แปะ แปะ แปะ 🌧
เสียงของสายฝนที่ตกลงมาดังเปาะแปะ จากเสียงเบาก็เริ่มจะดังพร้อมกับแรงมากขึ้น ปลุกให้หญิงสาวที่กำลังหลับสนิทตื่นจากความฝัน เธอลุกขึ้นจากเตียง งัวเงียเดินลงมาเข้าห้องน้ำชั้นล่างของบ้านเพราะห้องน้ำข้างบนดันมาเสียซะนี่
ตึงตัง!
เฮือก! ร่างบางสะดุ้งตัวโหยงเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระแทกกับประตูหน้าบ้านของเธออย่างแรง ผิงอัน เริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับเสียงที่ได้ยิน แต่ก็เลือกจะเดินมาฟังใกล้ ๆ เพราะเธอไม่แน่ใจว่านั่นคือเสียผีหลอกหรือพวกโจรกันแน่
“อึกโอย..อ่า” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เป็นเสียงร้องโอดโอยครวญคราง น้ำเสียงเขาฟังดูทรมานมาก
มือเล็กเดินไปหยิบไม้กวาดที่วางอยู่ข้างโต๊ะ เธอเดินถือมาหน้าประตูบ้านและชั่งใจว่าจะเปิดออกไปดูดีไหม เพราะเสียงร้องนั่นมันคือเสียงของคนชัด ๆ เลยนะ
บริเวณหน้าบ้านของเธอเป็นร้านขายดอกไม้ จริง ๆ บ้านที่เธอเรียกถ้าจะเรียกให้ถูกต้องมันคือตึกแถวสามชั้นเสียมากกว่าที่เธอนั้นมาเช่าอาศัยอยู่
“เอาไงดีนะยัยอัน จะเปิดออกไปดูดีไหม..” สองมือเล็ก ๆ กำทั้งไม้กวาดและโทรศัพท์ไว้แน่น เตรียมกดโทรศัพท์มือถือ โทรหาตำรวจทันทีถ้ารู้ว่านั่นเป็นเสียงของโจร!!!
เธอไม่สามารถไปเรียกหรือตามใครให้ออกไปดูกับเธอได้ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอคงไม่มีใครรู้แน่ แต่น้ำเสียงที่น่าสงสารของใครบางคนยังคงร้องอยู่แต่เริ่มเสียงเบาลงบ้างแล้ว
แกร๊ก เธอค่อยๆ ง้างประตูบ้านเปิดออกช้าๆ กวาดสายตาไปมารอบๆ ก่อนจะต้องนิ่งชะงักไปชั่วครู่ เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ร่างหนาที่นั่งหอบหายใจช้าและโรยริน กับหยาดเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจนท่วมไปทั้งตัว
“คุณ!” เธอรีบเข้าไปประคองผู้ชายร่างหนา ที่ไม่รู้จักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ตรวจสอบบาดแผลแล้วใช้มือกดช่วยห้ามเลือด ถอดเสื้อคลุมออกมาช่วยกดแผลที่ท้องให้กับเขา มือหนึ่งก็คอยกดโทรหาโรงพยาบาลรีบบอกข้อมูลที่อยู่ให้โรงพยาบาลหรือหน่วยกู้ภัยให้รีบมา
“คุณคะ ได้ยินเสียงฉันไหม”
“อึก..เธอ เป็นใคร”
“เอ่อฉันชื่อ ผิงอันค่ะ เรื่องนั้นไม่สำคัญสักหน่อย เดี๋ยวอันอันจะรีบเรียกรถพยาบาลให้นะคะ เดี๋ยวก็มาแล้ว อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะคะ..”
จากตอนแรกที่ได้ยินเสียงหวานใสดังก้องในหู มาตอนนี้เขาเริ่มจะไม่ได้ยินเสียงหวานนั้นที่คอยพูดคุยด้วยแล้วล่ะภาพตรงหน้าและเสียง มันเริ่มเลือนรางและจางหายไป…
“โอ้! ไม่นะ! อย่าหลับนะ ห้ามหลับนะคุณ!” ถึงเธอจะพยายามเรียกยังไงเขาก็คงไม่ตื่นมาได้ยินแล้วล่ะ เพราะว่าในตอนนี้ชายที่เลือดท่วมไปทั้งตัว เขาสลบไปในอ้อมแขนของเธอแล้ว
เขาคือใครกัน ผู้ชายที่เลือดอาบไปทั้งตัว แล้วทำไมถึงได้มานอนสลบอยู่หน้าบ้านเธอ แต่เธอรู้แค่ว่าเธอจะต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้
-บางเรื่องถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกตัว…-
1 ชั่วโมงก่อนหน้าปัง ปัง เสียงปืนไล่หลังมาเฟียหนุ่มมาติดๆ ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าออกแรงวิ่งฝ่าน้ำขังตามพื้นของเจ้านายและลูกน้องที่วิ่งหลบกระสุนจากผู้ไม่หวังดี เลือดจากบาดแผลก็ยังไหลออกมาไม่จบสิ้นและนั่นยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับทั้งสามคน ฝนก็ตกแรงขึ้น ทุกอย่างดูทุลักทุเลมากคาร์ลเตอร์ วิ่งมาหลบอยู่ที่ตรอกซอกตรงซอยแคบกับบอดี้การ์ดคนสนิทอีกสองคน ลูก้า ไทกิ สองบอดี้การ์ดที่เหมือนพี่น้องอีกคนของมาเฟียที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ ทั้งไทกิและลูก้าถูกฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็กให้ปกป้องดูแลคาร์ลเตอร์และน้องชายฝาแฝดอีกคน“แยกกันไป พวกมึงไปทางนั้น” คาร์ลเตอร์เอ่ยปากออกคำสั่งบอดี้การ์ดคนสนิททั้งสองคนให้วิ่งไปอีกทาง“ไม่ครับ! ผมจะไม่ทิ้งนายท่านเด็ดขาด!” ไทกิยืนยันเสียงหนักแน่นไม่ยอมไปตามที่เจ้านายสั่ง“นายท่านบาดเจ็บแบบนี้จะไปคนเดียวไม่ได้นะครับ!” ลูก้ารีบพูดเสริมเพราะว่าตอนนี้คาร์ลเตอร์เองก็มีบาดแผลจากกระสุนปืนอยู่ที่ต้นแขนข้างขวาคาร์ลเตอร์อยากจะตบกระบาลพวกมันสักที ทั้งไทกิและลูกก้าก็มีสภาพไม่ได้ต่างจากเขาเลย ทั้งสองคนเองก็ถูกยิงมาเช่นกัน“ฟัง! มึงรีบไปส่งสัญญาณบอกคนของเรา กูจะหน
ผ่านไปเกือบสองวัน กว่าที่คาร์ลเตอร์จะฟื้นขึ้นมา หลังจากวันที่เขาเข้ารับการผ่าตัดเอากระสุนออกจากต้นแขนและบาดแผลที่ช่วงท้อง โชคดีที่บาดแผลบริเวณที่โดนมีดฟันมาไม่ได้โดนจุดสำคัญหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตพวกนักฆ่าที่ถูกส่งมาพวกนี้ยังมีฝีมือที่ไม่ได้เก่งกาจมากนักเพราะถ้ามันเก่งจริงคงแทงโดนจุดสำคัญภายในร่างกายเขาไปบ้างแล้ว คาร์ลเตอร์นอนหลับมาสองวันสองคืนโดยมีแพทย์และพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด“อ่า เจ็บ..” เสียงร้องทุ้มต่ำในลำคอเบาๆ คาร์ลเตอร์กระพริบตาช้าๆ ลืมตาขึ้นมามองเพดานสีขาว เขาอยู่ในห้องพิเศษ s-vvipในโรงพยาบาลเอกชนของเพื่อนสนิทในกลุ่ม (s-vvip= super vvip)“ตื่นแล้วเหรอไอ้พี่ชาย” เคอร์วินที่คอยเฝ้าอยู่ไม่ห่างเดินมาทักเมื่อเห็นว่าคาร์ลเตอร์ลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมปรับที่นอนให้เป็นแบบพนักพิงหลังได้“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน” นี่คือประโยคแรกที่เขาพูดหลังจากนอนสลบไม่รู้สึกตัวมาเป็นเวลาสองวัน แต่เพียงตื่นจากการหลับใหลก็ถามถึงผู้หญิงที่ช่วยชีวิตเขาเลยในทันที“ตื่นมาก็ถามหาผู้หญิงเป็นอย่างแรกเลยนะมึง นี่มึงรู้ตัวไหมว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่” ยืนกอดอกมองพี่ชายที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บ“แล้วกูหลับไปน
โรงพยาบาลเอกชน BN“มึงจะรีบออกจากโรงพยาบาลทำไมวะไอ้คาร์ล”น้ำเสียงที่ทั้งเป็นห่วงและจะปนหงุดหงิดของเคอร์วินที่พูดกับคาร์ลเตอร์ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝด ก็ไอ้พี่ชายตัวดีของเขาน่ะพอมันฟื้นขึ้นมาได้สามวัน มันก็จะออกจากโรงพยาบาลท่าเดียว นี่ก็กำลังห้ามไม่ให้มันลุกออกจากเตียง“กูมีเรื่องต้องทำ ปล่อย และกูหายดีแล้ว” เสียงเรียบเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝดแล้วจะลุกออกจากเตียงคนป่วย“หายดีก็เชี่ยละ! มันสำคัญกว่าชีวิตมึงรึไงวะ!” เพิ่งจะฟื้นได้สามวันบอกหาย ใครเชื่อก็โง่ละ“งานสำคัญเหรอ? ถ้างานให้กูไปทำแทนก็ได้ ส่วนมึงพักรักษาตัวให้หายดีก่อน” เคอร์วินดันตัวคาร์ลเตอร์ลงไปกับเตียงคนป่วย“ไม่ใช่งาน!”“ไม่ใช่งานแล้วมันอะไร อะไรที่ทำให้มึงรีบร้อนอยากออกจากโรงพยาบาล” เคอร์วินจ้องมองอย่างต้องการคำตอบ มือก็ยังดันไม่ให้คาร์ลเตอร์ลุก“กูจะไปเอาเข็มกลัดคืน”เคอร์วินปล่อยมือที่ดันคาร์ลเตอร์ไว้กับเตียงออกเมื่อได้ฟังว่าพี่ชายกำลังจะไปที่ไหน“ต้องไปเอาคืนเดี๋ยวนี้เลย?” เคอร์วินถามต่อ ทีนี้เปลี่ยนมายืนกอดอกมองเคอร์วินลุกขึ้นนั่งดึงสายน้ำเกลือออกจากมือ“อืม เป็นของสำคัญก็ต้องรีบไปเอาคืน” คาร์ลเตอร์ตอบ ทั้งที่ความจริงเขาแค่อยากไป
บนรถหรูBMWตั้งแต่ที่สองแฝดขึ้นมานั่งบนรถก็ยังไม่มีใครปริปากเอ่ยพูดอะไรกันเลย มีแต่เสียงของเครื่องยนต์และเสียงดนตรีคลาสสิคที่เปิดคลอๆ ไม่ให้เงียบจนเกินไป“มึงชอบเธอ../มึงชอบเธอ..” สองพี่น้องฝาแฝดพี่พูดออกมาพร้อมเพรียงกัน สองคนมองหน้ากันก่อนจะหันออกไปมองข้างทางบอดี้การ์ดอย่างไทกิกับลูก้าที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันมองหน้ากันเล็กน้อยแล้วคิดถึงเรื่องที่พวกเขานั้นคุยกัน ไว้เหมือนจะเดาถูกแล้วสิ ว่าเจ้านายของพวกเขาให้ความสนใจผู้หญิงเจ้าของร้านขายดอกไม้“กูเปล่า/กูเปล่า” ขนาดจะพูดปฏิเสธก็ยังจะพูดออกมาพร้อมกัน อย่างกับว่าเป็นคนที่มีจิตวิญญาณเดียวกัน นี่สินะบ่งบอกถึงความเป็นแฝดแท้ไข่ใบเดียวกัน คงมีแต่นิสัยนี่ล่ะที่แตกกันอย่างคนละขั้ว(แตกต่างเหมือนน้ำกับไฟ)“มึงเลิกพูดตามกูไอ้คาร์ล” ทำเสียงหงุดหงิดและยังโทษพี่ชายว่าพูดตามตัวเองอีก“กูไม่ได้พูดตาม” คาร์ลเตอร์ตอบกลับเสียงเรียบ“เหอะ! กูไม่ได้ชอบเธอเว้ย! มึงนั่นแหละชอบ” พูดหงุดหงิดอย่างไม่ชอบใจที่พี่ชายรู้ทันไม่หมดทุกเรื่อง เคอร์วินรู้ดีว่าใจเขาตอนนี้มีความสนใจในตัวผิงอันแต่แค่ยังไม่อยากจะยอมรับก็เท่านั้น เพราะคงไม่ได้เจอเธออีกแล้ว..“ไอ้ปากแข็ง” คาร์
AnAn Garden 🪴วันหยุดที่แสนจะธรรมดาของผิงอัน เธอตื่นแต่เช้ามาจัดร้านเตรียมการเปิดร้านในวันใหม่ จนตอนนี้ก็ได้เวลาเปิดร้านแล้วผิงอันทำทุกอย่างในร้านเพียงคนเดียวมาตั้งแต่เริ่มแรกนี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วสินะไวมากตั้งแต่ที่เธอเปิดร้านขายดอกไม้ย้อนไปเมื่อประมาณสองปีก่อนที่เธออายุครบสิบแปดปี เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะออกจากบ้านเด็กกำพร้ามีบุญ ที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก (เจ็ดแปดขวบ) เธอถูกพบที่วัดโดยมีกระดาษเล็กๆ ที่เขียนวันเดือนปีเกิดและชื่อของเธอทิ้งไว้เท่านั้น‘เด็กคนนี้ชื่ออันอัน เกิด15 พฤศจิกายน 2002’ก่อนหน้านั้นเธอคิดที่อยากจะตามหาครอบครัวนะ แต่ติดที่เธอจำอะไรไม่ได้เลยและไม่มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวหรือเรื่องราวของตัวเอง ยกเว้นก็แต่ชื่อเล่นเธอจำได้ว่าตัวเองชื่ออันอัน ตามที่กระดาษนั้นเขียนจริงๆแปลกเนอะแต่เธอจำได้แค่นี้จริงๆ แต่คุณแม่มะลิที่ดูแลสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าได้เปลี่ยนชื่อเธอเป็นผิงอันที่เป็นคำศัพท์ภาษาจีน 平安 ที่แปลว่าสงบสุข ความสันติ เพราะเธอมีหน้าตาที่เหมือนกับลูกครึ่งจีนเธอก็เลยมีสองชื่อที่คนจะเรียกคืออันอันกับผิงอัน“ฉันอยากตามหาครอบครัวจัง แต่คงหมดหวังแล้ว..” มันผ่านมาสิบ
ภาคภูมิที่บึ่งรถมาหาผิงอันทันทีที่เธอต้องการ รถคันหรูถูกจอดที่ข้างร้านก่อนที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบ มีร่างกายที่สมส่วนก้าวเท้าเดินเข้ามาในร้านภาคภูมิเป็นผู้ชายหน้าตาดีและรวยมาก ผู้หญิงหลายๆ คนต่างชอบและต้องการอยากจะได้เขากันทั้งนั้น แต่ผู้หญิงที่เขารักและต้องการกลับเป็นผิงอันเพียงคนเดียวภาคภูมิเห็นผิงอันนั่งอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นในร้าน เธอก้มหน้าและในมือก็กำอะไรบางอย่างอยู่ด้วย เขาเดินมานั่งข้างหน้าเธอ ยื่นมือไปหวังจะจับแต่ถูกเธอชักมือหนี“ภูมิมีอะไรจะสารภาพกับเราหรือเปล่า” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถาม เงยหน้ามาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา“อันอัน..ร้องไห้ทำไมครับ” น้ำเสียงเป็นที่ออกมาจากใจจริงๆ“ตอบคำถามอันมา มีอะไรจะสารภาพไหม?”“สารภาพอะไรครับอัน” ภาคภูมิเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวล ผิงอันไปรู้อะไรมาไม่ใช่ว่าเธอไปรู้เรื่องที่เขานอกใจเธอหรอกใช่ไหม…ผิงอันวางภาพถ่ายลงบนโต๊ะ ภาคภูมิหยิบภาพถ่ายมากมายเหล่านั้นขึ้นมาดู มันคือภาพถ่ายของเขาและผู้หญิงหลายคนยืนกอดจูบกันในคลับ และภาพสุดท้ายคือภาพที่เขายืนจูบกับหนิงในคลับเพื่อนสนิทของผิงอัน…“อันคือภูมิ…”“ภูมิทำกับอันแบบนี้ทำไม ถ้าภูมิจะหยุดเรื่อง
KKU UNIVERSITY 🏫หนึ่งสัปดาห์ถัดมา ผิงอันมาเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนหน้านี้เธอเลือกเรียนออนไลน์ โชคดีมากที่มหาวิทยาลัยมีคำสั่งให้นักศึกษาที่ไม่สะดวกมามอสามารถเรียนออนไลน์ได้ (มอ=ย่อมาจากมหาวิทยาลัย ที่เด็กมหาวิทยาลัยชอบเรียกติดปาก)แต่วันนี้เธอเลือกที่จะกลับมาเรียนออนไซต์ถึงแม้ว่าเธอจะต้องแบกสภาพจิตใจกับความรู้สึกย่ำแย่ที่ถูกแฟนและเพื่อนรักหักหลังมาเรียนก็ตามทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าหนุงหนิงกับภาคภูมิแต่เราไม่สามารถหนีความจริงไปได้ เราต้องเผชิญกับปัญหาให้ได้ไม่ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่ตั้งแต่วันนั้นที่เลิกกับภาคภูมิเธอก็บล็อกทุกอย่างที่เกี่ยวกับกับเขา ไลน์ ไอจี เฟซบุ๊ค รวมถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับหนุงหนิง ตอนแรกเธอคิดว่าจะเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้ แต่คิดไปคิดมามันไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้จริงๆต่างคนต่างอยู่ต่างใช้ชีวิตดีกว่า เธอจะให้อภัยในสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ไม่ขอข้องเกี่ยวอะไรต่อกันอีกไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ยังไงนี่ก็เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีสอง (เซค=กลุ่มเรียน) ปีหน้าลงเรียนเซคใหม่คงไม่ต้องมาทนเห็นหน้าพวกเขาอีก โชคดีที่เธอยังมีเพื่อนๆ ที่น่ารักคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างๆ มันก็เริ่
22:00 PMผิงอันถูกขนมปังแต่งหน้าแต่งตัวจนสวยปังเหมือนสาวไอดอลเกาหลี ปกติผิงอันเพียงแค่ทาลิปสติกทาแป้งใส่เสื้อยืดกางเกงยีนแค่นั้น แต่วันนี้เธอถูกเพื่อนสาวคนสนิทแต่งตัวจัดเต็มมากทั้งใส่ชุดเดรสสวยหรูสุดเซ็กซี่ ทารองพื้น ใส่คอนแทกต์เลนส์สีน้ำตาลอ่อนทำให้ตาดูหวานและกลมโต ปัดแก้มสีชมพูอ่อน ทาตา เขียนคิ้วกรีดอายไลเนอร์ปัดมาสคาร่าทำให้เธอดูสวยขึ้นมามากกว่าเดิมอีก“มันต้องจัดเต็มขนาดนี้เลยเหรอแก?” ผิงอันที่ยืนมองตัวเองในกระจกแทบไม่อยากเชื่อสายตา“นี่ฉันยังรู้สึกน้อยไปด้วยนะ” หยิบแปรงจะมาปัดหน้าให้เพิ่ม“ห๊า! ฉันว่ามันเยอะมากๆ เลยแก พอแล้วนะไปได้แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย” ผิงอันดันมือเพื่อนออกไม่ให้มายุ่มย่ามกับตัวเธออีก“รู้แล้วๆ ไม่แต่งอะไรเพิ่มแล้วค่า” ขนมปังหัวเราะชอบใจชุดเดรสที่ขนมปังเลือกให้ผิงอันเป็นสายเดี่ยวสีดำแหวกอกอวดโชว์หน้าอกที่ทั้งใหญ่และเป็นทรงกลมสวยไร้มีดหมอแต่อย่างใด และอวดโชว์แผ่นหลังขาวเนียน ชุดเดรสทรงพลิ้วไม่ได้รัดรูป แต่ยาวเลยแก้มก้นมาสองคืบเท่านั้น ได้โชว์ขาขาวเนียน นี่คือครั้งแรกที่เธอได้ใส่ชุดแบบนี้ผิงอันไม่ได้อายหรือไม่ชอบนะ แต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจ แต่พอมาเจอขนมปังเธอก็เริ่
เธอเคยลองพยายามจะเอานิ้วตัวเองเข้าไปแล้วนะแต่ไม่กล้าละก็แอบกลัว แต่มาตอนนี้จะอะไรก็เอาเข้ามาเลยค่ะเธอพร้อมมาก “อยากเสียวกว่านี้ไหมผิงอัน”เคอร์วินดึงนิ้วออก เขาลุกไปถอดกางเกงแบรนด์ดัง ปลดเปลื้องเสื้อผ้าไม่เหลือสักชิ้น “โอ้ ทำไม..หุ่นน่ากัดแบบนี้คะ” “ก็ลองกินดูสิ”คาร์ลเตอร์ยิ้มให้เธออีกครั้ง ผิงอันมองดูก้ามท้องที่ขึ้นเป็นหมัดเรียงกันของคนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก ทางคาร์ลเตอร์เองก็ไม่รอช้าปลดเปลื้องเสื้อตามมา สองแฝดมีรูปร่างที่เพอร์เฟค เหมือนตรงหน้าเธอคือรูปปั้นประติมากรรม เหมือนพวกเขาไม่มีอยู่จริง เป็นสิ่งที่เธอไม่อาจเอื้อม แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังจะถูกพวกเขากลืนกิน… พรึ่บ! คาร์ลเตอร์ยกตัวผิงอันให้ลุกขึ้นนั่ง เขาถอดชุดเดรสและแพนตี้ตัวน้อยของเธออกจนหมด “พร้อมกันเลยไหม”คาร์ลเตอร์เงยหน้าขึ้นถามเคอร์วิน คาร์ลเตอร์ย้ายตัวเองและผิงอันมาอยู่ปลายเตียง ให้เธอนั่งบนตักเขา โดยที่ร่างบางหันหน้าออกไปทางเคอร์วินที่ยืนอยู่ปลายเตียง “ก็ไม่ติดนะ แต่เธอจะรับไหวไหม” “พูดเรื่องอะไรกันอยู่คะ”เธอไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขากำลังหมายถึงอะไรกัน พร้อมไม่พร้อมคือ มีแต่พวกเขาที่เข้าใจยกเว้นเธอ “ก็ เราจะใส่เจ้านี่
“หัวเราะอะไรคะ ฉันอยากก็ไม่ได้แปลว่าฉันเคยทำมาก่อนนี่” “แล้วมันเจ็บมากไหม..”สิ่งที่กังวลในใจสาวน้อย ‘ก็ดี ครั้งแรกของเธอ พวกเขาจะทำให้เธอไม่อยากไปมีอะไรกับใครได้อีก’ “ไม่รู้สิแต่เวลาฉันทำ ฉันรู้สึกดีนะ” เคอร์วินตอบไปตามความจริง ก็เวลาที่เขามีอะไรกับผู้หญิงเขาไม่ได้มานั่งใส่ใจว่าพวกเธอจะรู้สึกแบบไหน เขาก็แค่ต้องการปลดปล่อยอารมณ์ตัวเองก็เท่านั้น “ถ้าครั้งแรก มันจะเจ็บนิดหน่อย” คาร์ลเตอร์เอนตัวลงมานอนในท่าที่ใช้สอกดันกับเตียงใช้มือดันหัวตัวเองเอาไว้ เขานอนตะแคงหันมาที่เธอ โดยที่ยื่นมือมาเกลี่ยผมเธอบริเวณกรอบหน้าเรียวเล็ก ผิงอันหันมามองคาร์ลเตอร์เมื่อเขาบอกว่าจะรู้สึกเจ็บ “แต่ถ้าทำบ่อยๆก็จะไม่เจ็บนะ ลองมาทำกับฉันทุกวันดูสิจะได้ชินแทน”เคอร์วินเอ่ยเสียงหยอกล้อ มุมปากยกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ “เริ่มกลัวแล้วสินะ” คาร์ลเตอร์กดริมฝีปากหนักๆลงไปจูบปากเล็ก ก่อนผละออกมามองใบหน้าสวย มือหนาไม่อยู่เฉยเขาล้วงมือเข้าไปสัมผัสเต้านมของเธอ บีบคลึงเบาๆ นิ้วเรียวเขี่ยไปมาจนเธอต้องกันหน้ากัดปากอย่างเสียวซ่าน “มะ..ไม่ได้พูดเลยว่ากลัว..” ใจดวงน้อยเต้นถี่ระรัวเหมือนกลองยาว เธอตื่นเต้นทุกค
“ฉันอยากลองมีเซ็กส์ค่ะ“ ”และอยากมีกับพวกคุณทั้งสองคนพร้อมกัน!”เธอพูดมันออกมาโต้งๆ น้ำเสียงหนักแน่นอย่างเอาจริงเอาจัง จนสองแฝดเองยังอึ้นไปต่อไม่เป็น ส่วนผิงอันเธอคิดมาดีแล้ว จริงๆ วันนี้เธอก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าอยากลองมีเซ็กส์ดู คนอื่นคงคิดว่าเธออยากลองเพราะความสนุกหรือจะคึกคะนองก็ตาม แต่เปล่าเลยเธอแค่สัมผัวกับคำว่าเซ็กส์ ที่หลายๆคนบอกว่าดีก็เท่านั้น และยิ่งตอนนี้มีแอลกอฮอล์มาช่วยเพิ่มความกล้าแล้วด้วย ไหนๆ ก็ขออะไรก็ได้จากสองแฝด เธอก็อยากจะลองสักครั้ง และครั้งแรกของเธอถ้าจะให้มันกับพวกเขาเธอก็จะไม่มานั่งเสียดายเลยสักนิด ออกจะคุ้มด้วยหรือเปล่านะ… “รู้หรือเปล่าพูดอะไรออกมา”คาร์ลเตอร์ถามย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้ฟังที่เธอพูดผิด “รู้ค่ะ สติครบถ้วน” สติเท่ากับศูนย์ แต่ความต้องการเต็มสามร้อยเปอร์เซ็นต์ ตื่นมาเธออาจจะจำหรือจำไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่อยากโกหกความตั้งใจและความรู้สคกที่ต้องการพวกเขา “ไม่ เธอกำลังเมา ฉันไม่ชอบมีอะไรกับคนเมา”เคอร์วินสะบัดหน้าหันนี้ ไม่ใช่เขาไม่ต้องการเธอนะ แต่จะให้ทำตอนเธอเมามันดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ มันไม่แฟร์ตั้งแต่ที่เธอเมาแล้วมานั่งขอมีเซ็กส์กับพวกเขาแล้ว
เคอร์วินอุ้มผิงอันเข้ามาในห้องลับหลังกำแพง ห้องใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ด้านในเป็นสีดำทั้งหมด ยกเว้นแต่ เตียงนอนขนาดคิงไซส์ มันมีสีแดงเข้ม ขอบเตียงและหัวนอนเป็นสีทอง แกะสลักเป็นรูปนกฟีนิกซ์เพลิงโดดเด่นชวนให้ต้องมอง สีทองที่มาจากทองคำบริสุทธิ์ เขาค่อยๆวางเธอลงที่เตียงนอนคิงไซส์ ส่วนเคอร์วินนั้นโน้มตัวลงเข้ามาใกล้ๆผิงอัน มือของเขาทาบวางลงข้างลำตัวเธอทั้งสองข้าง ไม่ให้มีทางหนี “สรุปจะคุยเรื่องอะไรคะ” ผิงอันเงยหน้าขึ้นประชันสายตากับเคอร์วิน เธอตั้งใจจะไม่หลบสายตาเขา! ดวงตาสั่นไหวเพราะความกลัว “ดื่มไปเยอะมากเลยใช่ไหม กลิ่นถึงได้แรงขนาดนี้” เคอร์วินได้กลิ่นแอลกอฮอล์ในตอนที่เธอเปล่งคำพูด “ก็ไม่ได้เยอะมากค่ะ แล้วดื่มเยอะฉันผิดอะไรเหรอคะ? ฉันก็แค่อยากให้สมองโล่งไม่ต้องคิดอะไร..” ไม่รู้ทำไมเธอจะต้องมาอธิบายความคิดความรู้สึกของเธอให้เขาฟังด้วย แต่แปลกที่เธอยอมบอกเขาไปตรงๆ เพราะฤทธิ์เหล้า? “รู้ไหมว่ามันอันตราย ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอ” คาร์ลเตอร์ที่เดินเข้ามาเอ่ยบอกเสียงเรียบ ยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกง สายตาที่ว่างเปล่าจ้องมาที่เธออย่างไม่พอใจ “ใช่ค่ะอันตราย” “อันตรายมากเพราะมีพวกคุณน่ะ
“เอาไป”คำพูดเรียบเฉยของคาร์ลเตอร์ที่พูดกับอีวาน ตุบ! คาร์ลเตอร์อุ้มขนมปังมาวางลงที่ข้างอีวาน ควรใช้ว่าโยนเธอลงมาเสียมากกว่า จากนั้นเขาก็เดินตามน้องชายเข้าไปยังห้องลับหลังกำแพง“อ๊ะ! วางเบาๆไม่ได้รึไงฮะ! ไอ้แก่หัวขาว!”“อะไรเนี่ยมีแต่ไอ้พวกตาฟ้า”เพราะเมาทำให้เธอหลุดพูดอะไรที่ไม่น่ารักออกมา และขนมปังที่ไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้เธอนั่งอยู่ข้างใคร กลับลุกขึ้นยืนชี้นิ้วด่าสองแฝดต่อ และเริ่มลามปลามไปด่าคนอื่นๆที่อยู่ภายในห้อง“ฉันจะแจ้งตำรวจให้มาจับพวกแกให้หมดเลย! มาเที่ยวประเทศคนอื่นทำไมไม่ให้เกียรติคนในประเทศเขาบ้าง” ขนมปังยืนเท้าเอวด่ากราด ทั้งที่ยืนแทบจะไม่ไหว เพราะเหล้าที่เธอเื่มเข้าไปเยอะมากParts Evan 👑 & Kanompang 🍞หมับ! ตุบ! ขนมปังโดนกระชากแขนจากอีวานที่นั่งอยู่ข้างหลังของเธอ แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร เขาดึเธอให้ลงมานั่งทับที่ตักของตัวเอง“หึ ตำรวจประเทศเธอ?”“แค่ให้เศษเงินไม่กี่สตางค์ ก็เหมือนสัตว์เชื่องๆตัวหนึ่งอะเหรอ?”“จะสั่งให้ไปขวาที ซ้ายทีมันก็ทำตาม” “ตำรวจที่ให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าประชาชน”อีวานใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบแนบชิดใบหูเล็ก ทำเอาคนตัวเล็กเบี่ยงหน้าหนี ขวับ! ก่อนจ
หลังจากที่คาร์ลเตอร์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับอีวานเขาหันมาหาขนมปังเพื่อนสาวคนสนิทของผิงอัน ก้มตัวใช่แขนโอบกอดบริเวณต้นขาเล็กพยายามไม่ให้มือได้แตะสัมผัสโดนร่างกายขนมปัง คาร์ลเตอร์ยกตัวเธอขึ้นพาดบนบ่าแกร่ง แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีเคอร์วินกับผิงอันรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“กรี๊ด! ทำบ้าอะไรปล่อยฉันนะ”ขนมปังร้องโวยวาย ดีด ใช้มือตีหลังคาร์ลเตอร์หวังให้เขาปล่อย แต่แรงที่เหมือนผีเสื้อกระพือปีกนี่มันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง“เงียบ”เสียงเข้มดุทำขนมปังที่ดิ้นๆนิ่งไปทันที ไม่รู้ทำไมเพียงแค่เขาพูดออกมาแค่คำเดียวแต่ทำเธอกลัวจนตัวชาได้ โทนเสียงเข้มๆแบบนี้ มันทำให้เธอนึกถึงผู้ชายที่สัปดาห์ก่อนหน้าที่ได้เจอกันที่คลับเลยทำตัวอุกอาจเหมือนกับอีตานั่นเปี๊ยบ!ไอ้บ้ากามที่จับหัวเธอกดไปที่เป้ากางเกง! ฮึ่ย! แค่คิดก็หงุดหงิดขึ้นมาเลย ส่ายหัวไล่เอาความคิดในคืนนั้นออกไป กลับมาคิดหาวิธีที่จะทำให้พวกเธอทั้งสองคนหลุดพ้นเหนือมือสองแฝด ขนมปังคงไม่รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้เธอกำลังจะได้พบกับบุคคลอันตรายมากกว่าสองแฝดอีก..“เคอร์วินปล่อยฉันลง! ไอ้โรคจิตนี่!”ผิงอันสารพัดจะหาคำมาด่าแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่จะปล่อยเธอลงเ
“ไง เจอกันเร็วกว่าที่ฉันคิดนะ” คาร์ลเตอร์สอดมือกอดไปที่เอวของเธอทั้งที่ก็มีมือของเคอร์วินอยู่ด้วย เธอพยายามใช้มือและแรงที่เหมือนแรงมดดันอกของพวกเขา แต่มีหรือที่สองแฝดจะปล่อย พวกเขาเพิ่มแรงกอดมากขึ้นไปอีก“ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอพวกคุณเร็วแบบนี้เหมือนกันค่ะ”“แล้วไม่มีดีใจเหรอที่เจอพวกฉัน” คาร์ลเตอร์เอ่ยถาม“เอ่อ…ไม่รู้สิคะ แต่ตอนนี้พวกคุณช่วยปล่อยฉันก่อนได้ไหม”“และถ้าพวกฉันไม่อยากปล่อยล่ะ เธอจะทำยังไง” เคอร์วินไม่พูดเปล่าแต่ก้มหน้ามาหอมแก้มเธออีกด้วย เคอร์วินเองก็เริ่มเมาแล้วเหมือนกัน ทำให้อยากทำอะไรก็จะทำ“ปล่อย ฉันอึดอัดค่ะ” ร่างบางดิ้นไปมาในอ้อมแขนของพวกเขา“ไม่จนกว่าจะตอบคำถามของพวกฉัน” เคอร์วินพูดเสียงเรียบยังคงคลอเคลียอยู่ที่พวงแก้มของเธอ คาร์ลเตอร์ก็สูดดมความหอมที่ซอกคอของเธอ“มากับใคร” คาร์ลเตอร์กระซิบถาม ปลายจมูกเลื่อนผ่านแก้มเธอจนเธอรู้สึกขนลุก“ฉันจะมากับใครก็ไม่จำที่จะต้องบอก อื้อ” เธอยังคงพยายามดันพวกเขาออก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ‘ไอ้พวกหมีควาย! มันเกี่ยวอะไรทำไมต้องมาวุ่นวายกับฉันด้วย’ เธอสบถด่าในใจ“อย่าให้ต้องถามซ้ำ มากับใครแล้วทำไมถึงได้แต่งตัวไม่เซฟตัวเองแบบนี้ผิงอัน” เคอ
“มึงว่าไงนะ?” คาร์ลเตอร์แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ตวัดสายตาลงไปมองด้านล่างทันที“เธอมากับใคร แล้วนั่งอยู่ตรงไหน” เคอร์วินที่ได้ยินก็หันไปมองด้านล่างเช่นกันทำให้เพื่อนอีกสี่คนเริ่มอยากรู้ขึ้นมาว่าคนที่ชื่อ ‘ผิงอัน’ คือใครกันถึงทำให้สองแฝดดูลุกลี้ลุกลนได้เพียงนี้พรึ่บ!! สองคนพี่น้องลุกจากโซฟาพร้อมกันแล้วเดินออกไปจากห้องทันทีลูเซียโน่ที่กำลังจะอ้าปากถาม ก็ได้แต่ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ“คนไหนคือผิงอัน” เรนเดลเอ่ยถามลูก้าที่ยังไม่ได้เดินออกไป“ผู้หญิงที่ยืนอยู่โต๊ะตรงกลางคนเดียวน่ะครับ ชุดเดรสสีดำเปิดโชว์หลังครับ”สี่หนุ่มบรูทิชที่เหลือจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่ลูก้าบอก และเป็นจังหวะที่เธอหันมาชนแก้วกับผู้ชายพอดีเมื่อได้มองก็เข้าใจเลยว่าทำไม เธอทั้งสวยสะกดตา นี่ขนาดในคลับไม่ค่อยมีแสงสว่างของไฟนะยังไม่สามารถปกปิดความสวยของเธอได้เลย“หน้าตาคุ้นๆ …” เรนเดลที่ยังไม่เมาเพ่งดูใบหน้าของผิงอันก็รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก“เหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า รักแรกของไอ้แฝดอะ” ลูเซียโน่พูดโพล่งขึ้นมา ที่จำได้เพราะตอนเป็นเด็กพวกเขาเล่นกับเด็กผู้หญิงคนนั้นมาเหมือนกันตั้งแต่จำความได้ เธอน่ารักตัวเล็ก ผิ
C~K Night Club 🪶 ด้านบนของคลับซีเคไนท์คลับที่ด้านล่างมองเห็นว่าเป็นกระจกสีดำหรือก็แค่ แต่กลับเป็นห้องของ s-vvip คนที่อยู่ด้านในสามารถมองเห็นคนที่อยู่ด้านล่างได้อย่างที่ไม่มีใครรู้ และแน่นอนว่าห้องที่พิเศษอย่างนี้คนที่เข้ามาได้มีแค่เจ้าของคลับและกลุ่มเพื่อนเท่านั้น เพราะนี่คือเขตหวงห้ามคนนอกไม่สามารถเข้ามาได้นอกจากจะได้รับอนุญาตจากพวกเขาหนึ่งในหกคนเสียก่อน เพราะถ้าเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นอาจจะไม่ได้กลับออกไป… เช่นเคยที่วันนี้กลุ่ม BRUTISH (บรูทิช) นัดรวมตัวกันมาดื่มสังสรรค์หลังจากไม่ได้เจอกันครบทั้งกลุ่มแบบนี้มาเกือบสามเดือน กลุ่มบรูทิชมีกันทั้งหมดหกคน และแน่นอนว่าสองในหกของกลุ่มบรูทิชนั่นก็คือ ‘คาร์ลเตอร์’ ‘เคอร์วิน’ สองฝาแฝดที่เปรียบเสมือนความแข็งแกร่งของกลุ่ม เรียกได้ว่าไม่มีใครทำอะไรทั้งสองคนได้ พวกเขานั้นร้อนแรงเหมือนไฟ เป็นไฟที่สามารถเผาทำลายคนได้เพียงแค่เอ่ยปากสั่ง สัญลักษณ์ประจำตัวของพวกเขาก็คือ นกฟีนิกซ์เพลิง และคนที่สามก็คือ ‘ลูเซียโน่’ แสงสว่างของกลุ่มเพราะมักจะสร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานอยู่เสมอแต่ถึงอย่างนั้นอย่าให้แสงสว่างนี้ดับหายไปเสียล