เหรินเหมยที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ใจหล่นวูบ มือที่ถือทัพพีแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว"หมายความว่ายังไง...คุณหมอหมายความว่าอย่างไร" เฉิงซีหยวนเสียงแหบคุณหมอฟานก้มหน้า สีหน้าปวดร้าว "เธอไปทำกิ๊ฟ...ทำการปฏิสนธินอกร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เธอใช้สเปิร์มที่คุณฝากไว้ในอดีต แล้วจัดการทุกอย่างโดยที่คุณไม่เคยรู้ และหลอกลวงคุณ"เฉิงซีหยวนขยับถอยหลังหนึ่งก้าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“จูดี้เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าที่ผ่านมาผมยังเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่พอหรือไรหรือคิดว่า…เหรินเหมยทำได้เขาก็ทำได้”เหรินเหมยยืนนิ่งงัน รู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบที่หมุนช้าลงราวกับภาพในความฝันคุณหมอฟานยกมือขึ้น กุมขมับเหมือนกำลังปวดหัวหนัก"ผม... เพราะความรักในฐานะพ่อ เพราะสงสาร จึงช่วยโกหกเรื่องนี้แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดมหันต์ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณเฉิงผมเองรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมอถงคนนั้น.."เฉิงซีหยวนกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ด้วยอารมณ์ที่ประดังเข้ามาจนแทบระเบิด"แล้วเด็ก..." เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง "เด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของผมจริงๆ เรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จูดี้ที่เรียนหมอ
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
“ทำไมเขาต้องการเด็กไปเพื่ออะไรเป็นถึงเจ้าของธุรกิจอันดับหนึ่งของประเทศยังต้องทำเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรือแค่อยากได้เด็กสักคนเขาก็แค่หาสาวๆสวยๆที่ไหนก็ได้นอนกับสาวสวยแล้วก็ให้ผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกให้กับเขา”“นี่จี่เหรินเหมยเธอไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้ว่าภรรยาคุณเฉิงเขาไม่แข็งแรงตั้งครรภ์ไม่ได้และเขารักภรรยาคนนี้ของเขามากเขาเลยตั้งใจที่จะให้ใครสักคนที่มาอุ้มบุญให้กับน้ำเชื้อของเขากับไข่ของภรรยาเพื่อฝากไข่กับใครสักคน และให้หมอ ซึ่งก็คือฉันเลือกเวลาที่เหมาะสมสำหรับไข่ของภรรยาเขาเพื่อมาให้ใครคนนั้นตั้งครรภ์แทนภรรยาของเขาเพื่อที่จะได้เป็นลูกของเขาและภรรยาที่เขารัก อย่างสมบูรณ์”“ก็ดีแล้วนี่ คุณยังกังวลอะไรอีกถงซือ คุณมันหมอมือหนึ่งยังต้องมีเรื่องให้หนักใจด้วยหรือ”“คุณ เหวินออกไปก่อน”ถงซือไล่พยายาลให้ออกไปข้างนอก เพื่อจะได้สะดวกในการคุย พยาบาลที่ชื่อคุณเหวินหันมองสบตากับถงไฉ่สีหน้ากังวลไม่น้อย“ฉัน ฉันทีแรกตั้งใจจะบอกเธอในบรรยากาศที่ดีกว่านี้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม แต่ทุกอย่างมันไม่ทันเวลาแล้วฉันกลัวว่าพอเธอเห็นหน้าเด็กคนนั้นแล้วจะ …จะหลงรักเด็กที่คลอดออกมาจากท้องของเธอ และฉันก็ไม่อยากโกหกเธอด้วยเ
บานประตูในแล็ปถูกเปิดออกร่างสูงด้วยเสื้อผ้าที่แพงระยับก้าวขาเข้ามาข้างใน มีคนติดตามอีกหนึ่งคนที่ถือร่างสัญญา มาด้วย ถงไฉ่รีบลุกมาต้อนรับ เหรินเหมยก้มหน้ามองมือตัวเองตื่นเต้นจนรู้สึกว่าหัวใจจะทะลุออกจากอกเอาเข้าจริงๆก็ประหม่าไม่น้อยก็คุณเฉิงซีหยวนเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดได้รับการจัดอันดับหนุ่มหล่อที่มีสาวๆหมายปองที่สุดอันดับหนึ่งทั้งฐานะทางการเงิน ครอบครัว และหน้าตาไม่มีใครสู้ได้ แต่ตอนนี้เขากลับมีภรรยาขี้โรคที่รักกันตั้งแต่เรียนมหาลัยเขาเดินเลยถงไฉ่ที่ยิ้มกว้างโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเลยมาที่เหรินเหมยมองคนตัวเล็กที่สูงได้แค่ลิ้นปี่ของเขา ยกมือขึ้นจับที่คางของเหรินเหมยให้เงยหน้าขึ้นจีเหรินเหมยกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“นี่หรือ ผู้หญิงที่จะอุ้มท้องลูกของผมกับซูจ๋าย”บิดมือที่คางมนให้สบตา เหรินเหมยหลบตาแล้วเผลอยกมือขึ้นปัดมืออีกคนที่ยิ้มบางๆ“ครับจีเหรินเหมย ตอนนี้ผม เอ่อหมอจัดการฝังไข่ของคุณซูจ๋ายที่ผสมสเปิ์รมของคุณเฉิงไปที่มดลูกของจีเหรินเหมยแล้วครับ อาการแพ้ท้องคงจะเกิดขึ้นอีกไม่เกินสองสามสัปดาห์นี้”ร่างสูงจ้องมองเหรินเหมยแบบสำรวจตรวจตราทำเอาเหรินเหมยตัวชาไปเลยทีเดียวก็เขามองสำรวจขนาดนี้ราวกั
คนติดตามเปิดกระเป๋าหยิบสัญญาที่มีนับสิบแผ่นขึ้นมา ยื่นให้เหรินเหมยที่คว้าปากกามาจรดปากกาเซ็นสัญญาทันที“ไม่อ่านก่อนหรือ”ถงไฉ่ถาม เหรินเหมยส่ายหน้า ยิ้มกว้างถงไฉ่รู้ดีว่าเหรินเหมยดีใจที่จะได้พาแม่ไปรักษาตัวจึงไม่ลังเลที่จะเซ็นสัญญาเฉิงซีหยวนทำสีหน้าเรียบเฉย“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม สัญญานี้จะเก็บไว้ที่ฉันหนึ่งฉบับกับเธออีกหนึ่งฉบับ อยากจะอ่านเมื่อไหร่ค่อยมาอ่าน อ่อลืมถามไปเสียได้ ยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า แต่ความจริงไม่ถามก็น่าจะได้คำตอบใช่ไหม ผู้หญิงสมัยนี้ยิ่งสวยๆอย่างเธอ หาคนที่บริสุทธิ์สะอาดยาก แบบนี้ก็ดี ก็จะได้ไม่ต้องมามีปัญหากับตรงนั้นว่าทำให้ไม่ประทับใจของสามีตอนที่เข้าหอเพราะฉันอยากให้คลอดแบบวิธีธรรมชาติไม่มีการผ่าตัดเอาเด็กออกมาจากท้อง” เหรินเหมยถอนหายใจยาวนี่ไปหาข้อมูลมาหมดเลยหรือเรื่องการคลอดลูก คนอะไรก่อน แล้วนอกจากเมียคงไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนในด้านดีดีแน่“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณนี่มันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขแต่แรกอยู่แล้ว และฉันขอเปลี่ยนเงื่อนไขข้อนี้ฉันต้องการผ่าเอาเด็กออก ไม่อยากคลอดเองตามธรรมชาติเพราะอย่างที่คุณพูดฉันไม่อยากให้สามีที่ฉันรักหรือคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยไม่ประทับใ
“เหรินเหมยเขาเอาเงินที่ได้ไปทุ่มกับการรักษาคุณแม่ที่ป่วย คุณยอมให้เธอทำงานจึงถือว่าทำบุญ”เฉิงซีหยวนไม่ได้พูดว่าอะไรถงไฉ่ถอนหายใจยาวหนักใจไม่น้อยกับความสัมพันธ์ปรามเหรินเหมยว่าให้ยอมๆคุณเฉิงเขาหน่อยเพราเขาก็เท่ากับนายจ้าง เหรินเหมยรับปากมั่นเหมาะแต่ถงไฉ่รู้ดีว่าเหรินเหมยเป็นคนที่ชอบความยุติธรรมไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่ถ้าอะไรไม่ถูกไม่ควรเหรินเหมยไม่มีทางยอม เดินตามเฉิงซีหยวนไปติดๆเหรินเหมยโบกมือลาแม่หยอยๆเขาอนุญาตให้มาส่งได้แค่นี้เพราห่วงความปลอดภัยของครรภ์ที่ยังไม่แข็งแรง กลัวว่าจะแท้ง เพราะเป็นการฝังตัวอ่อนด้วยมือหมอไม่ได้ใช้วิธีธรรมชาติที่ถงไฉ่ใช้คำว่าเด็กจะหัวแข็งกว่าวิธีที่หมอทำ ฉะนั้นจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจคนอุ้มท้องให้ดี“ไปกันได้แล้ว”เสียงสั่งเบาๆข้างหลัง เหรินเหมยรีบปาดน้ำตา“หยุดร้องได้แล้วนะ คนอุ้มท้องถ้าเอาแต่เศร้าโศก จะทำให้ลูกของผมในท้องกลายเป็นเด็กที่ร้องไห้โยเยและไม่ร่าเริง”จีเหรินเหมยสูดลมหายใจเข้าลึกๆยิ้มกว้างสดใส“ตกลงค่ะ”ถือกระเป๋าก้าวเดินนำแต่คนติดตามคุณเฉิงคนนั้นรีบมาแย่งกระเป๋าในมือไปถือเสียเอง“คราวหลังจำไว้ห้ามใช้แรง คุณหมอถงต้งอาศัยคุณช่วยอธิบายกับคนอ
แกะมือเฉิงซีหยวนออกจากเอวรู้สึกร้อนๆหนาวๆรถแล่นยาว ไม่จอดพัก จีเหรินเหมยสลึมสะลือก่อนจะเอนกายหลับไปบนเบาะรถยนต์ ตื่นขึ้ันมาอีกทีก็มีหมอนมารองที่ต้นคอให้ หันมองเฉิงซีหยวนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาแล้วก็เลยหลับตาลงอีกทีจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเฉิงซีหยวน เขาบอกว่าตอนท้อเราเกลียดคนไหนลูกเราจะมีใบหน้าเหมือนคนนั้น แบบนี้จีเหรินเหมยคงต้องพูดเรื่องนี้กับหมอถงจริงจัง คิดอะไรเพลินๆจนเผลอหลับไปอีกที หยงซือขับรถด้วยความระมัดระวังมาตลอดทางจนถึงเนินเขาเตี้ยๆนอกตัวเมืองห่างไกล “ตื่นได้แล้ว”เสียงดังประกาศิต จีเหรินเหมยลืมตาขึ้นช้าๆ คุณเฉิงคนนั้นยังนั่งกอดอกนิ่งด้านหลังรถของคนสนิทคนเมื่อวานที่จีเหรินเหมยเพิ่งจะได้ยิมหมอถงบอกว่าเขาแซ่หลี่ขับตามมาติดๆ ในรถมีพยาบาลที่ชื่อคุณเหวินพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ จีเหรินเหมยกลับคิดว่าคนรวยนี่เขาทำอะไรให้วุ่นวายไปเสียทุกเรื่องทุ่มเงินมากมายเกินความจำเป็น รถคันหรูเลี้ยวขึ้นเนินเขาไปยังจนสุดเนินเขามีบ้านหลังใหญ่ที่รายล้อมด้วยดอกไม้และต้นดอกเหมยสีชมพูที่ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้านหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี คนสวนผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันกับหญิงกลางคนคนเมื่อกี้และเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับ
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ
เหรินเหมยที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ใจหล่นวูบ มือที่ถือทัพพีแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว"หมายความว่ายังไง...คุณหมอหมายความว่าอย่างไร" เฉิงซีหยวนเสียงแหบคุณหมอฟานก้มหน้า สีหน้าปวดร้าว "เธอไปทำกิ๊ฟ...ทำการปฏิสนธินอกร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เธอใช้สเปิร์มที่คุณฝากไว้ในอดีต แล้วจัดการทุกอย่างโดยที่คุณไม่เคยรู้ และหลอกลวงคุณ"เฉิงซีหยวนขยับถอยหลังหนึ่งก้าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“จูดี้เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าที่ผ่านมาผมยังเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่พอหรือไรหรือคิดว่า…เหรินเหมยทำได้เขาก็ทำได้”เหรินเหมยยืนนิ่งงัน รู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบที่หมุนช้าลงราวกับภาพในความฝันคุณหมอฟานยกมือขึ้น กุมขมับเหมือนกำลังปวดหัวหนัก"ผม... เพราะความรักในฐานะพ่อ เพราะสงสาร จึงช่วยโกหกเรื่องนี้แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดมหันต์ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณเฉิงผมเองรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมอถงคนนั้น.."เฉิงซีหยวนกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ด้วยอารมณ์ที่ประดังเข้ามาจนแทบระเบิด"แล้วเด็ก..." เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง "เด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของผมจริงๆ เรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จูดี้ที่เรียนหมอ
หมอฟานขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านบนเขามือที่จับพวงมาลัยแน่นนั้นสั่นเล็กน้อย แต่แววตาของหมอฟานเด็ดเดี่ยว"ไม่ว่าจะผลลัพธ์เป็นอย่างไร ฉันจะบอกความจริงกับซีหยวน... จะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดทำลายชีวิตใครอีก"รถแล่นฝ่าเข้าไปในความมืดมิดของคืนยาว เหมือนกับการเดินหน้าเข้าสู่การชำระล้างบาปที่ไม่มีวันหวนกลับ...กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยออกมาจากครัว เสียงหัวเราะใสๆ ของอันอันกับเชียวอู่ที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง ทำให้บรรยากาศในบ้านอบอวลด้วยความอบอุ่นเฉิงซีหยวนเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเหรินเหมยในชุดผ้ากันเปื้อน รอยยิ้มที่มุมปากเขา อ่อนโยนอย่างที่เหรินเหมยแทบไม่เคยเห็นมาก่อน“เด็กๆๆๆ วันนี้พ่อทำอาหารด้วยตัวเองพวกหนูจัต้องลองชิมและให้กำลังใจโดยการกล่าวชมคุณพ่อด้วยนะครับ” เหรินเหมยอมยิ้ม“ทำไมต้องพูดแบบนี้ก่อนด้วยนะลูกๆ ก็ต้องชมคุณอยู่แล้วเพราะคุณตั้งใจทำ” อันอันกับเชียวอู่รีบมาชะโงกหน้ามองถาดปลาสามรสที่ส่งกลิ่นหอมหวน“น่ากินที่สุดเลยฮับจุนพ่อ” เชียวอู่พูดขึ้นดังๆ ยักคิ้วแผล็บๆ“เราต้องลองชิมก่อนเชียวอู่หากว่าจุนพ่อทำอร่อยต่อไปเราก็จะต้องให้จุนพ่อทำอาหารเสมอ” อันอันพูดขึ้นบ้าง เหรินเหมยยิ้ม
เสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว แก้วหนึ่งดังกริ๊กๆ เบา ๆ จูดี้นั่งเอนตัวพิงโซฟาหนังแทบจะกลายเป็นนอนเมามายแเล้ว ริมฝีปากแดงฉ่ำแห้งผากไปหมด เธอกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียงบนโต๊ะกระจก เศษแก้วเปล่าๆ วางกระจัดกระจาย ถัดไปคือแฟ้มผลตรวจครรภ์ที่ถูกเปิดค้างไว้ “ฮ่า... เขากำลังมีความสุข...สินะ บ้าจริงฉันทำไมต้องเศร้าก็แค่คู่นอนพวกผู้ชายก็แบบนี้เวลาอยากจะนอนด้วยก็พูดเสียหวาน ยอมทำทุกอย่างให้” เธอพึมพำเหมือนคนละเมอ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองความว่างเปล่า “ฮะฮะฮะฮ่าาาแล้วกับผู้หญิงคนนั้นละทำให้ถึงใจเหมือนที่ทำกับฉันไหมเหมือนที่นอนกับฉันไหมคุณหลงเสน่ห์ผู้หญิงจืดชืดคนนั้นได้อย่างไรเราเข้าขากันดีจะตายทำไมคุณลืมฉันได้ลงคอ เฉิงซีหยวน ซีหยวนซีหยวนคุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้...”เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ“จูดี้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ แกจะขังตัวเองแบบนั้นไม่ได้” เป็นเสียงคุ้นเคยของคุณหมอฟานลี่ชิงที่กังวลใจอย่างปิดไม่มิดจูดี้หัวเราะในลำคอ แล้วลุกเซ ๆ ไปเปิดประตู เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและดวงตาเปื้อนน้ำตา“หนูโง่เองใช่ไหม..ที่ไปหลงรักเขาผู้ชายที่ไม่มีให้หัวใจให้ใครนอกจาก ซูจ๋าย แล
ลานหน้าบ้านบนเขา เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากสวนหลังบ้าน “จุนย่าขา! จะต้องดูอันอันกระโดดนะ!” อันอันในชุดกระโปรงสีฟ้ากระโดดข้ามหินอย่างกล้าหาญ ส่วนเชียวอู่ก็วิ่งมาพร้อมดอกไม้ในมือ “นี่ของจุนย่าฮะ! เชียวอู่เด็ดมาเองเลยนะฮับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในสวนเลย!สำหรับจุนย่าที่ใจดีที่สุดในโลก”คุณเสวียเตอหญิงสูงวัยที่มักดูสง่างาม เยือกเย็นในสายตาผู้อื่นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง เธอนั่งยองๆ ลงกับพื้น หอมแก้มหลานทั้งสองข้างพร้อมกัน “โอ๊ยย ย่าใจละลายหมดแล้วลูกเอ๊ย พวกหนูนี่มันน่ารักอะไรอย่างนี้!”เชียวอู่หัวเราะเสียงใส “จุนย่าฮับ! จุนย่ามาอยู่กับเรานะครับ จะได้เล่านิทานให้เราฟังทุกคืนเลย!”คุณเสวียเตอพยักหน้าเบา ๆ กอดหลานๆ ไว้แน่น “ย่าไม่เคยคิดเลยว่าพอมาพบหลานทั้งสองแล้วจะมีความสุขขนาดนี้… ความสุขอยู่ที่อ้อมกอดของเด็กตัวเล็กๆ สองคนนี้แหละ”เหรินเหมยยืนดูจากมุมระเบียง ลมโชยอ่อนๆ พัดปลายผมเธอพลิ้วเบาๆ เธอเอามือกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลาย ความไม่มั่นคง ความกลัว… เหมือนถูกกล่อมด้วยเสียงหัวเราะของลูก และรอยยิ้มของคนเป็นแม่เฉิงซีหยวนเดินมาหยุดข้างๆ สบตากับเหรินเหมยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ
“วันนี้ผมมีประชุมด่วนความจริงแล้วตั้งใจพาคุณกับลูกๆ ไปพบคุณนายเสวียเตอ ซึ่งป่านมนี้หมอนั่นผมหมาถึง ชาไช้คงไปที่นั่นเพื่อที่จะขอให้คุณแม่หาฤกษ์ดีดีให้เขากับซูจิงแล้วล่ะ คุณอดใจรออีกหน่อยได้ไหมบางที่อาจเป็นวันพรุ่งนี้” เฉิงซีหยวนพูดในขณะที่อาบน้ำสะอาด และกำลังแต่งตัวกลิ่นสบู่หอมอ่อนกับน้ำยาโกนหนวดหากเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นเหรินเหมยคงใจเต้นตึกตักแต่ตอนนี้มีเส้นบางๆ ที่กางกั้นไว้จนเหรินเหมยเองก็กลัวเฉิงซีหยวนเดินมาใกล้ๆ ก้มลงกดจมูกกับหน้าผาก กลิ่นสบู่ยอมผ่อนคลาย“คุณโกรธอีกแล้วหรือ” เหรินเหมยส่ายหน้ายิ้มบาง“ฉันกำลังคิดว่างานแต่งของเราควรเลื่อนไปก่อนในเมื่อ ในเมื่อจูดี้…ฉันหมายถึงเรื่องของจูดี้ยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรที่หนักอึ้ง“คุณจะว่าอะไรไหมหากผมจะพาคุณไปที่บ้านคุณหมอฟานเราจะคุยเรื่องี้กับจูดี้กับข้อเสนอหลายๆ อย่างจนกว่าจูดี้จะพอใจ” เหรินเหมยถอนกายใจ“แล้วถ้าสิ่งที่จูดี้ต้องการก็คือการที่ ได้เป็นภรรยาของคุณเพียงคนเดียวหรือต้องการให้คุณใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาเล่าคุณจะทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนยิ้มรวบร่างเล็กมากอดไว้“ผมก็จะกอดคุณแบบนี้จูบคุณแบบนี้” ก้มลงจูบเหริยนเหมยอย่างกับคนที่หิวกระหายไ
“ผมป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับจูดี้ และมันแค่สองครั้งสองครั้งจริงๆ” น้ำเสียงหนักแน่นหากแต่ไม่มั่นใจ มีครั้งหนึ่งที่จูดี้มาพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และเขากับจูดี้ก็ดื่มจนเมาทั้งคู่ คืนนั้นจึงเป็นคืนที่สนุกสุดเหวี้ยง“ผมเชื่อ” คุณหมอฟานพูดเร็ว ราบเรียบแต่หนักแน่น “ผมรู้จักลูกตัวเองดีพอ จูดี้... ผมตามใจเธอมาตลอด” หยุดคำพูดไว้ตรงนั้นทั้งที่อยากจะพูดว่า ผมให้เธอเรียนหมอ ให้เธอเลือกเส้นทางและเธอก็เดินทางเดียวกับที่ผมเดิน แต่ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้สายตาของเขามองไปที่เหรินเหมย ราวกับจะขอโทษแทนลูกสาวของตน“ผมแค่อยากให้รู้ว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง ขอแค่อย่าปล่อยให้ความสุขของพวกคุณพังทลายเพราะใครคนเดียว”เฉิงซีหยวนลุกขึ้นมายืนข้างเหรินเหมยทันที แล้วกุมมือเธอไว้แน่น“ไม่มีใครพรากเราไปจากกันได้อีกแล้วครับคุณลุง... ผมขอสัญญา”เหรินเหมยหันไปสบตาสามี ดวงตาแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในขณะที่คุณหมอฟานพยักหน้าเบาๆ“นั่นล่ะ...สิ่งที่ผมอยากได้ยินที่สุด แต่รู้ไหมจูดี้เองก็มีลูกของคุณในท้องซึ่งผมอยากจะมาเพื่อบอกและการันตีว่าจะดูแลเด็กในท้องของจูดี้ด้วยตัวเองแต่ในใจก็ย