"ค่ะ"ฉันรับคำพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เมื่อสบตากับสายตาเฉียบคมของคุณปู่ ก็ยิ่งนั่งไม่ติดภายในห้องหนังสือขนาดใหญ่ มีแค่ฉันกับคุณปู่ และลุงเฉิงที่ยืนชงชาอยู่ห่างๆแล้วก็เป็นดังคาด คุณปู่เอ่ยขึ้นมาอย่างคนที่รู้ทุกอย่าง "พวกหนูจะหย่ากัน?""..."หัวใจที่หวิวๆ ของฉันได้ตายไปในที่สุดในเมื่อถูกคุณปู่มองทะลุปรุโปร่งแล้ว คงไม่มีประโยชน์ที่โกหกอีกต่อไป "ค่ะ...คุณปู่ทราบได้ยังไงคะ?"คุณปู่ถอนหายใจ ทว่าไม่ได้โกรธที่ถูกหลอก "หนูเนี่ยนะ ถึงจะเป็นคนเด็ดเดี่ยว หัวแข็ง ถึงจะแสดงออกว่าไม่ได้ชอบเขาเท่าไหร่ แต่ดวงตาคู่นั้นเคยละสายตาไปจากเขาที่ไหน?""แต่วันนี้ แม้แต่หน้าเขาหนูยังไม่ปรายตามองสักครั้ง"ภายในคำพูดของคุณปู่แฝงไว้ด้วยความเสียใจได้ยินดังนั้น ฉันก็สะอึก จู่ๆ ก็พูดอะไรไม่ออกใช่สิ การชอบใครสักคนมันปิดไม่มิดหรอก ต่อให้ปิดปากเอาไว้ มันก็ฟ้องออกมาทางสายตาอยู่ดีแม้แต่คุณปู่ก็ยังเห็นอย่างชัดเจน แต่ฟู่ฉีชวนกลับคิดว่าฉันชอบคนอื่นสรุปว่าเป็นเพราะเขาเอาแต่หมกมุ่นจนมองไม่เห็น หรือเป็นเพราะไม่เคยใส่ใจกันแน่ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อย ซ่อนความรู้สึกอันขมขื่น กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายคำพูดทั
"เป็นอย่างที่หนูเห็นนั่นแหละ"ในน้ำเสียงของคุณปู่แฝงไว้ด้วยความโชกโชนต่อโลกปนโศกเศร้า "ตระกูลฟู่ของเราทำผิดต่อเสียวหว่าน เราไม่สั่งสอนลูกชายของตัวเองให้ดีเอง!"แม่สามีของฉันที่เสียชีวิตไป มีชื่อที่ไพเราะว่า หลินทิงหว่านได้ยินดังนั้น ฉันเองก็ตกอยู่ในภวังค์ของความตกตะลึงที่แท้ แม่สามีของฉันไม่ได้เสียชีวิตเนื่องจากคลอดลูกยากธรรมดาๆแต่ตอนที่เธออายุครรภ์ได้สิบเดือน ถูกคนผลักตกจากบันไดและคนที่ผลักเธอ กลายเป็น "แม่เลี้ยงแสนดี" ของฟู่ฉีชวนที่รักเขาเหมือนลูกในไส้ และต้องกลายเป็นอัมพาตเพราะช่วยเขาสมองของฉันว้าวุ่นสับสนไปหมดหล่อนทำดีกับฟู่ฉีชวนได้ขนาดนี้ แต่ก็เป็นฆาตกรที่ทำให้แม่แท้ๆ ของฟู่ฉีชวนต้องตาย...?นี่มันดูจะขัดต่อมนุษยธรรมหน่อยมั้ง...ยังฉันเรียบเรียงสติอารมณ์ไม่ได้ ก็ได้ยินคุณปู่พูดต่อว่า "คิดไม่ตกว่าทำไมหล่อนถึงทำดีกับฉีชวนขนาดนี้?""ค่ะ..."คุณปู่แค่นหัวเราะทีนึง "ทั้งหมดถูกคำนวณถึงผลประโยชน์มาหมดแล้ว""หลังจากที่แม่ของฉีชวนเสียชีวิต พ่อสามีที่โง่เง่าเขลาปัญญาของหนูก็โวยวายจะสู่ขอเวินฟางเข้าตระกูลให้ได้""เวินฟางทำลายกล้องวงจรปิดก่อนที่จะลงมือ เลยนึกว่าทุกอย่างเป็น
จนตอนนี้ คุณปู่อุตส่าห์พูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอีกฉันกับฟู่ฉีชวนแยกกันอยู่แล้ว หนังสือหย่าแผ่นเดียว แค่ช่วยให้พวกเราแยกขาดจากกันได้อย่างชัดเจนขึ้นก็เท่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องรีบร้อนทำเดี๋ยวนี้ยิ่งไปกว่านั้น งานครบรอบอายุแปดสิบปีของคุณปู่ ก็จะจัดในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง อีกไม่นานก็ถึงแล้วจากนั้นลุงเฉิงก็มาส่งฉันออกจากห้องหนังสือ"ที่คุณท่านทำแบบนี้ ก็เพราะกลัวว่าคุณนายกับนายน้อยจะมานึกเสียใจทีหลัง ก็เลยอยากให้พวกคุณใช้เวลาช่วงนี้ไตร่ตรองกันให้ดี"ฉันเม้มปากนิดหน่อย ขณะกำลังอยากจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา"สวัสดีครับ เป็นญาติของเจียงไหลใช่ไห?""ใช่ค่ะ""ผมโทรมาจากสถานีตำรวจเจียงอัน รบกวนคุณช่วยมาที่นี่หน่อยครับ"ฉันตื่นตระหนกทันที ยังไม่ทันได้ถามอะไร อีกฝ่ายก็วางสายไปฉันไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น รีบซอยเท้าลงชั้นล่าง ทันทีที่ออกจากลิฟต์ก็เจอเข้ากับฟู่จินอันที่หัวร้อนจนควันออกหู"แกจะข่มเหงฉันมากไปแล้ว!"หล่อนพูด พร้อมกับเตรียมจะตวัดฝ่ามือใส่ฉันอีกรอบ แต่ถูกฉันรั้งเอาไว้ในใจของฉันคิดแต่เรื่องของเจียงไหล ไม่มีอารมณ์มาเสียเวลาอย
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น สีหน้าของฟู่ฉีชวนมักจะเฉยชาตามเคยเสื้อกันลมสีดำยิ่งช่วยเพิ่มออร่าให้แข็งแกร่งขึ้นจนคนแปลกหน้าไม่กล้าเข้าใกล้ยิ่งเขาย่างกรายเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกตุ้มๆ ต่อมๆมากขึ้นเท่านั้นเรื่องนี้ จะว่าเล็กก็ได้ จะว่าใหญ่ก็ไม่เชิงถ้าเป็นคดีเล็กก็ชดใช้เงิน แต่ถ้าคดีใหญ่...ระดับอำนาจของฟู่ฉีชวนในเมืองเจียงเฉิง การจะให้เจียงไหลเข้าคุกก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรยิ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาต้องปกป้องฟู่จินอันแน่นอนตามที่คาด เขายืนข้างกายฟู่จินอัน ดวงตาหรี่ลงเล็กร้อย ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นว่า "เธออยากจะให้จัดการยังไง?"ฉันกำฝ่ายมือแน่นทันที ก่อนที่ฟู่จินอันจะพูดอะไรออกมา เจียงไหลก็ดึงฉันไปไว้ด้านหลัง"ฉันเป็นคนทำเรื่องนี้เองคนเดียว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหรวนหร่วน""เจียงไหล!"ฉันร้อนใจทันที แต่เจียงไหลกลับมองมาที่ฉัน แล้วตั้งใจเสียดสีว่า "แล้วเธอจะทำยังไง? จะยอมขอร้องอ้อนวอนอดีตสามีต่อหน้าประชาชี หรือขอร้องอ้อนวอนนังเมียน้อยหน้าไม่อายที่เข้ามาเป็นมือที่สามในชีวิตคู่ของเธอเพื่อฉันดีล่ะ?"ก่อนที่เธอจะพูดจบ บรรยากาศยิ่งตึงเครียดหนักกว่าเดิมฟู่จินอันแค่นหัวเราะเสียง
"ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง นายก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้"……เจียงไหลฟังจนต้องกรอกตามองบน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันลากเอาไว้ คงได้พุ่งกลับไปสั่งสอนอีกแน่ไม่รู้ว่าฝนตกลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ลมในฤดูใบไม่ร่วงโหมกระหน่ำ อุณหภูมิลดลงอย่างกระทันหัน หนาวจนต้องหดคอลงเมื่อขึ้นมาบนรถ เจียงไหลก็บ่นอย่างเดือดดาล "เธอจะลากฉันออกมาทำไม ไม่ได้ยินที่มันพูดหรอ? แม่งเอ้ย ไอ้ควาย ตอนที่มนุษย์กำลังวิวัฒนาการ มันมัวแต่ไปหลบอยู่ในกะลาสินะ!""ได้ยินแล้ว"ฉันเหนื่อยหน่าย สตาร์ทรถแล้วค่อยๆ ขับออกถนน "ฟู่ฉีชวนเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ฉันอยากรีบออกมาก่อนที่เขาจะนึกเปลี่ยนใจ"ไม่มีความจำเป็นต้องจุกจิกอยู่กับฟู่จินอัน"เธอไม่โกรธหรอ?" เธอถาม"ยังได้อยู่"แทนที่จะบอกว่าไม่โกรธ บอกว่าชินแล้วจะดีกว่าเวลานี้ ชีวิตกลางคืนในเมืองเจียงเฉิงเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ผู้คนจำนวนมากแออัดเต็มท้องถนน ทำให้การจราจรติดขัดฉันขับๆ หยุดๆ ตลอดทางจู่ๆ เจียงไหลก็โค้งริมฝีปากหัวเราะออกมา เขยิบเข้ามาใกล้ แล้วกระพริบตาปริบๆ ใส่ฉัน "สะใจป้ะ?""สะใจอะไร""เห็นรถของแม่นั่นโดนทุบจนกลายเป็นสภาพนั้น สะใจป้ะ?"
ย้ายบ้าน?ฉันแทบหยุดหายใจทันใดนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดไม่ค่อยสบายใจฉันหายใจเข้าลึก "ย้ายมานี่? แต่ฉันยังไม่อนุญาตเลย""ปู่เธอบอกว่าเธอสัญญากับผู้ใหญ่ว่าจะเลื่อนการหย่าออกไป"เขาเริ่มเล่นแง่ ส่งมือถือมาให้ฉัน "ไม่งั้นคุณคุยกับคุณปู่ดู""เล่นแง่กับฉันหรอ"ฉันอดไม่ได้ถลึงตาใส่เขา "ฉันยอมจะเลื่อนการหย่า ไม่ได้หมายความว่าให้คุณย้ายมาอยู่"ขนาดเป็นถึงรองประธานบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปยังจะมาไม้นี้พูดออกไปใครจะเชื่อ"ผัวเมียอยู่ได้กันเป็นเรื่องปกติ" เขาพูดด้วยเหตุผลน่าคล้ายตาม"ตรรกะป่วยๆ"ฉันด่าเขาและเปิดประตูกลับเข้าบ้านเขาเดินตามเข้ามาอย่างเป็นกันเองบางทีอาจเพราะคิดถึงท่านปู่บอกฉันเมื่อคืนนั้น ฉันเลยอดไม่ได้จะรู้สึกสงสารฟู่ฉีชวน และไม่ได้ไล่เขาออกไปฉันเพียงแค่ชี้ไปยังห้องนอนตรงข้าม "คุณนอนห้องนั้น""อืม ครับ"เขาไม่ได้เรียกร้องอะไร เขาตอบอย่างนุ่มนวล และลากกระเป๋าเดินเข้าไปฉันเทน้ำดื่ม พอวางแก้วหันหลัง ก็กระแทกเข้ากับแผงอกอันอบอุ่นเป็นบรรยากาศคุ้นเคยชวนคิดถึงทว่า ฉันกลับกระโจนถอยหลังไปสองก้าว ถามกลับอย่างทำตัวไม่ถูก "มีธุระอะไรอีก?"ไม่ได้ดูคุ้นเคยเหมือนสามีภรรยา แต่กลับเ
"ยัง ยังไม่หิว"ฉันปฏิเสธ "ฉันมาหยิบของ""อันนั้นน่ะเหรอ?"เขาชี้นิ้วไปยังถุงใส่อาหารเดลิเวอรี่ใบหนึ่งบนโต๊ะฉันรู้สึกอายเหมือนโกหกแล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา ฉันปัดจมูก "คนส่งอาหารไม่ได้กดกริ่งไม่ใช่หรอ""เขาไม่ได้กดกริ่งหรอก""คุณรู้ได้ไงเขามาส่งแล้ว?""เขาเคาะประตู""..."ฉันกระแอมเบาๆ รู้เหลือสุดจะทนกับความฉลาดของคนส่งอาหารตอนฉันเดินเข้าไปเปิดถุงเตรียมรับประทาน ฟู่ฉีชวนก็เอาโจ๊กทะเลร้อนๆ หอมฟุ้งมาวางไว้ตรงหน้าฉัน"คุณปู่บอกว่าคุณแทบไม่ได้ทานอะไรเลย เลยให้คนเอาอาหารทะเลที่เหลือมาส่ง""แล้วโจ๊กชามนี้...""ผมทำเอง"ฟู่ฉีชวนนั่งตรงข้ามฉัน สีหน้าจริงจังเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นสงบ "ผมอาบน้ำแล้ว อาบเสร็จก็ไปทำให้ คุณไม่สบายไม่ใช่หรอ ช่วงนี้ควรลดทานอาหารเดลิเวอรี่"พอฟังเขาพูด ฉันชะงักไปเล็กน้อย หลังจากได้สติก็อดประหลาดใจไม่ได้เขากำลังบอกฉันเขาอาบน้ำจนสะอาดแล้วไปต้มโจ๊กให้ฉัน เพื่อไม่ให้ฉันรังเกียจเขางั้นหรอฉันก้มหน้าลงมองโจ๊กร้อนๆ ด้วยสายตาเหม่อลอย พอตักโจ๊กทานได้สองสามคำ อารมณ์ก็สงบลง"ฟู่ฉีชวน ที่จริงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้"คุณทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันลังเลตัดใจไม่ไ
ตั้งแต่หลังจากท้อง นี่เป็นครั้งที่ฉันนอนหลับไม่เต็มอิ่มที่สุดฉันตอกย้ำบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเขาคืออดีตสามี แต่สุดท้ายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดีวันรุ่งขึ้น ตอนต้องออกไปทำงานพร้อมกับขอบตาดำ ขณะกำลังเดินไปเปิดประตูก็ถูกฟู่ฉีชวนเรียกเขาสวมสูทธสีเทาเงินแบบพิเศษ สั่งตัดพอดีตัว เสริมให้บรรยากาศรอบตัวดูเข้าหายาก แต่รูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบกลับดึงดูสายตามากขึ้นเขาเอากระเป๋าเก็บอุณหภูมิยื่นให้ฉันอย่างไม่อาจปฏิเสธพร้อมกับเสียงราบเรียบ "เอาอาหารเช้าไปด้วย""อืม"ฉันรับไว้ไม่ได้ปฏิเสธฉันเองจะได้ไม่ต้องซื้อข้าวเช้าด้วย เขาฐานะพ่อของเด็กในท้อง ทานอาหารเช้าของเขาสักมื้อไม่ใช่เรื่องใหญ่พอเห็นเช่นนั้น มุมปากของเขาก็เผยยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว "ผมต้องไปบริษัทด้วย ไปด้วยกัน""อย่าเลย ไม่อยากเป็นที่ต้องสงสัย เดี๋ยวคนรักคุณมาหาเรื่องฉันอีก""เธอไม่หาเรื่องหรอก""คุณยอมรับว่าเธอคือคนรักคุณ?"น้ำเสียงฉันเยาะเย้ย พอพูดจบก็เดินออกจากห้อง เดินไปเข้าลิฟต์ในลานจอดรถชั้นล่าง รถ Maybach สีดำคุ้นตาจอดอยู่ข้างๆ รถฉันฉันทำเป็นไม่เห็นและขึ้นรถของตัวเอง ขณะกำลังสตาร์ทรถ ฉินเจ๋อทำหน้ายิ้มแย้มเดินมาเคาะกร
สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ
ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ
"คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส
"ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด
"แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั
เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ
แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ
ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี