"อยากขอบคุณชั้นจริงหรือ?"เดินมาข้างรถ ลู่สือเยี่ยนดันเฮ่อถิงเข้าไปที่เบาะหลัง เอนพิงตัวรถ หรุบตายิ้มมองฉันฉันพยักหน้า "แน่นอน""ถ้าอย่างนั้นก็รับปากชั้นหน่อย หลังจากนี้ห้ามเอาแต่พูดคำว่า 'ขอบคุณ' กับชั้นอีก"คำพูดนี้ทำให้ฉันฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่ทันได้คิด เขาก็ยิ้มเสริมมาให้คำหนึ่ง "มันดูห่างเหินเกินไป"ฉันยิ้มตอบ "ได้ เข้าใจแล้ว"คนขับรถเข้ามาพอดี เขาเอากุญแจรถส่งให้คนขับ เอ่ยขึ้นด้วยคิ้วตาที่ดูอบอุ่น "ชั้นไปแล้วนะ เธอรีบขึ้นไปเถอะ"ตอนที่ฉันขึ้นไป ห้องรับแขกก็ว่างเปล่าไปแล้วฟู่ฉีชวนไม่อยู่ในใจฉันก็เหมือนโหวงไปครู่หนึ่งแต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นไปมาไม่บอกกล่าว ก็เป็นสไตล์ของเขามาโดยตลอดอยู่แล้วคิดว่าฟู่จินอันทางนั้นคงจะมี 'เรื่องด่วน' อะไรขึ้นมาฉันกลับมาที่ห้องนอน ตบเบาๆ ไปที่เจียงไหล "ไหลไหล ตื่นได้แล้ว ชั้นจะเปลี่ยนชุดนอนให้เธอ จะได้หลับสบายหน่อย""อื้อ"เจียงไหลหรี่ตาขึ้นมา พอเห็นฉัน ก็ยกมือสองข้างกอดฉันอย่างออดอ้อน ยอมให้ฉันเปลี่ยนถอดเสื้อผ้าให้เธอ มุมปากก็ยังงึมงำๆ "หรวนหร่วนที่แสนดี หรวนหร่วนที่แสนดีของชั้น ใครก็ห้ามมารังแกเธอทั้งนั้น...""บ๊องหรือเปล่าเนี่ย?"ฉันอด
ประโยคนี้ของหล่อน ถ้าถามขึ้นก่อนหน้านี้ จิตใจฉันอาจจะรู้สึกอะไรอยู่บ้างแต่ตอนนี้ ขนาดฉันยังยอมรับเรื่องที่ว่า 'ฟู่ฉีชวนไม่ได้มีความรู้สึกให้ฉันเลยแม้แต่น้อย' ได้ จึงไม่สนใจที่จะถามอะไรหล่อนแค่มองเธอนิ่งๆ เท่านั้น "เธอกำตั๋วชนะในมืออยู่แล้ว ทำไมวันๆ ยังเอาแต่มาบ้าบอใส่ชั้นกัน?"ประสาทเช้าตรู่ก็แจ้นมาสำนักงานฉัน ทำตัวอย่างกับพวกเมียน้อยพอเห็นฉันไม่ได้รู้สึกรู้สา ฟู่จินอันก็ดูจะร้อนรน และไม่รอให้ฉันถามไถ่ก็เอ่ยขึ้นอย่างผู้ชนะ "ก็เพื่อตัวชั้นนี่ไง"สองมือของหล่อนค้ำอยู่บนโต๊ะทำงานฉัน ก้มตัวเล็กน้อยเหมือนมองคนที่เคยพ่ายแพ้ "หร่วนหนานจือ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะชั้น เขาไม่มีทางแต่งกับเธอหรอก! ตอนนี้เธอแค่ประตูของตระกูลฟู่เปิดให้แค่ไหน ก็ยังไม่รู้เลย!"พอได้ยิน มือของฉันก็กำแน่น ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กระจายอยู่ในใจฉัน ถูกบีบจนกระตุกริมฝีปากแดงของหล่อนเชิดขึ้นอย่างภูมิใจ สองมือกอดอก "คุณปู่ใช้ชั้นไปคุกคามเขา ถ้าหากเขาไม่แต่งกับเธอ ก็จะใช้อำนาจบังคับชั้นไล่ออกไปนอกประเทศ"รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่รักฉัน แต่ตอนนี้พอมาได้ยิน ก็ยังรู้สึกเสียใจมากอยู่ดีขนาดแค่แต่งงานกับฉัน ก็ยังเพราะเขาจำเป็นต้องท
"เอวชั้นเจ็บมากเลย..."หล่อนขดอยู่ในอ้อมอกฟู่ฉีชวนพลางร้องไห้ฟ้อง "ชั้นแค่เพิ่งจะถามหล่อนเรื่องความคืบหน้าของงาน แต่หล่อนก็ผลักชั้น...อาชวน ถ้าอย่างไรให้หล่อนไปเป็นผู้บริหารเถอะ จริงๆ ชั้นก็ไม่อยากจะทำงานในสิ่งแวดล้อมแบบนี้หรอก""..."ฉันฟังจนต้องขมวดคิ้ว นับถือในฝีมือการแต่งเรื่องของหล่อนเสียจนแทบจะหัวเราะเพราะความโกรธเลยจริงๆ แต่กลับเจอกับสายตาที่เต็มไปด้วยการพิจารณาจากฟู่ฉีชวนแทน"เป็นอย่างนี้หรือ?"เสียงของเขาเย็นชาจนเหมือนชั้นน้ำแข็ง ทำเอาฉันเย็นวาบลงไปตั้งแต่หัวจรดเท้าฉันย้อนถามกลับไป "ถ้าชั้นบอกไม่ใช่ เธอจะเชื่อไหมล่ะ?""อาชวน..."ฟู่จินอันหางตาน้ำตาคลอ นิ้วเรียวยาวดึงปกเสื้อของเขา ชุดสูทนี้ เป็นชุดที่ชั้นออกแบบและตัดให้เขาด้วยตัวเองเป็นของขวัญที่มอบให้เขาในวันไวท์เดย์ปีนี้เขาไม่ตอบฉัน กลับหรุบตาลงมองหญิงสาวในอ้อมกอด ขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเหมือนหมดความอดทนแต่ยังดูเป็นห่วง "ไม่ใช่เด็กแล้ว หกล้มนิดเดียวยังมาร้องห่มร้องไห้? ชั้นส่งเธอไปโรงพยาบาลตรวจดูก็แล้วกัน"จากนั้น จึงสาวเท้าเดินออกไป ราวกับกลัวว่าหญิงสาวในดวงใจจะเสียหายตรงไหน ทิ้งไว้แค่แผ่นหลังที่เย็นชาฉันสูดลมหายใจลึ
ฉันถูกหล่อนทำเอาตกใจสะดุ้งโหยงตอนนี้จึงเพิ่งลูบๆ ไปที่ติ่งหู เลือดแห้งไปแล้ว ยังลูบติดสะเก็ดเลือดสีแดงมาบางส่วนด้วยพอแตะไป ที่ติ่งหูก็มีความเจ็บแล่นขึ้นมาอีกครั้งนี่ดึงจนเลือดออก แต่ฉันกลับไม่รู้ตัวเลยเจียงไหลตบลงบนมือของฉัน "เธอจะไปแกะมันทำไม ไม่เจ็บหรือ?"ระหว่างที่พูด หล่อนก็หยิบก้านสำลีชุบไอโอดีนออกมา รวมผมของฉัน จากนั้นก็ล้างแผลให้อย่างระมัดระวัง "ไปโดนอะไรมา?""ฟู่จินอันทำน่ะ"ฉันพูดสาเหตุออกมาให้หล่อนฟังง่ายๆ รอบหนึ่งเจียงไหลโมโหจนด่ากราด "นี่มันบ้าบออะไรกัน ชั้นว่าหล่อนคงเป็นพวกคิวอาร์โค๊ดล่ะมั๊ง ไม่แสกนดูเสียหน่อยก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่ใช่ของของหล่อนก็ยังกล้าเข้ามาแย่งอีก หายนะกลับชาติมาเกิดแท้ๆ""เธอทำไมถึงด่าคนเป็นชุดๆ แบบนี้กัน?"หล่อนด่ารวดออกมาแบบนี้ อารมณ์ขุ่นมัวทั้งวันของฉัน ก็เหมือนจะน้อยตามลงมาบ้างแล้วเจียงไหลถลึงตามองฉัน "เพราะมีเพื่อนแบบเธอนี่ไง ชั้นต้องเรียนรู้เรื่องด่าคนเอาไว้บ้างอยู่แล้ว""โอ้"ฉันยอมให้หล่อนช่วยจัดการหูให้ พอไอโอดินทาลงไปก็เย็นวาบ แต่ไม่เจ็บเจียงไหลจัดการจนเสร็จ ก็สบถขึ้นมาว่า "เจ้าฟู่ฉีชวนคนนี้ถนัดลูบหลังแล้วตบหัวเสียจริง เมื่อวานนี้เพิ่
ทำไมจะต้องเปลืองแรงเจียงไหลระงับความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ "ได้ งั้นเรารีบจ่ายเงินแล้วไปกันเถอะ เห็นแล้วเสียลูกกะตาเปล่าๆ"หลังจากที่สะสางค่าใช้จ่ายแล้ว ที่ปรึกษาด้านการขายก็พาเราไปหน้าประตูร้านเพื่อดูรถเพราะผ่านการซ่อมแซมมานานหลายวัน จึงไม่มีร่องรอยของอุบัติเหตุอีก ภายนอกแทบไม่ต่างอะไรกับรถใหม่"เธอรอฉันแป๊บนึง ฉี่จะแตก ฉันไปห้องน้ำหน่อย"เจียงไหลทิ้งประโยคนั้น แล้วก็ก้าวฉับๆไปยังห้องน้ำด้วยความรีบร้อนฉันยิ้มเล็กน้อย แล้วเข้าไปนั่งรอในรถทันทีวินาทีที่เข้าไปในรถ ก็ได้ยินเสียงออกคำสั่งที่สดใสชัดเจน "ฉันชอบรถคันนั้น!"จะชอบคันไหนก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันฉันปิดประตูรถ คิดแค่ว่ารอให้เจียงไหลออกมาก็จะไปทันทีแต่ไม่คาดคิดเลยว่า ยังไม่ทันที่เจียงไหลจะออกมา ที่ปรึกษาการขายก็มาเคาะหน้าต่างรถของฉันก่อนฉันลดหน้าต่างลงเล็กน้อย เอ่ยปากอย่างตัดรำคาญ "มีอะไร?""สวัสดีค่ะ คืออย่างนี้นะคะ มีลูกค้าท่านนึงอยากจะดูรถของคุณหน่อยได้ไหมคะ...""ไม่ใช่ดู แต่ฉันจะซื้อรถของเธอ"ฟู่จินอันเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับเผยความไม่ยอม "พวกเรามีเงิน คุณให้เธอเสนอราคามาสิ เท่าไหร่ก็ย่อมได้"พนักงาน
ระหว่างทางที่ไปกินอาหารเย็น ฉันพลันนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองยังมึนงงไม่หายตอนที่ฟู่จินอันถามประโยคนั้น ฉันยังอุตส่าห์คาดหวังว่าฟู่ฉีชวนจะพูดอะไรที่ปกป้องฉันสักหน่อยอย่างเช่น "หนานจือจะใช้เงินฉันมันก็ไม่แปลกตรงไหน" "ถ้าหนานจือจะใช้เงินของฉันต้องขอความเห็นจากเธอหรือไง?"แต่ฟู่ฉีชวนตอบว่ายังไงน่ะหรอเขาพูดว่า "รถคันนี้คุณปู่ซื้อให้เธอ"เพราะแบบนั้นฟู่จินอันจึงพูดอะไรไม่ออกแต่ก็เห็นกันชัดๆ ว่ามันเป็นของขวัญที่เขามอบให้ฉันในวันวาเลนไทน์เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่ฟู่จินอันโวยวาย เขาจำไม่ได้ว่ารถคันนี้เป็นของฉัน นั่นก็ว่าแย่แล้วแต่เขายังลืมด้วยซ้ำว่ารถคันนี้มาที่มายังไงหรือจะบอกว่า จริงๆ แล้วเขาจำได้แต่เขาไม่ต้องการให้ฟู่จินอันรู้ ว่าความจริงแล้วเขาก็ดีกับฉันไม่น้อยฉันที่เป็นนายหญิงตระกูลฟู่ ไร้ชื่อไร้เกียรติถึงขนาดนี้ที่แม้แต่ทรัพย์สินร่วมของสามีภรรยาก็ไม่มีสิทธิ์ใช้? แถมยังต้องซ่อนเร้นเอาไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนรักเก่าของเขาแต่เขากลับให้รถฟู่จินอัน โอ๋หล่อนเสียงเย็นต่อหน้าฉันว่า "พอเถอะ คนอายุสามสิบจะมาดื้อทำไม ซื้อรุ่นเดียวกันมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ไปทำสีใ
และ MS เป็นหนึ่งในแบรนด์หรูชั้นนำอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดที่คนส่วนใหญ่ในโลกการออกแบบใฝ่ฝันดวงตาของลู่สือเยี่ยนเผยรอยยิ้มบางๆ "อืม เพิ่งจะคอนเฟิร์มเอง""เขานั่นแหละเพิ่งจะยอมปริปาก"เฮ่อถิงไม่ให้เขาถ่อมตัวแต่อย่างใด "ก่อนที่เขาจะกลับประเทศ MSพยายามติดต่อเขาอยู่ตลอด แต่เขายังตัดสินใจไม่ได้ ถึงได้ลากเลื่อนมาจนป่านนี้"อย่าว่าแต่หลินเนี่ยน แม้แต่ฉันเองก็ยังอดนับถือขึ้นมาไม่ได้ จึงพูดยิ้มๆ "รุ่นพี่ ดูท่าทางว่าอีกไม่นานม.เจียงจะต้องเขียนบทความถึงรุ่นพี่ในฐานะแสงแห่งโรงเรียนเก่าแน่ๆ"จะว่าไป ฟู่ฉีชวนก็มีชื่ออยู่ในบล็อคของม.เจียงมาอย่างยาวนาน แม้ว่าเขาจะเรียนจบมาหลายปีแล้วก็ตาม และมีนักศึกษาจำนวนมากในม.เจียงที่เป็นแฟนคลับเขาด้วยบางที เขาอาจจะเป็นดวงดาวบนฟากฟ้า ที่ฉันไม่ควรเพ้อพกหวังจะได้มาครอบครอง"เพราะงั้น วันนี้นายก็เลยตั้งใจมาฉลองรุ่นพี่ลู่ที่เข้าทำงานในMSโดยเฉพาะ?" เจียงไหลถามพลางกินไปด้วย"ก็ใช่น่ะสิ"เฮ่อถิงพยักหน้า "รีบกินๆ อีกเดี๋ยวยังมีปาร์ตี้ครึ่งหลังอีก"เขาพูดขณะที่มองอย่างไม่ใส่ใจ "น่าเสียดายที่พี่ชวนไม่ว่าง ไม่งั้นพวกเธอ..."ฉันดูออกว่าเขาไม่อยากให้ฉันกับ
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็ชะงักไปเล็กน้อยลู่สือเยี่ยนละเอียดอ่อนกว่าภาพในความทรงจำของฉันซะอีกเมื่อกี้ตอนที่กินหม้อไฟ มีอาหารประเภทเนื้อบางจานที่เพิ่งเสิร์ฟและยังไม่ได้ถูกปรุงสุกจึงมีกลิ่นคาว พอฉันดมแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อย แต่ก็พยายามฝืนเก็บอาการไม่คิดว่าจะถูกเขาเห็นเข้าฉันยิ้มบางๆ "ไม่ค่อยสบายนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร""งั้นก็ดีแล้ว สุขภาพสำคัญที่สุด"คำพูดประโยคนี้ของลู่สือเยี่ยน เห็นได้ชัดว่าแฝงนัยยะอยู่ "ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร ก็ต้องดูแลตัวเองก่อน""ค่ะ"หัวใจของฉันอบอุ่นขึ้นมาแต่ต่อมา ฉันถึงได้เข้าใจว่าประโยคนั้นของเขา แท้จริงแล้วมันหมายความว่าอะไรรถค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าสู่โรงจอดรถใต้ดินของหลินเจียงการ์เด้น ลู่สือเยี่ยนประคองฉันลงจากรถ ฉันรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีแสงสว่างอยู่เบื้องหลัง แต่พอมองไปรอบๆ แล้วก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติขณะกำลังจะเข้าไปในตัวอาคาร รถมายบัคคันนึงขับเฉียดผ่านไป เจ้าของรถคลับคล้ายว่ากำลังถูกครอบงำไว้ด้วยไฟแห่งโทสะฉันตกใจมาก รีบปกป้องส่วนท้องของตัวเองแล้วถอยหลังโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ใช่เพราะลู่สือเยี่ยนคอยประคองไว้ด้วยความมั่นคง เกรงว่าคงได้ล้มเป็น
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที
เวินฟางถูกผลักออกไปอย่างไม่ทันระวังตัวและล้มลงบนพื้น เบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดขณะมองฟู่จินอันด้วยความไม่เชื่อ "ฟู่จินอัน... แกผลักฉันงั้นเหรอ? ตั้งแต่แกยังเด็ก ฉันหาอาหาร เสื้อผ้า และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ที่ดีที่สุดแก่แกเสมอมา นี่คือวิธีที่แกตอบแทนตอนนี้เหรอ?""ถ้าแม่ดีกับฉันจริงๆ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นตอนนี้!”ฟู่จินอันดูขุ่นเคืองและนั่งยองๆ ลงไปจับผมของเธอ เรียกร้องทีละคำ "ถ้าต้องการอะไร ก็คว้ามันมาด้วยตัวเอง แม่ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้ฉันเองหรอกเหรอ? ทำไมคุณถึงตำหนิฉันที่ทำแบบนี้ แม่... ฉันไม่เชื่อฟังแม่เหรอ?""...ไม่ใช่"เวินฟางตกตะลึง สับสนระหว่างความเกลียดชังและความเสียใจ "ฉันไม่เคยสอนเธอเรื่องนี้เลย… ไม่เคยเลย ไม่แม้แต่ครั้งเดียว!"“ฉันไม่เคย… ฉันไม่เคยสอนแกแบบนั้น… มันไม่จริง!!”ยิ่งเธอพูด เธอก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น ทันใดนั้น เธอก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไปพร้อมกับเถียงตัวเอง พูดจาไม่รู้เรื่องฟู่จินอันมองไปทางที่เธอจากไปและจู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา จากนั้นก็มองมาที่ฉันด้วยความเกลียดชัง "แกพอใจไหม? แกภูมิใจไหมที่เห็นพวกเราแม่ลูกเป็นแบบนี้""ก็เฉยๆ"ฉันพูดเบาๆไม่ได้น่าพอใจจริงๆ ฉันแค่รู้
เวินฟางเสียสติและกดดูวิดีโอทันทีโดยไม่สนใจเสียงที่เร่าร้อนและคลุมเครือที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ของเธอฟู่จินอันก็มองดูการค้นหาที่ร้อนแรงอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน และตอนนี้ที่เธอได้ยินเสียงนี้ เธอก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น และเสียงของเธอก็สั่นเทา "แม่....""เพี้ยะ!"เวินฟางตบเธออย่างแรง ตาของเธอแดงก่ำ และสาปแช่งด้วยความโกรธ "แม่เหรอ? แกยังมีหน้ามาเรียกฉันว่าแม่อีกเหรอ! ฟู่เหวินไห่เป็นพ่อเลี้ยงของแก แกเข้าใจไหม? แกอ้าขาให้พ่อเลี้ยงของแกเหรอ?"เธอเคยปกป้องและตามใจฟู่จินอันมาก แต่ตอนนี้เธอเกลียดอีกฝ่ายอย่างมากความรู้สึกที่ถูกแทงข้างหลังโดยคนที่สนิทที่สุดย่อมเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนที่เธอถูกหลินเนี่ยนทรยศมากฟู่จินอันไม่สนใจแม้แต่ความเจ็บปวดจากการตบ เธอทรุดตัวลงคุกเข่าทันทีพร้อมกับเสียงดัง “แม่… ไม่ใช่ฉัน… มันไม่จริง!”"แกกำลังบอกฉันว่าวิดีโอนี้และทุกสิ่งในอินเตอร์เน็ตเป็นของปลอมเหรอ?!"เวินฟางโกรธจัด ตาของเธอโปนด้วยความโกรธ ถ่มน้ำลายขณะที่เธอตะโกนใส่ฟู่จินอันเหตุการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป และฟู่จินอันก็ไม่ได้เตรียมตัวไว้ เธอใช้เวลานานมากในการหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง น้ำตาไหลนองหน้า
"โอ้"ฉันพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ยิ้มขณะที่ถามคำถามโหดร้าย: “แล้วถ้าเธอเอาของที่เป็นของคุณไปล่ะ?”เมื่อถูกถาม เวินฟางยังคงไม่รู้ตัว แต่ฟู่จินอันมีความรู้สึกผิดขึ้นมาสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปมาก เธอปกปิดความตื่นตระหนกและพูดอย่างจริงจัง: "หร่วนหนานจือ เธอกำลังทำอะไร? ตอนนี้เธอไม่ได้แค่พยายามขโมยอาชวน เธอกำลังพยายามสร้างความขัดแย้งระหว่างฉันกับแม่ด้วยเหรอ?""แม่ ไปกันเถอะ"เธอพูดพร้อมกับดึงเวินฟางและอยากจะจากไป กลัวว่าฉันจะพูดอะไรอีกเวินฟางปฏิเสธและปกป้องฟู่จินอันไว้ข้างหลังเธอ เหยียดหลังตรงด้วยความดูถูกและเหยียดหยามในดวงตาของเธอ"จินอันพูดถูก อย่าพยายามสร้างความขัดแย้งระหว่างเราแม่ลูก ฉันรู้ว่าเธอเติบโตมาโดยไม่มีพ่อหรือแม่ แม้ว่าเหวินไห่และฉันจะแต่งงานกันครั้งที่สอง แต่เขาก็รักจินอันเสมอมาเหมือนกับว่าเธอเป็นลูกของเขาเอง จินอันมีครอบครัวที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ลึกๆ แล้ว เธอคงอิจฉาลูกฉันมากใช่มั้ยล่ะ?"“ใช่แล้ว”ฉันพยักหน้าอย่างไม่ยอมรับความจริงและพูดอย่างมีความหมายว่า "พ่อตาของฉันรักฟู่จินอันมาก"ขณะที่ฉันพูด ฉันมองไปที่ฟู่จินอันอย่างใจเย็น พร้อมยิ้มอ่อน
ถ้าเป็นตามปกติ ฉันคงรู้สึกโกรธแต่ตอนนี้ ฉันพบว่าการปรากฏตัวของพวกเขาตลกมาก และมันยังช่วยคลายความหงุดหงิดของฉันไปได้มากฉันยิ้มเบาๆ และพูดสองคำออกไป: “ไม่ได้หย่า”รอยยิ้มของพวกเขาชะงักในทันที แต่ฟู่จินอันไม่เชื่อและเยาะเย้ย "จะเป็นไปได้ยังไง? อาชวนแจ้งอำเภอโดยเฉพาะและยืนกรานที่จะขอใบหย่าจากเธอทันที หร่วนหนานจือ อย่าดื้อรั้น มันเป็นแค่การหย่าร้าง ไม่มีอะไรน่าละอาย"ฉันยักไหล่และพูดอย่างตั้งใจว่า "งั้นฉันก็ไม่รู้แล้วล่ะ บางทีพวกเขาอาจทนไม่ได้ที่จะแยกทางกับฉันอีกครั้งก็ได้นะ ท้ายที่สุดแล้ว ความเมตตาของคู่รักก็อยู่ได้เป็นร้อยวัน และไม่ใช่ทุกคนจะเทียบได้"“หร่วนหนานจือ ความไร้ยางอายของเธอนี่มัน…”ฟู่จินอันจ้องมองฉันด้วยความเกลียดชังราวกับว่าเธอต้องการถลกหนังฉันให้ตายทั้งเป็น เวินฟางหยุดเธอด้วยมือและขัดจังหวะ "ลูกอายุสามสิบปีแล้ว ลูกยังปล่อยให้เธอปั่นหัวง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง?"จากนั้นก็หันมามองฉันอย่างไม่รีบร้อนและพูด: "เธอพูดความจริงงั้นเหรอ?"“ทำไมคุณไม่ถามเขาเองล่ะ?”มันเป็นเพียงคำพูดธรรมดาๆ แต่เธอกลับเข้าไปถามจริงๆเธอเดินเข้าไปในสำนักงานด้วยความมั่นใจ “ฉันเป็นแม่ของฟู่ฉีชวน”ห