'หวงก็เป็นของพี่สิครับ'
แน่นอนว่าประโยคนี้ทำให้ลิลินยิ้มกว้างปากแทบฉีก แล้วเธอก็รีบยื่นมือไปควงแขนติณห์ทันที ก่อนที่จะเอนไปซบไหล่กว้างๆของเขา
"รอแต่งงานนะคะ ลินจะเป็นของพี่ติณห์ทั้งตัวเลย^^"
"โถ่ลิน..อีกไม่กี่เดือนเองนะ พี่ขอทดลองก่อนไม่ได้เหรอ? เราคบกันมานานแล้วยังไงๆก็ต้องแต่งอยู่ดีนี่"
ติณห์หว่านล้อม พร้อมกับยกมือใหญ่ๆของเขาแตะเบาๆที่มือลิลินด้วย
"ไม่ได้ค่่ะ ลินจะไม่ผิดคำสัญญากับปาป๊าเด็ดขาด พี่ติณห์ชวนบ่อยๆแบบนี้จำไม่ได้เหรอคะ ว่าปาป๊าบอกพี่ติณห์วันที่ท่านจับได้ว่าเราคบกันว่าอะไร^^"
"จำได้ ห้ามล่วงเกินลินก่อนแต่งงาน-_-"
"เยส!!ถูกต้อง!! ฉะนั้นรอหน่อยนะคะ อีกแปปเดียวเอง ลินไม่หายไปไหนหรอกค่ะ^^"
ติณห์ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจเฮือก ถึงเขาจะรู้ว่ายังไงๆก็ต้องสมปรารถนา แต่ความเป็นชายทั้งแท่งของเขา ที่อยู่แนบชิดกับลิลินแฟนสาวทุกวันนั้น
มันชักจะทำเขาความอดทนต่ำลงไปทุกวัน
เขาต้องการให้ลิลินเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะทางพฤตินัยหรือนิตินัย อยากเชยชมเรือนร่างที่เขาเฝ้าทะนุถนอมไว้มาตลอดนี้สักที เพราะที่ผ่านมาจวนจะสามสิบปีนี้ ชายทั้งแท่งอย่างเขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย
"เฮ้อ รอก็ได้..แต่ลินสัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่หายไปไหน?"
ติณห์ถามย้ำอย่างไม่สบายใจ ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน..ว่าทำไมเขาต้องรู้สึกแปลกๆจนถามทวนมันอีกครั้ง
"สัญญาสิคะลินจะไปไหนได้ แต่ตอนนี้ลินร้อนมากๆเราไปหาอะไรทานกันเถอะค่ะ^^"
เมื่อลิลินให้คำสัญญาผ่านๆ เธอก็ควงแขนติณห์แฟนหนุ่มไปขึ้นรถทันที จนปลายฝนที่ลงมาจากชั้นบนตอนนี้..เธอต้องหยุดชะงัก
และแอบมองภาพตรงหน้าไกลๆ
เหมาะสม.. ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย ทำไมว่าที่เจ้านายเธอชีวิตเพอร์เฟคขนาดนี้ แฟนหล่อขับลัมโบร์กินีและเป็นถึงไฮโซซีอีโอสายการบินเวลฟาย
ส่วนชื่อเสียงเรียงนามถามว่ารู้จักไหม? ใช่..พอเห็นหน้าจริงจัง..ปลายฝนเธอก็แอบตกใจเหมือนกัน ที่เธอเองก็พอจะรู้จักผู้ชายคนนี้ห่างๆ
เพราะผู้ชายเกรดพรีเมี่ยมคนนี้ เขาเป็นลูกหลานทายาทโรงพยาบาลที่ดองกับครอบครัวเธออยู่ แต่เธอไม่เคยคุยหรือเคยพบกับติณห์มาก่อน
เพราะหนึ่งปลายฝนเป็นแค่ลูกสาวบุญธรรมที่ถูกเก็บมาเลี้ยง และสองเธอมีความถ่อมตัว...ไม่กล้าเสนอหน้าออกไปรู้จักหรือสนิทสนมกับใคร เพราะมันจะทำให้เธอคิดน้อยเนื้อต่ำใจเสมอ..ว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นๆ
"ติณห์คนนี้นี่เอง..ได้ยินชื่อมานานไม่คิดว่าจะหล่อขนาดนี้"
"ไม่ทราบว่ามีอะไรธุระอะไรกับคุณลิลินอีกคะ? " ปลายฝนละสายตาจากรถสปอร์ตคันนั้นหันกลับตกใจ เมื่อพนักงานที่นำเธอไปสัมภาษณ์งาน..ไถ่ถามขึ้นมาจากด้านหลัง
"เอ่อเปล่าค่ะ คือเรื่องสัมภาษณ์งาน...ขั้นตอนมีแค่นี้ใช่มั้ยคะ? "
"ค่ะ รบกวนตามฉันไปเซ็นสัญญาที่ฝ่ายบุคคลด้วย^^"
ปลายฝนได้ยินแบบนั้นก็ยืนงุนงงอยู่ครู่นึง เพราะเธอยังไม่ได้ตกลงที่จะทำงานนี้ด้วยซ้ำ ทำไมพนักงานคนนี้ต้องยัดเยียดให้เธอไปเซ็นสัญญาด้วย
"ฉันขอเวลาตัดสินใจสักสองสามวันได้ไหมคะ"
"สองสามวันไม่ได้ค่ะ แต่ให้เวลาตัดสินใจสิบนาที ตำแหน่งนี้ถึงจะว่างบ่อย แต่ไม่ใช่ว่าคุณลิลินจะถูกใจใครง่ายๆ คนมาสมัครไม่ขาดสายเงินเดือนก็เยอะ คิดดูดีๆนะคะ^^"
ไม่ขาดสาย? เฮอะ.. หลังจากพนักงานสาวบอกและเดินออกไป ปลายฝนก็ถึงกับหัวเราะ 'เฮอะ' ออกมา
เพราะไม่ขาดสายที่ว่า เธอไม่เห็นใครมานั่งรอสัมภาษณ์งานกับเธอสักคน! ทำไมบริษัทใหญ่ๆแบบนี้ถึงทำอะไรไม่มีระบบเอาซะเลย
แล้วยังไงต่อ..เธอควรจะตัดสินใจทำงานที่นี่ดีมั้ย? หรือว่าเซย์โนกลับไปนอนเล่นที่บ้านเช่นเดิม
ปลายฝนยืนคิดอยู่สักพัก..ก่อนที่เธอจะหวนนึกถึงทุกๆวันที่เธอเอาแต่นอนรอชายกำยำคนนั้นอย่างไร้วี่แวว
จริงๆแล้วมันเบื่อนะ แล้วถ้ายิ่งอยู่แบบนั้น..มันก็เหมือนเธอกำลังทำตัวไร้ประโยชน์ไปวันๆ หรือระหว่างรอเธอควรหาอะไรทำให้ชีวิตมันมีสีสัน ไม่ก็สร้างสตอรี่ให้กับตัวเองบ้าง เพราะไหนๆก็อุตส่าห์เรียนจบมาแล้ว
ครืนนนนน ครืนนนนนน~
P'Naphat
เมื่อเห็นชื่อปลายสาย...ปลายฝนก็กดรับทันที ก่อนที่จะหันไปมองที่ป้ายแผนกฝ่ายบุคคลแวบนึงด้วยความลังเล
"ค่ะ พี่ณภัทร"
(สัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้าง)
"ยังลังเลอยู่เลยค่ะ เอ่อ..คือที่ลังเลเพราะเจ้านายฝนดูเป็นคนแปลกๆค่ะ ท่าจะเรื่องเยอะ"
หญิงสาวป้องมือกระซิบ จนทำให้คุณหมอณภัทรที่อยู่ปลายสายหัวเราะออกมาเบาๆ
(ฮะๆนินทาว่าที่เจ้านายในบริษัทเขาเลยนะ คนทำงานระดับนี้ ก็ต้องเรื่อยเยอะเป็นธรรมดา อย่าลืมสิว่าผู้บริหารต้องบริหารทุกอย่าง พี่ว่าถ้ามีโอกาส...ฝนก็ควรคว้าไว้นะ)
ปลายฝนพยักหน้าตาม เข้าใจที่พี่หมอณภัทรพูดทุกคำ และประโยคนั้น..มันก็ช่วยเธอได้มาก เธอตัดสินใจทำตามคำแนะนำของหมอณภัทรทันที เพราะปกติไม่มีใครหวังดีกับเธอเท่าเขาคนนี้แล้ว
ถ้าพี่ณภัทรบอกว่าดี ก็ต้องดีสิ..เธอจะเชื่อเขา
"ค่ะ ฝนจะลองดู"
(ครับ แต่ถ้าเสร็จธุระเรื่องงาน..ฝนกลับแท็กซี่ได้ใช่มั้ย ช่วงนี้ที่โรงพยาบาลคนไข้เยอะและหมอเฉพาะทางด้านศัลยประสาทมีไม่กี่คน พี่ค่อนข้าง...)
"ได้ค่ะไม่มีปัญหา พี่ณภัทรทำงานเถอะค่ะ"
(ครับ)
ที่ปลายฝนรีบตัดบทบอกไปแบบนั้น เธอไม่ได้น้อยใจหมอณภัทรเลยสักนิด แต่เธอเข้าใจต่างหาก..ว่าการเป็นหมอศัลยกรรมประสาทที่งานล้นมืออย่างเขา มันเหนื่อยและกดดันแค่ไหน
ยิ่งคนไข้อุบัติเหตุผ่าเร่งด่วนเข้ามาทีไร เหมือนทุกนาทีของเขาต้องแข่งกับชีวิตคน
และตอนนี้ขณะที่ปลายฝนตัดสินใจเซ็นสัญญาอยู่ ด้านลิลินผู้เป็นเจ้านาย ก็รับประทานอาหารกลางวันกับคนรักอย่างอิ่มอกอิ่มใจที่ไม่ไกลจากบริษัทของเธอ
ซึ่งทั้งคู่ปรึกษาหารือเรื่องงานแต่งงาน และเลือกเรือนหอที่ติณห์ไปจัดหามาคร่าวๆไปด้วย
"หลังนี้เล็กไปลินไม่ชอบค่ะ..."
"งั้นหลังนี้ ใหญ่ขึ้นมาหน่อย"
"ไม่ค่ะ มันไม่อลังการ...ลินอยากได้บ้านหลังใหญ่ๆกว้างๆ โมเดิร์นๆให้สมกับที่เป็นคู่แต่งงานจากสองตระกูลใหญ่ พี่ติณห์ต้องเข้าใจนะคะว่าเราจะได้ไม่อายใคร ว่าแต่..มีให้ลินเลือกอีกรึป่าวคะ?^^"
ติณห์ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับก้มมองแบบบ้านที่เขาวางไว้บนโต๊ะทันที ก่อนที่จะนั่งสลับไปมาๆและยกมือกุมขมับ เพราะเขาเหนื่อยใจกับความเรื่องเยอะของแฟนตัวเองมาก และไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง
เพราะบ้านที่เขาให้ดูมันไม่เล็กและไม่สมเกียรติซะเมื่อไหร่แถมยังสมัยใหม่โมเดิร์น จัดสรรพื้นที่ข้างในอย่างลงตัว เหมาะกับคู่รักแต่งงานและวางอนาคตมีลูกสี่ถึงห้าคนอย่างเขา
"ลินอยากได้แบบไหนล่ะ เอาเป็นว่าลินหามาเถอะ..ไม่ก็ออกแบบเองไปเลย"
ลิลินได้ยินแบบนั้นก็หุบยิ้มวางช้อนกับมีดหั่นเสต็กลงทันที ก่อนที่จะเอนพิงพนักเก้าอี้..ยกมือกอดอกมองหน้าว่าท่ีเจ้าบ่าวของเธอ
"พี่ติณห์ประชดลินเหรอคะ?-_-"
"คำไหนที่คิดว่าพี่ประชด? ลินชักจะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ นี่ก็ไม่ได้นู่นก็ไม่เอา..พี่ก็ให้ลินหาเองนี่ไง เพราะพี่มีงานต้องทำนะลิน พี่เหนื่อย"
เหมือนฟ้าผ่ากลางโต๊ะอาหาร นี่ครั้งแรกที่ติณห์พูดเต็มปากเต็มคำว่าลิลินเอาแต่ใจ
และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะถูกตามใจและถูกโอ๋มาตลอด ลิลินจึงยืนหนึ่งในความเรื่องเยอะและเอาแต่ใจเสมอมา
ซึ่งเธอเองไม่รู้หรอกว่า..มันเริ่มไม่น่ารักสำหรับติณห์แล้ว
เขาทำงานหนักเพื่อจะสรรเวลามาจัดงานแต่งให้เธออย่างสมเกียรติ แต่ลิลินกลับสร้างความลำบากใจให้เขาแทน
"งั้นก็ขอโทษแล้วกันค่ะ ลินก็งานเยอะ งั้นลินกลับนะคะ ไม่ต้องไปส่ง"
พูดจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นพรวด ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายใบหรูของเธอและสบัดหน้าเดินออกไป
ส่วนติณห์...เขาก็นั่งนิ่งๆถอนหายใจ และมองตามแผ่นหลังของแฟนสาวออกไป ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเช่นกัน
เขาไม่รู้จะจัดการกับความเอาแต่ใจของลิลินด้วยวิธีไหนดี เพราะเขาเองก็มีส่วนผิด..ที่ตามใจเธอมาแต่ต้นจนเธอได้ใจขนาดนี้
และได้แต่หวังว่าเธอจะเปลี่ยนมันสักที..ไม่ใช่ตอนนี้ก็เมื่อเป็นแม่คน...
"ขึ้นรถ!!" สองเท้าที่กำลังเหยียบน้ำฟุบๆที่พื้นถนน กำลังมีรถสปอร์ทคันหรูของนายแพทย์ศัลยกรรมประสาทและสมองขับขนาบข้าง เขาเลื่อนกระจกตะโกนและบีบแตรเสียงดัง พยายามให้เจ้าของร่างเล็กที่เปียกฝนหันมาสนใจสักครั้ง แต่ก็ไม่...ปริ้น ปริ้น~!"ปลายฝน ขึ้นรถ!!""ไม่ขึ้น! ฉันไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้น ฉันไม่ใช่ปลายฝนบ้าบอคอแตกอะไรด้วย นายเองไม่ใช่เหรอ..ที่เป็นคนไล่ฉันลงจากรถ จะเรียกฉันขึ้นไปด่าอีกใช่ไหม?! เออเอาสิ...อ้าปากเมื่อไหร่ฉันจะถอดรองเท้าส้นสูงยัดปากนาย!!""หยุดบ้า! นิสัยแบบนี้ไม่ใช่แฟนฉันแน่นอน ฝนมันตกเห็นไหม!..ถ้าเธอไม่ขึ้นรถและทำร่างแฟนฉันป่วย ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!!""คิดว่าฉันอยากป่วยรึไง! ถ้าร่างแฟนนายป่วย..ฉันก็จะรู้สึกป่วยตาม อยู่ในร่างผู้หญิงซื่อบื่อว่าทรมานแล้ว ฉันต้องจำใจมีแฟนซื่อบื้อแบบนายอีก โอ้ย...อยากตาย!>[]เออดี..ปากแบบนี้ทำไมไม่ลงนรกไปซะ เข้ามาสิงร่างแฟนฉันทำไม!!"ริมฝีปากบางขบแน่น ก่อนจะหันขวับไปมองหมอศัลยกรรมประสาทและสมองที่แสนจะเพอร์เฟคในรถคันหรูนี่เหรอ?! คุณหมอณภัทรผู้แสนดีของหล่อนยัยปลายฝน!! เขาพูดกับฉันแต่ละคำเหมือนฉันเป็นกิ้งกือไส้เดือน !"เอองั้นก็ช่วยๆให้ฉัน..ลงไปนรกส
เจ้าของร่างบางบนเตียง...เปิดตาขึ้นจากการงีบหลับ ริมฝีปากหยักสวย ขนตาเป็นแพงอนกระพริบตาถี่ๆอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ปลายฝนจะใช้มือประสานกันวางที่ท้องและเพ่งมองเพดาน คิดกังวลกับเรื่องบางอย่างที่เธอปรึกษาใครไม่ได้ เธอมองและคิดทวน..มองและหาคำตอบให้ตัวเอง ถึงเหตุการ์ณต่างๆที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบสองปีที่แล้ว วันนั้นมันตรงกับวันนี้พอดี ครบรอบสิบสองปีนักษัตรที่ผู้ชายกำยำบึกบึนคนนั้นเคยพูดไว้กับเธอเธอเจอเขาคืนนั้นเวลา 3:33 น. ปลายฝนเมื่ออายุสิบสองใส่ชุดนอนหมีพูสีชมพูหวาน เธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงลมหวิวๆที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงนั้น..ดังราวกับเสียงโหยหวน ดังขึ้นๆจนร่างเล็กหยัดตัวนั่งและขยี้ตา..หันมองหน้าต่างที่ปิดสนิทสองบานด้วยความแปลกใจ ก่อนสุดท้ายจะหันไปเห็นนาฬิกาบนโต๊ะแล้วตัดสินใจล้มตัวนอนแต่ร่างเล็กของเด็กสาว...ก็ถึงกลับชะงัก เมื่อเธอเห็นว่าร่างตัวเองยังนอนหลับสนิทแน่นิ่งหนุนหมอนใบนั้นอยู่เช่นเดิม สัญชาตญานความกลัวทำปลายฝนดีดตัวรีบลุกขึ้น เธอยืนมองร่างเล็กใต้ผ้าห่มหนาก่อนจะลูบหน้าลูบตาตัวเองหลายครั้ง นี่ก็เนื้อหนังเธอ บนเตียงล่ะ...ร่างนั้นคนที่เหมือนเธอทุกอย่างคืออะไร?!!หนึ่งสมองแต่สองจิต
ทุกอย่างวูบเข้ามาเหมือนเดิม ความคิด เรื่องเก่าๆตลอดสิบสองปีที่ผ่านมาจนปัจจุบัน..ปลายฝนยังรอ รอว่าเมื่อไหร่ชายรูปร่างยักษ์คนนั้นจะกลับมาหาเธอ และตอนนี้มันก็ผ่านมาสิบสองปีแล้วสิบสองปี..ผู้ชายคนนั้นคงแก่และโตมาก แต่เนิ่นนานที่นอนนิ่ง..แม้หลับตาแล้วหลับตาอีกเธอก็ไม่เห็นวี่แววเขาอะไรกันนี่ ถึงวันแล้ว..ตอนนี้ก็อายุยี่สิบสี่ครบรอบปีนักษัตรแล้ว ใครจะทวงอะไรก็มาสิ มาเถอะ..ฉันจะได้สบายใจสักที!!หญิงสาวนึกในใจ มือสองข้างก็ทุบที่นอนไปด้วย แต่ก็เงียบฉี่..นอกจากเสียงแอร์และเสียงนกร้องจิ๊บๆ ตอนนี้เธอไม่ได้ยินเสียงใครเลย"เฮ้อ!!!" ร่างเล็กลุกขึ้นถอนหายใจ และปัดผมเพ้าที่รุงรังไปข้างหลัง ก่อนจะลุกจากเตียงไปเปิดม่านเปิดหน้าต่าง และยืนรอชายกำยำคนนั้นอีกครั้ง"เมื่อไหร่จะมาคะคุณลุง มาเถอะค่ะ..หนูโตแล้ว ถ้าไม่มา..ลุงผิดคำสัญญานะ"บ่นเสร็จก็หน้างอคอตก เธอทำแบบนี้แทบทุกวันหลังจากครบรอบปีนักษัตรนี้ จนแล้วจนเล่าจนผ่านมาสองปีจวบจนเธออายุยี่สิบหก ตอนนี้เธอก็ยังทำ2ปีต่อมา....ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! "ปลายฝนวันนี้หนูมีนัดสัมภาษณ์งานนะ พี่ณภัทรจะไปส่ง รีบๆนะลูกกับข้าวก็ตั้งโต๊ะแล้ว เสร็จรึยัง?"เสียงแม่ดังขึ้นหน้าปร
ในขณะที่ปลายฝนนั่งรอและลุ้น รถสปอร์สคันหรูราคาหลักสิบล้านก็ขับมาจอดหน้าประตู ลิลิน รัญญาลินท์ ก้าวขาเรียวสวยเปิดประตูลงมาพร้อมๆประตูปีกนกที่สวิงขึ้นอย่างสง่ารองเท้าส้นสูงสีแดงสดสีสันแสบตา แต่ไม่เท่าใบหน้าสวยไร้ที่ติของเธอตาเฉี่ยวๆที่ทั้งเซ็กซี่และน่าค้นหา ริมฝีปากอวบอิ่มที่แสนเย้ายวน กับอกอวบๆสะโพกผายๆ มันเด่นในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปและสูทหลวมๆที่คลุมไหล่เธอลงตัวสมส่วนทุกอย่าง..ราวกับกำลังดูแฟชั่นวีคที่เมืองคานส์ยังไงอย่างงั้น"เลขาที่นัดสัมภาษณ์ มาถึงรึยัง?"ลิลินเอ่ยถามพนักงานที่วิ่งก้มหน้าก้มตามาถือกระเป๋าให้ ในขณะที่เธอก้าวฉับๆถอดแว่นตาดำเข้าบริษัทกับผมที่ปลิวไสวและไล่สายตามองรอบๆอย่างสำรวจ"มาแล้วค่ะ นั่งรอคุณลิลินข้างบน" ได้ยินคำตอบ ลิลินก็พยักหน้าเบาๆก่อนจะก้าวเข้าลิฟต์ที่พนักงานอีกคนเปิดรอก่อนที่เธอจะถอนหายใจเมื่อเห็นตัวเลขที่ขยับขึ้นๆสลับกับก้มมองนาฬิกาข้อมือ ที่จวนเที่ยงและถึงเวลาพักใช่เธอมาสาย และเธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร แต่ที่หงุดหงิดคือ เธอไม่มีเวลามากที่จะสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ เพราะอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีแฟนซีอีโอสายการบินเวลฟาย ก็จะมารับไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันแล้ว"จะทันมั้ย
'หวงก็เป็นของพี่สิครับ'แน่นอนว่าประโยคนี้ทำให้ลิลินยิ้มกว้างปากแทบฉีก แล้วเธอก็รีบยื่นมือไปควงแขนติณห์ทันที ก่อนที่จะเอนไปซบไหล่กว้างๆของเขา"รอแต่งงานนะคะ ลินจะเป็นของพี่ติณห์ทั้งตัวเลย^^""โถ่ลิน..อีกไม่กี่เดือนเองนะ พี่ขอทดลองก่อนไม่ได้เหรอ? เราคบกันมานานแล้วยังไงๆก็ต้องแต่งอยู่ดีนี่"ติณห์หว่านล้อม พร้อมกับยกมือใหญ่ๆของเขาแตะเบาๆที่มือลิลินด้วย"ไม่ได้ค่่ะ ลินจะไม่ผิดคำสัญญากับปาป๊าเด็ดขาด พี่ติณห์ชวนบ่อยๆแบบนี้จำไม่ได้เหรอคะ ว่าปาป๊าบอกพี่ติณห์วันที่ท่านจับได้ว่าเราคบกันว่าอะไร^^""จำได้ ห้ามล่วงเกินลินก่อนแต่งงาน-_-""เยส!!ถูกต้อง!! ฉะนั้นรอหน่อยนะคะ อีกแปปเดียวเอง ลินไม่หายไปไหนหรอกค่ะ^^"ติณห์ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจเฮือก ถึงเขาจะรู้ว่ายังไงๆก็ต้องสมปรารถนา แต่ความเป็นชายทั้งแท่งของเขา ที่อยู่แนบชิดกับลิลินแฟนสาวทุกวันนั้นมันชักจะทำเขาความอดทนต่ำลงไปทุกวันเขาต้องการให้ลิลินเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะทางพฤตินัยหรือนิตินัย อยากเชยชมเรือนร่างที่เขาเฝ้าทะนุถนอมไว้มาตลอดนี้สักที เพราะที่ผ่านมาจวนจะสามสิบปีนี้ ชายทั้งแท่งอย่างเขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย"เฮ้อ รอก็ได้..แ
ในขณะที่ปลายฝนนั่งรอและลุ้น รถสปอร์สคันหรูราคาหลักสิบล้านก็ขับมาจอดหน้าประตู ลิลิน รัญญาลินท์ ก้าวขาเรียวสวยเปิดประตูลงมาพร้อมๆประตูปีกนกที่สวิงขึ้นอย่างสง่ารองเท้าส้นสูงสีแดงสดสีสันแสบตา แต่ไม่เท่าใบหน้าสวยไร้ที่ติของเธอตาเฉี่ยวๆที่ทั้งเซ็กซี่และน่าค้นหา ริมฝีปากอวบอิ่มที่แสนเย้ายวน กับอกอวบๆสะโพกผายๆ มันเด่นในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปและสูทหลวมๆที่คลุมไหล่เธอลงตัวสมส่วนทุกอย่าง..ราวกับกำลังดูแฟชั่นวีคที่เมืองคานส์ยังไงอย่างงั้น"เลขาที่นัดสัมภาษณ์ มาถึงรึยัง?"ลิลินเอ่ยถามพนักงานที่วิ่งก้มหน้าก้มตามาถือกระเป๋าให้ ในขณะที่เธอก้าวฉับๆถอดแว่นตาดำเข้าบริษัทกับผมที่ปลิวไสวและไล่สายตามองรอบๆอย่างสำรวจ"มาแล้วค่ะ นั่งรอคุณลิลินข้างบน" ได้ยินคำตอบ ลิลินก็พยักหน้าเบาๆก่อนจะก้าวเข้าลิฟต์ที่พนักงานอีกคนเปิดรอก่อนที่เธอจะถอนหายใจเมื่อเห็นตัวเลขที่ขยับขึ้นๆสลับกับก้มมองนาฬิกาข้อมือ ที่จวนเที่ยงและถึงเวลาพักใช่เธอมาสาย และเธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร แต่ที่หงุดหงิดคือ เธอไม่มีเวลามากที่จะสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ เพราะอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีแฟนซีอีโอสายการบินเวลฟาย ก็จะมารับไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันแล้ว"จะทันมั้ย
ทุกอย่างวูบเข้ามาเหมือนเดิม ความคิด เรื่องเก่าๆตลอดสิบสองปีที่ผ่านมาจนปัจจุบัน..ปลายฝนยังรอ รอว่าเมื่อไหร่ชายรูปร่างยักษ์คนนั้นจะกลับมาหาเธอ และตอนนี้มันก็ผ่านมาสิบสองปีแล้วสิบสองปี..ผู้ชายคนนั้นคงแก่และโตมาก แต่เนิ่นนานที่นอนนิ่ง..แม้หลับตาแล้วหลับตาอีกเธอก็ไม่เห็นวี่แววเขาอะไรกันนี่ ถึงวันแล้ว..ตอนนี้ก็อายุยี่สิบสี่ครบรอบปีนักษัตรแล้ว ใครจะทวงอะไรก็มาสิ มาเถอะ..ฉันจะได้สบายใจสักที!!หญิงสาวนึกในใจ มือสองข้างก็ทุบที่นอนไปด้วย แต่ก็เงียบฉี่..นอกจากเสียงแอร์และเสียงนกร้องจิ๊บๆ ตอนนี้เธอไม่ได้ยินเสียงใครเลย"เฮ้อ!!!" ร่างเล็กลุกขึ้นถอนหายใจ และปัดผมเพ้าที่รุงรังไปข้างหลัง ก่อนจะลุกจากเตียงไปเปิดม่านเปิดหน้าต่าง และยืนรอชายกำยำคนนั้นอีกครั้ง"เมื่อไหร่จะมาคะคุณลุง มาเถอะค่ะ..หนูโตแล้ว ถ้าไม่มา..ลุงผิดคำสัญญานะ"บ่นเสร็จก็หน้างอคอตก เธอทำแบบนี้แทบทุกวันหลังจากครบรอบปีนักษัตรนี้ จนแล้วจนเล่าจนผ่านมาสองปีจวบจนเธออายุยี่สิบหก ตอนนี้เธอก็ยังทำ2ปีต่อมา....ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! "ปลายฝนวันนี้หนูมีนัดสัมภาษณ์งานนะ พี่ณภัทรจะไปส่ง รีบๆนะลูกกับข้าวก็ตั้งโต๊ะแล้ว เสร็จรึยัง?"เสียงแม่ดังขึ้นหน้าปร
เจ้าของร่างบางบนเตียง...เปิดตาขึ้นจากการงีบหลับ ริมฝีปากหยักสวย ขนตาเป็นแพงอนกระพริบตาถี่ๆอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ปลายฝนจะใช้มือประสานกันวางที่ท้องและเพ่งมองเพดาน คิดกังวลกับเรื่องบางอย่างที่เธอปรึกษาใครไม่ได้ เธอมองและคิดทวน..มองและหาคำตอบให้ตัวเอง ถึงเหตุการ์ณต่างๆที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบสองปีที่แล้ว วันนั้นมันตรงกับวันนี้พอดี ครบรอบสิบสองปีนักษัตรที่ผู้ชายกำยำบึกบึนคนนั้นเคยพูดไว้กับเธอเธอเจอเขาคืนนั้นเวลา 3:33 น. ปลายฝนเมื่ออายุสิบสองใส่ชุดนอนหมีพูสีชมพูหวาน เธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงลมหวิวๆที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงนั้น..ดังราวกับเสียงโหยหวน ดังขึ้นๆจนร่างเล็กหยัดตัวนั่งและขยี้ตา..หันมองหน้าต่างที่ปิดสนิทสองบานด้วยความแปลกใจ ก่อนสุดท้ายจะหันไปเห็นนาฬิกาบนโต๊ะแล้วตัดสินใจล้มตัวนอนแต่ร่างเล็กของเด็กสาว...ก็ถึงกลับชะงัก เมื่อเธอเห็นว่าร่างตัวเองยังนอนหลับสนิทแน่นิ่งหนุนหมอนใบนั้นอยู่เช่นเดิม สัญชาตญานความกลัวทำปลายฝนดีดตัวรีบลุกขึ้น เธอยืนมองร่างเล็กใต้ผ้าห่มหนาก่อนจะลูบหน้าลูบตาตัวเองหลายครั้ง นี่ก็เนื้อหนังเธอ บนเตียงล่ะ...ร่างนั้นคนที่เหมือนเธอทุกอย่างคืออะไร?!!หนึ่งสมองแต่สองจิต
"ขึ้นรถ!!" สองเท้าที่กำลังเหยียบน้ำฟุบๆที่พื้นถนน กำลังมีรถสปอร์ทคันหรูของนายแพทย์ศัลยกรรมประสาทและสมองขับขนาบข้าง เขาเลื่อนกระจกตะโกนและบีบแตรเสียงดัง พยายามให้เจ้าของร่างเล็กที่เปียกฝนหันมาสนใจสักครั้ง แต่ก็ไม่...ปริ้น ปริ้น~!"ปลายฝน ขึ้นรถ!!""ไม่ขึ้น! ฉันไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้น ฉันไม่ใช่ปลายฝนบ้าบอคอแตกอะไรด้วย นายเองไม่ใช่เหรอ..ที่เป็นคนไล่ฉันลงจากรถ จะเรียกฉันขึ้นไปด่าอีกใช่ไหม?! เออเอาสิ...อ้าปากเมื่อไหร่ฉันจะถอดรองเท้าส้นสูงยัดปากนาย!!""หยุดบ้า! นิสัยแบบนี้ไม่ใช่แฟนฉันแน่นอน ฝนมันตกเห็นไหม!..ถ้าเธอไม่ขึ้นรถและทำร่างแฟนฉันป่วย ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!!""คิดว่าฉันอยากป่วยรึไง! ถ้าร่างแฟนนายป่วย..ฉันก็จะรู้สึกป่วยตาม อยู่ในร่างผู้หญิงซื่อบื่อว่าทรมานแล้ว ฉันต้องจำใจมีแฟนซื่อบื้อแบบนายอีก โอ้ย...อยากตาย!>[]เออดี..ปากแบบนี้ทำไมไม่ลงนรกไปซะ เข้ามาสิงร่างแฟนฉันทำไม!!"ริมฝีปากบางขบแน่น ก่อนจะหันขวับไปมองหมอศัลยกรรมประสาทและสมองที่แสนจะเพอร์เฟคในรถคันหรูนี่เหรอ?! คุณหมอณภัทรผู้แสนดีของหล่อนยัยปลายฝน!! เขาพูดกับฉันแต่ละคำเหมือนฉันเป็นกิ้งกือไส้เดือน !"เอองั้นก็ช่วยๆให้ฉัน..ลงไปนรกส