Infinity clubเวลา19.45 สี่สาวแก๊งนางฟ้ามาถึงหน้าร้านเป็นที่เรียบร้อย ร่างเล็กในชุดเดรสสีดำขับผิวขาวให้ยิ่งดูสว่าง ด้านหลังก็เว้าจนถึงเอวเผยแผ่นหลังขาวเนียนน่าหลงใหลวันนี้เธอดัดลอนผมแต่งหน้าทาปากจัดเต็ม แต่ละคนแต่งตัวแบบไม่มีใครยอมใคร จะมีก็แค่พลอยที่แต่งตัวค่อนข้างมิดชิดหน่อยก็เป็นปกติของเธออยู่แล้ว “ทั้งสี่สาวได้โต๊ะโซนที่ใกล้กับเวที ไม่นานเจ้าของร้านสุดหล่อก็เข้ามาทักทายพวกเราทั้งสี่ ก่อนจะนั่งลงข้างจีจี้ พร้อมกับโอบกระชับเอวคอดให้เข้าใกล้” “น้องๆ อยากกินอะไรก็บอกเด็กในร้านได้เลยนะ วันนี้พี่เลี้ยงเอง” จีจี้กราบลงแทบอกแกร่งของเขาพร้อมส่งสายตาหวานเชื่อมไปออดอ้อนเรียกความน่าเอ็นดู “ขอบคุณนะคะพี่บอส” ก่อนที่เขาจะจับมือของเพื่อนสาวเอาไว้แล้วกระซิบกระซาบอะไรกันข้างหู ทำเอายัยจีจี้ทำหน้าเขิน “เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะครับ เชิญน้องๆ ตามสบายเลยนะ” “ขอบคุณค่ะ” ทั้งสี่สาวเอ่ยขอบคุณเจ้าของร้านสุดหล่อพร้อมกัน เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มรับก่อนจะเดินไปนั่งดื่มกับพวกเพื่อนๆ ของเขา “พี่เขางานดีมากเลยนะ” ส้มลิ้มว่า
ร่างของเต้าหู้ถูกอุ้มโยนลงบนโซฟาใหญ่ จนเธอกระเด้งกระดอน ก่อนที่ตัวเขาจะขึ้นไปนั่งคร่อมตัวเธอเอาไว้ ปกติเฉินมักจะอ่อนโยนมาตลอด แต่คราวนี้กลับต่างออกไป ใบหน้าของเขาและดวงตาแดงก่ำ ไม่ใช่ว่าเขาเมาหรอกใช่ไหม “เฮียเมาเหรอ” “เมา? ดื่มไปนิดเดียวยังไม่ระคายคอเลย” ระหว่างที่รอเธอมาเขาก็ซัดบรั่นดีเข้าเข้าไปหลายแก้วตอนนี้ก็เมาได้ที่ นั่งคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดีเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เธอรู้ชะตากรรมตัวเองทันทีว่าคืนนี้จะโดนอะไร แต่ว่าตรงนี้มันคือห้องโถงกลางบ้านถ้าเกิดมีคนอื่นเข้ามาเห็นคงดูไม่ดีแน่ “เฮียนี่มันกลางบ้านนะเดี๋ยวคนอื่นก็เข้ามาเห็น จะทำยังไง” “คนอื่น? ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในบ้านนี้มีแค่เฮียกับเรา”เพราะว่าเธอหายไปในใจเขาเองก็ใช่ว่าจะอยู่เป็นสุข จากสถานการณ์ที่จ๊อดกับแจ๊ดบอกก็พอจะเดาได้ว่าเธอน่าจะแอบหนีเที่ยวมากกว่าพอรู้แบบนั้นเลยสั่งให้ลูกน้องของเขาทั้งหมดออกตามหาพร้อมกำชับถ้าไม่เจอเธอไม่ต้องกลับมา ตอนนี้ลูกน้องคงตามหาเธอให้วุ่นโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอนั้นกลับมาแล้ว “จะบอกไหมว่าไปไหนมา” “ไปเที่ยวมาค่ะ”
เต้าหู้ตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายพร้อมกับอาการเมื่อยล้าไปทั้งตัว มึนหัวเพราะเมาค้างอีกส่วนใบหน้าก็ร้อนผ่าวลามไปถึงกระบอกตาจึงคิดว่าตัวเองเป็นไข้แน่ๆ เธอขยับลงจากเตียงถึงกับต้องเดินกุมท้องส่วนล่างไปอาบน้ำเพราะยังจุกและปวดไม่หาย ทำได้เพียงกัดฟันกรอดเก็บความคับแค้นไว้ในใจครั้งหน้าจะไม่พลาดอีก แม้จะอาบน้ำแต่อาการมึนหัวจากที่ดื่มหนักเมื่อคืนก็ยังไม่หาย หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็คิดว่าจะเดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย “ทำไปกี่ครั้งแล้ว!!” เสียงของเฉินตะโกนถามลูกน้อง เธอได้ยินตั้งแต่เดินมาถึงตรงบันไดบ้าน แล้วลูกน้องก็ตอบมาพร้อมกัน “สามร้อยสิบครับ” จ๊อดตอบ “สองร้อยเก้าสิบครับ” แจ๊ดตอบ “ทำไมพวกมึงนับได้ไม่เท่ากัน เอาใหม่!!” จนกระทั่งเธอเดินลงมาถึงชั้นล่างของบ้าน พวกแม่บ้านก็แอบยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความสงสัยทำให้หญิงสาวเดินเข้าไปมุงดูด้วยคน เฉินถือไม้เบสบอลนั่งดูจ๊อดแจ๊ดกอดคอกันทำท่าลุกนั่ง แต่ไม่มีใครปริปากนับเลขหรือพูดอะไรกันสักคน เพราะเฉินบอกให้นับเลขในใจถ้าเขาถามต้องได้เท่ากัน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่นับ
หลังจากผ่านช่วงเสาร์อาทิตย์ วันนี้เต้าหู้ก็มาเรียนที่มหาลัยตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติก็คือดันมีภาพหลุดเธอจูบกับภีมในผับคืนก่อนถูกแชร์ต่อๆ กันไปว่อนทั้งคณะ ทำเอาเป็นข่าวฮือฮา ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำอย่างที่เป็นข่าว แต่ภาพที่ถูกปล่อยออกมาทั้งมุมกล้อง ก็มองได้ว่าทั้งสองนั้นเหมือนจูบกันจริงๆ จนทำให้เธอมานั่งปรึกษาเพื่อนๆ คิดไม่ตกว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง "แกว่ารูปนี้มาจากใคร" เต้าหู้วางมือถือที่เปิดรูปเจ้าปัญหาลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย ก่อนที่จีจี้จะออกความคิดเห็น "ฉันเห็นไอ้พี่ต้า มันยกมือถือขึ้นมาตอนตอนที่แกกับพี่ภีมจูบกันนะ แล้วถ่ายจากมุมนี้ ก็น่าจะเป็นมันนั่นแหละ" จีจี้พูดย้ำอย่างมั่นใจ “แล้วพี่เขาทำไปทำไม” เต้าหู้ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนปล่อยภาพพวกนี้ต้องการอะไร ยังไงมันก็ไม่ได้เกิดผลดีต่อตัวเธอหรือตัวภีมแน่ “ไม่รู้สิ อาจจะแค่อยากแกล้งพี่ภีม แต่มันทำเอาแกโดนร่างแหไปด้วย แล้วไอ้รูปบ้าๆ นี่ถูกส่งไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้” ไม่นานเสียงเรียกเข้ามือถือของเต้าหู้ก็ดังขึ้น เธอถูกเรียกเข้าไปพบอาจารย์ที่ปรึกษา คงหนีไม่พ้นเรื่องภาพหลุดนี้แน่น
หลังจากขับรถออกมาจากมหาลัยเต้าหู้ก็ได้ยื่นซองสีขาวให้เขาจำนวนสองซอง ซองหนึ่งเป็นเงินชำระหนี้ อีกซองเป็นจดหมายเรียกพบจากอาจารย์ที่ปรึกษา “จดหมายเรียกพบผู้ปกครองค่ะ” “เรียกพบเฮียไปทำไม” “หนูเข้าร้านเหล้าตอนอายุไม่ถึงยี่สิบ เลยโดนตักเตือนค่ะอาทิตย์หน้าเฮียมาเซ็นรับทราบให้หน่อยได้ไหมคะ” “ได้ไม่มีปัญหา ให้เฮียคุยกับอธิการบดีเลยไหม แป๊บเดียวจบเลยไม่ต้องเซ็นอะไรสักอย่าง” “ไม่ต้องค่ะ ผิดก็ว่าไปตามผิดแค่นี้เอง” การมีเงินและมีอำนาจในมือนี่มันดูใช้ชีวิตง่ายจริงๆ แต่เธอก็ไม่อยากใช้อำนาจในทางที่ผิด คนเราผิดแค่ยอมรับก็เท่านั้น “เดี๋ยวเฮียจะแวะไปดูรถที่อู่แป๊บหนึ่งได้ไหม” “ได้ค่ะ” “แล้ววันนี้อยากไปเดินเล่นห้างไหมครับ กลับจากอู่แล้วเดี๋ยวเฮียพาไปซื้อของ” “ไม่ล่ะค่ะ ช่วงนี้หนูอ่านหนังสือสอบไม่อยากให้เวลามันเสียเปล่า” “ก็อ่านไปตั้งหลายวันแล้วนี่ พักผ่อนสมองบ้างก็ได้” ชายหนุ่มละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัย มากุมมือของคนที่นั่งข้างกันเอาไว้เช่นเคยพร้อมดึงมาประสานมือกันบนต้นขาของตน นิ้วโป้งถู
ขณะที่เต้าหู้และฟีนิกซ์กำลังสนทนากันเรียกว่าฟีนิกซ์มากกว่าที่เป็นฝ่ายพูด เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหันไปมองคนที่กำลังเข้ามา “เต้าหู้ เฮียบอกให้รออยู่ที่รถไม่ใช่เหรอทำไมมาอยู่นี่” เฉินที่มาจากการเอารถไปลองขับ กลับเข้ามาที่ออฟฟิศเพื่อบอกเพื่อนพร้อมกับจะเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อม แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นคนรักของตัวเองอยู่กับเพื่อนของเขา เห็นแบบนั้นตาขวาของชายหนุ่มก็กระตุกทันทีเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น “เข้ามาก่อนดิ มานั่งแดกเหล้ากับกูก่อน” ฟีนิกซ์ยังคงทำตัวตามปกติชวนดื่มเหล้าเหมือนอย่างเคย แต่เขาเองไม่อยากอยู่ต่อเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างมันจะหลุดปากพูดอะไรไม่เข้าท่าออกมาบ้าง ยิ่งเวลาเมาไม่ต้องพูดถึงไอ้นี่เก็บความลับอะไรไม่เคยได้ “ไม่ กูจะกลับแล้ว” เจ้าของร่างสูงรีบเดินไปคว้าแขนคนตัวเล็กที่ตอนนี้เขาเดาไม่ออกเลยว่าเธอกำลังคิดอะไร และไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีแม่งพูดอะไรให้เธอฟังไปบ้าง ถ้าเล่าเรื่องเมื่อก่อนล่ะก็มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น “แต่กูเรียกเด็กกูมาแล้วนะ มึงพาเด็กมึงมา ก็ต้องแข่งรถกันดิ เราไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้นานแล้วนะ ช่
“หนูทนไม่ไหวกับเฮียแล้วนะ เราห่างกันสักพักเถอะ” “ไม่!!!” เสียงชายหนุ่มตะโกนดังลั่นไปทั่วทั้งบ้านด้วยความไม่พอใจที่คนตัวเล็กตื่นมาในตอนเช้าก็มาขอแยกห้องนอนกันทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็พึ่งมีความสุขด้วยกันแท้ๆ “เฮียจะเสียงดังทำไม มันก็แค่ช่วงนี้เอง” “ไม่เอา! ไม่ว่าช่วงไหนเฮียก็ไม่แยกเราต้องนอนด้วยกันเท่านั้น” “แต่หนูต้องการเวลาส่วนตัว หนูต้องอ่านหนังสือสอบ อยู่กับเฮียหนูไม่ได้อ่านหนังสือเลย อีกไม่กี่อาทิตย์หนูก็สอบแล้วด้วย ที่หนูยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลยเพราะเฮียนั่นแหละ” “เฮียทำอะไรให้เหรอ” “ยังจะถามอีกนะว่าทำอะไร” เมื่อคืนพอเธออ่านหนังเขาก็มานั่งข้างๆ เหมือนเดิม และหลังจากนั้นก็ไปจบที่เตียงอีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผลคะแนนสอบของเธอคงออกมาไม่ดีแน่นอน มีแค่วิธีเดียวที่จะทำให้เธอได้มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนคือต้องแยกห้องนอนกันเท่านั้น “ไม่รู้แหละ ช่วงนี้จนกว่าจะสอบเสร็จหนูขอแยกห้องค่ะ”คนตัวเล็กยังค้านหัวชนฝา ยิ่งทำให้เขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก “ขอปฏิเสธ” หญิงสาวในชุดนักศึก
“อธิบายมา ในรูปใช่เราจริงๆ ไหม” รูปที่เขาพึ่งได้มาจากคนรู้จักที่เป็นอาจารย์สอนในคณะของเต้าหู้เพราะเขาเองก็ข้องใจ ทำไมมหาลัยถึงได้ลงโทษแค่คนรักของเขาทั้งๆ ที่มีเพื่อนๆ เธอก็ไปด้วย และที่สำคัญมหาลัยส่งคนไปตามติดชีวิตนักศึกษาหรืออย่างไร ทำไมถึงรู้ได้ว่าเธอเข้าสถานบันเทิง และถ้ามันมีไอ้โรคจิตที่ไหนตามเธอจริงเขาก็จัดอัดให้น่วม แต่ว่าสิ่งที่เขาได้เห็นรูปถ่ายชายหญิงกำลังจูบกัน เพียงแค่เห็นเขาก็จำได้ว่าคนในรูปคือเต้าหู้แน่นอนและชุดที่เธอสวมใส่ในวันนั้นเขาเองเป็นคนฉีกมันทิ้งเองกับมือ เส้นสติของเขามันขาดผึงก่อนจะตามหาห้องเรียนของผู้ชายในรูปถ่ายนั้น “ใช่ในรูปนั้นคือหนูจริง แต่หนูกับพี่เขาไม่ได้จูบกันจริง เพื่อนพี่เขาแอบถ่ายแล้วส่งไปในแชทกลุ่มเพื่อน แต่มันดันหลุดออกมา” “เฮียต้องเชื่อใช่ไหม?” “มันเป็นแค่มุมกล้อง” “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ทำไมต้องให้เฮียรู้เอง ปิดบังเหรอ?” “ที่ไม่บอกเพราะหนูกลัวเฮียจะไปทำร้ายเขา แบบที่ทำวันนี้ไง” “เป็นห่วงมันเหลือเกินนะ ถ้าไม่ได้จูบจริงแล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปจูบเล่นๆ
หลังจากเหตุการณ์นั้นตำรวจก็จับตัวของภีมไปรับโทษตามกฎหมาย และยังค้นพบหลักฐานที่ภีมและพ่อร่วมกันทำความผิด ปิดบัง อำพรางมาตลอดหลายปีอีกมากมาย ภาพที่เห็นว่าภีมนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน หรือไม่เคยมีข่าวเสียหายเป็นเพราะว่าภีมมักจะอัดคลิปที่ตนมีอะไรกับผู้หญิงที่คบกันอยู่เอาไว้สำหรับข่มขู่หากพวกเธอคิดจะเปิดโปงเรื่องของเขาและเธอ จึงไม่มีใครกล้าปริปากเอาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้ หากคนไหนที่ยังรั้นและไม่ยอมทำตามก็จะถูกภีมและพ่อจัดการปิดปากพวกเธอ แถมภีมก็มีรสนิยมที่ชอบถ่ายคลิปเอาไว้เวลาที่ทรมานเหยื่อนั่นจึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้ภีมจะได้รับโทษสถานหนัก เต้าหู้นั่งรอเฉินอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกมาเข้าไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย พอหมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอจึงโล่งใจและปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ เธอจึงมีเวลาก็ไปดูอาการของเพื่อนอย่างพลอย พอไปถึงก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังมาจากข้างในห้อง “อีลูกไม่รักดี ฉันส่งแกมาเรียน ทำไมแกไม่เรียน ฉันทำงานเหนื่อยแทบตายหาเงินมาให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้เหรอ พลอยแก
ขณะที่ใจจะอยากยอมแพ้ แต่พอภีมจะขึ้นมาคร่อมตัวเธอบนโซฟา สองเท้าที่ไม่ได้ถูกมัดก็กระแทกแรงๆ ไปที่หน้าอกภีมจนเขาหงายหลังลงไปกับพื้น “อีเหี้ยเอ๊ย” เขาสบถคำออกมาเพราะแรงถีบที่รุนแรงจนจุก เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะมือที่ถูกมัดไว้ด้านหลังทำให้ขยับตัวยาก พอนั่งได้และเท้าแตะพื้นก็พยายามลุกขึ้นวิ่งหลบและคิดหาทางวิ่งไปทางประตูห้องเพื่อที่จะหนีเอาตัว “พวกมึงยืนโง่กันอยู่ทำไม ไปจับตัวมันสิวะ” ภีมเอ่ยด่าลูกน้องที่มัวแต่มองไม่ทำอะไร ลูกน้องของภีมก็วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ห้องมันไม่ได้กว้างพอที่จะให้เธอวิ่งไปมาได้มากนัก หนีได้ไม่นานสุดท้ายก็มาอยู่ที่มุมห้อง ภีมที่โมโหจึงเดินปรี่เข้ามาหา มือใหญ่คว้าใบหน้าของเธอจับบีบแก้มทั้งสองข้าอย่างแรง และใช้นิ้วกดลงที่แผลบนพวงแก้มที่เขาเป็นคนทำเธอทั้งเจ็บและแสบ “กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหมงั้นก็โดนพร้อมกันหลายๆ อันมึงน่าจะชอบ” ก่อนจะหันหน้าไปทางลูกน้อง “จับมัน แล้วถอดเสื้อผ้ามันให้หมด เสื้อผ้าพวกมึงด้วย” ไอ้พวกลูกน้องผุ้ชายได้ยินคำสั่งก็ร
“วันนี้พลอยก็ไม่มาอีกแล้วนะ” เต้าหู้บ่นกับเพื่อนสาวสองคนเช่นเคยที่เพื่อนอย่างพลอยหายไปและไม่สามารถติดต่อได้จนน่าเป็นห่วง “โทรหาติดไหม” “ไม่เลยตั้งแต่ที่เจอเมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก” “พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้แชทฉันหนักขวามากเลย พลอยไม่อ่านไม่ตอบเลย” "ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปหาพลอยอีก" "โอเคไปกันเลยไหม" ระหว่างที่กำลังตกลงว่าจะไปหาพลอย เต้าหู้ก็สังเกตเห็นว่าภีมกำลังเดินสวนกับพวกเธอไป ใจจริงเธออยากจะเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของพลอยแต่ก็เห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้เฉินก็มารับเธอเสียก่อนทำให้เธอพลาดที่จะได้เข้าไปถามเขา เธอมองภีมเดินไปจนสุดลูกตา ทำให้เฉินต้องมองตามไปบ้างพอเห็นว่าเป็นภีมเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “มีอะไรเหรอ” “เปล่าค่ะ เฮียเฉิน เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดเพื่อนหนูแป๊บหนึ่งได้ไหม“ “ได้สิ แล้ววันนี้ไม่มีสอนพิเศษเหรอ” “วันนี้หนูลาค่ะ หนูเป็นห่วงพลอยช่วงนี้พลอยแปลกไป” ไม่นานเธอก็มาถึงที่คอนโดของพลอย และแน่นอนว่าทางรปภ.คอนโดของพลอยก็ยังยืนกรานไม่ให้ค
“เฮีย เฮีย” เต้าหู้ตะโกนเรียกเขาพร้อมน้ำตา ขณะที่มือเล็กๆนั้นก็เขย่าไปที่ตัวเขาอย่างแรงไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมอง จ๊อดกับแจ๊ดที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร “พี่จ๊อดพี่แจ๊ด เรียกรถพยาบาลเร็ว” ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครหยิบมือถือหรือมีท่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนกันสักคน “พี่จ๊อดพี่แจ๊ดเร็วสิ เฮียเฉินจะตายแล้วเนี่ย” เธอทั้งห่วงเขา และพาลโมโหที่จ๊อดแจ๊ดดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่เห็นลูกพี่ตัวเองนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตา ฝ่ามือเล็กที่วางบนอกแกร่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมถี่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามออกมาทำให้เธอต้องรีบกลับไปมองคนที่สภาพปางตายบนตักของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคมที่ปิดลงเมื่อครู่ตอนนี้ได้มองมาที่เธอพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เต้าหู้พอรู้ว่าโดนแกล้งถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เฮียเฉิน!” จากมือที่ใช้เขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติ ตอนนี้กลับกำแน่น และทุบไปอย่างแรงบนอกแกร่งนั้นจนคนที่โดนถึงกับจุกเพราะเธอใส่มาเกือบเต็มแรง “โอ๊ย ตีเฮียทำไม เฮียเจ็บอยู่นะ” “แล้ว
หลายวันมานี้พลอยหยุดเรียนไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอนั้นไม่สบาย แถมในแชทกลุ่มเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ส่งข้อความหาเพื่อนก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ แล้วก็หายไป โทรหาน้ำเสียงก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เต้าหู้กับเพื่อนอีกสองคนเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แกสองคนได้คุยกับพลอยบ้างปะ” เต้าหู้ที่เป็นกังวลเอ่ยถามกับเพื่อนทั้งสองขณะที่กำลังนั่งรอเข้าเรียนในช่วงเช้า “ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน” ส้มลิ้มตอบ “ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงพลอยอะ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่” สีหน้าเต้าหู้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลอยไม่ใช่คนที่จะโดดเรียนหรือหนีหายไปและโกหกว่าป่วยแน่นอน ตอนนี้เธอคงจะป่วยจริงๆ จนถึงขั้นมาเรียนไม่ไหว จีจี้ที่นั่งฟังอยู่เลยออกความเห็น “งั้นเราลองถามพลอยดีไหมว่าตอนนี้อยู่ไหน หลังเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมพลอยกัน” ระหว่างที่กำลังจะกดโทรหาอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เห็นพลอยก็กลับมาเรียนแต่พลอยกลับไม่เดินมาหาพวกเธอ แต่กลับรีบเดินเข้าห้องเรียนไปแถมยังไม่มานั่งรวมกับพวกเธออีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพลอยมีปัญหาอะไรไหม พอจะถามพลอยก็ปลีกตัวไม่สุงสิงกับใครนั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมา
วันกีฬามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนก็ต้องวุ่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง เต้าหู้ พลอย และจี้จี้ มีหน้าที่แปลกอักษร บนอัฒจันทร์พวกเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อมาเตรียมความพร้อมก่อนงานจริงจะเริ่ม ส่วนส้มลิ้มก็มีแข่งชกมวยรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่สนามและเธอจะมารับเหรียญในช่วงเย็น จนถึงเวลาพักทานข้าว รุ่นพี่ที่ดูแลได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกให้กับพวกนักกีฬาและคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรม สามสาวก็มาหาที่ร่มๆ มานั่งทานข้าวและพักผ่อนก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย สามสาวเปิดกล่องข้าวออกมากำลังจะเริ่มทานด้วยความหิวและความเหนื่อย แต่พลอยกลับทำหน้าพะอืดพะอม และรีบปิดกล่องข้าวลงทันที “พลอยเป็นอะไร ไม่หิวเหรอ” “เรารู้สึกไม่ชอบกลิ่นหมูกระเทียมกล่องนี้เลย มันฉุน เราอยากอ้วก” พอพูดจบเธอก็รีบลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะรีบไปอ้วกในห้องน้ำใกล้ๆ เต้าหู้กับจีจี้ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อน จึงวิ่งตามไปพอมาถึงก็เห็นว่าพลอยอยู่ข้างในนั้น เต้าหู้รีบช่วยลูบหลังเพื่อนให้ก่อนจะเอ่ยถาม “แกเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” “ไม่รู้สิ แต่สองสามวันมานี้ฉันเวียนหัวมา
ในช่วงกิจกรรมกีฬาของมหาลัย แน่นอนว่านักศึกษาปีที่หนึ่งของแต่ละคณะก็จะต้องมีการฝึกซ้อมเชียร์และกีฬากันอย่างหนัก แน่นอนแหละว่าคนสวยๆ แบบพวกเธอต้องได้รับหน้าที่แปลอักษรและนั่งร้องเพลงเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์อยู่แล้ว “เดี๋ยวให้พักก่อนสามสิบนาทีนะครับน้องๆ อีกครึ่งชั่วโมงกลับมาประจำที่นะครับ พี่จะซ้อมเต็มอีกสักสองถึงสามรอบ หรือจนกว่าพวกเราจะคล่อง” รุ่นพี่ปีสี่ที่ทำหน้าที่คุมการซ้อมบอกให้พวกปีหนึ่งไปพัก แต่ตอนนี้อากาศร้อนมากทำให้แต่ละคนก็บ่นออกมาไม่เว้นแม้แต่พวกของแก๊งนางฟ้าเอง “ร้อนมาก ใครก็ได้เอาน้ำไปราดดวงอาทิตย์หน่อยซิ” เต้าหู้บ่น เพราะอัฒจันทร์ของคณะเธอดันหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ก็เลยรับแสงแดดยามบ่ายกันอย่างเต็มที่ อย่างไม่ต้องการ กันแดดที่โบกมาอย่างหนาไม่รู้ว่าจะเอาอยู่ได้มากขนาดไหนรู้สึกว่าผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อยหลังจบงานนี้คงต้องบำรุงกันยาวๆ “หิวน้ำจะตายอยู่ละ สต๊าฟอยู่ไหนกันหมดปกติต้องเอาน้ำมาแจกแล้วนะ” อยู่จี้ที่ใช้หมวกฟางพัดวีให้ตัวเองบ่นด้วยความเหนื่อย เพราะเธอต้องซ้อมกันในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ วันปกติก็เรียนแทบไม่ได้พักตอนเย็นของทุกวันและวันหยุดก็ต้องซ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว ส้มลิ้มและจีจี้มาด้วยหน้าตาที่สดใสเพราะได้กลับบ้านไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนเปิดเทอมใหม่แล้ว อะไรบางอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไป อย่างเช่นพลอยที่ปกติแล้วเธอจะมักจะใส่เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยและมิดชิดปิดไปแทบทุกสัดส่วน สวมแว่นตาหนา รวบผม ใบหน้าก็ไร้ซึ่งเครื่องสำอางแต่แต้ม แต่เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยนอย่างที่เขาว่า เวลามีความรักอะไรมันก็ดูสวยงามไปหมด พอถอดแว่นตาแต่งตัวให้ดูเข้ากับรูปร่างตัวเอง และแต่งหน้าเพิ่มเพียงนิดหน่อย ก็ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียวอย่างกับเป็นคนละคน “ไม่บอกจริงๆ เหรอว่าแฟนแกเป็นใครน่ะพลอย” ส้มลิ้มที่อยากรู้อยากเห็นกว่าใครอดใจไม่ได้ที่จะต้องถาม “ยังบอกไม่ได้ตอนนี้น่ะ” พลอยหลุบใบหน้าแดงที่กำลังเขินอายลงไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าพลอยดูสดใสขึ้น “งั้นแก๊งเราก็เหลือคนโสดแค่ฉันกับแกแล้วสิส้มลิ้ม” จีจี้พูดพลางแกล้งทำหน้าเศร้าโผเข้ากอดส้มลิ้ม เพื่อนสาวที่ยังไม่มีแฟนอีกคน “ฉันน่ะโสดจริงแถมไม่เคยมีแฟนด้วย ส่วนของแกน่ะโสดไม่จริงค่ะ เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกอยู่นั่
เต้าหู้และเฉินนั่งอยู่ในโบสถ์และกำลังเข้าร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนสนิทของเฉิน อย่าง อากิระและคนรักของเขาอย่างริบบิ้น โดยที่มีเด็กตัวน้อยยืนอยู่บนแท่นพิธีร่วมกับทั้งคู่ เด็กคนนั้นคือเรียวตะลูกชายของพวกเขาทั้งสองนั่นเอง คู่บ่าวสาวต่างปฏิญาณสาบานตนว่าจะรักและดูแลซึ่งกันและกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ในตอนเย็นก็มีพิธีฉลองมงคลสมรส จัดขึ้นที่คฤหาสน์ของอากิระ หลังลงจากรถหรูเฉินยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเป็นการบอกให้คนตัวเล็กที่ยืนข้างกันเดินคล้องเข้าไปในงานคืนนี้ พอเข้ามาหญิงสาวมองไปรอบๆ ตะลึงในความใหญ่โตและสวยงามของคฤหาสน์สไตล์ยุโรปแห่งนี้ตกแต่งราวกับหลุดออกมาจากยุคกลาง ก่อนที่เฉินจะพาเธอเดินไปทักทายเพื่อนสนิทที่อยู่ในงานเลี้ยงอย่างคู่บ่าวสาว “ยินดีกับมึงด้วยนะเพื่อน” “เออ ขอบใจ” “เรียวตะหลานกู ไปไหนแล้วล่ะ” มองหาลูกชายของเพื่อที่ตอนนี้ไม่เห็นมาวิ่งเล่นในงาน “เล่นทั้งวันคงเหนื่อยก็เลยงอแง กูให้พี่เลี้ยงพาขึ้นไปนอนแล้ว” “เออจริงสิ ไอ้พี่อี้ใส่ซองมาให้ แล้วก็ฝากบอกยินดีกับริบบิ้นด้วย แล้วก็ฝากความคิดถึงเรียวตะ” เฉินหยิบซองด้