Share

บทที่ 3

Author: เอ้อไป๋ยา
มือของหลู้เหวินโจวจับแก้วเหล้าแน่นแล้วแน่นอีก

หัวใจราวกับถูกแทงขึ้นในขณะนั้น

วันนั้นซ่งชิงหยาฆ่าตัวตาย และเฉียวอีก็โทรหาเขาหลายสายมากเพราะความเจ็บปวดของประจำเดือน ในตอนแรกเขาก็รับสายโทรศัพท์ แต่หลังจากนั้นพอโมโหก็วางสายลงทันที

เธอคงไม่อยากเลิกกันเพราะเหตุนี้หรอกใช่ไหม

หลู้เหวินโจวหลับตาลง ฟังซ่งเยี่ยนเฉินกับซู่เหยียนจือด่าทอสามีห่วย ๆ คนนี้ จนไม่รู้สึกถึงบุหรี่ที่ไหม้ไปตามปลายนิ้วของเขาจนมาถึงยังหลังมือเลยด้วยซ้ำ

เขากระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน

เขาไม่กลับไปในเวลานี้ เฉียวอีปกติคงจะโทรมาแสดงความเป็นห่วงตั้งนานแล้ว

แต่ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ แล้ว เขายังไม่ได้รับแม้แต่ข้อความด้วยซ้ำ

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่ดี

และรีบดับก้นบุหรี่ลงทันที ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกไป

ทันทีที่เขาออกมาจากประตูของบาร์ เขาก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เดินตรงมาหาเขาพร้อมกับถือตะกร้าดอกไม้สดอยู่ในมือ

เด็กสาวยิ้มแล้วถามเขาว่า"คุณผู้ชายคะ อยากจะซื้อให้แฟนสักสองสามดอกไหมคะ?"

หลู้เหวินโจวมองดูดอกกุหลาบสีแชมเปญที่เรียงรายและแข่งกันเบ่งบานอยู่ในตะกร้า และทันใดนั้นคำพูดของซ่งเยี่ยนเฉินก็ดังก้องขึ้นมาในหัวว่า"ง้อนิดง้อหน่อยก็ดีกันแล้ว"

เขาจึงพูดว่า:"เอาทั้งหมดนี้ห่อมาให้ฉันด้วย"

เด็กหญิงมีความสุขมาก เธอรีบบรรจุดอกไม้ใส่ห่อให้อย่างสวยงามทันที แล้วมอบให้หลู้เหวินโจว ทั้งยังยิ้มและกล่าวคำอวยพรมากมายให้กับเขาอีกด้วย

ในที่สุดสีหน้าเศร้าหมองของหลู้เหวินโจวก็อ่อนลงเล็กน้อย

เขาหยิบธนบัตรใบห้าร้อยสองสามใบออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วมอบให้เด็กหญิงไป

แต่เมื่อเขาถือดอกไม้กลับมาถึงบ้าน คนที่มาทักทายเขาไม่ใช่คนร่างอ่อนช้อย แต่เป็นป้าในบ้านแทน

“คุณผู้ชาย คุณกลับมาแล้ว ฉันต้มซุปสร่างเมาให้คุณ คุณจะรับสักชามไหมคะ?”

หลู้เหวินโจวขมวดคิ้วและจ้องมองขึ้นไปบนชั้นบน:"เธอนอนแล้วเหรอ?"

ป้าผงะไปครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า:"คุณเฉียวไปแล้วค่ะ เธอขอให้ฉันมอบสิ่งนี้ให้กับคุณด้วยค่ะ"

หลู้เหวินโจวรับซองจดหมายมาจากมือของป้า

เมื่อเปิดดู ก็เห็นว่ามันคือรายการเสื้อผ้าที่เฉียวอีเตรียมเอาไว้ให้เขา

เขาโกรธจนเส้นเลือดในหัวของเขากระตุกขึ้นมาอย่างแรง เขาจึงขยำใบรายการนั้นแล้วโยนมันลงในถังขยะ

จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาเฉียวอี

โทรศัพท์ดังอยู่นาน กว่าทางฝั่งนั้นจะรับสาย

เสียงแหบเล็กน้อยของเฉียวอีดังออกมาจากสาย

"มีอะไรคะ?"

หลู้เหวินโจวถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่นในฝ่ามือใหญ่ ๆ ที่มีข้อนิ้วที่ละเอียดอ่อนของเขา เขากัดฟันกรอดแล้วถามขึ้นว่า"เธอแน่ใจแล้วว่าจะเล่นแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม?"

“ฉันแน่ใจ!” เฉียวอีตอบอย่างใจเย็น

“เฉียวอี เธออย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”

พูดจบ เขาก็วางสายไป

แล้วขึ้นไปยังชั้นบนด้วยใบหน้าที่เย็นชา

เสียงแม่บ้านดังมาจากด้านหลัง:"คุณผู้ชายคะ ดอกไม้นี่…... "

"ทิ้งไป!"

เขาเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองหรือพูดอะไรสักคำ

ทันทีที่เดินไปถึงประตูห้องนอน ก็เห็นสุนัขพันธุ์ซามอยด์ขนสีขาวสวมจี้ไว้ตรงปลอกคอเป็นคำอวยพรสีเหลืองให้มีทั้งโชคและเงินทองอยู่

เขาเคยเห็นมันในหน้าไทม์ไลน์ของเฉียวอี และเธอบอกว่านี่เป็นของขวัญจากการไปขอพรบนภูเขาให้สำหรับคนที่เธอรักมากที่สุด

ปรากฎว่าคนที่เธอรักมากที่สุดก็คือสุนัขตัวนี้

หลู้เหวินโจวกัดฟันด้วยความโกรธ

เขาดึงจี้ให้มีทั้งโชคและเงินทองออกจากคอของเสี่ยวไป๋ และใส่ไว้ในกระเป๋าของตัวเอง

เสี่ยวไป๋เห่าใส่เขา

เขาจ้องมองมันด้วยความโกรธ:"เห่าว่าอะไร แม่ของแกก็ไม่เอาแล้ว!"

พูดจบ เขาก็ปิดประตูด้วยเสียงดัง ‘ปัง’

เช้าวันรุ่งขึ้น หลู้เหวินโจวก็เหยียดแขนตามที่ติดเป็นนิสัย และกอดด้านข้างเอาไว้

เมื่อรู้สึกว่าแขนของเขานั้นว่างเปล่า เขาก็ลืมตาขึ้นทันที

ตอนนี้เองจึงได้รู้ว่าเฉียวอีไม่อยู่ที่นี่แล้ว

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกบีบรัดอย่างรุนแรง

ทุกเช้าก่อนหน้านี้ เขาและเฉียวอีจะรับประทานอาหารเช้าที่หรูหราพร้อมกัน

ในตอนที่เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สนุกสนานอยู่ใต้ร่างเขา เขาก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจอยู่เสมอ

ความรู้สึกนั้นเหมือนกับยาพิษที่ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในกระดูกของเขา

มากจนตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะอยากไปตามหาเฉียวอี

หลู้เหวินโจวโกรธมากเมื่อคิดถึงการจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำของเธอ

ถ้าอยากให้เขาไปตามหาเธอ ไม่มีทาง!

เมื่อเขาลงมาจากชั้นบน เขาเห็นเฉินจัวยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น พร้อมกับถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ และไม่รู้ว่าพูดคุยกับใครอยู่

เขาเดินไปมองเขา:"ยุ่งมากเหรอ?"

เฉินจัวหยุดสิ่งที่กำลังทำลงทันที และถามด้วยความเป็นกังวลว่า:"ประธานหลู้ เลขาเฉียวป่วยหนักหรือเปล่า? จะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลไหมครับ?"

หลู้เหวินโจวสับสน: "เธอบอกนายเหรอ?"

“ใช่ เธอเพิ่งขอลากับผมหนึ่งสัปดาห์ครับ ผมยังคิดว่าบอกคุณสักคำก็ได้แล้วนี่ ทำไมถึงต้องทำตามขั้นตอนปกติจากผมด้วย”

ดวงตาสีเข้มของหลู้เหวินโจวหรี่ลงเล็กน้อย:"นายอนุมัติแล้วเหรอ?"

“เพิ่งอนุมัติไปครับ คุณให้เลขาเฉียวพักผ่อนอยู่ที่บ้านให้หายดีเถอะครับ ผมจะจัดเตรียมงานให้แทนเอง”

เฉินจัวคิดว่าซีอีโอของเขาจะต้องยกย่องเขาอย่างแน่นอนสำหรับประสิทธิภาพในการทำงานนี้ของเขา

แต่คิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินเสียงเย็นชาดังขึ้นมา:"โบนัสรายไตรมาสถูกหักออกแล้ว"

——

เฉียวอีเสียเลือดมากระหว่างการผ่าตัด และต้องหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะไปทำงานได้

ทันทีที่มาถึงออฟฟิศก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดว่า พวกเขาผ่านสัปดาห์นี้กันอย่างน่าสังเวชมาก

ทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นทุกวัน

และหลู้เหวินโจวก็หักโบนัสรายไตรมาสนับหลายแสนจากผู้ช่วยเฉินจัว เพราะเขาไปอนุมัติให้เธอลาหยุดหนึ่งสัปดาห์

เฉียวอีรู้ว่าเงินนั้นเป็นของภรรยาของเฉินจัว และเพียงเพราะเหตุนี้จึงทำให้เงินเธอต้องหายไป

เธออธิบายเรื่องงานให้เพื่อนร่วมงานฟังสองสามประโยค จากนั้นจึงเคาะประตูห้องทำงานของซีอีโอ

ทันทีที่เข้ามาในประตูก็เห็นหลู้เหวินโจวนั่งอยู่ตรงโต๊ะในชุดสูทสีดำ

สีหน้าของชายหนุ่มนั้นเย็นชาและเหนื่อยล้า คิ้วของเขาขมวดตรง และดวงตาลึกล้ำของเขาก็เต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่ปกปิด

ออร่าของร่างนี้เย็นชาและดูดีมีชาติตระกูลมาก

สีหน้าของเขานิ่งเฉยมาก ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เฉียวอีอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าลงทำงานต่อ

เมื่อเจอหน้ากันอีกครั้ง ถ้าจะให้เฉียวอีบอกว่าไม่เจ็บปวดใจมันก็จะเป็นการโกหกกัน

เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ก็เป็นผู้ชายที่เย็นชาและหล่อเหลาคนหนึ่งที่ดึงดูดเธอ และทำให้เธอมาหาเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าหลู้เหวินโจวจะปฏิบัติต่อความรักอันลึกซึ้งที่สั่งสมมาหลายปีของเธอว่าเป็นเพียงแค่เกมเท่านั้น

เฉียวอีพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อซ่อนอารมณ์ในดวงตาของเธอ แล้วเดินไปหาหลู้เหวินโจวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนดั่งนักธุรกิจ

“ประธานหลู้คะ กฎการลาของฝ่ายทรัพยากรบุคคลกำหนดว่าการลาภายในสิบวันจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้นำโดยตรงเท่านั้น ผู้ช่วยเฉินคือผู้นำของฉัน เขาอนุมัติการลาให้ฉันนั้นมันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมคุณถึงต้องหักโบนัสของเขาด้วย?”

หลู้เหวินโจวยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย นัยต์ตาที่เย้ายวนและงดงามของเขาจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง

ราวกับว่าเขาสามารถอ่านความคิดของเธอได้

"เธอพูดถึงทำไม?"

น้ำเสียงของชายหนุ่มนั้นสูงขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเยาะเย้ย

เฉียวอีใจเต้นแรง “เพราะฉันขอเลิกกันเลยทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจใช่ไหมคะ? ถ้ามีข้อโต้แย้งกับฉันก็พุ่งเป้ามาที่ฉัน อย่าไปทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วยค่ะ”

หลู้เหวินโจวหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ อย่างไม่เห็นด้วย"ไม่อยากให้ฉันไม่ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนมันก็ได้ ก็แค่ย้ายกลับมาดี ๆ แล้วฉันจะลืม ๆ มันไป"

เฉียวอีส่งรายงานการลาออกที่เตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้วให้กับหลู้เหวินโจวด้วยสีหน้าขมขื่นอย่างไม่สามารถอธิบายได้

“ประธานหลู้ ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่ย้ายกลับไป แต่ยังจะยื่นขอลาออกทันทีด้วยค่ะ นี่คือรายงานการลาออกของฉัน ฉันหวังว่าคุณจะหาคนมารับช่วงต่อฉันได้โดยเร็วที่สุดนะคะ”

หลู้เหวินโจวดูรายงานการลาออกที่เฉียวอีส่งมาให้ และปลายนิ้วของเขาที่จับปากกาอยู่ก็กดจิกลงไปจนเปลี่ยนเป็นสีขาวและชาวาบไป

ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นจ้องมองไปที่เฉียวอีไม่ขยับ

“แล้วถ้าฉันไม่อนุมัติล่ะ?”

มุมปากของเฉียวอีโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สวยงาม: “ประธานหลู้ ตอนนั้นก็เป็นคุณที่เป็นคนพูดเอง ว่าเบื่อแล้วก็แยกทางกัน ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันไปแบบนี้ ก็คงจะเข้าใจผิดและคิดไปว่าคุณเองที่รับไม่ได้"

เมื่อหลู้เหวินโจวได้ยินแบบนี้ ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปหาเฉียวอีในทันที

เขาจับคางของเธอแล้วใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปทั่วทั้งใบหน้าที่เรียบเนียนของเธอ

เสียงนั้นได้แฝงความรู้สึกของการกดขี่ที่ทรงพลังอยู่

“เฉียวอี ไม่ใช่ว่าฉันรับไม่ได้แต่คือยัง เล่น ไม่พอ!”

Related chapters

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 4

    จูบของหลู้เหวินโจวนั้นรุนแรงและเอาแต่ใจอยู่เสมอ ทั้งยังไม่ให้โอกาสเฉียวอีได้หลุดพ้นออกไปเขาวางเธอไว้บนโต๊ะ และใช้มือข้างหนึ่งจับคางของเธอ ส่วนอีกมือก็จับเอวของเธอเอาไว้แน่นสัมผัสที่นุ่มนวลและอ่อนหวานกระตุ้นทุกเส้นประสาทในร่างกายของเขาสัตว์ร้ายที่อยู่ในร่างของเขาก็ราวกับกำลังตีกรงและพยายามจะออกไปในช่วงเวลาที่เขาและเฉียวอีอยู่ด้วยกัน สิ่งต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างกลมกลืนกันมากและไม่ว่าเขาจะต้องการมากแค่ไหน เฉียวอีก็ทำตามความปรารถนาของเขาตลอดบางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยและเป็นวิงเวียน แต่ก็ไม่มีข้อกังขาใด ๆแต่ตอนนี้เธอที่อยู่ใต้ร่างเขานั้น กลับแข็งแกร่งมาก และดิ้นรนแทบตายอยู่ตลอดและน้ำตาอุ่น ๆ ก็ยังไหลออกมาจากหางตาหลู้เหวินโจวไม่ได้ทำต่อนิ้วเรียวยาวเช็ดน้ำตาออกจากหางตาของเฉียวอีเบา ๆในน้ำเสียงนั้นแหบแห้งและแฝงไปด้วยความไม่พอใจ“เฉียวอี เกมระหว่างเราจะจบลงได้เมื่อฉันเป็นคนพูดเท่านั้น! เข้าใจไหม?”เฉียวอีมองดูเขาทั้งน้ำตา และริมฝีปากที่เปื้อนเลือดก็เผยอเปิดออกมาเล็กน้อย“หลู้เหวินโจว ฉันจะไม่อยู่เป็นความอัปยศให้กับคุณ!”หลู้เหวินโจวก้มศีรษะลงและเลียเลือดบนริมฝีปากของเธอออก พร

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 5

    เฉียวอีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และก้าวออกไปข้าง ๆ รวดเร็วดุจสายฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม กาแฟร้อน ๆ บางส่วนก็ยังคงกระเด็นใส่เท้าของเธอเธอหายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวดและในตอนที่กำลังจะโต้เถียงกับซ่งชิงหยา พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นซ่งชิงหยาทุบไปที่ตู้กระจกที่อยู่ด้านหลังเธอจึงเอื้อมมือออกไปดึงตามสัญชาตญาณแต่ซ่งชิงหยากลับหลบพ้น"เพล้ง"แขนของซ่งชิงหยาทำให้กระจกแตกและเลือดก็ไหลไปตามแขนของเธอลงไปสู่พื้นในขณะนี้ เสียงเย็นชาของหลู้เหวินโจวก็ดังมาจากด้านหลัง“เฉียวอี เธอทำอะไรน่ะ!”ร่างสูงเพรียวของหลู้เหวินโจวพุ่งเข้าไปข้าง ๆ ซ่งชิงหยาอย่างรวดเร็วดวงตาที่ดำขลับก็เริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ"เธอเป็นยังไงบ้าง?"จากนั้นก็มีน้ำตาไหลอยู่บนหน้าซีด ๆ ของซ่งชิงหยา และปากของเธอก็กระตุก“พี่เหวินโจว ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเองค่ะ ฉันไม่ทันระวังทำกาแฟหกใส่เลขาเฉียว ทำให้เธอเข้าใจผิดว่าฉันตั้งใจสาดใส่เธอ เธอจึงผลักฉันค่ะพี่อย่าไปโทษเธอเลยจะได้ไหมคะ?"เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของเฉียวอีก็เบิกกว้างขึ้นมาทันทีเธอไม่คาดคิดว่าซ่งชิงหยาจะใช้อุบายทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายเธอเช่นนี้เธอรีบอธิบายขึ้น

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 6

    ดวงตาของหลู้เหวินโจวแข็งค้างและมองเฉียวอีอย่างเย็นชา“ถ้าเธออยากตาย ก็ลองดู”สีหน้าเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันละเอียดอ่อนของเฉียวอี: "ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันไม่เคยลองล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเสียเลือดไปสองพันซีซี คุณจะยังให้ฉันบริจาคให้กับเธออยู่หรือเปล่า?""เฉียวอี อย่าสร้างปัญหาเกินสมควร การสูญเสียเลือดสูงสุดในช่วงมีประจำเดือนนั้นไม่เกินหกสิบซีซีเท่านั้น ดังนั้นควรหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลหน่อย"เฉียวอียิ้มเศร้า ๆเธอพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว แต่เขาไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำหากเขาจะใส่ใจเธอมากขึ้นอีกหน่อย เขาก็คงจะถามเธอสักหน่อยแม้ว่าเขาจะเข้าใจเธอเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็น่าจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธที่จะช่วยเหลือใครซักคนนี่คือความแตกต่างระหว่างรักกับไม่รักปากเล็ก ๆ ของซ่งชิงหยาทำให้เขาสับสนได้มากมายแต่เธอที่ได้ผ่านการแท้งที่อันตรายเช่นนี้มา เขากลับไม่สังเกตเห็นเลยสักนิดในตอนที่เฉียวอีกำลังเจ็บปวดใจอยู่ เธอก็เห็นร่างของชายผู้นั้นอยู่ที่ประตูหน้าวอร์ดเฉียวอีก็ตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งขณะที่หมดสติไปในวันนั้น เฉียวอีก็ได้เห็นร่างหนึ่งเข้าเสียงที่อ่อนโยนและแผ่วเบาของผู้ชายคนนี้ก็ย

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 7

    เฉียวอีลืมตาขึ้น และเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยราวกับว่าเธอ กำลังจับที่พึ่งสุดท้ายไว้ได้อยู่มือทั้งสองข้างจับเสื้อของชายคนนั้นเอาไว้แน่น และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า: "รุ่นพี่ พาฉันออกไปจากที่นี่ทีค่ะ"เธอไม่อยากให้หลู้เหวินโจวเห็นเธออยู่ในสภาพที่จนตรอกเช่นนี้เธอไม่ต้องการสายตาน่าสงสารแบบนั้นจากเขาเธอไม่ต้องการอะไร นอกจากออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดเหยียนซิงเฉิงมองดูเธออย่างกังวล: "เธอจะกลับไปทั้งแบบนี้ได้ยังไง? ฉันจะพาเธอไปหาหมอนะ"“ไม่ต้องค่ะ รุ่นพี่! ฉันเพิ่งบริจาคเลือดมา ร่างกายก็เลยไม่ไหวนิดหน่อยค่ะ คุณแค่ไปส่งฉันกลับไปที่บ้านก็ได้แล้วค่ะ”ดวงตาอันอ่อนโยนของเหยียนซิงเฉิงแสดงความเป็นห่วงออกมาเล็กน้อยเขาก้มลงและอุ้มเฉียวอีไว้ในแนวนอนและกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า: "ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพาเธอออกไปเอง"เมื่อหลู้เหวินโจวไล่ตามออกมา ก็เห็นเฉียวอีถูกชายคนหนึ่งอุ้มเข้าไปในรถพอดีชายคนนั้นมองเธอด้วยความเป็นห่วงและสงสารหลู้เหวินโจวโกรธมากจนกำหมัดแน่นเขามองดูรถที่ขับออกไปจากสายตาของเขาด้วยสายตาที่ขุ่นมัว——เมื่อเฉียวอีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้วไม่ได้กินอะไรมา

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 8

    เสียงของซ่งชิงหยาดังมาก จนเฉียวอีได้ยินอย่างชัดเจนรวมทั้งคำพูดที่บีบหัวใจของหลู้เหวินโจวเมื่อครู่นี้ทำให้เฉียวอีรู้สึกว่าความรักตลอดเจ็ดปีของตัวเองนั้นมันสูญเปล่าเธอมองหลู้เหวินโจวด้วยสายตาที่เย็นชา "ฉันแค่ขอให้เสี่ยวหลี่ช่วยบันทึกวิดีโอนั้น ไม่ได้ขอให้เธอลบมัน"หลู้เหวินโจวมองเธออย่างไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา: "พยานและหลักฐานทางกายภาพก็อยู่กันหมด เธอยังจะเล่นลิ้นอยู่อีกเหรอ?"เฉียวอียิ้มอย่างเศร้าสร้อยเล็กน้อยทำไมเธอจะต้องอธิบายให้เขาฟังด้วยเป็นไปได้ไหมที่จะคาดหวังว่าหลู้เหวินโจวจะเชื่อเธอ?แต่หากเกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายกับซ่งชิงหยา หลู้เหวินโจวก็จะยืนเคียงข้างเธออย่างไม่มีเงื่อนไขเฉียวอีเม้มริมฝีปากและพยายามควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงพอ“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็มาเปิดคดีสอบสวนกันเถอะ เรื่องที่ฉันไม่ได้ก่อ ใครหน้าไหนก็อย่ามาให้ฉันยอมรับ มันทำให้ตระกูลเฉียวต้องเสียหาย แต่ฉันก็ต้องเคลียร์ด้วยตัวเอง”เธอนั้นอ่อนโยนและสง่างาม ทั้งยังประพฤติตัวดีและเชื่อฟังมาโดยตลอดนี่เป็นครั้งแรกที่หลู้เหวินโจวเห็นเธอเป็นแบบนี้เขายิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ปากเธอยังห้าวหาญอยู่เลย""ประธานหลู้อย่า

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 9

    “คุณย่าพูดว่าอะไรนะ? ตอนนั้นย่าเป็นคนผลักฉันเข้าไปหาหลู้เหวินโจวเองงั้นเหรอ?”คุณย่าเฉียวตะคอกอย่างเย็นชา"ไม่เช่นนั้น เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าหลู้เหวินโจวจะเป็นฮีโร่ที่ช่วยปกป้องสาวงามเอาไว้? เธอไม่ลองใช้สมองคิดดูหน่อยเหรอ คนที่มีสถานะแบบนั้นอย่างหลู้เหวินโจวจะไปอยู่ในตรอกที่ห่างไกลเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไรถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับพี่ชายของเธอวางกับดักเพื่อหลอกให้เขาไป เธอจะไม่มีทางมีชีวิตที่วิเศษเหมือนในช่วงสามปีที่ผ่านมาหรอกแต่เธอมันไม่รู้จักพอ และยังต้องการปีนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งท่านหญิงหลู้อีกเธอไม่คิดหน่อยเหรอ ด้วยการมีแม่ที่ไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่มีครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองบีหน้าไหนที่กล้าแต่งงานกับเธอหรอกเธอจะต้องกลับไปหาหลู้เหวินโจวไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไม่เช่นนั้น ฉันจะป่าวประกาศทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ของเธอ"หญิงชรากัดฟันในขณะที่พูดราวกับว่าเฉียวอีนั้นไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอเลือดบนหน้าผากของเฉียวอีไหลลงมาตามแก้มและเข้าไปในปากรสเลือดแพร่กระจายไปทั่วปากของเธอ อย่างรวดเร็วจู่ ๆ เธอก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาและรู้สึกรังเกียจที่ตัวเองมีคนในครอบครัวแบบนี้ย่าของเธอร

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 10

    เฉียวอีตอบโดยไม่ต้องคิด: "ยกเว้นเรื่องนี้ ให้ฉันสัญญาอะไรกับคุณก็ได้ทั้งนั้นค่ะ"หลู้เหวินโจวบีบคางของเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ :"แต่ฉันต้องการแค่สิ่งนี้เท่านั้น"“หลู้เหวินโจว แม้ว่าคุณจะคิดว่าฉันมีจุดประสงค์ที่เข้าหาคุณ แต่ฉันก็ดูแลคุณอย่างดีตลอดสามปีที่ผ่านมา ฉันไม่ได้เป็นหนี้คุณเลย คุณไม่มีเหตุผลที่จะไม่ปล่อยฉันไป”หลู้เหวินโจวมองดูดวงตาที่ดื้อรั้นของเฉียวอีกับปากเล็ก ๆ นั้นที่กำลังพูดพล่ามอยู่รวมทั้งร่องอกของเธอที่โผล่ออกมานั้นลูกกระเดือกของเขาก็อดไม่ได้ที่จะขยับเนื่องจากกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้งเขากอดเฉียวอีมาไว้บนตัก วางคางลงบนไหล่ของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง: “งั้นบอกฉันมาอย่างละเอียดหน่อยสิ ว่าเธอดูแลฉันยังไงบ้าง?”เสียงอันน่าดึงดูดที่ทุ้มลึกของเขาทำให้หนังศีรษะของเฉียวอีชาไป และมือใหญ่ ๆ ของเขาก็ล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของเฉียวอีอย่างคิดไม่ซื่อเฉียวอีอยากจะผละตัวออก แต่หลู้เหวินโจวก็จับเธอเอาไว้แน่นด้วยความสิ้นหวัง เธอจึงก้มหัวลงกัดไหล่ของเขาเธอใส่ความคับข้องใจและความไม่พอใจทั้งหมดไว้บนรอยกัดนี้และเธอจะปล่อยก็ต่อเมื่อได้รสเลือดในปากเฉียวอีมีน้ำตาไหล และเสียงของเธ

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 11

    เฉียวอีเงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาของเขาเย็นชา และเป็นสีแดงเล็กน้อย"ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ ประธานหลู้จะจับฉันวางบนโต๊ะผ่าตัดและเอาเด็กออกหรือเปล่า?"ดวงตาของหลู้เหวินโจวมืดมนลงเล็กน้อย และเขาจ้องไปที่ใบหน้าซูบผอมของเฉียวอีเป็นเวลานานหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นว่า "เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมไม่บอกฉัน"เฉียวอีหัวเราะเยาะ: "ถ้าฉันบอกคุณก่อนหน้านี้หนึ่งวัน จากนั้นก็คงเอาเด็กออกเร็วกว่านี้หนึ่งวันใช่ไหม?"“เฉียวอี ตั้งใจฟังฉันหน่อยได้ไหม”หลู้เหวินโจวบีบคางของเธอเฉียวอีมองหลู้เหวินโจวด้วยตาสีแดงก่ำ "ประธานหลู้กำลังจะแต่งงานกับและมีลูกกับคนอื่นอยู่แล้ว แม้ว่าฉันจะมีลูก คุณจะยังสนใจด้วยเหรอ?"หลู้เหวินโจวมองดูใบหน้าที่ดื้อรั้นของเฉียวอีแล้วแอบกัดฟันกรอดไม่ว่าเฉียวอีจะดิ้นรนแค่ไหน เขาก็คว้าข้อมือของเธอแล้วเดินไปที่ห้องผ่าตัดสูติ-นรีเวชเฉียวอีอยากจะหลุดพ้น แต่เสียงที่ไม่ยอมให้ขัดจังหวะของหลู้เหวินโจวก็กลับดังเข้ามาในหู"ไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวชที่ดีที่สุดให้กับเธอ"เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใจที่แตกสลายของเฉียวอีก็เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมขณะที่ด้านหนึ่งหลู้เหวินโจวพาผ

Latest chapter

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 100

    หลู้เหวินโจวเงยหน้าขึ้นพร้อมสายตาที่เย็นชา: "แล้วจะทำไม"ซู่เหยียนจือเตะเขา: "นายมันคนไร้ประโยชน์ ไปแย่งมาดิวะ ไม่ลงมือตอนนี้ นายจะรอเฉียวอีส่งการ์ดงานแต่งงานมาให้นายก่อนถึงคิดได้ทีหลังหรือยังไง"หลู้เหวินโจวถูกประโยคนี้ซัดเข้าอย่างจังแค่คิดภาพเฉียวอีแต่งงานกับชายอื่นในอนาคตก็ทําให้หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับเขาถูกสุนัขล่าเนื้อสองสามตัวรุมฉีก ดวงตาสีเข้มของเขาเล็กลงเล็กน้อย ใบหน้าเขาเริ่มสดใสขึ้น "เฉินจัว ไปที่ห้องเก็บไวน์ที เอาไวน์ชั้นดีจากคอลเลคชั่นฉันมา"เฉินจัวตอบทันทีด้วยรอยยิ้ม: "โอเคครับ ประธานหลู้ผมจะนํามันมาเดี๋ยวนี้" "ความเร็วของเขาน่าทึ่งจริง ไปไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาพร้อมอุ้มขวดไวน์ชั้นดีที่มีสะสมมานานหลายปีในอ้อมแขนของเขา หลู้เหวินโจวคว้าขวดไวน์ ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องรับรองไปพร้อมเสียงตะโกนตามหลังจากชายหนุ่มสองสามคน"สู้ๆ ขอให้นายตามภรรยากลับมาได้ อย่าไปจุดไฟเผาตัวเองนะ"เฉียวอีกําลังตั้งใจฟังคุณนายเหยียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจให้เธอฟัง รอยยิ้มที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์ผุดบนใบหน้าเธอตอนนั้นเองบริกรก็เคาะประตูและเดินเข้ามา เขายิ้มและพูดว่า: "คุณชายเหยียน ประธาน

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 99

    พูดจบ เธอก็ทำท่าจะหันหลังเดินจากไปเหยียนซิงเฉิงรีบหยุดเธอไว้:"เฉียวอี ลูกค้าที่เรามาพบก็คือพวกเขา แม่ฉันอยากฟ้องคดีลอกเลียนแบบ ฉันเป็นเครือญาติปรากฎตัวในศาลจะไม่ดี เพราะงั้นฉันเลยแนะนำเธอให้พวกเขา" เฉียวอีรู้ว่าแม่ของเหยียนซิงเฉิงเป็นนักออกแบบระดับแนวหน้าของแบรนด์ การลอกเลียนในอุตสาหกรรมพวกนี้ถือเป็นเรื่องปกติเธอลดกำแพงตัวเองลง เดินไปหาคุณนายเหยียนและพูดอย่างสุภาพ: "ขอบคุณคุณนายเหยียนสําหรับความไว้วางใจของคุณค่ะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้คดีนี้ค่ะ" คุณนายเหยียนดึงเธอให้นั่งลง ก่อนจะรินชาดอกไม้ให้เธอด้วยตัวเองและพูดด้วยรอยยิ้ม: "สมัยเธอเรียน ฉันเคยได้ยินเสี่ยวจิ่วมาเล่าให้ว่าเธอมีความสามารถ มีเธอมาช่วยคดี ฉันก็วางใจ" "คุณนายเหยียนชมเกินไปแล้วค่ะ ในเมื่อคุณให้โอกาสฉัน แน่นอนว่าฉันต้องพยายามเต็มที่ค่ะ"พวกเขาไม่กี่คนคุยกันอย่างสนิทสนม คุยเรื่องงานจบก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องครอบครัวคุณนายเหยียนเป็นคนพูดเก่ง เธอคุยกับเฉียวอีเรื่องปัญหาที่เหล่าผู้หญิงต่างต้องเผชิญในการเข้าสังคมเรื่องพวกนี้เฉียวอีเองก็เคยงงกับมันมาก่อน เธอจึงฟังอย่างตั้งใจเธอยิ้มอย่างเห็นด้วยและพยักหน้าเ

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 98

    เฉียวอีกำลังยืนอยู่ตรงล็อบบี้สนามบิน แค่กวาดตาครั้งเดียวเธอก็เห็นชายหนุ่มสูงใหญ่ท่ามกลางฝูงชนถึงชายหนุ่มคนนั้นจะสวมแว่นกันแดด เธอก็ยังดูออกว่าเขาคือ ไป๋ชื่อซื่อ หลานชายของอาจารย์เธอใส่เสื้อผ้าลายพรางทั้งตัวก็ยังดูดีมีสไตล์ได้ สมแล้วที่ได้ชื่อ ‘หนุ่มดาวเด่นประดับกองทหาร’ เป็นสมญาเฉียวอีกวักมือเรียกเขาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ บนหน้าเธอ"เสี่ยวไป๋ พี่ชื่อเฉียวอี ปู่นายให้พี่มารับน่ะ"ไป๋ชื่อซื่อถอดแว่นกันแดดออก ก่อนจะมองเฉียวอีทั้งขึ้นทั้งลงใบหน้าที่เย็นชาเมื่อครู่ ทันทีที่ได้เห็นเฉียวอีก็ปรากฎออกมาเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มอบอุ่นแทนแถมยังมีลักยิ้มเล็กๆ สองข้างน่ารักอยู่ข้างริมฝีปาก"พี่อีอี ผมไม่คิดมาก่อนว่าพี่จะสวยกว่าในรูปอีก"ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินเขาชื่อเธอล่ะก็ เฉียวอีคงคิดว่าตัวเองจำคนผิดแล้วนี่ใช่คนที่อาจารย์บอกว่าเป็นเด็กหนุ่มหัวแข็งตั้งแต่เด็กจริงเหรอแบบนี้ก็เป็นคนน่ารักมากแล้วนี่แถมยังมีมารยาทมากด้วยเฉียวอียื่นมือออกไปจะช่วยยกกระเป๋า แต่ถูกไป๋ชื่อซื่อปฏิเสธ"พี่อีอี ผมโตเป็นหนุ่มจะมาปล่อยให้ผู้หญิงถือกระเป๋าได้ไง"พูดจบเขาก็หยิบกระเป๋าเป้ทหารขนาดใหญ่ขึ้นมาสะพายไว้

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 97

    เขากําหมัดแน่นและมองไปที่เซี่ยหนานด้วยดวงตาแดงก่ำ"โยนมันเข้าโรงพยาบาลบ้าและหาคนมาจับตาดูให้ดี "พูดจบ เขาก็จากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองเฉียวอีเช้านี้ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ว่าหลานชายเขาเพิ่งออกจากกรม อยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร มารับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้เธอได้เมื่อนึกถึงเรื่องวุ่นวายในช่วงนี้ เธอก็รีบตอบรับอย่างดีใจหลังกินอาหารเช้าเสร็จ ค่อยขับรถไปรับคนนั้นที่สนามบินคนเดียวขณะที่เธอเดินลงมาชั้นล่าง เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย หลู้เหวินโจวสวมเสื้อดำกางเกงดำ ดำไปทั้งตัวราวกับเทพที่เพิ่งออกมาจากความมืดมิด ดวงตาเขาจ้องมองเธอไม่กระพริบจู่ๆ เฉียวอีก็นึกถึงสิ่งที่หลู้เหวินโจวพูดเมื่อวานนี้ปล่อยวางอดีตและเริ่มต้นใหม่มุมปากบางของเธอกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยคว้ากุญแจแล้วเดินตรงไปที่ลานจอดรถ "เฉียวอี"หลู้เหวินโจวตะโกนเรียกเธอจากด้านหลังเฉียวอีหยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆหันไปมองใบหน้าหม่นหมองของหลู้เหวินโจวน้ำเสียงที่ไม่ค่อยอบอุ่นเอ่ยถาม: "ประธานหลู้มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"มือของหลู้เหวินโจวเกร็งขึ้นเล็กน้อย เสียงของเขาก็แหบแห้งลง: " มีร้านก๋วยเตี๋ยวเสฉวนอยู่ใกล้ๆ มีก๋วยเตี๋ยวถั่วที่เธอ

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 96

    "ไม่ครับ เป็นแม่ของเธอ เซี่ยหนาน ผมได้ยินมาว่าเธอรีบขายเพราะต้องการเงินสด คาดว่าเอาไปจ่ายหนี้พนัน ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่ครับ ไม่แน่ทนายเฉียวอาจจะถูกบังคับครับ"เมื่อได้ยินอย่างนั้นนัยน์ตาหลู้เหวินโจวก็เย็นลงเล็กน้อยทันใดนั้นเขาก็จําได้ว่าในวันครบรอบเฉียวอีสวมสร้อยคอเส้นนี้ เธอเกลียดเซี่ยหนานมากขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะให้สิ่งที่มีค่าแบบนี้กับเธอ นอกจากว่าจะถูกบังคับเมื่อนึกได้แบบนั้น เขาก็ลุกขึ้นทันที "ไปที่โรงแรมแล้วเช็คกล้องวงจรปิดซะ" "ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลู้เหวินโจวนั่งอยู่ในห้องรักษาความปลอดภัยของโรงแรม ดูมาครึ่งวันแล้วไม่เห็นเงาของเซี่ยหนานเลยตอนที่เขากำลังจะยอมแพ้นั้น จู่ๆก็เห็นภาพเฉียวอีวิ่งไปที่บันไดด้วยความตื่นตระหนก ที่คอเธอสวมสร้อยคอเส้นนี้อยู่เมื่อเฉียวอีปรากฎตัวอีกครั้งบนจอ เธอกำลังถูกเหยียนซิงเฉิงอุ้มอยู่ หลู้เหวินโจวรีบให้คนซูมภาพทันทีปรากฎว่าสร้อยคอที่คอของเฉียวอีหายไปแล้วเมื่อเปรียบเทียบทั้งสองภาพ เขาพอเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว เขามองภาพด้วยดวงตาอำมหิตและสั่งด้วยเสียงเย็นชา: "หาตัวเซี่ยหนานมาให้ฉันหลู้เหวินโจวเปรียบเหมือนองค์ช

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 95

    "พี่เหวินโจว พี่ฉันมันพูดจาไร้สาระ พี่อย่าไปฟังเลย พวกเราตอนเที่ยงมีนัด ไม่ได้ไปกินข้าวกับพี่แล้วล่ะ"มองไปที่ด้านหลังของพวกเขาสองคนที่ออกไปอย่างร้อนรน หลู้เหวินโจวก็ยิ่งรู้สึกทะแม่งๆ มากขึ้นเรื่อยๆทําไมซ่งเยี่ยนเฉินถึงรู้เรื่องทุกอย่าง แต่เขากลับไม่รู้เขากับเฉียวอีไปรู้จักกันเมื่อไหร่ จู่ๆ เขาก็จําได้ว่า วันที่เฉียวอีบริจาคเลือดให้ซ่งชิงหยา เธอเรียกซ่งเหยียนเฉินออกไป ไม่รู้สองคนคุยอะไรกัน เมื่อนึกขึ้นได้ หลู้เหวินโจวก็โกรธจนหยิบลูกกอล์ฟสีขาวขึ้นมา ก่อนจะปามันเข้าไปในสนามกอล์ฟขณะนั้นเอง เฉินจัวก็ขับรถมารับเขาพอดีเห็นสีหน้าหม่นหมองของเขา ก็รู้ทันทีว่าทะเลาะกับเฉียวอีอีกแล้วเขารีบพูดปลอดใจว่า:"ประธานหลู้ ผู้หญิงบางครั้งก็ต้องการให้ง้อ บางครั้งการให้ของขวัญพิเศษก็ได้ผลกว่าการคุกเข่าบนเปลือกทุเรียนครั้งก่อนแฟนผมโกรธมาก ผมเลยซื้อสร้อยคอให้เธอเส้นหนึ่ง เธอให้อภัยผมทันทีเลยครับผมได้ยินมาว่าที่งานประมูลคืนนี้มีสมบัติหายากอยู่ชิ้นหนึ่ง ใครก็ตามที่ได้มันมาครอบครองมักจะได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบหากคุณประมูลมาให้เธอได้ล่ะก็เธอต้องคืนดีกับคุณแน่นอน"สีหน้าโศกเศร้าของหลู้เหวินโจวใ

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 94

    สายตาที่ร้อนแรงของเขาจับจ้องไปที่เฉียวอีราวกับว่าเขาอ่านความคิดทั้งหมดของเธอออกเฉียวอีรู้สึกราวกับถูกแทงที่หัวใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองหลู้เหวินโจว"ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะ ประธานหลู้วางแผนจะทำยังไงต่อ สามารถให้ความรักหรืองานแต่งงานที่ฉันต้องการได้หรือเปล่า"หลู้เหวินโจวสําลักจนพูดไม่ออกริมฝีปากบางของเขาขยับอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีคำพูดใดออกมาเห็นท่าทางเขาที่เป็นแบบนี้ เฉียวอีก็หัวเราะอย่างประชดประชัน"เกรงว่าประธานหลู้สักอย่างก็ให้ไม่ได้สินะ ถ้างั้นจะรื้อฟื้นอดีตขึ้นมาทำไม เพราะเปิดแผลใจคนอื่นเล่นมันเป็นเรื่องสนุกงั้นสินะ""เฉียวอี" มือทั้งสองข้างของหลู้เหวินโจวจับไหล่เธอและจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ส่องแสงและเป็นไฟ "ในงานฉลองครบรอบ ฉันเคยให้โอกาสเธอ ตราบใดที่เธอเต้นรำกับฉันในเพลงแรก ฉันจะยอมรับกับทุกคนว่าเธอเป็นแฟนฉัน หลู้เหวินโจว เป็นเธอที่ไม่รู้จักพอ ช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มดันไปยุ่งกับเหยียนซิงเฉิง ไม่ใช่ฉันไม่ให้ เธอต่างหากที่ไม่อยากได้"เฉียวอียิ้มอย่างขมขื่น:" ถ้าอย่างนั้นฉันคือต้องขอบคุณประธานหลู้หรือเปล่าสำหรับความใจกว้าง""เฉียวอี ฉันจะปล่อยอดีตให้ผ่านไป เรามาเริ่มต้นใหม่ก

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 93

    หลู้เหวินโจวพาเฉียวอีมาถึงสนาม ก่อนจะชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหน้า: “ฉันทำของตกไว้ใต้ต้นไม้นั่น ไม่รู้ทนายเฉียวพอจะช่วยฉันหาได้ไหม”เฉียวอีไม่ได้อยากคุยกับเขามากเท่าไหร่ เธอจึงเดินตรงไปที่ต้นไม้นั่นทว่าเธอวนรอบต้นไม้ใหญ่อยู่แล้วรอบ แต่ก็ไม่เจออะไรเลยและจังหวะนั้นที่เธอรู้ตัวว่าโดนหลอกเข้าแล้ว ก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่ำๆ ของหลู้เหวินโจวอยู่ข้างหลัง"ทนายเฉียวจะไม่ถามเลยหรอว่าฉันทำอะไรหาย"เฉียวอีมองเขาอย่างเย็นชา:" ถ้าประธานหลู้ไม่จริงจังจะให้ความร่วมมือ ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอกนะ"พูดเสร็จ เธอก็หันหลังเตรียมจากไปแต่กลับถูกหลู้เหวินโจวขวางทางไว้ใบหน้าสดใสชายหนุ่มและดวงตาของเขามองเจาะลึกเข้ามาที่เธอเสียงต่ำๆ ที่น่าดึงดูด ดังออกจากลำคอ"สามปีที่แล้ว จูบแรกของฉันหายไปที่นี่ ทนายเฉียวช่วยฉันเอามันคืนมาได้ไหม"เมื่อได้ยินประโยคนี้ หัวใจของเฉียวอีหยุดเต้นไปชั่วขณะ ปลายนิ้วสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้เพียงพริบเดียว ก็ปรากฎภาพความทรงจำเมื่อสามปีก่อนขึ้นมาในหัวเธอตอนนั้นร่างกายหลู้เหวินโจวเพิ่งฟื้นตัว เขาพาเธอมาเล่นที่นี้เธอในตอนนั้นอะไรก็ไม่เป็น เป็นหลู้เหวินโจวที่สอนเธอมาทั้งหมด

  • ไม่ยอมแต่ง พอลาออกมาร้องไห้หาอะไร   บทที่ 92

    เมื่อได้ยินเสียงนี้ ซ่งชิงหยาก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเธอหันหลังกลับไปหาหลู้เหวินโจวทันที"พี่เหวินโจว คืนนั้นทนายเฉียวถูกคนวางยาถึงได้ไปอยู่กับเหยียนซิงเฉิง เธอไม่ได้ตั้งใจ พี่อย่าโทษเธอเลยค่ะ"ซ่งชิงหยาทำตัวราวกับคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเธอหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อช่วยหลู้เหวินโจวเช็ดเหงื่อ แต่กลับถูกเขาผลักออกดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเขามองตรงไปที่เฉียวอี:"พูดออกมาให้ชัดๆ ตกลงคืนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่"เขาดึงเฉียวอีออกจากเก้าอี้เข้าไปในอ้อมแขนของเขา หยาดเหงื่อบนหน้าผากของเขาไหลลงมาตามแนวกราม ก่อนหยดลงบนใบหน้าของเฉียวอีเฉียวอีมองเขาอย่างว่างเปล่า:" คุณไม่ใช่ว่าเห็นทั้งหมดและได้ยินทุกอย่างแล้วเหรอ""เธอถูกคนวางยา เพราะอย่างงั้นเธอถึงได้ไปอยู่กับเหยียนซิงเฉิงใช่ไหม""มีอะไรแตกต่างงั้นเหรอ ในสายตาคุณฉันก็ยังสกปรกอยู่ดีไม่ใช่เหรอ"เส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผากของหลู้เหวินโจวลึกลงไปในดวงตาดอกท้อคู่นั้นก็ถูกเคลือบด้วยสีแดงทันทีมือใหญ่ยกเอาฝ่ามือร้อนไปวางไว้บนหัวเฉียวอี ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงต่ำเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เขาพยายามข่มไว้ "ฉันจะสืบหาให้ชัดว่าใครเป็นคนทํา "" ไม่จำเป็น ฉันแค

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status