แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
ท้ายที่สุดเซียวเหิงก็จากไป เขาเดินโซซัดโซเซจากไปราวกับพ่ายแพ้สงครามส่วนเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ในห้องคนเดียว มองดูแสงเทียนที่ลุกโชติช่วง จนกระทั่งฟ้าสางก็ยังไม่รู้สึกง่วงเดิมทีคิดว่า หลังจากผ่านการทะเลาะกันเมื่อคืนมาแล้ว อย่างน้อยเซียวเหิงก็พอจะเข้าใจได้ว่านางไม่อยากมีอะไรกับเขาอีกจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์มาปรนนิบัตินาง ก็ยังเรียก ‘ฮูหยิน’ อยู่ดีกระทั่งถึงวันที่ห้า เซียวเหิงก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้โดยตรงเมื่อเห็นเหล่าเด็กรับใช้ขนหนังสือกองแล้วกองเล่าเข้าไปในเรือน คิ้วของเฉียวเนี่ยนก็ขมวดแน่นนางเดินตามเด็กรับใช้เข้าไปในห้องหนังสือ ก็เห็นเด็กรับใช้หลายคนกําลังรวบรวมหนังสืออยู่หน้าชั้นวางหนังสือ ส่วนเด็กรับใช้อีกคนหนึ่งกําลังวางหนังสือจํานวนหนึ่งไว้บนโต๊ะเฉียวเนี่ยนมองปราดหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าล้วนเป็นกิจการทหารหัวใจของนางจมดิ่งลง แม้แต่ในกองทัพเขาก็ไม่อยากไปแล้วเหรอ?เมื่อเด็กรับใช้เห็นนางก็ทําความเคารพพร้อมกัน "คารวะฮูหยิน"คําเรียกแบบนี้ทําให้เฉียวเนี่ยนฟังแล้วรู้สึกทรมานมาก แต่นางก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธพวกเขา จึงขมวดคิ้วถามว่า "เซียวเหิงล่ะ?""
มันเป็นจดหมายที่สั้นมากและไม่มีสํานวนที่งดงามอะไร ในมุมมองของเฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ มันเป็นจดหมายธรรมดาเท่านั้นแต่ทั้งสองยังคงส่งจดหมายให้เซียวเหิงเซียวเหิงรับมาดูแวบหนึ่ง ดวงตาลึกล้ำไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า "ส่งไปเถอะ!""เจ้าค่ะ"เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ร์รับคําแล้วจากไปแต่แววตาคู่นั้นของเซียวเหิงกลับหม่นหมองลงเขารู้ว่าเฉียวเนี่ยนไม่ยินยอมอยู่ที่นี่แต่อาศัยแค่จดหมายฉบับเดียว ก็อยากหาคนมาช่วยนางเหรอ?ทําไมนางยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้ไม่มีใครสามารถพรากนางไปจากเขาได้อีกแล้วเมื่อหนิงซวงได้รับจดหมายฉบับนี้ ก็งงไปหมด"นี่เป็นลายมือของคุณหนูจริงๆ!" หนิงซวงตื่นเต้นจนขอบตาแดงก่ำ หลายวันมานี้ น้ำตาของนางเกือบจะแห้งไปหมดแล้วหวังเอ้ออ่านเนื้อหาในจดหมายแล้วพยักหน้า "ข้าจําลายมือคุณหนูไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณหนูบอกว่านางไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"หนิงซวงเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น "นางเขียนแบบนี้เพื่อให้ข้าสบายใจ นางถูกแม่ทัพเซียวพาตัวไป แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ในใจต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ!"หวังเอ้อพยักหน้าตาม แต่เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในจดหมาย เขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
ตกดึกเฉียวเนี่ยนนอนอยู่บนเตียง พลิกไปพลิกมา อย่างไรก็นอนไม่หลับนางรู้ว่าหนิงซวงอาจไม่สามารถเห็นคําใบ้ของ'นอกเมืองหลวง'ได้ แต่นางสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอนว่าคำว่าต้องรดน้ำมีปัญหานางรู้ว่าถ้าหนิงซวงไม่เข้าใจ นางจะต้องไปหาเซียวเหอแน่นอน และคําใบ้เกี่ยวกับนอกเมืองหลวง เซียวเหอจะต้องดูออกแน่นอนแต่นางก็ไม่รู้ว่านางอยู่นอกเมืองหลวงหรือไม่อย่างไรก็ตามนางถูกขังอยู่ในจวนตลอดเวลาและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกคนรับใช้ในจวนก็ไม่พูดถึงแน่ ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของนางเท่านั้นเป็นเพราะนางเดินผ่านกําแพงสูงของจวนหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากด้านนอกเลย จึงคิดว่าตําแหน่งของจวนหลังนี้จะต้องอยู่ห่างไกลจากเมืองแน่นอนบวกกับวันนั้นนางไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ตอนเช้าตรู่กลับได้กลิ่นไอน้ำที่ชัดเจนและเข้มข้นจึงคิดว่าแถวนี้ต้องมีน้ำแน่นอนแม่น้ำก็ดี น้ำพุก็ดี ต้องมีแน่นอนแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าคําเตือนของนางถูกต้องหรือไม่ แต่ก็มีความหวังอยู่หวังว่า... นางสามารถออกจากที่นี่ได้โดยเร็วที่สุดวันรุ่งขึ้นเซียวเหิงออกจากบ้านแต่เช้าแม้ว่าเขาจะย้ายงานทหารมาที่นี่แล้ว แต่เขาก็ยังต้องไปประช
เขาไม่อยากหลีกให้ แต่ก็เข้าใจว่า วันนี้ตนไม่สามารถล้วงความลับจากปากของเซียวเหิงได้แน่คิดแล้วคิดอีก ก็ได้แต่ค่อยๆ หลีกทางให้เซียวเหิงจึงพลิกกายขึ้นม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของวังแต่เมื่อเดินผ่านหลินเย่ว์ ก็ได้ยินเขาถามด้วยเสียงต่ำว่า"เจ้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทําแบบนี้ จะทําให้เนี่ยนเนี่ยนเกลียดเจ้ามากขึ้นเหรอ?"ร่างกายของเซียวเหิงพลันแข็งทื่อ แต่กลับไม่หยุดฝีเท้าย่อมเคยคิดมาก่อนแต่เขาไม่มีทางเลือกเขาทําไม่ได้ที่จะมองดูนางไปรักคนอื่นแขนซ้ายพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วเซียวเหิงก็เข้าราชสํานักไปฮ่องเต้มองปราดเดียวก็มองออกทันที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก ในประชุมเช้าไม่ได้เอ่ยคําใด เพียงแค่รั้งเขาเอาไว้หลังจากออกจากประชุมเช้าแล้วภายในท้องพระโรง เซียวเหิงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่หน้าตําหนักฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกร หลุบตามองเขา น้ำเสียงทุ้มต่ำ เปี่ยมไปด้วยความโกรธ "เจ้ากําลังก่อเรื่องอะไรอยู่กันแน่? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ยังคิดจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกเหรอ?"เซียวเหิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ตอบฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา "ทําไม? ต้องเป็นนางเท่านั้นเหรอ?"ครั้งนี้เซียวเหิงกลับเอ่ยปาก"ใช่ กระ
เซียวเหิงคำนับแล้วถอยออกไป พอพ้นจากวังเขาก็ควบม้าจากไปทันทีจนเมื่อม้าศึกเดินทางมาถึงชานเมือง เซียวเหิงกลับหยุดนิ่งเขามีดวงหน้าขรึมเคร่ง พลิกตัวลงจากหลังม้า จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นกับทางเดินเล็กที่ไร้ผู้คน "พี่ใหญ่ ออกมาเถอะ"เซียวเหอที่ซ่อนอยู่ในความมืด ดวงหน้าก็พลันขรึมลงเช่นกัน จึงเผยกายออกมาเซียวเหิงมองไปที่ขาทั้งสองของเซียวเหอแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบ "พี่ใหญ่เพิ่งหายดี ไม่น่าจะออกมาเดินแบบนี้ ควรพักผ่อนให้มากหน่อย"เซียวเหอเข้าใจความหมายของเซียวเหิงทันทีเขานอนป่วยมาห้าปี ฝีมือย่อมถดถอยไปไม่น้อย แม้แต่ความสามารถในการตามสะกดรอยก็ด้อยลงจี้เยว่ได้ตรวจสอบไว้เมื่อวานแล้ว บอกว่าเรือนนอกเมืองที่อาจใช้ขังคนมีอยู่มากกว่ายี่สิบหลัง ซึ่งในนั้นที่อยู่ใกล้น้ำก็มีถึงสิบกว่าจุดเฉียวเนี่ยนถูกขังไว้ที่ใด ยังต้องตรวจสอบแต่ละหลังให้แน่ชัดแต่เขารอไม่ไหวแล้วจริง ๆถึงได้ตัดสินใจตามสะกดรอยเซียวเหิงไม่คิดว่าจะถูกจับได้อยู่ดีเซียวเหอสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก "ข้ารู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่อย่างข้าควบคุมเจ้าไม่ได้แล้ว และก็รู้ว่าเจ้าคิดอย่างไรกับเนี่ยนเนี่ยน แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่คว
นางไม่เคยทำผิดอะไรเลยแท้ ๆถึงแม้ในปีนั้นจะถูกสลับตัว แต่ว่าผู้ที่ลงมือสลับตัว ก็ไม่ใช่เนี่ยนเนี่ยนชามแก้วเป็นหลินยวนที่ทำตกแตกฮูหยินเฒ่าเสียชีวิตเพราะป่วยหมิงอ๋องตายด้วยน้ำมือของโจรภูเขาจิ่งเหยียนเสียชีวิตจากการปราบโจรทุกคน... ไม่มีใครเลยที่ถูกเนี่ยนเนี่ยนฆ่าแต่ทำไม ต้องโทษการตายของทุกคนว่าเป็นความผิดเนี่ยนเนี่ยนด้วยเซียวเหอคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งเมื่อเอ่ยถามในครั้งนี้ ดวงตาคู่นั้นที่เคยเย็นเยียบก็พลันคลอด้วยน้ำตาแม่เซียวส่ายหน้ารัว ๆ "แม่ให้มหาเถระฉือเอินดูชะตาแล้ว ในนั้นเขียนว่า...""แค่จดหมายพยากรณ์ชะตาแผ่นเดียว ก็สามารถตัดสินความตายของคนผู้หนึ่งได้เลยหรือ?" เซียวเหอยังคงเอ่ยถาม ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาร้อนผ่าวจับจ้องแม่เซียวแน่นิ่ง เสียงในลำคอแหบพร่าราวกับสะอื้น "นาง... นางไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักอย่าง!"แม่เซียวก้าวถอยไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว แม้เซียวเหอจะมิใช่สายเลือดแท้ ๆ แต่วินาทีนั้นนางก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเจ็บปวดในใจของเขานางตื่นตระหนก สูดหายใจลึกอย่างร้อนรน ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาปลอบ "เหอเอ๋อร์ แม่ผิดไปแล้ว เจ้าอย่าโกรธแม่เลย..."แต่เซีย
ห้องครัวไม่ได้กว้างนัก ตะกร้าใบใหญ่สองใบของพวกชาวสวนก็แทบจะกินพื้นที่ไปไม่น้อย บวกกับบรรดาพ่อครัวและเด็กรับใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ภายในครัว ก็ยิ่งทำให้ดูแออัดยิ่งนักเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์จึงยืนรออยู่ด้านนอกของครัวเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อย่างไรเสีย คนทั้งจวนล้วนเป็นคนที่เซียวเหิงคัดเลือกมาด้วยตนเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดคุยกับเฉียวเนี่ยนแม้แต่คำเดียวเฉียวเนี่ยนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมากนักในวันนี้ หากแต่ไม่คาดคิดว่า ชาวสวนคนใหม่กลับเดินเข้ามา "ฮูหยิน ท่านดูสิ ผักนี่สดมากเลยขอรับ!"นอกห้องครัว เฉียวเอ๋อร์เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ขมวดคิ้วทันทีนางจ้องริมฝีปากของชาวสวนเขม็ง นางอ่านปากได้ แม้มิได้อยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยน ก็ยังรู้ว่าชาวสวนพูดว่าอะไรเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อย มองชาวสวนด้วยความแปลกใจ แต่ก็เห็นเพียงสีหน้าใสซื่อจริงใจของอีกฝ่าย หาได้มีพิรุธอันใดไม่แต่เมื่อนางก้มตามอง ก็เห็นบนใบของผักกาดขาวนั้น กลับถูกสลักไว้ด้วยเล็บเป็นตัวอักษรว่า 'เหอ'ชาวสวนคนนี้ เป็นคนของเซียวเหอ!เฉียวเนี่ยนเห็นดังนั้น จึงรับผักกาดขาวใบนั้นมา แล้วก็ปัดใบที่มีตัวอักษรสลักอยู่ออกอย่างแน
ตกดึกซุนเซี่ยนเพิ่งกลับถึงจวน กำลังจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาเตรียมพักผ่อน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นเยียบดังมาจากด้านนอกเรือน "ข้าเซียวเหอ ขอพบใต้เท้าซุน"คิ้วของซุนเซี่ยนขมวดเป็นปมขึ้นมาในทันที เขารีบเปิดประตูออกไป ก็พบว่าใต้ชายคาหน้าประตู มีเพียงเซียวเหอยืนอยู่เพียงผู้เดียวส่วนเด็กรับใช้ที่ควรจะเฝ้าอยู่หน้าจวน กลับนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไปหมดแล้วใบหน้าของซุนเซี่ยนพลันแข็งตึง สายตาที่มองเซียวเหอฉายแววไม่พอใจขึ้นทันตา "คุณชายใหญ่ตระกูลเซียว นี่มันหมายความว่าอย่างไร?"กลางดึกย่องเข้าจวนเขา แถมยังเล่นงานเด็กรับใช้ของเขาให้สลบไปหมด เห็นชัดว่าไม่คิดมาดีแน่บนใบหน้าของเซียวเหอนั้น แม้จะปรากฏความเย็นชา ทว่าท่าทีของเขากลับสุภาพอ่อนน้อมอย่างยิ่งเขายกมือคำนับซุนเซี่ยนแล้วกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าวันนี้ใต้เท้าซุนรับพระบัญชาออกค้นหาโจรภูเขา จึงอยากเรียนถาม ไม่ทราบว่าพบเจอเบาะแสใดหรือไม่"ดวงตาของซุนเซี่ยนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ "ว่าข้าจะได้อะไรหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะทูลฮ่องเต้ด้วยตนเอง ยังไม่ถึงคราวที่คุณชายใหญ่ตระกูลเซียวจะเข้ามาก้าวก่าย"เมื่อได้ยินดังนั้น บรรยากาศรอ
ต้องเป็นเซียวเหอที่ไปทูลขอฮ่องเต้ ฮ่องเต้ถึงได้ส่งองครักษ์มาที่นี่!หัวใจของนางเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอกได้ทุกเมื่อร่างของเฉียวเนี่ยนสั่นไหวเล็กน้อย พลันก็อยากจะวิ่งไปหาซุนเซี่ยนโดยไม่รู้ตัวทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เท้าทั้งสองกลับหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตะกั่ว ไม่อาจขยับแม้แต่ก้าวเดียวความหวาดกลัวอันไม่ทราบที่มาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เฉียวเนี่ยนได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม มองดูเซียวเหิงกับซุนเซี่ยนประสานมือคำนับให้กันอย่างไร้ทางเลือก"ข้าก็คิดอยู่ว่าผู้ใดกันถึงกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าซุนนี่เอง" เซียวเหิงกล่าวพลางยกมือชี้ไปยังอาหารบนโต๊ะ แล้วเอ่ยต่อว่า "ใต้เท้าซุนจะอยู่ร่วมโต๊ะสักหน่อยหรือไม่?"ซุนเซี่ยนเหลือบมองอาหารบนโต๊ะแล้วเอ่ยเสียงเย็น "ข้ายังมีราชกิจสำคัญที่ต้องทำ เกรงว่าจะไม่สะดวก"พูดจบก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณทันทีองครักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็แยกย้ายกันออกไปทันทีและเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เฉียวเนี่ยนก็รู้ได้ในทันทีว่าวันนี้นางไปไม่ได้แล้วแล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่นานนัก เหล่าองครักษ์ที่แยกย้ายกันออกไปก็ทยอยกลับมาทีละคน คุกเข่ารายงานต่อซุนเซี่ยนว่า "ขอรายงา
ยิ่งไปกว่านั้น เฉียวเนี่ยนรู้ดีว่า ตนต้องตอบตามความจริงเท่านั้น จึงจะไม่ทำให้เซียวเหิงเกิดความสงสัยหากนางตอบตกลงทันทีว่าเป็นอาหารที่ตั้งใจทำให้เขา เกรงว่าเขาคงจะออกคำสั่งไม่ให้นางเข้าใกล้ห้องครัวอีกแม้แต่ก้าวเดียว!ส่วนเซียวเหิงเมื่อได้ฟังคำพูดของนาง ก็มิได้คิดมากอย่างที่คาดไว้ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก "อืม อร่อยดี"เขาหัวเราะเบา ๆ พลางกินอย่างอารมณ์ดีเฉียวเนี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง สายตาหยุดอยู่ที่แขนซ้ายของเขาจริง ๆ แล้วนางเห็นตั้งแต่แรกว่าเขาบาดเจ็บ และก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเขาจึงได้รับบาดเจ็บทว่านางกลับไม่คิดจะถามนางไม่อยากให้เซียวเหิงเข้าใจผิดว่านางยังชอบเขายิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเขาเป็นทุกข์ ก็จะยิ่งหงุดหงิดเขายิ่งหงุดหงิด นางก็ยิ่งมีโอกาสที่จะหาทางหลบหนีได้มากขึ้นคิดได้เช่นนั้น เฉียวเนี่ยนก็ไม่เอ่ยอะไรอีก เพียงหยิบตะเกียบขึ้นมา ลองคีบอาหารเข้าปากคำหนึ่งทว่าไม่ทันไร พออาหารเข้าปากก็ต้องคายออกมาทันทีหรือคนขายเกลือจะถูกนางตีตายไปแล้วกันแน่?!มันเค็มจนขมปากเลยทีเดียว!เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของเฉียวเนี่ยนยู่ย่นเพราะฝืนกิน เซียวเหิงกลับยิ่งยิ้มสดใส กินอย่างมีความ
หากจะกล่าวว่ามีผู้ใดกล้าต่อกรกับเซียวเหิง อย่างน้อยก็คงมีเพียงซุนเซี่ยนผู้นี้เท่านั้นเพียงแค่...เบื้องหลังซุนเซี่ยน ยังมีทั้งตระกูลซุนอยู่ตระกูลซุนจะกล้างัดข้อกับเซียวเหิงหรือไม่นั้น… ก็ยังไม่แน่ชัดเห็นเซียวเหอยังไม่ลุกขึ้นในทันที ซูกงกงจึงรีบยื่นมือเข้ามาพยุงขาทั้งสองข้างของเซียวเหอเพิ่งหายดีได้ไม่นาน แม้ก่อนหน้านี้จะได้กินยาที่เซียวเหิงมอบให้ ซึ่งช่วยให้อาการดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่เมื่อต้องคุกเข่าอยู่เกือบสองชั่วยาม ก็ย่อมไม่อาจฝืนได้หัวเข่าทั้งสองข้างชาราวกับไร้ความรู้สึกเมื่อเห็นดังนั้น ซูกงกงก็รีบหยิบขวดยาดองออกมา แล้วเอ่ยว่า "คุณชายใหญ่เซียว นี่คือของประทานจากฮ่องเต้ ท่านย่อมเข้าใจดีว่าฮ่องเต้ทรงเอ็นดูท่านเพียงใด เพียงแต่ฮ่องเต้เองก็มีเหตุจำเป็นของพระองค์ หวังว่าคุณชายใหญ่เซียวจะเข้าใจ"ดวงตาของเซียวเหอพลันหม่นลง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่านี่คือคำเตือนของฮ่องเต้?เรื่องของตระกูลเซียว… อย่าได้ทำให้ฮ่องเต้ปวดหัวอีกได้ยินเช่นนั้น สองมือของเขาก็รับขวดยาดองไว้ และกล่าวว่า "ขอบพระทัยฝ่าบาท"จากนั้นก็หันหลังและค่อย ๆ เดินจากไปเขาเข้าใจดีเมื่อภารกิจสำเร็จแล้ว ผู้ที
ได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้ก็ทรงหัวเราะเบา ๆ ยกมือบีบปลายจมูกของเต๋อกุ้ยเฟย "เจ้านี่นะ! ไยต้องปากแข็งต่อหน้าข้าด้วย? หากเจ้าคิดว่าเจ๋อเอ๋อร์ตายเพราะนางจริง ๆ แล้วนางจะยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ได้หรือ?"เต๋อกุ้ยเฟยถูกฮ่องเต้พูดแทงใจเข้าเต็ม ๆ กลับมิได้โกรธเคือง เพียงถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า "แต่... หากฝ่าบาทลงมือ เซียวเหิงจะไม่เคืองฝ่าบาทหรือเพคะ?"เซียวเหิงเป็นแม่ทัพเอกของฮ่องเต้ หากเพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความบาดหมางกัน แล้วอนาคตจะเป็นเช่นไร?ฮ่องเต้เพียงยิ้มจาง ๆ ไม่ตรัสสิ่งใดแต่เต๋อกุ้ยเฟยกลับเข้าใจในทันทีที่ฮ่องเต้ไม่ลงมือเอง ก็เพราะกังวลว่าเซียวเหิงจะเคือง จึงให้น้องชายของนางเป็นคนไปช่วยแทนนางรู้แต่ไม่พูดออกมา เพียงแย้มยิ้ม แล้วจึงถอนหายใจอย่างปลงใจ "ไม่ว่าจะอย่างไร แต่ก่อนเจ๋อเอ๋อร์ก็เคยรังแกนาง เวลานี้ ช่วยนางออกมาก็ถือว่าเป็นการสะสมบุญกุศลให้เจ๋อเอ๋อร์เถอะเพคะ ขอเพียงให้เจ๋อเอ๋อร์ได้รับความทุกข์ในปรโลกน้อยลงสักหน่อยก็ยังดี"เต๋อกุ้ยเฟยเอ่ยพลางประนมมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความจริงใจทว่ากลับไม่คิดเลยว่า สีพระพักตร์ของฮ่องเต้กลับกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาแทน"พูด
นางไม่เคยทำผิดอะไรเลยแท้ ๆถึงแม้ในปีนั้นจะถูกสลับตัว แต่ว่าผู้ที่ลงมือสลับตัว ก็ไม่ใช่เนี่ยนเนี่ยนชามแก้วเป็นหลินยวนที่ทำตกแตกฮูหยินเฒ่าเสียชีวิตเพราะป่วยหมิงอ๋องตายด้วยน้ำมือของโจรภูเขาจิ่งเหยียนเสียชีวิตจากการปราบโจรทุกคน... ไม่มีใครเลยที่ถูกเนี่ยนเนี่ยนฆ่าแต่ทำไม ต้องโทษการตายของทุกคนว่าเป็นความผิดเนี่ยนเนี่ยนด้วยเซียวเหอคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งเมื่อเอ่ยถามในครั้งนี้ ดวงตาคู่นั้นที่เคยเย็นเยียบก็พลันคลอด้วยน้ำตาแม่เซียวส่ายหน้ารัว ๆ "แม่ให้มหาเถระฉือเอินดูชะตาแล้ว ในนั้นเขียนว่า...""แค่จดหมายพยากรณ์ชะตาแผ่นเดียว ก็สามารถตัดสินความตายของคนผู้หนึ่งได้เลยหรือ?" เซียวเหอยังคงเอ่ยถาม ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาร้อนผ่าวจับจ้องแม่เซียวแน่นิ่ง เสียงในลำคอแหบพร่าราวกับสะอื้น "นาง... นางไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักอย่าง!"แม่เซียวก้าวถอยไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว แม้เซียวเหอจะมิใช่สายเลือดแท้ ๆ แต่วินาทีนั้นนางก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเจ็บปวดในใจของเขานางตื่นตระหนก สูดหายใจลึกอย่างร้อนรน ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาปลอบ "เหอเอ๋อร์ แม่ผิดไปแล้ว เจ้าอย่าโกรธแม่เลย..."แต่เซีย
เซียวเหิงคำนับแล้วถอยออกไป พอพ้นจากวังเขาก็ควบม้าจากไปทันทีจนเมื่อม้าศึกเดินทางมาถึงชานเมือง เซียวเหิงกลับหยุดนิ่งเขามีดวงหน้าขรึมเคร่ง พลิกตัวลงจากหลังม้า จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นกับทางเดินเล็กที่ไร้ผู้คน "พี่ใหญ่ ออกมาเถอะ"เซียวเหอที่ซ่อนอยู่ในความมืด ดวงหน้าก็พลันขรึมลงเช่นกัน จึงเผยกายออกมาเซียวเหิงมองไปที่ขาทั้งสองของเซียวเหอแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบ "พี่ใหญ่เพิ่งหายดี ไม่น่าจะออกมาเดินแบบนี้ ควรพักผ่อนให้มากหน่อย"เซียวเหอเข้าใจความหมายของเซียวเหิงทันทีเขานอนป่วยมาห้าปี ฝีมือย่อมถดถอยไปไม่น้อย แม้แต่ความสามารถในการตามสะกดรอยก็ด้อยลงจี้เยว่ได้ตรวจสอบไว้เมื่อวานแล้ว บอกว่าเรือนนอกเมืองที่อาจใช้ขังคนมีอยู่มากกว่ายี่สิบหลัง ซึ่งในนั้นที่อยู่ใกล้น้ำก็มีถึงสิบกว่าจุดเฉียวเนี่ยนถูกขังไว้ที่ใด ยังต้องตรวจสอบแต่ละหลังให้แน่ชัดแต่เขารอไม่ไหวแล้วจริง ๆถึงได้ตัดสินใจตามสะกดรอยเซียวเหิงไม่คิดว่าจะถูกจับได้อยู่ดีเซียวเหอสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก "ข้ารู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่อย่างข้าควบคุมเจ้าไม่ได้แล้ว และก็รู้ว่าเจ้าคิดอย่างไรกับเนี่ยนเนี่ยน แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่คว
เขาไม่อยากหลีกให้ แต่ก็เข้าใจว่า วันนี้ตนไม่สามารถล้วงความลับจากปากของเซียวเหิงได้แน่คิดแล้วคิดอีก ก็ได้แต่ค่อยๆ หลีกทางให้เซียวเหิงจึงพลิกกายขึ้นม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของวังแต่เมื่อเดินผ่านหลินเย่ว์ ก็ได้ยินเขาถามด้วยเสียงต่ำว่า"เจ้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทําแบบนี้ จะทําให้เนี่ยนเนี่ยนเกลียดเจ้ามากขึ้นเหรอ?"ร่างกายของเซียวเหิงพลันแข็งทื่อ แต่กลับไม่หยุดฝีเท้าย่อมเคยคิดมาก่อนแต่เขาไม่มีทางเลือกเขาทําไม่ได้ที่จะมองดูนางไปรักคนอื่นแขนซ้ายพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วเซียวเหิงก็เข้าราชสํานักไปฮ่องเต้มองปราดเดียวก็มองออกทันที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก ในประชุมเช้าไม่ได้เอ่ยคําใด เพียงแค่รั้งเขาเอาไว้หลังจากออกจากประชุมเช้าแล้วภายในท้องพระโรง เซียวเหิงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่หน้าตําหนักฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกร หลุบตามองเขา น้ำเสียงทุ้มต่ำ เปี่ยมไปด้วยความโกรธ "เจ้ากําลังก่อเรื่องอะไรอยู่กันแน่? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ยังคิดจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกเหรอ?"เซียวเหิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ตอบฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา "ทําไม? ต้องเป็นนางเท่านั้นเหรอ?"ครั้งนี้เซียวเหิงกลับเอ่ยปาก"ใช่ กระ