้ยินแล้วล่ะ เพราะว่าในตอนนี้ชายที่เลือดท่วมไปทั้งตัว เขาสลบไปในอ้อมแขนของเธอแล้ว
เขาคือใครกัน ผู้ชายที่เลือดอาบไปทั้งตัว แล้วทำไมถึงได้มานอนสลบอยู่หน้าบ้านเธอ แต่เธอรู้แค่ว่าเธอจะต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้
-บางเรื่องถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกตัว…-
1 ชั่วโมงก่อนหน้าปัง ปัง เสียงปืนไล่หลังมาเฟียหนุ่มมาติดๆ ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าออกแรงวิ่งฝ่าน้ำขังตามพื้นของเจ้านายและลูกน้องที่วิ่งหลบกระสุนจากผู้ไม่หวังดี เลือดจากบาดแผลก็ยังไหลออกมาไม่จบสิ้นและนั่นยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับทั้งสามคน ฝนก็ตกแรงขึ้น ทุกอย่างดูทุลักทุเลมากคาร์ลเตอร์ วิ่งมาหลบอยู่ที่ตรอกซอกตรงซอยแคบกับบอดี้การ์ดคนสนิทอีกสองคน ลูก้า ไทกิ สองบอดี้การ์ดที่เหมือนพี่น้องอีกคนของมาเฟียที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ ทั้งไทกิและลูก้าถูกฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็กให้ปกป้องดูแลคาร์ลเตอร์และน้องชายฝาแฝดอีกคน“แยกกันไป พวกมึงไปทางนั้น” คาร์ลเตอร์เอ่ยปากออกคำสั่งบอดี้การ์ดคนสนิททั้งสองคนให้วิ่งไปอีกทาง“ไม่ครับ! ผมจะไม่ทิ้งนายท่านเด็ดขาด!” ไทกิยืนยันเสียงหนักแน่นไม่ยอมไปตามที่เจ้านายสั่ง“นายท่านบาดเจ็บแบบนี้จะไปคนเดียวไม่ได้นะครับ!” ลูก้ารีบพูดเสริมเพราะว่าตอนนี้คาร์ลเตอร์เองก็มีบาดแผลจากกระสุนปืนอยู่ที่ต้นแขนข้างขวาคาร์ลเตอร์อยากจะตบกระบาลพวกมันสักที ทั้งไทกิและลูกก้าก็มีสภาพไม่ได้ต่างจากเขาเลย ทั้งสองคนเองก็ถูกยิงมาเช่นกัน“ฟัง! มึงรีบไปส่งสัญญาณบอกคนของเรา กูจะหน
ผ่านไปเกือบสองวัน กว่าที่คาร์ลเตอร์จะฟื้นขึ้นมา หลังจากวันที่เขาเข้ารับการผ่าตัดเอากระสุนออกจากต้นแขนและบาดแผลที่ช่วงท้อง โชคดีที่บาดแผลบริเวณที่โดนมีดฟันมาไม่ได้โดนจุดสำคัญหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตพวกนักฆ่าที่ถูกส่งมาพวกนี้ยังมีฝีมือที่ไม่ได้เก่งกาจมากนักเพราะถ้ามันเก่งจริงคงแทงโดนจุดสำคัญภายในร่างกายเขาไปบ้างแล้ว คาร์ลเตอร์นอนหลับมาสองวันสองคืนโดยมีแพทย์และพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด“อ่า เจ็บ..” เสียงร้องทุ้มต่ำในลำคอเบาๆ คาร์ลเตอร์กระพริบตาช้าๆ ลืมตาขึ้นมามองเพดานสีขาว เขาอยู่ในห้องพิเศษ s-vvipในโรงพยาบาลเอกชนของเพื่อนสนิทในกลุ่ม (s-vvip= super vvip)“ตื่นแล้วเหรอไอ้พี่ชาย” เคอร์วินที่คอยเฝ้าอยู่ไม่ห่างเดินมาทักเมื่อเห็นว่าคาร์ลเตอร์ลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมปรับที่นอนให้เป็นแบบพนักพิงหลังได้“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน” นี่คือประโยคแรกที่เขาพูดหลังจากนอนสลบไม่รู้สึกตัวมาเป็นเวลาสองวัน แต่เพียงตื่นจากการหลับใหลก็ถามถึงผู้หญิงที่ช่วยชีวิตเขาเลยในทันที“ตื่นมาก็ถามหาผู้หญิงเป็นอย่างแรกเลยนะมึง นี่มึงรู้ตัวไหมว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่” ยืนกอดอกมองพี่ชายที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บ“แล้วกูหลับไปน
โรงพยาบาลเอกชน BN“มึงจะรีบออกจากโรงพยาบาลทำไมวะไอ้คาร์ล”น้ำเสียงที่ทั้งเป็นห่วงและจะปนหงุดหงิดของเคอร์วินที่พูดกับคาร์ลเตอร์ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝด ก็ไอ้พี่ชายตัวดีของเขาน่ะพอมันฟื้นขึ้นมาได้สามวัน มันก็จะออกจากโรงพยาบาลท่าเดียว นี่ก็กำลังห้ามไม่ให้มันลุกออกจากเตียง“กูมีเรื่องต้องทำ ปล่อย และกูหายดีแล้ว” เสียงเรียบเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝดแล้วจะลุกออกจากเตียงคนป่วย“หายดีก็เชี่ยละ! มันสำคัญกว่าชีวิตมึงรึไงวะ!” เพิ่งจะฟื้นได้สามวันบอกหาย ใครเชื่อก็โง่ละ“งานสำคัญเหรอ? ถ้างานให้กูไปทำแทนก็ได้ ส่วนมึงพักรักษาตัวให้หายดีก่อน” เคอร์วินดันตัวคาร์ลเตอร์ลงไปกับเตียงคนป่วย“ไม่ใช่งาน!”“ไม่ใช่งานแล้วมันอะไร อะไรที่ทำให้มึงรีบร้อนอยากออกจากโรงพยาบาล” เคอร์วินจ้องมองอย่างต้องการคำตอบ มือก็ยังดันไม่ให้คาร์ลเตอร์ลุก“กูจะไปเอาเข็มกลัดคืน”เคอร์วินปล่อยมือที่ดันคาร์ลเตอร์ไว้กับเตียงออกเมื่อได้ฟังว่าพี่ชายกำลังจะไปที่ไหน“ต้องไปเอาคืนเดี๋ยวนี้เลย?” เคอร์วินถามต่อ ทีนี้เปลี่ยนมายืนกอดอกมองเคอร์วินลุกขึ้นนั่งดึงสายน้ำเกลือออกจากมือ“อืม เป็นของสำคัญก็ต้องรีบไปเอาคืน” คาร์ลเตอร์ตอบ ทั้งที่ความจริงเขาแค่อยากไป
บนรถหรูBMWตั้งแต่ที่สองแฝดขึ้นมานั่งบนรถก็ยังไม่มีใครปริปากเอ่ยพูดอะไรกันเลย มีแต่เสียงของเครื่องยนต์และเสียงดนตรีคลาสสิคที่เปิดคลอๆ ไม่ให้เงียบจนเกินไป“มึงชอบเธอ../มึงชอบเธอ..” สองพี่น้องฝาแฝดพี่พูดออกมาพร้อมเพรียงกัน สองคนมองหน้ากันก่อนจะหันออกไปมองข้างทางบอดี้การ์ดอย่างไทกิกับลูก้าที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันมองหน้ากันเล็กน้อยแล้วคิดถึงเรื่องที่พวกเขานั้นคุยกัน ไว้เหมือนจะเดาถูกแล้วสิ ว่าเจ้านายของพวกเขาให้ความสนใจผู้หญิงเจ้าของร้านขายดอกไม้“กูเปล่า/กูเปล่า” ขนาดจะพูดปฏิเสธก็ยังจะพูดออกมาพร้อมกัน อย่างกับว่าเป็นคนที่มีจิตวิญญาณเดียวกัน นี่สินะบ่งบอกถึงความเป็นแฝดแท้ไข่ใบเดียวกัน คงมีแต่นิสัยนี่ล่ะที่แตกกันอย่างคนละขั้ว(แตกต่างเหมือนน้ำกับไฟ)“มึงเลิกพูดตามกูไอ้คาร์ล” ทำเสียงหงุดหงิดและยังโทษพี่ชายว่าพูดตามตัวเองอีก“กูไม่ได้พูดตาม” คาร์ลเตอร์ตอบกลับเสียงเรียบ“เหอะ! กูไม่ได้ชอบเธอเว้ย! มึงนั่นแหละชอบ” พูดหงุดหงิดอย่างไม่ชอบใจที่พี่ชายรู้ทันไม่หมดทุกเรื่อง เคอร์วินรู้ดีว่าใจเขาตอนนี้มีความสนใจในตัวผิงอันแต่แค่ยังไม่อยากจะยอมรับก็เท่านั้น เพราะคงไม่ได้เจอเธออีกแล้ว..“ไอ้ปากแข็ง” คาร์
AnAn Garden 🪴วันหยุดที่แสนจะธรรมดาของผิงอัน เธอตื่นแต่เช้ามาจัดร้านเตรียมการเปิดร้านในวันใหม่ จนตอนนี้ก็ได้เวลาเปิดร้านแล้วผิงอันทำทุกอย่างในร้านเพียงคนเดียวมาตั้งแต่เริ่มแรกนี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วสินะไวมากตั้งแต่ที่เธอเปิดร้านขายดอกไม้ย้อนไปเมื่อประมาณสองปีก่อนที่เธออายุครบสิบแปดปี เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะออกจากบ้านเด็กกำพร้ามีบุญ ที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก (เจ็ดแปดขวบ) เธอถูกพบที่วัดโดยมีกระดาษเล็กๆ ที่เขียนวันเดือนปีเกิดและชื่อของเธอทิ้งไว้เท่านั้น‘เด็กคนนี้ชื่ออันอัน เกิด15 พฤศจิกายน 2002’ก่อนหน้านั้นเธอคิดที่อยากจะตามหาครอบครัวนะ แต่ติดที่เธอจำอะไรไม่ได้เลยและไม่มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวหรือเรื่องราวของตัวเอง ยกเว้นก็แต่ชื่อเล่นเธอจำได้ว่าตัวเองชื่ออันอัน ตามที่กระดาษนั้นเขียนจริงๆแปลกเนอะแต่เธอจำได้แค่นี้จริงๆ แต่คุณแม่มะลิที่ดูแลสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าได้เปลี่ยนชื่อเธอเป็นผิงอันที่เป็นคำศัพท์ภาษาจีน 平安 ที่แปลว่าสงบสุข ความสันติ เพราะเธอมีหน้าตาที่เหมือนกับลูกครึ่งจีนเธอก็เลยมีสองชื่อที่คนจะเรียกคืออันอันกับผิงอัน“ฉันอยากตามหาครอบครัวจัง แต่คงหมดหวังแล้ว..” มันผ่านมาสิบ
ภาคภูมิที่บึ่งรถมาหาผิงอันทันทีที่เธอต้องการ รถคันหรูถูกจอดที่ข้างร้านก่อนที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบ มีร่างกายที่สมส่วนก้าวเท้าเดินเข้ามาในร้านภาคภูมิเป็นผู้ชายหน้าตาดีและรวยมาก ผู้หญิงหลายๆ คนต่างชอบและต้องการอยากจะได้เขากันทั้งนั้น แต่ผู้หญิงที่เขารักและต้องการกลับเป็นผิงอันเพียงคนเดียวภาคภูมิเห็นผิงอันนั่งอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นในร้าน เธอก้มหน้าและในมือก็กำอะไรบางอย่างอยู่ด้วย เขาเดินมานั่งข้างหน้าเธอ ยื่นมือไปหวังจะจับแต่ถูกเธอชักมือหนี“ภูมิมีอะไรจะสารภาพกับเราหรือเปล่า” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถาม เงยหน้ามาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา“อันอัน..ร้องไห้ทำไมครับ” น้ำเสียงเป็นที่ออกมาจากใจจริงๆ“ตอบคำถามอันมา มีอะไรจะสารภาพไหม?”“สารภาพอะไรครับอัน” ภาคภูมิเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวล ผิงอันไปรู้อะไรมาไม่ใช่ว่าเธอไปรู้เรื่องที่เขานอกใจเธอหรอกใช่ไหม…ผิงอันวางภาพถ่ายลงบนโต๊ะ ภาคภูมิหยิบภาพถ่ายมากมายเหล่านั้นขึ้นมาดู มันคือภาพถ่ายของเขาและผู้หญิงหลายคนยืนกอดจูบกันในคลับ และภาพสุดท้ายคือภาพที่เขายืนจูบกับหนิงในคลับเพื่อนสนิทของผิงอัน…“อันคือภูมิ…”“ภูมิทำกับอันแบบนี้ทำไม ถ้าภูมิจะหยุดเรื่อง
KKU UNIVERSITY 🏫หนึ่งสัปดาห์ถัดมา ผิงอันมาเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนหน้านี้เธอเลือกเรียนออนไลน์ โชคดีมากที่มหาวิทยาลัยมีคำสั่งให้นักศึกษาที่ไม่สะดวกมามอสามารถเรียนออนไลน์ได้ (มอ=ย่อมาจากมหาวิทยาลัย ที่เด็กมหาวิทยาลัยชอบเรียกติดปาก)แต่วันนี้เธอเลือกที่จะกลับมาเรียนออนไซต์ถึงแม้ว่าเธอจะต้องแบกสภาพจิตใจกับความรู้สึกย่ำแย่ที่ถูกแฟนและเพื่อนรักหักหลังมาเรียนก็ตามทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าหนุงหนิงกับภาคภูมิแต่เราไม่สามารถหนีความจริงไปได้ เราต้องเผชิญกับปัญหาให้ได้ไม่ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่ตั้งแต่วันนั้นที่เลิกกับภาคภูมิเธอก็บล็อกทุกอย่างที่เกี่ยวกับกับเขา ไลน์ ไอจี เฟซบุ๊ค รวมถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับหนุงหนิง ตอนแรกเธอคิดว่าจะเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้ แต่คิดไปคิดมามันไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้จริงๆต่างคนต่างอยู่ต่างใช้ชีวิตดีกว่า เธอจะให้อภัยในสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ไม่ขอข้องเกี่ยวอะไรต่อกันอีกไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ยังไงนี่ก็เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีสอง (เซค=กลุ่มเรียน) ปีหน้าลงเรียนเซคใหม่คงไม่ต้องมาทนเห็นหน้าพวกเขาอีก โชคดีที่เธอยังมีเพื่อนๆ ที่น่ารักคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างๆ มันก็เริ่
22:00 PMผิงอันถูกขนมปังแต่งหน้าแต่งตัวจนสวยปังเหมือนสาวไอดอลเกาหลี ปกติผิงอันเพียงแค่ทาลิปสติกทาแป้งใส่เสื้อยืดกางเกงยีนแค่นั้น แต่วันนี้เธอถูกเพื่อนสาวคนสนิทแต่งตัวจัดเต็มมากทั้งใส่ชุดเดรสสวยหรูสุดเซ็กซี่ ทารองพื้น ใส่คอนแทกต์เลนส์สีน้ำตาลอ่อนทำให้ตาดูหวานและกลมโต ปัดแก้มสีชมพูอ่อน ทาตา เขียนคิ้วกรีดอายไลเนอร์ปัดมาสคาร่าทำให้เธอดูสวยขึ้นมามากกว่าเดิมอีก“มันต้องจัดเต็มขนาดนี้เลยเหรอแก?” ผิงอันที่ยืนมองตัวเองในกระจกแทบไม่อยากเชื่อสายตา“นี่ฉันยังรู้สึกน้อยไปด้วยนะ” หยิบแปรงจะมาปัดหน้าให้เพิ่ม“ห๊า! ฉันว่ามันเยอะมากๆ เลยแก พอแล้วนะไปได้แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย” ผิงอันดันมือเพื่อนออกไม่ให้มายุ่มย่ามกับตัวเธออีก“รู้แล้วๆ ไม่แต่งอะไรเพิ่มแล้วค่า” ขนมปังหัวเราะชอบใจชุดเดรสที่ขนมปังเลือกให้ผิงอันเป็นสายเดี่ยวสีดำแหวกอกอวดโชว์หน้าอกที่ทั้งใหญ่และเป็นทรงกลมสวยไร้มีดหมอแต่อย่างใด และอวดโชว์แผ่นหลังขาวเนียน ชุดเดรสทรงพลิ้วไม่ได้รัดรูป แต่ยาวเลยแก้มก้นมาสองคืบเท่านั้น ได้โชว์ขาขาวเนียน นี่คือครั้งแรกที่เธอได้ใส่ชุดแบบนี้ผิงอันไม่ได้อายหรือไม่ชอบนะ แต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจ แต่พอมาเจอขนมปังเธอก็เริ่
"ทนายพอร์ชเชิญอ่านต่อ""ครับ และในส่วนทรัพย์สินของภรรยาทั้งสามที่เสียไปเมื่อสองปีก่อน ที่ไม่เคยเปิดเผยทรัพย์สมบัติ คุณผู้หญิง เธอขอมอบให้กับลูกๆ ตามสายเลือดของพวกเธอ ยกเว้นคุณหญิงอัลลาคุณแม่ของคุณชายออสตินมอบให้กับหลานชายฝาแฝดของเธอแทนลูกชายที่จากไป โดยจะทำการส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในสามวัน""ส่วนคฤหาสน์ฝั่งซ้ายมอบให้อังเดรลูกชายคนที่สอง กับที่ดินห้าพันไร่ ตำแหน่งประทานบริษัทเหมืองทองคำสาขาสอง และเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์ ส่วนสร้อยเพชรหนึ่งร้อยกล่องกับเงินห้าหมื่นดอลลาร์มอบให้แอนดิสัน ดูรองซ์หลานสาว บริษัทเครื่องดื่มน้ำแร่ที่ประเทศอิตาลี ตำแหน่งประธานมอบให้แอนโทนีดูรองซ์หลานชาย พร้อมเงินสดอีกหนึ่งแสนดอลลาร์""ถัดมาในคฤหาสน์ฝั่งขวามอบให้ลูกชายคนเล็ก ดักซ์ ดูรองซ์ กับเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์ เครื่องประดับอย่างละหนึ่งร้อยกล่อง กับเช็คเงินสดสิบล้านดอลลาร์มอบให้หลานสาวฝาแฝดทั้งสองคน ไดอาน่า ดิสนี่ย์ ดูรองซ์""และสุดท้ายเงินสดหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ขอมอบให้มูลนิธิในเครืออย่างเท่าๆกัน""จบการอ่านพินัยกรรม..." หลังจากอ่านพินัยกรรมจบทนายก็ขอตัวลาไปจัดการทำเรื่องโอนย้ายชื่อให้มาเป็นของสองแฝด เปลื่ยนชื่อใ
สองพี่น้องเดินบนทางที่ทำจากหินอ่อนเกรดพรีเมี่ยมที่ปู่ชอบตามทางโรยกรีบกุหลาบสีฟ้า ระหว่างสองข้างทางเดินมีบอดี้การ์ดยืนเรียงแถวหน้ากระดานตั้งแต่หน้าหลุมศพยาวไปถึงทางออก ทุกคนพากันก้มหัวและกล่าวเรียกทำความเคารพท่านผู้นำตระกูลทั้งสองคน หลังจากวันนี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการพร้อมกับเปิดพินัยกรรม แน่นอนว่าเรื่องนี้คงจะเป็นปัญหาภายใน อาจมีคนที่ไม่พอใจจนทำอะไรโง่ๆก็เป็นได้แต่พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครมันมาทำลายตระกูลของเราที่มีมาอย่างยาวนี้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอก ถ้าไม่ดีหรือมีแผนการทำลายตระกูลพวกเขาก็พร้อมจะตัดคนพวกนั้นออกจากตระกูล เคอร์วินเองก็ต้องขึ้นมาเป็นท่านผู้นำ สองคนพี่น้องพวกเขาคือหนึ่งเดียวกัน ความแข็งแกร่งความสามารถที่ซ่อนไว้นับจากนี้พวกเขาจะได้ใช้มันสักที! 14/01/2023 คฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์🕍วันนี้มีการอ่านพินัยกรรม ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับอองเดร ทายาทจะได้รู้เรื่องราวที่ถูกเขียนไว้ในพินัยกรรม ทนายที่จะมาอ่านเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ และเป็นคนสนิทของอองเดรที่ทำงานอยู่ด้วยกันมาทุกช่วงชีวิต จะไม่มีการเล่นตุกติกหรือปลอมแปลงเอกสารอะไรขึ้นมาใหม่ ทุกคำที่จะได้อ่านหลังจากนี้
หนึ่งสัปดาห์หลังผ่านพ้นพิธีงานศพท่านอองเดรไปอย่างเรียบง่ายแต่ก็จัดขึ้นอย่างสมเกียรติของท่าน จัดขึ้นตามพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ วันสุดท้ายในการฝังร่างท่านที่สุสานตระกูล สองพี่น้อง คาร์ลเตอร์กับเคอร์วินได้ให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าหลุมศพท่านปู่ว่าจะรับหน้าที่ดูแลตระกูลต่อ ตามเจตนารมณ์ของท่านปู่"ผมจะดูแลตระกูลให้ดีเหมือนที่ปู่ปกป้องตระกูลเรามาตลอดจดช่วงสุดท้ายของชีวิต และจะทำมันให้ดีกว่าเดิม พักผ่อนนะปู่"คาร์ลเตอร์กุมมือประสานเข้าด้วยกันก้มหน้าทำความเคารพและเอ่ยต่อหน้าหลุมศพอองเดรอย่างหนักแน่น"ไม่ต้องกังวลนะปู่ ฉันจะเป็นผู้นำตระกูลที่สมบูรณ์แบบให้มากกว่าปู่แน่นอนละก็อีกเรื่องฉันรักปู่นะขอบคุณที่พยายามทำหน้าที่พ่อกับแม่ดูแลตอนพวกฉันยังเด็ก อยู่ในนั้นหวังว่าจะไม่อึดอัดนะปู่...""ปู่คงดีใจนะที่มึงยอมเรียกท่านว่าปู่สักที ตอนที่ท่านยังอยู่ ปู่เขาอยากได้ยินมึงเรียกว่าปู่มาตลอด""มึงก็พูดไปเรื่อยกูก็เรียกปู่ออกจะบ่อย ฉันไปละนะตาแก่ไว้จะมาเยี่ยมพร้อมหลานสะใภ้นะ"เคอร์วินถอนหายใจเฮือกใหญ่แรงๆ ยกมือโบกไปมาและหันหลังไปยืนรอคาร์ลเตอร์ พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบถึงเขาจะชอบพูดหยอกล้อหรือทำตัวนิสัยเด็กน
“แกยังมีหน้ามาพูดถึงออสตินแบบนี้อีกรึ! พี่ชายพี่สะใภ้ตายก็เพราะไปช่วยคนไร้ค่าอย่างแก” “ทั้งที่มีชีวิตรอดมาแต่ก็ไม่สำนึก เคยทำอะไรให้ตาแก่อย่างฉันสบายใจไหม เรื่องธุรกิจตระกูลแกไม่ต้องหวังว่าจะได้ดูแลแม้แต่ธุรกิจเดียวและฉันทำทุกอย่างตามความจริงที่รู้และเห็นอย่างยุติธรรม” แน่นอนว่าอองเดรมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง ใครควรได้ไม่ได้อะไร คนที่มีความสามารถกับคนที่ไร้ความสามารถก็มองออกได้ในทันที “สิ่งที่เป็นของคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายหรือคิดจะแย่งไปได้!” “และฉันไม่ได้ลืมว่ามีหลานกี่คน! พวกนั้นก็จะได้ในสิ่งที่เป็นของตัวเอง พามันออกไป!” “อึก!” “นายท่าน!” ดักซ์ถูกหิ้วปีกออกไป เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาที่ลูกชายถูกลากออกไป คนเป็นพ่อที่แสร้งทำว่าแข็งแรงทรุดตัวลงต่อหน้าหัวหน้าพ่อบ้าน คนดูแลและบอดี้การ์ด หรือนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้นำตระกูลจะได้โต้เถียงกับลูกชายคนเล็ก แต่อย่างน้องก่อนตายเขาก็ได้เจอหลานชายทั้งสองคนอันเป็นที่รักเปรียบเสมือนหัวใจของชายแก่คนนี้ หลังจากนั้นเพียงสามชั่วโมง ตระกูลดูรองซ์ก็ได้พบกับความโศกเศร้า ผู้นำตระกูลได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคหัวใจ
จึก! “หยุดได้แล้ว คาร์ลเตอร์!” ปลายแหลมคมมีดที่กำลังจะปักลงกลางอกชายวัยกลางคนสุดด้ามได้ถูกห้ามจากเสียงแหบแห้งของชายสูงอายุ ผู้นำตระกูลดูรองซ์ อองเดรเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับผู้ดูแลข้างกาย มือที่เหี่ยวแห้งเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแตะลงบนบ่าหลานชายบีบเบาๆ แต่คาร์ลเตอร์เพียงดึกมีดที่แทงเข้าไปแค่ปลายออกเท่านั้น แต่เขายังคงใช้มือทั้งห้านิ้วบีบคออาตัวเองไว้แน่นแทบจะกำได้ทั้งรอบคอ ดักซ์ดวงตาเบิกโพลงนัยตาแดงก่ำ “แค่กๆ อึกพะพ่อ..”เขายังคงดิ้นทุรนทุราย แรงที่มีเหลือก็เริ่มที่จะหมด ภาวนาให้พ่ออย่างอองเดรช่วยตัวเองจากน้ำมือหลานชาย “ยังไงนี่ก็ลูกชายปู่ ปู่จะสั่งสอนมันเอง”น้ำเสียงชายชราที่พูดอย่างสงบแต่คนฟังรู้ดีว่าหมายถึงอะไร ดักซ์ก็แค่หมากตัวหนึ่งที่ปู่เขาเป็นผู้ควบคุม อำนาจปกครองยังอยู่ในมือของอองเดรถึงแม้ท่านจะแก่ชรามากแล้วก็ตามแต่ทุกคนยังให้ความเคารพและเกรงกลัวอำนาจ และเขาที่เป็นหลานก็ควรต้องทำตามคำสั่งกับเชื่อฟัง ถึงนี่จะเป็นเรื่องที่อยากขัดคำสั่งที่สุดในชีวิตของคาร์ลเตอร์เลยก็ว่าได้ “น่าหงุดหงิด! ” ตุบ! ร่างหนาของดักซ์ถูกปล่อยเป็นอิสระโล่งลงสู่พื้น เขาลงไปนอนกลิ้งตัวไปมาหงายตัวขึ้นนอน
พ่อบ้านเดินนำพาทั้งสองคนเข้าไปในคฤหาสน์ ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์ พวกเขาก็ได้เดินผ่านอาดักซ์ น้องชายคนเล็กของพ่อ ลูกชายของปู่อีกคน แต่เป็นลูกกับภรรยาคนที่สาม ส่วนพ่อของคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินเป็นลูกของภรรยาคนแรกหรือก็คือคุณผู้หญิงที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมายเพียงหนึ่งเดียว“ไม่เจอกันนานเลยนะ ยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อนะพวกแก”สองแฝดไม่ค่อยชอบอาดักซ์พวกเขาไม่สนใจหรือคิดที่กล่าวทักทายด้วยซ้ำ“ญาติผู้ใหญ่คุยด้วยแท้ๆ ปีกกล้าขาแข็งไม่เปลี่ยน คิดว่าเป็นหลานคนโปรดจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ”ขวับ!“แน่นอน อย่างน้อยการที่อยากทำอะไรของพวกฉันมันก็มีประโยชน์มากกว่าไม่ทำอะไรนอกจากใช้นามสกุลตระกูลเป็นกะลาคุมหัว!”“มึงว่าใครไอ้เคลว์”“ก็ยืนหันหน้าพูดด้วย หรืออาคิดว่าฉันกำลังพูดกับหมา!แต่แถวนี้ก็ไม่มีหมานะนอกจากอา?”เคอร์วินไม่เกรงกลัวแม้คนตรงหน้าจะมีศักดิ์เป็นอา“มึง คิดว่าท่านพ่อจะยกทุกอย่างให้พวกแกหรอ! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”“พอ! ท่านปู่นอนป่วยอยู่ยังจะมาหาเรื่องไอ้เคลว์อยู่ได้ ถ้าอามีวุฒิภาวะมาพอก็ควรหยุดได้แล้ว”คาร์ลเตอร์กล่าวเสียงเรียบแต่ดุดัน ทำเอาดักซ์นิ่งสงบปากไปได้แป๊บนึงก่อนจะเอ่ยออกมาอีก“เห็นว่าพ่อฉันอยากเ
French in Paris 🇫🇷 คฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์🕍“ไม่ได้กลับมานานแค่ไหนแล้วนะ”น้ำเสียงผู้เป็นน้องชายเอ่ยออกมาขณะรถหรูยี่ห้อโรลส์รอยซ์ขับผ่านรูปปั้นนกฟีนิกซ์เพลิงที่ตั้งเด่นสง่าประดับอยู่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์ สไตล์ของคฤหาสน์คือกรีกโรมินผสมกลิ่นอายของปรารีสร่วมสมัยใหม่ แน่นอนว่า คฤหาสน์ใหญ่โตที่คนนอกอยากเข้า คนในอยากออก…ที่กล่าวมาไม่ได้เกินจริง คนในที่พูดถึงคือพวกเขาเองสัญลักษณ์นกฟีนิกซ์เพลิงแสดงอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนทั่วไปและยังเป็นหนึ่งในห้าตระกูลของตราประจำสัญลักษณ์สัตว์เทพในตำนาน สืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่ปี1951 แน่นอนว่าที่กล่าวถึงนั้นยังมีอีกห้าตระกูล ก็คือกลุ่มเพื่อนสนิทของสองแฝด พวกเขามีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณตา พวกท่านเองก็ต่างเป็นเพื่อนกันมาก่อนเหมือนกับพวกเขาในตอนนี้“ห้าปี ห้าปีนับตั้งแต่เราก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ของท่านปู่ เราไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งแต่ตอนนั้น”คาร์ลเตอร์หันไปตอบน้องชายฝาแฝด ความคิดที่จะโบยบินด้วยปีกของตัวเองนั้น เคยคิดว่าจะไม่กลับมาในกรงทองนี้อีก แต่สุดท้ายก็เดินกลับมาด้วยตัวเอง ยังไงสายเลือดเดียวกันก็ตัดกันไม่ขา
คาร์ลเตอร์หันกลับมาเมื่อรู้ว่าคนที่เข้ามาคือเคอร์วิน มันไม่เห็นบอกว่าจะเข้าบริษัท แต่ก็นิสัยแบบนี้แหละ ไม่บอกคิดอะไรก็ทำเลย และยังใจร้อนอีก เขาถึงได้คอยเป็นห่วงอยู่ตลอด ก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้องนี่นะ จะไม่ให้ห่วงได้ไง“จะมาทำไมไม่บอกก่อน”“ทำไมต้องบอก หรือมึงแอบซ่อนผู้หญิงไว้เหรอ”มองซ้ายมองขวาหยอกล้อคาร์ลเตอร์ เขารู้ว่าไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอก ก็ตั้งแต่พวกเขาได้เจอผิงอัน ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่เคยได้มาเฉียดเข้าใกล้ รวมถึงอยู่ในสายตา“กวนตีน แล้วมีอะไร”คาร์ลเตอร์ส่ายหัวเอือมระอาความกวนโอ๊ยของน้องชายฝาแฝด“ได้รับอีเมลหรือยัง”เคอร์วินเดินมานั่งลงที่โซฟาสีดำเอนตัวผิง ยกมือพาดไปกับโซฟา“จากตระกูลใหญ่น่ะเหรอ ได้แล้วแต่ไม่ได้เปิดอ่าน”คาร์ลเตอร์ตอบกลับพร้อมนั่งลงโซฟาฝั่งตรงข้ามเคอร์วิน“ตอนแรกกูก็ไม่ได้อ่าน แต่ส่งมาไม่หยุดกูเลยยอมเปิดอ่าน”“…”“มึงจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าในข้อความเขียนมาว่าไงบ้าง”“กูไม่ได้อยากรู้เรื่องของตระกูลใหญ่”“อาการป่วยของตาแก่คงแย่ลง คุณอาบอกว่าให้พวกเรากลับไปที่บ้านใหญ่” ตาแก่ที่เคอร์วินพูดถึงก็คือท่านปู่ ผู้เป็นบิดาของพ่อสองแฝดและหัวหน้าตระกูลดูรองซ์“เรียกท่านปู่ดีๆ”คาร์ลเตอ
หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากวันที่ผิงอันกลับประเทศจีนไปกับครอบครัว ทั้งสามคนก็ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย สองแฝดเองก็เลือกจะรออยู่เงียบไม่วุ่นวาย ไม่ส่งคนไปคอยตามดูเธอ และยังสั่งห้ามลูกน้องทุกคนไม่ให้พูดถึงร่างบางอีกด้วย ในเมื่อแยกย้ายกันไปเติบโต เราก็ไม่ควรไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกัน เพราะตอนนี้คาร์ลเตอร์กับเคอร์วินก็ยังทำใจไม่ได้ สู้ไม่รับรู้เรื่องเธอเลยจะดีกว่ารับรู้แต่ไม่ได้อยู่เคียงข้างกัน แบบนั้นจะยิ่งเจ็บ แล้วพวกเขาคงดูแลหรือรักษาอะไรไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาคงอ่อนแอเกินไป…??? แต่หลังจากที่เคลียร์ธุรกิจสุดท้ายนี้ได้สำเร็จล่ะก็! พวกเขาจะไปทวงคนรักคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง! และจะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ แม้จะเสียใจจนไม่อยากทำอะไร แต่เพราะก็มีหน้าที่ที่ต้องทำและดูแลชีวิตอีกนับพันคน เหล่าบรรดาลูกน้องและพนักงาน มันคือความรับผิดชอบในส่วนจองผู้กุมอำนาจสูงสุดในบอกบริหาร องค์กร ธุรกิจ ไม่ว่าจะธุรกิจเบื้องหน้าที่ขาวสะอาดหรือธุรกิจเบื้องหลังอันดำมืด… แน่นอนว่าเบื้อหน้าทุกคนรู้จักคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินว่าเป็นบริษัทส่งออกอาหารที่ใหญติดอันดับต้นๆของโลก และไหนจะคลับไฮโซอีกมากมาจทั้งในและต่างประเทศ แต่เบื้องลึกเบื