พนักงานคนใหม่...ที่รู้จักดี(2)
กันตาสอนงานวินเซ่ทุกอย่างด้วยความจำใจและเก็บอาการไว้ไม่แสดงออกมาว่าเธออิจฉา เพราะไม่อยากให้เขาต่อว่าเธอได้ ว่าเธอสอนงานไม่ดี “เดี๋ยวน้องวินเซ่โทรไปนัดลูกค้าวันนี้และนัดสถานที่นะ คุณแบล็คจะได้ไปคุยงานกัน แต่น้องวินเซ่ต้องล่วงหน้าไปดูแลความสะดวกของลูกค้าก่อน แล้วคุณแบล็คจะตามไปทีหลัง” กันตาสั่งงานวินเซ่มอบหมายให้ลองทำหน้าที่เลขา “ค่ะ” วินเซ่รับคำแล้วรีบไปจัดการโทรนัดลูกค้า เมื่อเสร็จแล้วเธอจึงออกจากบริษัทมุ่งหน้าไปตามที่นัดหมายทันที กันตาเห็นวินเซ่ออกไปแล้ว เธอจึงถือเอกสารเข้าไปเตือนเจ้านาย “คุณแบล็คคะ ได้เวลาประชุมแล้วค่ะ” กันตาไม่ได้ไปแจ้งเตือนเจ้านายให้ตามไปคุยงานกับวินเซ่ แต่กลับแจ้งเตือนการประชุม จริงๆ แล้วแบล็คมีประชุมไม่ได้มีนัดคุยลูกค้า แต่กันตาหลอกให้วินเซ่ไปคุยกับลูกค้าให้เสียงาน เสียลูกค้าแทน แบล็คเดินนำไปประชุมตามกำหนด โดยมีกันตาเดินถือเอกสารตามหลังไปติดๆ ในขณะที่กำลังประชุมอยู่นั้น ไม้โทลูกน้องคนสนิทของเขาเปิดประตูห้องประชุมเข้ามาแล้วค้อมตัวก้มหัวขออนุญาตเขาเล็กน้อย เขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ไม้โทจึงเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู เมื่อได้ฟังสิ่งที่ไม้โทบอก เขาก็ตวัดสายตาคมเข้มไปยังกันตาเลขาของเขาทันที ทำให้กันตารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาคมนั้น “วันนี้พอแค่นี้” แบล็คพูดจบแล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที สร้างความงุนงง และตกตะลึงให้กับคนในห้องประชุมเป็นอย่างมากที่อยู่ๆ เขาก็ยกเลิกประชุมกลางครัน สาเหตุที่เขาต้องยกเลิกประชุมกระทันหันนั้น ก็เพราะว่าไม้โทมาบอกว่า ‘นาที’ ลูกน้องของเขาอีกคนที่เขาให้ไปคอยดูแลวินเซ่โดยไม่ให้เธอรู้ เพราะเขาเป็นห่วงเธอลูกสาวหลานสาวของเหล่ามาเฟียที่ย่อมต้องมีศัตรูเยอะ แต่เธอกลับไม่มีบอดี้การ์ดเลยสักคน นาทีบอกว่าวินเซ่ขับรถออกจากบริษัทไปคุยกับลูกค้าข้างนอกซึ่งไม้โทบอกเขาว่า กันตาเป็นคนสั่งให้เธอออกไปก่อนที่เจ้านายของเขาจะเข้าประชุม “ไปร้านไดม่อนฟู๊ด” เขาสั่งเมื่อก้าวขึ้นรถมานั่งอยู่เบาะหลังคนขับ “นายรู้ได้ยังไงครับว่าคุณวินเซ่อยู่ที่ไหน” ไม้โทถามอย่างสงสัย ในขณะที่ออกรถไปด้วยความเร็วเท่าใจของผู้เป็นนาย “กูสั่งก็ไป ไม่ต้องถามมาก” เขาบอกเสียงเข้มด้วยอารมณ์หงุดหงิด นึกไปถึงคนตัวเล็กมาทำงานวันแรกก็โดนรับน้องใหม่เสียแล้วหรือนี่ ทางด้านของวินเซ่ “คุณบัญพจน์ รอสักครู่นะคะ อีกสักพักคุณแบล็คก็น่าจะมาแล้วค่ะ” เธอบอกเขาทั้งๆ ที่ไม่มีช่องทางติดต่อกับเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขาจะมากี่โมง หรือจะมาไหม “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ ที่นี่บรรยากาศดีนะครับ มีอาหารอร่อย แถมมีดนตรีสดให้ฟังสบายด้วยๆ คุณวินเซ่เป็นเลขาของคุณแบล็คเหรอครับ รู้จักที่นี่ได้อย่างไร ผมชอบมาก ” บัญพจน์ชวนวินเซ่สนทนาเพื่อลดความอึดอัดและกังวลมากไปของเธอ “อ่อ ใช่ค่ะ ฉันเป็นเลขาของคุณแบล็ค ฉันชอบที่นี่ค่ะ มาทานบ่อย เขามีให้ขึ้นไปร้องเพลงได้นะคะ คุณบัญพจน์ลองร้องสักเพลงไหมคะ ระหว่างรอ” วินเซ่ยิ้มๆ ชวนและพยายามเอ็นเตอร์เทรน หาอะไรให้ลูกค้าทำจะได้ไม่เบื่อระหว่างรอ “จะดีเหรอครับเนี่ย” “ดีค่ะ ฉันอยากฟังเพลงที่คุณบัญพจน์ร้อง โชว์สักเพลงนะคะ” พูดจบเธอก็ยืนขึ้นผายมือให้เกียรติ์ลูกค้าขึ้นไปร้องเพลง ก่อนที่จะได้ขึ้นเวที วินเซ่ก็ทำหน้าที่ไปขออนุญาตขอใช้เวทีสักหน่อย บัญพจน์ขึ้นไปร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ โดยมีวินเซ่นั่งปรบมือเบาๆ อยู่ที่โต๊ะ กำลังฟังเพลงเพลิน ก็มีมือหนามาสัมผัสที่ไหล่ ทำให้เธอหันควับไปมองเจ้าของมือได้ทันที “คุณแบล็ค...” วินเซ่พึมพำเรียกชื่อคนมาใหม่ “ไหนลูกค้า” เขาถามเพราะคิดว่าเขาอาจจะมาไม่ทัน ลูกค้าอาจจะไม่รอและเดินทางกลับไปแล้ว วินเซ่ไม่ได้ตอบคำถามอะไรเขา แต่ทำหน้าพยักเพยิดไปบนเวที สายตาคมเข้มมองตามไปยังจุดหมาย “โน่นค่ะ อยู่บนเวที” วินเซ่บุ้ยหน้าไปบนเวทีให้ชายหนุ่มมองตาม ภาพที่เห็นคือ ลูกค้าขึ้นไปร้องเพลงคาราโอเกะบนเวที แบล็คได้แต่ส่ายหน้าปวดหัวกับสิ่งที่วินเซ่ทำ นี่เธอจะทำให้เสียลูกค้าหรือจะได้ใจลูกค้ากันแน่นะ “ก็คุณมาช้านี่คะ รอนานๆ กลัวลูกค้าจะเบื่อ เลยหาอะไรให้ทำ ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะคะ” “มีประชุม วันนี้ไม่มีคุยงานกับลูกค้า” แบล็คเอ่ยเสียงเรียบ หน้าตานิ่ง เขาขยับเก้าอี้นั่งลงข้างๆ เอาแขนพาดไปกับพนักพิงของเก้าอี้เธอด้วยท่าทางสบายใจ “อ้าว พี่ตาบอกให้วินซ์ เอ้ย หนูนัดลูกค้าให้คุณนี่คะ ไม่เห็นบอกว่าคุณมีประชุม แล้วคุณประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ?” ร่างบางหันขวับไปมองหน้าคนนั่งข้างๆ “ยัง หนีมา” เขาตอบหน้าตายเหมือนไม่ยี่หระกับการหนีประชุม เหมือนว่าการประชุมไม่สำคัญเท่าคุยงานลูกค้า “อ้าววว” “หลายอ้าวแล้ววันนี้” เขาอมยิ้มเล็กน้อย แอบแซวคนตัวเล็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าตัวเองโดนแกล้ง ได้แต่ร้องอ้าวๆ แปลกใจในความจริงที่เขาบอก “ก็หนูแปลกใจนี่คะ ไม่เห็นเหมือนที่พี่ตาสอนสักอย่าง” “แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นของเธอสิ” “ชื่อหนู?” วินเซ่ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง แบล็คพยักหน้ารับเป็นคำตอบ “ดูน่ารักกว่าแทนตัวเองว่า หนู อีก” คำพูดของเขา คนพูดคิดอะไร แต่คนฟังคิดไกลไปนอกอวกาศแล้วนะ ทำเอาหน้าตาหญิงสาวเป็นสีแดงระเรื่อลามไปยันหู “เอิ่มมม หนู เอ่อ วะ...วินซ์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนิดหนึ่งนะคะ ก่อนลูกค้าจะลงมา คุณคุยงานไปก่อนเลยนะคะ” เธอพูดจบไม่รอคำอนุญาต รีบลุกออกไปเพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าแดงๆ ของเธอ “หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ เอ็นดูกับท่าทางของคนตัวเล็ก “น่ารักใช่ไหมครับนาย” เมื่อคนตัวเล็กลุกไปแล้ว ไม้โทที่ยืนเฝ้ารักษาความปลอดภัยของเจ้านายเอ่ยถามแบบแอบแซวนิดๆ เมื่อเห็นนายของตัวเองหัวเราะอมยิ้มแบบที่น้อยนักที่เขาจะได้เห็นแบบนี้ “ยุ่ง!!” เขาตวัดสายตาเข้มไปยังลูกน้อง “อ้าวววว” ไม้โทอุทานแค่นั้น แล้วอมยิ้มหันไปทางอื่นก่อนจะกลับไปยืนท่าเดิม “เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย” “ลูกค้ามาโน่นแล้วครับ” ไม้โทบอกเจ้านายตัวเอง ‘รอดแล้วกู’ เขาคิดในใจ แอบโล่งใจ ลูกค้ามาช่วยไว้ทันพอดี “สวัสดีครับคุณแบล็ค” “สวัสดีครับคุณบัญพจน์ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ พอดีผมติดประชุม” แบล็คทักทายลูกค้าก่อนยืนขึ้น ยื่นมือไปจับเพื่อเป็นการทักทาย “คุณแบล็คเลยส่งเลขามาก่อนใช่ไหมครับ คุณวินเซ่น่ารักมากครับ บริการ ดูแลผมดีเลย” บัญพจน์เอ่ยชื่นชมวินเซ่ ถ้าหากเขาตกลงทำธุรกิจร่วมกับบริษัทของแบล็ค อยากให้แบล็คยกความดีความชอบนี้ให้กับวินเซ่ “วินเซ่ไม่ใช่เลขาของผมครับ” แบล็คบอกปฏิเสธกับลูกค้า ทำให้บัญพจน์ถึงกับทำหน้าฉงนแปลกใจ “ถ้าไม่ใช่เลขา แล้วคือใครล่ะครับ” “วินเซ่คือคู่หมั้นของผมครับ” แบล็คเกอร์บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หน้าตาจริงจัง “โอ้ ยินดีด้วยนะครับคุณแบล็ค มีข่าวดีวันไหนอย่าลืมเชิญผมด้วยนะ ผมตกลงร่วมโปรเจ็คนี้กับคุณนะครับ” “เชิญแน่นอนครับ ขอบคุณครับ” แบล็คเกอร์ยืนขึ้นยืนมือไปจับเพื่อแสดงความขอบคุณ การคุยงานวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แบล็คเกอร์และบัญพจน์ได้ร่วมกันทำโปรเจ็คใหญ่ ผลพลอยได้มาจากการดูแลลูกค้าของวินเซ่ในวันนี้...เพื่อนใหม่ “คุณแบล็คคะ พอดีวินซ์เอารถมา เดี๋ยววินซ์กลับคอนโดเลยนะคะ ไม่แวะเข้าบริษัท” วินเซ่เอ่ยบอกกับเจ้านายหลังจากที่ลูกค้าเดินทางกลับไปแล้ว “ไปกับฉัน” “เอ๋ วินซ์เอารถมาค่ะ ขับกลับเองได้” เธอรีบปฏิเสธเมื่อเขาบอกให้กลับกับเขา “ให้ไอ้โทขับกลับ” เขาพูดพร้อมแบมือมาที่เธอเพื่อขอกุญแจรถของเธอ วินเซ่มองหน้าเขาแล้วหยิบกุญแจจากในกระเป๋ายื่นให้เขาแบบไม่เต็มใจ 'คิดว่าเป็นเจ้านายแล้วจะสั่งได้เหรอ ถ้าไม่ติดว่าทำงานวันแรกนะ ไม่ให้หรอกกุญแจน่ะ' เธอบ่นให้เขาในใจ “นินทาฉันในใจ?” เขาถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำหน้าแปลกๆ “ใคร๊? ไม่มี๊!!” วินเซ่ตอบเสียงสูง นี่เขารู้ได้ไง อ่านใจคนได้เหรอตาคนนี้เนี่ย “เสียงสูงไป” เขาเดินนำไปที่รถ ร่างบางเดินตาม มองดูแผ่นหลังของเขารู้สึกคุ้นตากับแผ่นหลังนี้เหลือเกิน เคยเจอที่ไหนกันนะ “ให้วินซ์ขับให้ไหมคะ” วินเซ่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถสปอร์ตคันดำที่เขาจอดไว้ “ขับให้ฉัน” “ใช่สิคะ ก็คุณเป็นเจ้านาย วินซ์เป็นเลขาก็ต้องเป็นคนขับไม่ใช่เหรอคะ จะให้เจ้านายมาขับรถให้พนักงานนั่งมีที่ไหนกัน” “มีที่นี่แหละ ไปนั่ง ฉันขับเอง” “ทำไมขับเองคะ บอกว่าวินซ์จะข
เพื่อนใหม่(2) วันนี้แบล็คเกอร์มาที่คลับไวกว่าปกติ เพราะไม้โทรายงานมาว่า นาทีบอกว่า วินเซ่ออกจากคอนโดมาที่นี่คนเดียว เขาจึงรีบตามออกมาเพื่อมาดูความปลอดภัยของคนตัวเล็กและก็อยากรู้ว่าวินเซ่จะมาเที่ยวกับใคร นัดหนุ่มที่ไหนไว้หรือไม่ “ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” มิวนิคถามองศา “ผู้หญิงครับนาย สวยด้วย” องศารายงานตามความเป็นจริง เพื่อนใหม่ของแฟร์รี่นายหญิงของเขาสวยจริงๆ “คุณวินเซ่ครับ” ไม้โทที่ยืนฟังการสนทนาของทั้งสองอยู่ด้านหลังของแบล็คเกอร์เอ่ยขึ้น เขารู้ว่าเพื่อนใหม่ของคุณแฟร์รี่คือใครเพราะนาทีเป็นเป็นรายงานเขา แต่เขายังไม่ได้รายงานให้กับเจ้านายของเขาฟังแค่นั้นเอง “คือใครวะ” มิวนิคถามไม้โท แบล็คเกอร์ไปมองลูกน้องตัวเองเป็นเชิงตั้งคำถาม ไม้โทพยักหน้ารับเล็กน้อยเป็นคำตอบ “คู่หมั้นกู” แบล็คเกอร์หันมาบอกมิวนิค เขาเคยได้ฟังเรื่องวีรกรรมคู่หมั้นของเพื่อนเขามาบ้างเล็กน้อย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่า ลูกสาวของมาเฟียคนนี้ดื้อไม่เบา คงจะไม่ต่างอะไรกับแฟนของเขาแน่ “จะบรรลัยไหมนั่น ดื้อคูณสอง ดื้อกับดื้อมาเจอกัน กลัวคลับจะแตก องศาไปดูแลหน่อยไป” มิวนิคสั่งลูกน้อง “ไม่ต้อง นาทีมันดูอยู่” แบล็คเกอร์ร้องห้า
พี่หยุดตอนนี้ไม่ได้แล้ว รถหรูสีดำเงาวับเมื่อต้องแสงไฟข้างทาง แล่นด้วยความเร็วสูงเนื่องจากเวลานี้ค่อนข้างดึก ความเงียบสงัดไร้รถพลุกพล่านทำให้รถคันนี้พุ่งทะยานไปบนท้องถนนด้วยความเร็วดุจนกเหยี่ยวบิน “อื้ออออ พวกคุณเป็นใครเนี่ย จะพาฉันไปไหน” เสียงแหบพร่าของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักในวงแขนแกร่งซบอยู่ที่อกแน่นของแบล็คเกอร์ เพราะเธอเมาจนไม่ได้สติเขาอุ้มเธอด้วยท่าเจ้าสาวขึ้นรถจึงต้องนั่งอยู่ในท่านี้มาตลอดทาง “หึ เมาแล้วเป็นแบบนี้เหรอ เมาแล้วความจำเสื่อมทันทีเลยหรือไงถึงจำฉันไม่ได้” แบล็คเอ่ยพร้อมก้มลงมอง “หืม? อ่อคุณแบล็คนี่เอง นี่วินซ์อยู่คอนโดแล้วหรอคะเนี่ยถึงเจอคุณแบล็คได้” วินเซ่ใช้สองมือดันอกแกร่งยันตัวเองผละออกจากอกขึ้นมามองหน้าคนตัวโต จมูกน้อยๆ ถูไถไปกับคางหยาบที่มีไรหนวดไรเครา ใบหน้าเข้มก้มลงมองหน้าหวานเช่นเดียวกันเป็นจังหวะให้ปากเผลอแต่โดนกันเล็กน้อย สายตาเยิ้มหวานของคนตัวเล็กในอ้อมกอดจ้องมองดวงตาเข้ม ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ช้าๆ ลมหายใจที่มีกลิ่นแอลกอฮอร์รินรดกันปลุกอารมณ์ได้อย่างดี ริมฝีปากเล็กแตะริมฝีปากหนาอย่างช้าๆ แล้วถอนริมฝีปากออกเหมือนจะรู้ตัวว่าไม่ควร แต่ช้าไ
พี่หยุดตอนนี้ไม่ได้แล้ว(ต่อ) จมูกโด่งคลอเคลียใบหูจูบซับความหวานจากกาย ลิ้นสากเลื่อนมาที่คอระหงส์ มือหนาถอดชุดมินิเดรสที่บดบังความสวยออกอย่างร้อนแรงเผยให้เห็นเนินอกกลมที่ล้นออกจากบราสีดำที่ตัดกับสีผิวจนเห็นได้ชัดเจนแม้จะยังไม่ได้เปิดไฟ เขาเอื้อมมือปลดตะขอเสื้อในอย่างง่ายดาย ยอดถันชูชันตั้งรับสายตาเข้มที่กำลังจ้องมองแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “สวยสุด” มือสากค่อยๆ ลูบไล้เอวคอดลากลามขึ้นมาราวนม ขึ้นมาครอบครอบยอดอก ยอดถันแข็งขืนสู้มือหนา ร่างบางบิดเร้าไปมาจากความสยิวเสียวซ่านที่ได้รับ แอ่นอกรอรับ ใบหน้าเข้มค่อยๆ ก้มลง ปากหยักได้รูปอ้าครอบยอดอก เมื่อลิ้นอุ่นสัมผัสยอดถันคนตัวเล็กเด้งอกรับโดยอัตโนมัติ ยิ่งเขาใช้เรียวลิ้นอุ่นกวาดไปรอบเม็ดถันแล้วยิ่งสร้างความรัญจวนให้กับเธอไม่น้อย ระหว่างนั้นมือหนาอีกข้างลูบไล้เอวคอดลามลงใช้นิ้วเกี่ยวขอบแพนตี้ตัวจิ๋วกระชากให้มันไปพ้นทาง ลิ้นสากวนอ้อยอิ่งอยู่เนินอกชั่วครู่ ก่อนค่อยๆ ลากเลื่อนลงมาไล่วนอยู่แถวสะดือ คนตัวเล็กเชิดใบหน้าครวญคราง ความรุ่มร้อนแผ่ซ่าน ความเสียวซ่านแผ่ขยาย ปากเล็กครวญครางไม่เป็นภาษา “หวานไปทั้งตัวเลย” เชาเงยหน้าขึ้นมองหน้าหวานที่เช
อะไรที่ไม่ใช่...ทำแทนยังไงก็ไม่ได้ ห้องนอนที่ตกแต่งโทนสีทึบ ความเงียบสงัดมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ร่างบางเปลือยเปล่าหลับนิ่งบนเตียงคิงส์ไซส์ภายใต้ผ้าห่มหนาสีดำสนิท เปลือกตาบางค่อยๆปรือตามลืมขึ้น กระพริบตาถี่เพื่อสภาพการรับแสงที่ส่องมาจากทางหน้าต่างระเบียงที่เป็นกระจกทั้งแผง เผยให้เห็นบรรยากาศด้านนอกได้ดี “ที่นี่ที่ไหน” ร่างเล็กมองสำรวจไปรอบๆห้องเมื่อดวงตาสามารถรับแสงได้อย่างเต็มที่แล้ว วินเซ่ยันตัวลุกขึ้นอย่างช้า ร่างกายปวดหนึบระบมไปทั้งตัวโดยเฉพาะตรงส่วนนั้น หญิงสาวค่อยๆนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน ถึงแม้จะเมามากแต่เธอยังคงจำเหตุการณ์นั้นได้ดี “เขาไปไหน หรือออกไปทำงานแล้ว” วินเซ่ลุกลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองก่อนที่จะรีบออกจากห้องนี้ไป “โอ้ยยยย เจ็บๆๆ” วินเซ่พูดแบบเร็วๆเมื่อขยับตัวจะลงจากเตียงแต่กลับรู้สึกเจ็บที่ส่วนนั้น กลางคืนอย่างห้าว ตอนเข้าอย่างเจ็บ! ว้าวุ่นเลยทีนี้ หญิงสาวค่อยๆเกาะกำแพงเดินไปจนถึงห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัว “ยืมชุดหน่อยนะคะ ชุดฉันคุณฉีกไม่มีชิ้นดีจนใส่ไม่ได้แล้ว แพงด้วยสิ” หญิงสาวยืนพึมพำมองชุดตัวเองบนพื้น ก่อนเปิดตู้เสื้อผ
อะไรที่ไม่ใช่...ทำแทนยังไงก็ไม่ได้ แบล็คจูงมือเธอเดินไปที่โต๊ะทำงานก่อนเขาจะนั่งบนโต๊ะ แล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามายืนตรงหว่างขาของตัวเอง มือกระชับเอวบางเข้าหา โอบกอดหลวมๆ “เอ่อออ คุณแบล็คพูดว่าใครเป็นเมียนะคะ?” “ไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ” “คุณแบล็คไม่มีภรรยาอยู่แล้วเหรอคะ ถ้ามีอยู่แล้วเรื่องเมื่อคืนวินซ์ขอโทษนะคะ วินซ์จะถือซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ขอโทษภรรยาคุณด้วย” วินเซ่ดันตัวเองออกจากหว่างขาเขา แต่ไม่เป็นผล เขากระชับวงแขนที่โอบรอบเอวเธอแน่นขึ้น เธอเพิ่งคิดได้ว่า ถ้าหากเขามีภรรยาอยู่แล้ว เรื่องเมื่อคืนจะเป็นเรื่องที่ผิดมาก “เมื่อก่อนไม่มี จนเมื่อคืนถึงมี” เขาตอบ “เมื่อคืน?” “ก็เธอไง ‘เมียฉัน’ ” เขาตอบเธอ พร้อมกับจ้องไปที่ดวงตาหวานสีน้ำตาลอ่อน “อะไรกัน นอนด้วยกันแค่คืนเดียว ต้องเป็นเมียเลยเหรอคะ” เขาขมวดคิ้วทันทีรู้สึกไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เธอพูด “ต้องนอนด้วยกันกี่คืนถึงจะเป็นเมีย” “เอ่ออ” “งั้นคืนนี้ไปนอนด้วยกันอีก” เขาบอกเอาดื้อๆ “ไม่เอาค่ะ ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย” เธอรีบปฏิเสธระล่ำระลัก “แล้วแบบไหน” “คือแบบว่า เรายังไม่ได้รู้จักกันดีเลย เพิ่งรู้จัก
ไม่ไหว้นะคะ เลิกนับถือแล้วค่ะ! พรึ่บ!! แบล็คเกอร์ปิดแฟ้มเอกสารลง หลังจากนั่งอ่าน นั่งตรวจอยู่สักพัก เขาต่อสายตรงไปหาเลขาอีกครั้งเพื่อตามคนตัวเล็กให้เข้ามาหาเตรียมเข้าห้องประชุมพร้อมกับเขา “ให้วินเซ่เข้ามาพบฉัน” เขาสั่งปลายสาย ‘ได้ค่ะ’ เมื่อคนปลายสายรับทราบเขากดวางสาย รอเจ้าของร่างเล็กเข้ามาพบ หลังจากวางสายไปได้สักพัก ผ่านไป 20 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะเข้ามา สร้างความหงุดหงิดให้เขามากยิ่งขึ้น คิดจะต่อสายหาเลขาอีกครั้ง ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น “เข้ามา” เขาเอ่ยอนุญาต ประตูเปิดออกคนตัวเล็กเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ มีสายตาดุเข้มจ้องมาทางเธออย่างคาดโทษที่เธอเข้ามาช้าไป 20 นาที “มีอะไรหรือเปล่าคะ” วินเซ่ถามขึ้น เพราะเธอเพิ่งออกจากห้องนี้ไปเมื่อ 30 นาทีที่แล้วนี่เอง “ทำไมเพิ่งเข้ามา ฉันเรียกไปตั้งนานแล้ว” เขาถามขึ้นตั้งแต่เธอยังไม่เข้ามาพ้นประตู หญิงสาวทำหน้างุนงง เรียกตั้งนานอะไร พี่ตาเพิ่งบอกเธอเมื่อกี้ บอกปุ๊บ เธอก็เดินเข้ามาเลย “พอดี วินซ์ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ เลยเข้ามาช้า” วินเซ่หลีกเลี่ยงการพูดความจริง เพราะกลัวว่ากันตาจะโดนดุอีกแล้วเธอก็จะโดนกันตาไม
ไม่ไหว้นะคะ เลิกนับถือแล้วค่ะ!(ต่อ) วินเซ่เดินออกมาหน้าตึก สายตาสอดส่ายหาร้านขายยาตามที่กันตาว่า แต่ไม่เห็นจะมี เธอมองข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามของตึก พบร้านขายยาเล็กๆ ต้องข้ามถนนไป “เจอแล้ววว อยู่โน่นไง” เพราะมัวแต่ใจจดจ่ออยู่กับร้าน วินเซ่มองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีรถ จึงตัดสินใจวิ่งข้ามไป บรื้นนนนน ยังไม่ทันที่จะได้ถึงฝั่งตรงข้าม รถสีดำคันใหญ่วิ่งมาด้วยความเร็วจากไหนไม่รู้ เหมือนตั้งใจพุ่งตรงมายังวินเซ่ ความตกใจแบบยังไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้หยุดยืนตะลึงค้างอยู่กลางถนน “ระวัง!” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น แต่หญิงสาวกลางถนนไม่ได้ยินเพราะมัวแต่ตกใจ เรียวแขนเล็กถูกกระชากกลับหลบรถที่กำลังพุ่งเข้าใส่ จนทั้งคู่ล้มลงไปกองกับพื้นฟุตบาท รถคันดังกล่าวชะลอเพียงนิดคล้ายกับมองว่า มีใครได้รับบาดเจ็บไหม แล้วก็ออกตัวขับต่อไป “นายหญิงเป็นอะไรไหมครับ!” เสียงของชายคนที่ข่วยเธอเอ่ยถามด้วยความตกใจ พร้อมสำรวจบาดแผล “มะ...ไม่เป็นอะไรค่ะ เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ” วินเซ่ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นโดยมีชายหนุ่มจับแขนประคองเบาๆ “บาดเจ็บตรงไหนไหมครับ” “ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยไว้ รถมาจากไหนไม่รู
พิเศษ 3 รักได้ไหม บอกพี่ที เช้ามืดของอีกวัน นัตตี้งัวเงียตื่นขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีอะไรกดทับที่บริเวณหน้าท้อง นัตตี้ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น แผงขนตาหนากระพริบถี่เพื่อปรับแสงภายในห้อง เธอก้มลงมองหน้าท้องว่าสิ่งที่กดทับหนักๆนั้นคืออะไร ท่อนแขนแกล่งพาดทับกอดเอวเธอไว้อย่างหลวมๆ นัตตี้หยิบนาฬิกาจากมือถือขึ้นมามอง เป็นเวลา หกโมงเช้า เธอค่อยๆหันไปเขย่าตัวคนที่หลับพริ้มสนิทไม่รู้เรื่องให้ตื่น เพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง “พี่โท ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวนายตื่นจะถามหา” นัตตี้ปลุกคนร่างโตที่นอนหลับพริ้ม “อื้อ ไม่ตื่นหรอก นายน่าจะเพิ่งได้นอนเหมือนเราเนี่ยแหละ” ไม้โทงัวเงียพูด และจะหลับต่ออีกรอบ แต่โดนมือบางฟาดปลุกไปที่ไหล่แกร่งเสียงดัง จนทำให้ชายหนุ่มต้องสะดุ้งตื่นอย่างเต็มตา “ทำไมตื่นเช้า ไม่ง่วงเหรอ” “ไม่ง่วง ตื่นได้แล้ว” นัตตี้บอกก่อนยันตัวลุกขึ้น มองหาเสื้อผ้าเพื่อเอามาสวมใส่แต่กลับโดนท่อนแขนแกร่งคว้าหมับรอบเอวบางให้ล้มลงนอนเหมือนเดิม “นอนต่ออีกหน่อย เจ้านายไม่ว่าอะไรหรอก เจ้านายรู้” ไม้โทบอกนัตตี้ จนเธอใจอ่อนยอมล้มตัวลงนอนอีกรอบ แต่ไม่ได้
พิเศษ 2 กินได้เลย ฉันอนุญาต “อยากกิน แล้วทำไมไม่กินล่ะ” ไม้โทเอ่ยแค่นั้น ก่อนจะจับใบหน้าหวานเกินผู้ชายทั่วไปของนัตตี้ให้แหงนขึ้นมารับริมฝีปากหยักได้รูปที่ทาบทับลงบนริมฝีปากนุ่มมีลิปสติกสีอ่อนทาไว้ นัตตี้เบิกตากว้างเพียงชั่วครู่ให้กับการกระทำของชายหนุ่มที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำกับเธอ นัตตี้เริ่มหายใจติดขัดไม่ทั่วท้องเมื่อริมฝีปากหยักบดขยี้ริมฝีปากเธออย่างรุนแรง ก่อนจะเริ่มสอดแทรกลิ้นอุ่นที่มีกลิ่นจางๆของบุหรี่เข้ามาผสมผสานกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ตวัดควานหาความหวานในโพรงปาก “อื้อออ” “จะกินหรือไม่กิน” ไม้โทถามขึ้นเมื่อถอนริมฝีปาก ปล่อยให้ปากบางได้รับอิสระ “กินได้จริงๆเหรอ” นัตตี้ถามเพื่อความแน่ใจ กลัวทำทำไปแล้วเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ทำ เธอจะค้างคามากกว่านี้ “ไม่กินฉันจะไปนอนข้างนอกแล้ว” ไม้โททำท่าจะเดินออกไป แต่โดนนัตตี้ดึงรั้งขอบกางเกงเอาไว้เสียก่อน “กะ...กิน ค่ะ” นัตตี้พูดค่ะกับเขาเป็นครั้งแรก คำตอบของเธอทำรอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากหนาทันที ริมฝีปากหยักทาบทับบดขยี้ริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ก่อนค่อยๆเลื่
พิเศษ 1 อยากจับไหม? อยากกินมากกว่า... นัตตี้ หรือ นาที ลูกน้องคนสนิทของแบล็คเกอร์ นัตตี้เป็นสาวประเภทสองที่แต่งตัวดูดี ไม่ได้แต่งตัวเป็นสาวจ๋าเหมือนสาวประเภทสองทั่วๆไป ที่สวยเหมือนผู้หญิงจนแยกไม่ออก นัตตี้มีรูปร่างสูงโปร่ง ค่อนข้างไปทางบอบบางกว่าชายปกติทั่วไป ผิวขาวใส ทรงผมรากไทรประบ่าไม่แมนเกินไปและไม่ยาวจนออกสาวมากนัก แต่เรื่องการแต่งหน้านัตตี้จัดเต็ม เพราะเธอชอบดูแลตัวเองให้สวยดูดี ดูแพงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นบอดี้การ์ดให้นายหญิง แม้ว่าจะเป็นการดูแลอยู่ห่างๆก็เถอะ แต่เธอก็ต้องพร้อมอยู่ทุกสถานการณ์ จึงต้องแต่งตัวให้ดูทะมัดทะแมง เสื้อเชิ้ตขาวสวมทับด้วยสูทสีชมพูอ่อน กางเกงรัดรูปสีขาวดูดี นัตตี้เป็นสาวประเภทสองที่ทั้งเก่งศิลปะป้องกันตัวและเก่งด้านไอทีพอสมควร เธอมีหน้าที่ติดตามดูแลวินเซ่อยู่ห่างๆตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากแบล็คเกอร์ คอยรายงานเรื่องราวของวินเซ่ตอนที่ไม่ได้อยู่กับแบล็ค แต่ดูเหมือนว่าจะดูแลห่างๆได้ไม่นาน บางสถานการณ์ก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจนเธอเองรู้สึกอึดอัด อยากจะแสดงและติดตามอย่างเปิดเผยให้รู้แล้วรู้รอดไป จนแล้วจนรอดเธอก็ตัดสินใจแสดงตัวก
Special Bom Bay 3 ปีต่อมา... เตาะแตะ เตาะแตะ เด็กชายฝาแฝดวัย 3 ขวบ สองคน ในชุดไดโนเสาร์สีเขียวมีฮู้ด เดินเล่นเตาะแตะ อยู่บนถนนแข่งรถ ในสนามแข่งรถของมิวนิค โดยมีสายตาอบอุ่น สองคู่มองดูด้วยความเอ็นดู “ปีนี้ บอม กับ เบย์ ก็ 3 ขวบแล้ว เมื่อไรมึงจะมีเป็นของตัวเอง มาแย่งกูเลี้ยงลูกอยู่เนี่ยแหละ” แบล็คเกอร์เอ่ยขึ้นกับเพื่อนท่ามกลางความเงียบ “อย่ามาหวง กูแค่มาเล่นด้วยเป็นครั้งคราว ทำบ่น” มิวนิคตอบกลับ “ครั้งละหลายวัน บางทีก็เอากลับบ้านด้วย และมาทุกวัน แทบจะย้ายมาอยู่บ้านกูแล้ว” แบล็คตอบอย่างกวนๆ “ก็เมียมึงชวนเมียกู กูไม่ได้อยากมาสักหน่อย” “สาบาน!” แบล็คเกอร์ถามห้วนๆ อย่างไม่จริงจัง เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาน่าจะติดหลานชาย เจ้าก้อนทั้งสองของเขาแน่นอน “ไม่! กูจะตายฟรี” มิวนิคตอบ แล้วเดินออกไปยังรถแข่งคันโปรดที่จอดไม่กลางสนามแข่ง เพื่อเช็คสภาพ เตรียมจะเอาไว้ลงแข่งในค่ำคืนนี้ แบล็คเกอร์ยิ้มๆ แล้วส่ายหัวให้กับความฟอร์มเยอะของเพื่อน ที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเห่อหลานขนาดไหน เขาเดินตามมิวนิคลงมาเช็ครถ ปล่อยให้ลูกชายทั้งสองเดินเล่นไปเรื่อยๆ “ป๊ะๆ นุงๆ” เสียงอ้อแอ้ร้องเรียกป
แผนการสุดท้ายสำเร็จ... “อื้อออ~” วินเซ่ขยับตัวรู้สึกตื่น เมื่อรับรู้ความหนาวจากเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ วินเซ่พลิกตัวไปเมื่อ แขนเรียวควานหาคนข้างๆ แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ทันทีที่สติกลับมาเกือบเต็มที่ เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นปรับแสงจากด้านนอก “ไปไหนของเขานะ หรือไปทำงานแล้ว” วินเซ่ลุกขึ้นจากเตียง เตรียมตัวลงไปด้านล่าง เพื่อหายากินก่อนแล้วค่อยหาอาหารกินจากด้านล่าง วินเซ่เหลือบไปเห็นแก้วน้ำเปล่าและยาคุมฉุกเฉินวางอยู่ หญิงสาวนึกแปลกใจที่เขาเตรียมยาไว้ให้เธอ โดยที่เธอไม่ต้องบอกกล่าว ร่างบางกินยานั้นเรียบร้อยจึงจัดแจงทำธุระส่วนตัวแล้วลงไปด้านล่าง ด้านล่างของคฤหาสถ์ใหญ่ ค่อนข้างเงียบไร้ผู้คน เธอเห็นเพียงแค่แม่บ้านที่กำลังจัดเตรียมอาหารไว้ให้เธอเท่านั้น “เอ่อ...” วินเซ่อยากจะเอ่ยถามแม่บ้าน เมื่อกำลังเดินลงมาจากชั้น “นายหญิง ตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเตรียมอาหารให้เสร็จพอดีเลย” ป้าแข ป้าแม่บ้านของตระกูลบูรณิมาเอ่ยหขึ้นกับนายหญิงคนใหม่ของบ้านนี้ “เขาไปไหนกันหมดอ่ะคะป้า” วินเซ่เอ่ยถามป้า เมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่ป้าจัดเตรียมไว้ให้ “คุณหนูแบล็คไปข้างนอกค่ะ สั่งป้าไว้ให้ดูแลนายห
จุดจบ...(ต่อ) หมอภูทำแผลให้แบล็คเกอร์แบบไวที่สุด เพื่อเขาจะได้เข้าพิธีสุดท้ายของการแต่งงานให้เสร็จครบทุกขั้นตอนนั้นก็คือ การส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ “ลุงหมอครับ” แบล็คเกอร์เอ่ยเรียกหมอที่ทำแผลให้เขา “ว่าไง เจ็บเหรอ” หมอภูถามเขา ในขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ชายหนุ่มรุ่นหลาน “ไม่เจ็บครับ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย” หมอภูหยุดทำแผล แล้วเงยหน้าขึ้นถามเขา ถึงเรื่องจะให้ช่วย “จะให้ช่วยอะไร” “ลุงหมอพอจะช่วยทำยาให้ผมสักตัวได้ไหมครับ” แบล็คตัดสินใจบอกความต้องการของตัวเองไป “ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่คนผลิตยาบ้า” หมอภูพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก แล้วก้มลังไปพันแผลต่อ “ผมรู้ว่าลุงมีโกดังผลิตยา ถึงจะไม่ใช่ยาบ้าหรือยาเสพติด แต่ลุงก็เป็นคนคิดค้นยาได้หลายตัว ผมอยากให้ลุงทำยาตัวหนึ่งให้ผมเท่านั้น” หมอภูละสายตาจากแผลขึ้นมาสบตากับแบล็คแวบหนึ่ง ก่อนก้มลงไปทำแผลต่อ แล้วเอ่ยปากให้เขาบอกสิ่งที่เขาต้องการมา ภายในห้องนอนกว้างขวาง ที่ตกแต่งสีขาวโทนสีชมพูไว้สำหรับทำพิธีเข้าหอ บนเตียงสีขาวมีกลีบกุหลาบที่จัดเป็นรูปหัวใจอยู่กลางเตียง เมื่อพิธีเสร็จสิ้น ภายในห้องทั้งห้องก็เหลือแค่เพียงเธอและเขาเท่านั้น “พี่แบล
จุดจบ... คฤหาสถ์สีขาวนวลสุดหรูหราใหญ่โตมโหฬารสไตล์ยุโรป ด้านหน้าคฤหาสถ์มีสระว่ายน้ำสระเก่าที่เคยอยู่แบบนี้เมื่อ 15 ปีก่อน มีลานด้านหน้ากว้างขวางที่เคยเงียบสงบ แต่บัดนี้ ถูกจัดให้เป็นสถานที่ทำพิธีแต่งงานอย่างครึกครื้นหรูหรา ตรีมสีขาวเหลืองอ่อนพาสเทลสีที่เจ้าสาวชอบ เพราะหากจัดตามสีที่เจ้าบ่าวชอบ บรรยากาศในงานคนน่าจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงานขาวดำไปเสียก่อน แขกเหรื่อผู้มาร่วมงาน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสร่วมยินดีกับคู่บ่าวสาวอย่างชื่นมื่น ภายในงานหลังจากพิธีเสร็จสิ้นหมดทุกอย่างแล้ว เหลือเพียงพิธีสุดท้ายคือส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ แขกเหรื่อกลับไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแต่บุคคลที่สนิท และสำคัญทั้งสองครอบครัวเท่านั้น พิธีดำเนินไปจนเกือบจะราบรื่น หากไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ที่มีแขกกลุ่มสุดท้ายเข้ามาร่วมยินดีเกือบ 50 คน “จะชิงมีความสุขโดยไม่สนใจว่าทำอะไรกับลูกสาวกูบ้างเลยหรือไง” เสียงแหบใหญ่ของชายวัยกลางคนดังขึ้น เมื่อขับรถเข้ามาจอดยังลานกว้างที่เป็นสถานที่จัดงานแต่ง วิชัย มาเฟียอีกกลุ่มที่ทำธุรกิจกับทั้งพ่อแบล็คเกอร์และวินเนอร์พ่อของวินเซ่ และเขายังเป็นพ่อของกันตา ผู้หญิงที่ตายด้วยน้ำมือขอ
แผนการเมื่อ 15 ปี สำเร็จสักที... ร่างบางถูกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ นั่งบนตักของแบล็คเกอร์ที่เปลือยท่อนบนเพราะเอาเสื้อของตัวเองคลุมให้คนตัวเล็ก อยู่บนเบาะด้านหลังคนขับ ท่อนแขนแกร่งประคองกอดอย่างทะนุถนอม เขากลัวจะเสียเธอไปเหลือเกิน “กลับบ้านเล็กหรือคอนโดครับนาย” ไม้โทถามขึ้นแล้วมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง “บ้านเล็ก” เขาตอบ “พี่แบล็ค!!” วินเซ่ที่กำลังซบอยู่ที่ซอกคอใหญ่ ดันตัวลุกขึ้น ร้องเรียกเขาจนเขาสะดุ้งตกใจ กระชับอ้อมแขนอย่างอัตโนมัติ “มีอะไร เจ็บตรงไหนคะ?” เขารีบถามอย่างห่วงใย “พี่นัตตี้ล่ะคะ ไปช่วยพี่นัตตี้ก่อน พี่นัตตี้โดนยิงเพราะวินซ์” ร่างบางเริ่มน้ำตาคลอเบ้า เป็นห่วงนัตตี้และโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา ที่นัตตี้โดนยิงก็เพราะความดื้อของเธอที่จะมาเที่ยวที่คลับนี้ให้ได้ และเพราะนัตตี้ปกป้องเธอจึงถูกยิง “นัตตี้ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องห่วง” เขาใช้มือหนาลูบหัวคนบนตักอย่างปลอบประโลม เขาเองก็รู้สึกผิดที่ผ่านมาไม่ทำอะไรกันตาจนวินเซ่ต้องเจอทุกสิ่งทุกอย่างสารพัด มาครั้งนี้ที่หนักสุดจนเขาไม่อาจปล่อยไปได้อีก นัตตี้ที่อยู่กับเขามานาน เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และรักเจ้านาย นัตตี้เป็นคนเก่ง
มีความสุขเถอะนะ...กันตา...(ต่อ) ลูกน้องของกันตาจับหญิงสาวทั้งสองไว้เตรียมพาขึ้นรถ ไปที่ไหนสักทีหนึ่ง ระหว่างยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น นัตตี้ก็วิ่งเข้ามาพอดี พร้อมกับตะโดนออกมาด้วยเสียงตวาดกร้าวเป็นเสียงผู้ชายแมนๆ “เห้ย!! พวกมึงจะทำอะไร!!” ทุกสายตาหันไปมองเป็นตาเดียว เมื่อได้ยินเสียงและเห็นนัตตี้วิ่งเข้ามา “จัดการมัน! ที่เหลือจับตัวอีสองตัวนี่ไป” กันตาสั่งลูกน้องแล้วตัวเองขึ้นรถออกนำไป ปัง! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เรียกสายตาของวินเซ่และแฟร์รี้ให้หันไปมอง ตาของวินเซ่เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นภาพคนที่ล้มลงไปกองกับพื้นคือพี่นัตตี้ที่ถือปืนค้างไว้กำลังจะเตรียมยิง แต่โดนยิงเข้าที่หน้าท้องจนล้มลงเสียก่อน “ม่ายยยยย!!! พี่นัตตี้!!!” วินเซ่ดิ้นจะให้หลุดจากการเกาะกุมของพวกชายฉกรรจ์ แต่แรงของเธอไม่สามารถสู้ได้ วินเซ่หน้าแดงไหลอาบแก้ม มีแฟร์รี่ร้องไห้อยู่ข้างๆ เธอเป็นห่วงนัตตี้ ที่นัตตี้เป็นแบบนี้ก็เพราะความดื้อรั้นของเธอ “ฮึกๆ พะ...พี่ตา ช่วยพาพี่นัตตี้ไปหาหมอก่อนนะ วินซ์ขอร้อง...ฮือออ” วินเซ่ขอร้องกันตา จะจับเธอไปทำอะไรก็ได้ แต่อยากให้ช่วยนัตตี้ให้ถึงมือหมอก่อน แต่ดูเห