บรึ้นนน~คัพเค้กยืนระเบียงห้องนอนตัวเองมองรถสปอร์ตขับออกไปจนพ้นประตูหน้าบ้าน“เห้อ!! คิดว่าจะบังคับกันได้เหรอ” คนตัวเล็กแสยะยิ้มแล้วเอ่ยทันที ยังไงเธอก็จะไม่มีวันอยู่ใต้อำนาจคนหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด ผู้ชายที่ไว้ใจไม่ได้ ขนาดน้องสาวตัวเองยังทำได้ลงคอ ทว่า...เรื่องเมื่อคืนมันคือเรื่องจริงใช่ไหม ความสับสนยังคงวนเวียนในใจเหมือนเดิม แต่จะให้เธอทนต่อคงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรออกไปด้านนอกให้สบายใจสักพัก“ทีตัวเองยังออกไปได้เลย” คัพเค้กย่นจมูกนาทีต่อมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนประเภทนั่นจะออกไปไหนได้ เธอจึงหมุนตัวเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายบ้างก่อนจะเปิดประตูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแอ๊ดดดด~“มายืนทำอะไรหน้าห้องฉัน!?” ทันทีที่เปิดกลับเห็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลยืนประกบข้างประตูซ้ายขวา ทั้ง ๆ ที่ชั้นนี้มันคือชั้นห้องพักที่ลูกน้องไม่ควรขึ้นมา ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ“คุณเคนตะสั่งไว้ครับ” ชายฉกรรจ์ตอบคัพเค้กทันที“เพื่อ!?” น้ำเสียงประชดประชันดังก้องอย่างโกรธเคือง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจหรืิอทำกับเธออย่างนี้มาก่อน“คุณเคนตะห้ามไม่ให้คุณหนูออกไปไหนจนกว่าคุณเคนตะจะกลับมา”“เหอะ!! ฝันไปเถอะ หลีกไป ฉันจะออกไปด
เมื่อโจโจ้ขับรถออกจากหน้าบ้านคัพเค้กได้สักระยะ จึงหันไปถามด้วยความสงสัย“บอกมาว่าทำไมต้องหนี มันเกิดอะไรขึ้น” โจโจ้เหลียวหน้ามองเพื่อนสาวพร้อมสลับมองถนนไปด้วย ยิ่งคัพเค้กเป็นหลานสาวคนเดียวของบ้าน ยิ่งน่าแปลกใจที่เด็กโดนสปอยมาโดยตลอดต้องวิ่งหนีบอดี้การ์ดและให้เขาอื่นมารับ“ฉันจะบอกนายยังไงดี” คัพเค้กคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จะปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่พูดหรือจะระบายกับเพื่อนหนุ่มดี“เล่ามาเหอะ อยากรู้จะตายแล้วเนี่ย”“...” คนตัวเล็กได้แต่เงียบนิ่ง ถ้าหากเล่าไปมันก็ไม่มีไรดีขึ้นมา“หรือพี่เธอทำอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ” จู่ ๆ โจโจ้ก็หันมาขมวดคิ้วอย่างสงสัย แววตาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง“นายคิดไร!?” ทำเอาคัพเค้กถามอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ชายจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป“ก็ที่เธอเล่าว่าพี่เคนจูบไงวะ สรุปโดนพี่เขาจูบอีกใช่ไหม ยัยเค้ก”“...” คัพเค้กโล่งใจที่โจโจ้คิดแค่นั้น “นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง“เออดิวะ หรือมันมีมากกว่านั้น”“จะมีได้ไง ตลกแหละ” คัพเค้กเอ่ยกลบเกลื่อน“ไม่มีก็ดีไป”“...” คัพเค้กได้แต่ยิ้มจาง ๆ“แต่ทำไมเธอถึงไม่สนิทกับพี่เคน ทั้ง
ปึง! ปลายเท้าปิดประตูคอนโดตามอารมณ์“เรามาคุยกันดี ๆ ได้ไหมพี่เคน” คัพเค้กอยากให้คนตรงหน้าใจเย็นลง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาร้อนเรื่องอะไรด้วยซ้ำ การมีแฟนมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ทำไมเขาถึงมีได้ แบบนี้มันไม่แฟร์สักนิด“จะคุยอะไร ในเมื่อสิ่งที่ฉันสั่งเธอไม่คิดจะทำตาม” เขาก้าวเท้าเดินตามคัพเค้กที่เริ่มจะเดินถอยหลังเรื่อย ๆ อย่างหวาดระแวง“ก็พี่เคนไม่มีเหตุผล”“ฉันไม่มีเหตุผลตรงไหนห๊ะ!!” เคนตะตะคอกตามอารมณ์เดือดดาล ทำเอาคัพเค้กสะดุ้งด้วยความตกใจ พี่เคนคนเดิมไม่หลงเหลือในความทรงจำของเธอแล้วจริง ๆ“สั่งให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าเค้ก ให้เค้กอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปใน ทำแบบนี้ทำไม” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ ตลอดเวลาเกือบสี่ปีไม่เห็นเขาจะใส่ใจ ดูแลเธอสักนิด พอโดนปู่บังคับให้ดูแลก็ทำหน้าที่เกินที่คาดไว้“ฉันทำเพราะปกป้องตัวเธอเอง” เคนตะเท้าสะเอวพายมือไปยังคนตัวเล็ก“พี่เคนจะด่าว่าเค้กง่ายอีกนะสิที่ออกไปเที่ยวไปมั่วก็เลยอยากจะขัง ขีดเส้นให้เค้ก แบบนี้น่ะเหรอ” คัพเค้กตัดพ้อทันที สิ่งเดียวที่เขามองเธอก็มีแต่สายตาเหยียดหยาม แค่นั้นจริง ๆ“ใช่” และคำตอบที่หลุดจากปากเคนตะแบบไม่ต้องคิด ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าชา จุกใน
คนตัวเล็กเดินออกมานั่งหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นเพียงคนเดียว ความเหงาทำให้คัพเค้กทบทวนสิ่งที่เพิ่งเสียไป สิ่งที่คิดจะเก็บเอาไว้ให้คนรัก แต่ถูกทำลายด้วยฝีมือคนเคยรัก“ทำไมไม่เข้าไปนอน” ร่างสูงใหญ่ยืนพิงขอบประตูจ้องมองคัพเค้กได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่เห็นท่าทีว่าคนใจลอยจะเห็นเขาสักที จนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามไปก่อน“จะกลับบ้าน” คัพเค้กเอ่ยเสียงห้วน ๆ โดยไม่คิดจะหันไปมองต้นเสียง“มันดึกแล้ว จะกลับทำไม นอนที่นี่แหละ แล้วนี่จะกินไร เดี๋ยว...ฉันสั่งขึ้นมาให้” เคนตะหยุดนิ่ง ก่อนจะเอ่ยสรรพนามแทนตัวเองเหมือนเดิม“ไม่ ฉันจะกลับบ้าน” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวออกจากโซฟา“พูดใหม่!!” เมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวเองที่เปลี่ยนไป คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ“...” คัพเค้กจ้องหน้าเคนตะไม่วางตาแล้วสาวเท้าไปหยิบกุญแจรถของเขาโดยไม่คิดจะเอ่ยขอให้เสียเวลาหมับ!“พูดใหม่!!” มือหนาคว้าแขนคัพเค้กเอาไว้ สั่งประโยคเดิมออกไปเสียงเข้ม “แล้วจะไปไหนห๊ะ!?”“อย่ามายุ่ง” เธอสะบัดแขนแต่ก็ไม่สามารถเป็นอิสระได้“จะเอาแต่ใจตัวเองไปถึงไหน” เคนตะส่ายหัวไปมาพร้อมทั้งแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา“ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเอง แต่กำลังทำตามที่ต
“คุณหนู คุณหนูอย่าวิ่งค่า” “เค้กจะไปหาพี่เคน” คัพเค้กเหลียวหน้าลงมามองพี่เลี้ยง แล้ววิ่งขึ้นด้านบนต่อ “อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ อยู่ด้านล่างทานขนมก่อนนะคะ” พี่เลี้ยงเอ่ยห้ามเอาไว้ตามคำสั่งเคนตะ หลอกล่อด้วยของชอบของคุณหนู“ไม่ค่ะ เค้กอยากไปอวดกระเป๋าใบใหม่ที่คุณปู่เพิ่งส่งมาให้” คัพเค้กไม่ฟังคำเอ่ยห้ามจากพี่เลี้ยงแต่อย่างใด วิ่งขึ้นบันไดไปห้องนอนพี่ชายคนกลางทันทีเพราะในบรรดาพี่ชายทั้งหมด คงจะมีแค่เคนตะที่มีเวลาให้เธอและตามใจเธอที่สุด ไม่ว่าอยากได้อะไรเคนตะไม่เคยขัดใจเลยสักครั้งและมันคงจะเป็นแบบนั้นตลอดไปคัพเค้กในชุดยูนิฟอร์มมอต้นที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ถือกระเป๋าใบใหม่ของขวัญวันเรียนจบจากคางูยะ เธอเอื้อมมือเปิดประตูห้องโดยที่ไม่คิดจะขออนุญาตเจ้าของห้องเพราะเป็นเรื่องปกติที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว “ซื้ดดด~ อย่างนั้นแหละ ดีมาก” ภาพที่เห็นคือภาพของเคนตะกำลังนั่งปลายเตียง โดยมีหญิงสาวผมสีบรอนซ์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ บริเวณหน้าขาเคนตะและเขากำลังใช้มือในการบังคับศีรษะให้ขยับเข้าออกพร้อมทั้งเสียงครางด้วยความสุขสมกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนั่นทำให้ตุบ! กระเป๋าแบรนด์ดังหล่นลงไปวางกับพื้น “คัพเค้ก!!” สายตาคมเหลือบ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคัพเค้กเหยียบคันเร่งช้าลงเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนดี จะหนีไปอยู่กับโจโจ้ก็รู้ดีว่าเคนตะต้องหาเจอแน่นอน แต่ถ้าไปค้างที่อื่นที่ไม่ใช่คอนโดตัวเองก็ไม่รู้อีกจะไปที่ไหนดี ไม่เคยสักครั้งที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว ยิ่งถ้าต่างจังหวัดด้วยแล้ว อย่างน้อย ๆ ต้องมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยคัพเค้กเลี้ยวเข้าห้างเพื่อซื้อโทรศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยคิดหาทางอีกทีเมื่อได้สิ่งที่ต้องการอย่างแรกที่คััพเค้กทำก็คือติดต่อหา ‘คริสเตียน’“พี่คริส”(เปลี่ยนเบอร์โทรเหรอเค้ก มีอะไรรึเปล่า) ปลายสายถามอย่างงุนงงและสงสัย“ไม่มีไรหรอกค่า พี่คริสไปฮันนีมูนเป็นยังไงบ้าง ความสุขทะลักออกมายังคะ!?” น้ำเสียงอิจฉาพี่ชายเอ่ยถาม อยากจะมีความสุขกับเขาบ้าง แต่คงไม่มีวันนั้น(ถ้าอยู่บ้านแล้วเหงา ตามพี่มาไหม) คริสเตียนสัมผัสได้ถึงน้ำเสียง แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้มากความจึงเอ่ยชวนน้องสาวมาคลายเครียดแทนการอยู่บ้าน“ไม่เอาหรอกค่ะ ไปแล้วเดี๋ยวจะตาร้อนกว่าเดิม” คัพเค้กตอบกลับไปย่นจมูกส่ายหน้าอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ(หึ งั้นรอพี่กลับไทย ค่อยไปเชียงใหม่พร้อมกัน พี่จะพารวงข้าวไปพักที่นั้น)“โอเคค่า ฮันนีมูนให้สนุกนะ
วันต่อมาคัพเค้กในชุดแซกกางเกงขายาวผูกโบว์ด้านหลังโชว์แผนหลังขาวเนียน ความจริงอากาศที่นี่ค่อยข้างหนาว ทว่าเธอยอมใส่ชุดนี้เพื่อที่จะออกมาถ่ายรูปกับดอกไม้ในสวน เมื่อเดินมาถึงล็อบบี้รีสอร์ตสายตาหวานเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นชิน“พี่เคน” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาเคนตะที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอสายตาไปปะทะเข้ากับคนตัวเล็กก็รีบลุกขึ้นเดินไปหาในทันที“อยากไปเที่ยวที่ไหนไหม” ดวงตาสีน้ำข้าวจ้องมองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้าถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“ยังไม่กลับไปอีกเหรอ” คัพเค้กกอดอกแววตาไม่ได้ญาติดีสักนิด ถามกลับไปเสียงแข็ง ๆ“เค้กกลับวันไหนพี่กลับวันนั้น” เขาตอบด้วยท่าทีอ่อนลง“พี่เคนกลับไปทำงานเถอะ สองสามวันจะกลับไป” ในเมื่อพี่ชายของเขาไม่ได้คิดจะย้อนเรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อวาน เธอเองไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นมาอีก“พี่ว่าง ให้พี่อยู่กับเค้กนะ”“แต่เค้กอึดอัด” คัพเค้กบอกตรง ๆ“ทนหน่อยแล้วกัน แค่สองสามวันเอง” เคนตะยังคงดื้อด้าน เดินไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่วางบนโต๊ะหน้าโซฟาขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับมาหาคัพเค้ก “ตกลงจะไปเที่ยวไหน”“เค้กไม่ได้พารถมา เดินเล่นในสวนรีสอร์ตนี่แหละ” คนตัวเล็กเผลอตอบอย่างลืมตัว“พี่เช่ารถไว
“ทำไมมองพี่แบบนั้น” เคนตะขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเดินกลับมาแล้วเห็นสายตาจับผิดจากคัพเค้ก“เปล่า” ทว่าคัพเค้กปฏิเสธ ไม่คิดจะล้ำเส้น“อยากถามไรก็ถาม จะได้ตอบ”“ก็บอกอยู่ว่าเปล่า”“แน่ใจ!?” เขายื่นหน้ามาใกล้ ๆ“เอ๊ะ!!” ทำให้คนตัวเล็กออกอาการหัวเสียขึ้นมา“โอเค ๆ เอาเสื้อใส่ไว้” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ แล้วเดินวนไปด้านหลังสวมเสื้อคลุมไหล่มนวิ้ว~ คัพเค้กเบี่ยงไหล่ คว้าเสื้อมาสวมทับเอง ไม่แคร์สายตาที่มองเธออย่างเหนื่อย ๆ“อยากถ่ายรูปไหม” เคนตะเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้บรรยากาศดีขึ้นทว่า...อีกคนไม่ได้สนใจคำถามและทำเหมือนกับว่าเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น“เค้กหิว” คนตัวเล็กหมุนตัวเดินไปที่ร้านอาหาร ร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่นั่งรถเข้ามาแล้วทำให้คนที่รอตามใจต้องเดินตามคัพเค้กไปร้านที่ทำด้วยไม้ไผ่อย่างขัดไม่ได้“เดี๋ยวพี่สั่งให้นะ” เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร เขาจึงเลือกที่จะทำหน้าที่ทันที“...” คัพเค้กไม่ได้คิดจะขัด เธอเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแทนการสนทนา บรรยากาศรอบ ๆ ถึงแม้จะสวยสบายตาและเย็นสดชื่นกาย แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต่างร้อนรนใจ คนหนึ่งก็อยากจะให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ จะได้กลั
เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูจอดหน้าอาคารเรียน ดวงตาสีน้ำข้าวก้มมองเข็มนาฬิกาข้อมือ รอเวลาที่แฟนสาวเลิกเรียน เพื่อที่จะรับไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กก้าวเท้าลงบันได เดินตรงมายังที่จอดรถก่อนที่รอยยิ้มคมคายจะหุบลงทันทีที่เห็นสายตาแทะโลมพวกนั่น จนต้องเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วสาวเท้ายาว ๆ ไปหาอย่างรวดเร็ว"มองอะไรวะ!!" เสียงเกรี้ยวกราดตะคอกดังลั่นด้วยความไม่พอใจ กวาดสายตามองรอบ ๆ ใต้อาคาร"พี่เคน! หยุดก้าวร้าว" ทำเอาคัพเค้กกระตุกชายเสื้อตักเตือนทันควัน"ก็มันมองเค้กอ่ะ""แค่มองเอง ปกติป่ะ กลับเลยกลับไปที่รถเดี๋ยวนี้" มือบางคว้าแขนแฟนหนุ่มแล้วลากให้เดินออกจากจุดนั้นเคนตะถอนหายใจอย่างทำไรไม่ได้ สองขาก้าวตามแรงดึงจากคัพเค้ก แต่ไม่วายยังหันไปถลึงตาใส่หนุ่ม ๆ ที่มองแฟนสาวปึง!ทันทีที่ประตูรถถูกปิดสนิท ดวงตากลมโตหันมาจับจ้องหาเรื่องต้นเหตุให้เธออายเพื่อน ๆ ในคณะ"มองพี่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าโกรธที่พี่แสดงความเป็นเจ้าของ""พี่ไปตะคอกอย่างงั้นได้ไง เค้กอายเพื่อน ๆ" เธอบอกตามสิ่งที่รู้สึก"อาย!?" ทว่าคนฟังกลับขมวดไม่เข้าใจ อายที่มีแฟนหรืออายที่เขาแสดงตัวตน แต่ไม่ว่าอันไห
ฟึ่บ!ฟึ่บ!"พี่เคน นอนไม่หลับเหรอคะ" คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นในกลางดึก เมื่อเสียงรบกวนดังมาทางฝั่งเตียงคนไข้"พี่รบกวนเค้กรึเปล่า พอดีรู้สึกคอแห้งน่ะ" ร่างหนาลุกขึ้นนั่งแล้วบอกเสียงแหบแผ่ว"ทำไมไม่บอกคะ" ว่าแล้วเธอก็ตวัดขาลงจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีหมับ! ทว่าแทนที่เธอจะได้รินน้ำให้กลับโดนรวบตัวขึ้นไปยังเตียงนอน ร่างหนาขึ้นคร่อมอย่างเร็วไว กันไม่ให้คัพเค้กหนีไปได้"พี่เคน โกหกเค้กอีกแล้วนะ""เปล่านะ พี่คอแห้งจริง ๆ" เคนตะขยิบตาเป็นเลศนัยบางอย่าง"ก็ปล่อยเค้กสิคะ จะรินน้ำให้อยู่นี่ไง" มือบางผลักอกแกร่งให้ขยับจากตัว"พี่ไม่ได้อยากกินน้ำเปล่า""...!?""แต่พี่อยากกินน้ำจาก..." มือหนาเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ "ตรงนี้!" ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงนอนตัวจิ๋ว"พี่เคน" คัพเค้กตาโตลุกว้าว เข้าใจสิ่งที่เคนตะต้องการทุกอย่าง"..." คราวนี้เคนตะไม่พูดอะไรให้เสียเวลาอีก เคลื่อนตัวเองลงต่ำ จนใบหน้าคมจดจ่อตรงเนินเนื้อที่มีกางเกงปกปิดไว้ลมหายใจโรยรินจนคนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น ทำเอาคัพเค้กพลอยหายใจยากลำบากไปด้วย"พี่เคน อย่าทำนะคะ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ" เสียงหวานเอ่ยห้ามไว้เพื่อจะยื้อไม่ให้เกินคว
ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาในห้องด้วยความเงียบขรึม ปกติก็เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปอีก จากสีหน้า ท่าทาง คงไม่ใช่เรื่องดีนัก"พี่คริส คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ" คัพเค้กเป็นคนเอ่ยถามคนแรกพี่คนโตส่ายหน้าเศร้าหมอง "ไม่ค่อยดี""..." ทุกคนเงียบรอฟังประโยคถัดไป"สมองได้รับกระทบกระเทือน จนเส้นโลหิตแตก อาจจะทำให้ปู่เป็นอัมพาตตลอดไป"สิ้นคำพูดคริสเตียนทุกคนต่างหน้าสลด คนที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ตระกูลกำลังอยู่ในช่วงอันตรายของชีวิต คนเป็นหลานต่างร้อนใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวพวกเขาอีก"เค้กจะหาคุณหมอเก่ง ๆ มารักษาให้คุณปู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม""อืม ฉันจะช่วยอีกแรง ปู่พวกนายต้องหาย" ไมก้าเอ่ยปลอบบ้างทำให้คริสเตียนพยักหน้ารับกลับไป "แล้วนี่มึงเป็นไงบ้าง""ผมไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอกน่า" เคนตะบอกพี่ชายคนโตด้วยท่าทีสบาย"หึ กูบอกแล้วให้ฝึกรับมือไว้บ้าง" เพราะไม่ว่าคริสเตียนจะเอ่ยเตือนกี่ครั้ง เคนตะก็ไม่เคยทำตาม บอกแค่ไม่ชอบงานที่ใช้ความรุนแรง ผลสุดท้ายของการไม่รู้วิธีรับมือก็เจ็บตัวอย่างที่เห็น"ผมยอมเพราะผู้หญิงของผมต่างหาก" เคนตะเถียงต่อ"รู้ แต่ถ้ามึงฝึกมือ ว่องไวกว่านี้ ก็อาจจะไม่โด
วันต่อมาคนตัวเล็กเฝ้าดูอาการร่างหนาที่นอนไม่ได้สติไม่ห่างจากเตียง ทั้งกังวลทั้งเป็นห่วง เพราะเวลานี้คัพเค้กรู้เรื่องทั้งหมดจากคริสเตียน สาเหตุที่เคนตะไม่ต้องการเข้าใกล้ หนีหน้า เป็นเพราะไม่อยากให้เธอเป็นอันตราย เมื่อรู้ความจริงหัวใจก็ชื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่บอบช้ำเพราะเรื่องเข้าใจผิด“พี่เคน ฟื้นได้แล้ว” เธอลูบมือหนากระตุ้นให้อีกฝ่ายรับสัมผัสเพื่อจะช่วยให้เคนตะรู้ตัว“เค้กอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เคน...พี่เคนอย่าทิ้งเค้กนะ ต้องฟื้นมาอยู่กับเค้ก”คัพเค้กยังคงคราญครางไม่ห่าง สีหน้าเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่ร่างสูงที่นอนอยู่ตรงหน้า แต่ยังมีคางูยะปู่ของเธอที่อาการน่าเป็นห่วงก๊อก ๆ ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูพอจะทำให้คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์ เหลียวหน้าไปมองแขกใหม่ทันที“มันยังไม่ฟื้นอีกเหรอ” คริสเตียนเดินนำหน้าและเป็นคนเอ่ยถาม“...” ตามด้วยคูเปอร์ที่เข้าห้องมาเงียบขรึม เหลือบมองพี่ชายเพียงหางตา ไม่สามารถความรู้สึกให้ใครได้เห็น“ยังเลยค่ะ” คัพเค้กตอบเศร้า ๆ“อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว น้องเค้กไม่ต้องกังวลนะ” รวงข้าวเข้ามาปลอบ ไม่ให้เธอคิดมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสามเข้ามาเจอกับหมอประจำไข้ของเ
โรงพยาบาลคนตัวเล็กเดินวนไปวนมาหน้าห้องฉุกเฉิน ภายในห้องคือเคนตะและคางูยะที่ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดี"หยุดเดินได้แล้วเค้ก" คริสเตียนเอ่ยห้ามหลังจากนั่งมองน้องสาวหลายชั่วโมง"เค้กเป็นห่วง ไม่รู้ข้างในเป็นยังไงบ้าง""ถึงมือหมอแล้ว ทุกคนต้องปลอดภัย""เค้กก็ห่วงอยู่ดี" คนตัวเล็กยังคงเดินต่อคริสเตียนทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองต่อไป ก่อนที่โทรศัพท์จะมีเสียงเรียกเข้า"พี่ไปรับสายรวงข้าวก่อนนะ" เขาบอกน้องสาวแล้วก้าวเท้าออกจากจุดนั้นทันที"ข้าวไม่ต้องตามมา หมอออกจากห้องแล้วเดี๋ยวพี่โทรไปบอกนะ""พี่ไม่เป็นไร""คร้าบบบ""เฮ้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" จู่ ๆ คริสเตียนก็หันไปเห็นด้านหลังตัวเองที่มีไมก้าและคูเปอร์ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้ว"ตั้งแต่มึงทำเสียงสอง" ไมก้าตอบทันควันต่างจากคูเปอร์ที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งเฉย"เวรเฮ้ย!" เขาหันไปสบถใส่ไมก้าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ "เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ""หึ" อดีตเพื่อนสนิทแสยะยิ้มออกมา ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเพื่อนมาก่อน"เป็นไงวะ" ทว่าคริสเตียนเลิกสนใจเลือกที่จะถามเรื่องที่โกดังแทน"เรียบร้อย" ไมก้าเป็นคนตอบเหมือนเดิม"แน่ใจ" ทำให้คริสเตียนต้องถามย้ำกับคูเปอร์เพื่อความมั่นใจ
"อาเป็นคนฆ่าพ่อแม่ผมเหรอ!?""จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดความหลังกันเลยหลาน ทักทายน้องสาวสายเลือดเดียวกันก่อนสิ" ไรอันพยักหน้าไปฝั่งคัพเค้กที่ใบหน้าซีดเซียว มองหน้าแต่ละคนสลับกันหมับ! มือหนาคว้าปลายคางคัพเค้กบีบรั้งให้เชิดขึ้น"มองหน้าพี่ชายแท้ ๆ คุณหนูชัด ๆ สิจ้ะ""..." เคนตะพยายามลุกขึ้นไปหา ทว่าสภาพตอนนี้แทบดูไม่ได้ ทั้งเสียเลือด ทั้งบวมซ้ำ"อาทำแบบนี้ หมายความว่าไง ตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือแผนของอาทั้งหมดเหรอ" คนที่เคยไว้ใจที่สุด กลับหักหลังไม่มีชิ้นดี"ถึงขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอวะ" คริสเตียนเหลือบไปมองไมก้า เอ๋ยเสริมอย่างรำคาญ"ในเมื่อพ่อแม่พวกมึงไม่เคยเห็นหัวกู แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้วะ""เหตุผลแค่นี้!?" คริสเตียนตะคอกถาม"ลองถามปู่มึงสิ ว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกไหม""...""บอกหลานสิวะ ความเหี้ยของมึง บอกให้ทุกคนรับรู้ว่าที่คนอื่นเดือดร้อนเป็นเพราะมึง!!""มันเป็นเพราะสันดานมึงเอง...ไรอัน" เคนตะลุกขึ้นยืนแล้วข่มเสียงใส่ แววตาจับจ้องไปยังคนตัวเล็กไม่คลาดสายตา"งั้นกูจะแสดงสันดานที่แท้จริงให้เห็น เริ่มจากเมียมึงก่อนแล้วกัน"คำพูดของไรอันทำเอาไมก้าหันขวับไปมองเคนตะ ต่างกับคางูยะที่นิ่งเฉยเพราะรู้ก่อ
น้ำข้นสีแดงไหลรินอาบแผงอก แต่ทว่าผู้ชายอกสามศอกอย่างเคนตะยังคงนิ่งไม่แสดงอาการบาดเจ็บให้ได้เห็น“เลือด!” คนตัวเล็กถอดสีหน้า มือไม้ชา ปากสั่น ทำไมทุกอย่างเริ่มจะเลวร้ายแบบนี้“กูใส่เสื้อกันกระสุน ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะสาวน้อย” จู่ ๆ ชายสวมหน้ากากเอ่ยขึ้นอย่างมั่นหน้า“ฉันไม่ได้หมายถึงแก ไอ้แก่!!” ความเกรี้ยวกราดของคัพเค้กแสดงออกมาให้เห็นเพี๊ยะ! ส่งผลให้ฝ่ามือหนาฟาดใส่แก้มนวลเต็มแรงทำเอาร่างสูงรีบถลาตัวเข้าไปช่วย แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวคัพเค้กได้ “ปล่อยผู้หญิง แล้วมึงอยากทำอะไรกับกูก็เชิญ”“จะบ้าเหรอพี่เคน พูดงี้มีแต่ตายกับตาย” คัพเค้กเอามือลูบขอบปากที่บวมปูดขึ้นทันตา ตะคอกใส่ผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งหวง“หึ ถึงมันไม่พูดผัวมึงก็ตายอยู่ดี”“ฉันไม่มีผัว” ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน ทว่าคนตัวเล็กยังคงขุ่นเคืองเรื่องก่อนหน้านี้ไม่หาย รักมากแค่ไหนก็ต้องห้ามใจ “เขาเป็นพี่ชายฉัน!”“กูอยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าไหมพ่อเลี้ยง”“ก็หัวเราะออกมาสิ ใครเอามือไปอุดปากแกเล่า ประสาท”หมับ! “อีนี่ กูจะให้มึงแดกกระสุนก่อนพี่ ๆ มึง เอาไหมห๊ะ”คัพเค้กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกภัยจะมาเพราะปากตัวเอง เมื่อมือหน
เมื่อสองขาย่างเข้ามาในโกดัง สิ่งแรกที่ปรากฏตรงหน้าคือชายวัยกลางคนที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี“น้องกูอยู่ที่ไหน!!”“หึ แค่น้องเองเหรอวะ” พ่อเลี้ยงธนินสวนกลับทันที สมเพชพวกถือดีตัวเองเป็นใหญ่ แต่สุดท้ายก็กินน้องตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายขนาดเชลยก็ยังยกย่องเป็นเมีย“...” แววตาสีน้ำข้าวกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้มีแค่พ่อเลี้ยงธนินและลูกน้อง ไร้ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลัง“ใจเย็นสิวะ กว่ากูจะเดินมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลยนะ จะรีบจบเกมไปถึงไหน” แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเคนตะกำลังมองหาอะไร เขาจึงเอ่ยดักไว้“ปล่อยน้องกู แล้วเรื่องของเรากูจะให้มึงสะสางได้เต็มที่” เคนตะกดเสียงต่ำ ข่มอารมณ์ไม่ให้ระเบิดตอนนี้ ไม่งั้นทุกอย่างคงจบแหง่แน่“เรียกพี่ชายมึงมาก่อนสิ เดี๋ยวกูปล่อย” ทว่าพ่อเลี้ยงธนินไม่เคลิ้มตาม บอกสิ่งที่ต้องการ“...” มาเฟียหนุ่มรู้ดีว่านี้คือแผน และเขาจำเป็นต้องเล่นตามแผน“จะให้ดีหน่อย ก็เรียกท่านคางูยะเฒ่าแก่ที่ใกล้ตายมาสะสางความหลังกัน ขาดไปสักคนงานนี้ไม่สนุกนะ”“จะให้ปู่กูออกมา มึงก็ควรเรียกหมาขี้ขลาดออกมาด้วย” เสียงเข้มตอกกลับไปเช่นกัน อยากจะเห็นหน้าเต็มทีแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครพ่อเลี้ยงธน
“อะไรนะ!!” ไมก้าตะคอกอย่างตกใจ ความลับที่เก็บมาเกือบยี่สิบปีถูกเปิดเผยในวันที่น้องสาวเขาโดนจับตัวไป “น้องสาวฉันโดนจับตัวไปงั้นเหรอ”“อืม ไอ้เคนบอกอย่างนั้น” คริสเตียนพยักหน้ายืนยัน“มันดูน้องสาวกูยังไง ถึงได้ประมาท ถ้าน้องสาวกูเป็นไรไป กูไม่เอาพวกมึงไว้แน่” เขาลุกขึ้นชี้หน้าด้วยความโมโห“ที่มึงพูดถึงก็น้องสาวกูเหมือนกัน” ตามด้วยคริสเตียนที่ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายกับคนหัวร้อน แต่เขาเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน "แล้วมึงจะไปไหน""ตามหาน้องสิวะ" ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์กดหาใครบางคน"ทำไร!?""ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่อง""แต่มึงจำเป็นต้องบอก""หึ ถึงพวกมึงจะเลี้ยงน้องกูมา แต่ก็ไม่สามารถชดเชยชีวิตพ่อแม่กูได้""แล้วชีวิตพ่อแม่กูล่ะ" คริสเตียนถามอย่างข่มอารมณ์ อุตส่าห์ไม่คิดถึงอดีต แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น"กรรมตามสนองมั้ง!!" ไมก้าเค้นเสียงพร้อมรอยยิ้ม เขาเชื่อและปักใจกับสิ่งที่เห็นหมับ!"ไอ้ไมค์!!" คราวนี้มือหนาของคริสเตียนกระชากคอเสื้อฝั่งตรงข้ามทันที"หยุดทะเลาะก่อนเถอะครับ ชีวิตคุณหนูสำคัญกว่าจะมาต่อว่าเรื่องอดีตที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือฆาตกร" อดัมเข้าห้ามเมื่อเห็นท่าไม่ดี นอกจากจะเสียเวลาแล้วจ