"เมื่อไรจะหยุดสำออยสักที" คำพูดของเขาเปลี่ยนไปมากจากตอนที่หวังอยากจะได้ตัวเธอ "รำคาญ!!"
"พี่ต่างหากที่เป็นคนคิดไม่ดีกับฉันก่อน" หญิงสาวต้องได้รีบหยุดเสียงสะอื้นของตัวเองไว้
"ใครพี่มึง" เขาพูดพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ "อย่าสะเออะมาใช้คำนี้กับกู"
"คะ?.." พอได้ยินคำพูดพวกนี้ เธอก็รู้ได้ในทันที ว่านี้อาจจะเป็นนิสัยที่แท้จริง แต่คนที่โกรธควรจะเป็นเธอมากกว่าไหม ที่เขาเอายาปลุกเซ็กส์มาให้กิน ถ้าเธอตามเกมไม่ทันป่านนี้คงจะเสียตัวให้เขาไปแล้ว
"อย่าคิดนะว่ารูปพวกนั้นจะแบล็คเมล์กูได้" พอใส่เสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินไปที่ประตู
ปั้ง!! ชายหนุ่มปิดประตูกลับคืนด้วยเท้าอย่างแรงจนคนตัวเล็กที่อยู่ด้านในสะดุ้งตกใจ
[บ้านปรัชญานนท์]
พอไต้ฝุ่นออกจากห้องไปเพียงไม่นานเธอก็ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า แล้วรีบกลับมาที่บ้าน
"เมื่อคืนนี้หนูไปค้างที่ไหนมาทำไมไม่กลับบ้าน"
"บ้านเพื่อนค่ะแม่" มายมิ้นท์ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาแนะนำเธอจะได้นำมาใช้จริง
"เราโตเป็นสาวแล้วอย่าทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกนะ"
[บริษัทสายการบิน]
"ใครนะ" ราชสีห์ถามเลขาส่วนตัวออกไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เลขาเข้ามาแจ้ง "แล้วพวกเขามาทำไม"
"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะถามรายละเอียดไปแล้ว แต่นักข่าวบอกว่าอยากจะคุยกับท่านประธานเองค่ะ"
"ให้เข้ามา"
เลขาออกจากห้องไปเพียงไม่นานนักข่าวสองคนก็เข้ามา
"มันคืออะไร" ราชสีห์กัดฟันถามกลับเมื่อเห็นรูปภาพของลูกชาย และผู้หญิงที่หน้าตาคุ้นมาก อยู่ร่วมเตียงเดียวกัน
"ถ้าคุณราชสีห์ไม่ซื้อรูปนี้ไว้ ทางเราจะไปขายต่อให้กับสำนักข่าวใหญ่" ใช่แล้วนักข่าวคนนี้คือคนที่ มายมิ้นท์จ้างมา แต่เรื่องนี้มายมิ้นท์ไม่รู้เรื่อง เพราะว่าเธอสั่งให้ทำลายหลักฐานทุกอย่าง หลังจากที่ออกมาจากห้องนั้น
ตุ้บ!! ซองสีน้ำตาลได้ถูกวางลงโต๊ะในห้องของลูกชายทันทีที่เดินเข้ามาถึง
"อะไรครับพ่อ"
"แกไปทำอะไรไว้"
ไต้ฝุ่นรีบเอาซองนั้นขึ้นมาเปิดดู
"มันคืออะไร!" ราชสีห์ตะคอกถามลูกชายออกไป
"พ่อได้รูปพวกนี้มายังไงครับ" คำว่าเลือดขึ้นหน้ายังเทียบไม่ได้กับอารมณ์ของไต้ฝุ่นในเวลานี้
"พ่อได้รูปพวกนี้มายังไงครับ""จะได้มายังไงล่ะ ก็นักข่าวน่ะสิ ทำไมแกถึงทำอะไรไม่ระวังตัวเลย รู้ไหมว่าถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายไป หุ้นของเราจะตกแค่ไหน" เพราะไม่ว่าพวกเขากระดิกตัวทำอะไรก็เป็นข่าวไปหมด ยิ่งไต้ฝุ่นเป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งถูกจับตามอง"เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง""แกจะจัดการยังไง ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ไปร่วมงานคืนนั้นใช่ไหม""ใช่ครับ""ถ้าพ่อแม่เธอรู้ แกรู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้น" ราชสีห์รู้ดีว่าพ่อของผู้หญิงที่อยู่ในรูปก็ไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหน เป็นถึงเจ้าของโรงแรมใหญ่โตในเครือของทศกัณฐ์ก๊อก ก๊อก ..ประตูห้องนอนของไต้ฝุ่นถูกเปิดเข้ามาทันทีที่สิ้นเสียงเคาะ"คุณมีธุระอะไรกับลูกเหรอคะ" ไออุ่นไม่เคยเห็นสามีกลับมาตอนกลางวันแบบนี้ พอเห็นรถของสามีจอดอยู่หน้าบ้านก็เลยขึ้นมาดูว่าเขามาทำไม"ผมมีธุระกับไต้ฝุ่นนิดหน่อย" เมื่อพูดกับภรรยาราชสีห์ก็ต้องได้รีบปรับอารมณ์ใหม่"ธุระอะไรคะ" ไออุ่นดูแล้วว่ามันคงไม่นิดหน่อยแน่สามีของนางถึงได้หน้าเคร่งเครียดขนาดนี้ สายตาของผู้เป็นแม่มองไปเห็นรูปในมือของลูกชาย ถึงเขาจะซ่อนไว้แล้วแต่ก็ไม่พ้นสายตานั้น "เอามาให้แม่ดู""ไม่มีอะไรหรอกครับแม่""จะไม่มี
"ปล่อยนะฉันต้องเข้าเรียน" เท้าเรียววิ่งตามหลังชายร่างสูงไปเพราะแรงฉุดกระชาก แต่เธอก็พยายามที่จะแกะมือเขาออก"ไม่ต้องเรียน" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับผลักคนตัวเล็กให้เข้าไปในรถด้านฝั่งคนขับทันทีที่เดินมาถึง"ฉันเจ็บนะ!" จังหวะที่ถูกเขาผลักให้ข้ามมานั่งอีกฝั่ง มันทำให้ร่างของเธอกระแทก"สมน้ำหน้า ถ้าไม่อยู่นิ่งจะเจ็บยิ่งกว่านี้อีก" ร่างหนาตามขึ้นมาแล้วก็ขับออกไปอย่างเร็ว โดยไม่ให้อีกคนตั้งตัวได้"นายเป็นผู้ชายหรือเปล่า" ในเมื่อเขาไม่ให้เรียกพี่ เธอก็เรียกแบบปีนเกลียวไปเลย"อยากรู้ไหมล่ะว่าเป็นผู้ชายไหม"มายมิ้นท์คิดว่าคงจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องแล้วก็เลยเงียบ ใจจริงอยากจะกระโดดลงรถตอนนี้เลย แต่เขาขับเร็วเกินไปเธอไม่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับคนนิสัยเสียแบบนี้หรอกคลืนน คลืนนนน มันคือเสียงโทรศัพท์ของมายมิ้นท์ จะเป็นสายใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าขุน เขาพยายามขับรถตามมาแต่ก็คลาดสายตาหญิงสาวล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า และกำลังจะกดรับสาย..แต่ถูกไต้ฝุ่นแย่งมาก่อน"นั่นมันโทรศัพท์ของฉันเอาคืนมานะ!" มายมิ้นท์พยายามจะยื้อแย่งเอาคืนมา ..แต่ไต้ฝุ่นเลื่อนกระจกรถลงแล้วก็ขว้างออกไป"นายทำอะไร!!""หุบปาก!!""นั่นมันท
"แม่" ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะมือไวชอบตี แต่ก็ไม่เคยจริงจังเหมือนครั้งนี้มาก่อน"แม่สอนลูกให้เป็นลูกผู้ชาย ไม่เคยสอนให้ทำแบบนี้กับผู้หญิง" ทำไมไออุ่นจะไม่เสียใจที่ตบหน้าลูกแบบนั้น แต่ที่ทำไปเพราะอยากลงโทษให้ลูกรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด"แม่เชื่อผู้หญิงคนนี้มากกว่าลูกของแม่งั้นเหรอ""แม่เชื่อสิ่งที่แม่มองเห็น..เมื่อกี้ลูกทำอะไร?!" กระจกรถของเขาไม่ได้มืดจนมองเข้าไปไม่เห็น พอนางเห็นว่าลูกชายกำลังล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงอยู่ นางก็รีบเคาะกระจกรถ"ผมแค่ลงโทษ""ลงโทษ? ลูกเป็นใครทำไมลงโทษผู้หญิงแบบนี้"ในขณะที่แม่กำลังต่อว่าให้ลูกอยู่นั้น มายมิ้นท์ก็ร้องไห้ไม่หยุด เธอตกใจมากก็จริง แต่จะให้ร้องไห้แบบนี้คงไม่ มันคือมารยาของเธอที่ดึงออกมาลงโทษผู้ชายใจร้าย"หนูหยุดร้องก่อนนะ แม่สัญญาว่าจะให้ความเป็นธรรมกับหนู""ตอแหล" จังหวะที่ไออุ่นหันไปปลอบใจมายมิ้นท์อยู่นั้น ไต้ฝุ่นได้พูดออกมาแค่เบาๆ เพราะเห็นว่าเธอมองมา"คุณน้าจะให้ความเป็นธรรมกับหนูด้วยวิธีไหนล่ะคะ" ปากพูดกับผู้เป็นแม่ แต่สายตามองไปที่ลูกชายของนาง"เราไปหาที่คุยกันก่อนดีกว่า" เพราะคุยข้างถนนแบบนี้คงไม่เหมาะแน่"แม่ไม่ต้องคุยหรอก""ไต้ฝุ่น!""ถ้าแม่จะ
"คุณพ่อ!?""ซ่อนอะไรไว้เอาออกมา""ไม่มีอะไรค่ะ""จะไม่มีได้ยังไง เอาออกมา!" อิทธิคว้ารูปนั้นออกมาจากมือลูกสาว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยินยอมให้ดูก็ตามที"พ่อคะ ฟังมายก่อนนะ"พออิทธิเห็นภาพนั้นชัดแล้ว ดวงตาคมของเขา เพ่งเล็งไปที่ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่กับลูกสาว"มันเรื่องอะไรกัน..เธอเป็นใคร" เขาพยายามใจเย็นที่สุด เพราะเห็นว่านางเป็นผู้หญิง"ฉันอยากจะขอคุยในที่ส่วนตัวกว่านี้หน่อย" ไออุ่นรู้แล้วว่าคนนี้คงจะเป็นพ่อของเธอ และโรงแรมนี้คงจะเป็นโรงแรมพวกเขา อะไรจะจุดใต้ตำตอขนาดนี้"เชิญ" อิทธิเดินนำหน้าไป ในมือขยี้รูปภาพนั้นจนแทบจะแหลกคามือ ซึ่งมายมิ้นท์ก็มองเห็น และรู้ดีว่าตอนนี้พ่อโมโหมากอิทธิพาทั้งสองมาที่ห้องทำงานของตัวเอง"ว่ามา""ก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันชื่อไออุ่นเป็นภรรยาของคุณราชสีห์ อัครไพศาล""อะไรนะ?!" ดวงตาคมมองหน้าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เพื่อความแน่ชัดอีกครั้ง ราชสีห์ อัครไพศาล มีใครไม่รู้จักบ้างในแวดวงนี้"คุณอาจจะไม่เคยเห็นหน้าฉัน เพราะฉันไม่เคยออกงานกับสามี แต่คุณสามารถเช็คได้ หรือว่าจะถามคุณทศกัณฐ์กับคุณเจ้าขาดูก็ได้" ไออุ่นไม่ชอบออกงานสังคม ยิ่งเป็นงานราตรีนางไม่ออกเลย ส่วน
"นี่มันเรื่องอะไรกันครับแม่" ไต้ฝุ่นหันกลับไปถามผู้เป็นแม่ที่เดินตามหลังเข้ามา"เข้ามานั่งก่อน" ราชสีห์สั่งให้ลูกชายเข้ามานั่งโต๊ะที่เตรียมไว้ ..ไต้ฝุ่นจำเป็นต้องได้ทำตาม เพราะรู้ดีถ้าพ่อโมโหน่ากลัวกว่าแม่เยอะส่วนทางด้านอิทธิยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับภรรยา เพราะกลัวว่าจะไม่สบายใจร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าของหญิงสาว สายตาของเขามองจ้องมาที่เธอแบบเอาเรื่อง"ทำไมลูกถึงไม่พูดเรื่องยานั่น" ไออุ่นเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มจะเงียบ และนี่คือเหตุผลที่ต้องได้นัดคุยกันอีกครั้ง เพราะถ้าลูกชายของนางให้ผู้หญิงกินยาแบบนั้นจริง นางก็ไม่สามารถที่จะปล่อยไปได้"ครับ?!" ไต้ฝุ่นหันกลับมองผู้เป็นแม่ แล้วหันกลับไปมองที่เธออีกครั้ง เขาเล่าทุกอย่างก็จริง แต่ยกเว้นเรื่องนี้ "เธอ!!""หยุดนะไต้ฝุ่น!" ราชสีห์ห้ามลูกชายไว้เมื่อเห็นว่าลูกชายลุกขึ้น กลัวว่าจะทำร้ายผู้หญิงเอา"เธอก็เอายานอนหลับให้ผมกินเหมือนกัน" ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่เขาหลับเป็นตายแบบนั้นเพราะฤทธิ์ยา เรื่องนี้เขาก็ยังไม่ได้เล่าให้พ่อกับแม่ฟังเหมือนกันทุกคนต่างก็หันไปมองที่มายมิ้นท์อีกครั้ง"เรื่องยาถือว่าเจ๊ากัน แต่มายเป็นฝ่ายเสียหาย
"มาย""คะ" ระหว่างทางที่เดินออกมาจาก สนามกีฬา มายมิ้นท์ก็ได้ยินเสียงคนเรียก ถึงแม้จะยังไม่หันกลับไปก็รู้แล้วว่าเป็นใคร"พี่ไม่คิดว่ามายจะมาดูการแข่งขัน" เจ้าขุนอยากจะมาถามเรื่องวันนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอไปที่คณะเพื่อนบอกว่าเธอมาที่สนามกีฬา"คือว่า.." ไม่รู้ว่าจะบอกกับเขายังไงดีเกี่ยวกับเรื่องวันนั้น วันที่เธอถูกไต้ฝุ่นลากขึ้นรถไป"ถ้ามายลำบากใจที่จะพูดก็ไม่เป็นไร พี่เป็นห่วงเพราะโทรไปหาแล้วมายไม่รับสาย"ไม่รับสายสิโทรศัพท์หายไปแล้วนี่ ..หญิงสาวได้แต่คิดในใจ เธอยังไม่มีเวลาไปซื้อเครื่องใหม่เลย"วันนี้เราไปทานข้าวเย็นด้วยกันไหม""เย็นนี้มายไม่ว่างค่ะ""ไม่เป็นไรจ้า งั้นพี่ไปนะ" เจ้าขุนกลับหลังหันทันทีที่พูดจบมายมิ้นท์ได้แต่มองตามหลังพี่ชายคนนี้ไป ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเจ้าขุนคิดยังไงกับเธอ แต่ใจคนมันก็บังคับกันไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยมีใจให้กับเจ้าขุนเลย แม้แต่คนที่เธอจะแต่งงานด้วยมายมิ้นท์ยังไม่มีใจด้วยเลยเย็นวันเดียวกัน.. ที่บ้านของมายมิ้นท์"ทำไมแม่ถึงไม่รู้เรื่องนี้" เมื่อได้ยิน เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งงาน ผู้เป็นแม่แทบรับไม่ทัน"ผมกำลังเล่าให้คุณฟังอยู่นี่ไง" อิทธิไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไ
มายมิ้นท์ได้แต่มองตามหลังผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ที่เดินออกจากห้องหอไปในวันแต่งงานแต่เรื่องนั้นยังไม่น่าเจ็บใจเท่า ..ไอ้ชุดที่มันถอดไม่ได้ ตัดให้ขาดเลยดีไหมเนี่ย!!หญิงสาวเดินมาทิ้งกายลงนอนที่เตียงมันทั้งชุดนั้นเลย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรมากมายในงานแต่งของตัวเอง แต่ก็เหนื่อยมาก คนร่างเล็กนอนลงเพียงไม่นานก็หลับไปเช้าวันต่อมา.."....??..." มายมิ้นท์ตื่นขึ้นมาก็พบว่าไต้ฝุ่นนอนอยู่ข้างกาย ก็เมื่อคืนนี้เขาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอทำไมยังนอนอยู่ตรงนี้หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินมาเปิดประตู เพราะได้ยินเสียงแม่บ้านทำความสะอาดด้านนอก"ป้าคะ""คะ""ช่วยมายแกะกระดุมด้านหลังที" แล้วเธอก็หันหลังให้คนทำความสะอาดช่วย"ขอบคุณค่ะ" พอกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออกหญิงสาวก็เดินกลับเข้ามาในห้องมายมิ้นท์เอาเสื้อผ้าที่เตรียมมาด้วยเดินเข้าห้องน้ำ เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้อาบ..จึงใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำพอสมควร แล้วเธอก็แง้มประตูออกมาดู ตอนนี้ไม่เห็นเขานอนอยู่ที่เตียงแล้ว.."ไปซะได้ก็ดี" พูดออกมาเบาๆ กับตัวเอง แล้วก้าวออกจากห้องน้ำ "กรี๊ดดด" เธอตกใจเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเขายืนพิงผนังหน้าห้องน้ำอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งเธอมองไ
หญิงสาวยังไม่คิดอยากจะขึ้นไปข้างบน ตอนที่คุยกันเธอรู้แล้วว่าพ่อกับแม่เตรียมเสื้อผ้าข้าวของที่จำเป็นมาให้หมดแล้ว มันอยู่ในห้องของสามีเธอ ..สามีงั้นเหรอ คิดไปก็ได้แต่สมเพชตัวเอง ไม่มีคำไหนเลยที่เขาต้องการอยากจะได้เธอเป็นภรรยาหญิงสาวร่างระหงเดินดูบรรยากาศรอบบ้านในยามราตรี เพื่อเป็นการฆ่าเวลาให้มันดึกหน่อย ขึ้นไปข้างบนเผื่อว่าเขาจะหลับไปแล้วที่นี่สวยจังเลย ทำไมมีสนามเด็กเล่นอยู่ตรงพุ่มไม้ มายมิ้นท์เดินไปนั่งม้าหมุนสำหรับเด็ก ถึงแม้ว่ามันจะเก่ามากแล้วแต่ก็ยังใช้การได้ดี คงจะเป็นสนามเด็กเล่นของเขาสินะ ..ใช่แล้วค่ะที่นี่มันคือพุ่มไม้ในตำนาน สำหรับราชสีห์และไออุ่น^__^นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่แบบนั้น จนคิดว่ามันดึกมากพอแล้ว มายมิ้นท์ก็เลยกลับเข้ามาในบ้าน ซึ่งตอนนี้คนในบ้านคงจะนอนไปหมดแล้ว และทุกคนก็คิดว่าเธอขึ้นไปแล้วเช่นกันก็เลยไม่มีใครออกมาตามแกร็ก~ ประตูห้องของเขาได้ถูกเปิดเข้าไปเพียงเบาๆ..ทำไมมืดจังเลย แล้วที่เปิดไฟห้องนี้อยู่ตรงไหน เข้ามาในห้องเขาก็ปิดไฟปิดผ้าม่านจนมืดสนิท และเธอก็ไม่รู้ว่าห้องนี้เตียงนอนอยู่ตรงไหน โต๊ะอยู่ตรงไหน ที่สำคัญสวิตช์ไฟอยู่ตรงไหนเนี่ย?! หญิงสาวค่อยๆ คลำไป จนขา
[มหาวิทยาลัย]"จะไปไหน" พอเข้ามาถึงห้องเรียน หนามเตยก็เดินตรงไปที่โต๊ะเรียนเดิม โต๊ะที่ขอแลกกับกล้าหาญ"ก็ไปที่นั่งไง""มานั่งด้วยกันตรงนี้""จะบ้าเหรอนั่นมันที่ของกล้าหาญ""เดี๋ยวให้มันไปนั่งข้างหลัง""ไม่เอาเปลี่ยนมาครั้งหนึ่งแล้วจะเปลี่ยนกลับได้ยังไง" ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปนั่งที่เดิม ..เพียงไม่นานอาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องในขณะที่นั่งเรียนอยู่เจ้าขุนก็มองกลับหลังบ่อยครั้งมาก"มึงเป็นอะไรนักหนาวะ" กล้าหาญซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างก็ไม่เป็นอันเรียนไปด้วย พอเพื่อนมองกลับหลัง เขาก็ต้องได้มองตามแบบสงสัยว่าเพื่อนมองอะไร พอรู้แล้ว..แต่เวลาที่เจ้าขุนมองกลับไปอีกที เขาก็ต้องมองตามอีก..เพราะมันเป็นสัญชาตญาณ"กูว่ามึงย้ายเถอะว่ะ""ย้ายไม่ได้เดี๋ยวเมียด่า" ชายหนุ่มกระซิบพูดกับเพื่อนเบาๆ"มึงกลัวด้วยเหรอวะ""ใครบอกว่ากูกลัว..กูแค่เกรงใจ""นั่นแหละที่เขาเรียกว่ากลัว""มึงไม่เคยมีเมียมึงจะรู้ได้ยังไง""ด้านหลังช่วยสนใจอาจารย์หน่อยนะคะ" เพียงไม่นานอาจารย์ก็ส่งเสียงมา และเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้านหน้าต่างก็หันกลับมามองที่เจ้าขุนเป็นห่วงเพราะคนที่นั่งอยู่ข้างหนามเตยเป็นเพื่อนผู้ชาย"ไปไหนแล้ว""หาอะไร""ปา
คืนเดียวกันนั้น.."ไปอาบน้ำกัน" พอขึ้นมาถึงด้านบน เขาก็ชวนเธอ"จะอาบก็ไปอาบเองสิ""แน่ใจนะว่าลูกจะไม่คิดถึงพ่อ" ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จริงด้วยถ้าเขากลับห้องไปมีหวังเราต้องได้ไปคุยกับชักโครกอีกแน่เลย หญิงสาวลืมไป เพราะวันนี้ไม่คลื่นไส้มาทั้งวัน จนถึงเวลานี้ก็มืดค่ำมากแล้ว"ไปด้วยกัน" มือหนาคว้าเอาคนตัวเล็กให้เดินตามมาที่ห้องของตัวเอง"ฉันไม่อาบกับคุณนะ" หญิงสาวพยายามจะหยุดไม่เดินตาม"ไม่อาบก็ไม่อาบ แต่ไปด้วยกัน" เขาไม่อยากจะปล่อยให้เธออยู่ห้องคนเดียว "รออยู่ตรงนี้" ชายหนุ่มเข้าไปอาบน้ำโดยไม่ปิดประตูห้องน้ำ ส่วนเธอก็ยืนหันหลังให้ ไม่กล้าหันไปมองเราต้องทำแบบนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย..ลูกนะลูก หญิงสาวบ่นพึมพำที่ต้องได้มายืนเฝ้าเขาอาบน้ำอยู่แบบนี้ตุ๊บ.."อะไร" คนตัวเล็กรีบหันเข้าไปดู เพราะได้ยินเสียง ทีแรกคิดว่าเป็นเสียงเขาล้ม แต่พอหันเข้าไปแล้วเธอต้องได้รีบหันกลับออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงกล่ำ"ตกใจเหรอ มือผมไปถูกฝาชักโครก" ตอนที่เขากำลังเช็ดตัวอยู่นั้น มือได้ไปโดนฝาชักโครกที่เปิดอยู่มันก็เลยปิดลงมีเสียงดัง"อาบเสร็จหรือยัง""จะอายทำไมผมยังไม่อายเลย" เขารู้ดีว่าเธอคงจะอายตอนที่หันม
สายตาของทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน แบบไม่มีใครยอมหลบให้ใคร"ผมเห็นเจ้าของไม่ต้องการมันอีกแล้ว ก็เลยเก็บมันเอาไว้" เขาพูดในขณะที่ยังมองสบตาเธออยู่"คุณต่างหากที่ไม่ต้องการ" คำพูดนี้ มันได้ออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน ของเจ้าของใบหน้าหวาน กว่าเธอจะตัดสินใจทิ้งมันได้ เพราะมันอยู่กับเธอมาตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ"ผมขอโทษ ผมมันโง่เอง มีสมองแต่ไม่คิดไตร่ตรองให้ดี ว่าทำไมคุณถึงหายไปในวันนั้น""คุณยังรอฉันอยู่เหรอคะ""รอสิ ไม่ได้รอแค่วันนั้นนะ รอจนย้ายโรงเรียน ขนาดย้ายโรงเรียนแล้วผมยังให้คนขับรถพากลับมาเผื่อว่าคุณยังอยู่ที่เดิม" วันไหนที่มีแต่แม่บ้านและคนขับรถมารับ เขาชอบให้ผ่านไปทางโรงเรียนเดิม จอดรอดูว่าเธอจะออกมาจากในนั้นไหม..แต่ก็ไม่มี"วันนั้นพ่อกับแม่ของฉัน..ท่านทั้งสอง.." คำพูดของเธอมันถูกกลืนหายเข้าไป พร้อมกับเสียงสะอื้น"ผมรู้แล้ว..ถ้าผมรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับคุณบ้าง และตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหนผมจะตามไป" ถ้าเขารู้สักนิดว่าเธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาจะไม่รีรอที่จะตามไปเลย"คุณไม่รู้เหรอคะว่าคุณตา.." ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก ทำอะไรไม่ถูก อยากจะพูดอยากจะถามหาเขา แต่ก็ไม่รู้จะเริ่ม
"กลับมาแล้วเหรอลูก" เจ้าขาถามขึ้นเมื่อเห็นลูกชายเข้ามา"ครับ""มันจะรีบไปไหน แล้วมันมาจากไหน" ทศกัณฐ์ได้แต่มองตามหลังคนที่วิ่งขึ้นไปบนบ้าน แทบจะไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาเป็นลูกชายของตัวเอง เพราะมองไม่ทัน"วันนี้วันเกิดของกล้าหาญค่ะ" เจ้าขาพูดพร้อมกับเอานมอุ่นๆ มาให้สามีได้ทาน เพราะเขาเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน"วันเกิดกล้าหาญ?" พอรู้ว่าวันเกิดเพื่อนสนิทของลูกชาย ทศกัณฐ์ก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู สองทุ่มกว่า?" ธรรมดาวันเกิดเพื่อน ถ้าไม่เช้าก็คงจะเป็นเย็นวันต่อไปถึงจะเห็นหน้าลูกชายโผล่กลับบ้าน"เห็นหนามขอเบอร์โทรไป สงสัยจะโทรตามมั้งคะ""โทรตามงั้นเหรอ?" มันยิ่งสร้างความงุนงงให้กับทศกัณฐ์ เพราะทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะเป็นมิตรกันเลยแกร่ก~ กลับมาถึงชายหนุ่มก็ตรงเข้าห้องของเธอ"หนาม" มองดูบนเตียงนอนไม่มี เขาก็เลยรีบเข้าไปดูในห้องน้ำ "เป็นยังไงบ้าง"พอเห็นเขาเข้ามาอาการคลื่นไส้เวียนหัวก็หายไปสิ้น หญิงสาวลุกขึ้นแบบหน้าบูดบึ้ง ไม่พูดไม่จาแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ"...?..." ชายหนุ่มงงกับท่าทาง..เนี่ยเหรอคนที่โทรตามเขากลับบ้าน อุตส่าห์ดีใจว่าเธอโทรหา แต่พอกลับมาหน้าตาของเธอไม่รับแขกเลยจะให้ยิ้มระรื่นได้ยังไง
เขานั่งเป็นเพื่อนเธออยู่แบบนั้นจนคิดว่าเธอนอนหลับสนิทแล้ว ถึงออกมาจากห้องเพื่อไปอาบน้ำออกไปอาบน้ำยังไม่เสร็จก็ได้ยินเสียงคนข้างห้องอาเจียน ชายหนุ่มรีบล้างตัว แล้วออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันรอบท่อนล่างอยู่"ผมนึกว่าคุณหลับไปแล้ว" เขารีบเดินเข้าไปลูบหลังให้ "ออกหมดเลยเหรอ" ชายหนุ่มมองลงไปดูในชักโครก..อาหารที่เธอกินเข้าไปเมื่อตอนเย็นออกไปหมดเลย"คุณจะมองอะไรสกปรกจะตาย" หญิงสาวรีบกดน้ำให้ไหลลง"ไปที่เตียงดีกว่า" มือหนาโอบร่างบางให้เดินตามมาที่เตียง ถ้าเป็นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนเธอคงจะไล่ตะเพิดเขาไปแล้ว แต่นี่..รู้แล้วว่าทำไมเวลาเขาอยู่ใกล้อาการพวกนั้นมันถึงหายไปใบหน้างามมองต่ำลงไปที่ท้องของตัวเอง ไอ้ตัวเล็กต้องแผลงฤทธิ์แน่"นอนก่อนนะเดี๋ยวผมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า" จังหวะที่เขากำลังจะออกจากห้อง มือเรียวรีบคว้าแขนของเขาไว้"คุณจะกลับเข้ามาอีกไหม" หญิงสาวถามไปโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองใบหน้าหล่อคมยกยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม "มาสิ" ว่าแล้วเขาก็รีบออกจากห้องไปก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจไปไม่ถึงห้านาทีก็รีบกลับเข้ามา แต่ตอนนี้เธออยู่ในห้องน้ำ"หนาม"พอเห็นเขากลับมาเธอก็ออกจากห้องน้ำ ..หึ!!
ตุ๊บ!! เสียงเจ้าขุนถีบเก้าอี้ออกจากตรงที่กีดขวาง"เมื่อกี้เธอว่าอะไร" แล้วเขาก็เดินตรงเข้าไปหายี่หวา เพราะเมื่อสักครู่ที่ยี่หวาพูดแล้วเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินชัดเจน"เราพูดถึงเรื่องละครที่ดูกับแม่เมื่อคืนนี้" ยี่หวาหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นว่าเจ้าขุนเอาจริงสายตาคมจ้องมองแบบเอาเรื่อง จนเพื่อนในห้องรีบเข้ามาช่วยกันขวางไว้"ไม่เอาน่า ผู้หญิงนะ" กล้าหาญก็เข้ามาช่วยพูด ถึงแม้ยี่หวาจะแก้ตัวไปแต่ทุกคนที่อยู่ในห้องก็ได้ยินหมด..ที่เธอพูดว่าหนามเตยสำส่อน"ผู้หญิงแล้วไง สักแต่มีปากจะพูด" จบคำพูดเจ้าขุนก็ถีบเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างจนลมกระจายส่วนยี่หวา..ตอนนี้ถอยออกไปจนจะชนผนังห้อง ..ถ้าคนที่พูดเป็นผู้ชายสงสัยฟันคงได้ร่วงออกจากปาก แต่เจ้าขุนก็ยังไม่สงบ ดวงตาของเขายังจ้องมองพร้อมกับขาที่ก้าวเดินเข้าไป"พอแล้ว" หนามเตยเป็นคนพูดขึ้น..เขาถึงได้หยุดที่หยุดเพราะได้ยินเสียงคนห้ามเหมือนจะร้องไห้"หนาม" เจ้าขุนเดินกลับเข้ามาหาเธอส่วนพวกเพื่อนๆ กำลังเก็บสิ่งที่เขาทำกระจัดกระจายไว้หนามเตยไม่มองหน้าเจ้าขุนเลยด้วยซ้ำ เธอนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง จากที่คิดว่าจะเข้มแข็ง เพราะคนรอสมน้ำหน้าก็มีมาก แต่ตอนนี้มันเข้
ก๊อก ก๊อก หลังจากที่เจ้าขุนออกจากห้องไปได้เพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องหญิงสาวเงียบฟังว่าเป็นใครที่มาเคาะ"หนามจ๊ะ""คะ" หนามเตยรีบมาเปิดประตู"แม่ทำข้าวต้มร้อนๆ ขึ้นมาให้จะได้มีอะไรรองท้องก่อนนอนบ้าง" เมื่อประตูเปิดออกนางก็ได้ถือข้าวต้มเดินเข้าไปในห้อง"คุณแม่ไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ หนามยังไม่หิว""ไม่หิวก็ต้องกิน" เจ้าขาดูแล้วเธอคงจะยังไม่ทานข้าวเย็น และตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วย"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวไหว้พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ จะทานได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที เพราะตอนนี้แค่ได้กลิ่นก็ชวนให้อาเจียนแล้ว"ว่าไงครับแม่" เจ้าขุนถามขึ้นทันทีที่เห็นแม่ออกมาจากห้องนั้น เขายืนรออยู่ด้านหน้าแบบเงียบๆ แถมยังหลบด้วยเพราะกลัวเธอมองออกมาเห็น"แม่ว่าลูกก็ไปพักผ่อนได้แล้วดึกแล้วนะ"แม่ตอบผมก่อนสิครับ"จะให้แม่ตอบอะไร""เธอจะกินข้าวไหมครับ""แม่ไม่รู้""ทำไมแม่ไม่อยู่รอจนกว่าเธอจะกินล่ะครับ""ลูกก็ไปรอเองสิ" เจ้าขาแค่พูดอยากจะเห็นกิริยาของลูกชายพอแม่กลับเข้าห้อง เจ้าขุนก็เดินกลับมาที่หน้าห้องของเธอ แนบหูฟัง ว่ามีเสียงช้อนกระทบกับถ้วยไหม"อ้วกกกกก""หนาม" แต่เสียงที่ได้ยินก็คือเส
"ขอฉันไปด้วยคนนะคะ" เจ้าขารีบเดินตามสามีออกมาที่รถ"ผมว่าคุณไม่ต้องไปหรอก รอฟังข่าวอยู่ที่บ้านดีกว่า""แต่ฉันเป็นห่วงนี่คะ""ถ้างั้นก็ขึ้นรถ" ทศกัณฐ์ไม่เคยทนลูกอ้อนของภรรยาคนสวยได้สักครั้งเจ้าขาก็รีบเดินอ้อมไปขึ้นนั่งข้างสามี ส่วนตอนนี้เจ้าขุนขับรถของตัวเองออกไปตั้งแต่รู้ว่าเธอซื้อตั๋วเพื่อที่จะเดินทาง"หนามรอผมก่อนนะอย่าเพิ่งไปไหน" คันเร่งถูกเหยียบเกือบมิดไมล์ รถคันไหนที่ขวางหน้าเขาบีบแตรไล่ที่เจ้าขาตามสามีมาส่วนหนึ่งเพราะเป็นห่วงหนามเตย แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือลูกชายสนามบินสุวรรณภูมิชายหนุ่มมาถึงสนามบินโดยปลอดภัย เขาจอดรถได้ก็รีบวิ่งตรงเข้าไป โดยที่ทิ้งรถไว้ในที่ห้ามจอด แต่เจ้าขุนก็ไม่สนใจชายหนุ่มร่างสูงวิ่งฝ่าผู้คนที่กำลัง เดินกันให้วุ่น สายตาของเขามองไปที่ผู้โดยสารขาเข้า"เข้าไม่ได้ครับ" พนักงานด้านหน้าที่คอยตรวจเช็คตั๋วเดินทาง ไม่เห็นเขามีตั๋วติดมือมาด้วยก็เลยไม่อนุญาตให้เข้าไป"ผมแค่อยากจะเข้าไปหาคน""หาใครก็ไม่ได้ครับ""ผมต้องทำยังไงถึงจะเข้าไปได้""คุณต้องมีตั๋วเดินทางครับ"ชายหนุ่มรีบวิ่งกลับมาตรงที่ซื้อตั๋ว"เราปิดการขายไปแล้วค่ะ ไฟท์นี้เครื่องกำลังจะขึ้นค่ะ" และก็เ
ห้องพยาบาลของทางมหาวิทยาลัย"เพื่อนเราเหรอจ๊ะ" อาจารย์หมอเห็นมายมิ้นท์ก็นึกขำ เพราะจำได้แม่น"ไม่ใช่เพื่อนค่ะ รุ่นพี่ที่คณะ" หญิงสาวตอบออกไปแบบเอียงอาย เพราะหลายครั้งที่เธอได้มาใช้บริการห้องนี้อาจารย์หมอตรวจดูอาการอยู่พักหนึ่งวัดความดัน และตรวจคลื่นหัวใจ"คงเป็นเพราะความเครียดพักผ่อนไม่เพียงพอ เดี๋ยวรอให้เพื่อนฟื้นก่อนนะ" เพราะว่าตอนนี้หนามเตยยังไม่ได้สติ แต่ชีพจรของเธอก็ปกติ อาจารย์หมอก็เลยไม่เป็นห่วงเท่าไรเวลาเข้าเรียน.."รู้หรือยังว่าหนามเตยเป็นลมตอนนี้อยู่ห้องพยาบาล" เพื่อนที่รู้ข่าวเข้ามาพูดกันอยู่ในห้อง"เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ?!" เจ้าขุนรีบหันกลับไปมอง และตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้ามาในห้อง ที่เขาไม่รู้เรื่องเพราะวันนี้ไม่ได้ไปทานข้าวที่โรงอาหาร"ก็น้าของมึงน่ะสิอยู่ห้องพยาบาลโน่น" ได้ยินแค่นั้นแหละ เจ้าขุนก็รีบวิ่งออกจากห้องไป ซึ่งมีกล้าหาญวิ่งตามมาติดๆ"หนาม.." พอเจ้าขุนมาถึงก็เห็นเธอนั่งอยู่บนเตียง ซึ่งมีไต้ฝุ่น และมายมิ้นท์อยู่ในห้องนั้นด้วย "เธอเป็นอะไรครับ" เจ้าขุนถามอาจารย์หมอที่นั่งอยู่โต๊ะประจำของห้องนี้ทุกคนในห้องต่างก็มองหน้ากันไปมา ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน ..มันยิ่งทำให้