บทที่ 81 ซื้อหุ้น กาลเวลาผันผ่านมาหนึ่งปีหลังเหตุการณ์ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน แม้รอยแผลในใจผู้คนจะยังคงอยู่ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ครอบครัวของหมอเซี่ยชิงโม่ก็เช่นกัน ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่เรือนสี่ประสานในกรุงปักกิ่งอีกครั้งเพื่อฉลองปีใหม่บรรยากาศภายในบ้านอบอวลไปด้วยความสุขสมาชิกครอบครัวต่างมีรอยยิ้มบนใบหน้า พี่ใหญ่ น้องสาม และน้องสะใภ้สาม ต่างทำงานที่โรงงานผลิตสบู่ของครอบครัวช่วงแรก พวกเขาต้องปรับตัวกับงานใหม่ โชคดีที่หมอเซี่ยชิงโม่ได้จัดหาผู้จัดการและเลขาที่มีความสามารถจากปักกิ่งมาช่วยสอนงานและให้คำปรึกษา เปรียบเสมือนการฝึกอบรมผู้บริหารแบบเข้มข้นน้องสะใภ้สามเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ เธอสามารถเข้าใจงานต่างๆ ภายในโรงงานได้อย่างรวดเร็ว เพียง 6 เดือน เธอก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล และเธอก็ไม่ทำให้หมอเซี่ยชิงโม่ผิดหวัง จัดการงานที่รับผิดชอบได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนพี่ใหญ่และน้องสามก็เรียนรู้งานต่างๆ ได้ดีเช่นกัน พวกเขาช่วยกันบริหารโรงงานให้เจริญรุ่งเรืองส่วนร้านหมูพะโล้วังหลวงที่ตอนนี้ เป็นร้านมีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของเมืองจู่ไห่นั้น พี่สะใภ้ใหญ่ขึ้น
บทที่ 82 ขายหุ้นเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วดังสายลมพัด ตอนนี้เข้าเดือนที่2 ที่พวกเขาซื้อหุ้นเอาไว้และตอนนี้แก๊งบอยแบนด์และทุกคนต่างก็มีความสุขที่หุ้นที่ซื้อเอาไว้นั้น ราคาพุ่งขึ้นมาทำให้พวกเขามีกำไรมหาศาล พวกเขาต่างก็เฉลิมฉลองกับความสำเร็จนี้ และแล้วก่อนที่จะเข้าเดือนที่ 3 เซี่ยชิงโม่ก็ส่งข่าวบอกทุกคนว่าเธอต้องการที่จะขายหุ้นที่ซื้อเอาไว้ทั้งหมดแล้วตอนนี้แก๊งบอยแบนด์และทุกคนต่างมารวมตัวกันที่บ้านสี่ประสานหยางหยาง: "ทำไมถึงจะรีบขายละครับคุณหนูเซี่ย ตอนนี้ราคากำลังขึ้นดีเลยนะ" หยางหยางอาแป๊ะสายร่าเริง ขวัญใจสาวๆ ถามขึ้นมา เขารู้ว่าเซี่ยชิงโม่นั้นเก่งมาก แต่ว่าคราวนี้ราคามันกำลังขึ้นมาสวยจริงๆ ทำไมถึงได้จะรีบขาย เขาไม่ค่อยเข้าใจเพราะถ้าให้ปล่อยให้ราคาขึ้นอีกสักหน่อยเงินก็จะก้อนใหญ่มากกว่านี้ (คิดตามประสาเม่าน้อย)เว่ยอัน หนุ่มเซอร์ : "จริงของหยางหยางนะครับ ราคากำลังดีเลย ทำไมถึงรีบขายล่ะครับ"สมาชิกคนอื่นๆ : "ใช่ ใช่ ใช่ รออีกนิด ราคาน่าจะขึ้นไปอีก"เซี่ยชิงโม่: (ยิ้ม) "ฉันรู้ว่าทุกคนสงสัย แต่ฉันมีเหตุผลของฉันเอง"หยางหยาง: "อะไรเหรอครับคุณหนูเซี่ย บอกพวกเรามาหน่อยสิ"เซี่ยชิงโม่: "จากการ
บทที่ 83 ฟองสบู่แตก / หลีว่านเคอ อนาจักรอสังหาริมทรัพย์บนเส้นด้ายปี 1992 หลี่เฉิน ประธานบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หลี่ว่านเคอ ยักษ์ใหญ่แห่งเซินเจิ้น กำลังเผชิญกับ มรสุมลูกใหญ่ ในชีวิต ฟองสบู่เศรษฐกิจจีนที่พองโตมาหลายปี เริ่มแตกออก ส่งผลต่อทุกภาคส่วน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเฟื่องฟู กลายเป็น ทะเลทราย ร้อนระอุโครงการ ของหลี่ว่านเคอ หลายแห่ง หยุดชะงัก ผู้ซื้อ หายหน้า เงินทุน ขาดแคลน พนักงาน เริ่ม หวาดกลัว อนาคต บรรยากาศในบริษัท อึมครึมหลี่เฉิน กัดฟันฝ่าฟัน พยายามหาทางออก เขา ทุ่มเท ทั้งแรงกายแรงใจ หาเงินทุนใหม่ เจรจากับธนาคาร โน้มน้าวลูกค้าแต่ ปัญหาไม่ได้ง่าย หลายธนาคาร ปิดตายไม่ยอมที่จะเจรจากับเขาเพื่อขอผ่อนผันการชำระหนี้อีกต่อไปลูกค้าของเขาทั้งหมดต่างลังเล ไม่กล้าซื้อ ขายในช่วงวิกฤตเช่นนี้ทุกคนต่างต้องการที่จะถือเงินสดเอาไว้ให้ได้มากที่สุดความเครียด กัดกินหลี่เฉิน เขาเริ่ม สูญเสีย ความมั่นใจภาพอดีตอันรุ่งเรืองย้อนกลับมาหลอกหลอน เขาเคยเป็น เด็กหนุ่ม ไฟแรงเขาสร้างอาณาจักรอสังหาฯ ขึ้นมาจาก ศูนย์แต่ตอนนี้ อาณาจักรของเขา กำลัง พังทลาย ต่อหน้าต่อตาหลี่เฉิน รู้ดีว่า เขาต้อง ตัดสิน
บทที่ 84 แฝดสามไปเรียนต่อที่อเมริกา/ยุโรปเดือนกุมภาพันธ์ของปี 1993 แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่าง กระทบใบหน้าของเซี่ยชิงโม่ หญิงสาววัย 32 ปี แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป๊ะปัง ผิวพรรณผ่องใส ไร้ริ้วรอย ทำให้เธอดูเหมือนอายุเพียง 24-25 ปีเท่านั้นเซี่ยชิงโม่ลืมตาตื่นขึ้นมา ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีก่อน วันที่เธอได้ย้อนเวลากลับมาในอดีต ชีวิตที่ผ่านมาของเธอช่างมีความสุข ครอบครัวอบอุ่น สามีที่แสนดี และลูกๆ ทั้งสามที่น่ารัก ตอนนี้ลูกๆ ของเธอเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องออกจากรังเพื่อโบยบิน เรียนรู้ และหาประสบการณ์ในชีวิตบนโลกกว้างเจ้าใหญ่และเจ้ารองตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกา ประเทศมหาอำนาจที่เต็มไปด้วยโอกาส ส่วนเจ้าเล็กเลือกที่จะไปเรียนต่อที่ยุโรป ดินแดนแห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานเซี่ยชิงโม่รู้สึกทั้งดีใจและใจหาย ดีใจที่ลูกๆ ของเธอมีโอกาสได้ไปเรียนรู้และหาประสบการณ์ในชีวิต แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็รู้สึกใจหายที่ลูกๆ จะต้องอยู่ห่างไกลจากเธอเธอเดินไปที่เตียงนอน มองดูลูกๆ ทั้งสามที่กำลังหลับใหลอย่างสบาย เซี่ยชิงโม่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ลูบไล้เส้นผมของพวกเขาเบาๆ“
บทที่ 85 เสียวเฮยกลับมาแล้วเซี่ยชิงโม่นั่งอ่านรายงานผลประกอบการของหลีว่านเคอประจำปี 1995 รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเธอ ผลประกอบการดีเกินคาด รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน กำไรขั้นต้นแตะ 45% ของรายได้ทั้งหมด บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังขยายสาขาไปทั่วประเทศผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมนี้ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเธอและทีมงานทั้งหมดเธอรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จนี้ ตอนนี้หลี่ว่านเคอมีสำนักงานสาขาย่อยอยู่ที่กรุงปักกิ่งเธอและเฉินหวังตงดูแลสาขานี้ ส่วนสาขาที่เซินเจิ้นยังคงเป็นหลี่เฉินที่บริหารอยู่ พวกเขาจะนัดประชุมกันทุก 2 – 3 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับโปรเจคที่ได้มา..ตอนนี้การทำงานของทั้งสามคนนั้นประสานกันได้ดีมากทีเดียวเธอพลิกดูรายงานอีกครั้ง ตัวเลขต่างๆ ล้วนน่าประทับใจ กำไร ยอดขายเติบโตในทุกๆ แผนก ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เซี่ยชิงโม่ลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังทิวทัศน์ของเมือง เธอเคยลั่นวาจาว่าจะพัฒนาบริษัทนี้ต่อไปให้มุ่งสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินตามทางของมันอยู่ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ"เข้ามา" เซี่ยชิ
บทที่ 86 เจ้าชายทั้งสามของตระกูลเฉินเรื่องราวชีวิตของเซี่ยชิงโม่ผันผ่านขึ้นลงมากมายตอนนี้เธออายุเข้าปีที่ 42 แล้ว เธอมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้มาก ความกังวลเรื่องการที่ต้องย้อนกลับไปโลกปัจจุบันหมดไปแล้ว สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คือการมีความสุขกับชีวิตครอบครัว เธอมีสามีที่ดีเลิศเคียงข้างมีครอบครัวที่อบอุ่นช่วยเหลือกันและกันเสมอ ตอนนี้เธอรอดูความสำเร็จของลูกๆ ของเธอและมีความสุขไปกับความสำเร็จของพวกเขาเท่านั้น และแล้วลูกชายของเธอก็เรียนจบเจ้าใหญ่เฉินหลง คุณชายใหญ่ผู้เก่งกาจด้านบริหารเฉินหลง ในวัย 25 ปี เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปร่าง สง่างาม สมกับเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเฉิน ดวงตาสีดำขลับฉายแววมุ่งมั่น บ่งบอกถึงความทะเยอทะยานที่เปี่ยมล้น รอยยิ้มของเขาอบอุ่น ดึงดูดใจผู้คนให้เข้าหา เฉินหลงไม่ใช่แค่หนุ่มรูปงาม แต่เขายังมีสมองที่เฉียบแหลม เพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกากลับมาเขามีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม เข้าใจกลไกของธุรกิจ และพร้อมนำความรู้มาประยุกต์ใช้เขาไม่ต้องการแค่สานต่อธุรกิจของครอบครัว แต่เขาใฝ่ฝันที่จะขยายอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เขามีคว
บทที่ 87 เที่ยวรอบโลก / หยางชิงเย่วหนีออกจากบ้านแสงแดดยามเย็นสาดส่องลงบนทะเลสาบลูเซิร์นประเทศสวิสแลนด์ ท้องฟ้าเป็นสีทองอร่าม ทิวทัศน์โดยรอบงดงามราวกับภาพวาด เซี่ยชิงโม่ หญิงสาววัย 55 ปี กำลังนั่งจิบไวน์อยู่ริมทะเลสาบ ใบหน้าของเธอยังคงเปี่ยมเสน่ห์ ดวงตากลมโตเปล่งประกาย ความงามของเธอไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาครึ่งค่อนชีวิตเซี่ยชิงโม่สวมชุดเดรสสีขาวเข้ารูปเนื้อผ้าไหมพรม เส้นผมสีดำขลับยาวสลวยประดับด้วยเครื่องประดับเพชรระยิบระยับ ผิวพรรณของเธอขาวเนียนละเอียดไร้ริ้วรอยบ่งบอกถึงการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเคียงข้างเธอคือ เฉินหวังตงสามีผู้เป็นที่รักทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวเดิมโต๊ะตัวเดิมที่พวกเขาเคยมานั่งจิบไวน์ด้วยกันเมื่อหลายปีก่อนในช่วงฮันนิมูนแต่ตอนนั้นพวกเขาพาเด็กๆมาด้วยเลยไม่ค่อยได้สวิทกันมากนักคราวนี้พวกเขามาแค่สองคนเธอหันไปมองเฉินหวังตงที่นั่งข้างๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ ชีวิตหลังเกษียณช่างแสนวิเศษหลังจากลูกๆ หลานๆ เรียนจบและเริ่มทำงาน พวกเขาก็ทยอยส่งต่องานทั้งหมดให้ลูกหลานดูแล เซี่ยชิงโม่และเฉินหวังตง จึงตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลืออย่างอิสระ ออกเดินทางท่องเที
บทที่ 88 นายพลเซี่ยจงถึงแก่อสัญกรรม วันเวลาผันผ่านไปดุจดั่งสายน้ำไหล ที่ไม่มีทางที่จะไหลย้อนคืนมาเปรียบดังชีวิตของคน ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่เพียงใดสุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญไปตามกาลเวลา นายพลเซี่ยจงชายชราในวัย 89 ปี ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงภายในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของปักกิ่ง โรงพยาบาลเซี่ยเฉิน รอบเตียงนั้นญาติพี่น้อง ลูกหลานต่างก็มารายล้อมท่าน บางคนนั่งที่โซฟา บางคนยืน บางคนนั่งกลับพื้น เป็นภาพที่ ถ้าจะมองให้อบอุ่นก็คือความอบอุ่น ถ้าจะมองให้โศกเศร้านี้คือภาพของการจากลาเซี่ยจงนายทหารชายชราผู้ที่เคยองอาจกล้าหาญ สง่างามบ่าอันกว้างใหญ่ของเขาที่เคยแบกรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่มามากมาย ตอนนี้ผอมบางลงจนเปราะบางราวกับกิ่งไม้แห้งที่พร้อมจะหักโค่นเขาหลับตาพริ้มระลึกถึงอดีตอันรุ่งโรจน์เขาระลึกถึงความหลังตอนที่เขาสมัครไปเป็นพลทหารเพื่อรับใช้ชาติ เหตุการณ์ในชีวิตหลายอย่างไหล่หลั่งผ่านเข้ามาในสมองของเขาบางครั้งเขายิ้มบางครั้งก็มีสีหน้าโศกเศร้าและมีน้ำตาไหลซึมออกมาเขาพยายามมองดูลูกหลานที่มาเฝ้าเขาที่ห้องด้วยดวงตาฝ้าฟางของเขา มองดูทุกๆ คน นี้คือกิ่งก้านสาขาของตระกูลเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ของเขา เขามองดูลูกชายคนโตที่ส
บทส่งท้าย ส่งต่อแหวนมิติ2 วันต่อมาคู่สามีภรรยาหลังจากที่พากันไปจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงขับรถไปที่บริเวณที่เป็นเรือนสี่ประสานที่พวกเขาเคยอยู่ตั้งแต่ในยุค 70 เมื่อขับรถผ่านและจอดมอง พวกเขาเห็นเรือนสี่ประสานที่ยังคงงดงามและมีมนต์เสน่ห์เช่นเดิม นั้นสามารถบอกได้ว่าลูกๆ หลานๆ ของพวกเขานั้นดูแลเรือนหลังนี้เอาไว้อย่างดี พวกเขาจอดรถและเฝ้ามองอยู่ที่ประตูตั้งแต่เช้าไม่นานก็เห็นรถโรลส-รอยซ์สีขาวคันใหญ่ค่อยๆ ขับออกมาขณะที่รถคันนั้นกำลังจะขับผ่านพวกเขาไป รถโรลส-รอยซ์คันนั้นก็หยุดกะทันหันเพียงไม่นานประตูก็เปิดออก คนที่ออกมาจากประตูรถเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่แต่งกายเหมือนชุดอนุบาลเรียบร้อย เธอเปิดประตูออกมาแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ประตูบ้านทันที ประตูเรือนสี่ประสานยังไม่ทันได้ปิดก็มีร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งมาในมือของเขานั้นมีกล่องเล็กอยู่ 2 สอง ดูเหมือนว่าจะเป็นกล่องข้าว เขายื่นกล่องข้าวใบเล็กนั้นให้กับเจ้าเด็กน้อยจากนั้นก็เดินจูงเธอมาและเปิดประตูรถให้เธอเมื่อเสร็จก็ยกมือขึ้นบ๊ายบาย 2-3 ครั้งก่อนจะปิดประตู และยืนมองจนกระทั่งรถคนนั้นหายไปจากสายตา เขากำลังจะกลับเข้าไปที่บ้านแต่เหมือนว่าเขา
บทที่ 103 จากฮีโร่สู้ผู้ร้ายเช้าวันต่อต่อมาเกิดข่าวใหญ่ที่สะเทือนเมืองหลวงปักกิ่งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหยวนเปียวน้องของภรรยารองของท่านผู้นำ จากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาคือฮีโร่ที่เข้าช่วยเหลือท่านผู้นำจนตัวเองได้รับบาดเจ็บอาการเป็นตายเท่ากัน มาวันนี้อาการของเขากลับมาดีขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย และที่ทำให้ตกใจมากกว่าเดิมนั้นก็คือ เขาขอให้ทางหมอและพยาบาลช่วยอัดคลิปให้ ตอนแรกพวกหมอและพยาบาลนึกว่าเขาจะอัดคลิปเพื่อบอกให้คนที่เป็นห่วงเขาไม่ต้องห่วงเขาสบายดี แต่ที่ไหนได้คลิปที่เขาอัดกลับกลายเป็นการสารภาพความผิดทั้งหมดที่เขาเคยทำมา รวมทั้งการวางแผนกับพี่สาวของตัวเองซึ่งก็คือภรรยารองของท่านผู้นำเพื่อที่จะสังหารเขานั้นเอง และยังได้บอกอีกว่าพวกเขาคือ ผู้ร้ายข้ามชาติที่แฝงตัวอยู่ในประเทศนานแล้ว และรอเพียงเวลาที่จะลงมือสังหารท่านผู้นำนั้นเองเมื่อคลิปการสารภาพของเขากระจายออกไป ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ขึ้นในสังคมทันที เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยต่างก็รีบเข้าเพื่ออารักขาท่านผู้นำและพวกเขาได้รวบตัวของภรรยารองของท่านผู้นำเอาไว้เพื่อสอบสวนต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะปฎิเสธทุกข้อหาที่น้องชายของเธอพูดก็ตาม ตอ
บทที่ 102ความทรงจำที่หวนคืนเมื่อหยางชิงโม่ออกจากห้องของเฉินหวังตงได้ เธอก็รีบยกหูโทรหาน้องสาวจางหมี่ของเธอทันที“พี่หมอให้หยดน้ำทิพย์ไปเขากินหรือคะ” จางหมี่เอ่ยถามมาตามสาย“ใช่แล้วน้องหมี่ พี่ก็เลยจะถามน้องว่าน้ำทิพย์จะมีผลต่อความทรงจำของเขาหรือไม่นะสิ”หยางชิงโม่เอ่ยออกมาเธอออกจะเป็นกังวลเล็กน้อย“มีผลค่ะ นั้นคือหากว่าเขาสูญเสียความทรงจำไปจริงๆ เขาก็จะกลับมาจำได้อย่างแน่นอน แต่หากว่าเขาไม่มีความทรงจำนั้นอยู่แล้ว น้ำทิพย์ก็เพียงจะทำให้เขาเฉลียวฉลาดมากขึ้นเท่านั้นเอง”จางหมี่บอกคุณสมบัติของน้ำทิพย์สวรรค์ของเธอให้กับพี่หมอหยางชิงโม่ไป ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องใช้น้ำทิพย์เพื่อกระตุ้นความทรงจำเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะอีกไม่นานเขาก็จะจำเธอได้แล้ว แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พวกเขาจะได้ไม่เสียเวลาดีๆ ในชีวิตไป จางหมี่คิด“เช่นนั้นแสดงว่าหากเขาเป็นเฉินหวังตงของพี่จริงๆ เขาก็จะจำพี่ได้แล้วใช่หรือไม่?"หยางชิงโม่ยังต้องการคำตอบเพื่อความแน่ใจ“ใช่แล้วค่ะ เขาจะจำพี่ได้แน่นอน ที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับพี่หมอแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่ฉันก็อยากจะบอกพี่หมอเหมือนกันว่า คู่ชีวิตที่ดีนั้นหาไม่ได้ง่ายน
บทที่ 101 เป็นแฟนกันเถอะนะครับหยางชิงโม่ที่อยู่ในชุดกาวน์ของแพทย์ยืนมองดูร่างของคนไข้ที่ตอนนี้มีสายระโยงระยางเพื่อพยุงชีวิตเขาเต็มไปหมด หมอที่มาตรวจดูอาการของเขาต่างก็ตกอยู่ในอาการงวยงง กันมาก เพราะว่าแผลของเขาที่รับนั้นมันเล็กมาก ไม่ถึง10 เซนติเมตรด้วยซ้ำแต่ว่าอาการของเขานั้นมีหลายครั้งที่ถึงกลับมีอาการหัวใจล้มเหลว พวกเขาต่างพยายามเต็มที่ที่จะช่วยชีวิตของคนไข้รายสำคัญคนนี้ของท่านผู้นำเอาไว้ เพราะแน่นอนว่าพวกเขาทุกคนต่างก็ได้รับข่าวสารเรื่องการที่เขาเป็นผู้ช่วยเหลือท่านผู้นำเอาไว้จากผู้ร้ายหยางชิงโม่นั้นก่อนที่จะมาที่นี่เธอได้โทรหาน้องสาวจางหมี่แล้ว โดยถามว่ายาที่เธอให้มานั้นจะเกิดอาการอย่างไรกับคนที่โดนซึ่งจางหมี่ก็ได้บอกรายละเอียดมาจนครบและเด็กสาวคนนั้นยังบอกอีกว่าหากจะรักษาให้หายเพียงให้หยดน้ำทิพย์เข้าปากเพียง1หยดเท่านั้นเอง และหากว่าอยากจะให้คนร้ายสารภาพและซัดทอดไปถึงผู้บงการจำเป็นต้องมียาอีกตัวที่จะทำให้ประสาทของคนไข้หลอนและสารภาพออกมาเอง โดยการที่เขาจะสารภาพนั้นอาจจะใช้เวลา 1 หรือ 2 วันหลังจากที่เขาอาการดีขึ้น โดยที่พวกเธอไม่ต้องทำอะไร และแน่นอนว่าตอนนี้ยาเม็ดนั้นอยู่ในมือของเ
บทที่ 100 ข่าวเด่นประเด็นร้อนเมื่อเหตุการณ์สงบลงเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาจับกุมตัวของคนร้ายและรถพยาบาลได้นำตัวของหยวนเปียวผู้ที่ได้เข้ามาช่วยท่านผู้นำไปส่งโรงพยาบาล ทุกอย่างก็เริ่มคลี่คลาย ท่านผู้นำเดินมาหาหมอหยางชิงโม่ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่และมือของเธอข้างหนึ่งก็ถูกเฉินหวังตรงจับเอาไว้แน่น“ผมต้องขอโทษคุณหมอด้วยนะครับที่การมาทานอาหารครั้งนี้ทำให้คุณหมอตกอกตกใจขนาดนี้ ไม่นึกจริงๆ การรักษาความปลอดภัยของผมจะหละหลวมขนาดนี้ ผมคงต้องกลับไปจัดการใหม่อีกครั้งแล้วล่ะ” ท่านผู้นำกล่าวขึ้นมา“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นเหตุสุดวิสัย พวกเราไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” หยางชิงโม่พูดขึ้นมา“คุณหมอหยางคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ ฉันกลัวมากเลยค่ะ” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาและร่างของเธอก็ถูกกอดเอาไว้จากด้านหลัง และมือที่ถูกเฉินหวังตงจับเอาไว้แน่นนั้นก็ถูกดึงออก จากมือใหญ่แข็งแรงและมีมือเล็กขาวนวลนั้นก็มาจับเอาไว้แทนเฉินหวังตงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เจ้าบ้าหรูอี้มาแย่ง ‘แฟน’ ของเขาไปและมันยังพัฒนาถึงขั้นกอด ‘แฟน’ ของเขาอีกหยางชิงโม่ที่ถูกกอดจากด้านหลังก็ตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้เธอก็ยกมือขึ้นมาลูบมือของจ้าวหรูอี้แล้วปล
บทที่ 99 ดินเนอร์กับท่านผู้นำประเทศ ep 2 เมื่ออาหารถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ หยางชิงโม่และท่านผู้นำและไม้ประดับคู่นั้นก็เริ่มทานอาหาร บรรยากาศระหว่างมื้ออาหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ท่านผู้นำเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง หยางชิงโม่รู้สึกประทับใจกับความรู้และประสบการณ์ของเขามากจ้าวชุนหยางนั่งทานอาหารมื้อค่ำอย่างเอร็ดอร่อย รอบตัวเขามีเพียงองครักษ์ 2 นาย ยืนประจำการอยู่ห่างๆ บรรยากาศภายในห้องอาหารเงียบสงบ แสงไฟสีนวลสาดส่องลงมาสร้างบรรยากาศอบอุ่นทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากด้านหลังของเขาแต่เมื่อมองไปเห็นเขาเพียงพนักงานที่กำลังถือถาดเพื่อจะนำไวน์มาเสิร์ฟให้พวกเขาเท่านั้น พนักงานชายคนนั้นเดินมาทางด้านหลังและก่อนที่ทุกคนจะทันตั้งตัวเขาก็ชักมีดเล่มเล็กออกมาและจ่อไปที่คอของท่านผู้นำประเทศทันที“อย่าขยับไม่อย่างนั้นฉันจะเชือดคอผู้นำของพวกแกแน่นอน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นภาษาจีนแต่ว่าสำเนียงนั้นไม่ชัดเจนเหมือนว่าคนที่พูดเป็นชาวต่างประเทศอย่างไรอย่างนั้นตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น มันเป็นไปได้อย่างไรกับการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขนาดนี้แต่ยังมีคนร้ายสามารถเล็ดลอด
บทที่ 98 ดินเนอร์กับท่านผู้นำประเทศ ep 1 “ผมยังไม่มีแฟนครับ”เฉินหวังตงตอบอย่างภาคภูมิใจ และหันไปมองหน้าของหมอหยางที่ทำสีหน้าประมาณ ‘ฉันนึกแล้ว’ ใส่เขาและเธอก็หันไปขับรถต่อไป ทิ้งให้ภายในรถมีแต่ความเงียบ....เมื่อบอกไปแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปมองหน้าคุณหมอคนสวยพลางรออีก เขารอให้เธอถามต่อหรือแสดงอาการดีใจ อะไรก็ได้ แต่สิ่งที่เขาได้รับคือ ความเงียบและสีหน้านิ่งเฉยและตั้งหน้าตั้งตาเหยียบคันเร่งรถเหมือนจะพยายามขับให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด เฉินหวังตงแสดงอาการผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่ถามต่อ เขาก็เลยจะเฉลยให้เธอฟังซะเลยดีกว่าเพราะตัวเขาเองก็อึดอัดใจเหมือนกัน คือ อยากบอกอยากเล่าอะนะ (55555 สงสาร)“คือว่าผมกับจ้าวหรูอี้เป็นเพียงเพื่อ.....“ถึงคอนโดของคุณเฉินแล้วค่ะ” หยางชิงโม่ที่เหยียบรถห้อมาเต็มที่ในที่สุดก็ถึงคอนโดของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียที เฮ้ออึดอัดเป็นบ้าเลย ทำไมตอนที่เธออยู่ที่ยุค 80 กับเขาตอนนั้นไม่เป็นแบบนี้นะ ตอนนั้นทั้งสองออกจะหวานแหววกันตลอดด้วยและดูเหมือนว่าเขากำลังจะเล่าอะไรอีกแล้วละ ...ขณะที่เฉินหวังตงกำลังจะบอกเงื่อนไขที่เขากับเจ้าจ้าวหรูอี้คุยกันกับเธอ หยางชิงโม่ก็พูดแทรก
บทที่ 97 ผมยังไม่มีแฟน“น้องจะบอกว่ามีคนปองร้ายท่านผู้นำหรือ” หยางชิงโม่ก้มหน้าลงและพูดกระซิบกับจางหมี่ทั้งที่บริเวณนั้นไม่มีใครแต่ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณการระวังตัวนั้นเอง“ทั้งใช่และไม่ใช่ค่ะ” จางหมี่บอกแบบคลุ่มเครือ เธอไม่อยากจะฟันธงไปเลยการมีคนต้องการที่จะปองร้ายท่านผู้ เพราะว่าคนที่ทำนั้นมันอยู่ใกล้ตัวของท่านผู้นำมากนั้นเอง เฮ้อ ปัญหาครอบครัวแม้ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็หนีไม่พ้นจริงๆ จางหมี่คิดหยางชิงโม่หยิบขวดน้ำทิพย์ที่จางหมี่ให้มาแล้วเก็บเอาไว้อย่างดีภายในแหวนมิติของเธอ“แล้วท่านผู้นำจะเชื่อพี่หรือ ถ้าพี่บอกว่าแม่บ้านของเขาน่าสงสัย” หยางชิงโม่กังวลเล็กน้อยเพราะต้องทราบว่าเธอก็แค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือเขาเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดใดๆ กับพวกเขาเลย“เขาจะเชื่อค่ะ อย่าลืมว่ากว่าเขาจะขึ้นมาเป็นผู้นำคนทั้งประเทศได้ไม่ใช่เรื่องง่ายและเขาจะต้องระมัดระวังเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ยิ่งพี่หมอเอายาไปให้และบอกว่ามาจากฉันเขาจะยิ่งตรวจเช็คเรื่องพวกนี้อย่างถี่ถ้วนแน่นอน” จางหมี่บอกออกไป“ได้งั้นพี่จะทำตามที่น้องจางหมี่บอกก็แล้วกัน”"อีกอย่างตอนที่พี่
บทที่ 96 ฉันเลือกที่จะลืมเขาหยางชิงโม่นั่งรอเพียงไม่นาน ร่างแสนสวยของจางหมี่ก็เดินเหมือนลอยมาหาเธอแล้ว สองสาวทักทายกันนิดหน่อยและจางหมี่ก็เชิญเธอเข้าไปด้านในร้าน เพราะว่าภายในร้านชานั้นพวกเธอไม่ได้ขายอาหารเต็มรูปแบบ มีเพียงขนมและของกินเล่นที่ใช้กินคู่กับชาเท่านั้น ส่วนวันนี้นั้นเธอได้นัดที่จะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่พี่หมอ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเข้าไปทานกันด้านใน ในขณะที่พวกเธอสองคนเดินนั้น ได้มีสายตาของหมาป่าต่างเพศสองตัวจ้องอยู่และพวกเขามองส่งนางฟ้าไปจนลับตาพลางถอนหายใจด้วยความเสียดายเฉินหวังตงและจ้าวหรูอี้ที่มองนางฟ้า 2คนเดินเข้าไปข้างในต่างก็ถอนหายใจด้วยความเสียดายเมื่อไม่มีอาหารตาที่แสนสวยแล้ว พวกเขาสองคนก็หันหน้ามาหากันแทน แม้จะเบื่อหน่ายแค่ไหนก็ตาม“งั้นเอาแบบนี้ไหม อีก 2-3 วันนี้คุณปู่ของคุณจะเชิญหมอหยางของผมไปทานอาหารเพื่อเป็นการขอบคุณที่หมอหยางของผมช่วยชีวิตน้องชายของคุณเอาไว้ วันนั้นผมจะถือโอกาสบอกท่านผู้นำเลยว่าเราสองคนตัดสินใจเลิกกัน ส่วนคุณจะไปหาแฟนของคุณก็ไปผมจะเป็นคนบอกเอง”เฉินหวังตงหันมาปรึกษาหาทางออกให้กับทั้งสองฝ่าย“ถ้าแบบนั้นฉันก็คงจะโดนคุณปู่ยำแน่นอน นายมีทางอื่นอีกไห