ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใด
ภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
“หนูไอไม่แต่งค่ะคุณแม่ มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ แล้วหนูไอก็ไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นด้วย” ไอรักพูดเสียงดังอย่างโมโห “แต่หนูไอก็น่าจะรู้ว่าไม่มีใครขัดใจป๊าได้นะลูก”มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว ที่ตอนนี้นั่งชักสีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก อยู่บนเตียงนอนของตนเอง “แล้วอีกอย่าง ถึงตอนนี้ไม่ได้รัก เดี๋ยวอยู่ๆ กันไปก็รักกันเองแหละลูก”ไอรักหันขวับจ้องมองมารดาอย่างเอาเรื่อง “ไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ หนูไอมีแฟนแล้ว หนูไอโตแล้วนะคะ บรรลุนิติภาวะแล้ว หนูไอไม่ยอม”ไอรักยอมโกหกว่ามีแฟนเพื่อเอาตัวรอดผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเต็มที เดินเข้าไปกอดลูกแล้วลูบศีรษะเบาๆ“หนูไอ...แม่เข้าใจเหตุผลของลูกทุกอย่าง แต่มีเหตุผลหนึ่งที่หนูไอลืมไปหรือเปล่า?” ไอรักหันกลับมามองหน้ามารดาก็พบสายตาที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “ความเหมาะสมไงจ๊ะ ผู้ชายคนที่ป๊าเลือกให้ เป็นเจ้าของไร่อ้อยพันกว่าไร่ทางภาคตะวันตก และครอบครัวของเขาก็มีกิจการท่าข้าวที่มีส่วนในการเอื้อกับธุรกิจของเรา แม่ไม่อยากบังคับหนูไอ แต่แม่รู้ว่าหนูไอจะเข้าใจความหวังดีของป๊ากับแม่ และเข้าใจคำว่าความเหมาะสมนะ” หญิงสาวนิ่งเงียบกับเหตุผลที่ได้ฟัง ใช่
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต