เพื่อนสาวชวนเอิงเอยไปอาบน้ำแต่งตัวทันที ก่อนที่เอิงเอยจะอาบน้ำเสร็จก่อน เธอเลยใช้เวลาอยู่นานมากในการแต่งตัวและเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่ แต่ยังไงวันนี้ เธอก็ตั้งใจะพิชิตใจพี่เจย์สุดหล่อให้ได้!
ทว่าพอแต่งตัวเสร็จ แล้วออกมาเจอเพื่อนสาวเท่านั้นแหละ
“ยัยเอิง อย่าบอกนะว่านี่แกจะแต่งตัวแบบนี้เที่ยวบาร์โฮสต์!” เพื่อนสาวถอนหายใจพลางส่ายหน้า
“ทำไมอ่ามิ้น ฉันว่ามันก็น่ารักดีออก” เอิงเอยหมุนตัวโชว์เพื่อน
ชุดกระโปรงบานสีชมพู เปียสองข้างถักยาวลงมาพร้อมกิ๊บตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ เธอคิดว่าตัวเองดูดีมากแล้วนะ ทำไมเพื่อนถึงติกันได้ เทสต์ไม่ถึงแน่ ๆ
“จ้า~ ไอ้น่ารักมันก็น่ารัก แต่แกกำลังจะไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์เว้ย ไม่ใช่ทุ่งดอกไม้ มานี่เลยยัยเอิงฉันแต่งตัวให้ใหม่”
พูดจบเอิงเอยก็โดนเพื่อนซี้ก็พาไปถอดชุดทิ้ง แถมยังแกะเปียที่เอิงเอยตั้งใจถักไว้ออกจนหมด
สิบนาทีต่อมา
เอิงเอยยืนมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง หลังจากปล่อยให้เพื่อนได้ทำนั่นนี่กับตัวเองจนพอใจ สภาพการแต่งตัวในตอนนี้คือ ใส่ชุดเกาะอกสีดำกับกระโปรงหนังสีดำสั้นจุ๊ดจู๋ ผมถูกดัดเป็นลอน แถมยังแต่งหน้าเข้มจัดอีก มันเป็นลุคที่เอิงเอยไม่คิดจะแต่งมันเลยด้วยซ้ำในชีวิตนี้
“แก~ มันโป๊ไปเปล่า” เอิงเอยเอ่ยถามด้วยความไม่มั่นใจ
“นี้แหละสวยแล้ว”
“จริงนะ”
“เชื่อมือเถอะน่า แกอยากให้พี่เจย์ปิ้งแกใช่ปะ งั้นก็เชื่อมือฉันเถอะ ปะไปกัน” เพื่อนของเอิงเอยดันหลังให้ออกจากที่พัก ก่อนจะพามุ่งตรงไปยังคลับดังแห่งหนึ่ง
#คลับฟินิกซ์ไฟเยอร์
กว่าสองสาวจะมาถึงก็เกือบร่วมชั่วโมง เอิงเอยถูกเพื่อนสาวจูงเข้ามาข้างใน เธอถึงกับมองผู้คนด้วยความตื่นตาตื่นใจ เห็นผู้คนพากันเต้นโยกย้ายอย่างสนุกสนาน
พอมาถึงที่นี่เธอก็เลยเพิ่งเก็ตว่า ทำไมยัยมิ้นถึงให้เธอแต่งตัวแบบจัดเต็มขนาดนี้ เพราะที่นี่มีแต่คนแต่งตัวคล้าย ๆ เธอ แต่ดูแต่งตัวแรงกว่าเป็นสิบเท่า เอิงเอยได้แต่มองซ้ายมองขวาอ้าปากค้างกับความแซ่บของสาว ๆ ในผับนี้
“เสียงโคตรดังอะแก แก้วหูจะแตก” เอิงเอยตะโกนพูด กับยัยมิ้นแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ในขณะที่นางกำลังจูงมือพาเอิงเอยเดินเข้าไปข้างใน แสงไฟหลากสีสันสาดไปทั่วทั้งผับ แถมเสียงเพลงก็ดังสนั่นจนแสบแก้วหูไปหมด มิหนำซ้ำยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์กับบุหรี่ตีพุ่งขึ้นมา จนเอิงเอยถึงกับย่นจมูก
“แก...ฉันว่าเรากลับกันเหอะ”
“มาถึงแล้วจะกลับเนี่ยนะ ยัยเอิง”
“แต่แก...”
“เพื่อนสาวคะ ที่นี่ไม่ใช่วัดนะคะ แต่มันคือคลับค่ะ” มิ้นหันมาทำตาดุใส่เอิงเอย
“แต่แก~ ก็ฉันไม่ชินนี่นา”
“น่า งี้แหละแก นั่งไปสักพักเดี๋ยวแกก็ชินไปเอง” มิ้นเอ่ยตอบก่อนจะจูงมือเอิงเอยไปนั่งที่โต๊ะตัวที่อยู่ด้านหน้าใกล้กับเวที
บาร์โอสต์แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายความชอบมีทั้งชายและหญิงปะปนกันไป แม้จะเป็นบาร์เกย์ที่จะมีผู้ชายเยอะมากกว่าก็ตาม แต่ผู้หญิงก็ชอบมาเหมือนกัน
เพื่อนสาวบอกกับเอิงเอยว่า
เพราะโฮสต์ของที่นี่มันแซ่บสุด
“วู้วววว~ สวัสดีคร้าบ ทุกคนขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่คลับฟิลิกซ์ไฟเยอร์วู้วววววว~” เสียงดีเจประกาศสลับกับจังหวะดนตรีบีทมันส์ ๆ
เอิงเอยเงยหน้าขึ้นไปมองบนเวที ที่มีพิธีกรอีกคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมาพูดบนเวทีอย่างสนใจ นี่เป็นครั้งแรกของหญิงสาวเลยก็ว่าได้ที่เคยมาสถานที่แบบนี้ พอหันไปมองรอบ ๆ ทุกคนต่างส่งเสียงโห่ร้องดังด้วยความสนุกสนาน เว้นก็แต่เอิงเอยที่เพียงมองตาปริบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“เอิงแกดื่มปะ” มิ้นหันมาหาเพื่อนที่ส่งเครื่องดื่มให้กับเอิงเอย
“ไม่เอาอะ แกดื่มเลย” เธอรีบปฏิเสธเพราะไม่ชอบดื่มเนื่องจากมันไม่อร่อยและขมบาดคอมาก ก่อนจะหันไปสนใจบนเวทีอีกครั้ง
ตอนนี้พิธีกร เชิญหนุ่มโฮสต์ทั้งหมดขึ้นเวที ส่วนเอิงเอยก็มองหากวาดสายตาหาพี่เจย์ของเธอ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอ
“เราจะเริ่มประมูลดื่มด้วยน้องซันกันนะครับ” เสียงพิธีกรประกาศอีกครั้งในขณะที่เอิงเอยพยายามชะเง้อจนคอยืด
“มิ้น แล้วไหนพี่เจย์ของฉันอะ?”
“แหม รอก่อนสิยะหล่อน ของดีก็ต้องเก็บไว้ที่หลังอยู่แล้วปะ”
มิ้นเอ่ยตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่ม เอิงเอยเลยหันไปสนใจหนุ่ม ๆ บนเวทีต่อ ก่อนจะเห็นผู้คนรอบข้างที่เริ่มประมูลดื่มกันอย่างสนุกสนาน จนเริ่มนึกสนุกไปกับคนอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน นับว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาที่น่าตื่นเต้นในชีวิตมาก ที่ได้มาเที่ยวที่แบบนี้
“เอาล่ะครับเราก็มาถึงดาวเด่นของงานขอเชิญคุณเจย์เดย์หรือพี่เจย์ของเราขึ้นเวทีหน่อยเร๊วววว~”
กรี๊ดดดดดดดด
เอิงเอยร้องกรี๊ดลั่น พร้อมกันกับเสียงร้องคนอื่น ๆ ที่ดังไม่แพ้กัน มือเรียวยกขึ้นมาปรบมือเชียร์อย่างดีใจ รอยยิ้มฉีกกว้างด้วยความตื่นเต้น
เสียงหัวใจของเอิงเอยเต้นแรงแข่งกับจังหวะบีทบนเวที เพราะนาทีนี้แสงสปอตไลต์กำลังส่องไปที่ใบหน้าของผู้ชายที่เอิงเอยแอบกรี๊ด ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับทุกคนพร้อมโบกมือทักทายไปด้วย
ตายเลยนาทีนี้…ละลายหมดแล้วใจ
หล่อ สุขุม อ่อนโยน เบ้าหน้าฟ้าประทาน แผงอก กล้ามแขน ท่อนขา โอย….ทั้งหมดที่เอิงเอยชอบมันรวมอยู่ในตัวผู้ชายคนนี้หมดแล้ว
“วันนี้เจย์ของเรามาในลุคสบาย ๆ นะครับทั้งเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำรองเท้าหนังอย่างดีส่วนใบหน้าก็แหม...หล่อครบเครื่องเชียว” พิธีกรบนเวทีประกาศ
หัวใจของเอิงเอยเต้นถี่รัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก รีบส่งยิ้มและโบกมือทักทายเจย์ที่ยืนยิ้มอยู่บนเวที แม้เจ้าตัวจะไม่เห็นเอิงเอยเลยก็ตาม ^ ^!
“ผมหวังว่าวันนี้ จะได้ดูแลคุณนะครับ:) ”
“กรี๊ดดดดดดดด”
หล่อยันเสียง
เอิงเอยกรี๊ดออกมาอีกรอบ เพราะทันทีที่ความหล่อแบบตัวเป็น ๆ ของเจย์พุ่งเข้ามากระแทกตา หัวใจก็หลุดลอยไปตรงหน้า
แถมน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่พูดออกมานั่นอีก มีตรงไหนที่ไม่หล่อ…
โอยยยยย คุณแม่ขา.... หนูรักเค้าาาาาา
“กรี๊ดดดดดดดด”
“เก็บอาการหน่อยยัยเอิงโต๊ะข้าง ๆ มองแกกันหมดแล้ว”
มิ้นเอ่ยเตือนสติเอิงเอย แต่ถามว่าฟังไหม ตอบเลยว่าไม่ค่ะ เอิงเอยแค่เพียงหันมายิ้มให้กับเพื่อนสาวแป๊บเดียวเท่านั้น ก่อนจะหันไปสนใจบนเวทีต่อ
🐇🐇🐇
Jay & Aeng Aei - 25พันดื่มค่ะ>.“งั้นเรามาเริ่มประมูลดื่มของเจย์กันครับเริ่มต้นที่500ดื่มครับ”“700ดื่มค่ะ!”“1200ดื่มครับ!”“1500ดื่มค่ะ!”“มะ มิ้น ไอ้ดื่ม ๆ มันคืออะไรเหรอ?” เอิงเอยหันไปถามเพื่อนทันทีหลังทุกคนต่างแย่งกันซื้อดื่ม ก่อนที่ยัยมิ้นจะส่ายหัว เบา ๆ แล้วเริ่มอธิบาย“มันก็เหมือนกับซื้อตัวเขามาอยู่ด้วยนั่นแหละแต่เขาจะเรียกเป็นดื่มกัน ซึ่งแต่ละคนราคาก็จะต่างกันออกไป ส่วนพี่เจย์ของแกอะหนึ่งดื่มก็น่าจะเท่ากับเงินหลักพันแล้วมั้ง”เอิงเอยเบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ฟังถ้าหนึ่งดื่มเท่ากับหลักพันและตอนนี้ที่จำนวนดื่มอยู่หลักพันงั้นเท่ากับว่า 1500 ดื่มก็เป็นเงินหลักล้านแล้วงั้นสิ! O _ O“3000 ดื่มครับ”เกิดเสียงโห่ร้องวี๊ดวิ้วขึ้นทันที เอิงเอยมองชายหนุ่มสุดหล่อที่อยู่บนเวที เห็นเขาส่งยิ้มให้กับผู้ชายหน้าตาดีอีกคนหนึ่งที่พึ่งจะประมูลเจย์ไปสามพันดื่ม และใช่...เท่ากับว่านั่นเป็นเงินกว่าสามล้านบาท!โห…นี่เขาแค่ทำงานวันเดียวก็ได้เงินหลักล้านแล้วเหรอเนี่ย!“มีใครให้เพิ่มอีกไหมครับเราจะเริ่มนับถอยหลังที่สามพันดื่มนะครับ!”หัวใจของเอิงเอยเต้นถี่แรง แข่งกับจังหวะดนตรีบีทบนเวที เธอหันไปมองผู้ช
Jay & Aeng Aei – 3 พี่ไม่ชอบผู้หญิงครับ“สวัสดีครับ”เอิงเอยมองเจย์ที่เดินเข้ามานั่งด้วยรอยยิ้ม ส่วนยัยมิ้นตอนนี้ถูกเชิญให้ออกไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง เพราะเป็นกฎของทางผับ คนที่ซื้อดื่มของดาวบาร์โฮสต์แห่งนี้จะได้รับการดูแลแบบพิเศษแค่คนเดียว พอเจย์เดินมาถึง เอิงเอยเลยรีบลุกขึ้นโค้งให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพก่อนจะนั่งลงตาม“สวัสดีค่ะ” รอยยิ้มฉีกกว้างหวานสุด ส่วนเจย์เองก็ส่งยิ้มกลับมากให้หญิงสาว ก่อนที่เขาจะเริ่มทำงานของตัวเองด้วยการเริ่มชงเหล้าที่อยู่บนโต๊ะให้ ส่วนเอิงเอยไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะมัวแต่เขิน ได้แต่มองเจย์ที่ชงเหล้าจนเสร็จแล้วจึงส่งแก้วเหล้ามาให้กับเธอ“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบแบบไหนเลยชงเป็นกลาง ๆ ให้นะครับ” เจย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ยิ่งทำให้เอิงเอยคลั่งเขาไปกันใหญ่“ไม่ต้องเกร็งนะครับทำตัวตามสบาย อยากคุยหรืออยากถามอะไรผมได้หมด”“อ่าค่ะ..” ยิ่งคุยก็ยิ่งหล่อ เขาบอกว่าไม่ให้เธอเกร็ง แต่เธอสิมือเย็นไปหมดแล้ว กำลังพยายามหาเรื่องชวนคุย แต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไรดี“ว่าแต่พี่เจย์อายุเท่าไหร่หรือคะ“ผมหรือครับ ปีนี้ 29 ครับ”“โห...หน้าเด็กมากเอิงนึกว่าพี่เจย์เพิ่งยี่สิบสี่ ยี่สิบห้าห่างจากเอิงไม่เท่
Jay & Aeng Aei – 4ขอย้ำ พี่ไม่ชอบผู้หญิงครับ“เออ...เรื่องสิทธิพิเศษสามวัน งั้นเราไปทานข้าวกันไหมคะวันละหนึ่งมื้อ จะตอนเช้าหรือเย็นก็ได้ค่ะ^^” เอิงเอยเพิ่งนึกคำตอบที่พี่เจย์ถามที่นั่งเงียบ ๆ ไปเป็นเพราะเอิงเอยกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะทำอะไรดีในสามวัน แต่ที่คิดออกมา ก็มีแค่การไปกินข้าวธรรมดา ๆ นั่นแหละเจย์ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับทำเอาเอิงเอยยิ้มกว้าง เพราะเธอก็แค่กินชวนพี่เขากินข้าวไม่ได้ฝืนใจให้เขาทำอย่างอื่น“พี่ว่า น้องเอิงควรกลับบ้านดีไหมครับ ดูเหมือนจะเมามากแล้ว”คำพูดของเจย์ ทำเอาเอิงเอยเอนศีรษะออกมาจากอกกว้าง ก่อนจะยกมือเล็กๆ ตีเบา ๆ เข้าที่ใบหน้าเพื่อดึงสติของตัวเอง พยายามทำตาเบิกกว้าง ให้เขาเห็นว่าเธอยังไม่เมา“ไม่ค่ะ เอิงไม่เมาเลยสบายมากฮ่า ๆ” เอิงเอยตอบด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะบอกให้เจย์ชงเหล้าให้เอิงเอยต่อ เจย์เลยทำตามเงียบ ๆ เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยดื่มเลย แต่ปล่อยให้เอิงเอยดื่มอยู่ฝ่ายเดียวอยู่ ๆ ยัยมิ้นเพื่อนสาวก็เดินเข้ามาหาเอิงเอยที่โต๊ะ หลังจากที่นางก็ได้หนุ่มโฮสต์อีกคนหนึ่งไปบริการอยู่ข้าง ๆ เหมือนกัน“เอิง ฉันกลับก่อนนะ พอดีพ่อโทรมาตามอะ” เอิงเอยมองเพื่อนสนิทที่เดินเข
Jay & Aeng Aei - 5เซอร์วิสพิเศษ เอิงเอยควานหามือถือก่อนจะเลื่อนหาเบอร์เพื่อนอีกคนที่เอิงเอยสนิทและสามารถนั่งรถไปกับเขาได้“ฮัลโหลเจมส์”(ว่า...)“แกว่างรึเปล่า” เอิงเอยเอ่ยขึ้น(มีอะไร ทำไมเสียงเป็นงั้น เมาอ่อ)“ทายเก่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นมารับหน่อยดิ”(โอเค อยู่ที่ไหนเดี๋ยวไปรับ เพิ่งเลิกงานกำลังจะขับรถเข้าบ้านอยู่พอดี เดี๋ยวหันรถกลับเลย?)เจมส์ที่ไม่เคยขัดใจเพื่อนอย่างเอิงเอยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าเอิงเอยกลัวการขึ้นแท็กซี่เพราะอะไร“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมารับหรอกแค่ล้อเล่น ฉันโทรมาแค่คิดถึงอะ ก็นายเล่นทำงานเยอะจนไม่ค่อยมีเวลาให้พวกฉันเลยนี่นา” เอิงเอยรีบเปลี่ยนคำตอบทันทีเอิงเอยรู้ว่าเจมส์ทำงานหนัก และการที่รบกวนเพื่อนตอนดึก ๆ แบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นแก่ตัวมากไปหน่อยในตอนนี้เขาก็ควรจะพักผ่อนได้แล้ว เฮ้อ...เอิงเอยนี่มันแย่จริงๆ(ไรวะ ล้อเล่นได้ไง)“ก็ล้อเล่นจริง ๆ นี่แค่นี้นะ จะนอนแล้ว”(ทำเสียงคนเมาซะเหมือน งั้นไม่ต้องไปรับใช่ป่าว อยู่บ้านใช่ไหม)“อือ อยู่บ้านกำลังจะนอนล่ะ ฝันดีนะ”(โอเค ฝันดี ไว้เคลียร์งานเสร็จจะโทรไปนัดมากินข้าวนะ)“เคค่า”พูดจบเอิงเอยก็ตัดสายไปทันที เธอถอนหายใจออกมาอ
Jay & Aeng Aei – 6เซอร์วิสพิเศษส่งที่บ้าน “ถึงแล้วครับ”เจย์เอ่ยขึ้น แต่เพราะมัวแต่สนใจในการขับรถจนไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนข้างๆ ได้หลับปุ๋ยเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นยิ่งทำให้เจย์ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ เพราะมุกแบบนี้เจย์เจอมานักต่อนักแล้วเหมือนกัน ไอ้ที่ผู้หญิงแกล้งหลับเพื่อที่จะได้ถูกผู้ชายอุ้มเฮ้อ…เอาเถอะ แต่วันนี้เขาจะยอม ๆ ไปก็แล้วกัน ไหน ๆ ผู้หญิงตรงหน้าก็ประมูลดื่มเจย์มาตั้งหลักห้าล้านขนาดนั้น แถมเซอร์วิสเล็ก ๆ น้อยๆ จะเป็นไรเจย์เปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินไปหาร่างเล็กที่นอนหลับอยู่ แล้วเปิดประตูปลดสายเข็มขัด ค่อย ๆ ช้อนตัวเธอขึ้น ผู้หญิงคนนี้ตัวเบามาก เบาจนเหมือนอุ้มเด็กน้อยอยู่อย่างไงอย่างงั้นโชคยังดีที่ก่อนที่เธอจะหลับคอพับคออ่อน เธอจิ้มแผนที่ในเอิงเอยเกิ้ลพร้อมบอกที่อยู่ให้เรียบร้อย แต่พอบอกทางเสร็จก็หลับเลย แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นแผนของเธอ แล้วจะเรียกอะไรถามหน่อยเจย์มองไปยังบ้านตรงหน้า มันมืดสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคน ก่อนที่เจย์จะตัดสินใจกดกริ่งเพื่อดูว่าพ่อกับแม่ของเธอจะอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายก็เงียบกริบเหมือนเดิม บ้านทั้งหลังยังคงมืดสนิทไร้การตอบรับ ถ้าให้เดา คือไม
Jay & Aeng Aei – 7เซอร์วิสพิเศษเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหาร“เอ่อสวัสดีค่ะ” เอิงเอยเอ่ยทักทายเจย์เมื่ออีกฝ่ายเข้ามานั่งตอนนี้เอิงเอยทำตัวไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อวานจู่ ๆ เอิงเอยก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาที่บ้านแถมยังมีผ้าห่มคลุมตัวให้อีกเสร็จสรรพตอนตื่นนอนตอนแรก เธอยอมรับว่าตกใจมากอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าพอได้อ่านโน้ตที่อีกฝ่ายเขียนแปะไว้ให้ก็ยิ่งเขินใหญ่[ขอโทษที่รื้อกระเป๋าหากุญแจนะครับ แล้วก็ประตูรั้วหาช่างมาทำที่ล็อกไว้ก็ดี]ตอนนั้นเอิงเอยกรี๊ดหนักมากผู้ชายอะไรทั้งอบอุ่นทั้งใจดี แถมลายมือที่เขียนก็ยังดูสุภาพสมกับเป็นเขาเสียเหลือเกินแต่ความจริงแล้วประตูรั้วมันพังมานานแล้วแหละเอิงเอยแค่ยังไม่มีเวลาเรียกช่างมาซ่อม เพราะจะให้ช่างมาซ่อมก็ต้องมีเพื่อนคอยอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่ความคิดของเอิงเอยเหรอนะแต่เป็นความคิดของมิ้นและเจมส์ต่างหาก และตอนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ค่อยว่างก็เลยยังไม่ถูกซ่อมเสียที“สวัสดีครับ เมื่อคืนหลับสบายดีนะครับ” เจย์เอ่ยถามเอิงเอยตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับเรียกพนักงานมารับออเดอร์“ค่ะ..ขอบคุณมากนะคะเจย์ที่พาเอิงเข้าบ้านไปนอ
Jay & Aeng Aei – 8โดนทิ้ง“เอิงเอย โทษทีรอนานเปล่า พอดีเราเจอพี่ชายที่หน้าร้านเลยแวะคุยกันแปปหนึ่ง”“ไม่นาน ๆ มานั่งก่อนเถอะ หิวไหมกินอะไรมาหรือยัง”เอิงเอยทักทายเพื่อนสนิทสุดหล่อของเธอก่อนจะชวนเขาให้นั่งลงเพื่อคุยกันก่อนจะชวนกันไปดูหนังต่อตามที่นัดเอาไว้“เป็นไง นิยายช่วงนี้ขายดีไหม”“อืม...ก็ดีอยู่นะคนชอบอ่านนิยายวายเยอะอะเลยขายพอได้ค่าเอฟปก...ว่าแต่นายเถอะสบายดีใช่ไหมที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง?” เอิงเอยเอ่ยถามกลับ“ก็ดีแหละแต่งานหนักไปหน่อย เอิงดูตาเจมส์สิดำเหมือนหมีแพนด้าเลย” เจมส์เอ่ยพร้อมชี้เข้าที่ตาของตัวเอง พร้อมเบะปากออกมาเอิงเอยมองด้วยความเอ็นดูก่อนจะหัวเราะออกมาให้ความน่ารักของอีกฝ่าย“แล้วมิ้นอะไม่มาด้วยเหรอ”“อย่าบอกใคร นางมีหนุ่มค่าช่วงนี้”“หึ หึ มิ้นนะมิ้นมีแฟนไม่บอกกันเลย”“ใครว่าแฟน แค่คนคุยค่า”“แล้วเธอละเมื่อไหร่มีเอิง”“บ้าน่า...ยังไม่ถึงเวลา ไว้ถ้ามีเราจะบอกนายเป็นคนแรกเลย แต่นี่ใกล้หนังฉายแล้ว ไปกันเลยไหม” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อใกล้ถึงเวลาหนังฉาย เจมส์พยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันไปโรงหนังเย็นวันต่อมา“สวัสดีค่ะ” เจย์มองเอิงเอยในชุดสบาย ๆ เสื้อยืดครอปสีขาวกับกระโปรง
“ไม่เอาน่าพี่ ค่อยคุยกันผมทำงานอยู่” เจย์ตอบยิ้ม ๆ เหมือนทีเล่นทีจริง เอิงเอยเลยพยายามทำตัวให้เป็นปกติและนั่งฟังทั้งสองคุยกันเงียบๆ แต่เท่าที่ฟังจากบทสนทนาที่ทั้งสองคุยกัน ก็รู้ได้เลยว่าทั้งสองมีซัมติงกันอย่างแน่นอน“รู้แล้วน่า พี่แค่ผ่านมาแต่เห็นรถเจย์จอดอยู่ งั้นพี่ไปก่อนนะเจอกันที่คอนโดนะเจย์” เมย่าเอ่ยขึ้น ก่อนก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของเจย์ ทันทีที่เธอดึงตัวกลับ เจย์กลับรั้งแขนของอีกฝ่ายไว้“รอด้วยดิงั้นกลับเลยก็ได้” เจย์บอกกับเมย่า แล้วหันกลับมามองเอิงเอยที่นั่งกินเค้กอยู่“พี่ขอตัวก่อนได้ไหมครับ พอดีมีธุระต่อ” เอิงเอยนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะฉีกยิ้มออกมา“ออได้ค่ะเจย์ ตามสบาย งั้นเอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” เอิงเอยเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง มองเจย์ที่ลุกขึ้นเดินจับมือไปกับผู้หญิงที่ชื่อเมย่า ทั้งคู่พากันเดินออกไปยังรถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ กันจังหวะที่เธอมองผ่านกระจกออกไปที่หน้าร้านพอดี เห็นว่าพี่เจย์กำลังขึ้นรถ ส่วนคุณเมย่าหันกลับมามองเธอ พร้อมกับยกยิ้มคล้ายยิ้มเหยียด แล้วขึ้นรถอีกคันขับตามไป“ประหลาดคน” เธอรู้สึกแปลก ๆ กับรอยยิ้มของเมย่าที่ยิ้มให้เมื่อครู่ยังไงก็ไม่รู้แต่...ไหน
ห้าปีต่อมา“เดซี่”“พ่อคะแม่คะ” ใบหน้าสวยหวานโบกมือทักทายผู้เป็นพ่อกับแม่ด้วยรอยยิ้มใสเด็กตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักเหมือนนางฟ้านางสวรรค์คนนี้มีชื่อว่าเดซี่และแน่นอนว่าเอิงเอยคือลูกสาวของเอิงเอยและเจย์“ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับที่ดูแลเดซี่ให้” เจย์เอ่ยขึ้นมองพ่อกับแม่ที่เริ่มแก่ลงแต่ก็ยังมาคอยช่วยเลี้ยงหลานในวันที่เขาและเอิงเอยติดธุระ“ไม่เป็นไรลูกแล้วเอิงเอยไปไหนล่ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม“หลับน่ะครับสงสัยเดินเยอะแล้วคงจะเพลีย” เจย์เอ่ยบอกพร้อมกับหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยด้วยความคิดถึง“ดูแลกันดีๆ นะลูกพ่อกับแม่ขอตัว” เจย์โบกมือลาพ่อกับแม่รวมถึงเดซี่ที่ยิ้มส่งลาทั้งคู่อย่างน่ารัก“แม่หลับเหรอคะ” เดซี่เอ่ยถาม“ครับสงสัยน้องน่าจะกวนทั้งคืน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มวันนี้เขาพาเอิงเอยไปตรวจครรภ์ครบแปดเดือนมา ท้องของเอิงเอยใหญ่มาก เนื่องจากใกล้จะคลอดเต็มที่เด็กในท้องเป็นผู้ชายร่างกายสมบูรณ์และคึกมากๆ เพราะเจ้าตัวถีบท้องเล่นตลอดจนเอิงเอยต้องตื่นกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง“น้องดีน่ะเหรอคะ” คำพูดของลูกสาวทำเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางเดซี่ลงนั่งบนโซฟาและเดินไปหาน้ำมาให้ลูกสาวดื่ม“น้องดีเหรอใครเป็นคนตั้งชื่อ” เขาเอ่
วันต่อมา“พ่อคะแม่คะ หนูพาลูกเขยพ่อกับแม่มาหาแล้วนะ” เอิงเอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสกับหลุมศพของพ่อกับแม่ซึ่งเจย์ก็ได้แต่ยืนนิ่งแม้จะรู้ว่าเอิงเอยในตอนนี้กำลังยิ้มอยู่แต่ภายในของเอิงเอยก็คงเศร้ามากอย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมเจย์ครับ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะวางดอกไม้เป็นการเคารพทั้งสองท่านเอิงเอยยิ้มและปัดไปที่รูปภาพเล็กๆ ของทั้งสองอย่างคิดถึง“ไม่ต้องห่วงหนูนะคะหนูใช้ชีวิตอย่างดีมาโดยตลอดและต่อไปนี้หนูก็จะมีคนมาดูแลด้วย” เอิงเอยพูดพร้อมหันไปหาเจย์ที่ส่งยิ้มและบีบมือของเอิงเอยอยู่“คิดถึงนะคะ..นะ..หนูคิดถึงฮึกก....พะพ่อกับแม่มากๆ เลย” เจย์มองเอิงเอยที่เริ่มร้องไห้ออกมาเขาโอบไหล่บางเป็นการปลอบเอิงเอยเข้มแข็งมากที่อยู่ตัวคนเดียวได้บนโลกใบนี้“ตะต่อไปฮึกหนูก็จะคิดถึงพ่อกับแม่อีกฮึกถ้าชาติหน้ามีจริงหนูขอเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่อีกนะคะ” เอิงเอยเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเศร้าเจย์ดึงเอิงเอยมาก่อนพร้อมกับลูบผมของเอิงเอยอย่างแผ่วเบา ปล่อยให้เอิงเอยร้องไห้ออกมาจนพอใจก่อนจะผละตัวออกไป“พี่สัญญาว่าต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเราแทนพ่อกับแม่ของเอิงเอง” เจย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะกดจู
“พร้อมไหม?” เจย์เอิงถามกับเอิงเอยตอนนี้ทั้งคู่มายืนอยู่หน้าบ้านของเจย์แล้ว สายตาคมจ้องมองบ้านตัวเองที่ไม่ได้มานาน ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อกับแม่จะแก่ไปมากขนาดไหนซึ่งก่อนมาเขาก็ฝากบอกน้องชายให้บอกพ่อกับแม่ไว้แล้ว“ค่ะ!” เอิงเอยเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเจย์ประหลาดใจเล็กน้อยที่เอิงเอยดูไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ และทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในบ้านทันที“ลูก/เจย์” ใบหน้าหล่อมองบุคคลทั้งสองด้วยความคิดถึง เอิงเอยปล่อยมือให้เจย์ได้เข้าไปกอดกับพ่อแม่ทั้งสามยืนกอดกันและเป็นแม่ของเจย์ที่ร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึงลูกชายส่วนเจย์ก็ยิ้มดีใจที่ได้กลับมาเจอพ่อกับแม่อีกครั้ง“ผมขอโทษนะครับ” เจย์เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดแต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เขาก็คงจะเลือกหนีออกจากบ้านเหมือนเดิมเพราะเขาคงทนอยู่ด้วยความอับอายกับความโง่เขลาของตัวเองไม่ได้เหรอ“ไม่เป็นไรลูกผิดพลาดแล้วก็ช่างมัน” แม่ของเจย์เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นพร้อมกับกอดเจย์อีกครั้ง ส่วนพ่อของเขาก็ยกมือขึ้นลูบผมลูกชายด้วยความรักเช่นกันเอิงเอยมองภาพอบอุ่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็อยากกอดพ่อกับแม่แบบนี้บ้างจัง“แล้วแม่สาวน้อย..”“สวัสดีค่ะหนูชื่อเอิงเอยค่ะ^^” เอิงเอยเอ่ยขึ
เคร้ง!คำพูดของเอิงเอยทำเขาถึงกับทำช้อนตกใส่จานอาหาร เอิงเอยถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเจย์ทำท่าช็อก“พูดอะไรเนี่ย!” เจย์เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะอย่างไม่เชื่อหู มีที่ไหนผู้หญิงจะขอผู้ชายแต่งงานก่อน“ไม่แต่งเหรอคะหนูให้สินสอดพี่เยอะๆ เลยก็ได้” เอิงเอยยังคงพูดต่อ เธอเกรงใจที่เจย์ต้องไปๆ มาๆ ที่คอนโดกับที่บ้านเอิงเอย สู้ย้ายมาอยู่บ้านเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวก็สิ้นเรื่อง“เอิงครับ พี่สิต้องเป็นคนขอ ไม่ใช่เรา” เจย์เอ่ยตอบเสียงเรียบ“นี่มันสมัยไหนกันแล้วค่ะไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนขอก่อน นะๆ แต่งงานกันนะคะ พี่เจย์จะได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเอิงไง”เจย์ผ่อนลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจต้องเป็นเขาสิที่เป็นคนขอเอิงเอยแต่งงานและต้องเป็นเขาสิที่ต้องพาเอิงเอยย้ายมาอยู่ด้วยกัน“น้าๆ ~” เอิงเอยยังคงเว้าวอนไม่เลิกดวงตาสวยกะพริบกันถี่ ๆ จนคนเจย์อมยิ้มออกมา“ไหนแหวนล่ะ” เขาเอ่ยถามเอิงเอยชะงักไปทันทีเพราะไม่ได้เตรียมมา“อะเอ่อเป็นจุ้บ ๆ ขัดไว้ก่อนได้ไหมคะแหะ ๆ ^^” เจย์มองเอิงเอยที่จำแห้งเขาลุกขึ้น ก่อนจะเชยคางเอิงเอยมาจูบอย่างดูดดื่มเอิงเอยจูบตอบด้วยรอยยิ้มเขินในทันทีไม่นานเจย์ก็ผละจูบออกไปสองสายตามองกันพร้อมกับ
“แย่จังนะคะ พอดีพ่อแม่เอิงทิ้งมรดกไว้ให้เยอะมากเสียด้วยสิ” เอิงเอยเอ่ยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากเมย่าได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ที่ไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเอิงเอยได้แล้วตอนนี้ผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาใสซื่ออย่างเอิงเอยก็กำลังควบคุมเอิงเอยจนอยู่หมัดเมย่ามองทั้งสองด้วยความแค้นก่อนจะเอ่ยขึ้น“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เมย่าเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหลังเดินจากไป ส่วนเอิงเอยได้ยักไหล่ออกมาอย่างไม่แคร์ “ไม่รับฝากจ้าขี้เกียจถือมันหนักคิกๆ” เจย์ส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของเอิงเอยเขาถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกไม่สบายใจทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้กับเข้ามาสะสางปัญหาให้เขาจนหมดสิ้น“ขอโทษนะครับ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพี่แท้ ๆ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด เอิงเอยมองใบหน้าหล่อก่อนฉีกยิ้มกว้าง“งั้นเอิงขอกอดจากพี่เจย์แน่น ๆ เป็นของรางวัลได้ไหม?”"แถมให้มากกว่ากอด ทั้งคืนเลยครับ"ใบหน้าหล่อระบายยิ้มออกมาก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายเต็มรัก เอิงเอยจมอยู่ในอ้อมกอดแกร่งด้วยรอยยิ้มและหวังว่าต่อจากนี้ผู้ชายของเอิงเอยจะมีแต่ความสุขในทุกๆ วันหนึ่งเดือนต่อมากระแสคู่จิ้นของเจย์และเควินได้ค่อย ๆ หาย
“นายแบบชิดกับนางแบบหน่อยครับ” เจย์ขยับตามคำสั่งเขาโอบเอวบางอันเปลือยเปล่าของเอิงเอยก่อนจะบีบเคล้นมันเบาๆ เอิงเอยเบ้หน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อยเงยหน้ามองเจย์ที่ส่งสายตาดุให้กับเธอ แต่เจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มหวานกลับไป“ดีครับน้องนางแบบขอยิ้มแบบสดใสเลยนะครับ” เอิงเอยทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะปรับเปลี่ยนท่าไปตามที่ช่างภาพบอกทุกคนต่างมองด้วยความอึ้งเพราะทั้งสองดูเข้ากันได้ดีมากประหนึ่งถ่ายแบบคู่รักก็ไม่ปาน“ดีครับเจย์กอดจากด้านหลังได้ไหมครับนางแบบโอเครึเปล่า” ช่างภาพเอ่ยถามเอิงเอยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มไม่นานเจย์ก็เดินไปทางด้านหลังของเอิงเอย ก่อนจะสวมกอดจากด้านหลังและใช้ใบหน้าหล่อเกยบนไหล่ของเอิงเอย“ดีมากครับยิ้มหน่อยครับนางแบบเอามือ แตะหน้านายแบบ เยี่ยมครับ” ทั้งสองถ่ายอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกไปรอเปลี่ยนฉากเอิงเอยโดนช่างแต่งหน้าเรียกไปเติมหน้า เช่นเดียวกับเจย์ไม่นานฉากใหม่ก็ถูกจัดขึ้นและทั้งสองต้องลงไปนั่งในบ่อน้ำด้วยกันเอิงเอยลงนั่งเป็นคนแรกระดับน้ำอยู่ตรงช่วงอกของเอิงเอยพอดีไม่นานเจย์ก็เดินตามเข้ามา“กลับบ้านไปเจอแน่” เขาเอ่ยเสียงดุก่อนจะหันไปสนใจช่างภาพอีกครั้ง เอิงเอยที่ได้ยินแบบนั้นก็
ในที่สุดก็มาถึงวันที่มีนัดถ่ายแบบเอิงเองกับเจย์แยกกันมาเพราะเมื่อวานเจย์มีถ่ายงาน ส่วนเรื่องข่าวที่เจย์ลงรูปเอิงเอย เธอก็พึ่งรู้ แน่นอนว่าเจ้าตัวเขินมากแต่ก็แอบเสียใจนิดหน่อยที่คอมเม้นส่วนใหญ่คิดว่าคนในรูปเป็นเควินดารานายแบบที่กำลังมีข่าวกันอยู่ แถมทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ออกมาเคลียร์แต่อย่างใด“สวัสดีครับ” เจย์ที่อยู่เปลือยกายท่อนบ่นโชว์แผงอกและหน้าท้องแกร่งเอ่ยทักทายเหล่าทีมงานด้วยรอยยิ้ม เขาแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวตัวบางแต่ไม่ได้ติดกระดุม เพราะเป็นคอนเซ็ปต์ชุดว่ายน้ำฉากหลังเลยจัดเป็นคล้ายๆ ทะเล ด้านล่างก็มีทรายจริงพร้อมของตกแต่งทีมงานที่เป็นสาว ๆ ต่างพากันน้ำลายย้อยให้กับความหล่อความสมบูรณ์ของเจย์กันยกใหญ่“เจย์” เจย์หันไปตามเสียงเรียกใบหน้าหล่อมีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะโค้งทักทายอีกฝ่ายที่มีอายุกว่า“สวัสดีครับพี่เมย่า” เขาเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพมองเมย่าที่มาในชุดคลุมอาบน้ำ ผมของเธอดัดลอน และแต่งหน้าจัดใบหน้าของพี่เมย่ายิ้มแย้มให้กับเขา แต่เจย์กลับก็ไม่ได้ยิ้มตอบแต่อย่างใด หลังจากที่เขารู้ความจริงที่น่ารังเกียจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังที่ลอบทำร้ายเอิงเอยคือเมย่าเขากลับรู้สึกรังเกียจเธอขึ้นมาก“ไม่ได
ในที่สุด ตอนนี้เอิงเอยกลายเป็นผู้บริหารสูงสุดแทนเจ้าของบริษัทไปโดยปริยาย “แต่ว่าเอิงเอยมีเรื่องให้ช่วยหน่อยได้รึเปล่าคะถ้าได้เอิงเอยจะเพิ่มให้พิเศษอีกสองแสน” คนที่ฟังตาลุกวาวทันที“ได้สิครับได้เลยครับ”“คือกำหนดการถ่ายแบบของนายแบบที่ชื่อเจย์กับนางแบบที่ชื่อเมย่าในวันมะรืนนี้น่ะค่ะ” คนที่ได้ฟังชะงักไปเล็กน้อยที่อีกฝ่ายรู้ตารางงานของทั้งสองด้วยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป“พอเปลี่ยนจะนางแบบได้ไหม” เอิงเอยเอียงคอถามอีกฝ่ายอย่างน่ารักแม้ตอนนี้เอิงเอยจะเป็นผู้บริหารสูงสุดแต่ก็ยังไม่ได้ยืนยันในทันทีอำนาจต่างๆ จึงยังอยู่กับผู้ชายตรงหน้าอยู่แม้จะเซ็นเอกสารโอนหุ้นแล้วก็ตาม“คะคือว่า..” เจ้าของบริษัทหนักใจทันทีเพราะงานนี้เมย่าเป็นคนมาขอทำเอง และบอกว่าจะทำให้นิตยสารขายหมดให้ได้ซึ่งเขาก็แอบหนักใจเพราะนายแบบดันมีข่าวไม่ดีอยู่ตอนนี้“สองแสนค่ะ^^” เอิงเอยเอ่ยย้ำด้วยรอยยิ้มก่อนจะโชว์เงินสดในกระเป๋าล่อตาล่อใจอีกฝ่าย“ไม่ทราบว่านางแบบที่จะเปลี่ยนเป็นนางแบบในสังกัดของผมหรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามเพราะนางแบบดัง ๆ ของสังกัดเขามีแค่เมย่าเท่านั้นเขาเลยเอ็นดูเอิงเอยเป็นพิเศษส่วนคนอื่นๆ ก็พอขายงานออกแต่ไม่ได้ปังเท่
รุ่งเช้าเพี้ยะ!“โอ๊ยอะไรเนี่ยพี่!” เจย์เบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่อโดนฝ่ามือของผู้จัดการ ฟาดมาเต็มหลังพร้อมกับสายตาอาฆาตนั่นอีก“จะอะไรซะอีกล่ะรูปเมื่อคืนคืออะไรยังไง” ผู้จัดการเอ่ยถามทันทีเมื่อวาน เพราะแทบไม่ได้นอน หลังจากต้องตอบคำถามมากมายจากลูกค้าที่ทักเข้ามา บางคนก็ไม่พอใจถึงขนาดแคนเซิ่ลงานเลยก็มี ทั้งที่ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าของมือปริศนาคือใครเลยด้วยซ้ำ“เอิงเอย” คำตอบของเจย์ทำเอาผู้จัดการที่หน้าบูดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นอมยิ้มทันที พร้อมกับหันไปมองเจย์ที่ตั้งใจขับรถอยู่ก่อนเอ่ยแซว“ฮันแหน่ แพ้ภัยตัวเองแล้วหรือจ๊ะเจย์ ไหนว่าไม่ชอบผู้หญิงแอ๊บแบ๊ว บลาๆ ~” เจย์มองอีกฝ่ายที่เล่นแซวเขาไม่หยุดรวมถึงเอาคำพูดเก่าๆ ของเขามาล้อเพิ่มเติมอีกใบหน้าหล่อส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะตั้งใจขับรถออกไปRrrrrr เสียงจากมือถือของเจย์ดังขึ้น ในขณะที่ผู้จัดการหันไปมองเห็นพอดี “ไอ้เจย์~ นายทำอะไรเนี่ย!” เจย์รีบหันมาด้วยความตกใจทันทีเมื่อเห็นผู้จัดการกำลังชี้ไปที่กลางจอภายในรถที่เชื่อมกับมือถือของเขาเผยให้เห็นชื่อขอคนโทรมา“เอิงเอยสุดที่รัก…โอ้ยยยย~ ไอ้เจย์ อึ่ยขนลุกอะ~” ผู้จัดการตัวท่าทีขนลุกเขาหัวเราะเล็กน้อยก่อ