สมองของฉันตื้อไปหมด และเมื่อรู้ตัว ฉันก็ยิ้มและพูดว่า "คุณชอบสายตาของฉันเหรอ?"ตัวแทนใครสนใจ ฉันไม่สนใจหรอก"ไม่หรอก"เขาเอนตัวพิงวงกบประตูแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ "เป็นแค่แฟนปลอมๆ ฉันช่วยคุณจัดการกับฟู่ฉีชวนได้"ฉันมองเขาอย่างตั้งใจแล้วพูดว่า "แล้วฉันล่ะ ฉันต้องสัญญาอะไรกับคุณอีกไหม?"ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม "ฉันเข้าใจ กลับบ้านกับฉันในวันตรุษจีนนี้ แล้วช่วยฉันจัดการกับพ่อแม่ของฉันด้วย""......""คุณไม่เสียหายอะไรเลย"โจวฟางเม้มปากแล้วพูดอย่างมั่นใจ "คุณไม่สามารถจัดการเขาคนเดียวได้"คำว่า'เขา' ที่พูดออกมาย่อมต้องเป็นฟู่ฉีชวน"ฉันกำลังพิจารณาอยู่"หลังจากพูดอย่างสบายๆ ฉันก็ปิดประตูด้านหลังของฉัน……การล้มละลายของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้แวดวงสังคมของเมืองเจียงเฉิงโกลาหลไปหมดทุกคนต่างต้องการฉวยโอกาสนี้ เพื่อรับผลประโยชน์บางอย่างในวันนั้น เมื่อเจียงไหลกลับมาที่สำนักงานหลังจากการประชุม เธอจำบางอย่างได้และถามขึ้นทันทีว่า "ว่าแต่ มีใครมาซื้อหุ้นของเธอบ้างไหม?"ฉันตกตะลึงเล็กน้อย "หุ้นอะไร?""เมื่อเธอหย่ากับฟู่ฉีชวน เ
คิดว่าเฉินเย่คงจะตกลงอย่างง่ายดายมีความเงียบงันที่ปลายสายอีกด้านหนึ่ง และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็กระแอมเบาๆ ในลำคอ ราวกับถูกกดดันจากใครบางคน "ประธานหร่วน... คุณอยากขายหุ้นของคุณเหรอ? คุณไม่คิดจะเก็บมันไว้ในมือของคุณบ้างเหรอ?""ใช่"เจียงไหลหัวเราะเบาๆ "เก็บของที่อดีตสามีของเธอให้เธอไว้ทำไมล่ะ จะโชคไม่ดีเอาซะเปล่า เอามาแลกเป็นเงินดีกว่า""แค่กๆ...."เฉินเย่เหมือนจะสำลักอะไรบางอย่าง เขาไออย่างหนัก ตามมาด้วยเสียงของบางอย่างกระทบกันไม่ชัดเจนว่า เขาทำของหล่นโดยไม่ได้ตั้งใจหรือมีคนอยู่ใกล้ๆ กำลังอาละวาดเฉินเย่บังคับตัวเองให้พูดออกมา: "ใช่ เป็นแบบนั้นเลย เราหยุดซื้อหุ้นชั่วคราว ถือว่านี่เป็นคำแนะนำ ให้ถือหุ้นพวกนี้ไว้แน่นๆ ภายในสามเดือน มูลค่าของหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าของมูลค่าสูงสุดของแซ่ฟู่กรุ๊ป!"เจียงไหลเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาอันสั้นอย่างนั้นเลยเหรอ?""แน่นอน อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ"เฉินเย่ให้คำตอบเชิงบวกอย่างมาก "คุณสามารถแนะนำประธานหร่วนไม่ให้ขายใครก็ตามที่เข้ามาซื้อ"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว"ดวงตาของเจียงไหลเป็นประกายและเธอกล่าวคำขอบคุณอ
ฉันอึ้งไปชั่วขณะเกือบจะเดาตัวตนปัจจุบันของฟู่ฉีชวนได้ในทันที แต่ฉันไม่สามารถเชื่อได้!เขาไม่ได้ล้มละลายเหรอกลายเป็นว่าเป็นเพียงจั๊กจั่นที่ลอกคราบ....แม้กระทั่งหลังจากปฏิบัติการนี้ พลังในมือของเขากลับทรงพลังมากกว่าเดิมมากหลังจากที่ฉันรู้ตัว สิ่งแรกที่รู้สึกคือความตื่นตระหนก.......ฉันคิดว่าฉันได้ตัดขาดจากเขาแล้ว แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัทของฉันแล้ว?ฉันยังคงมีความหวังเล็กน้อยในใจ บางทีเขาอาจจะแค่เป็นเพื่อนกับเฉินเย่และมาตรวจสอบด้วยกัน"ประธานหร่วน ประธานเจียง นี่คือรองประธานคนใหม่ของRF กรุ๊ปของเรา ประธานฟู่" เฉินเย่กล่าวพร้อมรอยยิ้มตำแหน่งที่เสนอมาควรจะต่ำกว่าเฉินเย่หนึ่งระดับเฉินเย่ตามหลังฟู่ฉีชวนมาครึ่งก้าวเสมอ และภาษากายของเขาเมื่อพูดไม่สามารถหลอกลวงใครได้แต่พวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบันของหนานซี และฉันไม่อยากทำให้ตัวเองอับอายต่อหน้า ฉันแค่ยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า "จริงเหรอ คุณไม่ได้บอกว่าเจ้านายใหญ่ของคุณกำลังมา เขาคนนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ?"เฉินเย่หัวเราะคิกคักอย่างประหม่า "เอาล่ะ เขามีเรื่องต้องจัดการในนาทีสุดท้าย...""โอเค"ฉันไม่ได้ถามเจาะ
"......""ฟู่ฉีชวน ในเรื่องราวที่คุณจินตนาการไว้ ฉันน่าจะซึ้งจนน้ำตาไหลแล้วสินะ" ฉันพูดอย่างเยาะเย้ย"ไม่ใช่"ฟู่ฉีชวนหลบสายตาของฉันและคลายเน็คไทด้วยมือข้างหนึ่ง "ฉันแค่หวังว่าคุณจะใช้ชีวิตได้ผ่อนคลายมากขึ้น""ได้สิ"ฉันไม่รีบปฏิเสธหรอก ฉันพูดด้วยเสียงต่ำ "มาตกลงราคาและถอนหุ้น 51% ของคุณจากหนานซีกันเถอะ ฉันจะได้ผ่อนคลายกว่านี้"ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันกับเขาคงไม่เคยรู้จักกันจริงๆ หรอกเขาเคยเห็นฉันเป็นเพียงวัชพืชกลางทุ่งร้าง ไม่แม้แต่จะชายตามองสักครั้ง แต่ตอนนี้เขาเห็นฉันเป็นดอกกุหลาบในเรือนกระจก คิดว่าเหมาะกับการดูแลเท่านั้นฉันไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไปแล้วทำไมสองคนนี้ต้องมาอยู่ด้วยกันทันใดนั้น เขาก็หันมามองฉัน ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันแน่น “หนานจือ…”ฉันหัวเราะและพูดว่า "คุณไม่ได้หมายความว่าคุณอยากให้ฉันมีชีวิตที่ผ่อนคลายเหรอ?""ด้วย RF เป็นผู้หนุนหลังคุณ คุณจะรู้สึกสบายใจ""......"ฉันก้มมองลงไปยังถนนเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยความรู้สึกว่างเปล่า "ฟู่ฉีชวน คุณไม่เคยรู้เลยว่าฉันต้องการอะไรจริงๆ ละแม้แต่สิ่งที่พื้นฐานที่สุดอย่างความเคาร
ร่างกายของฟู่ฉีชวนแข็งทื่อไปในทันที แววตาที่เคยส่องประกายค่อยๆ มืดหม่นลงทีละนิดเขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าลูกๆ ของเราหายไปอย่างไรอุปสรรคสำคัญระหว่างเรา ไม่ใช่แค่เรื่องของฟู่จินอันหรือบุคคลที่สาม แต่เป็นเรื่องของชีวิต ซึ่งเป็นปัญหาหนักและจริงจังเกินกว่าจะมองข้ามถ้าฉันคืนดีกับเขาแล้ว เด็กที่ตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร?"ก๊อกๆ..."นอกประตู เฉินเย่เคาะประตูกระจกฟู่ฉีชวนพูดอย่างเย็นชา "เข้ามา"เฉินเย่ผลักประตูเปิดเข้ามา ด้วยสีหน้าที่ร้อนรน "ประธานฟู่ ทางฝั่งตระกูลเสิ่นเริ่มสงสัยแล้ว เสิ่นซิงหยูและลูกน้องของเธอบุกเข้าไปในแซ่ฟู่กรุ๊ป และอาจมุ่งตรงมาที่นี่ด้วย""ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน"ในเรื่องธุรกิจ ฟู่ฉีชวนเป็นคนใจเย็นและมีกลยุทธ์เสมอ น้ำเสียงของเขาอันตราย "ให้ไรอันเร่งดำเนินการ กลืนโครงการทั้งหมดภายในสามวัน เมื่อถึงเวลาที่ตระกูลเสิ่นรู้ตัว มันก็สายเกินไปแล้ว"เห็นได้ชัดว่าการควบรวมกิจการของRF กรุ๊ปและแซ่ฟู่กรุ๊ปทำให้เขาทัดเทียมกับตระกูลฟู่ แม้กระทั่งเหนือกว่าพวกเขา"ครับ""ออกไปก่อน ขอเวลาฉันสักพัก"หลังจากได้รับคำสั่งของฟู่ฉีชวน เฉินเย่ก็รีบออกไปในขณะที่ประตูปิดอีกครั้ง ฟู่ฉีชวนมองมา
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "วันหยุดจะเริ่มวันมะรืนนี้สินะ""ใช่แล้ว"เขาพูดอย่างไม่ลังเลว่า "เราจะออกเดินทางไปเมืองจิงเฉิงตอนเจ็ดโมงเช้า"“……?”ฉันมองเขาแล้วพูดว่า "คุณไม่ได้ช่วยฉันจัดการกับฟู่ฉีชวนก่อนเหรอ?"เขายกคิ้ว แล้วพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่:"ตอนนี้คุณกำลังขอร้องให้ฉันช่วย อย่างน้อยก็แสดงความจริงใจให้ฉันดูก่อนสิ?""......"นักธุรกิจทุกคนก็เหมือนกันฟู่ฉีชวนเป็นยังไง เขาก็เช่นกันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน และฉันตัดสินใจที่จะกำหนดขอบเขตบางอย่างไว้ล่วงหน้า “ฉันช่วยเล่นละครกับพ่อแม่คุณได้ แต่ฉันหย่าร้าง พวกเขาคงไม่ยอมรับฉันหรอก…”โจวฟางไม่ได้ใส่ใจเลย "นั่นเป็นเรื่องของฉัน"ลิฟต์มาถึงชั้นแล้ว ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค ฉันสัญญา”ทันทีที่พูดจบ ประตูก็เปิดออกแล้วเราแยกย้ายกันไป แต่ทันทีที่ออกไป ฉันก็แปลกใจที่เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่หน้าบ้านตระกูลลู่ยอมให้เขามาหาฉันจริงๆจากหางตา โจวฟางเหลือบมองมาทางเราแต่ก็ไม่หยุด เขาปลดล็อกประตูอย่างนุ่มนวล ก้าวเข้าไปข้างใน และปิดประตูตามหลังเขาไปในคราวเดียวนอกประตู เงียบมากจนได้ยินเพียงเสียงลมหอนในคืนฤดูหนาวด้วยคำเตือนของลู่สือจิ่ง ฉันรู้สึ
บางทีอาจเป็นเพราะฉันรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดต่อเขามากเกินไป ฉันเลยไม่ใส่ใจและยิ้ม "ไม่เป็นไร มันไม่เจ็บมาก"เขาถอนมือออก ถอนหายใจเงียบๆ แล้วพูดว่า "เข้าบ้านเถอะ ฉันแค่แวะมาหาคุณเท่านั้น ฉันสบายใจเมื่อเห็นว่าคุณสบายดีก็พอแล้ว""โอเค"อากาศหนาวมาก ฉันเลยสูดอากาศและโบกมือให้เขา ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูบ้านเมื่อนึกถึงบ้านที่เขาเพิ่งพูดถึง ฉันจึงหันกลับไปหาเขาแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตาม รุ่นพี่ ฉันจะย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด...”เมื่อฉันย้ายมาที่นี่ ฉันคิดว่ามันเป็นแค่เพราะมิตรภาพตอนนี้ฉันรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว และต้องการเป็นเพื่อนกันต่อไป จะดีกว่าถ้าจะไม่ก่อปัญหา"ไม่จำเป็น!"หลังจากพยายามอยู่พักหนึ่ง ลู่สือเยี่ยนดูเหมือนจะประนีประนอมและพูด: "คุณสามารถอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขได้ โจวฟางอยู่ตรงข้ามกับคุณ... คนทั่วไปคงไม่กล้ามาที่นี่เพื่อก่อเรื่อง ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคุณ""ขอบคุณค่ะ...""หนานจือ เรายังเป็นเพื่อนกันนะ"เขาเห็นความไม่สบายใจของฉัน จึงตัดสินใจพูดออกมาตรง ๆ "คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระใดๆ เพียงเพราะฉันชอบคุณ และคุณไม่ได้ทำให้ฉันเสียเวลาอะไรใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้เราเปิดใจพูดกันแล้ว
ฉันพยักหน้าและยิ้ม "ใช่ แล้วเธอล่ะ? ตรุษจีนแล้ว เธอจะกลับเมื่อไหร่?"ถึงแม้ฉันจะไม่บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับโจวฟาง ฉันก็ยังต้องไปเสื้อผ้าของคุณย่าเสิ่นและคุณย่าโจวต้องส่งมอบการตัดเย็บเสื้อผ้าตามสั่งไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของบริการด้วย นอกจากนี้ หนานซียังต้องการผู้หญิงที่น่าเคารพทั้งสองคนนี้เพื่อช่วยโปรโมตแบรนด์ของเราการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับฉัน"ฉันจะกลับกับพวกคุณ รอฉันด้วย!"โจวโม่เปิดประตูทิ้งไว้ รีบวิ่งเข้าไป คว้าเป้สะพายหลัง และเริ่มยัดของลงไปอย่างบ้าคลั่งก่อนจะรีบวิ่งออกไป"โจวโม่ เธอกระโดดโลดเต้นอะไรในบ้าน? ถ้าจะหาเรื่องอีกก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น เธอจะได้ไม่มีบ้านอยู่!"เสียงคำรามหงุดหงิดของโจวฟางดังก้องไปทั่วอพาร์ตเมนต์จากห้องนั่งเล่นผู้คนบอกว่าฉันอารมณ์ร้ายในตอนเช้า แต่ชัดเจนว่าของเขาแย่กว่าโจวโม่สั่งให้เขาเงียบ “ทำไมพี่ถึงหงุดหงิดจัง พี่สาวหนานจือรอเราอยู่ที่ประตูแล้ว ลุกขึ้นมา!”“ขอเวลาอีกสามนาที”และทันใดนั้น ความเงียบก็กลับคืนมาฉันยกมือขึ้นและมองดูนาฬิกา ดีเลย เหลือเวลาอีกเพียงห้านาทีเท่านั้นก่อนที่เวลาที่เขานัดที่น่า
สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ
ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ
"คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส
"ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด
"แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั
เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ
แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ
ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี