27
ผู้ร่วมชะตากรรม
“ข้าบอกท่านครั้งก่อนว่าล่วงรู้อนาคต ที่แท้มิใช่เช่นนั้น” ต่งซูเหวินหันไปมองหลิงเฟยหลง คราก่อนที่เขาไปกับนาง นางก็มิได้บอกเล่าเรื่องจริงเพราะไม่รู้ว่าที่แท้เขาอยู่ฝ่ายผู้ใด จึงได้แสร้งบอกเขาไปว่านางมีญาณหยั่งรู้อนาคต
ผู้มากความรู้อย่างเขาย่อมไม่เชื่อเรื่องหลอกลวงนี้เป็นแน่ นางจึงกล่าวถึงรับสั่งฮ่องเต้ที่ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ จากที่นางคำนวนไว้อีกไม่กี่วันฮ่องเต้ต้องทรงมีราชโองการนี้เป็นแน่ ฮ่องเต้ต้องมีรับสั่งให้เหล่าองค์ชายจัดการเรื่องการค้าของเถื่อนที่ไม่สามารถเก็บภาษีได้
สองวันต่อมาหลิงซือฝูจึงส่งจดหมายลับให้นาง เขาเชื่อที่นางกล่าวหลังจากได้ฟังรับสั่งฮ่องเต้ นางไม่ได้ตอบกลับเพราะยังไม่เชื่อเขาทั้งหมด
“เช่นนั้นท่านหญิงรู้ได้อย่างไรว่าฮ่องเต้จะมีราชโองการ”
“ก่อนข้าจะบอกความจริงแก่หลิงซือฝู ข้าขอถามท่านสักคำถาม ในสายตาท่านคิดว่าองค์ชายสี่เป็นเช่นไร”
“จากที่
28อดีตที่มิอาจลืมเลือนได้“ท่านไม่จำเป็นต้องตอบ ข้าเพียงขบขันความโง่งมยามนั้นของตนเองเท่านั้น”“เช่นนั้นคนผู้นั้นคือ...”“องค์ชายสี่หนิงจิน ข้าจึงอยากรู้เรื่องขององค์ชายมาก แต่ก็ไม่อยากเข้าใกล้”“ข้าเดาไม่ผิดจริง ๆ เช่นนั้นแล้วเรื่องของท่านหญิงเป็นอย่างไรต่อ ท่านหญิงบอกว่าตนเองผ่านความเป็นความตายถึงสามครั้งสามครา” หลิงเฟยหลงถามต่อ เรื่องนี้แม้ไม่น่าเชื่อเท่าใดแต่เมื่อผู้กล่าวเป็นต่งซูเหวิน เขาเต็มใจเชื่อนางทั้งหมดไม่ว่านางจะบอกสิ่งใดก็ตาม ก่อนนี้นางก็ได้บอกเรื่องราวเหลือเชื่อที่พิสูจน์มาแล้ว“ยามนั้นข้าโง่งมในรักเพียงเขาบอกว่า รักเพียงข้าแต่ต้องแต่งสตรีอื่นเป็นเมียเอกเพราะมารดาสั่ง ตระกูลชายาเอกมีอำนาจในราชสำนักมาก สามารถส่งเสริมเขาในการขึ้นเป็นไท่จื่อได้ ข้ายอมเพราะอยากเห็นคนรักสมปรารถนา ท่านลองเดาดูสิว่าสตรีที่ข้าว่าคือผู้ใด”“จากที่ท่านเกลียดตระ
29ที่ปรึกษา“ข้าเชื่อท่านหญิง แต่หากท่านหญิงอยากล้มตระกูลซูมีแค่ตนเองคงไม่อาจสำเร็จได้”“เป็นเช่นนั้น ข้าจึงบอกท่านอย่างไรล่ะ ข้ารู้ว่าท่านเลือกองค์ชายสามใช่หรือไม่ นอกจากองค์ชายสามก็คงไม่มีผู้ใดเหมาะกับตำแหน่งไท่จื่อแล้ว อีกทั้งกุ้ยเฟยยังไม่ทรงอยากมีอำนาจเช่นหวงกุ้ยเฟยด้วย” นางบอกความคิดของตนเองให้กับบุรุษตรงหน้า ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้แม้จะพานพบแต่เรื่องราวเลวร้ายมามาก แต่การยอมเชื่อใจผู้อื่นก็ยังง่ายกว่าการคอยระแวงผู้อื่นอยู่ดี“เป็นดังที่ท่านหญิงกล่าว ข้าเลือกองค์ชายสามไม่ใช่เพราะเก่งกาจเหนือองค์ชายสี่ แต่เพราะมารดาองค์ชายสามทรงรักบุตรชายมากกว่าการแสวงหาอำนาจ”“เช่นนั้นถือว่าข้าช่วยท่าน ท่านช่วยข้า”“หากท่านหญิงมีสิ่งใดให้ช่วย โปรดบอกข้าน้อย” หลิงซือฝูลุกยืนยกมือขึ้นมาประสานกันค้อมตัว เมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เสร็จสิ้นทุกอย
30ดั่งนภายามค่ำคืนหลังจากโรงน้ำชาวันนั้นผ่านมาหนึ่งเดือนอีกหนึ่งวันจะเป็นวันฉลองวันประสูติหวงกุ้ยเฟย ดังเช่นงานฉลองของไป่กุ้ยเฟย ฝ่าบาททรงมีคำสั่งให้จัดงานมีเทียบเชิญส่งไปแต่ละจวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็เป็นตระกูลต่ง คราวนี้มิได้มีเพียงต่งซูเหวินเท่านั้น ต่งซูหนี่เองก็เข้าวังไปตามเทียบเชิญด้วยเช่นกันงานเช่นนี้นางเบื่อยิ่งนักหากไม่เพราะเทียบเชิญนางไม่นึกอยากมาแม้แต่น้อย คงเป็นวันนี้ที่หวงกุ้ยเฟยจะทูลขอสมรสจากองค์จักรพรรดิให้องค์ชายสี่และหญิงตระกูลซูผู้นั้น“คารวะท่านหญิง” นางกำนัลเอ่ยขึ้นมาขณะนางกำลังเดินไปยังอุทยานที่จัดงานฉลอง หากนางจำไม่ผิดนางกำนัลนี่เป็นนางกำนัลขององค์หญิงหนิงเอ๋อ แม้ไม่ชอบเข้าร่วมงานในวังแต่อย่างไรก็เป็นวันเกิดหวงกุ้ยเฟย องค์หญิงก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน“องค์หญิงหนิงเอ๋ออยู่ที่อุทยานหรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะ องค์หญิงกำลังรอท่านหญิงอยู่เช่นกัน เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” หงอิงเดิ
31ประทานสมรสต่งซูเหวินตามไปพบองค์หญิงหนิงเอ๋อที่หน้าตำหนักข้างของอุทยาน เมื่อพูดคุยกันจนหายคิดถึงแล้วจึงตามไปยังอุทยานเพื่อร่วมงานฉลองของหวงกุ้ยเฟยงานเช่นนี้ยังคงน่าเบื่อสำหรับนางอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับต่งซูหนี่ที่น่ารำคาญ นางเอาแต่มองหาหลิงเฟยหลง ถามนางซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหลิงเฟยหลงไปไหน ทำไมจึงไม่อยู่ในงาน มันทำให้นางหงุดหงิด นางเดาว่าความหงุดหงิดนี้เพราะต่งซูหนี่น่ารำคาญ“ฝ่าบาทเพคะ งานฉลองของน้องไป่คราก่อนพระองค์ทรงรับปากประทานสมรสให้หนิงอวี่ ครานี้ทรงประทานสมรสให้หนิงจินเป็นของขวัญหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ” หวงกุ้ยเฟยกล่าวกับองค์จักรพรรดิด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน แม้จะไม่โปรดตระกูลซูที่คอยหนุนหลังนาง แต่อย่างไรนางก็เป็นถึงหวงกุ้ยเฟย อยู่ด้วยกันมานานย่อมมีความรักอยู่บ้าง ฮ่องเต้จึงไม่อาจปฏิเสธคำขอนี้ได้“หวงกุ้ยเฟย เจ้าอยากให้ข้าประทานสมรสบุตรชายกับสตรีตระกูลใดหรือ หนิงจินเจ้าถูกใจแม่นางตระกูลใดเหตุใดไม่ยอมบ
32ข้าจำไว้แล้ว“หนิงลี่ แม่นางซู ขอโทษท่านหญิงเสีย” องค์หญิงใหญ่ชักสีหน้าเมื่อได้ยินคำสั่งของพี่ชาย ซูชิงเยียนเองก็ตกใจจนหน้าถอดสี ภาพลักษณ์หญิงสาวอ่อนหวานของนางต่อหน้าองค์ชายสี่หมดไปแล้วหรือไม่“เสด็จพี่ เหตุใดข้าต้องขอโทษนาง อย่างไรข้าก็เป็นองค์หญิง”“เจ้ารู้ว่าตนเองเป็นองค์หญิงแต่ไม่รู้ว่าไม่ควรเสียมารยาทต่อผู้อื่นหรือ” ขณะนี้นางกำลังเป็นที่สนใจของผู้คนไม่น้อยเลย แม้ผู้คนจะไม่ได้เข้ามาฟังใกล้ ๆ แต่กลับยืนมองอยู่ไม่ห่าง“เสด็จพี่”“ช่างเถอะเพคะองค์ชาย หม่อมฉันไม่อยากให้ผู้คนมองมากกว่านี้ ขอเพียงองค์หญิงไม่มาหาเรื่องหม่อมฉันอีก หม่อมฉันย่อมไม่ถือสา ไปเถอะเพคะองค์หญิง” กล่าวกับบุรุษตรงหน้าแล้วจึงขอปลีกตัวออกไป นางมั่นใจว่าองค์ชายสี่ต้องตามออกมาอย่างแน่นอน“เช่นนั้นให้ข้าเดินไปส่งดีหรือไม่” เป็นอย่างที่นางคิดเขาขอตามออกมา และหากนางยอมรับน้ำใจน
33จำต้องเลือกสองเท้าก้าวไปข้างหน้าอยู่หลายครั้งแต่ก็ย้อนกลับมายืนที่เดิมอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสด็จแม่จะทำการใหญ่เช่นนี้ได้ ยอมแม้กระทั่งวางยาสวามีตนเอง นี่คงเป็นเหตุผลที่ทรงขอประทานสมรสจากเสด็จพ่อให้ตนเองกับสกุลซู“ชิงเยียนจำได้แล้วเพคะเสด็จป้า แต่ชิงเยียนเกรงว่าหากองค์ชายรู้เข้าจะไม่ทรงยินยอมร่วมแผนการของเรา”“หนิงจินเป็นบุตรที่กตัญญูเพียงใดเจ้าไม่รู้หรือชิงเยียน หากข้าบอกให้ทำมีหรือหนิงจินจะปฏิเสธได้ลง” หวงกุ้ยเฟยบอกซูชิงเยียนด้วยแววตาชื่นชม และรอยยิ้มร้ายกาจ นางชื่นชมตนเองที่เลี้ยงดูบุตรชายมาได้กตัญญูนัก ไม่ว่านางจะบอกเตือนสิ่งใดองค์ชายหนิงจินล้วนไม่เคยขัด กระทั่งนางกล้าใช้บุตรเป็นตัวหมากในการขึ้นสู่ที่สูง“เสด็จป้าทรงปรีชายิ่ง ชิงเยียนจะบอกท่านพ่อให้ครบทุกคำเพคะ เช่นนั้นชิงเยียนขอตัวก่อนอีกไม่นานองค์ชายคงมา หากมาเจอกันยามนี้ย่อมไม่ดีต่อแผนการเป็นแน่”&
บทนำหากย้อนเวลาได้อีกครา“หากสิ้นลมครา นี้ข้าได้โอกาสย้อนกลับมาอีกครั้ง จะไม่ขอรักบุรุษเช่นท่านอีกแล้ว” หญิงสาวกล่าวอย่างเคียดแค้นกับตนเอง ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากสีซีดเลอะเลือดที่กระอักออกมาเพราะถูกพิษหลายต่อหลายคำ มือขวาลูบหน้าท้องแบนราบด้วยความคับข้องใจนางถูกพระชายาของสามีล่อลวงให้ดื่มยาบำรุงครรภ์มีพิษ เป็นเหตุให้ยามนี้ถูกพิษจนตกเลือด บุตรในครรภ์ยังไม่ทันลืมตาดูโลกก็ต้องตายเสียแล้ว แค้นนี้หากไม่ตายนางจะทวงคืนอย่างแน่นอน“ฮือ...ชายารอง” สาวใช้คนสนิทนั่งโอบกอดร่างกายสั่นเทาของผู้เป็นนายเอาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจที่ตนเองไม่สามารถช่วยสิ่งใดชายารองได้เลย อยากจะไปตามหมอก็ถูกชายาเอกสั่งขังไว้ในเรือน คาดว่านางเองก็คงได้ตายตกตามกันไป“อย่าร้องไปหงอิง เจ้าหาทางหนีไปเสีย มิเช่นนั้นเจ้าเองต้องตายตามข้าไปเช่นกัน”“หงอิงจะตามชายารองไปเจ้าค่ะ หงอิงผิดเองที่ไม่ตรวจสอบให้ดีจึงถูกหลอกให้วางยาชายารองเช่นนี้”“หากจะมีผู้ใดผิด ย่อมเป็นสามีไม่ได้เรื่องผู้นั้นของข้าและความโง่งมในรักของข้าต่างหากเล่า ข้าจึงต้องเสียบุตรไป หากข้าได้ย้อนเวลาอีกครั้ง เราจะไม่ลงเอยเช่นเดิมอีก ข้าสัญญาหงอิง”
1ข้าขอเลือกเองผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามฮ่องเต้เสด็จมายังอุทยานเพื่อเข้าร่วมงานชมโคมไฟ เนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในยามสงบ องค์จักรพรรดิจึงให้จัดงานเฉลิมฉลองให้ราษฎรได้ผ่อนคลาย และให้องค์ชายได้ทำความรู้จักกับบรรดาคุณหนูสูงศักดิ์จากหลากหลายตระกูล“ถวายบังคมฮ่องเต้/กุ้ยเฟย” ทั้งคุณหนู คุณชาย เชื้อพระวงศ์ต่างพากันทำความเคารพเจ้าครองแคว้นที่เพิ่งเสด็จมา องค์จักรพรรดิในวัยกลางคนส่งยิ้ม โบกมือให้ทั้งหมดทำตัวตามสบาย กระทั่งพระองค์เดินไปนั่ง“ขอบพระทัย” ทุกคนพากันขยับไปนั่งเมื่อพระองค์ทรงอนุญาต“เรามาดูครู่เดียวก็จะกลับแล้ว พวกเจ้าตามสบาย”“เซียวกงกงเริ่มงานเถิด ข้าอยากเห็นนักว่าผู้ใดจะวาดโคมได้งดงามที่สุด” ฮ่องเต้กล่าวจบ ฮองเฮาจึงหันไปสั่งให้เซียวกงกงเริ่มการวาดโคมรูปลงบนโคมกระดาษ ผู้ตัดสินย่อมเป็นฮ่องเต้และกุ้ยเฟย ฮ่องเฮาของแคว้นสิ้นพระชนม์ไปเมื่อสองปีก่อน เนื่องจากตรอมใจที่บุตรชายป่วยตายไปเมื่อสามปีก่อน บัดนี้ตำแหน่งฮ่องเฮาจึงยังว่างอยู่ว่ากันว่าหากองค์ชายองค์ใดได้ขึ้นเป็นไท่จื่อพระมารดาจะถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเฮาเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่มีงานรื่นเริงฮ่องเต้จะทรงพาหวงกุ้ยเฟยและกุ้ยเฟยมาร่วมกัน เพียง
33จำต้องเลือกสองเท้าก้าวไปข้างหน้าอยู่หลายครั้งแต่ก็ย้อนกลับมายืนที่เดิมอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสด็จแม่จะทำการใหญ่เช่นนี้ได้ ยอมแม้กระทั่งวางยาสวามีตนเอง นี่คงเป็นเหตุผลที่ทรงขอประทานสมรสจากเสด็จพ่อให้ตนเองกับสกุลซู“ชิงเยียนจำได้แล้วเพคะเสด็จป้า แต่ชิงเยียนเกรงว่าหากองค์ชายรู้เข้าจะไม่ทรงยินยอมร่วมแผนการของเรา”“หนิงจินเป็นบุตรที่กตัญญูเพียงใดเจ้าไม่รู้หรือชิงเยียน หากข้าบอกให้ทำมีหรือหนิงจินจะปฏิเสธได้ลง” หวงกุ้ยเฟยบอกซูชิงเยียนด้วยแววตาชื่นชม และรอยยิ้มร้ายกาจ นางชื่นชมตนเองที่เลี้ยงดูบุตรชายมาได้กตัญญูนัก ไม่ว่านางจะบอกเตือนสิ่งใดองค์ชายหนิงจินล้วนไม่เคยขัด กระทั่งนางกล้าใช้บุตรเป็นตัวหมากในการขึ้นสู่ที่สูง“เสด็จป้าทรงปรีชายิ่ง ชิงเยียนจะบอกท่านพ่อให้ครบทุกคำเพคะ เช่นนั้นชิงเยียนขอตัวก่อนอีกไม่นานองค์ชายคงมา หากมาเจอกันยามนี้ย่อมไม่ดีต่อแผนการเป็นแน่”&
32ข้าจำไว้แล้ว“หนิงลี่ แม่นางซู ขอโทษท่านหญิงเสีย” องค์หญิงใหญ่ชักสีหน้าเมื่อได้ยินคำสั่งของพี่ชาย ซูชิงเยียนเองก็ตกใจจนหน้าถอดสี ภาพลักษณ์หญิงสาวอ่อนหวานของนางต่อหน้าองค์ชายสี่หมดไปแล้วหรือไม่“เสด็จพี่ เหตุใดข้าต้องขอโทษนาง อย่างไรข้าก็เป็นองค์หญิง”“เจ้ารู้ว่าตนเองเป็นองค์หญิงแต่ไม่รู้ว่าไม่ควรเสียมารยาทต่อผู้อื่นหรือ” ขณะนี้นางกำลังเป็นที่สนใจของผู้คนไม่น้อยเลย แม้ผู้คนจะไม่ได้เข้ามาฟังใกล้ ๆ แต่กลับยืนมองอยู่ไม่ห่าง“เสด็จพี่”“ช่างเถอะเพคะองค์ชาย หม่อมฉันไม่อยากให้ผู้คนมองมากกว่านี้ ขอเพียงองค์หญิงไม่มาหาเรื่องหม่อมฉันอีก หม่อมฉันย่อมไม่ถือสา ไปเถอะเพคะองค์หญิง” กล่าวกับบุรุษตรงหน้าแล้วจึงขอปลีกตัวออกไป นางมั่นใจว่าองค์ชายสี่ต้องตามออกมาอย่างแน่นอน“เช่นนั้นให้ข้าเดินไปส่งดีหรือไม่” เป็นอย่างที่นางคิดเขาขอตามออกมา และหากนางยอมรับน้ำใจน
31ประทานสมรสต่งซูเหวินตามไปพบองค์หญิงหนิงเอ๋อที่หน้าตำหนักข้างของอุทยาน เมื่อพูดคุยกันจนหายคิดถึงแล้วจึงตามไปยังอุทยานเพื่อร่วมงานฉลองของหวงกุ้ยเฟยงานเช่นนี้ยังคงน่าเบื่อสำหรับนางอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับต่งซูหนี่ที่น่ารำคาญ นางเอาแต่มองหาหลิงเฟยหลง ถามนางซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหลิงเฟยหลงไปไหน ทำไมจึงไม่อยู่ในงาน มันทำให้นางหงุดหงิด นางเดาว่าความหงุดหงิดนี้เพราะต่งซูหนี่น่ารำคาญ“ฝ่าบาทเพคะ งานฉลองของน้องไป่คราก่อนพระองค์ทรงรับปากประทานสมรสให้หนิงอวี่ ครานี้ทรงประทานสมรสให้หนิงจินเป็นของขวัญหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ” หวงกุ้ยเฟยกล่าวกับองค์จักรพรรดิด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน แม้จะไม่โปรดตระกูลซูที่คอยหนุนหลังนาง แต่อย่างไรนางก็เป็นถึงหวงกุ้ยเฟย อยู่ด้วยกันมานานย่อมมีความรักอยู่บ้าง ฮ่องเต้จึงไม่อาจปฏิเสธคำขอนี้ได้“หวงกุ้ยเฟย เจ้าอยากให้ข้าประทานสมรสบุตรชายกับสตรีตระกูลใดหรือ หนิงจินเจ้าถูกใจแม่นางตระกูลใดเหตุใดไม่ยอมบ
30ดั่งนภายามค่ำคืนหลังจากโรงน้ำชาวันนั้นผ่านมาหนึ่งเดือนอีกหนึ่งวันจะเป็นวันฉลองวันประสูติหวงกุ้ยเฟย ดังเช่นงานฉลองของไป่กุ้ยเฟย ฝ่าบาททรงมีคำสั่งให้จัดงานมีเทียบเชิญส่งไปแต่ละจวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็เป็นตระกูลต่ง คราวนี้มิได้มีเพียงต่งซูเหวินเท่านั้น ต่งซูหนี่เองก็เข้าวังไปตามเทียบเชิญด้วยเช่นกันงานเช่นนี้นางเบื่อยิ่งนักหากไม่เพราะเทียบเชิญนางไม่นึกอยากมาแม้แต่น้อย คงเป็นวันนี้ที่หวงกุ้ยเฟยจะทูลขอสมรสจากองค์จักรพรรดิให้องค์ชายสี่และหญิงตระกูลซูผู้นั้น“คารวะท่านหญิง” นางกำนัลเอ่ยขึ้นมาขณะนางกำลังเดินไปยังอุทยานที่จัดงานฉลอง หากนางจำไม่ผิดนางกำนัลนี่เป็นนางกำนัลขององค์หญิงหนิงเอ๋อ แม้ไม่ชอบเข้าร่วมงานในวังแต่อย่างไรก็เป็นวันเกิดหวงกุ้ยเฟย องค์หญิงก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน“องค์หญิงหนิงเอ๋ออยู่ที่อุทยานหรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะ องค์หญิงกำลังรอท่านหญิงอยู่เช่นกัน เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” หงอิงเดิ
29ที่ปรึกษา“ข้าเชื่อท่านหญิง แต่หากท่านหญิงอยากล้มตระกูลซูมีแค่ตนเองคงไม่อาจสำเร็จได้”“เป็นเช่นนั้น ข้าจึงบอกท่านอย่างไรล่ะ ข้ารู้ว่าท่านเลือกองค์ชายสามใช่หรือไม่ นอกจากองค์ชายสามก็คงไม่มีผู้ใดเหมาะกับตำแหน่งไท่จื่อแล้ว อีกทั้งกุ้ยเฟยยังไม่ทรงอยากมีอำนาจเช่นหวงกุ้ยเฟยด้วย” นางบอกความคิดของตนเองให้กับบุรุษตรงหน้า ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้แม้จะพานพบแต่เรื่องราวเลวร้ายมามาก แต่การยอมเชื่อใจผู้อื่นก็ยังง่ายกว่าการคอยระแวงผู้อื่นอยู่ดี“เป็นดังที่ท่านหญิงกล่าว ข้าเลือกองค์ชายสามไม่ใช่เพราะเก่งกาจเหนือองค์ชายสี่ แต่เพราะมารดาองค์ชายสามทรงรักบุตรชายมากกว่าการแสวงหาอำนาจ”“เช่นนั้นถือว่าข้าช่วยท่าน ท่านช่วยข้า”“หากท่านหญิงมีสิ่งใดให้ช่วย โปรดบอกข้าน้อย” หลิงซือฝูลุกยืนยกมือขึ้นมาประสานกันค้อมตัว เมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เสร็จสิ้นทุกอย
28อดีตที่มิอาจลืมเลือนได้“ท่านไม่จำเป็นต้องตอบ ข้าเพียงขบขันความโง่งมยามนั้นของตนเองเท่านั้น”“เช่นนั้นคนผู้นั้นคือ...”“องค์ชายสี่หนิงจิน ข้าจึงอยากรู้เรื่องขององค์ชายมาก แต่ก็ไม่อยากเข้าใกล้”“ข้าเดาไม่ผิดจริง ๆ เช่นนั้นแล้วเรื่องของท่านหญิงเป็นอย่างไรต่อ ท่านหญิงบอกว่าตนเองผ่านความเป็นความตายถึงสามครั้งสามครา” หลิงเฟยหลงถามต่อ เรื่องนี้แม้ไม่น่าเชื่อเท่าใดแต่เมื่อผู้กล่าวเป็นต่งซูเหวิน เขาเต็มใจเชื่อนางทั้งหมดไม่ว่านางจะบอกสิ่งใดก็ตาม ก่อนนี้นางก็ได้บอกเรื่องราวเหลือเชื่อที่พิสูจน์มาแล้ว“ยามนั้นข้าโง่งมในรักเพียงเขาบอกว่า รักเพียงข้าแต่ต้องแต่งสตรีอื่นเป็นเมียเอกเพราะมารดาสั่ง ตระกูลชายาเอกมีอำนาจในราชสำนักมาก สามารถส่งเสริมเขาในการขึ้นเป็นไท่จื่อได้ ข้ายอมเพราะอยากเห็นคนรักสมปรารถนา ท่านลองเดาดูสิว่าสตรีที่ข้าว่าคือผู้ใด”“จากที่ท่านเกลียดตระ
27ผู้ร่วมชะตากรรม“ข้าบอกท่านครั้งก่อนว่าล่วงรู้อนาคต ที่แท้มิใช่เช่นนั้น” ต่งซูเหวินหันไปมองหลิงเฟยหลง คราก่อนที่เขาไปกับนาง นางก็มิได้บอกเล่าเรื่องจริงเพราะไม่รู้ว่าที่แท้เขาอยู่ฝ่ายผู้ใด จึงได้แสร้งบอกเขาไปว่านางมีญาณหยั่งรู้อนาคตผู้มากความรู้อย่างเขาย่อมไม่เชื่อเรื่องหลอกลวงนี้เป็นแน่ นางจึงกล่าวถึงรับสั่งฮ่องเต้ที่ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ จากที่นางคำนวนไว้อีกไม่กี่วันฮ่องเต้ต้องทรงมีราชโองการนี้เป็นแน่ ฮ่องเต้ต้องมีรับสั่งให้เหล่าองค์ชายจัดการเรื่องการค้าของเถื่อนที่ไม่สามารถเก็บภาษีได้สองวันต่อมาหลิงซือฝูจึงส่งจดหมายลับให้นาง เขาเชื่อที่นางกล่าวหลังจากได้ฟังรับสั่งฮ่องเต้ นางไม่ได้ตอบกลับเพราะยังไม่เชื่อเขาทั้งหมด“เช่นนั้นท่านหญิงรู้ได้อย่างไรว่าฮ่องเต้จะมีราชโองการ”“ก่อนข้าจะบอกความจริงแก่หลิงซือฝู ข้าขอถามท่านสักคำถาม ในสายตาท่านคิดว่าองค์ชายสี่เป็นเช่นไร”“จากที่
26เป็นเช่นนี้“คนผู้นี้ฟื้นตื่นขึ้นมาบ้างหรือไม่” ต่งซูเหวินถามเขาขณะยืนมองร่างบุรุษที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อวานเขาหลับอยู่ตลอดเลยหรือไม่ หลิงเฟยหลงเดินไปยืนข้างนางก่อนจะหันไปบอกเหตุการณ์เมื่อคืน“คนผู้นี้เมื่อคืนตื่นมาหนึ่งครั้ง ข้าได้สอบถามเขาบางส่วน เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านหญิงกำลังสืบสิ่งใดอยู่จึงไม่อาจสอบสวนช่วยท่านหญิงได้”“มิเป็นไร ข้าจะสอบสวนจินจื่อหยางผู้นี้เอง เพียงรอให้เขาตื่นขึ้นมาเท่านั้น หลิงซือฝูท่านคิดว่าชายผู้นี้จะฟื้นเมื่อใดหรือ”“ไม่นานคงตื่น มิเช่นนั้นให้องครักษ์ท่านหญิงลองปลุกดูดีหรือไม่”“อันฉี”“ขอรับคุณหนู” ไม่ต้องให้นางเอ่ยคำใดออกมาอีก เพียงเอ่ยนามเขาก็เข้าใจในทันทีว่าควรทำสิ่งใด หลันอันฉีเดินไปยังเตียงไม้เพื่อปลุกผู้ที่กำลังหลับ จื่อหยางขยับตัวเปิดเปลือกตาสักครู่ก็พยายามยันตัวลุกนั่งโดยมีองครักษ์หนุ่มช
25ข้าอิ่มพอดี“คุณหนูมีสิ่งใดจะสั่งข้าหรือ”“เจ้าแข็งแรงย่อมต้องมีแรงมาก มานวดแป้งให้ข้าที” ต่งซูเหวินกวักมือเรียกชายหนุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู เขาเดินเข้ามาอย่างว่าง่าย วางดาบพิงประตูครัวเดินอ้อมด้านหลังนางไปล้างมือ เสร็จแล้วมายืนข้างกายนาง“ทำเช่นนี้ จนกว่าแป้งนี่จะเป็นเนื้อเดียวกัน เข้าใจหรือไม่” ต่งซูเหวินวางมือสองข้างลงบนหลังมือของชายหนุ่ม กดมือเขาให้ขยำไปบนเนื้อแป้งที่ผสมน้ำอยู่ หลันอันฉีนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่านางสอนอย่างไร เพราะยามนี้สายตาเขาแอบลอบมองเสี้ยวหน้าของนางอยู่ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยเจือไปด้วยสีชมพูอ่อนใส โชคดีที่ไม่มีผู้ใด ไม่เช่นนั้นคงมีผู้คนล่วงรู้ความรู้สึกของเขา“อันฉี เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่” ต่งซูเหวินเรียกเขาเสียงดัง โบกไม้โบกมือเรียกสติเขาให้หลุดออกจากภวังค์ นางใกล้ชิดกับเขาโดยไม่ระวังตัวแม้แต่น้อย ไม่รู้เพราะนางสบายใจหรือไม่คิดว่าเขาเป็น