"นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอะไรอีก"เสียงของเย่จิ่งอวี้ราบเรียบ ฟังไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใดเจวี๋ยอิงที่คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวต่อว่า "บอกว่าฝ่าบาทไม่ยอมรับอันผิงอ๋อง ต้องการจะสังหารกันเอง"เย่จิ่งอวี้หัวเราะเยาะ และพูดว่า "ในที่สุดเรื่องดาวมงคล ก็ทำให้คนนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้"เจวี๋ยอิงกล่าวเสริมอีกว่า "ตามรายงานจากสายลับที่ซ่อนอยู่ในเมือง ดูเหมือนจะมีชาวยุทธ์จำนวนมากปะปนอยู่ในเมืองหลวง"เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขึ้น ถามอย่างเย็นชา "สืบได้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้มาจากที่ใด"เจวี๋ยอิงกล่าวด้วยความเคารพ "เวลานี้ยังไม่ทราบ กระหม่อมได้สั่งให้พวกเขาเร่งตรวจสอบแล้ว"กระแสเสียงของเย่จิ่งอวี้เริ่มกระด้างขึ้น"เจ้าถอยไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น!""กระหม่อมเข้าใจแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"หลังจากที่เจวี๋ยอิงจากไปแล้ว เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็หรี่ลงอีกครั้งนับตั้งแต่อันผิงอ๋องออกจากสุสานหลวง เรื่องราวหลายอย่างในเมืองหลวงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเขาต้องการดูว่าคนเหล่านี้จะทำอะไรได้อีกบ้างหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "หลี
เมื่อมองดูดวงตาที่ใสกระจ่างของเย่จั้นแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในใจ"ข้าจะจัดการสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ผิดต่อความไว้วางใจของเสด็จอา"เย่จั้นยิ้มอย่างสง่างามและพูดอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ต้าโจวมีความอดอยากไปทั่วแคว้น มีคนตายด้วยความหิวโหยอยู่ทุกแห่งหน ทั้งยังมีคนชั่วจงใจที่จะสร้างปัญหา ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้"เมื่อดูจากกิริยาและวาจาของเย่จั้นแล้ว อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้จะเป็นคนเดียวกับนักรบที่แสนเยือกเย็นผู้นั้นได้นี่คงเป็นแม่ทัพที่คนโบราณบรรยายไว้กระมังท่วงท่าสง่างามของเย่จั้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน แต่ฝังอยู่ในกระดูกของเขา แม้ว่าเขาจะอ่อนโยนสง่างาม แต่กลับทำให้คนไม่อาจเพิกเฉยต่อความเฉียบคมในดวงตาที่ฉายแววออกมาเป็นครั้งคราวของเขาได้อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงการจ้องมองของอินชิงเสวียน เย่จั้นจึงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง อินชิงเสวียนรู้สึกประดักประเดิด จึงเบือนหน้าหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็วเย่จิ่งอวี้ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะเบาๆ "ตอนนี้มีมาตรการตอบโต้สำหรับทุกสิ่งแล้ว เชื
อินชิงเสวียนรีบเข้าไปช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ทันที เมื่อได้กลิ่นสุราจางๆ บนร่างกายของเขา ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวหมอนี่กับเย่จั้นดื่มสุราไปถึงสามไห ไม่เมาก็แปลกแล้วแต่ก็เห็นได้ว่าเขามีความสุขจริงๆ เขาผ่อนคลายมากเมื่ออยู่กับเย่จั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากจริงๆนางกับเย่จั้นช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ซ้ายขวา และเดินลงไปตามขั้นบันไดหยกขาวทีละขั้นฉินเทียนและผู้อื่นก็รีบเดินเข้ามาทันที"ฝ่าบาท!"แต่เย่จิ่งอวี้โบกมือให้เขาหลบไป"ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าทุกคนถอยไป"ขณะที่พูด คนก็เดินมาถึงประตูแล้วเย่จั้นกำชับเสียงเบา "ฝ่าบาทเมาแล้ว พวกเจ้าขับรถม้าช้าหน่อย""พ่ะย่ะค่ะ"ทุกคนขานรับ และช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ขึ้นรถม้าอินชิงเสวียนก็ขึ้นรถตาม เห็นเย่จิ่งอวี้พิงเบาะอยู่ ใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าผาก ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาดูไม่สบายตัวอย่างมาก อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ในเมื่อฝ่าบาททรงทราบว่าการดื่มมากเกินไปทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เหตุใดถึงยังดื่มหนักเช่นนี้"เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงสับสน "ข้าดีใจมาก จึงดื่มมากไปหน่อย เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"อินชิงเสวียนมองดูเขาแล้วพูดว่า "ไม่เคยได้ยิน
กลิ่นสุราอ่อนๆ โชยมาจากคนข้างๆ อินชิงเสวียนไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ที่อุ้มนางออกมาในนาทีชีวิตความเป็นความตายเช่นนี้ จะมีแก่ใจมาโวยวายได้อย่างไร อินชิงเสวียนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย จับเสื้อผ้าของเย่จิ่งอวี้ไว้แน่น"มีนักฆ่าอยู่ข้างนอก จะถอยกลับไปที่ไหนได้"เสียงหัวเราะขันๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ"เจ้าเก่งกล้ามากไม่ใช่หรือ คราวนี้เจ้ากลัวแล้วรึ"ทันทีที่เย่จิ่งอวี้หมุนแขน เขาก็พาอินชิงเสวียนไปหลบข้างหลังตัวเองทันที เพียงขยับข้อมือ มีดสิ้นอันแสนประณีตก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วแทงไปยังหน้าอกของคนถือมีดในเวลานี้ มีกระบี่อีกเล่มแทงมาจากด้านนอกรถ เย่จิ่งอวี้วางมือข้างหนึ่งลงบนพื้นและเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบกระบี่ของศัตรู เตะเท้าขวาโดนมือของชายผู้นั้น แล้วพับแขนเสื้อขึ้น และแย่งกระบี่ยาวของชายผู้นั้นไปชุดการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายน้ำไหล และจบในคราวเดียวอินชิงเสวียนอยู่ในอาการตกตะลึงโดยสมบูรณ์ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่สามารถแสดงฝีมือด้านวรยุทธ์ที่ทรงพลังและมั่นคง ทว่าแต่เป็นอิสระและสง่างามขนาดนี้ได้เย่จิ่งอวี้ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือ ครั้นแล้วท่วงท่าของเขาก็แข็งแกร
คุณธรรมบ้าบออะไร นางแค่พูดความจริงอินชิงเสวียนเอียงร่างของตัวเองไปด้านข้างไอแห้งๆ แล้วพูดว่า "ฝ่าบาท เราใกล้กันเกินไปแล้วกระมัง"ขนพองสยองเกล้าไปหมดแล้วเย่จิ่งอวี้หัวเราะ และเร่งม้าของเขาอีกครั้งอินชิงเสวียนตกใจ รีบคว้าแผงคอม้า แต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้ดึงมือนางลง"ถ้าเจ้าไม่อยากให้ม้าสะบัดพวกเราลงทั้งคู่ ก็หาที่อื่นจับซะ"อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกุมบังเหียนกับเขา หวังว่าจะเข้าไปในวังเร็วๆ รีบยุติการเดินทางที่น่าอับอายนี้ด่วนๆหลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็เห็นประตูวังอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ"ฝ่าบาท ให้กระหม่อมลงเดินเถอะ"เย่จิ่งอวี้ไม่พูดอะไร ขาทั้งคู่กระตุ้นท้องม้า ขี่ม้าเข้าไปในวังจนกระทั่งมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้จึงลงจากหลังม้าบางทีเขาอาจจะยังเมาอยู่นิดหน่อย ตอนที่ก้าวเดินตัวโซเซเล็กน้อยอินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อมมือไปประคองเย่จิ่งอวี้ถือเสียว่าเห็นแก่ที่เขาช่วยชีวิตนางไว้เมื่อครู่หลี่เต๋อฝูได้ถือตะเกียงวิ่งออกมาแล้ว"ฝ่าบาท พระองค์กลับมาแล้ว!"จากนั้นดวงตาอันคมกริบของเขามองเห็นเลือดบนร่างกายของเย่จิ่งอ
ในตอนนี้ อินชิงเสวียนได้กลับมาที่ตำหนักจินหวูแล้วเมื่อเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าของนาง ยายหลี่ อวิ๋นฉ่าย และเสี่ยวอานจื่อก็ตกใจไปตามๆ กัน"เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้าได้รับบาดเจ็บรึ ได้รับบาดเจ็บที่ใด"อินชิงเสวียนสงบสติอารมณ์ได้แล้วในตอนนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขาอ่อนอยู่บ้างนางนั่งบนเก้าอี้ หยิบน้ำขึ้นมาจิบ"ไม่เป็นไร เป็นเลือดของคนอื่น"แล้วจึงเล่าเรื่องการลอบสังหารฮ่องเต้ให้พวกเราฟังเสี่ยวอานจื่อปิดปากด้วยความตกใจ"ผู้ใดกล้าลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท"อินชิงเสวียนยักไหล่"ข้าจะรู้ได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ไม่มีอันตรายใดๆ ท่านอ๋องสิบสามจับตัวนักฆ่าได้แล้ว พวกเจ้าทุกคนก็ออกไปได้แล้ว ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ"เมื่อเห็นใบหน้าของอินชิงเสวียนซีดลง ทุกคนก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์อินชิงเสวียนสงบจิตใจ เดินไปที่เตียงเมื่อเห็นเสี่ยวหนานเฟิงยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้น กำลังนอนหลับสนิท นางก็อดยิ้มไม่ได้นางก้มศีรษะลงและจูบใบหน้าเล็กๆ ของลูก ถอดผ้าคาดเอว และถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดออกในตอนนี้เองนี้ กล่องเล็กๆ อันประณีตก็ร่วงจากอกเสื้อของนาง ซึ่งนั่นก็คือกล่องชาชื่อหั่วที่เย่จั้นมอบให้นางอินชิงเสวียนทิ้งเ
บุรุษผู้นั้นยิ้มเยาะ"อย่างเจ้าน่ะหรือ จะเข้าไปในจวนจิ้งอ๋องได้"ฟางรั่วกัดริมฝีปาก และไม่พูดอะไรอีกบุรุษผู้นั้นมองไปข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คนเหล่านั้นล้วนเป็นชาวยุทธ์ พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้ แต่ก็ให้ปากคำไม่ได้ ไม่ต้องกังวล"ฟางรั่วโค้งคำนับเล็กน้อย "ข้านอยทราบแล้ว"นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "น่าเสียดายที่โอกาสในการกำจัดเย่จิ่งอวี้นั้นสูญเปล่า เรามีนักธนูพิษหลายสิบคน หากเราใช้กำลังเต็มที่ บางที..."ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เจ้าอยากให้ข้าเดิมพันด้วยชีวิตของชิงเสวียนงั้นรึ"ฟางรั่วก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก"ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว"บุรุษผู้นั้นตะคอกอย่างเย็นชา "ออกไป"หลังจากที่ฟางรั่วจากไป ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็ค่อยๆ สงบลงเขาแบมือขวาออก กลางฝ่ามือมีหยกสำชมพูชิ้นหนึ่งอยู่ ที่มุมจี้หยกสลักคำว่าเสวียนตัวเล็กๆเมื่อมองดูตัวอักษรน่ารักกระจิริด ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็แสดงความอ่อนโยนที่หาได้ยากหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บจี้ไว้ในอ้อมแขน ดับเทียนแล้วเหาะลอยไปวันต่อมาอินชิง
จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงคำพูดของอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาพอเข้าใจที่พระสนมแต่ละตำหนักตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูก อย่างไรเสียพวกนางเหล่านี้มักออกอุบายอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่เมื่อพวกนางมาตามคำสั่งของไทเฮา เย่จิ่งอวี้จึงอดคิดมากไม่ได้เมื่อเห็นฝ่าบาทนิ่งเงียบไม่พูดจา หลี่เต๋อฝูค้อมเอวลงและถามว่า "ฝ่าบาท ต้องการพบหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"เย่จิ่งอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น "ให้พวกนางเข้ามาทั้งหมด"ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า "ช้าก่อน เรียกเสี่ยวเสวียนจื่อเข้ามาก่อน""พ่ะย่ะค่ะ"หลี่เต๋อฝูรีบส่งคนไปยังตำหนักจินหวูทันที พร้อมกับให้เหล่าพระสนมแต่ละตำหนักรออยู่ด้านนอกก่อนครู่หนึ่งแม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกร้อนเกินไป นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้พบฝ่าบาท ดังนั้นจึงต้องคว้าทุกสิ่งทุกอย่างไว้ลู่จิ้งเสียนหยิบกระจกเล็กๆ ออกมา และหยิบลิปสติกออกมาเติมหน้าให้ตัวเองซูฉ่ายเวยก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า จึงตบแป้งคุชชั่นอีกชั้นหนึ่งให้ตัวเอง ทำให้คิ้วดอกท้อของนางดูละเอียดอ่อนและสวยงามยิ่งขึ้นเพื่อที่จะรักษาดอกท้อสีทองแห่งคว
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง
“โอ๊ย พ่องเอ๊ย ตกลงมาเกือบตาย”ชายคนหนึ่งสวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีขาว กำลังนวดหลังตัวเองอยู่ จากนั้นก็คลานลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด“เย่จิ่งหลาน...เจ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานปีนขึ้นมาจากหลุม ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าเพิ่งฆ่าคน นางคือลั่วสุ่ยชิงจริงๆ”อินชิงเสวียนหยุดทันที นางไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไม่สงสัยในตัวเย่จิ่งหลานแม้แต่น้อย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เย่จิ่งหลานก็เดินตามหลังลั่วสุ่ยชิง ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บของนาง“เรื่องมันยาวนะ ยัยบ้า เจ้ายังมีน้ำอีกไหม รีบเอาน้ำมาให้จอมยุทธ์หญิงลั่วดื่มเร็ว”“อ้อ”อินชิงเสวียนหยิบขวดพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด เย่จิ่งหลานก็เอื้อมมือไปหยิบมัน และส่งให้ลั่วสุ่ยชิงดื่มลั่วสุ่ยชิงนั่งขัดสมาธิทันที ปรับลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของนางก็ดีขึ้นลิ่นเซียวกางนิ้ว กิ่งไม้ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง“แม่หนูน้อย ข้าให้เวลาเจ้าพักแล้ว มาสู้กันใหม่!”เมื่อเห็นกิ่งไม้หลอมรวมเป็นปราณกระบี่ในมือของเขา อินชิงเสวียนก็รีบคว้าเขาไว้“อาจารย์ นี่คือมิตร”ลิ่นเซียวส่ายผมสีขาว แล้วมองดูนาง “มิตร?”อินชิงเสวียนดึงเขาออกไป“ก็คือพวกเราเอง
ในช่วงที่เกิดวิกฤติในต้าโจว ฝ่ายของเย่จิ่งหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันหลังอาหารเย็น เขาได้พูดคุยกับชิงผิงชิงอาน แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้ จึงเข้าสู่สมาธิอีกครั้งเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิต แต่ก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั่วทั้งห้วงทะเลแห่งจิตเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ลั่วสุ่ยชิงร่างเปลือยเปล่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล ขยับมืออยู่ตลอดเวลา ลมปราณแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที!“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เย่จิ่งหลานถามอย่างครอบงำมากลั่วสุ่ยชิงยังคงหลับตาแน่น มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“นี่ ลั่วสุ่ยชิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นนางมีท่าทางแบบนี้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ เสียงสะท้อนที่ชัดเจนฟังดูเหมือนน้ำใสในห้วงทะเลแห่งจิตก็ตอบกลับมา“เย่จิ่งหลาน มาช่วยข้าที ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต้าโจว แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายของชิงฮุยอ่อนแอ แก่นวิญญาณของข้าได้กลับมาควบคุมร่างกายบางส่วนแล้ว เสี้ยววิญญาณนี้คือกุญแจสำคัญ ว่าเจ้าและข้าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่”เย่จิ่งหลานได้ยินเสียงของลั่วสุ่ยชิงเป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น“เจ้าพูดได้แล้ว?”ลั่
ลิ่นเซียวตะโกนเสียงดัง ปราณกระบี่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณกระบี่นับพันรวมตัวกันในที่จุดเดียวอีก และปราณกระบี่สีทองก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร่างพราว เทียบเคียงกับความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปราณกระบี่อันทรงพลังสามารถสะเทือนขุนเขา สะท้านสวรรค์!ช่างเป็นกระบี่ที่น่าตกใจจริงๆ!ใบหน้าของชิงฮุยแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกคนผู้นี้สมแล้วที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!ปราณโคจรไปทั่วร่าง มีหมอกสีดำลอยขึ้นมาทั่วตัว ร่างนั้นปรากฏขึ้นในหมอกรางๆ ดวงตาทั้งคู่เกือบจะเสียตาขาวไปทั้งหมด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ ซึ่งทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว!เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็ร่วงหล่นและหมอกก็หายไปอากาศเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่โจมตีอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งในเหตุการณ์ ชิงฮุยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากลิ่นเซียววางมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนตระหง่านต้านสายลมอินชิงเสวียนดีใจ สำเร็จแล้ว!นางรีบวิ่งไปหาลิ่นเซียว“อา...”“อาจารย์!”วินาทีต่อมา ความประหลาดใจของอินชิงเสวียนกลายเป็นความตกใจหน้าอกของลิ่นเซียวกลายเป็นสีแดงเลือด มีเล
“อย่างเจ้าน่ะรึ?”ชิงฮุยขยับมือทำท่ามุทรา ครั้นแล้วนักพรตเทียนชิง เฮ่อยวน และเหมยชิงเกอก็ตีล้อมลิ่นเซียวทันที“อาจารย์ ท่านระวังด้วย พวกเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว”ลิ่นเซียวแค่นเสียงอย่างเย็นชา ยกกิ่งไม้ในมือขึ้นสู่ท้องฟ้า มันได้กลายเป็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่าทั้งสามจะรู้ว่าสิ่งนั้นทรงพลังเพียงใด ท่าทางการโจมตีก็ช้าลงดวงตาทั้งคู่ของอินชิงเสวียนเบิกกว้าง ฉายแววปีติยินดีในใจ สมแล้วที่เป็นเทพกระบี่ ไม่ได้พบนานหลายเดือน ดูเหมือนทักษะกระบี่ของลิ่นเซียวจะก้าวหน้าขึ้นมากชิงฮุยเลิกคิ้วขึ้น“คิดไม่ถึงว่าในต้าโจวจะมีคนที่มีความสามารถเช่นนี้”เขาขยับนิ้วเล็กน้อย ทำท่ามุทราอีกครั้ง จากนั้นก็ส่งอีกหลายคนออกไปโจมตีลิ่นเซียว แรงกดดันของอินชิงเสวียนลดลงอย่างกะทันหัน ในใจรู้สึกเสียใจอย่างมากหากอดทนรออีกหน่อย คงไม่ต้องใช้รีบเรียกใบมีดทะมึนออกมา ตอนนี้ไม่สามารถเรียกมันออกมาได้แล้ว ได้แต่หวังว่าสหายชาวยุทธ์จะมาช่วยเหลือเขาในใจย่อมตระหนักดี ความคิดนี้เป็นไปไม่ได้ ชาวยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันในเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ยกเว้นลิ่นเซียวแล้ว จะหากำลังคนได้จากที่ไหนอีก จากนั้นก็เริ่มเป็นห่วง
อินชิงเสวียนยื่นมือออกไปเรียกพิณการเวก ใช้คลื่นเสียงหยุดการโจมตีของยอดฝีมือทั้งหลาย ชิงฮุยไม่ได้ลงมือใดๆ แต่กลับนั่งมองดูอย่างสงบอินชิงเสวียนรู้สึกกังวลและหงุดหงิด แต่คนที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นเพื่อนสนิทและญาติของตัวเอง จึงไม่สามารถลงมือรุนแรงได้ แม้ว่าการใช้งานทักษะห้าสิบห้าสิบจะขยายเวลาออกไป แต่อย่างไรก็มีขีดจำกัด เมื่อหมดเวลาใช้งาน นางก็จะได้รับผลสะท้อนกลับเช่นกันนางต้องทำลายสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นยิ่งใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้นวินาทีถัดมา อินชิงเสวียนสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิงนางเห็นเฮ่อยวน เหมยชิงเกอ และนักพรตเทียนชิงทะยานเข้ามาหาตัวเอง โดยใช้เคล็ดวิชาลับของแต่ละสำนักในการโจมตีแสงสีขาวและสีม่วงสองดวงเกาะเกี่ยวพันกัน อินชิงเสวียนก็ถูกโจมตีบนไหล่ทั้งสองข้าง กระอักเลือดออกมา หน้าซีดเผือดเหมือนคนตายนับตั้งแต่ที่ข้ามภพมาถึงตอนนี้ นางต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่นางไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตรอดเหมือนตอนนี้แม้ว่าตอนนี้นางจะเข้าไปในมิติได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ คนรักและญาติของนางล้วนกลายเป็นหุ่นเชิดของชิงฮุย หากนางถู
หลังจากที่ชิงฮุยพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกลานบ้าน เจ้าสำนักเฮ่อ เซี่ยวอิ่นหวน ผู้อาวุโสสวี และเจ้าสำนักคนอื่นๆ ต่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานบ้าน“คารวะนายท่าน!”ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของอินชิงเสวียน ทุกคนโค้งคำนับ ซึ่งเป็นการคำนับที่ถ่อมตัวและให้ความเคารพสูงสุดชิงฮุยเป่าปากเป็นเสียงแหลมยาวอีกครั้ง ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือ เย่จิ่งอวี้ เฮ่อฉางเฟิง ต่งจื่ออวี๋ และศิษย์รุ่นเยาว์เหมือนกับเก่อหงยวนอินชิงเสวียนแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เย่จิ่งอวี้สามีของนางกำลังโค้งคำนับให้ชิงฮุยแม้แต่อินชิงเสวียนเองก็รู้สึกเวียนหัว อยากจะคุกเข่าลงคำนับเขาเช่นกัน“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ชิงฮุยหัวเราะร่วนอย่างดุเดือด นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของเขาเสียการควบคุม“ทุกสิ่งที่ข้าต้องการ จะเป็นของข้าในที่สุด ผลลัพธ์นี้ แม่นางอินพอใจหรือไม่”อินชิงเสวียนทั้งตกใจและโกรธ“วิกลจริต เจ้าควบคุมพวกเขาเหมือนหุ่นเชิดไร้อารมณ์ บ้านเมืองเช่นนี้ เจ้าได้ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร”ชิงฮุยยิ้มช้าๆ“ใครบอกเจ้าว่าข้าต้องการบ้านเมือง สิ่งที่ข้าต้องการนั้นมันสูงส่งและยิ่งใหญ่กว่านั้น”อินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “เจ้าต้องการอะไร หรือว่