ร่างบางตอบกลับ “ฉันสามารถรักษาการบาดเจ็บของคุณได้” สีหน้าของเขาสดใสขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่ก็กลับไปอึมครึมอย่างรวดเร็ว เสียงเข้มพูดด้วยน้ำอย่างเย็นชา “แม้แต่หมอเองยังหมดทางช่วยเหลือ แล้วคนอย่างเธอจะรักษาได้เหรอ? น่าขำจริง ๆ” จุนเหยารู้สึกไม่ค่อยพอใจ มันเหมือนกับว่าเป็นฉันเองที่ไปขอรักษาเขา ฉันสงบสติอารมณ์ พลางเอ่ย “คุณบาดเจ็บตรงนี้ใช่ไหม?” ฉันชี้ไปที่บริเวณหัวหน่าว แล้วว่าต่อ “นี่เป็นอาการบาดแผลที่รุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยเร็ว และปล่อยให้หัวหน่าวได้รับความเสียหายมากขึ้น มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะคะ” ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นลึกล้ำ “เธอรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้จริง ๆ เหรอ?” “ฉันไม่กล้ารับปากคุณร้อยเปอร์เซ็นต์” ฉันเอ่ยต่อทันทีว่า “แต่ก็ควรจะลองดู” “โอเค” เขากำข้อมือฉันแน่น “ถ้าเธอรักษาไม่ได้ แล้วมาเล่นตลกกับฉัน ฉันจะทำให้เธอต้องเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้” สายตาของเขานั้นราวกับคมมีดที่แทงเข้าลึกถึงกระดูก มันทำให้ฉันรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว จุนเหยาลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย นี่ฉันไม่ได้เข้าไปหยอกล้อกับคนที่ไม่สมควรจะล้อเล่นด้วยใช่ไหมเนี่ย? ฉันเริ่มปลุกระดมความกล้าทั้งหมด พลันโต้ตอบ “ค่ารั
ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลันตอบ “ฉันต้องคอยเช็คสภาพร่างกายของคุณตลอดเวลา” เค้ายิ้มเยาะแล้วถอดชุดนอนต่อหน้าฉัน เผยให้เห็นเรือนร่างที่แข็งแรงอย่างสมบูรณ์แบบ จุนเหยารีบหลบสายตาหันไปทางอื่นทันที ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของเขานั้นสวยงามจริง ๆ ต่อให้เป็นนายแบบชื่อดังระดับประเทศก็เทียบกับเขาไม่ได้เลย ขณะที่อีกฝ่ายลงไปอาบน้ำยา ฤทธิ์ของยาก็ซึมเข้าสู่ร่างกายจนร่างสูงขมวดคิ้วแน่น ฉันบอก “คุณเว้ย เดี๋ยวคุณจะรู้สึกแสบนิดหน่อยนะคะ คุณต้องอดทน” เขากำขอบถังไว้แน่น สีหน้าซีดเซียว กล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งตัว เขาอดทนจนแล้วจนเล่า ในที่สุดก็ทนไม่ไหว จึงคำรามออกมาด้วยความโกรธ ทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนของเขาก็รีบวิ่งเข้ามาทันที เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ทั้งคู่ก็ถอดสี “นายครับ!” หนึ่งในนั้นหันหน้ามาคว้าเสื้อของฉันไว้ พลางกล่าวอย่างโกรธเคือง “เธอทำอะไรนาย?” “อาหวู่ อย่าเสียมารยาท” เว้ยหลานตะโกนเสียงดัง “ออกไปให้หมด” “แต่ว่านาย…” “หุบปาก ออกไป!” น้ำเสียงของเว้ยหลานมีความดุดันอยู่เล็กน้อย ทั้งสองคนจึงต้องออกไป แต่ไม่ลืมที่จะจ้องมาที่ฉันอย่างดุร้าย ฉันลูบจมูกไปมา ใบหน้าแสดงอาการอย่างหมดทางเล
ฉันกำหมัดแน่น เป็นฉันเองที่ประมาทจนเกินตัว เอาแต่คิดว่าอยากได้เงิน แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า น้ำยาอาบที่มีประสิทธิภาพดีขนาดนี้ มันต้องดึงดูดความโลภของคนอย่างแน่นอน ฉันจะต้องคิดหาทางออกให้ได้ ร่างเล็กเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา “คุณเว้ยคะ คุณรู้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงไปโผล่ในที่ที่คุณชกมวยได้?” เว้ยหลานหรี่ตาลงเล็กน้อย “เพราะท่านอาจาร์ของฉันทำนายว่าจะมีคนชกมวยอยู่ที่นั่น และเขาได้รับบาดเจ็บ” ฉันพูดเรื่องไร้สาระไปอย่างใจเย็น “และท่านผู้นี้เป็นคนใหญ่คนโต ในอนาคตจะมีเรื่องที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นเลยให้ฉันออกมาช่วยเขา” ฉันก้าวเท้าไปข้างหน้า “คุณเว้ยคะ คนที่ท่านอาจาร์ของฉันทำนาย ก็คือคุณค่ะ” เขามองและประเมินฉันอย่างละเอียดราวกับว่าต้องการที่จะมองทะลุเข้าไปในจิตใจของฉัน ฉันจึงยิ้มตอบ “อาจาร์ของฉันเป็นผู้มีวิชาสูง ท่านไม่เพียงแต่ทำนายความดีร้ายของผู้อื่นได้นะคะ แต่ท่านยังสามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้อีกด้วย จากร้ายกลายเป็นดี จากดีก็สามารถกลายเป็นร้ายได้ คุณเว้ยคะ ถ้าให้อาจาร์ของฉันรู้ ท่านต้องมาช่วยคุณด้วยความจริงใจแน่นอนค่ะ แต่ตอนนี้ลูกศิษย์ของท่านกลับโดนคุณกักตัวอย
จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ฉันก็เพิ่งมานึกกลัวภายหลัง ขาเรียวทั้งสองข้างสั่นไม่หยุดครั้งหน้าฉันจะไม่อวดเก่งแล้ว ไลฟ์สดแบบน่ารัก ๆ ดีกว่า ทั้งได้เงินเร็วแถมยังไม่ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วยทันทีที่ปล่อยวิญญาณผีสาวตนนั้นออกจากร่ม หล่อนบอกกับฉันว่า เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว หล่อนเสียชีวิตที่นั่นจากการเจ็บป่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังไม่กลับชาติมาเกิดสักที และยังคงเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในที่แห่งนั้น ส่วนบ้านพักตากอากาศของเว่ยหลานก็เพิ่งมาสร้างขึ้นภายหลัง หล่อนจึงสิงอยู่ที่นั้นตลอดมาแต่สิ่งที่หล่อนปรารถนาที่สุดตอนนี้คือ การที่หล่อนสามารถไปสู่สุคติและได้กลับชาติมาเกิด กำยานของวัดหลัวฮั่นที่ตั้งอยู่ในเมืองซานเฉิงมีพลังมากที่สุด ฉันจึงพาวิญญาณสาวตนนั้นไปที่วัดหลัวฮั่น และตั้งใจว่าจะนิมนต์พระสงฆ์มาท่องบทสวดสู่สุคติให้หล่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าพระสงฆ์ที่มาต้อนรับบอกให้ฉันลงทะเบียนเพื่อจองคิว แต่ฉันดูออกว่าหลังจากจองได้ครึ่งปีแล้วก็ยังต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันงาอีกหนึ่งแสนแน่ ๆสำหรับเงินน่ะฉันจ่ายให้ได้ แต่ให้รอครึ่งปีก็คงจะรอไม่ไหวพระสงฆ์ที่มาต้อนรับรูปนั้นเห็นฉันไม่เอ่ยพูดเป็นเวลานาน เลยคิดว่าคงไม่มี
จุนเหยาวิ่งออกมาจากห้องส่วนตัวเฟิร์สคลาสเพราะรู้สึกปวดใจ ทำไมพวกคนรวยคนมีอำนาจพวกนี้ถึงชอบเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นกันนะ ล้อฉันแล้วสนุกมากใช่ไหม?มือเรียวลูบไปที่เนื้องอกบนใบหน้า ทีแรกฉันคิดว่าชีวิตนี้จะต้องเหงาไปจนแก่ซะแล้ว แต่ในที่สุดตอนนี้ความหวังที่ริบหรี่ก็เริ่มสว่างขึ้นมา ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน แต่ฉันจะก็จะพยายามต่อไปทันใดนั้นก็มีเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสั้นรัดรูปเดินตรงเข้ามาชนอย่างแรง จุนเหยาจึงกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ทว่าหล่อนกลับเอ่ยว่า “เธอคือหยวนจุนเหยาใช่ไหม?”ฉันชะงักพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่ “เธอคือ คือหยางยี่เหรอ?”“ใช่แล้ว ฉันเอง” หล่อนมองฉันด้วยความดีใจ สายตาคู่นั้นที่มองมาราวกับว่าเจอของเล่นที่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง หล่อนพูดต่อ “เธอมาเที่ยวที่นี่ได้ยังไง? มาคนเดียวเหรอ?”จุนเหยาหลบสายตา “ฉันมีธุระ ไว้คุยกันใหม่นะ”พูดจบร่างเล็กก็หันตัวกลับกำลังจะเดินจากไป แต่หยางยี่คว้ามือเธอไว้แน่น “อย่าเพิ่งไปสิ วันนี้พวกเราที่มาที่นี่คือเพื่อนร่วมชั้นเก่า ๆ ทั้งนั้นเลยนะ เธอก็รู้จักพวกเขา งั้นก็มาสนุกด้วยกันสิ”ท้ายที่สุดไม่ว่าฉันจะยอมหรือไม่ยอม หล่อนก็ลากฉันเข้าไ
ตาคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างโกรธเคือง หล่อนยกมือจะตบฉันพร้อมกล่าว “เธอยังกล้าจ้องหน้าฉันอีกเหรอ?”ทว่าทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก ก่อนที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะเดินเข้ามาแล้วขยับปากด่าพึมพำไปด้วย เธอเบี่ยงเบนความสนใจของหยางยี่ไป ทำให้ฉันหลบฝ่ามือนั่นได้ทันท่วงทีเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนมัธยมต้นเช่นกัน หล่อนชื่อว่าฟางหลานหลาน พ่อแม่ของหล่อนเปิดบริษัทเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ค่อนข้างมีฐานะดี ตอนนั้นในชั้นเรียนหล่อนมีเงินมากถึงแปดหมื่นหยวนถังซวนยิ้มเยาะ “ใครทำให้คุณหนูฟางของเราโกรธอีกล่ะ?”ฟางหลานหลานกล่าวอย่างโกรธเคือง “เมื่อกี้ฉันเจอคนบ้าประสาทเสียข้างนอก เขาน่าจะดื่มเหล้ามาเยอะ จู่ ๆ ก็มาดึงฉัน จะให้ไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนที่ห้องส่วนตัวของเขา ฉันเลยตบหน้าเขาไปหนึ่งทีและขังเขาไว้ในห้องน้ำหญิง”ทุกคนต่างหัวเราะชอบใจ ถังซวนหัวเราะจนเหนื่อยหอบ “ทำดีแล้วคุณหนูฟาง เธอเป็นผู้หญิงแมน ๆ สมชื่อจริง ๆ ”ฟางหลานหลานเงยหน้าขึ้นสูงจนคางแทบจะชี้ฟ้าและพูดอย่างภาคภูมิใจ “มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ในเมืองซานเฉิงไม่มีใครไม่รู้จักฟางหลานหลานคนนี้หรอก”พูดจบ หล่อนก็หันมามองฉันด้วยความตกใ
สายตาของทุกคนจ้องมาที่ฉัน ฟางหลานหลานแสดงสีหน้าเหลือเชื่อดูเหมือนว่าหลิวซานเกอจะสนใจ เขามองมาที่ฉันแล้วเอ่ย “คิดไม่ถึงว่าในบรรดาคนในห้องนี้จะยังเหลือคนมีน้ำใจอยู่ด้วย ก็ดี เธอแค่ดื่มให้หมดนี่แล้วฉันจะปล่อยหล่อนไป”ขาเรียวก้าวไปตรงหน้าเขา พร้อมถอดหมวกและหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่มีเนื้องอกถึงแม้ว่าเนื้องอกบนใบหน้าของจุนเหยาจะหายไปแล้วหลายก้อน จนเผยให้เห็นผิวพรรณขาวเนียนใส แต่ดูยังไงก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดีหลิวซานเกอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความขยะแขยงทันที แต่ท้ายที่สุดเขาก็กลับมาสงบได้อย่างรวดเร็วมือเรียวหยิบเหล้าขึ้นมาหนึ่งขวด จุนเหยาเปิดฝาและเทกรอกลงช่องปากทันอย่างว่องไวไม่ถึงหนึ่งนาทีเหล้าก็หมดไปหนึ่งขวด ตามด้วยขวดที่สอง ขวดที่สาม จนกระทั่งถึงขวดที่สิบสอง ทุกคนต่างตกตะลึงแต่ที่แปลกก็คือ ฉันดื่มเบียร์ไปเยอะมากขนาดนี้ แต่หน้าไม่แดงหัวใจไม่เต้นแรง อีกทั้งยังมีความรู้สึกเหมือนไม่ได้ดื่มเบียร์เลยแม้แต่นิดกระทั่งดื่มขวดสุดท้ายหมด ร่างบางก็หันไปมองหลิวซานเกอพร้อมเอ่ย “โอเคไหม?”มือทั้งสองของหลิวซานเกอกำหมัดแน่น “ยัยฮีโร่หญิง!” หลังจากนั้นเขาก็หันไป
บนประตูมีเชือกพลาสติกแขวนอยู่ ถังหมิงหลีจึงเอามีดตัดทิ้ง และในตอนที่กำลังจะเปิดประตู ก็มีเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นจนทำฉันตกใจสะดุ้งตัวโยนร่างบางมองไปที่โทรศัพท์มือถือ พบว่าที่แท้ก็เป็นราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางส่งคำขอสนทนามาหาเขากลับมาแล้วเหรอ?ฉันเชื่อมต่อการสนทนาด้วยความดีใจ พลันเสียงชายชราที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “นังหนู อย่าเข้าไปเด็ดขาด”ฉันตกใจมาก “ท่านอาวุโส วิญญาณข้างในนั้นมันดุร้ายเกินกว่าที่เราจะรับมือเหรอคะ?”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางพูดต่อ “นังหนู ห้องส่วนตัวห้องนี้ตั้งอยู่ที่มุมอับ ในฮวงจุ้ยเรียกว่า มุมวิญญาณ เธอไม่สามารถเปิดห้องได้แน่นอน อย่าว่าแต่คนเข้าไปเลย มีคำกล่าวว่า มีมุมวิญญาณที่คนแล้วออกไม่ได้อยู่ วิญญาณชั่วร้ายจะพันร่างกายคนธรรมดาเข้าไป ถ้าไม่โดนวิญญาณฆ่าตาย ก็ล้มป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ และร่างกายจะปั่นป่วนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส”ฉันรีบถามทันที “ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไงคะ?”“ไม่เป็นไร ฉันจะสอนเธอวิธีหนึ่ง จะทำให้เธอเข้าไปในมุมวิญญาณได้โดยที่จะไม่ได้รับอันตราย”จุนเหยาทำตามที่เขาบอกโดยใช้สีชาดชนิดพิเศษวาดคาถาลงไปที่ช่องท้อง เพื่อให้ผู้ชมมองเห็น ฉันจึงวาดคาถานั้นล
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ