เอิงเอยควานหามือถือก่อนจะเลื่อนหาเบอร์เพื่อนอีกคนที่เอิงเอยสนิทและสามารถนั่งรถไปกับเขาได้
“ฮัลโหลเจมส์”
(ว่า...)
“แกว่างรึเปล่า” เอิงเอยเอ่ยขึ้น
(มีอะไร ทำไมเสียงเป็นงั้น เมาอ่อ)
“ทายเก่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นมารับหน่อยดิ”
(โอเค อยู่ที่ไหนเดี๋ยวไปรับ เพิ่งเลิกงานกำลังจะขับรถเข้าบ้านอยู่พอดี เดี๋ยวหันรถกลับเลย?)
เจมส์ที่ไม่เคยขัดใจเพื่อนอย่างเอิงเอยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าเอิงเอยกลัวการขึ้นแท็กซี่เพราะอะไร
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมารับหรอกแค่ล้อเล่น ฉันโทรมาแค่คิดถึงอะ ก็นายเล่นทำงานเยอะจนไม่ค่อยมีเวลาให้พวกฉันเลยนี่นา” เอิงเอยรีบเปลี่ยนคำตอบทันทีเอิงเอยรู้ว่าเจมส์ทำงานหนัก และการที่รบกวนเพื่อนตอนดึก ๆ แบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย
ในตอนนี้เขาก็ควรจะพักผ่อนได้แล้ว เฮ้อ...เอิงเอยนี่มันแย่จริงๆ
(ไรวะ ล้อเล่นได้ไง)
“ก็ล้อเล่นจริง ๆ นี่แค่นี้นะ จะนอนแล้ว”
(ทำเสียงคนเมาซะเหมือน งั้นไม่ต้องไปรับใช่ป่าว อยู่บ้านใช่ไหม)
“อือ อยู่บ้านกำลังจะนอนล่ะ ฝันดีนะ”
(โอเค ฝันดี ไว้เคลียร์งานเสร็จจะโทรไปนัดมากินข้าวนะ)
“เคค่า”
พูดจบเอิงเอยก็ตัดสายไปทันที เธอถอนหายใจออกมาอย่างหมดความหวัง ก่อนจะหยิบมือถือมาเปิดแผนที่ดู ถ้าจากตรงนี้มีรถไฟฟ้าให้กลับง่าย ๆ รึเปล่า หรือถ้าเดินทางกลับกับคนอื่นเยอะๆ มันก็จะไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไหร่
“อ่า...อีกสิบนาที รถไฟฟ้าก็จะปิดแล้วเถอะ จะเดินไปทันไหมเนี่ย” เอิงเอยบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ถ้าจากไนต์คลับเดินไปถึงรถไฟฟ้าใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีแต่ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว และรถไฟฟ้าก็กำลังจะปิด งานเข้าล่ะ เพราะนั่นหมายความว่าเอิงเอยจะต้องวิ่งไปให้ทันภายในสิบนาที
เอาเถอะลองดู…ดีกว่าต้องเดินกลับบ้านแล้วกัน เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็รีบเก็บมือถือเตรียมจะวิ่งข้ามถนนแต่ทว่า
ปื้นนนน
“กรี๊ดดดด” เอิงเอยกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอพุ่งออกไปอย่างไม่ดูรถบนถนน จนเกือบจะถูกรถชน แต่โชคที่ดีมากเจ้าของรถนั้นเบรกทันท่วงที
เธอเงยหน้ามองไปที่คนขับ เห็นเป็นเจย์ที่เบรกรถจนหัวทิ่ม เขาสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเปิดประตูรถลงมาดู
ทว่าพอเห็นเป็นเอิงเอยดูเจย์มีสีหน้าตกใจ เพราะคนที่นั่งอยู่บนพื้นกับกลายเป็นเอิงเอย คนที่เขาคิดว่านั่งแท็กซี่ออกไปแล้ว
“อ้าว ทำไมเมื่อกี้ไม่ได้ขึ้นรถแท็กซี่”
“เอิงกลัวรถแท็กซี่ค่ะ” เอิงเอยยิ้มแหยก่อนตอบไปตามตรง เห็นเจย์ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาพยุงเอิงเอยให้ลุกขึ้น
พอได้ยินว่าเธอบอกว่ากลัวแท็กซี่เป็นรอบสอง คิ้วหนาเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ที่เธอพูดกับเขาตอนที่อยู่ในผับคือเรื่องจริง
เพราะเธอไม่กล้าขึ้นแท็กซี่เลยไม่ขึ้น แล้วเดินกลับนี่นะ
ดีนะว่าเจย์หยุดยืนสูบบุหรี่อยู่พักใหญ่กว่าจะขับรถออกมาเลยเจอเข้าพอดี ถ้าเขาออกรถไปก่อนจะเป็นยังไง
เฮ้ออออ...เจย์ยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ แล้วมองหน้าหญิงสาวว่าจะเอายังไงดี
เอิงเอยที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นยืน อยู่ ๆ ก็ปวดแปลบที่หัวเข่า ทว่าพอก้มลงไปมองดู เลยรู้ว่าที่เจ็บตึงตรงหัวเข่าเพราะมีเลือดสีแดงสดไหลลงตามเรียวขาของเอิงเอยเล็กน้อย
“ได้เลือดจนได้ งั้นมานี่ก่อน” เจย์ที่เห็นแบบนั้นก็พาเอิงเอยขึ้นรถทันทีก่อนจะยื่นทิชชูที่อยู่บนรถให้เอิงเอยรีบเช็ดเลือด
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” เอิงเอยเอ่ยตอบ แม้จะตกใจที่เจย์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี ดูหงุดหงิดเล็กน้อยที่เจอเธอ
หรือไม่ก็บางทีเขาอาจจะหงุดหงิดที่เธอเกือบจะวิ่งไปให้เขาชน ไม่อ่อนโยนเหมือนตอนอยู่ในคลับโฮสต์เลยสักนิ
ใช่สิ...ตอนนี้มันนอกเวลางานแล้วหนิ
“บ้านเราอยู่ไหน งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งก็แล้วกัน”
“อ่า...เกรงใจค่ะ คือว่า...”
“ถือว่าเป็นเซอร์วิสจากที่เราประมูลพี่ในราคาสูงมากวันนี้ก็แล้วกัน”
เจย์เอ่ยขึ้นโดยที่เอิงเอยยังพูดไม่จบ ในขณะที่เอิงเอยมองตาเขาปริบ ๆ
โชคดีมากที่วันนี้เจย์ดื่มน้อยมาก แต่ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเวรกรรมด้วยหรือเปล่า เพราะสุดท้ายแล้ววันนี้เจย์ก็ต้องมาเป็นคนขับรถให้ลูกค้าอย่างเอิงเอยอยู่ดี
🐇🐇🐇
Jay & Aeng Aei – 6เซอร์วิสพิเศษส่งที่บ้าน “ถึงแล้วครับ”เจย์เอ่ยขึ้น แต่เพราะมัวแต่สนใจในการขับรถจนไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนข้างๆ ได้หลับปุ๋ยเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นยิ่งทำให้เจย์ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ เพราะมุกแบบนี้เจย์เจอมานักต่อนักแล้วเหมือนกัน ไอ้ที่ผู้หญิงแกล้งหลับเพื่อที่จะได้ถูกผู้ชายอุ้มเฮ้อ…เอาเถอะ แต่วันนี้เขาจะยอม ๆ ไปก็แล้วกัน ไหน ๆ ผู้หญิงตรงหน้าก็ประมูลดื่มเจย์มาตั้งหลักห้าล้านขนาดนั้น แถมเซอร์วิสเล็ก ๆ น้อยๆ จะเป็นไรเจย์เปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินไปหาร่างเล็กที่นอนหลับอยู่ แล้วเปิดประตูปลดสายเข็มขัด ค่อย ๆ ช้อนตัวเธอขึ้น ผู้หญิงคนนี้ตัวเบามาก เบาจนเหมือนอุ้มเด็กน้อยอยู่อย่างไงอย่างงั้นโชคยังดีที่ก่อนที่เธอจะหลับคอพับคออ่อน เธอจิ้มแผนที่ในเอิงเอยเกิ้ลพร้อมบอกที่อยู่ให้เรียบร้อย แต่พอบอกทางเสร็จก็หลับเลย แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นแผนของเธอ แล้วจะเรียกอะไรถามหน่อยเจย์มองไปยังบ้านตรงหน้า มันมืดสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคน ก่อนที่เจย์จะตัดสินใจกดกริ่งเพื่อดูว่าพ่อกับแม่ของเธอจะอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายก็เงียบกริบเหมือนเดิม บ้านทั้งหลังยังคงมืดสนิทไร้การตอบรับ ถ้าให้เดา คือไม
Jay & Aeng Aei – 7เซอร์วิสพิเศษเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหาร“เอ่อสวัสดีค่ะ” เอิงเอยเอ่ยทักทายเจย์เมื่ออีกฝ่ายเข้ามานั่งตอนนี้เอิงเอยทำตัวไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อวานจู่ ๆ เอิงเอยก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาที่บ้านแถมยังมีผ้าห่มคลุมตัวให้อีกเสร็จสรรพตอนตื่นนอนตอนแรก เธอยอมรับว่าตกใจมากอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าพอได้อ่านโน้ตที่อีกฝ่ายเขียนแปะไว้ให้ก็ยิ่งเขินใหญ่[ขอโทษที่รื้อกระเป๋าหากุญแจนะครับ แล้วก็ประตูรั้วหาช่างมาทำที่ล็อกไว้ก็ดี]ตอนนั้นเอิงเอยกรี๊ดหนักมากผู้ชายอะไรทั้งอบอุ่นทั้งใจดี แถมลายมือที่เขียนก็ยังดูสุภาพสมกับเป็นเขาเสียเหลือเกินแต่ความจริงแล้วประตูรั้วมันพังมานานแล้วแหละเอิงเอยแค่ยังไม่มีเวลาเรียกช่างมาซ่อม เพราะจะให้ช่างมาซ่อมก็ต้องมีเพื่อนคอยอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่ความคิดของเอิงเอยเหรอนะแต่เป็นความคิดของมิ้นและเจมส์ต่างหาก และตอนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ค่อยว่างก็เลยยังไม่ถูกซ่อมเสียที“สวัสดีครับ เมื่อคืนหลับสบายดีนะครับ” เจย์เอ่ยถามเอิงเอยตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับเรียกพนักงานมารับออเดอร์“ค่ะ..ขอบคุณมากนะคะเจย์ที่พาเอิงเข้าบ้านไปนอ
Jay & Aeng Aei – 8โดนทิ้ง“เอิงเอย โทษทีรอนานเปล่า พอดีเราเจอพี่ชายที่หน้าร้านเลยแวะคุยกันแปปหนึ่ง”“ไม่นาน ๆ มานั่งก่อนเถอะ หิวไหมกินอะไรมาหรือยัง”เอิงเอยทักทายเพื่อนสนิทสุดหล่อของเธอก่อนจะชวนเขาให้นั่งลงเพื่อคุยกันก่อนจะชวนกันไปดูหนังต่อตามที่นัดเอาไว้“เป็นไง นิยายช่วงนี้ขายดีไหม”“อืม...ก็ดีอยู่นะคนชอบอ่านนิยายวายเยอะอะเลยขายพอได้ค่าเอฟปก...ว่าแต่นายเถอะสบายดีใช่ไหมที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง?” เอิงเอยเอ่ยถามกลับ“ก็ดีแหละแต่งานหนักไปหน่อย เอิงดูตาเจมส์สิดำเหมือนหมีแพนด้าเลย” เจมส์เอ่ยพร้อมชี้เข้าที่ตาของตัวเอง พร้อมเบะปากออกมาเอิงเอยมองด้วยความเอ็นดูก่อนจะหัวเราะออกมาให้ความน่ารักของอีกฝ่าย“แล้วมิ้นอะไม่มาด้วยเหรอ”“อย่าบอกใคร นางมีหนุ่มค่าช่วงนี้”“หึ หึ มิ้นนะมิ้นมีแฟนไม่บอกกันเลย”“ใครว่าแฟน แค่คนคุยค่า”“แล้วเธอละเมื่อไหร่มีเอิง”“บ้าน่า...ยังไม่ถึงเวลา ไว้ถ้ามีเราจะบอกนายเป็นคนแรกเลย แต่นี่ใกล้หนังฉายแล้ว ไปกันเลยไหม” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อใกล้ถึงเวลาหนังฉาย เจมส์พยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันไปโรงหนังเย็นวันต่อมา“สวัสดีค่ะ” เจย์มองเอิงเอยในชุดสบาย ๆ เสื้อยืดครอปสีขาวกับกระโปรง
“ไม่เอาน่าพี่ ค่อยคุยกันผมทำงานอยู่” เจย์ตอบยิ้ม ๆ เหมือนทีเล่นทีจริง เอิงเอยเลยพยายามทำตัวให้เป็นปกติและนั่งฟังทั้งสองคุยกันเงียบๆ แต่เท่าที่ฟังจากบทสนทนาที่ทั้งสองคุยกัน ก็รู้ได้เลยว่าทั้งสองมีซัมติงกันอย่างแน่นอน“รู้แล้วน่า พี่แค่ผ่านมาแต่เห็นรถเจย์จอดอยู่ งั้นพี่ไปก่อนนะเจอกันที่คอนโดนะเจย์” เมย่าเอ่ยขึ้น ก่อนก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของเจย์ ทันทีที่เธอดึงตัวกลับ เจย์กลับรั้งแขนของอีกฝ่ายไว้“รอด้วยดิงั้นกลับเลยก็ได้” เจย์บอกกับเมย่า แล้วหันกลับมามองเอิงเอยที่นั่งกินเค้กอยู่“พี่ขอตัวก่อนได้ไหมครับ พอดีมีธุระต่อ” เอิงเอยนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะฉีกยิ้มออกมา“ออได้ค่ะเจย์ ตามสบาย งั้นเอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” เอิงเอยเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง มองเจย์ที่ลุกขึ้นเดินจับมือไปกับผู้หญิงที่ชื่อเมย่า ทั้งคู่พากันเดินออกไปยังรถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ กันจังหวะที่เธอมองผ่านกระจกออกไปที่หน้าร้านพอดี เห็นว่าพี่เจย์กำลังขึ้นรถ ส่วนคุณเมย่าหันกลับมามองเธอ พร้อมกับยกยิ้มคล้ายยิ้มเหยียด แล้วขึ้นรถอีกคันขับตามไป“ประหลาดคน” เธอรู้สึกแปลก ๆ กับรอยยิ้มของเมย่าที่ยิ้มให้เมื่อครู่ยังไงก็ไม่รู้แต่...ไหน
Jay & Aeng Aei – 10 โดนรถชนวันรุ่งขึ้นในขณะที่เจย์เพิ่งเสร็จงานแล้วเดินเข้ามาในห้องพัก ผู้จัดการก็นำช่อดอกไม้ช่อโตมายื่นให้“ของใครอะพี่?” เจย์เอ่ยถามก่อนจะรับช่อดอกไม้จากมือของผู้จัดการอย่างงง ๆ แต่ผู้จัดการกลับมีสายเข้ามาก่อนแล้วหันไปคุยโทรศัพท์ เจย์เลยไม่ได้ถามต่อ และคิดเอาว่าคงเป็นช่อดอกไม้ขอบคุณจากการมาถ่ายแบบในวันนี้ เลยตัดสินใจเดินไปรอที่รถแทนนอกจากเจย์จะมีอาชีพเป็นโฮสต์แล้ว ช่วงนี้เขายังรับงานถ่ายแบบอีกพอสมควร แม้จะไม่ได้ดังจนพลุแตกแต่ก็อยู่ในระดับกลาง ๆ และอีกไม่นานก็คงดังขึ้นเรื่อย ๆ ละมั้งนะ เพราะตั้งแต่ไปถ่ายแบบการ์ตูนวายให้เว็บนึงมา เขาก็มีงานถ่ายแบบมากขึ้นเรื่อย ๆเจย์เดินออกมารอผู้จัดการที่รถ ด้วยการนั่งเล่นมือถือพร้อมกับแชทคุยกับเมย่า เพราะรู้ว่าผู้จัดการยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ไม่น่าเสร็จMEYA : คืนนี้เจย์มาหาพี่ได้ไหมJAY : น่าจะไม่ได้นะพี่ ผมมีนัดทานข้าวกับลูกค้าคนเดิมครับMEYA : แต่เหมือนพี่จะไม่สบายเลยอะ จะไม่มาดูแลจริงๆ เหรอเจย์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างคิดไม่ตกอีกใจนึงก็เป็นห่วงพี่เมย่าในฐานะคนสนิท แต่จะให้เทงานไปหาก็ไม่ใช่เรื่องอีกอยู่ดีก๊อก ๆ เสียงเคาะนิ้วของผู
เอิงเอยมองเจย์ที่รีบวิ่งออกจากร้าน ก่อนขึ้นรถแล้วขับออกไปรอยยิ้มของเอิงเอยหายไปเองจากใบหน้าแต่พอได้มองช่อดอกไม้ที่เขาเป็นฝ่ายยื่นมาให้หัวใจเอิงเอยก็อิ่มฟูขึ้นมาทันที มือเรียวเลื่อนไปสัมผัสดอกเดซี ไม่รู้ว่าเขารู้หรือเปล่าว่าดอกเดซีเป็นดอกไม้ที่เอิงเอยชอบที่สุดที่คอนโดของเมย่า เจย์โคตรหงุดหงิดตัวเองเลย ที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไว้ไม่อยู่ แต่เพราะเมย่าเอาแต่โทรมาบอกว่ามีอาการคล้ายกับคนจะเป็นลม ทำให้เจย์รู้สึกห่วงเธอขึ้นมาเพราะรู้ว่าเธอเป็นโลหิตจาง มักจะมีอาการอย่างนี้อยู่บ่อย ๆ“พี่เมย่า เป็นไงบ้าง” ทันทีที่มาถึงที่ห้องพบก็พุ่งเข้าไปที่ห้องนอนของเธอ ก่อนจะไปพบว่าเจ้าตัวนอนคดอยู่บนเตียง“ตัวร้อนด้วยนี่” เจย์พูดขึ้นพร้อมกับใช้มืออังไปที่หน้าผากของเธอที่ร้อนฉ่า เธอไอออกมาเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวไปเข้ามากอดเจย์พร้อมเอาใบหน้าซุกไว้“พี่ปวดหัวจังเลยเจย์” เจย์พยักหน้ารับก่อนจะกอดอีกฝ่ายไว้หลวม ๆแปลก...ที่หน้าผากของเมย่าร้อนมาก แต่ตามร่างกายกลับมีอุณหภูมิปกติ คือแทบจะเหมือนกับคนไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ“ผมออกไปต้มโจ๊กให้พี่ดีไหม พี่จะได้กินยา” เจย์เอ่ยบอกก่อนจะค่อยๆ ประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นน
โรงพยาบาล“พี่!”“กว่าจะมาได้นะ!” ผู้จัดการตวาดเสียงดัง จนเจย์ถึงกับหน้าเสีย ความรู้สึกผิดเข้ามาถาโถมอยู่ในใจที่ทิ้งยัยเด็กเอิงเอยนั่นไว้ที่ร้านจนลืม“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าน้องเอิงโดยรถชน” เจย์เอ่ยถามในขณะที่ผู้จัดการลากแขนของเจย์ไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน“ก็มีเด็กที่ร้านส่งรูปมาให้น่ะสิ นางไปเห็นเหตุการณ์พอดีละคุ้นหน้าว่าเป็นน้องที่เคยประมูลนายไปห้าล้านวันนั้น เลยถ่ายส่งมาให้พี่ยืนยัน ตอนเห็นรูปพี่แทบจะเป็นลมคนตัวเล็กแค่นี้ โดนรถใหญ่ชนซะเลือดอาบเต็มตัว แต่ก็ยังไม่วาย..”ผู้จัดการหยุดพูดก่อนจะถอนหายใจออกมา“เด็กคนนั้นกอดช่อดอกไม้แน่น เหมือนไม่อยากให้ดอกไม้ช้ำ แต่ดูซิตัวเองบาดเจ็บขนาดนั้น”คำพูดของผู้จัดการ ทำเอาเจย์รู้สึกผิดหนักขึ้นมาทันที เขามัวแต่ห่วงพี่เมย่ามากเกินไปจมลืมเรื่องของเด็กสาวไปชั่วขณะเจย์ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้รอผู้ป่วยหน้าห้องฉุกเฉินด้าน สองมือประสานกันอยู่ตรงหน้า ก้มหน้าลงอย่างคนรู้สึกผิด“ถามจริง แล้วทำไมนายต้องทิ้งลูกค้าไปหาเมย่าด้วยห๊ะ”“พี่เมย่าบอกผมว่าไม่ค่อยสบาย...” เจย์เอ่ยตอบเสียงเรียบแต่ผู้จัดการกับเค้นหัวเราะออกมา“ป่วย? เหอะดูสภาพตัวนายตอนนี
รุ่งเช้า เช้าวันต่อมา เอิงเอยค่อย ๆ ลืมตาตื่นด้วยความยากลำบาก กว่าปรับสายตาเข้ากับแสงไฟให้เปิดเปลือกตาขึ้นมาได้ พลันอาการเจ็บแปลบที่บริเวณหัวจากแผลที่ถูกเย็บก็ทำให้รู้สึกเจ็บจนต้องยกมือขึ้นมากุมที่ศีรษะ มิหนำซ้ำร่างกายยังปวดหนึบไปทั่วทั้งตัวตอนขยับ“โอย!” เอิงเอยเบ้หน้าด้วยความเจ็บทันทีเมื่อขยับตัว“ตื่นแล้วเหรอ”“พี่เจย์!”ฟื้นมาอยู่ในโรงพยาบาลว่าตกใจแล้ว พอหันไปเห็นเจย์อยู่ตรงหน้ายิ่งตกใจมากกว่ายิ่งกว่า“เจ็บตรงไหนเดี๋ยวพี่เรียกหมอแป๊บนะ” เจย์รีบกดกริ่งเรียกพยาบาลทันที ไม่ถึงสิบนาทีพยาบาลก็เข้ามาตรวจนั่นนี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น“พยายามอย่าให้แผลที่หัวโดนน้ำนะคะ แล้วก็เดินให้น้อยที่สุดข้อเท้าจะได้หายไวๆ อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวจะมีบุรุษพยาบาลพาไปเอกซเรย์ภายในนะคะ”“ขะขอบคุณค่ะ” เอิงเอยเอ่ยตอบรับอย่างมึนงง เพราะตอนนี้สมองยังประมวลผลอะไรไม่ได้เลย งงมากกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเท่าที่จำได้ก็มีเพียงตอนที่เอิงเอยนั่งรอเจย์ให้มารับ จนพนักงานบอกว่าร้านใกล้ปิดแล้วเอิงเอยเลยเดินออกมา และพบว่าตอนนี้มันเกิน2ชั่วโมงไปแล้วแต่ทว่าเอิงเอยก็ยังนั่งรออยู่แถวๆ นั้นต่ออีกหนึ่งชั่วโมงเมื่อแน่ใจแล้วว่าเจย์คงไม่
ห้าปีต่อมา“เดซี่”“พ่อคะแม่คะ” ใบหน้าสวยหวานโบกมือทักทายผู้เป็นพ่อกับแม่ด้วยรอยยิ้มใสเด็กตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักเหมือนนางฟ้านางสวรรค์คนนี้มีชื่อว่าเดซี่และแน่นอนว่าเอิงเอยคือลูกสาวของเอิงเอยและเจย์“ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับที่ดูแลเดซี่ให้” เจย์เอ่ยขึ้นมองพ่อกับแม่ที่เริ่มแก่ลงแต่ก็ยังมาคอยช่วยเลี้ยงหลานในวันที่เขาและเอิงเอยติดธุระ“ไม่เป็นไรลูกแล้วเอิงเอยไปไหนล่ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม“หลับน่ะครับสงสัยเดินเยอะแล้วคงจะเพลีย” เจย์เอ่ยบอกพร้อมกับหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยด้วยความคิดถึง“ดูแลกันดีๆ นะลูกพ่อกับแม่ขอตัว” เจย์โบกมือลาพ่อกับแม่รวมถึงเดซี่ที่ยิ้มส่งลาทั้งคู่อย่างน่ารัก“แม่หลับเหรอคะ” เดซี่เอ่ยถาม“ครับสงสัยน้องน่าจะกวนทั้งคืน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มวันนี้เขาพาเอิงเอยไปตรวจครรภ์ครบแปดเดือนมา ท้องของเอิงเอยใหญ่มาก เนื่องจากใกล้จะคลอดเต็มที่เด็กในท้องเป็นผู้ชายร่างกายสมบูรณ์และคึกมากๆ เพราะเจ้าตัวถีบท้องเล่นตลอดจนเอิงเอยต้องตื่นกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง“น้องดีน่ะเหรอคะ” คำพูดของลูกสาวทำเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางเดซี่ลงนั่งบนโซฟาและเดินไปหาน้ำมาให้ลูกสาวดื่ม“น้องดีเหรอใครเป็นคนตั้งชื่อ” เขาเอ่
วันต่อมา“พ่อคะแม่คะ หนูพาลูกเขยพ่อกับแม่มาหาแล้วนะ” เอิงเอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสกับหลุมศพของพ่อกับแม่ซึ่งเจย์ก็ได้แต่ยืนนิ่งแม้จะรู้ว่าเอิงเอยในตอนนี้กำลังยิ้มอยู่แต่ภายในของเอิงเอยก็คงเศร้ามากอย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมเจย์ครับ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะวางดอกไม้เป็นการเคารพทั้งสองท่านเอิงเอยยิ้มและปัดไปที่รูปภาพเล็กๆ ของทั้งสองอย่างคิดถึง“ไม่ต้องห่วงหนูนะคะหนูใช้ชีวิตอย่างดีมาโดยตลอดและต่อไปนี้หนูก็จะมีคนมาดูแลด้วย” เอิงเอยพูดพร้อมหันไปหาเจย์ที่ส่งยิ้มและบีบมือของเอิงเอยอยู่“คิดถึงนะคะ..นะ..หนูคิดถึงฮึกก....พะพ่อกับแม่มากๆ เลย” เจย์มองเอิงเอยที่เริ่มร้องไห้ออกมาเขาโอบไหล่บางเป็นการปลอบเอิงเอยเข้มแข็งมากที่อยู่ตัวคนเดียวได้บนโลกใบนี้“ตะต่อไปฮึกหนูก็จะคิดถึงพ่อกับแม่อีกฮึกถ้าชาติหน้ามีจริงหนูขอเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่อีกนะคะ” เอิงเอยเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเศร้าเจย์ดึงเอิงเอยมาก่อนพร้อมกับลูบผมของเอิงเอยอย่างแผ่วเบา ปล่อยให้เอิงเอยร้องไห้ออกมาจนพอใจก่อนจะผละตัวออกไป“พี่สัญญาว่าต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเราแทนพ่อกับแม่ของเอิงเอง” เจย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะกดจู
“พร้อมไหม?” เจย์เอิงถามกับเอิงเอยตอนนี้ทั้งคู่มายืนอยู่หน้าบ้านของเจย์แล้ว สายตาคมจ้องมองบ้านตัวเองที่ไม่ได้มานาน ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อกับแม่จะแก่ไปมากขนาดไหนซึ่งก่อนมาเขาก็ฝากบอกน้องชายให้บอกพ่อกับแม่ไว้แล้ว“ค่ะ!” เอิงเอยเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเจย์ประหลาดใจเล็กน้อยที่เอิงเอยดูไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ และทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในบ้านทันที“ลูก/เจย์” ใบหน้าหล่อมองบุคคลทั้งสองด้วยความคิดถึง เอิงเอยปล่อยมือให้เจย์ได้เข้าไปกอดกับพ่อแม่ทั้งสามยืนกอดกันและเป็นแม่ของเจย์ที่ร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึงลูกชายส่วนเจย์ก็ยิ้มดีใจที่ได้กลับมาเจอพ่อกับแม่อีกครั้ง“ผมขอโทษนะครับ” เจย์เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดแต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เขาก็คงจะเลือกหนีออกจากบ้านเหมือนเดิมเพราะเขาคงทนอยู่ด้วยความอับอายกับความโง่เขลาของตัวเองไม่ได้เหรอ“ไม่เป็นไรลูกผิดพลาดแล้วก็ช่างมัน” แม่ของเจย์เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นพร้อมกับกอดเจย์อีกครั้ง ส่วนพ่อของเขาก็ยกมือขึ้นลูบผมลูกชายด้วยความรักเช่นกันเอิงเอยมองภาพอบอุ่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็อยากกอดพ่อกับแม่แบบนี้บ้างจัง“แล้วแม่สาวน้อย..”“สวัสดีค่ะหนูชื่อเอิงเอยค่ะ^^” เอิงเอยเอ่ยขึ
เคร้ง!คำพูดของเอิงเอยทำเขาถึงกับทำช้อนตกใส่จานอาหาร เอิงเอยถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเจย์ทำท่าช็อก“พูดอะไรเนี่ย!” เจย์เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะอย่างไม่เชื่อหู มีที่ไหนผู้หญิงจะขอผู้ชายแต่งงานก่อน“ไม่แต่งเหรอคะหนูให้สินสอดพี่เยอะๆ เลยก็ได้” เอิงเอยยังคงพูดต่อ เธอเกรงใจที่เจย์ต้องไปๆ มาๆ ที่คอนโดกับที่บ้านเอิงเอย สู้ย้ายมาอยู่บ้านเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวก็สิ้นเรื่อง“เอิงครับ พี่สิต้องเป็นคนขอ ไม่ใช่เรา” เจย์เอ่ยตอบเสียงเรียบ“นี่มันสมัยไหนกันแล้วค่ะไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนขอก่อน นะๆ แต่งงานกันนะคะ พี่เจย์จะได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเอิงไง”เจย์ผ่อนลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจต้องเป็นเขาสิที่เป็นคนขอเอิงเอยแต่งงานและต้องเป็นเขาสิที่ต้องพาเอิงเอยย้ายมาอยู่ด้วยกัน“น้าๆ ~” เอิงเอยยังคงเว้าวอนไม่เลิกดวงตาสวยกะพริบกันถี่ ๆ จนคนเจย์อมยิ้มออกมา“ไหนแหวนล่ะ” เขาเอ่ยถามเอิงเอยชะงักไปทันทีเพราะไม่ได้เตรียมมา“อะเอ่อเป็นจุ้บ ๆ ขัดไว้ก่อนได้ไหมคะแหะ ๆ ^^” เจย์มองเอิงเอยที่จำแห้งเขาลุกขึ้น ก่อนจะเชยคางเอิงเอยมาจูบอย่างดูดดื่มเอิงเอยจูบตอบด้วยรอยยิ้มเขินในทันทีไม่นานเจย์ก็ผละจูบออกไปสองสายตามองกันพร้อมกับ
“แย่จังนะคะ พอดีพ่อแม่เอิงทิ้งมรดกไว้ให้เยอะมากเสียด้วยสิ” เอิงเอยเอ่ยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากเมย่าได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ที่ไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเอิงเอยได้แล้วตอนนี้ผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาใสซื่ออย่างเอิงเอยก็กำลังควบคุมเอิงเอยจนอยู่หมัดเมย่ามองทั้งสองด้วยความแค้นก่อนจะเอ่ยขึ้น“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เมย่าเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหลังเดินจากไป ส่วนเอิงเอยได้ยักไหล่ออกมาอย่างไม่แคร์ “ไม่รับฝากจ้าขี้เกียจถือมันหนักคิกๆ” เจย์ส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของเอิงเอยเขาถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกไม่สบายใจทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้กับเข้ามาสะสางปัญหาให้เขาจนหมดสิ้น“ขอโทษนะครับ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพี่แท้ ๆ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด เอิงเอยมองใบหน้าหล่อก่อนฉีกยิ้มกว้าง“งั้นเอิงขอกอดจากพี่เจย์แน่น ๆ เป็นของรางวัลได้ไหม?”"แถมให้มากกว่ากอด ทั้งคืนเลยครับ"ใบหน้าหล่อระบายยิ้มออกมาก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายเต็มรัก เอิงเอยจมอยู่ในอ้อมกอดแกร่งด้วยรอยยิ้มและหวังว่าต่อจากนี้ผู้ชายของเอิงเอยจะมีแต่ความสุขในทุกๆ วันหนึ่งเดือนต่อมากระแสคู่จิ้นของเจย์และเควินได้ค่อย ๆ หาย
“นายแบบชิดกับนางแบบหน่อยครับ” เจย์ขยับตามคำสั่งเขาโอบเอวบางอันเปลือยเปล่าของเอิงเอยก่อนจะบีบเคล้นมันเบาๆ เอิงเอยเบ้หน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อยเงยหน้ามองเจย์ที่ส่งสายตาดุให้กับเธอ แต่เจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มหวานกลับไป“ดีครับน้องนางแบบขอยิ้มแบบสดใสเลยนะครับ” เอิงเอยทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะปรับเปลี่ยนท่าไปตามที่ช่างภาพบอกทุกคนต่างมองด้วยความอึ้งเพราะทั้งสองดูเข้ากันได้ดีมากประหนึ่งถ่ายแบบคู่รักก็ไม่ปาน“ดีครับเจย์กอดจากด้านหลังได้ไหมครับนางแบบโอเครึเปล่า” ช่างภาพเอ่ยถามเอิงเอยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มไม่นานเจย์ก็เดินไปทางด้านหลังของเอิงเอย ก่อนจะสวมกอดจากด้านหลังและใช้ใบหน้าหล่อเกยบนไหล่ของเอิงเอย“ดีมากครับยิ้มหน่อยครับนางแบบเอามือ แตะหน้านายแบบ เยี่ยมครับ” ทั้งสองถ่ายอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกไปรอเปลี่ยนฉากเอิงเอยโดนช่างแต่งหน้าเรียกไปเติมหน้า เช่นเดียวกับเจย์ไม่นานฉากใหม่ก็ถูกจัดขึ้นและทั้งสองต้องลงไปนั่งในบ่อน้ำด้วยกันเอิงเอยลงนั่งเป็นคนแรกระดับน้ำอยู่ตรงช่วงอกของเอิงเอยพอดีไม่นานเจย์ก็เดินตามเข้ามา“กลับบ้านไปเจอแน่” เขาเอ่ยเสียงดุก่อนจะหันไปสนใจช่างภาพอีกครั้ง เอิงเอยที่ได้ยินแบบนั้นก็
ในที่สุดก็มาถึงวันที่มีนัดถ่ายแบบเอิงเองกับเจย์แยกกันมาเพราะเมื่อวานเจย์มีถ่ายงาน ส่วนเรื่องข่าวที่เจย์ลงรูปเอิงเอย เธอก็พึ่งรู้ แน่นอนว่าเจ้าตัวเขินมากแต่ก็แอบเสียใจนิดหน่อยที่คอมเม้นส่วนใหญ่คิดว่าคนในรูปเป็นเควินดารานายแบบที่กำลังมีข่าวกันอยู่ แถมทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ออกมาเคลียร์แต่อย่างใด“สวัสดีครับ” เจย์ที่อยู่เปลือยกายท่อนบ่นโชว์แผงอกและหน้าท้องแกร่งเอ่ยทักทายเหล่าทีมงานด้วยรอยยิ้ม เขาแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวตัวบางแต่ไม่ได้ติดกระดุม เพราะเป็นคอนเซ็ปต์ชุดว่ายน้ำฉากหลังเลยจัดเป็นคล้ายๆ ทะเล ด้านล่างก็มีทรายจริงพร้อมของตกแต่งทีมงานที่เป็นสาว ๆ ต่างพากันน้ำลายย้อยให้กับความหล่อความสมบูรณ์ของเจย์กันยกใหญ่“เจย์” เจย์หันไปตามเสียงเรียกใบหน้าหล่อมีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะโค้งทักทายอีกฝ่ายที่มีอายุกว่า“สวัสดีครับพี่เมย่า” เขาเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพมองเมย่าที่มาในชุดคลุมอาบน้ำ ผมของเธอดัดลอน และแต่งหน้าจัดใบหน้าของพี่เมย่ายิ้มแย้มให้กับเขา แต่เจย์กลับก็ไม่ได้ยิ้มตอบแต่อย่างใด หลังจากที่เขารู้ความจริงที่น่ารังเกียจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังที่ลอบทำร้ายเอิงเอยคือเมย่าเขากลับรู้สึกรังเกียจเธอขึ้นมาก“ไม่ได
ในที่สุด ตอนนี้เอิงเอยกลายเป็นผู้บริหารสูงสุดแทนเจ้าของบริษัทไปโดยปริยาย “แต่ว่าเอิงเอยมีเรื่องให้ช่วยหน่อยได้รึเปล่าคะถ้าได้เอิงเอยจะเพิ่มให้พิเศษอีกสองแสน” คนที่ฟังตาลุกวาวทันที“ได้สิครับได้เลยครับ”“คือกำหนดการถ่ายแบบของนายแบบที่ชื่อเจย์กับนางแบบที่ชื่อเมย่าในวันมะรืนนี้น่ะค่ะ” คนที่ได้ฟังชะงักไปเล็กน้อยที่อีกฝ่ายรู้ตารางงานของทั้งสองด้วยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป“พอเปลี่ยนจะนางแบบได้ไหม” เอิงเอยเอียงคอถามอีกฝ่ายอย่างน่ารักแม้ตอนนี้เอิงเอยจะเป็นผู้บริหารสูงสุดแต่ก็ยังไม่ได้ยืนยันในทันทีอำนาจต่างๆ จึงยังอยู่กับผู้ชายตรงหน้าอยู่แม้จะเซ็นเอกสารโอนหุ้นแล้วก็ตาม“คะคือว่า..” เจ้าของบริษัทหนักใจทันทีเพราะงานนี้เมย่าเป็นคนมาขอทำเอง และบอกว่าจะทำให้นิตยสารขายหมดให้ได้ซึ่งเขาก็แอบหนักใจเพราะนายแบบดันมีข่าวไม่ดีอยู่ตอนนี้“สองแสนค่ะ^^” เอิงเอยเอ่ยย้ำด้วยรอยยิ้มก่อนจะโชว์เงินสดในกระเป๋าล่อตาล่อใจอีกฝ่าย“ไม่ทราบว่านางแบบที่จะเปลี่ยนเป็นนางแบบในสังกัดของผมหรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามเพราะนางแบบดัง ๆ ของสังกัดเขามีแค่เมย่าเท่านั้นเขาเลยเอ็นดูเอิงเอยเป็นพิเศษส่วนคนอื่นๆ ก็พอขายงานออกแต่ไม่ได้ปังเท่
รุ่งเช้าเพี้ยะ!“โอ๊ยอะไรเนี่ยพี่!” เจย์เบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่อโดนฝ่ามือของผู้จัดการ ฟาดมาเต็มหลังพร้อมกับสายตาอาฆาตนั่นอีก“จะอะไรซะอีกล่ะรูปเมื่อคืนคืออะไรยังไง” ผู้จัดการเอ่ยถามทันทีเมื่อวาน เพราะแทบไม่ได้นอน หลังจากต้องตอบคำถามมากมายจากลูกค้าที่ทักเข้ามา บางคนก็ไม่พอใจถึงขนาดแคนเซิ่ลงานเลยก็มี ทั้งที่ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าของมือปริศนาคือใครเลยด้วยซ้ำ“เอิงเอย” คำตอบของเจย์ทำเอาผู้จัดการที่หน้าบูดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นอมยิ้มทันที พร้อมกับหันไปมองเจย์ที่ตั้งใจขับรถอยู่ก่อนเอ่ยแซว“ฮันแหน่ แพ้ภัยตัวเองแล้วหรือจ๊ะเจย์ ไหนว่าไม่ชอบผู้หญิงแอ๊บแบ๊ว บลาๆ ~” เจย์มองอีกฝ่ายที่เล่นแซวเขาไม่หยุดรวมถึงเอาคำพูดเก่าๆ ของเขามาล้อเพิ่มเติมอีกใบหน้าหล่อส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะตั้งใจขับรถออกไปRrrrrr เสียงจากมือถือของเจย์ดังขึ้น ในขณะที่ผู้จัดการหันไปมองเห็นพอดี “ไอ้เจย์~ นายทำอะไรเนี่ย!” เจย์รีบหันมาด้วยความตกใจทันทีเมื่อเห็นผู้จัดการกำลังชี้ไปที่กลางจอภายในรถที่เชื่อมกับมือถือของเขาเผยให้เห็นชื่อขอคนโทรมา“เอิงเอยสุดที่รัก…โอ้ยยยย~ ไอ้เจย์ อึ่ยขนลุกอะ~” ผู้จัดการตัวท่าทีขนลุกเขาหัวเราะเล็กน้อยก่อ