“น้องอยากจะไป จะห้ามน้องทำไม ขนมปังไม่ต้องไปไหนครับ พี่อนุญาตให้เข้าร่วมงานล่าสัตว์ในครั้งนี้” “ไอ้เรนเดล!” อีวานกำลังรู้สึกโมโหการกระทำของเพื่อน มันจะมากเกินไปแล้วนะ “สรุปมันเป็นงานล่าสัตว์แบบไหนกันแน่คะ แล้วคุณจะไปโกรธพี่เขาทำไม ถ้าแค่ไม่อยากให้ฉันไปด้วย งั้นฉันไม่ไปก็ได้ค่ะ” “แต่อย่ามาทะเลาะกันเพราะฉันเลยนะคะ ฉันรู้สึกไม่ดี” น้ำเสียงความน้อยใจมาเต็ม มีเหรอที่อีวานจะกล้าปล่อยผ่าน พอเธอจะเดินหนีก็คว้าแขนเธอเอาไว้ “ไม่ใช่อย่างนั้นขนมปัง” อีวานหันมาพูดเสียงเบาลง แต่จะให้เขาบอกว่างานล่าสัตว์ที่กลุ่มเขาชอบทำคือการลงโทษพวกที่หักหลัง แล้วไหนจะมีตอนที่พวกเขาจะต่อสู้กันเองอีก มันดูเป็นกิจกรรมปกติสำหรับกลุ่มเขา แต่เธอผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะมาเข้าร่วมไม่ได้ “งานล่าสัตว์กลุ่มเรามันค่อนข้างยากและอันตรายไม่ได้เหมือนงานล่าสัตว์ทั่วไปน่ะครับ” “อีวานมันเป็นห่วงขนมปังถึงไม่อนุญาตให้ไป” คาร์ลเตอร์อธิบายให้เธอฟัง “งั้นเปลี่ยนสักปีไหมล่ะ ลองล่าสัตว์แค่สัตว์สักปี..” เคอร์วินเสนอให้เปลี่ยนรูป “ไม่ได้! จะมาเปลี่ยนไม่ได้” ลูเซียโน่ปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะงานล่าสัตว์นี้เป็นสิ่งที่ลูเซียโน่
ก่อนจะปล่อยให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้คาร์ลเตอร์ที่เงียบมาตลอดจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง “ไอ้เรนมึงมีแผนอะไรก็พูดออกมาเลย อย่าดึงเชิงนาน” “กูรำคาญ” “วันนี้มึงแม่งน่าหงุดหงิดจริง ๆ” ลูเซียโน่ซ้ำเติมต่อ เพราะความรู้สึกผิดกำลังทำงานแล่นพล่านอยู่ในจิตใจ ยังไงผู้หญิงตรงหน้าเขาก็คือคนรักเพื่อน ความปากไว (ปากหมา) มันยั้งไม่ทัน “ไปยืนไกล ๆ กู” ลูเซียโน่ผลักเรนเดล “อ้าวทิ้งกันได้ลงนะเพื่อนรัก” “ใครเพื่อนรักมึง!” ลูเซียโน่เดินหนีไปยืนข้างเจริค เขาไม่น่าขาดสติเกินไปเลย เพราะคิดถึงแค่เรื่องสนุกที่จะได้ทำมากเกินไป “ยังเงียบอีก ปากมึงอยากอมลูกปืนแทนเหรอวะเพื่อน” คาร์ลเตอร์หันไปด่ากราดใส่เรนเดล เขาจับจุดได้ว่านี่คงเป็นหนึ่งในความสนุกของเรนเดล หรืออาจจะต้องการลองใจอีวานเรื่องขนมปัง ??? “นาน ๆ ทีได้เห็นพวกมึงด่ากัน” “มันก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ” “แล้วก็ได้เห็นด้วยว่า อีวานคนเย็นชาไร้หัวใจเป็นบ้าเพราะน้องขนาดไหน” “ไอ้เรนเดล..” อีวานกัดฟันพูด ไม่ได้โกรธหรืออะไร แค่ไม่ชอบใจที่เรนเดลเลือกใช้วิธีแบบนี้ ถ้าเขาเผลอทำอะไรรุนแรงขึ้นมาจะยังทำไง!!! อีวานหันมามองร่างบางที่กอดแขนเขาเอาไว้
ทุกคนเปลี่ยนไปขึ้นรถกอล์ฟที่มีบอดี้การ์ดอีวานรอขับให้เพื่อพาไปยังสนามฝึกอาวุธ สามสาวค่อนข้างตื่นเต้น ผิดกลับอีวาน เจริค ที่กังวลและเป็นห่วงคนของตัวเอง ที่ไม่ต้องห่วงเนเรียเพราะเธอก็รู้ความลับในการล่าสัตว์ของทั้งหกหนุ่มอยู่แล้ว ถึงเธอจะสนิทกับอีวานมากกว่าใครแต่ก็รู้จักอีกห้าคนที่เหลือ ตระกูลมหาอำนาจที่ใครต่อใครต่างเกรงกลัว เส้นทางชีวิตพวกเราต่างก็ถูกกดดันอย่างหนัก และแบกรับอะไรมากมายมาตั้งเด็ก.. 5 ปีก่อน.. คืองานล่าสัตว์นี้มีมาประมาณเจ็ดปีได้แล้ว เป็นความคิดของเรนเดลกับลูเซียโน่ที่เอ่ยชวนเพื่อนหากิจกรรมสนุก ๆ ทำร่วมกัน ก็หาอะไรฆ่าเวลาเล่น.. โดยเลือกสถานที่เป็นพื้นที่ของตระกูลอีวานที่คฤหาสน์อยู่ติดภูเขา และด้านหลังคฤหาสน์ซึ่งก็ไกลพอสมควรเป็นโซนล่าสัตว์ที่ปู่อีวานมีเป็นทุนเดิม แน่นอนว่าทุกอย่างกลายเป็นของอีวาน สองปีแรกก็ดูเป็นการล่าสัตว์ปกติ เพราะพวกเขาก็แค่ยิงนก ยิงกระต่าย ยิงกวาง และสัตว์ตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็เป็นเพียงหมูป่า แต่เมื่อพวกเขาอายุครบ 22 ปี การล่าสัตว์ก็มีรูปแบบเปลี่ยนไป มันรุนแรงและโหดร้ายสำหรับคนธรรมดา “เป็นไงความคิดของกูสองคน” เรนเดลเอ่ยถามเพื่อนที่เหลือ
สนามฝึกอาวุธ ⚔️ทั้งเก้าคนนั่งรถมาสนามฝึกอาวุธของคฤหาสน์อีวานเพราะจะให้ทั้งสามสาวได้ทำการเลือกอาวุธสำหรับการล่าสัตว์ และได้ฝึกวิธีใช้อย่างคล่องมือ อาวุธสำหรับการล่าสัตว์มีให้เลือกคือ หน้าไม้ ปืนลูกซอง และปืนยาง“ลองเลือกกันดูได้เลยนะว่าชอบอันไหน ปืนลูกซอง หน้าไม้ หรือปืนยาง”เรนเดลผายมือเชิญให้พวกผู้หญิงเดินเข้าไปเลือกที่ชั้นวางอาวุธ“ฉันเอาปืนลูกซอง” “ถนัดมือสุดละ”เนเรียเดินตรงไปหยิบปืนลูกซอง เธอยกมันเล็งเป้าหมายอย่างชำนาญมือในการล่าสัตว์อยู่แล้วด้วย ไม่ต้องให้ใครมาสอนตระกูลเธอก็มีกิจกรรมล่าสัตว์อะไรแบบนี้อยู่บ้าง“เอ๊ะ! อันนี้เหรอคะ”“เธอใช้หน้าไม้ก็พอ ไม่ต้องจริงจังมากหรอก”อีวานเดินไปหยิบหน้าไม้ส่งให้ขนมปังพร้อมพาเดินไปฝึกวิธีการยิงหน้าไม้“เสียบไม้ลงไปตรงนี้ ดึงมันมาด้านหลังแล้วกดปล่อย”ปัก! หน้าไม้ที่ถูกปล่อยออกไปปักลงกลางเป้า“อีวานเก่งจังเลยค่ะ!” เธอกระโดดตบมือ เขาเก่งทุกเรื่องเลยอะ“ลองดูไหม”“เอาค่ะ”อีวานเดินไปซ้อนอยู่ด้านหลังขนมปัง มือหนาวางทาบทับกับมือเล็กและคอยบอกวิธีการใช้หน้าไม้รวมถึงการเล็งไปยังเป้าด้านหน้าปัก!“กรี๊ด ฉันเก่งไหมคะ”“เก่งมาก” จุ๊บ อีวานจุมพิตลงบนหน้
ตัดมาที่เจริคยังคงยืนมองเดสทินีหรือชื่อที่คนสนิทมักจะเรียกเธอว่าดิสนีย์ ร่างบางยืนจับ ๆ อาวุธสามอย่างนั้น แต่ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าควรจะใช้อันไหน“เลือกได้ไหมยัยตัวแสบ”“ยังค่ะ พี่เจคช่วยดิสนีย์เลือกไหมคะ”“ได้ครับ”“หน้าไม้เหมาะกับมือใหม่แบบเรามากกว่านะ”เขายื่นหน้าไม้ไปให้เธอ ดิสนีย์หยิบหน้าไม้พลิกไปพลิกมา“แล้วมันต้องทำยังไงคะ” เธอเงยหน้ามามองเจริคยิ้มจาง ๆ เธอไม่เคยหยิบจับอะไรพวกนี้เลยน่ะสิ“มา เดี๋ยวพี่สอนใช้”เจริคสอนจนเธอใช้คล่องมือ แต่ไม่คิดว่าประโยคที่เธอพูดต่อมาคือการขอให้เขาช่วยสอนวิธีใช้ปืนลูกซอง“แต่ฉันอยากลองใช้ปืนด้วยค่ะ พี่เจคช่วยสอนได้ไหมคะ”“ปืน? แน่ใจนะครับ”“ค่ะ”เจริคเดินไปหยิบปืนลูกซองมาให้ดิสนีย์ถือ แต่แค่ส่งไปให้พอเธอรับเท่านั้นแหละ เธอเกือบปล่อยปืนตกแล้ว ไม่คิดว่าปืนลูกซองจะหนักขนาดนี้ โชคดีที่เจริคยื่นมือมาช่วยถือไว้ทัน“เปลี่ยนใจแล้วค่ะ หนูเอาหน้าไม้อย่างเดียวพอ”“ครับ” เจริคมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูเด็กคนนี้ ‘น่ารักชะมัด’หลังจากซักซ้อมวิธีการใช้อาวุธล่าสัตว์กันจนชำนาญคล่องมือแล้ว เรนเดลก็ได้อธิบายเส้นทางการล่าสัตว์ให้กับพวกเธอต่อ และจุดท้ายที่พวกเขาจะไปเจอกันค
เริ่มการล่าสัตว์!เมื่อการล่าสัตว์เริ่มต้นขึ้น ความหื่นกระหายในการฆ่ามันก็ทำให้เลือดในกายพวกเขาพุ่งสูบฉีด ทั้งหกหนุ่มแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้ทรมานเหล่านักโทษพวกนั้น“มาเริ่มกันเลยไหม พร้อมนะ” แกร๊ก! เสียงขยับกระบอกปืนลูกซองปิดลงหลังใส่ลูกกระสุนเสร็จ อีวานยกปืนขึ้นวางบนบ่าตัวเอง“ของแบบนี้กูพร้อมตั้งแต่เกิดแล้วว่ะ”ลูเซียโน่เอ่ยเสียงเข้มขยับปืนกำเอาไว้แน่นแล้วออกเดินไปก่อนใครเพื่อน“หึ” อีวานแค่นหัวเราะเบา ๆ“ไว้เจอกันที่แคมป์ ใครช้าสุดต้องจ่ายให้เพื่อนละหนึ่งล้านอย่าลืม”“กูยอมเป็นคนสุดท้าย” คาร์ลเตอร์เอ่ยเขาไม่ชอบแข่งขันกับใครอยู่แล้ว“ก็เห็นพูดแบบนี้มาสี่ปีแล้ว แต่มึงก็ออกมาคนแรกตลอดเลยนะเพื่อน” เรนเดลยกคิ้วเลิกสูงขึ้นมอง คาร์ลเตอร์ยิ้มจาง ๆ พลางยกไหล่ขึ้นทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินไปเส้นทางตัวเอง“รอบนี้ก็คงเป็นไอ้อีวานนั่นแหละที่ออกมาคนสุดท้าย”เคอร์วินที่เช็กกระบอกปืนอยู่ขึ้นแล้วมองไปยังอีวานที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังเส้นทางของตัวเอง“ไม่ก็อาจจะเป็นไอ้เจค” เรนเดลหันไปมองเจริค“ไม่หรอก รอบนี้กูตั้งใจจะออกมาคนแรก”เจริคเอ่ยเสียงเรียบด้วยใบหน้าอันสงบนิ่ง ถือปืนลูกซองคู่ใจที่สลักชื่อกับนามสก
Part - Rendel (เรนเดล) เรนเดลเดินก้าวช้า ๆ และผิวปากไปด้วย และเสียงผิวปากของเขายิ่งสร้างความหวาดหวั่นให้กับนักโทษที่พยายามหลบซ่อน “เสียงความกลัวมันดังออกมาจนได้ยินแล้วนะ” เรนเดลหยุดยืนอยู่ตรงโขดหินก้อนใหญ่เขาสัมผัสได้ว่ามีคนหลบอยู่ด้านหลังโดยที่ตัวเขาไม่ต้องดูจีพีเอสเลยด้วยซ้ำ “ยังจะแอบอยู่เหรอ?” น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยถามเอนตัวพิงโขดหิน หยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบอย่างใจเย็น “ผมยอมแล้วครับไว้ชีวิตผมได้ครับ” “ผมขอโอกาสในการแก้ตัว” พรึบ! ฉึก! “อึก! อึกอ่อก” เรนเดลชักดาบตระกูลออกมาจากฝักดาบที่เก็บไว้ข้างเอวปาดคอชายคนนั้นทันทีที่มันมานั่งคุกเข่าอ้อนวอนขอโอกาส มันยังไม่ได้ในทันทีหรอก “พวกมึงนี่เหมือนกันหมด พูดแบบนี้ทุกปี” “เบื่อจะฟัง” ปัง! เรนเดลเตะให้มันนอนลงแล้วยิงไปที่ท้องของมัน เพราะผู้ชายคนนั้นคิดที่จะยื่นมือมาแตะต้องตัวเขา เลือดพวกมันไม่สมควรโดนตัวเขา “รอบนี้กูจะไม่ออกไปเป็นคนสุดท้าย” Part - Jerik (เจริค) เพียงแค่เจริคก้าวเท้าเข้ามาในเส้นทางล่าสัตว์ บรรยากาศรอบตัวเขาก็ดูเงียบสงบจนน่ากลัว ใบหน้าไร้ความรู้สึกและเบื่อหน่าย “เลิกซ่อนแล้วออกมา” “อย่าทำให้
Camping 🏕 บ้านไม้กลางป่าตั้งอยู่ในที่ดินตระกูลมาร์ติเนซ เป็นบ้านพักตากอากาศสองชั้นขนาดใหญ่ ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งอีวาน เพื่อใช้สำหรับพักผ่อนจากกิจกรรมล่าสัตว์กับกลุ่มเพื่อนสนิท บ้านหลังนี้จึงมีถึงหกห้องนอน การดีไซน์ห้องนอนแต่ละห้องก็เป็นตามความต้องการของหกหนุ่ม และยังมีห้องนั่งเล่น รวมถึงมีห้องใต้ดิน การล่าสัตว์จบลงแล้วสามสาวมีผู้ติดตามคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายในเส้นทาง ถึงสองสาวอย่างขนมปัง ดิสนีย์ ไม่ได้ไล่ล่าสัตว์ตัวไหนเลยก็ตาม ส่วนเนเรียก็ยิงนกไปได้สองตัว นอกนั้นพวกเธอก็เดินเล่นแล้วออกมารอหนุ่ม ๆ ที่บ้านพักตากอากาศกับบอดี้การ์ดหนุ่มหลายคน“ทานมาการองกันไหมครับ เดี๋ยวผมไปเอาออกมาให้ครับ” อาร์มอกับบอดี้การ์ดของหนุ่ม ๆ แก๊งบรูทิชคอยดูแลผู้หญิงทั้งสามคนอย่างใกล้ชิด ถึงจะอยู่ในเขตตระกูลมาร์ติเนซที่ไม่มีใครเข้ามาได้แต่กับพวกสัตว์ไม่ใช่แบบนั้น“หรือนายหญิงอยากทานขนมปังทาแยมสตรอว์เบอร์รี่ไหมครับ”“เอาทั้งคู่มาไว้ก็ได้อาร์มอ” ขนมปังเอ่ยบอก เธอกำลังอร่อยกับน้ำส้มคั้นถ้ามีขนมด้วยยิ่งดี“เสียงนกร้องนี่ไพเราะจัง”“พวกพี่ ๆ เขาคงจริงจังกันมากเลยนะคะ”ดิสนีย์ชวนคุย ขยับขาไปตามจังหว
“เฮ้อ เหนื่อยอะ”ขนมปังฟุบหน้าลงทิ้งตัวนอนบนหน้าอกแกร่ง เสียงหายเธอหอบเหนื่อยอย่างคนที่ผ่านการวิ่งมาสิบห้านาทีแต่เปลี่ยนเป็นการทำให้เขากับเธอได้ปลดปล่อยความสุขทางกาย“แค่นี้เหนื่อยแล้ว?”“ค่ะ เหนื่อยแล้ว ฉันขอยอมแพ้ค่ะ”ระหว่างที่พูดก็ยังคงหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ทำไมตอนเขาทำเธอไม่เห็นว่าอีวานจะบ่นออกมาเลยว่าเหนื่อยมากเลย เริ่มสงสัยแล้วว่ามาเฟียหนุ่มเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอทำแค่เกร็งขาขยับขึ้นลงนี้ยังรู้สึกเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทัน“ยอมแพ้อย่างนี้ก็ต้องทำตามที่ฉันสั่งน่ะสิ”“ค่ะ สั่งมาเลย”แก่นกายใหญ่ไซซ์ 60 ยังคงเสียบคากระตุกหงึก ๆอยู่ด้านในสวดดอกไม้แสนสวยของขนมปัง อีวานลูบก้นงอนเนียนนุ่มบีบขย้ำเบา ๆ“แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไรล่ะคะ”“ช่วยตัวเองให้ฉันดู ตอนนี้!”“คะ!!!”“ฉันได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า”ขนมปังเงยหน้าขึ้นมามอง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง อยากให้สิ่งที่เธอได้ยินนั้นเป็นการเข้าใจผิด เพราะเขาเพิ่งพูดว่าให้เธอ ‘ช่วยตัวเองให้เขาดู’ ใช่ไหม“เธอได้ยินไม่ผิดหรอกเด็กดื้อ”“อีวาน..ฉัน”“เธอแพ้เองนะ จะไม่ก็ได้แต่เราก็ไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกก็เท่านั้น”“…” ขนมปังเม้มปากเข้ากันแน่นพร้อมหลบ
แกร๊ก ปึง! เสียงประตูบ้านเปิดออกแล้วปิดกระแทกอย่างแรงบ่งบอกว่าอารมณ์คนที่ปิดประตูนั้นกำลังอารมณ์เดือดแบบสุด ๆ ขนมปังที่นั่งเงียบ ๆ รออีวานอยู่ที่โซฟายังสะดุ้งจนหัวใจเต้นแรง แต่ก็พยายามเก็บอาการรีบเปลี่ยนสีหน้าที่ตกใจแสดงออกว่าบึ้งตึง ‘ฉันจะไม่ยอมพูดกับเขาก่อน’ ‘ไอ้คนเย็นชา’ ‘…!’ ผิดคาดจากที่ขนมปังคิดเอาไว้ว่าอีวานจะโวยวายเดินมาหาเรื่องหรือพูดเคลียร์เรื่องเลย์ตัน แต่สิ่งที่อีวานทำคือการเดินผ่านเธอไปโดยไม่มองหน้า เขาทำเหมือนเธอเป็นอากาศ… ขนมปังอึ้งไปเลยเพราะอีวานไม่เคยเมินเธอแบบนี้มาก่อน ขนมปังจึงรีบลุกเดินไปจับแขนอีวาน เขาเอียงหน้าหันกลับมามองสายตายังคงเฉยชาใส่เธอเหมือนเดิม ขนมปังขยับปากเล็กเอ่ยถาม “อีวาน” “มีอะไร” “คุณไม่ได้จะคุยกับฉันเหรอคะ” “ฉันบอกเหรอว่าจะคุย?” “ก็คุณบอกให้ฉันกลับมาที่บ้าน..” “ฉันคิดว่าคุณจะเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น แล้วทำไมถึงได้เมินใส่กันล่ะคะ” เธอเม้มริมฝีปากลงแล้วคลายออกด้วยความสับสน ดวงตากลมโตสบตากับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลแววตาของเขาฉายให้เห็นความเย็นชา “เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีเรื่องจะพูดกับฉันแล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องนั่งอธิบายอะ
“พาเธอออกไป!”“คะ..ครับ”บอดี้การ์ดเข้ามาจับแขนเล็กพยายามจะดึงให้คนที่เคารพดั่งนายหญิงพาเธอออกไปจากบ้านพักตากอากาศตามคำสั่งของนายท่าน ขนมปังขืนตัวไม่ไปตามแรงที่ดึงตัวเธอ ขนมปังหันกลับมาพูดทักท้วงอีกรอบ“อีวาน คุณจะเอาแบบนี้ใช่ไหมคะ?”“จะไม่ยอมฟังกันเลยใช่ไหมคะ?”“คิดว่าพูดในสถานการณ์ตอนนี้มันฟังขึ้นไหมล่ะ”“ฉันบอกให้ไปรอที่บ้าน”“ฉันไม่อยากพูดซ้ำประโยคเดิมหลายรอบขนมปัง”น้ำเสียงไร้ความอ่อนโยน นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลไม่สั่นคลอเลยแม้แต่เศษเสี้ยว“โอเค ได้ค่ะ”“ฉันทำได้แค่ต้องฟังแล้วก็ทำตามคำสั่งคุณเท่านั้นใช่ไหม”“ใช่ เธอควรฟังคำสั่งของฉัน”“งั้นขอบอกอะไรไว้อย่างหนึ่งค่ะ”“ถ้าคุณเลือกจะไม่ฟังกันแล้ว หลังจากนี้ฉันก็จะไม่พูดอะไรอีกแล้วค่ะ”ขนมปังมองไปที่อีวานด้วยแววตาน้อยใจ ส่วนอีวานกลับมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยแววตาที่ว่างเปล่าไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ออกมาเลย สายตาคู่นั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง กำแพงที่เกือบถูกหลอมละลายกับถูกปกคลุมด้วยกำแพงเหล็กอันใหม่…ที่ดูแล้วจะทำลายยากกว่าเดิมอีก“ไม่ต้องจับ ฉันเดินเองได้ค่ะ”ขนมปังสะบัดตัวออกจากลูกน้องของอีวานแล้วหันหลังเดินออกไปรอเขาอยู่ที่บ้านพักตากอาก
เฮือก! พรึบ!“เชี่ย! กูฝันเหรอวะ..?!”อีวานสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากความฝัน แล้วดันเป็นฝันร้ายด้วยที่เกี่ยวกับขนมปัง… ครั้งแรกในหลายสิบปีเลยก็ว่าได้ที่เขาหลับแล้วฝัน หรือเพราะเขาป่วยเหรอถึงได้ฝันอะไรที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง?!“น้ำตา?” อีวานลูบข้างแก้มตัวเองพบว่ามีน้ำตาเปียกอยู่ ทำให้เขาสับสนมากกว่าเดิม ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะร้องไห้เพราะแค่ฝัน.. ความฝันแบบไหนกันนะที่ทำให้มาเฟียสะดุ้งตื่นได้มันคงเป็นความฝันที่กระทบจิตใจเขา ถึงทำให้คนที่แข็งแกร่งดังหินผาตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก…“เชี่ยกูเป็นอะไรวะ”พลางนึกถึงสิ่งที่ทำให้เขาร้องไห้ได้ซึ่งในความฝันนั้นเป็นภาพที่มีคนพยายามทำร้ายขนมปังอย่างรุนแรง เหตุผลที่เขาตกใจจนตื่นเพราะเธอเสียชีวิตในอ้อมกอดของเขาโดยที่อีวานไม่สามารถช่วยหรือทำอะไรได้เลย…“มันไม่ใช่เรื่องจริง มึงก็แค่ฝัน”ใครมันจะกล้ามาทำร้ายผู้หญิงของอีวาน!! ใครอนุญาตให้แตะต้องเธอ คนเดียวที่สามารถทำอะไรเธอได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น!!!“ขนมปัง..”อีวานหันซ้ายหันขวามองหาผู้หญิงของตัวเองที่ยามนี้ไร้วี่แววของขนมปัง ผิดปกติมากที่เธอไม่นอนอยู่ข้างกายเขาหรืออยู่ในห้องนอน บรรยากาศในตอนนี้เงียบสงบเหมือน
เลย์ตันไม่สนใจเขาหันไปต่อยกำแพงต่อเต็มแรงกลายเป็นว่าเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆ เลยถึงแม้เลือดจะออกมาเยอะมาก พอได้เห็นเธออารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจทวีคูณตอกย้ำว่าเขาคือคนขี้แพ้ ผู้หญิงที่เขาอยากได้อีวานก็เป็นคนที่ได้ “คุณเลย์ตันพอได้แล้วจะทำร้ายตัวเองไปทำไมคะ!!”เธอลุกขึ้นมาอีกครั้งสวมกอดจากด้านหลังพยายามดึงให้เขาถอยห่างด้วยแรงทั้งหมดที่มี เลย์ตันพยายามจะสะบัดเธอออก คราวนี้ขนมปังกอดติดแน่เหมือนกาว“ไม่! ปล่อยผม!”“ฉันขอร้องไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามีเรื่องชกต่อยอีกนี่อะไรยังไม่ทันผ่านวันเลยคุณก็เป็นแบบนี้อีกแล้ว”“คุณห้ามผมทะเลาะกับมัน ผมก็ไม่ทำ”“ตอนนี้ผมต่อยกำแพงไม่ได้ต่อยมันผมผิดอะไร”‘…จริงด้วยเขาไม่ได้มีเรื่องกับอีวาน…’“แล้วกำแพงห้องผิดอะไรคะคุณถึงไปชกเขาอยู่ได้”“ผมทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมต่อยกำแพงก็ผิด งั้นให้ผมต่อยจนมือแตกตายไปเลยคุณไม่ต้องมาสนใจ”“เอาเวลานี้ไปสนใจไอ้อีวานเถอะครับ!”ขนมปังปล่อยมือออกจากตัวเลย์ตันวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลงั้นคงต้องลองวิธีนี้ดู‘ไหนว่าจะช่วยแค่ครั้งเดียวไงขนมปัง..’“หึ กลับไปเถอะแค่นี้ผมก็สมเพชตัวเองมากพอแล้ว”เขาแค่นหัวเราะให้กับชีวิตตัวเองเลย์ตันที่กำลังจะ
“ให้ไปช่วยหยุดใครนะคะ?”ขนมปังเอียงคอลงเล็กน้อยแล้วถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าที่ฟังไปเมื่อครู่เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม“นายท่านเลย์ตันครับ คุณขนมปังช่วยหยุดไม่ให้เจ้านายผมทำร้ายตัวเองด้วยนะครับ” บอดี้การ์ดอีกคนที่มาด้วยเอ่ยบอกน้ำเสียงจริงจังใบหน้ากังวลสายตาก็สั่นไหวดูยังไงก็ไม่ใช่คำพูดของคนโกหก“มีเรื่องอะไรกันคะ แล้วทำไมถึงต้องเป็นฉันที่จะไปหยุดเขาล่ะคะ?”หมับ! “เอ๊ะ!”“ไม่มีเวลาแล้วครับ!”บ็อบบี้ถือวิสาสะยื่นมือออกไปคว้าข้อมือเล็กแล้วดึงลากให้เดินไปกับเขาจะต้องบอกว่ากิ่งวิ่งกิ่งเดินเร็วเสียมากกว่าพรึบ! ฟิ้วว!!“เฮ้ย! ทำไรวะ!”ฮาร์ทตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจเร็วกว่าสมองคือมือได้ยื่นออกไปหวังจะคว้าข้อมือหรือแขนนายหญิงแต่ช้ากว่าบ็อบบี้เขาจึงจับได้เพียงลมในอากาศ“คุณบ็อบบี้ใจเย็นก่อนค่ะฉันตามไม่ทันแล้ว”“ขอโทษนะครับที่ต้องทำแบบนี้มีแค่วิธีนี้เราถึงจะไปได้ทันนะครับ”บ็อบบี้เอ่ยขอโทษแต่ยังคงพาขนมปังออกตัววิ่งแบบที่เธอจะสับขาตามไม่ทันอยู่แล้ว กระทั่งวิ่งมาถึงประตูทางเข้าบ้านพักตากอากาศ บ็อบบี้ปล่อยมือขนมปังทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าก้มหน้า“ทำอะไรคะ! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”“ขอโทษนะค
ขนมปังหยิบกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นขึ้นมาวางไว้ที่ตักตัวเองมือก็หยิบหาอุปกรณ์สำหรับเช็ดล้างทำความสะอาด เธอใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผลเตรียมจะเช็ดลงบนใบหน้าให้อีวาน“คงจะเจ็บมากเลยใช่ไหมคะ”ขนมปังมองสำรวจบาดแผลมากมายบนใบหน้าที่เคยสะอาดสะอ้านแต่ตอนนี้กับสะบักสะบอม คิ้วแตก ปากแตก คางแตก และตามแก้มก็มีรอยฟกช้ำแดงบางอันก็เริ่มกลายเป็นสีม่วง ๆ ‘ต่อยกันเอาเป็นเอาตายเลยไหมเนี่ย’“มันคงไม่เจ็บเท่ากับที่เธอบอกว่าผิดหวังในตัวฉัน”“…”เธอนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งหลังจากได้ยินคำพูดอีวาน ในเวลาปกติเขาไม่น่าจะเอ่ยอะไรแบบนี้ออกมาให้เธอได้ยิน เดาได้เลยว่าเขาเมาพันเปอร์เซ็นต์ ไวน์สองขวดว่างเปล่าถูกวางอยู่ข้างกายกลับกลิ่นหอมของไวน์ที่ออกมาเวลาที่เขาพูด“คุณอีวานรู้สึกเจ็บเป็นด้วยเหรอคะ”“คิดว่าเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกอะไรแล้วซะอีก”ขนมปังเอ่ยถามเชิงประชดพร้อมกับมือที่คอยเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบนใบหน้าเขาเมื่อทำความสะอาดคราบเลือดออกจนหมด ก็เริ่มหยิบหลอดยาบีบลงที่นิ้วแล้วทาให้เขาต่อ“ถ้าเป็นคนอื่นพูดก็คงไม่รู้สึกอะไร...”“แล้วฉันก็เป็นคนนะจะไม่มีความรู้สึกเลยได้ไง..”“อืม..แล้วฉันสำคัญกับคุณมากถึงขนาดที่มาแ
หมับ! หมับ!ร่างบางก้าวเท้าเดินเข้าไปหาสองหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับเสื้อเชิ้ตประมาณกระดุมเม็ดที่สามเพื่อให้พวกเขาหันกลับมามองยังเธอ ขนมปังออกแรงดึงกระชากให้เข้ามาใกล้แล้วเอ่ยคำสั่งสอนคล้ายคำขู่…“อย่าสร้างความวุ่นวายได้ไหมคะ?!”เสียงหวานเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของพวกเขา“ถ้าฉันรู้ว่าพวกคุณทะเลาะกันในระหว่างที่ฉันทำงาน แล้วให้คนพูดอะไรที่มันไม่เป็นความจริงอีก ฉันจะไม่อดทนกับคุณทั้งสองคนแล้วนะคะ”“…”“…”“จะอายุสามสิบกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอจะให้เด็กอายุยี่สิบสองมาคอยบอกคอยเตือนเหรอคะ?”แต่ละประโยคทำเอามาเฟียหนุ่มทั้งสองยืนหน้าเจื่อนอย่างกับว่าตัวจะหดเล็กลงเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เธอเอ่ยปากพูดตักเตือน“เป็นถึงประธานทั้งคู่ควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้หรือเปล่าคะ? แต่นี่อะไรเจอหน้ากันทีไรก็มาทะเลาะต่อยตีกันและยังทำต่อหน้าลูกน้องอีก”“…”“…”สองหนุ่มพี่น้องได้แต่ยืนนิ่งเงียบกริบไม่มีใครปริปากพูดสิ่งใด แค่ความคิดว่าจะเอ่ยต่อว่าเธอออกมายังไม่กล้า ‘ทำไมฉันถึงไม่กล้าพูดอะไรเลยวะ!’ เลย์ตันตั้งคำถามภายในใจ‘อีวาน มึงเป็นอะไรวะยอมเธอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..’ อีวานเองก็ตีกับความคิดความรู้สึกตั
หมับ! หมับ!ร่างบางก้าวเท้าเดินเข้าไปหาสองหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับเสื้อเชิ้ตประมาณกระดุมเม็ดที่สามเพื่อให้พวกเขาหันกลับมามองยังเธอ ขนมปังออกแรงดึงกระชากให้เข้ามาใกล้แล้วเอ่ยคำสั่งสอนคล้ายคำขู่…“อย่าสร้างความวุ่นวายได้ไหมคะ?!”เสียงหวานเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของพวกเขา“ถ้าฉันรู้ว่าพวกคุณทะเลาะกันในระหว่างที่ฉันทำงาน แล้วให้คนพูดอะไรที่มันไม่เป็นความจริงอีก ฉันจะไม่อดทนกับคุณทั้งสองคนแล้วนะคะ”“…”“…”“จะอายุสามสิบกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอจะให้เด็กอายุยี่สิบสองมาคอยบอกคอยเตือนเหรอคะ?”แต่ละประโยคทำเอามาเฟียหนุ่มทั้งสองยืนหน้าเจื่อนอย่างกับว่าตัวจะหดเล็กลงเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เธอเอ่ยปากพูดตักเตือน“เป็นถึงประธานทั้งคู่ควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้หรือเปล่าคะ? แต่นี่อะไรเจอหน้ากันทีไรก็มาทะเลาะต่อยตีกันและยังทำต่อหน้าลูกน้องอีก”“…”“…”สองหนุ่มพี่น้องได้แต่ยืนนิ่งเงียบกริบไม่มีใครปริปากพูดสิ่งใด แค่ความคิดว่าจะเอ่ยต่อว่าเธอออกมายังไม่กล้า ‘ทำไมฉันถึงไม่กล้าพูดอะไรเลยวะ!’ เลย์ตันตั้งคำถามภายในใจ‘อีวาน มึงเป็นอะไรวะยอมเธอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..’ อีวานเองก็ตีกับความคิดความรู้สึกตั