“ขัดขวางการสร้างบุญ การถือศีลมันไม่ดีนะฝ้าย แม่อยากไปทำจิตใจให้สงบสุข จะเอาบุญมาเผื่อลูกเผื่อหลานด้วย ฝ้ายก็อยู่บ้านนี่แหละ มีรบคอยช่วยงานอยู่แล้วไง” แก้วกานดาเพียงแต่ตวัดสายตามองคนที่นั่งข้างๆ อาหารค่ำวันนี้ไม่อร่อยเอาเสียเลย มือบางรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“อิ่มแล้วเหรอลูก” ธาดาเอ่ยทักอย่างเป็นห่วง
“อิ่มแล้วค่ะ ฝ้ายขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” แก้วกานดาเดินขึ้นบ้านไปแล้ว นักรบสบตาผู้สูงวัยทั้งสองด้วยแววตาเศร้า ทั้งสองได้แต่ยิ้มให้กำลังใจ การปล่อยให้แก้วกานดาได้อยู่กับนักรบลำพังอาจจะทำให้ลูกสาวของตนได้พบคำตอบของหัวใจตนเองเสียที
บิดาและมารดาของแก้วกานดาออกจากบ้านแต่เช้า หญิงสาวมองตามรถจนลับสายตา เธอเหมือนเด็กงอแงที่ไม่อยากให้พ่อแม่ไปไหนไกล หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อเธอคิดว่าต้องอยู่ร่วมชายคากับผู้ชายที่เป็นตัวการทำให้เธอต้องหนีมาอยู่ที่นี่ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เรียกความกล้าให้ตัวเอง กลัวเหลือเกินกลัวว่าความรู้สึกที่เก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ จะทำให้เธอต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา
“มีอะไรให้พี่ช่วยไห
หลังจากทั้งคู่จัดการกับอาหารมื้อค่ำเสร็จในเวลาค่อนข้างดึก ซึ่งนักรบดูแลใส่ใจแก้วกานดาเป็นอย่างดี เขาไม่ให้เธอหยิบจับอะไรเลย ชายหนุ่มเก็บสำรับล้างจานเองทุกอย่าง แก้วกานดาหลบขึ้นห้องทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จนักรบจัดการตรวจตราความเรียบร้อยรอบๆบ้านอีกครั้ง ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดบ้าน เมื่อเดินผ่านประตูห้องของแก้วกานดาชายหนุ่มหยุดมองแล้วถอนหายใจแรง มือหนายกขึ้นตั้งใจจะเคาะประตู แต่ก็หยุดความตั้งใจไว้แค่นั้น หากแต่ยังไม่ยอมที่จะขยับเท้าออกจากหน้าห้องของหญิงสาว และก่อนที่เขาจะตัดใจเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ประตูห้องที่เขายืนมองอยู่นานสองนานก็ถูกเปิดออก“อุ๊ย!” แก้วกานดาอุทานด้วยความตกใจ คนถูกจับได้ว่าเฝ้ามองห้องน้องนางอยู่ทำหน้าเก้อเล็กน้อย“เอ่อ...ฝ้ายอยากได้อะไรหรือเปล่า พี่จะลงไปเอาให้”แก้วกานดาเมินสายตาไปทางอื่น เธอไม่อยากสบตาเขา กลัวว่าความรู้สึกที่ถูกกักไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ จะเผลอแสดงออกมาทางสายตาให้เขาจับได้“จะไปเอาโทรศัพท์ ลืมไว้ที่ร้าน” พูดพลางพยายามเบี่ยงตัวหลบคนตัวโตที่ยืนขวางประตู หญิงสาวอยู่ในชุดนอนกระโปรงยาว หน้าท้องนูนออกมาเล็กน้อยให้พอ
“ฝ้ายเข้าไปรอในร้านก่อนนะ รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยเดินกลับบ้าน เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างนอก เปียกขนาดนี้ถ้าเข้าไปในร้านพื้นเละแน่นอน” มือใหญ่รุนหลังของคนตัวเล็กในกลับเข้าไปในร้านส่วนตัวเขายืนหลบฝนอยู่ชายคาหน้าร้าน แก้วกานดาเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ภายในร้าน แต่ก็อดที่จะเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้ นักรบยืนกอดอกลูบต้นแขนตัวเอง บางครั้งเขาก็เงยขึ้นมองบนฟ้าและกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ หลายครั้งที่เขามองเข้ามาในร้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ทุกครั้งที่เขาขยับกายมองเข้ามา แก้วกานดาก็จะทำเป็นก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ทำเป็นไม่สนใจสายตาห่วงใยจากคนตัวโต“ฝ้าย ฝ้าย” เสียงทุ้มเรียกมาจากหน้าประตู แก้วกานดาขยับตัวและปรือตาขึ้น ตากลมโตถูกหรี่ลงเพื่อปรับแสงที่กระทบสายตา“ฝนหยุดตกแล้ว ไปนอนที่บ้านเถอะฝ้าย” น้ำเสียงทุ้มแสดงถึงความห่วงใย โซฟานุ่มตัวเล็กที่เธอนอนอยู่ดูไม่น่าจะสบายตัวเท่าไรนัก นักรบอยากจะเดินเข้าไปอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงเตียงนุ่ม ไม่อยากกวนให้เธอจากห้วงนิทราด้วยซ้ำ ติดที่เขาเปียกไปทั้งตัว จึงไม่อยากให้แก้วกานดาเปียกไปด
“เอ่อ...คุณไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม” คนถูกถามยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว ชายหนุ่มเผลอหลับไปหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย“ฝ้ายหิว ลูกก็คงหิวด้วย พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” หญิงสาวจำยอมเดินตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้“กินอะไรดีล่ะฝ้าย” นักรบเอ่ยถามเมื่อเขาพาร่างเล็กลงมาที่ห้องครัวด้านล่าง แล้วจัดให้เธอนั่งรอที่เก้าอี้เรียบร้อย“เอ่อ...มาม่าก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้!” เสียงปฏิเสธของเขาแสดงถึงความไม่พอใจจนแก้วกานดาสะดุ้ง“ฝ้ายท้องอยู่นะ จะกินอะไรก็ต้องนึกถึงลูกด้วย เดี๋ยวพี่ดูให้เองว่าจะกินอะไร” หญิงสาวเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้าง อะไรของเขานักหนาแค่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำไมต้องมาใช้น้ำเสียงอย่างกับคุณพ่อดุลูกสาว ก่อนที่สงครามของกินจะบานปลาย แสงไฟภายนอกบ้านก็สว่างขึ้น นักรบจึงเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ แล้วหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาอยู่“ดื่มนมถั่วเหลืองแล้วกัน เดี๋ยวพี่อุ่นให้ ดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย”“ถ้าอย่างนั้นจะกินอย่างอื่นด้วย นมแก้วเดียวไม่อิ่มหรอก” น้ำเสียงราวกับเด็กถูกขัดใจ และใบหน้าก็เริ่มงอง้ำ นักรบขม
“ออกไปได้แล้ว ฝ้ายจะนอนแล้ว” แก้วกานดาเอนตัวลงนอน หากแต่สายตาของเธอยังจับจ้องคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่ค่อยวางใจ“อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย มือเล็กยกกุมหน้าท้องตัวเอง คนที่จ้องอยู่ไม่วางตาตกใจ รีบสาวเท้าเร็วถึงตัวคนที่อยู่บนเตียงทันที ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าแววตาเป็นกังวล“เป็นอะไร ฝ้ายเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” มือใหญ่จับตรงโน้นลูบตรงนี้อย่างห่วงใย แก้วกานดาเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม เธอยิ้มอย่างลืมตัว“ลูก...ลูกดิ้นแล้วค่ะ” นักรบยิ้มกว้าง หัวใจพองโต ทั้งตื่นเต้นและยินดี มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปแตะหน้าท้องนูน แก้วกานดายกมือตัวเองออก เพื่อให้นักรบวางมือใหญ่ทาบทับลงบนหน้าท้องได้ถนัด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นตุ้บเบาๆ สองสายตาสบประสานกัน ต่างยิ้มกว้างให้กันด้วยความยินดีและตื้นตัน“เอ่อ...พี่รบคะ ฝ้ายจะนอนแล้วค่ะ” แก้วกานดาดึงตัวเองออกมาห้วงความสุขก่อนชายหนุ่ม นักรบยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับหน้าท้องของเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ“ฝ้าย...เรารักกันไม่ใช่หรือ ทำไมฝ้ายต้องปิดกั้นหัวใจตัวเอง” แก้วกานดาหลบสายตาคมกล้า เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากเหมือนเดิมไม
ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงอย่างแผ่วเบา และค่อยๆบดเบียดให้ปากเล็กเปิดรับการทักทาย เสน่หาที่ห่างหายไปนาน เมื่อถูกปลุกเร้าก็ลุกโชนอย่างง่ายดาย ต่างคนต่างถวิลหาในกันและกัน จูบอบอุ่นหวานละมุนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนซาบซ่านในทันใด เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันดื่มด่ำราวกับว่าไม่มีวันพอในรสจุมพิต เป็นแก้วกานดาเสียเองที่ครางผะแผ่วประท้วง เมื่อเธอรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน นักรบผละออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เขาดูดดึงริมฝีปากล่างของเธอเบาๆก่อนจะผงกศีรษะมองใบหน้านวลแดงระเรื่อ แววตาเปี่ยมรักของนักรบจ้องลึกลงไปในดวงตากลมโต คำสัญญาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สามารถสื่อสารกันด้วยสายตาและหัวใจ แก้วกานดายิ้มหวานรับรู้ถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มสื่อออกมาทางสายตาเมื่อเริ่มรุกแล้ว แม่ทัพอย่างนักรบไม่ยอมล่าถอย มือใหญ่จัดการดึงรั้งชุดนอนสีชมพูหวานออกจากร่างแก้วกานดา ตามด้วยชั้นในอีกสองชิ้นที่ถูกทิ้งขว้างลงข้างเตียง ขณะที่คนตัวโตไม่ได้ลำบากสักนิดในการกำจัดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากร่างตัวเอง ผิวเนียนขาวผ่องของแก้วกานดาทำให้นักรบหายใจสะดุด เขากวาดสายตามองร่างที่นอนหอบหายใจระทวย จากการถูกจุมพิตกระชา
มือใหญ่จับดันสะโพกเต่งตึงให้ลอยเหนือที่นอน ขาเรียวแยกกว้างโอบรัดเอวคนบนร่างทันที ฝ่ามือใหญ่วางคร่อมอยู่ข้างร่างเล็ก สายตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยความรักสุดหัวใจ“เจ็บไหม...พี่จะระวังนะ” คนตัวเล็กยิ้มสบตากับคนบนร่าง นักรบโน้มใบหน้าลงพรมจูบไปทั่วดวงหน้าชื้นเหงื่อของแก้วกานดา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง ตักตวงความหวานเย้ายวนไม่รู้เบื่อ สะโพกสอบเริ่มขยับช้าๆ ทุกจังหวะการขับเคลื่อนตัวตนของเขาหนักแน่นแต่อ่อนโยน ช่องทางรักอุ่นลื่นสัมผัสรัดรึงความแข็งแกร่ง ตอบรับการรุกล้ำด้วยแรงปรารถนาเดียวกัน“พี่รักฝ้าย พี่รักฝ้าย” นักรบผละจากริมฝีปาก พร่ำบอกรักซ้ำๆชิดหูเล็ก สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวเนิบนาบหนักแน่น แก้วกานดาบิดเร่าครวญครางเสียงหวาน มือเล็กลูบไล้แผงอกกว้างระเรื่อยไปตามลำคอแกร่ง และหยุดประคองใบหน้าคมเข้มไว้ในมืออุ่น“อ๊า...พี่รบขา อื๊อ!” ความหวามไหวแผ่ไปทั้งร่าง หัวใจวาบหวิวราวกับว่าจะขาดรอน ซาบซ่านจมดิ่งในห้วงเสน่หา ต่างฝ่ายต่างโหยหาในกันและกัน นักรบเร่งจังหวะรักร้อนแรง แก้วกานดาขยับเคลื่อนสะโพกส่ายประสานบ
“พี่รบถอยไปสิ...ฝ้ายจะไปเสิร์ฟกาแฟ” นักรบทำหน้าตาถมึงทึง เขาดึงถาดในมือหญิงสาวมาวางไว้บนเคาน์เตอร์สูง แล้วดันร่างของคุณแม่ท้องบังคับให้ไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน“นั่งตรงนี้เลย เดี๋ยวพี่ไปเสิร์ฟเอง โต๊ะนั้นมีแต่ผู้ชาย” นักรบพูดน้ำเสียงจริงจัง แก้วกานดาหัวเราะคิก“พี่รบ...ฝ้ายท้องโตขนาดนี้ใครเขาจะมาสนใจ”“ไม่รู้ล่ะ พี่หวง” นักรบยกถาดกาแฟเดินออกไปด้านนอกแล้ว แก้วกานดาได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียงลูกน้องในร้านหัวเราะคิกคัก ทำให้หญิงสาวกวาดสายตามองทีละคน จึงทำให้วงแตกกระเจิง ต่างคนต่างทำเป็นหยิบโน่นจับนี่ไม่สนใจกันตั้งแต่คืนดีกันนักรบแทบจะไม่ได้เธอหยิบจับอะไร เขาใส่ใจเธอไปซะทุกเรื่องและตามใจแทบจะทุกอย่าง จนบิดาและมารดาของเธอระอาใจกับลูกเขยขี้เห่อลูก สองวันก่อนเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสที่ที่ว่าการอำเภอ และพาเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูก ห้องนอนเดิมของเขาก็ถูกต่อเติมซ่อมแซมไว้สำหรับเป็นห้องของหนูน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนเขา...หลังจากคืนที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว ชายหนุ่มก็ย้ายสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในห้องของเธ
“เอ่อ...จ้ะๆ...ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เรารักกันๆเนอะ” นักรบลุกจากเก้าอี้นั่งคุกเข่าลงข้างแก้วกานดา วงแขนแกร่งโอบร่างคุณแม่ท้องหกเดือน ใบหน้าคมเข้มซบลงออดอ้อนเอาใจ“นับหนึ่งบอกแม่นะว่าอย่างอนพ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดหน้าท้องกลมของแก้วกานดา หญิงสาวก้มมองใบหน้าด้านข้างของสามี แล้วอมยิ้มกับท่าทางของเขา“อ้อนเมียอยู่เหรอพี่รบ”“อ้าว...ลิน วิน คุณแม่” แก้วกานดากำลังจะลุกขึ้นยืน เพื่อทำความเคารพมารดาของนักรบ แต่คุณนัยนาก็ห้ามเอาไว้ก่อน“ไม่ต้องลุกๆ นั่งเถอะฝ้าย ไหน...หลานย่าว่าไงลูก” คุณนัยนาเบียดตัวเข้าใกล้แก้วกานดา นักรบที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆหลีกทางแทบไม่ทัน แต่คุณนัยนาก็ไม่ได้สนใจ เพราะคุณย่าเห่อหลานในท้องลูกสะใภ้ยิ่งกว่าอะไร“โห...คุณแม่ นี่ลูกนะ ไม่สนใจผมเลย” นักรบตัดพ้อเรียกร้องความสนใจ“ตกกระป๋องแล้วพี่รบ” นลินกระเซ้าพี่ชายตนเอง คุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆลอบมองคู่หมั้นตาละห้อย ก็มาครั้งนี้ต้องพักค้างคืนที่บ้านแก้วกานดา ซึ่งมีทั้งคุณแม่และพี่ชายอยู่ด้วย เขาจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนลินบ้างไหมหนอ หลังจากค่ำคืนแสนหวานที่รีสอร์ตคืนนั้น เขาก็ให้
“เอ่อ...จ้ะๆ...ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เรารักกันๆเนอะ” นักรบลุกจากเก้าอี้นั่งคุกเข่าลงข้างแก้วกานดา วงแขนแกร่งโอบร่างคุณแม่ท้องหกเดือน ใบหน้าคมเข้มซบลงออดอ้อนเอาใจ“นับหนึ่งบอกแม่นะว่าอย่างอนพ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดหน้าท้องกลมของแก้วกานดา หญิงสาวก้มมองใบหน้าด้านข้างของสามี แล้วอมยิ้มกับท่าทางของเขา“อ้อนเมียอยู่เหรอพี่รบ”“อ้าว...ลิน วิน คุณแม่” แก้วกานดากำลังจะลุกขึ้นยืน เพื่อทำความเคารพมารดาของนักรบ แต่คุณนัยนาก็ห้ามเอาไว้ก่อน“ไม่ต้องลุกๆ นั่งเถอะฝ้าย ไหน...หลานย่าว่าไงลูก” คุณนัยนาเบียดตัวเข้าใกล้แก้วกานดา นักรบที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆหลีกทางแทบไม่ทัน แต่คุณนัยนาก็ไม่ได้สนใจ เพราะคุณย่าเห่อหลานในท้องลูกสะใภ้ยิ่งกว่าอะไร“โห...คุณแม่ นี่ลูกนะ ไม่สนใจผมเลย” นักรบตัดพ้อเรียกร้องความสนใจ“ตกกระป๋องแล้วพี่รบ” นลินกระเซ้าพี่ชายตนเอง คุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆลอบมองคู่หมั้นตาละห้อย ก็มาครั้งนี้ต้องพักค้างคืนที่บ้านแก้วกานดา ซึ่งมีทั้งคุณแม่และพี่ชายอยู่ด้วย เขาจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนลินบ้างไหมหนอ หลังจากค่ำคืนแสนหวานที่รีสอร์ตคืนนั้น เขาก็ให้
“พี่รบถอยไปสิ...ฝ้ายจะไปเสิร์ฟกาแฟ” นักรบทำหน้าตาถมึงทึง เขาดึงถาดในมือหญิงสาวมาวางไว้บนเคาน์เตอร์สูง แล้วดันร่างของคุณแม่ท้องบังคับให้ไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน“นั่งตรงนี้เลย เดี๋ยวพี่ไปเสิร์ฟเอง โต๊ะนั้นมีแต่ผู้ชาย” นักรบพูดน้ำเสียงจริงจัง แก้วกานดาหัวเราะคิก“พี่รบ...ฝ้ายท้องโตขนาดนี้ใครเขาจะมาสนใจ”“ไม่รู้ล่ะ พี่หวง” นักรบยกถาดกาแฟเดินออกไปด้านนอกแล้ว แก้วกานดาได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียงลูกน้องในร้านหัวเราะคิกคัก ทำให้หญิงสาวกวาดสายตามองทีละคน จึงทำให้วงแตกกระเจิง ต่างคนต่างทำเป็นหยิบโน่นจับนี่ไม่สนใจกันตั้งแต่คืนดีกันนักรบแทบจะไม่ได้เธอหยิบจับอะไร เขาใส่ใจเธอไปซะทุกเรื่องและตามใจแทบจะทุกอย่าง จนบิดาและมารดาของเธอระอาใจกับลูกเขยขี้เห่อลูก สองวันก่อนเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสที่ที่ว่าการอำเภอ และพาเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูก ห้องนอนเดิมของเขาก็ถูกต่อเติมซ่อมแซมไว้สำหรับเป็นห้องของหนูน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนเขา...หลังจากคืนที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว ชายหนุ่มก็ย้ายสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในห้องของเธ
มือใหญ่จับดันสะโพกเต่งตึงให้ลอยเหนือที่นอน ขาเรียวแยกกว้างโอบรัดเอวคนบนร่างทันที ฝ่ามือใหญ่วางคร่อมอยู่ข้างร่างเล็ก สายตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยความรักสุดหัวใจ“เจ็บไหม...พี่จะระวังนะ” คนตัวเล็กยิ้มสบตากับคนบนร่าง นักรบโน้มใบหน้าลงพรมจูบไปทั่วดวงหน้าชื้นเหงื่อของแก้วกานดา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง ตักตวงความหวานเย้ายวนไม่รู้เบื่อ สะโพกสอบเริ่มขยับช้าๆ ทุกจังหวะการขับเคลื่อนตัวตนของเขาหนักแน่นแต่อ่อนโยน ช่องทางรักอุ่นลื่นสัมผัสรัดรึงความแข็งแกร่ง ตอบรับการรุกล้ำด้วยแรงปรารถนาเดียวกัน“พี่รักฝ้าย พี่รักฝ้าย” นักรบผละจากริมฝีปาก พร่ำบอกรักซ้ำๆชิดหูเล็ก สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวเนิบนาบหนักแน่น แก้วกานดาบิดเร่าครวญครางเสียงหวาน มือเล็กลูบไล้แผงอกกว้างระเรื่อยไปตามลำคอแกร่ง และหยุดประคองใบหน้าคมเข้มไว้ในมืออุ่น“อ๊า...พี่รบขา อื๊อ!” ความหวามไหวแผ่ไปทั้งร่าง หัวใจวาบหวิวราวกับว่าจะขาดรอน ซาบซ่านจมดิ่งในห้วงเสน่หา ต่างฝ่ายต่างโหยหาในกันและกัน นักรบเร่งจังหวะรักร้อนแรง แก้วกานดาขยับเคลื่อนสะโพกส่ายประสานบ
ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงอย่างแผ่วเบา และค่อยๆบดเบียดให้ปากเล็กเปิดรับการทักทาย เสน่หาที่ห่างหายไปนาน เมื่อถูกปลุกเร้าก็ลุกโชนอย่างง่ายดาย ต่างคนต่างถวิลหาในกันและกัน จูบอบอุ่นหวานละมุนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนซาบซ่านในทันใด เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันดื่มด่ำราวกับว่าไม่มีวันพอในรสจุมพิต เป็นแก้วกานดาเสียเองที่ครางผะแผ่วประท้วง เมื่อเธอรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน นักรบผละออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เขาดูดดึงริมฝีปากล่างของเธอเบาๆก่อนจะผงกศีรษะมองใบหน้านวลแดงระเรื่อ แววตาเปี่ยมรักของนักรบจ้องลึกลงไปในดวงตากลมโต คำสัญญาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สามารถสื่อสารกันด้วยสายตาและหัวใจ แก้วกานดายิ้มหวานรับรู้ถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มสื่อออกมาทางสายตาเมื่อเริ่มรุกแล้ว แม่ทัพอย่างนักรบไม่ยอมล่าถอย มือใหญ่จัดการดึงรั้งชุดนอนสีชมพูหวานออกจากร่างแก้วกานดา ตามด้วยชั้นในอีกสองชิ้นที่ถูกทิ้งขว้างลงข้างเตียง ขณะที่คนตัวโตไม่ได้ลำบากสักนิดในการกำจัดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากร่างตัวเอง ผิวเนียนขาวผ่องของแก้วกานดาทำให้นักรบหายใจสะดุด เขากวาดสายตามองร่างที่นอนหอบหายใจระทวย จากการถูกจุมพิตกระชา
“ออกไปได้แล้ว ฝ้ายจะนอนแล้ว” แก้วกานดาเอนตัวลงนอน หากแต่สายตาของเธอยังจับจ้องคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่ค่อยวางใจ“อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย มือเล็กยกกุมหน้าท้องตัวเอง คนที่จ้องอยู่ไม่วางตาตกใจ รีบสาวเท้าเร็วถึงตัวคนที่อยู่บนเตียงทันที ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าแววตาเป็นกังวล“เป็นอะไร ฝ้ายเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” มือใหญ่จับตรงโน้นลูบตรงนี้อย่างห่วงใย แก้วกานดาเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม เธอยิ้มอย่างลืมตัว“ลูก...ลูกดิ้นแล้วค่ะ” นักรบยิ้มกว้าง หัวใจพองโต ทั้งตื่นเต้นและยินดี มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปแตะหน้าท้องนูน แก้วกานดายกมือตัวเองออก เพื่อให้นักรบวางมือใหญ่ทาบทับลงบนหน้าท้องได้ถนัด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นตุ้บเบาๆ สองสายตาสบประสานกัน ต่างยิ้มกว้างให้กันด้วยความยินดีและตื้นตัน“เอ่อ...พี่รบคะ ฝ้ายจะนอนแล้วค่ะ” แก้วกานดาดึงตัวเองออกมาห้วงความสุขก่อนชายหนุ่ม นักรบยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับหน้าท้องของเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ“ฝ้าย...เรารักกันไม่ใช่หรือ ทำไมฝ้ายต้องปิดกั้นหัวใจตัวเอง” แก้วกานดาหลบสายตาคมกล้า เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากเหมือนเดิมไม
“เอ่อ...คุณไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม” คนถูกถามยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว ชายหนุ่มเผลอหลับไปหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย“ฝ้ายหิว ลูกก็คงหิวด้วย พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” หญิงสาวจำยอมเดินตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้“กินอะไรดีล่ะฝ้าย” นักรบเอ่ยถามเมื่อเขาพาร่างเล็กลงมาที่ห้องครัวด้านล่าง แล้วจัดให้เธอนั่งรอที่เก้าอี้เรียบร้อย“เอ่อ...มาม่าก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้!” เสียงปฏิเสธของเขาแสดงถึงความไม่พอใจจนแก้วกานดาสะดุ้ง“ฝ้ายท้องอยู่นะ จะกินอะไรก็ต้องนึกถึงลูกด้วย เดี๋ยวพี่ดูให้เองว่าจะกินอะไร” หญิงสาวเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้าง อะไรของเขานักหนาแค่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำไมต้องมาใช้น้ำเสียงอย่างกับคุณพ่อดุลูกสาว ก่อนที่สงครามของกินจะบานปลาย แสงไฟภายนอกบ้านก็สว่างขึ้น นักรบจึงเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ แล้วหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาอยู่“ดื่มนมถั่วเหลืองแล้วกัน เดี๋ยวพี่อุ่นให้ ดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย”“ถ้าอย่างนั้นจะกินอย่างอื่นด้วย นมแก้วเดียวไม่อิ่มหรอก” น้ำเสียงราวกับเด็กถูกขัดใจ และใบหน้าก็เริ่มงอง้ำ นักรบขม
“ฝ้ายเข้าไปรอในร้านก่อนนะ รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยเดินกลับบ้าน เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างนอก เปียกขนาดนี้ถ้าเข้าไปในร้านพื้นเละแน่นอน” มือใหญ่รุนหลังของคนตัวเล็กในกลับเข้าไปในร้านส่วนตัวเขายืนหลบฝนอยู่ชายคาหน้าร้าน แก้วกานดาเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ภายในร้าน แต่ก็อดที่จะเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้ นักรบยืนกอดอกลูบต้นแขนตัวเอง บางครั้งเขาก็เงยขึ้นมองบนฟ้าและกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ หลายครั้งที่เขามองเข้ามาในร้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ทุกครั้งที่เขาขยับกายมองเข้ามา แก้วกานดาก็จะทำเป็นก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ทำเป็นไม่สนใจสายตาห่วงใยจากคนตัวโต“ฝ้าย ฝ้าย” เสียงทุ้มเรียกมาจากหน้าประตู แก้วกานดาขยับตัวและปรือตาขึ้น ตากลมโตถูกหรี่ลงเพื่อปรับแสงที่กระทบสายตา“ฝนหยุดตกแล้ว ไปนอนที่บ้านเถอะฝ้าย” น้ำเสียงทุ้มแสดงถึงความห่วงใย โซฟานุ่มตัวเล็กที่เธอนอนอยู่ดูไม่น่าจะสบายตัวเท่าไรนัก นักรบอยากจะเดินเข้าไปอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงเตียงนุ่ม ไม่อยากกวนให้เธอจากห้วงนิทราด้วยซ้ำ ติดที่เขาเปียกไปทั้งตัว จึงไม่อยากให้แก้วกานดาเปียกไปด
หลังจากทั้งคู่จัดการกับอาหารมื้อค่ำเสร็จในเวลาค่อนข้างดึก ซึ่งนักรบดูแลใส่ใจแก้วกานดาเป็นอย่างดี เขาไม่ให้เธอหยิบจับอะไรเลย ชายหนุ่มเก็บสำรับล้างจานเองทุกอย่าง แก้วกานดาหลบขึ้นห้องทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จนักรบจัดการตรวจตราความเรียบร้อยรอบๆบ้านอีกครั้ง ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดบ้าน เมื่อเดินผ่านประตูห้องของแก้วกานดาชายหนุ่มหยุดมองแล้วถอนหายใจแรง มือหนายกขึ้นตั้งใจจะเคาะประตู แต่ก็หยุดความตั้งใจไว้แค่นั้น หากแต่ยังไม่ยอมที่จะขยับเท้าออกจากหน้าห้องของหญิงสาว และก่อนที่เขาจะตัดใจเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ประตูห้องที่เขายืนมองอยู่นานสองนานก็ถูกเปิดออก“อุ๊ย!” แก้วกานดาอุทานด้วยความตกใจ คนถูกจับได้ว่าเฝ้ามองห้องน้องนางอยู่ทำหน้าเก้อเล็กน้อย“เอ่อ...ฝ้ายอยากได้อะไรหรือเปล่า พี่จะลงไปเอาให้”แก้วกานดาเมินสายตาไปทางอื่น เธอไม่อยากสบตาเขา กลัวว่าความรู้สึกที่ถูกกักไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ จะเผลอแสดงออกมาทางสายตาให้เขาจับได้“จะไปเอาโทรศัพท์ ลืมไว้ที่ร้าน” พูดพลางพยายามเบี่ยงตัวหลบคนตัวโตที่ยืนขวางประตู หญิงสาวอยู่ในชุดนอนกระโปรงยาว หน้าท้องนูนออกมาเล็กน้อยให้พอ
“ขัดขวางการสร้างบุญ การถือศีลมันไม่ดีนะฝ้าย แม่อยากไปทำจิตใจให้สงบสุข จะเอาบุญมาเผื่อลูกเผื่อหลานด้วย ฝ้ายก็อยู่บ้านนี่แหละ มีรบคอยช่วยงานอยู่แล้วไง” แก้วกานดาเพียงแต่ตวัดสายตามองคนที่นั่งข้างๆ อาหารค่ำวันนี้ไม่อร่อยเอาเสียเลย มือบางรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม“อิ่มแล้วเหรอลูก” ธาดาเอ่ยทักอย่างเป็นห่วง“อิ่มแล้วค่ะ ฝ้ายขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” แก้วกานดาเดินขึ้นบ้านไปแล้ว นักรบสบตาผู้สูงวัยทั้งสองด้วยแววตาเศร้า ทั้งสองได้แต่ยิ้มให้กำลังใจ การปล่อยให้แก้วกานดาได้อยู่กับนักรบลำพังอาจจะทำให้ลูกสาวของตนได้พบคำตอบของหัวใจตนเองเสียทีบิดาและมารดาของแก้วกานดาออกจากบ้านแต่เช้า หญิงสาวมองตามรถจนลับสายตา เธอเหมือนเด็กงอแงที่ไม่อยากให้พ่อแม่ไปไหนไกล หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อเธอคิดว่าต้องอยู่ร่วมชายคากับผู้ชายที่เป็นตัวการทำให้เธอต้องหนีมาอยู่ที่นี่ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เรียกความกล้าให้ตัวเอง กลัวเหลือเกินกลัวว่าความรู้สึกที่เก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ จะทำให้เธอต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา“มีอะไรให้พี่ช่วยไห