ราวกับอากาศรอบๆ เยือกแข็ง หัวใจของฉันเองก็ลอยล่องในอากาศเหมือนกับกำลังรอคอย ให้เขาอธิบายเป็นคำพูดนั้นออกมาหลังจากที่นิ่งสงัดไปชั่วครู่ เขากลับโยนคำถามด้วยเสียงแข็งกระด้างกลับมาว่า "จะต้องรีบหย่าให้ได้เลยใช่ไหม?"ความรู้สึกในอกที่กลั้นเอาไว้จนฉันแทบจะหายใจไม่ออก แหงนหน้ามองแสงไฟในห้องรับแขกที่สว่างจ้าจนแสบตา กระพริบตาปริบๆ แม้ว่าหัวใจจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ แต่คำพูดที่เปล่งออกมากลับโหดร้ายยิ่งกว่า"ใช่ ฉันรีบ"อย่างน้อยก่อนที่ท้องจะโตไปมากกว่านี้ ต้องตัดจากเขาให้ขาดโดยสิ้นเชิงถ้าต้องใช้ลูกมาเดิมพัน ฉันทำไม่ลงที่ด้านหลัง ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร สิ่งที่ตอบกลับฉันเป็นเสียงประตูที่ดังลั่นฉันเหมือนกับถูกสูบเอาพลังไปจนหมด ทิ้งร่างกายลงไหลไปกับตู้รองเท้า มองฝ้าเพดานอย่างสติเลื่อนลอยภายในใจก็รู้สึกโหวงๆภายในชั่วขณะ ความเจ็บปวดแปล๊บๆ อยู่ภายในอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้คืนนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่รู้สึกเกิดอาการแพ้ท้อง แต่นอนพลิกตัวไปมายากจะข่มตาหลับลมแรงในคืนฤดูใบไม้ร่วงส่งเสียงโหยหวนตลอดทั้งคืน เหมือนว่ามันจะพัดถาโถมใส่ร่างกายของฉัน จนร่างกายเปียกชื้นด้วยความหนาวเย็นไปทั้งตัวจะว่า
"แค่นั้น?""แค่นั้น"ฉันเลิกคิ้ว "เธอไม่ชอบเขาสักนิดเลยหรอ?""ชอบนิดหน่อยมั้ง"เจียงไหลตอบเสร็จ จู่ๆ ก็หัวเราะเสียดสีนิดหน่อย "แต่ชอบแล้วมันมีประโยชน์อะไร แม่ฉันยังพูดเลยว่าตอนนั้นที่แต่งให้พ่อก็เพราะทั้งสองคนชอบพอกัน""แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหยุดเขกกระบาลอีกฝ่าย เวลาที่ทะเลาะกัน""บนโลกนี้มันมีความรักที่ซื่อสัตย์และยาวนานตลอดไปซะที่ไหน?"ความจริงฉันรู้ดี ว่าเธอไม่เชื่อในความรัก กระทั่งความสัมพันธ์ในครอบครัวหลังจากที่พ่อของเธอทำธุรกิจล้มเหลว ก็เริ่มติดเหล้า เล่นพนัน ตบเมีย เตะลูกสาวส่วนแม่ของเธอก็หายตัวไปโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด ปล่อยให้เธอเติบโตกับพ่อที่ไม่เอาไหน ถูกเลี้ยงมาด้วยลำแข้งตั้งแต่เด็กๆฉันกลัวว่าเธอจะเสียใจ ก็เลยเบี่ยงหัวข้อสนทนา พูดด้วยรอยยิ้ม "งั้นทำไมเธอถึงได้ดีกับฉันมาตั้งหลายปีขนาดนี้?"เธอกรอกตาขึ้นบน "ใครกันที่ร้องไห้บนดาดฟ้าหน้าหนาวจนน้ำตาน้ำมูกไหลเต็มมือฉัน ขอร้องอ้อนวอนไม่ให้ฉันโดดตึก?"พอพูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็ลูบจมูกแก้เขินตอนนั้นเธอนั่งตากลมอยู่บนดาดฟ้า ฉันเห็นก็ตกใจใหญ่โต พุ่งเข้าไปกอดเธอแล้วหวังจะดึงลงไปเธอเองก็ตกใจมาก นึกว่าใครจะมาลอบฆ่า
ฉันโมโหจนแทบจะระเบิดหัวเราะออกมาสุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะฟู่ฉีชวนตามใจหล่อนมากเกินไป จนทำให้หล่อนหน้าหนาได้ถึงขนาดนี้หนาซะยิ่งกว่าฝาบ้านฉันฉีกริมฝีปาก เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา "เธอนับว่าเป็นคนฝ่ายไหนในตระกูลฟู่ไม่ทราบ? เท่าที่ฉันจำได้ ขนาดแซ่ของเธอยังใช้ตามฝั่งพ่อเลยนะ คุณปู่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้เธอเข้ามาเป็นส่วนนึงในตระกูลฟู่หนิ?""ถ้าว่าตามหลักที่เธอพูด รถคันนี้ก็ยิ่งเป็นของฉันเข้าไปใหญ่ เพราะฉันคือภรรยาที่ฟู่ฉีชวนแต่งงานออกหน้าออกตา"ฉันพูดเน้นย้ำทีละคำ พร้อมกับมองดูสีหน้าที่ค่อยๆ แตกละเอียดทีละนิด ในใจก็พลันรู้สึกเบิกบานขึ้นมาไม่น้อยหล่อนกัดฟันกรอด "พวกเธอจะหย่ากันอยู่แล้ว!""ก็ยังไม่ได้หย่าไม่ใช่หรอ? ตราบใดที่ยังไม่หย่า ฉันก็ยังมีหน้ามีตามากกว่าเธอ" ฉันฉีกริมฝีปากยิ้ม"หน้าด้าน!"หล่อนโกรธเกรี้ยวจนควันออกหู ถลึกตาใส่ฉันด้วยความเดือดดาล "ในเมื่อเธอจะหย่าอยู่แล้ว ก็หย่าลงด้วยดีไปสิ! เอาแต่ตามตอแยอาชวนไม่ปล่อยนี่มันหมายความว่ายังไง?!""ใครตามตอแยใครยังไม่รู้เลย""เธอหมายความว่ายังไง?"ราวกับหล่อนได้ยินคำพูดที่ไม่คาดคิด สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม "เธอกำลังจะบอกฉันว่า อาชวนตา
"..."เขาเก่งเรื่องโบ้ยความผิดจริงๆฉันอยากขำสิ้นดี กระตุกมุมปาก แต่แก้มก็ปวดไม่ไหว "เมื่อกี้คุณเปิดโอกาสให้ฉันพูดหรือไง?"ทุกครั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟู่จินอัน เขาก็มักจะร้อนรนแทบไม่ไหว"หนานจือ...""ช่างเถอะ "พี่สาว" ของคุณกำลังรอคุณอยู่บนรถน่ะ"ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีก ตัดบทเขาเสร็จ ก็กลับขึ้นไปนั่งบนรถจังหวะที่กำลังจะปิดประตู มือใหญ่ของเขาเกี่ยวบานประตูรถของฉันไว้ "คุณหาอะไรมาปกปิดรอยแผลบนใบหน้าหน่อย อย่าเอะอะจนเรื่องไปถึงคุณปู่ ไม่งั้นท่านคง..."ทุกๆ คำที่พูดออกมา ราวกับกำลังทิ่มแทงลงมาบนขั้วหัวใจของฉัน ฉีกทึ้งร่างกายและวิญญาณให้ขาดออกเป็นชิ้นๆฉันไม่มีความกล้าที่จะทนฟังอีกต่อไป ปิดประตูลงอย่างแรง แยกตัวเขาให้ออกไปอยู่ด้านนอกในดวงตาของฉันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำใสๆ ฉันเบี่ยงหน้าหนี ไม่ให้เขาเห็นความอัปยศอดสูของฉันคนที่โดนตบคือฉันแท้ๆ แต่สิ่งที่เขาห่วงกลับเป็นการที่ฟู่จินอันจะโดนตำหนิฉันเหยียบคันเร่งทันที โดยไม่สนใจว่าเขาออกไปจากตรงนั้นหรือยัง พุ่งทะยานรถออกไปจากที่จอดทันทีที่เพิ่งจะจอดลงตรงไฟจราจรหน้าตึกบริษัท ก็ได้รับสายจากเจียงไหลฉันกระแอมลำคอนิดหน่อยแล้
ฉันยิ้มพลางหาที่นั่งแล้วนั่งลง ยกชาที่คนรับใช้นำมาเสิร์ฟขึ้นจิบคำนึงน้ำชาสีใสๆ กลิ่นหอมของชา นุ่ม หวานละมุนในปากฉันยิ้มเบาๆ อย่างว่านอนสอนง่าย "ทุกครั้งที่คุณปู่มีของอะไรดีๆ ก็จะนึกถึงพวกหนูเสมอ""มิน่าล่ะคุณท่านถึงได้โอ๋เธอนัก ก็ปากหวานซะขนาดนี้!"ป้ารองพูดพลางหัวเราะฉันโค้งริมฝีปากยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรอีกจากนั้นก็พูดคุยคละคลุ้งด้วยเสียงหัวเราะอีกนิดหน่อย ลุงเฉิงก็มาเรียกทุกคนไปกินข้าวตำแหน่งที่นั่งในโต๊ะอาหารครอบครัวถูกจัดเตรียมมาล่วงหน้าคุณปู่นั่งหัวโต๊ะ ด้านขวาเรียงลำดับจากลุงรอง ป้ารอง และลูกพี่ลูกน้องส่วนด้านซ้ายเป็นฟู่ฉีชวนที่รับมือสืบทอดแซ่ฟู่กรุ๊ปมาแล้ว ตามด้วยฉัน พ่อสามี และฟู่จินอันเห็นได้ชัดถึงลำดับความสำคัญต่อให้ฟู่จินอันจะไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่จำทนอยู่ที่อื่นหล่อนกล้าหาเรื่องฉันได้ จะมีก็แต่คฤหาสน์ตระกูลฟู่เท่านั้น ที่ต่อให้ฉันกับฟู่ฉีชวนหย่ากันโดยสมบูรณ์แล้ว หล่อนก็ไม่กล้าขึ้นมาเล่นบนหัวฉันซึ่งความมั่นใจนี้ คุณปู่เป็นคนมอบให้กับฉันเองฉันที่กำลังค่อยๆ เคี้ยวข้าวอย่างช้าๆ ป้ารองก็เอ่ยขึ้นด้วยความกระตือรือร้นว่า "หนานจือ ลองชิมกุ้งโบตั๋นดูสิ""ฉันได้
"ค่ะ"ฉันรับคำพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เมื่อสบตากับสายตาเฉียบคมของคุณปู่ ก็ยิ่งนั่งไม่ติดภายในห้องหนังสือขนาดใหญ่ มีแค่ฉันกับคุณปู่ และลุงเฉิงที่ยืนชงชาอยู่ห่างๆแล้วก็เป็นดังคาด คุณปู่เอ่ยขึ้นมาอย่างคนที่รู้ทุกอย่าง "พวกหนูจะหย่ากัน?""..."หัวใจที่หวิวๆ ของฉันได้ตายไปในที่สุดในเมื่อถูกคุณปู่มองทะลุปรุโปร่งแล้ว คงไม่มีประโยชน์ที่โกหกอีกต่อไป "ค่ะ...คุณปู่ทราบได้ยังไงคะ?"คุณปู่ถอนหายใจ ทว่าไม่ได้โกรธที่ถูกหลอก "หนูเนี่ยนะ ถึงจะเป็นคนเด็ดเดี่ยว หัวแข็ง ถึงจะแสดงออกว่าไม่ได้ชอบเขาเท่าไหร่ แต่ดวงตาคู่นั้นเคยละสายตาไปจากเขาที่ไหน?""แต่วันนี้ แม้แต่หน้าเขาหนูยังไม่ปรายตามองสักครั้ง"ภายในคำพูดของคุณปู่แฝงไว้ด้วยความเสียใจได้ยินดังนั้น ฉันก็สะอึก จู่ๆ ก็พูดอะไรไม่ออกใช่สิ การชอบใครสักคนมันปิดไม่มิดหรอก ต่อให้ปิดปากเอาไว้ มันก็ฟ้องออกมาทางสายตาอยู่ดีแม้แต่คุณปู่ก็ยังเห็นอย่างชัดเจน แต่ฟู่ฉีชวนกลับคิดว่าฉันชอบคนอื่นสรุปว่าเป็นเพราะเขาเอาแต่หมกมุ่นจนมองไม่เห็น หรือเป็นเพราะไม่เคยใส่ใจกันแน่ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อย ซ่อนความรู้สึกอันขมขื่น กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายคำพูดทั
"เป็นอย่างที่หนูเห็นนั่นแหละ"ในน้ำเสียงของคุณปู่แฝงไว้ด้วยความโชกโชนต่อโลกปนโศกเศร้า "ตระกูลฟู่ของเราทำผิดต่อเสียวหว่าน เราไม่สั่งสอนลูกชายของตัวเองให้ดีเอง!"แม่สามีของฉันที่เสียชีวิตไป มีชื่อที่ไพเราะว่า หลินทิงหว่านได้ยินดังนั้น ฉันเองก็ตกอยู่ในภวังค์ของความตกตะลึงที่แท้ แม่สามีของฉันไม่ได้เสียชีวิตเนื่องจากคลอดลูกยากธรรมดาๆแต่ตอนที่เธออายุครรภ์ได้สิบเดือน ถูกคนผลักตกจากบันไดและคนที่ผลักเธอ กลายเป็น "แม่เลี้ยงแสนดี" ของฟู่ฉีชวนที่รักเขาเหมือนลูกในไส้ และต้องกลายเป็นอัมพาตเพราะช่วยเขาสมองของฉันว้าวุ่นสับสนไปหมดหล่อนทำดีกับฟู่ฉีชวนได้ขนาดนี้ แต่ก็เป็นฆาตกรที่ทำให้แม่แท้ๆ ของฟู่ฉีชวนต้องตาย...?นี่มันดูจะขัดต่อมนุษยธรรมหน่อยมั้ง...ยังฉันเรียบเรียงสติอารมณ์ไม่ได้ ก็ได้ยินคุณปู่พูดต่อว่า "คิดไม่ตกว่าทำไมหล่อนถึงทำดีกับฉีชวนขนาดนี้?""ค่ะ..."คุณปู่แค่นหัวเราะทีนึง "ทั้งหมดถูกคำนวณถึงผลประโยชน์มาหมดแล้ว""หลังจากที่แม่ของฉีชวนเสียชีวิต พ่อสามีที่โง่เง่าเขลาปัญญาของหนูก็โวยวายจะสู่ขอเวินฟางเข้าตระกูลให้ได้""เวินฟางทำลายกล้องวงจรปิดก่อนที่จะลงมือ เลยนึกว่าทุกอย่างเป็น
จนตอนนี้ คุณปู่อุตส่าห์พูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอีกฉันกับฟู่ฉีชวนแยกกันอยู่แล้ว หนังสือหย่าแผ่นเดียว แค่ช่วยให้พวกเราแยกขาดจากกันได้อย่างชัดเจนขึ้นก็เท่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องรีบร้อนทำเดี๋ยวนี้ยิ่งไปกว่านั้น งานครบรอบอายุแปดสิบปีของคุณปู่ ก็จะจัดในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง อีกไม่นานก็ถึงแล้วจากนั้นลุงเฉิงก็มาส่งฉันออกจากห้องหนังสือ"ที่คุณท่านทำแบบนี้ ก็เพราะกลัวว่าคุณนายกับนายน้อยจะมานึกเสียใจทีหลัง ก็เลยอยากให้พวกคุณใช้เวลาช่วงนี้ไตร่ตรองกันให้ดี"ฉันเม้มปากนิดหน่อย ขณะกำลังอยากจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา"สวัสดีครับ เป็นญาติของเจียงไหลใช่ไห?""ใช่ค่ะ""ผมโทรมาจากสถานีตำรวจเจียงอัน รบกวนคุณช่วยมาที่นี่หน่อยครับ"ฉันตื่นตระหนกทันที ยังไม่ทันได้ถามอะไร อีกฝ่ายก็วางสายไปฉันไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น รีบซอยเท้าลงชั้นล่าง ทันทีที่ออกจากลิฟต์ก็เจอเข้ากับฟู่จินอันที่หัวร้อนจนควันออกหู"แกจะข่มเหงฉันมากไปแล้ว!"หล่อนพูด พร้อมกับเตรียมจะตวัดฝ่ามือใส่ฉันอีกรอบ แต่ถูกฉันรั้งเอาไว้ในใจของฉันคิดแต่เรื่องของเจียงไหล ไม่มีอารมณ์มาเสียเวลาอย
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท
แน่นอนว่า คิดว่าฃคู่ควรไม่อย่างนั้นฟู่ฉีชวนจะเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้อย่างรวดเร็ว รีบหมั้นและหย่าได้ยังไงความคิดของเสิ่นซิงหยูก็สอดคล้องกับของฉันเธอมั่นใจมากขึ้นอีก เธอเงยคางขึ้นและพูดว่า "อะไรอีก? ฉันคงแย่ไปกว่าหร่วนหนานจือไม่ได้หรอกใช่ไหม?”……Thank youทำไมต้องให้ฉันโดนลูกหลงแบบนี้ด้วยโชคดีที่คนรับใช้วิ่งเข้ามาในไม่ช้า “คุณหญิง คุณหญิงรอง คุณนายกลับมาแล้ว”กำลังเสริมของเสิ่นซิงหยูมาถึงแล้วเสิ่นซิงหยูหยิบกระดาษสองสามแผ่นแล้วเช็ดหน้า เธอจับแขนของฟู่ฉีชวนอย่างภาคภูมิใจและอดใจที่จะออกไป 'บ่น' ไม่ไหวมีเพียงหกคำที่ก้องอยู่ในใจของฉัน: ที่นี่ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่แค่เสิ่นซิงหยูก็เหนื่อยพอแล้ว และตอนนี้ยังมีแม่เสิ่นที่ต้องจัดการด้วยฉันยืดตัวขึ้น หันไปหาคุณหญิงเซินแล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณย่า วันนี้ฉันต้องกลับเมืองเจียงเฉิง ฉันจะไปเยี่ยมคุณย่าที่เมืองจิงเฉิงอีกครั้งเมื่อมีโอกาส”คุณย่าเสิ่นดูผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้กดดันฉัน เธอเพียงแค่ขอให้พ่อบ้านพาฉันไปเอาของบางอย่างเธอให้โจวฟางอยู่ต่อ เพื่อคุยกันเมื่อฉันเก็บของเสร็จแล้วและกลับมา โจวฟางก็ออกมาจากห้องรับรองพอดีโจวฟางเดิน
เหมือนกับกำลังทำเรื่องใหญ่อยู่เขารู้แค่ว่าปิดประตูกับเปลี่ยนรหัสผ่านเท่านั้น แต่คนที่ไม่รู้ อาจจะนึกว่าเขากำลังสวดมนต์ไหว้พระอยู่ฉันได้สติกลับมา “เดี๋ยวนะ... นี่คือห้องของคู่หมั้นตัวของคุณงั้นเหรอ?”ขนตาหนาดกของโจวฟางสั่นเล็กน้อย และเขาหันมามองฉัน "คุณรู้ก็ยังจะถามอีก?""คุณ..."ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา "คุณเคยคิดเรื่องนี้ไหม? แล้วถ้าคุณหาเธอไม่เจอจริงๆ ล่ะ?"เขาจ้องมาที่ฉัน หรี่ตาลง และยิ้มเยาะในแบบที่อยากจะเอากำปั้นไปกระแทกหน้านั่น “ฉันก็จะไม่ยอมลดตัวเองให้ใครง่ายๆ รวมถึงคุณด้วย”“….....คุณนี่คิดมากไปจริงๆ”ฉันแทบจะหมดคำพูด “ถึงจะมีคนยกคนอย่างคุณให้ฉัน ฉันก็ไม่ต้องการ”เคยเจ็บปวดให้รักแรกในใจของฟู่ฉีชวนครั้งเดียว นั่นก็เพียงพอแล้วหลังจากนี้ ผู้ชายที่ยังลืมรักแรกไม่ได้ ฉันจะขออยู่ให้ห่างไว้ดีกว่ายิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นใคร? ทายาสายตรงคนเดียว 5 รุ่นของตระกูลโจวฉันเป็นผู้หญิงที่หย่า ฉันจะคิดที่จะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ประจำตระกูลของเขาได้อย่างไรไม่ต้องพูดถึงเขา แค่ครอบครัวของเขาจะไล่ฉันออกไปด้วยไม้กวาดก่อนที่ฉันจะผ่านประตูเข้าไปด้วยซ้ำ“นายน้อยโจว คุณหร่วน”พ่อบ้านวิ่งมา