เสวียห้าวเทียนหยิบโทรศัพท์ออกมาและตั้งใจจะโทรแจ้งตํารวจ แต่เขากลับพูดแปลก ๆ ว่า “ไม่มีสัญญาณเหรอ? คงจะไม่มีตัวบล็อกสัญญาณอยู่ในห้องนี้หรอกนะ?”ฉันถอนหายใจ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่น่ากลัวมาก “นายน้อยเสวีย” ใบหน้าของฉันซีดเล็กน้อย “เราอาจจะโดนโจมตีแล้ว” เสวียห้าวเทียนตกตะลึงไปชั่วขณะ ราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเองฉากโดยรอบก็เปลี่ยนไป ผนังเริ่มมีรอยด่างพร้อย เฟอร์นิเจอร์และอาหารหายไป เหลือเพียงซากปรักหักพังบนพื้นเท่านั้น ที่นี่คือห้องเรียน! เรากลับไปที่โรงเรียนมัธยมหวนซานอีกครั้ง! ฉันกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “มันคือมิติวิญญาณ! ครั้งแรกที่พวกเราเดินเข้าไปในโรงเรียนมัธยมหวนซาน เราก็ติดอยู่ที่นี่ ทุกอย่างก่อนหน้านี้ล้วนเป็นกลลวงของวิญญาณทั้งหมด เรายังไม่ได้ออกจากโรงเรียนตั้งแต่แรก!” สีหน้าของเสวียห้าวเทียนเปลี่ยนไป “ดูสิ” ทันใดนั้นมือเรียวชี้ไปที่กระดานดําและตะโกนเสียงดัง จู่ ๆ บนกระดานดํานั่นก็มีคราบเลือดสีแดงก่ำปรากฏขึ้น เลือดเหล่านั้นประกอบกันเป็นข้อความ “ท่านทั้งสอง ยินดีต้อนรับพวกคุณ และขอแสดงความยินดีกับคุณที่ผ่านด่านแรกไปได้
ฉันพูดต่อว่า “ความจริงแจ่มแจ้งมาก หลังจากที่นายท่านของบ้านหลังนี้เห็นรายงานภาพอัลตราซาวนด์ จึงคิดว่าภรรยาตั้งครรภ์สัตว์ประหลาด ด้วยเหตุนี้จึงฆ่าภรรยา จากนั้นก็ฆ่าตัวตายตาม” เสวียห้าวเทียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หากทารกในครรภ์พิการก็กำจัดออกได้ ทําไมจะต้องเลือกทางตันแบบนั้นด้วย?” “เพราะนี่ไม่ใช่ทารกพิการในครรภ์ธรรมดาทั่วไปไง” ฉันขมวดคิ้ว “ไปกันเถอะ ไปดูศพนายหญิงนั่นกันดีกว่า!” พวกเรารีบเดินไปที่ห้องนอนชั้นสองและเปิดผ้าห่มออก แต่กลับพบว่าท้องของนายหญิงถูกฉีกออกและทารกในครรภ์ก็หายไปแล้ว ฉันตรวจสอบบาดแผลอย่างระมัดระวัง พลางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “มันถูกฉีกขาดจากข้างใน” [เลือดสาดมาก] [คนข้างบน อย่าโอเวอร์ได้ไหม? พวกนี้เป็นแค่กุมารเวชเท่านั้น] [แอดมิน เร็วเข้า ดูตู้เสื้อผ้าด้านหลังเธอสิ!] [อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊าย ฉันตกใจแทบตายเลย] ฉันรู้สึกเหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พลันหันศีรษะไปมอง จึงเห็นปากส่วนหนึ่งขนาดเล็กและเขี้ยวถี่ยิบอยู่ในซอกเล็ก ๆ ที่ด้านบนตู้เสื้อผ้า“ก๊าก!” เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังขึ้น เสวียห้าวเทียนตะโกน “แอดมิน ระวัง!” ทันทีที่ฉันเขยิบออกมา ทารกปร
เรามาถึงห้องเรียนอีกห้อง ทันใดนั้นแสงและเงาก็เปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา เราพบว่าตัวเองอยู่บนรถไฟที่เต็มไปด้วยผู้โดยสาร ตัวอักษรเลือดปรากฏขึ้นบนผนังรถอีกครั้ง และมีปีศาจปรากฏขึ้นบนรถด้วย คำสั่งคือจงค้นหาปีศาจให้ครบแล้วกําจัดพวกมันทั้งหมดซะ น่าแปลกที่ผู้โดยสารบนรถดูเหมือนจะไม่เห็นตัวอักษรเลือดเหล่านี้ พวกเขาล้วนทําธุระของตัวเอง “แยกกันเหมือนเดิมนะ” ฉันพูดกับเสวียห้าวเทียน “ฉันจะเริ่มจากท้ายรถ คุณเริ่มจากหัวรถนะ” เขาพยักหน้าแล้วเราก็แยกย้ายกันไปเริ่มค้นหาทีละโบกี้ ฉันเพิ่งมาถึงโบกี้ที่สิบหก พลางเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกําลังดึงพนักงานการรถไฟและตะโกนเสียงดัง “ช่วยเปิดประตูห้องน้ำให้ฉันทีค่ะ” หญิงวัยกลางคนรูปร่างอ้วนในชุดสีแดงตะโกน “ลูกสาวของฉันเข้าไปเกือบชั่วโมงแล้ว เคาะประตูก็ไม่มีใครตอบกลับเลย เธอคงเป็นลมแน่ ๆ” “คุณผู้หญิง คุณไม่ต้องกังวลนะคะ” พนักงานการรถไฟปลอบใจ และเรียกตํารวจรถไฟให้เอากุญแจมา เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ในนั้นพลันจ้องมองทุกคนอย่างเกรี้ยวกราด หญิงวัยกลางกล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าเด็กคนนี้นี่ ทําไมถึงขังตัวเองไว้ในนั้นล่ะ? รู้
[คนข้างบนช่างไร้ความรู้จริง ๆ เคยได้ยินเรื่องสาวคอยาวบ้างไหม? วิชาลดศีรษะชนิดหนึ่งของหนานหยางอ่ะ] [เธอเคยเห็นสาวคอยาวเป็นกาฝากในท้องของมนุษย์ไหม?] [หรือว่าสาวคอยาวจะกลายพันธุ์ล่ะ?] [นี่คือ หนอนนรก พวกเธอคิดว่านี่มันเป็นหัวมนุษย์จริง ๆ เหรอ? มันคือหนอนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในยมโลก มันมีรูปร่างเหมือนศีรษะของมนุษย์และกินคนโดยเฉพาะ] [คนข้างบนรู้ลึกรู้จริง ได้โปรดรับการคารวะของฉัน] ฉันมองปุ๊บก็รู้เลยว่ามันเป็นหนอนนรก พวกมันใช้หัวในการเดิน หลังจากเจาะท้องของหญิงสาวออกมาแล้ว หญิงวัยกลางคนก็ล้มลง กลายเป็นเปลือกว่างเปล่า ทันใดนั้นขนของหนอนนรกก็แผ่ออก พลันปีนขึ้นไปบนที่นั่งและเริ่มคลานอย่างรวดเร็ว “เจ้าเดรัจฉาน!” จุนเหยาตะโกนด้วยความโกรธ “ตายซะ!” พูดจบเธอก็กวัดแกว่งดาบไม้ท้อในมือ จนไฟลุกโชนออกมาจากดาบพุ่งเข้าใส่หนอนนรกทันที ทว่าหนอนนรกนั้นรวดเร็วมาก เปลวไฟจึงปะทะกับเก้าอี้และถูกเผาจนเป็นรูใหญ่ ฉันดับไฟทันทีแล้วขว้างลูกไฟใส่หนอนนรกอย่างต่อเนื่อง หนอนนรกหลบไปทีละครั้งทีละครั้ง ใบหน้าของมันปรากฏรอยยิ้มสะใจและดูถูกเหยียดหยาม มันพลิกตัวผ่านที่นั่ง พลันอ้าปากและกรีดร้อง
เขาพลิกตัวขึ้นสู่กลางอากาศ ลมกระโชกแรงพุ่งผ่านบริเวณที่เขายืนอยู่ พลันมีคนลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำพอดี แต่กลับถูกลมนี้ฟาดจนขาดเป็นสองท่อน “กร๊าซ!” เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้นท่ามกลางโบกี้ที่เงียบสงัด ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนก คิ้วคมเข้มของเขาขมวดเข้าหากันพลางมองไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาคนที่ลอบโจมตีเขาท่ามกลางฝูงชน ทันใดนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่คนคนหนึ่ง ชายหัวล้านรูปร่างผอมบาง มุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้าย กำลังปะปนอยู่ในฝูงชนพลางคิดจะหลบหนี สีหน้าของเขาเย็นชา พลันตัดสินใจหยิบลูกดอกขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยกมือขึ้นปามันออกไป ลูกดอกบินผ่านฝูงชนที่กำลังพลุกพล่านและปักลงบนหน้าผากของชายผู้นั้นอย่างแม่นยํา ร่างกายของชายผู้นั้นหยุดชะงัก ตาค้าง และล้มลงไปกองกับพื้นในที่สุด เสวียห้าวเทียนกําลังจะเข้าไปตรวจสอบชายคนนี้ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่ร้ายแรงกว่า ผู้โดยสารที่เดิมทีกําลังจะวิ่งออกไปข้างนอกพลันหยุดเดิน และค่อย ๆ หันกลับมาด้วยแววตาที่เย็นชาและจ้องเขม็งไปที่เขา เขาตกใจ คนพวกนี้ถูกปีศาจควบคุมกันหมดแล้วเหรอ? “ฮิ ฮิ ฮิ” เสียงหัวเราะ
เสวียห้าวเทียนกระซิบข้างหูของฉัน “ผีดิบ”เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมลัทธิเต๋าสีเหลืองเดินนําหน้าและตามมาด้วยคนอีกหกคนชายในชุดคลุมลัทธิเต๋าดูน่าเกลียดมาก คนที่อยู่ข้างหลังเขาล้วนสวมชุดสูทราคาถูก ใบหน้าเขียวคล้ำ ริมฝีปากสีม่วง ดวงตาล่องลอย พวกเขาไม่ได้เดิน แต่กระโดด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นศพ! [เอ๊ะ ทําไมศพพวกนี้ถึงไม่สวมชุดกวนฝูสมัยราชวงศ์ชิงล่ะ?] [คนข้างบนดูหนังเรื่องหลินเจิ้งอิงเยอะไปหรือเปล่า? ต้าชิงตายแล้ว เธอรู้ยัง? ตอนนี้มันเป็นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว ใครจะมาสงมาสวมเครื่องแบบกวนฝูสมัยราชวงศ์ชิงอยู่อีกล่ะ?][เชอะ ตอนนี้ยังมีคนไล่ศพอยู่อีกเหรอ? แค่จุดไฟเผาส่งกลับบ้านเกิดก็พอแล้วมั้ง สะดวกมาก แถมยังนั่งเครื่องบินกลับได้อีกด้วย] [นี่คนข้างหน้า เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าหลายสถานที่มีประเพณีจะต้องฝังศพ?] ตาคมกวาดมองซากศพเหล่านั้นพลางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพูดกับเสวียห้าวเทียน “ศพพวกนี้แปลกมาก มันศพฟื้นคืนชีพแน่นอน” “ทำไมคุณถึงคิดอย่างนี้ล่ะ?” เสวียห้าวเทียนถาม จุนเหยาตอบ “คุณดูหน้าผากของพวกเขาสิ ควันสีดําหมุนวนอยู่ นี่เป็นการกระตุ้นปราณศพ ศพจะต้องฟื้นคืน
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์